ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เขียนตามใจเจ๊เองจ้า(?) ไม่ต้องอ่านนะจ้ะ(?)--

    ลำดับตอนที่ #41 : Rout JoinRagnarTale : ???

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 12
      0
      31 ม.ค. 64

    Rout JoinRagnarTale





    'สการ์น่า เกรซ' บุตรีแห่งบารอนเนทเพียงคนเดียวเผ่าครึ่งกวาง โดยตระกูลชนชั้นบารอนเนทแห่งเกรซนั้นเป็นสามัญชนแต่ก็มีฐานะที่สูงกว่าพวกอัศวินกับสามัญชน หากจะพูดง่ายๆก็คือเป็นเพียงแค่ตระกูลเศรษฐีหรือพวกไฮโซเพียงเท่านั้น ถึงแม้ว่าตระกูลของเธอจะไม่ได้มีสิทธิ์นั่งในภือสูงศักดิ์นัก แต่ด้วยความสามารถและความงดงามของบุตรีบารอนเนทก็ทำให้มีชื่อเสียงเช่นกัน...


    แม้จะเป็นเช่นนั้น แต่เธอก็มีเพื่อนสนิทคนแรกนั่นคือ 'ทอเรียล' ท่านหญิงของอาณาจักรไซเบียอันเป็นอาณาจักรของเผ่ามอนสเตอร์ บุตรีแห่งดยุก ทั้งคู่ต่างสนิทกันมาตั้งแต่สมัยที่ยังเป็นเด็กจึงทำให้รู้นิสัยของกันและกัน และเป็นเพื่อนที่รักกันอย่างมาก ดังนั้นจึงทำให้ไม่ค่อยมีใครสามารถมารังแกสการ์น่าได้เลยสักคน เธอเป็นคุณหนูผู้อ่อนโยน ใจดีและมีความสดใสดั่งดอกทานตะวัน จึงทำให้คุณหนูสการ์น่าเป็นที่รักของใครหลายๆคน ขณะเดียวกันถึงแม้จะมีคนชอบก็ย่อมต้องมีคนเกลียดเธอเช่นกัน...


    แต่ก็มีท่านหญิงทอเรียลที่คอยให้การสนับสนุนและคอยช่วยเหลือบุตรีแห่งบารอนเนทตระกูลเกรซเสมอ รวมถึงคุณหนูสการ์น่าก็ได้คอยช่วยเหลืองานของผู้เป็นบิดาในการต่อสู้และวางแผน จนทำให้ตระกูลเกรซถูกเลื่อนขั้นเป็นชนชั้นยศบารอนขึ้นมาได้


           "ท่านหญิงทอเรียล ข้าต้องขอบพระคุณท่านอย่างสูงมากที่คอยช่วยเหลือข้าและท่านพ่อมาโดยตลอดนะคะ"คุณหนูสการ์น่า อดีตบุตรีแห่งบารอนเนทได้ถอนสายบัวให้กับคนตรงหน้าผู้เป็นมิตรสหายและมีศักดิ์เป็นท่านหญิง บุตรีแห่งดยุกดรีโมเรียส แต่ท่านหญิงทอเรียลก็ได้เข้าไปประคองหญิงสาวเพื่อไม่ให้ทำเช่นนั้น
           "ไม่เป็นไรหรอก เจ้าคือสหายของข้า ข้าย่อมต้องช่วยเหลือเจ้าอยู่แล้วสการ์น่า"ท่านหญิงทอเรียลกล่าวพร้อมส่งยิ้มให้กับมิตรสหายอย่างอ่อนโยนเฉกเช่นเดียวกับรอยยิ้มของคุณหนูสการ์น่าที่มอบให้กับเพื่อนสมัยเด็ก...
           "อีกไม่นานก็จะถึงงานเลี้ยงฉลองวันเกิดของเจ้าชายแอสกอร์แล้วนะ"
           "เจ้าชายแอสกอร์ อ่า เพื่อนสมัยเด็กของพวกเรามิได้เจอกันมานานแล้วนะคะ"
           "นั่นสินะ เพราะว่าเขาจะตอนนี้เป็นองค์รัชทายาทยังไงในอนาคตเขาก็จะต้องขึ้นเป็นจักรพรรดินี่นะ"
           เจ้าชายแอสกอร์ หรือ 'แอสกอร์ ดรีมเมอร์' เพื่อนสมัยเด็กอีกคนของท่านหญิงทอเรียลและคุณหนูสการ์น่า ว่าที่จักรพรรดิในอนาคต ได้ยินมาว่าอีกไม่นานก็จะถึงเวลาจัดงานหมั้นระหว่างเจ้าชายแอสกอร์และท่านหญิงทอเรียลแล้วนี่
           "ข้าได้ยินมาว่าเจ้าชายแอสกอร์มีพระสหายอีกคนนึงด้วยนะ"
           "สหาย?"
           "เห็นว่าเจ้าชายแอสกอร์จะพามาให้รู้จักกันในงานวันเกิดน่ะจ้ะ"
           "เจ้าชายแอสกอร์เนี่ยมิเคยบอกอันไรเลยนะคะ แต่ข้าเองก็อยากจะเห็นสหายของเขาเช่นกันค่ะ"
           ทั้งสองต่างพูดคุยกันตามประสาเพื่อนสนิท จากนั้นจึงได้ขอตัวกลับบ้านของทั้งคู่ไปโดยมีท่านหญิงทอเรียลอาสาที่จะไปส่ง แต่คุณหนูสการ์น่ากล่าวว่าเธอต้องการจะกลับเองเพราะท่านหญิงทอเรียลก็ช่วยเธอมาเยอะมากแล้ว...


    งานวันเกิดของเจ้าชายแอสกอร์ได้ถูกจัดขึ้นในสองวันต่อมา และแน่นอนว่าตระกูลเกรซและตระกูลดรีโมเรียสเองก็ได้ถูกรับเชิญเช่นกัน ครั้นเมื่อมาถึงก็เป็นการเปิดพิธีงานวันเกิดกับการพบปะเหล่าขุนนางมากมายแม้กระทั่งการมอบของขวัญให้กับองค์รัชทายาท...


    ทั้งเจ้าชายแอสกอร์ ท่านหญิงทอเรียลและบุตรีบารอนแห่งเกรซอย่างคุณหนูสการ์น่าต่างก็เป็นเพื่อนสมัยเด็กกันมายาวนาน ทั้งเที่ยวเล่นด้วยกัน พูดคุยกันตามประสาเด็ก แต่เพราะว่าเจ้าชายแอสกอร์นั้นเป็นลูกกษัตริย์ดังนั้นแล้วพอโตขึ้นก็อาจไม่ค่อยมีเวลามาพบปะพูดคุยหรือเล่นกันแบบเมื่อก่อนอีกแล้ว บางครั้งก็ส่งจดหมายมาพูดคุยบ้าง และหากมีเวลาว่างก็จะมาพบปะกันเช่นเดิม...


    จนทำให้ได้รู้จักกับเจ้าชายของตระกูลเอเรนอร์และพระคู่หมั้นของเจ้าชายตระกูลเอเรนอร์


    เจ้าชายแอสกอร์หาใช่ว่าจะเจ้าชายและคู่หมั้นของเจ้าชายตระกูลเอเรนอร์ไม่ออก เพียงแต่เลือกที่จะไม่พูดมันออกมาเท่านั้น ได้เพียงแต่แสดงสีหน้าเย็นชาและนิ่งสุขุมแบบเช่นนี้ทุกครั้ง...


    จนเมื่อเจ้าชายแอสกอร์ได้แนะนำพระมิตรสหายของเขา ซึ่งเป็นชายหนุ่มรูปร่างสูงเพรียว ผิวสีเทาอ่อนๆ เส้นผมสีดำแซมนํ้าตาลเข้มมัดแบบครึ่งศีรษะหลวมๆกับสวมชุดสีดำของราชวงศ์ ใบหน้าหล่อเหลาอันงดงามมากราวกับรูปปั้นแกะสลักหรือพวกภาพวาดเทพนิยายจีนก็ไม่ปาน กับรอยยิ้มที่แสนอ่อนโยนอบอุ่นเสมอ


    แต่นั่นก็ทำให้คุณหนูสการ์น่าร้องเรียกชื่ออีกฝ่ายราวดีใจที่ได้พบกันอีก เพราะเขาคือ 'เครซ ซาวีตัน' เพื่อนสมัยเด็กที่เคยพบเจอกันตอนที่เธออายุแค่ 12 ขวบ จึงทำให้รู้จักกันตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ทว่า...เครซนั้นกลับเป็นจักรพรรดิที่อายุน้อยถึงกระนั้นเขากลับสามารถทำหน้าที่ออกมาได้ดีเยี่ยมอย่างมาก จักรพรรดิเครซและคุณหนูสการ์น่าต่างก็ทักทายพูดคุยราวสนิทสนมนิดหน่อย...


    แต่ถึงกระนั้นแล้วแม้จะเป็นเรื่องดี แต่กลับมีเรื่องที่น่าเศร้าใจยิ่ง...


    เจ้าชายแอสกอร์หลงรักคุณหนูสการ์น่า ท่านหญิงทอเรียลหลงรักเจ้าชายแอสกอร์ แต่ทว่า...ที่เรื่องใหญ่กว่านั้นนั่นคือจักรพรรดิเครซเองก็หลงรักคุณหนูสการ์น่าไม่ต่างกัน...


    ท่านหญิงทอเรียลรู้ดีว่าเจ้าชายแอสกอร์นั้นหลงรักคุณหนูสการ์น่ามิตรสหายของเธอ แต่ถึงกระนั้นแล้วท่านหญิงทอเรียลก็ยังคงพยายามที่จะยิ้มและกลํ้ากลืนฝืนทนเพื่อมิให้เห็นถึงความเจ็บปวดที่อยู่ภายในส่วนลึกของจิตใจ...


    ด้วยความที่คุณหนูสการ์น่าเป็นที่รักและยังได้รับความรักความสนใจจากเจ้าชายทั้ง 2 รวมถึงดูเหมือนว่าเจ้าชายแห่งเอเรนอร์เองก็ดูจะสนใจและหลงใหลในตัวสการ์น่า ทำให้พระคู่หมั้นของเจ้าชายแห่งเอเรนอร์เกิดความริษยา แต่ก็ยังคงเสแสร้งทำทีเป็นเจ้าหญิงผู้แสนดีต่อหน้าเช่นเดิม...


    อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเจ้าชายแห่งเอเรนอร์จะสนใจเธอแค่ไหน แต่คุณหนูสการ์น่าก็มิเคยเหลียวแลหรือมองเขาด้วยเสน่หาเลยสักครั้งเดียว เธอมองเขาเป็นเพียงแค่เพื่อนคนนึงเท่านั้น แต่ขณะเดียวกันหาใช่ว่าคุณหนูสการ์น่านั้นจะไม่รู้สึกอะไรกับเจ้าชายแห่งดรีมเมอร์และจักรพรรดิ เธอมีความสับสนนิดหน่อย...


    แต่หัวใจของคุณหนูสการ์น่าก็ดูจะเอนเอียงไปทางจักรพรรดิเครซ เพราะมีเหตุการณ์นึงบังเกิดขึ้นเมื่อมีคนปล่อยข่าวลือที่สร้างความเสื่อมเสียให้กับตระกูลเกรซของคุณหนูสการ์น่าว่าคุณหนูสการ์น่าให้ท่าและหวังอำนาจของเจ้าชายแอสกอร์กับจักรพรรดิเครซจนทำให้มีเสียงซุบซิบวิพากย์วิจารณ์ โดยคนที่ปล่อยข่าวลือแบบลับๆนั่นก็คือฝีมือของพระคู่หมั้นเจ้าชายแห่งเอเรนอร์นั่นคือ 'เฟลิเซีย' ...


    ถึงกระนั้นเจ้าหญิงเฟลิเซียก็เสแสร้งทำทีเข้าไปปลอบและเสแสร้งตีหน้าทำเป็นสหายผู้แสนดี ส่วนท่านหญิงทอเรียลเองก็ช่วยปลอบประโลมมิตรสหายเช่นกัน กระทั่งขณะที่เจ้าชายแอสกอร์ยังไม่ทันได้พูดอะไร จักรพรรดิเครซก็ได้นำหลักฐานมาเปิดโปงกลางสาธารณชน ซึ่งทำให้พวกเขาได้รับรู้ทันทีว่าข่าวลือที่ถูกปล่อยออกมานั้นคือของปลอมและคนที่ปล่อยก็คือเจ้าหญิงเฟลิเซีย...


    เจ้าหญิงเฟลิเซียดูจะหน้าเสียและรู้สึกอับอายอย่างมากทำอะไรไม่ถูก จึงเลือกโยนความผิดไปทางท่านหญิงทอเรียล เสแสร้งบีบนํ้าตา กล่าวหาและใส่ร้ายว่าตนเองถูกท่านหญิงทอเรียลบังคับให้เป็นคนปล่อยข่าวลือทำร้ายคุณหนูบารอนแห่งตระกูลเกรซ ซึ่งนั่นทำให้ท่านหญิงทอเรียลถึงกับตกใจนิดหน่อยแต่ก็ใจเย็นพอที่จะตอบว่าเธอไม่ได้เป็นคนบังคับเจ้าหญิงเฟลิเซียเลยสักครั้ง ท่านหญิงทอเรียลยังกล่าวอีกว่าตัวเองจะไปปล่อยข่าวลือและใส่ร้ายเพื่อนสมัยเด็กที่รู้จักกันมานานได้อย่างไร...


    เจ้าหญิงเฟลิเซียยังคงไม่ยอมแพ้แสร้งบีบนํ้าตาให้ดูน่าสงสารพร้อมกล่าวว่าท่านหญิงทอเรียลหลงรักเจ้าชายแอสกอร์ และเพราะความอิจฉาที่เจ้าชายแอสกอร์รักคุณหนูสการ์น่าทั้งที่เป็นคู่หมั้นเลยบังคับให้เจ้าหญิงเฟลิเซียเป็นคนกระทำโดยที่ตนไม่ยืนยอมและหากไม่ทำท่านหญิงทอเรียลก็จะสั่งคนมาทำร้ายตน...


    เหตุการณ์นั้นเริ่มชุลมุนวุ่นวาย แต่เจ้าชายแอสกอร์ก็ได้กล่าวว่าเขารู้อยู่แล้วว่าท่านหญิงทอเรียลรู้สึกและคิดอย่างไรกับตน แต่เขาก็รู้ว่าท่านหญิงทอเรียลหาใช่คนขี้อิจฉาและจะทำร้ายใครโดยไร้เหตุผล ซึ่งแน่นอนว่าจักรพรรดิเครซก็เห็นด้วยและยังช่วยกล่าวเสริม..เปรียบเสมือนเป็นการหักหน้าประจานการกระทำของเจ้าหญิงเฟลิเซีย จนทำให้เรื่องราวพลิกผันกลายเป็นว่าเจ้าหญิงเฟลิเซียนั้นคือเจ้าหญิงขี้อิจฉาและเป็นพวกเสแสร้งแกล้งทำในที่สุด...


    คุณหนูสการ์น่านั้นรู้สึกขอบคุณมิตรสหายของตน แต่ทว่า...หัวใจของหญิงสาวนั้นกลับเอนเอียงไปทางจักรพรรดิเครซแห่งซาวีตันหลังเมื่อได้เห็นการกระทำของเขา...


    จักรพรรดิเครซมักจะคอยช่วยเหลือคุณหนูสการ์น่าในแบบของเขา และเป็นคนที่เข้ามาปกป้องจากเจ้าชายแห่งเอเรนอร์...และเขายังช่วยเธอในอีกหลายๆอย่างเช่นเดียวกับเจ้าชายแอสกอร์และท่านหญิงทอเรียล...


    หาใช่ว่าคุณหนูสการ์น่าจะดูไม่ออกว่าทั้งคู่คิดอย่างไรกับตน แต่ทว่าเธอกลับรู้หัวใจตัวเองดีว่าเธอเลือกใคร เธอหลงรักจักรพรรดิเครซ เธอไม่อาจรู้ได้ว่าตัวเองหลงรักชายผู้นี้ตั้งแต่เมื่อใด และความรู้สึกของคุณหนูสการ์น่าที่มีต่อเจ้าชายแอสกอร์นั้นก็เป็นได้แค่เพื่อนเท่านั้น ดังนั้นแล้วแม้ต่อให้จะรู้สึกหวั่นไหวต่อเจ้าชายแอสกอร์แต่มันก็น้อยกว่าความรู้สึกที่มีให้กับจักพรรดิเครซอยู่ดี...

    ไม่รู้ทำไมเหมือนกันถึงได้รักจักรพรรดิเครซ เขาดูแปลกๆและชอบทำตัวไม่สมกับเป็นจักรพรรดิยามเมื่ออยู่ต่อหน้ามิตรสหายที่สนิทจริงๆและไม่มีผู้อื่นอยู่ร่วมด้วย ช่วงแรกๆที่ได้รู้จักกันตั้งแต่สมัยที่อายุ 12 ขวบเขาทำให้เธอรู้สึกประหลาดและแปลกใจในหลายๆอย่าง มันทั้งดูน่าตื่นเต้นและชวนให้มีเรื่องประหลาดใจหลายอย่างมาก เพราะไม่เคยมีจักรพรรดิองค์ไหนที่มีมุมแบบคนปกติธรรมดาสามัญหรือทำสิ่งที่คนเป็นจักรพรรดิมิค่อยกระทำกันมันเลยดูแปลกตาดี


    ขณะเดียวกันกับเจ้าชายแอสกอร์ที่เธอได้รู้จักกันมาก่อนที่จะได้รู้จักกับจักรพรรดิเครซ เขาให้ความรู้สึกว่าเหมือนเป็นเพื่อนมากกว่า เป็นเหมือนเจ้าชายน้อยทั่วๆไปแต่ก็หาใช่ว่าจะไม่มีเวลามาพบปะกัน เพียงแต่งานจะเยอะนิดหน่อยเท่านั้น เว้นแต่เพียงจักรพรรดิเครซที่มีงานเยอะกว่ามากเพราะเขาคือจักรพรรดิแห่งซาวีตัน...


    มันช่างแตกต่างเสียจริง...เจ้าชายแอสกอร์ควรที่จะได้สิทธิ์ แต่ทว่าคุณหนูสการ์น่านั้นกลับไม่ได้รู้สึกใดๆกับเจ้าชายแอสกอร์เลยสักนิด คงเพราะเจ้าชายแอสกอร์แสดงออกไปทางมิตรสหายและไม่ค่อยได้มีโอกาสได้แสดงความรักออกมากนัก...


    แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น คุณหนูสการ์น่าเองก็รักจักพรรดิเครซด้วยความบริสุทธิ์ใจ หาใช่เพราะผลประโยชน์หรือเพราะเขาคือราชวงศ์แต่อย่างใด เธอรักที่เป็นเขา รักเขาและยอมรับในสิ่งที่เขาเป็นได้ รวมถึง..เขาเองก็มีสิ่งที่ 'เหมือน' กับเธอ...


           "เจ้าชายแอสกอร์...ข้าต้องขอโทษท่านด้วยจริงๆ..แต่ข้านั้นรักท่านจักรพรรดิเครซ"คำพูดของหญิงสาวนั้นแม้จะไม่ได้มีเจตนาที่จะกล่าวทำร้ายความรู้สึกนั้น หากแต่ว่าสำหรับคนฟังแล้วมันช่างเจ็บปวดในส่วนลึกของหัวใจยิ่งนัก
           "ข้าขอโทษแอสกอร์ ข้ามองท่านเป็นเพียงมิตรสหายและพี่ชายคนนึง ขอโทษที่ข้านั้นมิอาจตอบรับความรู้สึกของท่านได้"สการ์น่าเอ่ยด้วยความหนักแน่นแต่ขณะเดียวกันนํ้าเสียงนั้นก็แฝงไปด้วยความรู้สึกผิดที่กล่าวเช่นนั้นออกไป เจ้าชายแอสกอร์มองหญิงสาวที่เขารักแต่ก็ไม่อาจที่จะทำอะไรได้เพราะนั่นคือการตัดสินใจของเธอ...

           และเธอก็ได้เลือกไว้แล้ว...

           "ข้าเข้าใจ..สการ์น่า.." เจ้าชายแอสกอร์ทำได้เพียงแค่กลํ้ากลืนเก็บความรู้สึกที่จุกแน่นในทรวงอก แต่ก็ยังคงพยายามที่จะไม่แสดงมันออกมาและยิ้มให้เธอ "ก็ในเมื่อเจ้าได้เลือกแล้ว...ข้าก็มิอาจปฏิเสธความจริงนั้นได้หรอก" สการ์น่ายิ้มให้เขาเบาๆ
           "อืม...ขอบคุณท่านมากที่ยอมรับในการตัดสินใจของข้า..แอสกอร์"


    ความรักนั้น...หาใช่สิ่งสวยงามเสมอไป...


    มิว่าอย่างไรซะความรักนั้นมักจะมีทั้งสมหวังและไม่สมหวัง...


    เจ้าชายแอสกอร์นั้นแม้จะไม่สมหวังในรัก แต่เขาก็หาใช่คนที่จะทำทุกอย่างหรืออยากได้อะไรก็ต้องได้ ดังนั้นแล้วในเมื่อหญิงที่เขารักได้เลือกไว้แล้วก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากต้องยอมรับและพยายามตัดใจจากเธอ...


    แต่มันช่างยากเย็นเสียเกินกับการที่จะตัดใจจากคนๆนึงไปในชีวิตได้...


    ได้เพียงแต่ปล่อยให้นํ้าตานั้นไหลรินออกมา..ภายในห้องบรรทมที่เงียบสะงัด..ไร้เสียงสะอื้น...เขาทำได้เพียงแค่ปล่อยให้นํ้าตานั้นมันไหลออกมาเงียบๆ..ค่อยๆปลดปล่อยความรู้สึกนั้นออกมา...


    และแล้วในช่วง 4 เดือนต่อมา งานแต่งงานก็ได้ถูกจัดขึ้น ผู้คนต่างแสดงความยินดีให้กับการแต่งงานของทั้งคู่ โดยเฉพาะเหล่าสามัญชนและขุนนางบางส่วน บาทหลวงได้กล่าวถึงบทสวดภาวนาถามทั้งคู่ว่าจะรับเป็นสามีภรรยาหรือไม่ จักรพรรดิเครซยินดีที่จะรับคุณหนูสการ์น่ามาเป็นภรรยาและสการ์น่าเองก็ยินดีที่จะรับเครซมาเป็นสามี ทั้ง 2 ต่างยิ้มให้กันด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความยินดีและความสุข...


    เจ้าชายแอสกอร์เพียงแค่มองงานแต่งของทั้งคู่อย่างเงียบๆด้วยรอยยิ้มบางๆแต่ก็แอบแฝงความเจ็บปวดส่วนลึกเช่นกัน...หลังพิธีจบลง เจ้าชายแอสกอร์เลือกที่จะเดินออกไปจากงานเพียงลำพังเพื่อที่จะพักจิตใจ แต่ก็มีท่านหญิงทอเรียลที่เข้ามาปลอบ...


    ดูเหมือนว่าบางทีความทุกข์ก็จะมีความสุขเข้ามาหาเขาในอีกไม่ช้า...


    จบบทที่ 1


    SNAP
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×