ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เขียนตามใจเจ๊เองจ้า(?) ไม่ต้องอ่านนะจ้ะ(?)--

    ลำดับตอนที่ #64 : Special 15.1 : ก่อนเข้าสู่ภาคมิสโคซอร์เจนเซีย (2) [มิสโคซอร์เรียส & อิมเมเจนเซีย]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 10
      0
      16 ก.พ. 64

    Special 15.1
    ก่อนเข้าสู่ภาคมิสโคซอร์เจนเซีย




    "เหมือนกัน...จัง..."
    -คุโระ มิสทีเรียสซ่า-



           ฉันหลับไปนาน...แค่ไหนกันนะ?


           พอฉันตื่นขึ้นมาก็พบว่าตอนนี้ฉันอยู่ในห้องนอนห้องหนึ่งที่ถูกตกแต่งไปด้วยโทนสีดำสลับขาวที่มีความสวยแบบเรียบหรู ฉันไม่รู้ว่าฉันอยู่ที่ไหนและมันเกิดอะไรขึ้น ทำไมฉันถึงมาอยู่ที่นี่ได้...


           จนกระทั่งก็มีคนเข้ามาในห้อง...ฉันแอบตกใจนิดหน่อย แต่แค่ไม่แสดงออกถ้าคนไม่สังเกตดีๆว่าเปลือกตาของฉันมันเบอกกว้างนิดหน่อยเมื่อเห็นผู้มาเยือนใหม่ เขาเป็นเหมือนตัวละครที่ฉันรู้จัก...'แอสเรียล ดรีมเมอร์' มอนสเตอร์แพะผู้เป็นถึงบุตรชายเพียงคนเดียวของราชวงศ์ดรีมเมอร์ และถ้าจำไม่ผิดตามข้อมูลที่ฉันได้รับมาจากพี่ราเชล...จักรวาลนี้ก็น่าจะแตกต่างจากจักรวาลอื่นและเป็นเพียงไม่กี่จักรวาลที่ 'คลาร่า' นั้นไม่ตาย...


           แต่ที่ทำให้ฉันแปลกใจนั้น...


           ฉัน...เหมือนเห็นภาพซ้อนทับของ 'ท่านพ่อ' จากตัวเขา...


           ฉันไม่เข้าใจว่าทำไม และก็ไม่เข้าใจความรู้สึกนี้ด้วย มันแปลกๆ...แต่ก็ไม่ได้อยากใส่ใจกับมันเท่าไหร่ สิ่งที่ฉันรู้สึกได้ในตอนนี้มันมีเพียงแค่ความว่างเปล่า...และไร้ความสุขเหมือนเช่นทุกครั้งที่ผ่านมา...


           ฉัน...ไม่ไว้ใจคนที่นี่...


           ถึงจะเคยอ่านข้อมูลมาบ้างแต่ฉันก็ไม่อาจไว้ใจใครในที่นี้ได้ เพราะความเชื่อใจของฉันมันหายไปหมดตั้งแต่ที่ได้เรียนรู้มาจากสิ่งรอบกายและจากที่ฟังจากพวกพี่เลี้ยงทั้งหลายในตอนนั้น...รวมถึงเหตุการณ์ที่ฉันเคยเกือบถูกข่มขืนแล้วด้วย...


           แต่ลึกๆ...ฉันเองก็ทำตัวไม่ถูกเหมือนกัน จะเรียกว่าไม่ไว้ใจก็ไม่เชิงหรอกแต่...ที่แน่ชัดคือ...


           ฉันกลัว...


           ฉันระแวงคนที่นี่...


           จนเมื่อฉันได้พบกับพ่อและแม่ของพวกเขา....พวกเขาทั้งคู่ก็เหมือนกับพ่อแม่ของแอสเรียลในจักรวาลหลัก แต่แค่มีความแตกต่างกันมากพอสมควรทางด้านบุคลิกภาพและการแต่งกายออกไปทางโทนยุโรปกลาง...


           ฉันไปสะดุดกับแม่ของเขา...ทอเรียล...


           ฉันเห็นภาพซ้อนทับของท่านแม่...รอยยิ้ม..และท่าทางนั้น...เหมือนกับท่านแม่มาก...


           ทั้งอ่อนโยน...อบอุ่น...และใจดี...


           ไม่รู้ทำไม...นํ้าตาของฉันก็หลั่งไหลออกมา ทั้งๆที่คนตรงหน้าก็ไม่ใช่แม่ของฉันจริงๆ...เป็นเพียงภาพหลอนของฉันเท่านั้น พวกเขา..ปลอบฉัน...แต่ฉันเองก็ไม่ได้แสดงอาการใดๆออกมา...


           ฉัน...คิดถึงท่านแม่...คิดถึงรอยยิ้มที่แสนอบอุ่น...คิดถึงอาหารฝีมือของท่านแม่...คิดถึงอ้อมกอดของท่านแม่...


           ยิ่งฉันพยายามออกห่างจากพวกคนเหล่านั้นในโลกอันเดอรืกราวมากแค่ไหน...มันก็คล้ายกับมีอะไรบางอย่างดึงเข้าหา ฉันไม่อาจที่จะทนเห็นคนอื่นถูกรังแกได้แม้ใจจริง...ฉันสามารถเลือกเมินเฉยและรีบหนีออกมาก็ได้...


           แต่ฉันก็ไม่ทำแบบนั้น...ฉันก็จะแอบช่วยแบบห่างๆหรือไม่ก็ช่วยแบบลับๆเสมอ...หรือถ้าหากไม่มีคนอยู่ฉันก็จะเข้าไปช่วยคนเหล่านั้นเอง ใช่ว่าฉันจะไม่มีแผนสักหน่อยนะ อย่างน้อยๆโลกแห่งนวนิยายฉันก็สามารถทำอะไรได้อย่างอิสระแม้ไม่มากก็ตามสำหรับฉัน...


           หนึ่งในนั้นที่ฉันได้เข้าไปช่วยแบบตอนที่ไม่มีคนอยู่หรือไม่มีพวกจอยแอสเรียลนั่นคือ 'จอยฟูกุ' เธอเป็นลูกสาวของจอยกิลบี้ที่เปิดร้านอาหารและบาร์แห่งหนึ่งคล้ายกับต้นฉบับ


           หลังจากที่ฉันช่วยเธอในตอนนั้นฉันก็ได้รีบชิ่งหนีออกมาก่อน แต่ด้วยความสะเพร่าบางอย่างของฉันพอกลับมาเจอกันอีกครั้งอย่างไม่คิดไม่ฝัน(?) จอยฟูกุก็เข้ามาหาและทักทายฉันด้วยท่าทีเขินอายแล้วยังเกือบจะบอกพวกตัวหลักแล้วว่ารู้จักฉันเพราะฉันไปช่วยเหลือเธอในตอนนั้นเข้า


           ยังไงซะคงไม่พ้นสายตาที่มองมาอย่างสงสัย โดยเฉพาะไอ้พวกที่ฉลาดๆจะรู้ว่าจอยฟูกุพูดถึงอะไร


           ถึงฉันจะไม่ค่อยไว้ใจพวกคนภายนอก แต่ด้วยความรู้สึกและจิตใจของฉันที่ยังคงเหมือนเดิมอยู่บางส่วนหรือหลายส่วนนั้น...กับความรู้สึกผูกพันธ์บางอย่างที่ฉันเองก็ไม่เข้าใจ จึงได้เผลอยื่นมือเข้าไปช่วยอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ หากฉันจะช่วยนิคงแบบลับๆ ด้วยสภาพร่างกายอันบอบบางของฉันคนอื่นๆจึงเข้าใจและคิดว่าฉันไม่สามารถไปทำร้ายใครได้ อีกทั้งฉันเป็นประเภทไม่ค่อยตอบโต้คนอื่นด้วย...


           แต่ฝีปากของฉัน...ถือว่าเจ็บใช้ได้หากคนๆนั้นไม่ทำให้ความอดทนของฉันขาดน่ะนะ...


           ฉันเป็นพวกเก็บกด ความอดทนค่อนข้างสูง ทำได้เพียงแค่ก้มหน้ามาตลอดและคอยหลีกหนีความโหดร้ายกับความเจ็บปวดที่ฉันจะต้องเผชิญ...


           แต่เมื่อความอดทนฉันหมดลง...ฉันจะไม่ทำร้ายใคร..แต่จะเป็นคำพูดของฉันมากกว่าที่บ่งบอกว่า 'หมดความอดทน' แล้ว...


           เพียงแค่นั้นแหล่ะ...ไม่ได้ใช้กำลังหรืออย่างใด แต่แค่ตอบโต้ด้วยคำพูดของฉัน...หรือคอยช่วยเหลือบางคนแบบลับๆ ส่วนมากฉันจะถูกทำร้ายและเกือบถูกข่มขืนหลายรอบมาก


           ทุกครั้งที่ฉันมีบาดแผล...ฉันจะเงียบเสมอ...และแอบเข้ามาแบบลับๆเพื่อไม่ให้ใครเห็นบาดแผลของฉัน...


           ฉันสามารถรักษาตัวเองได้ แต่เลือกที่จะไม่ทำ...


           คงเพราะฉันอยากจะลองใช้ชีวิตแบบคนธรรมดา...


           เลือกสวมแต่เสื้อแขนยาวหรือชุดที่ปกปิดร่างกายเพื่อซ่อนแผล...


           อ่าห๊ะ....ถึงตอนนี้ฉันเหมือนจะได้ครอบครัวใหม่มา...แต่ฉันก็ยังไม่อาจไว้ใจพวกเขาได้อยู่ดี...


           ถึงที่ผ่านมาฉันจะเข้มแข็งมาตลอด ไม่เคยร้องให้ต่อหน้าพวกเขาเพราะฉันอยากเป็นแบบท่านพ่อ แต่ความรู้สึกส่วนลึกนั้นฉันทั้งเหนื่อย..และอยากจะร้องให้ถึงอย่างไรฉันก็ยังคงกลํ้ากลืนฝืนทน...


           เหมือนอยู่ตัวคนเดียวมาตลอด...แม้ต่อให้จะมีเพื่อนก็ตาม...


           ต่อให้ฉันแสดงถึงความสุขมากแค่ไหน สุดท้ายก็รู้สึกเหมือนอยู่ตัวคนเดียว...ทำอะไรคนเดียวโดยไม่บอกใครเลยสักครั้ง...


           เห็นแก่ตัวจริงๆ...


           สุดท้าย...ความลับก็ไม่มีในโลก...


           พวกเขารู้แล้วว่าฉันไปทำอะไรมา...


           รวมถึงรอยแผลของฉัน...


           ฉันไม่อยากยอมรับมัน ไม่อยากยอมรับความรู้สึกเหล่านั้นจึงเลือกที่จะหนีมาตลอด และกักขังตัวเองไม่ให้พวกเขาเข้ามายุ่งอีก...


           ฉันยอมรับว่าช่วงเวลาที่ผ่านมานับตั้งแต่ได้รู้จักฉันมีความสุข...มีความสุขมากอย่างที่ฉันไม่ได้รับมานานหลายปีแล้ว แต่มันก็ยังคงไม่อาจทดแทนได้..ฉัน..ยังคงคิดถึงท่านพ่อและครอบครัวเก่าของฉันเสมอ ฉันเห็นพวกผู้ชายที่ฉันสนิทเป็นเพียงแค่เพื่อนหรือพ่อของฉันมากกว่า พวกผู้หญิงฉันก็สนิทแต่ก็เลือกคนไม่ต่างจากการที่ฉันสนิทกับพวกผู้ชายหรอก


           ยังไงซะสิ่งที่จะช่วยไม่ให้ฉันทำอะไรมากกว่านั่นก็คือการดูภาพผู้ชาย 2D เนี่ยแหล่ะ หรือไม่ก็ดูภาพอื่นๆที่พอจะช่วยทดแทนได้บ้าง ทั้งการเขียนและการอ่านแนวความรัก อย่างน้อยๆฉันก็นึกถึงแต่ผู้ชาย 2D แล้วเขียนลงในนิยายของฉัน...ในขณะที่คนอื่นๆแม้จะชื่นชอบจนฉันเองก็แอบดีใจ แต่ฉันก็อายเกินกว่าจะให้พวกเขาดู...


           ความรู้สึกของฉันคล้ายกับว่าพวกเขาจะเคยรู้จักฉันมาก่อน แต่ก็จำไม่ได้นอกจากความรู้สึกของพวกเขา ฉันเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน...


           แต่มันน่ารำคาญ...


           พวกเขาช่างน่ารำคาญ...ทำไมจะต้องมาคอยเป็นห่วงเป็นใยฉัน? เพราะว่าฉันคือบุตรีของมิสทีเรียสซ่างั้นเหรอ? โดยเฉพาะ 'เขา' ที่ดันกลายเป็นรักแรกพบ...รักแรกที่ฉันตั้งใจจะตัดใจจากเขาไปซะ


           เพราะเขาเหมือน 'ท่านพ่อ' เกินไป...


           เขาว่ากันว่าคนเจ้าชู้มักจะพ่ายแพ้คนที่เหมือนพ่อไม่ก็แม่ หรือประเภทที่คนเจ้าชู้เขาชอบกัน แต่สำหรับฉัน...รักก่อนถือว่าแพ้ เพราะฉะนั้นเพื่อไม่ให้เกิดเรื่องเลวร้ายสำหรับฉัน ฉันจะต้องแสดงความเป็นเพื่อนดีกว่าที่จะแสดงความรู้สึกส่วนลึกให้เขาได้เห็น...


           ไม่รู้ว่าเขาเป็นแบบนี้หรือเปล่าถึงได้มีการหยอดมุขใส่ฉัน แต่ฉันก็คิดว่าเขาแค่ทำเล่นๆเลยหยอดมุขกลับไปบ้าง ยังไงเขาคงแค่ทำเล่นๆไม่ได้จริงจังอะไรกับฉันหรอก...


           ไร้สาระ...


           ความรักนี่...บางทีก็ไร้สาระนะ ฉันหวังแค่ว่าเขาจะไม่ใช่ 'คู่หมั้น' ที่ท่านพ่อพูดถึงหรอก เพราะถึงอย่างไรหากเขารู้เขาก็คงจะไม่อาจยอมรับได้ และฉัน...ก็คงจะเป็นทุกข์มากกว่าล่ะมั้ง


           ที่ทำให้ฉันคิดแบบนี้ไม่ต้องมาถามว่าเพราะอะไร ฉันเกลียดความเจ็บปวด เกลียดความรักในเชิงแบบนั้น ไม่อยากรับฟังไม่อยากได้ยินอะไรทั้งสิ้น ถึงตอนนี้ฉันจะค่อยๆตัดใจจากเขาได้แต่มันก็ยังคงเจ็บอยู่ที่ฉันคิดแบบนี้


           แต่ดูเหมือนว่าฉันจะคิดผิด...เมื่อได้รู้ความจริงทุกอย่าง


           โกหก...


           เขาเนี่ยนะ...คือคู่หมั้นของฉัน...


           ฉันอยากจะร้องให้ เพราะฉันรู้สึกว่าแบบนี้มันคงไม่เป็นผลดี เขาไม่ได้รักฉัน และฉันเองก็อาจจะรักเขาได้เรียกว่าฉันกับเขาต่างกันเกินไป...


           แต่ฉันก็จำใจกลํ้ากลืนฝืนทนตอบรับไป...แม้ฉันจะไม่รู้ว่าใครจะสังเกตหรือเปล่า แต่ยังไงพวกเขาคงดูออกว่าฉันไม่อยากให้เป็นแบบนี้...


           เอาไว้วันพรุ่งนี้ฉันคืนนี้ฉันคงต้องหนีออกจากวังศ์แล้วล่ะ


           ฉันไม่อยากเจ็บปวดหรอก ไม่อยากรักเพราะหน้าที่ ไม่อยากอยู่ด้วยโดยไม่ใช่ความรัก ถึงฉันจะเคยรักเขา แต่ฉันไม่อาจรับรู้ได้ว่าต่อจากนี้จะเกิดอะไรขึ้น ไม่กล้าจะใช้พลังในการดูอนาคตเพราะกลัวว่ามันจะเป็นไปตามที่ฉันคิด...


           กลัวว่าเขาจะไม่ได้รักฉันจริง และกลัวว่าเขาจะเป็นเหมือนพวกมัน...


           ฉันรังเกียจและขยะแขยงพวกพระเอกองค์รัชทายาทแบบนิยายโอโตเมะที่สุด...


           นั่นคือสิ่งที่ทำให้ฉันกลัวมากที่สุด


           ขอโทษที่ฉันคิดแบบนี้ ทางที่ดีอย่ามาเจอกันอีกเลยจะดีกว่า ฉันเก็บทั้งเสื้อผ้าที่จำเป็นและอุปกรณ์ต่งๆที่จำเป็นในห้องของฉันใส่ในกระเป๋ามิติ และรีบวาร์ปออกจากวังศ์พร้อมรีบเทเลพอร์ตมุ่งหน้าไปที่ป่าทันทีเพื่อหลีกหนีการแต่งงานในอนาคตและสิ่งน่ากลัวที่จะเกิดขึ้นกับฉัน ฉันทิ้งจดหมายและเขียนเพียงแค่ว่า...


           "ลาก่อน..."


    TB
    TB
    TB
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×