ลำดับตอนที่ #59
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #59 : Rout JoinTale : ตัวอย่างที่ 3 [ 100% ]
Rout JoinTale In End
ตัวอย่างที่ 3
หลังจากที่พวกเขาได้กลับมาพบเจอกันอีกครั้ง ครานี้คุโระก็ดูเหมือนจะสามารถแสดงอีกด้านนึงได้พอสมควร...
ในรูปแบบของ 'คุโระ มิสทีเรียสซ่า'
"พี่คุโระฮะ ผมว่าบางทีพี่คุโระควรอยู่ห่างจากพวกผู้ชายด้วยนะฮะ โดยเฉพาะลุงกิลบี้กับพี่เบอร์เกอร์แพนนั่น"แบล็คน้อยเอ่ยทักขึ้นแล้วกระซิบบอกหญิงสาวที่เพิ่งจะคุยกับจอยกิลบี้เสร็จ คุโระเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็เกิดความสงสัย
"หมายความว่ายังไงงั้นเหรอคะ??"
"ก็ผมเห็นพี่แอสมองแปลกๆอ่ะ ผมสัมผัสได้ถึงออร่าบางอย่าง"
"มองแปลกๆงั้นเหรอคะ? พี่ว่าก็ปกตินะคะกับการคุยกับพวกผู้ชาย"
"พี่ ผมรู้ว่าพี่ไม่ได้คิดอะไรกับคนพวกนั้น แต่คือแบบ...ถึงผมจะรู้ว่าพี่เป็นคนบ้าผู้ชาย 2D แต่มีสติ(?)ยังไงพี่ก็ควระวังพี่แอสอยู่ดีเฮ้ย!"มอนสเตอร์ครึ่งสุนัขตัวน้อยกล่าวทั้งหูและหางตั้ง เพราะความซื่อบื้อของรุ่นพี่สาวของเธอที่บัดนี้จากอดีตคู่หมั้นกลับกลายเป็นพี่สาวที่บื้อเรื่องนี้ไปแล้ว ทั้งๆที่แต่ก่อนรุ่นพี่ของเธอก็รักพี่แพะ(?)ขนาดนั้นแต่ดูเหมือนว่าค่าความชอบคงจะลดลงไปมากเลยแฮะ
"น้องแบล็คคะ....ใช่ว่าพี่จะไม่รู้ความหมายที่น้องจะสื่อ แต่อย่าลืมสิว่าทั้งพี่และคุณแอสเรียลเราต่างก็ไม่ได้รักกัน ก็เป็นแค่การหมั้นที่ไม่ใช่ความรักเท่านั้นแหล่ะค่ะ คุณแอสเรียลคงไม่มีทางมามีอาการหึงหวงอะไรกับพี่หรอก"หญิงสาวตอบกลับอย่างตรงไปตรงมาและเหมือนจะไม่แยแสเรื่องนี้เท่าไหร่ราวกับว่าการมีคนมาชอบเธอนั้นมันเป็นเรื่องไร้สาระและเป็นไปไม่ได้ที่จะมีคนมารักมาชอบเธอจริงๆ เมื่อแบล็คได้ยินแบบนั้นก็แทบจะกุมขมับ
"พี่คุโระฮะ ถึงอย่างไรก็ต้องระวังอยู่ดีแหล่ะฮะ พี่ไม่รู้หรอกว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้าง"
"อย่าพูดเรื่องนี้เลยจะดีกว่าค่ะน้องแบล็ค พี่ไม่ค่อยอยากฟังเท่าไหร่ ยังไงสถานะของพี่กับคุณแอสเรียลน่ะมันต่างกัน ยังไงทั้งพี่และคุณแอสเรียลคงเป็นได้เพียงแค่ 'เพื่อน' เท่านั้นแหล่ะ..." พูดจบหญิงสาวก็จัดการเก็บของภายในร้านของตัวเองเสร็จแล้วจึงหันมาพูดกับรุ่นน้องของเธอต่อ "ไปกันเถอะค่ะ เดี๋ยวพี่จะพาน้องไปส่งที่บ้านเองนะคะ"
แบล็คเมื่อเห็นท่าทางของรุ่นพี่ของเธอแล้วก็มีความรู้สึกอึดอัดนิดหน่อย เพราะเธอพอจะดูออกว่ารุ่นพี่นั้นคงไม่ได้คิดจะพูดคำนี้ออกมาแต่สุดท้ายก็ถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้แล้วตกลงกลับบ้านไปพร้อมกับคุโระ...
ทำไมจะไม่คิดล่ะ...
ก็ในเมื่อความจริงแล้วเธอยังคงรู้สึกหน่วงๆและเจ็บนิดหน่อยเมื่อพูดคำนั้นออกมา แค่พูดคำว่าเพื่อนมันก็ทำเอาเธอแทบจะหยุดหายใจเลย...
ตลอดเวลาที่ผ่านมานั้นหญิงสาวคอยลอบมองแพะหนุ่มมาตลอดแบบไม่ให้เขารู้ตัว แต่เธอเองก็ไม่ได้ทำอะไรมากนอกจากทำเพียงแค่มอง..คอยเฝ้ามองเขามาโดยตลอดก่อนจะกลับไปทำหน้าที่ของเธอต่อไป...
แต่เธอก็กลัวว่าความรู้สึกที่มีให้กับชายหนุ่มคนนั้นมันจะเป็นเพียงแค่ความรู้สึกปลาบปลื้ม ความลุ่มหลง...หาใช่ความรัก ดังนั้นแล้ว..เธอขอเลือกที่จะหนีออกมาจะดีกว่า...
แม้ต่อให้เธอจะรู้สึกเจ็บที่เห็นแพะหนุ่มไปอยู่กับคนอื่น...แต่เธอก็คิดว่าตัวเองแค่น้อยใจที่ 'เพื่อน' ของเธอไปสนใจคนอื่นมากกว่าแบบที่เธอน้อยใจรุ่นน้องของเธอ...
แต่สำหรับจอยแอสเรียลแล้ว...เธอยอมรับว่ามันออกไปทางหน่วงๆและจุกมากกว่า...
และต่อให้เธอจะรู้ว่าเธอรักเขา...ยังไงคุโระก็คิดว่าคง 'ไม่มีสิทธิ์' จะกลับไปเป็นเหมือนเดิมอีกแล้ว...
ก็เธอเป็นคนประกาศขอถอนหมั้นเองนิ...ทำไงได้...ต่อให้เธอจะมาเพิ่งรู้สึกตัวยังไงก็คงไม่มีโอกาสอีกต่อไปแล้ว ป่านนี้...เขาคงมีคนที่สนใจแล้วมั้ง...
อย่างเวลาที่คุโระ...เห็นจอยแอสเรียลพูดคุยกับจอยฟูกุ...
มันอดคิดไม่ได้จริงๆว่าทั้งสองคนนั้นดูสนิทสนมกันมากๆ...มันอดคิดไม่ได้จริงๆ...ว่าทั้งคู่ดูออกจะเหมาะสมกัน..
แม้ต่อให้จะเป็นต่างสายพันธ์ุก็ตามเถอะ แต่ความรักมันบังคับกันไม่ได้อยู่แล้วนินา...
เธอควรที่จะดีใจที่เขามีคนที่ชอบสิ แต่เธอเองก็ไม่อยากด่วนสรุปตอนนี้เท่าไหร่นักหรอก...แต่คนเรามันก็มักห้ามความคิดตัวเองไม่ได้นิ...
[ Kuro Part ]
อ่าห๊ะ...ก็นะ...มันอดคิดไม่ได้จริงๆว่าทั้งเขาและเธอคนนั้นดูเป็นคู่ที่เหมาะสมกันจริงๆ...ดูสนิทกันจนฉันอดคิดไม่ได้เลยว่าพวกเขาน่าจะสามารถเป็นคู่ชีวิตที่ดีกันได้...
ฉันไม่อยากจะแสดงตัวเป็นเจ้าของ เพราะฉันไม่มีสิทธิ์นั้น และฉันก็ไม่อยากให้ความรักของฉันที่มีต่อเขาเป็นแค่ความลุ่มหลง...
อย่างมาก...ฉันก็แค่ทำตัวตามปกติของฉัน...อาจจะมีบ้างที่ฉันทำตัวอ่อยนิดๆตามแบบฉบับของสาวไทยแบบฉัน แต่ก็นะ...การทำแบบนี้เหมือนว่ามันจะสบายใจสำหรับฉันมากกว่า เพราะฉันเองก็ไม่ได้ทำแบบนี้กับแค่เขานี่ มันแสดงออกไปทางเพื่อนสนิทที่มีการหยอดมุขจีบแบบเล่นๆบ้างไม่ได้ทำบ่อยเกินไปแบบพวกคาสโนว่าคาสโนวี่อะไรพวกนั้นหรอกนะ...
เวลาที่แอสเรียลใช้คำพูดหวานๆเหมือนยิงมุขนั้น ฉันมักจะเล่นกลับไปเพราะคิดว่าเขาอาจจะแค่มาเอาคืนที่ฉันไปเล่นแกล้งเขาหรือไม่ก็ทำเล่นๆกับฉันบ้างเหมือนกัน ฉันไม่คิดว่าเขาจะมาชอบคนอย่างฉันหรอกนะถึงจะแอบหวังบ้างแต่...ฉันก็ไม่อยากไปบังคับใจหรือเข้าหาเขาด้วยการจีบแบบพวกนั้นหรอกนะ..
น่าหงุดหงิด...
พอฉันคิดถึงความรู้สึกที่สับสนและเจ็บปวดในหัวใจของฉัน ยิ่งฉันเจอเขามันก็เหมือนมีอะไรบางอย่างมากรีดที่หัวใจของฉัน แม้ต่อให้ฉันจะสามารถแสดงออกให้เขาเห็นในแบบของฉันแล้วมันทำให้รู้สึกสบายใจ ยามที่ฉันเห็นเขาหน้าแดงนั้นมันอดทำให้ฉันรู้สึกยิ้มขำเบาๆไม่ได้ แต่สุดท้ายฉันก็เลือกที่จะเก็บความรู้สึกบางส่วนเอาไว้...
เขาเป็นคนน่ารักดี...
แต่หลายครั้ง...มันอดทำให้ฉันเห็นภาพซ้อนทับของท่านพ่อไม่ได้ เขามีหลายมุมที่ทำให้ฉันนึกถึงท่านพ่อ...ทั้งบุคลิก...รอยยิ้ม...และนิสัยของเขาบางส่วนก็ทำให้ฉันอดคิดถึงท่านพ่อไม่ได้จริงๆ...
และมีหลายครั้งที่ทำให้ฉันหงุดหงิด...
มีคนเคยกล่าวเอาไว้ว่าคนเจ้าชู้มักเลือกรักคนที่ได้มายากหรือไม่ก็คนที่เหมือนกับพ่อแม่...
และหากว่าเป็นแบบนั้นจริงๆ...ฉัน...คงต้องหลีกเลี่ยงและรักษาระยะห่างเอาไว้...
ฉันเป็นผู้หญิงที่ค่อนข้างเอาแต่ใจ เป็นเพียงแค่เด็กน้อยที่ต้องการความรัก และหากฉันมารักกับคนที่มีสถานะเป็นถึงเจ้าชายแบบเขา...ฉันก็กลัวว่าวันนึงเขาจะเป็นเหมือนท่านพ่อ ดังนั้นแล้ว...ฉันขอทำเพียงแค่เป็นเพื่อนที่ดีที่คอยช่วยเขาคลายความเครียดและความเหนื่อยล้าจากการทำงานก็เพียงพอแล้ว
เป็น 'เพื่อน' ที่ดีที่คอยสนับสนุนและช่วยเหลือเขา...
เจ็บ...เจ็บอีกแล้ว...
แค่เอ่ยคำว่าเพื่อน...หรือคิดว่าเพื่อนนั้นมันก็ทำให้ฉันรู้สึกเจ็บและจุกที่หัวใจ ฉันยํ้าแล้วยํ้าอีกว่าความรู้สึกที่มีต่อเขามันคงไม่ต่างจากผู้ชายคนอื่นๆหรอก เป็นเพียงความรู้สึกของผู้หญิงเจ้าชู้อย่างฉัน แม้ต่อให้ฉันจะไม่แสดงออกแต่ว่าความรู้สึกของฉันที่มีให้กับพวกผู้ชายเหล่านั้นมันคือความรู้สึกที่ฉันโหยหาความรักจากท่านพ่อทั้งสิ้น แม้ต่อให้เป็นแค่เพื่อนแต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ฉันรู้สึกเจ็บเท่ากับที่ฉันรู้สึกต่อแอสเรียลหรอก
แต่ที่ทำให้ฉันหงุดหงิดน่ะ...มันคือความรู้สึกของฉัน...
ฉันไม่ควรอยู่ใกล้เขาไปมากกว่านี้ ฉันเริ่มคิดแล้วว่าฉันน่ะ...คิดถูกแล้วหรอที่กลับมาที่นี่
และต่อให้เขาจะมีคนที่ชอบฉันก็ไม่ควรจะรู้สึกแบบนี้ ฉันควรจะยินดีให้กับเขา...
จนกระทั่งวันนึงที่ฉันได้เข้าไปที่ห้องนอนของเขา ฉันกะจะแอบเอาของมาให้เขาแบบลับๆโดยไม่เขียนชื่อใดๆบอกว่าใครคือคนส่ง แต่แล้วสายตาของฉันก็ไปสะดุดเข้ากับบางสิ่งที่สะท้อนออกมา...จากลิ้นชักข้างๆเตียงของเขา...
ฉันไม่ควรที่จะเสียมารยาทแอบเอาออกมาดู แต่สุดท้าย...ฉันเองก็สงสัย...และมันมีบางอย่างที่ทำให้ฉันรู้ว่าว่ามันคุ้นเคยจึงได้เลือกที่จะเปิดมันออกมาดู..
สิ่งนั้นมันทำให้ฉันตาโตด้วยความตกใจและอึ้งมากๆ...
มันคือที่คาดผมเขากวางสีเงินเงางามดั่งเพชร...ที่ฉันในสมัยเด็กนั้นเคยสวมใส่มันมาก่อนจนฉันเองก็จำไม่ได้เพราะตอนนั้นฉันเด็กมากๆ
เขามีมันได้ยังไง?
คำถามนั้นมันอยู่ในหัวของฉันเต็มไปหมด ทั้งสับสนงุนงงและไม่เข้าใจว่ามันเป็นไปได้ยังไง ความจริง...ฉันจำไม่ได้เลยด้วยซํ้าว่าฉันเคยมาที่โลกนี้ด้วย
จนกระทั่งเสียงเปิดประตูก็ดังขึ้นนั่นจึงทำให้ฉันสะดุ้งแล้วหันไปอย่างตกใจก็ได้พบกับเขา...
"แอส...เรียล..."
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น