ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เขียนตามใจเจ๊เองจ้า(?) ไม่ต้องอ่านนะจ้ะ(?)--

    ลำดับตอนที่ #10 : Special 6 : การเปลี่ยนแปลงสภาพจิตใจ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 39
      4
      17 ธ.ค. 63

    Special 6 : การเปลี่ยนแปลงสภาพจิตใจ





           ผม...แอสเรียล ดรีมเมอร์ ผมคือองค์รัชทายาทลำดับที่ 1 แห่งอันเดอร์กราวของเหล่ามอนสเตอร์


           ผมอยู่ที่นี่มา 100 กว่าปีแล้ว และผมเองก็มีน้องชายบุญธรรมที่เป็นมนุษย์คนนึงนั่นคือ 'คลาร่า' เขาเกลียดมนุษย์ซึ่งผมเองก็เข้าใจว่าทำไมเขาถึงไม่ค่อยชอบมนุษย์เท่าไหร่ ผมเองก็รู้เรื่องของมนุษย์บนพื้นดินบ้างแต่ก็ใช่ว่ามันจะไม่มีมนุษย์ดีๆเสียหน่อย...


           เพียงแต่มนุษย์ที่ดีมักจะจากไปเร็วเกินคาดเสมอ


           ตอนที่ผมคบกับคุณฟริกส์ แม้ผมว่าผมจะรู้สึกชอบพอๆกับคุณฟริกส์ แต่มีบางอย่างที่ทำให้ผมรู้สึกว่าผมไม่ควรที่จะแสดงความรักต่อเธอมากกว่านั้น เหมือนว่า...ผมรู้สึกแปลกๆเวลาที่ผมอยู่กับเธอแม้ต่อให้ผมจะรู้สึกดีต่อคุณฟริกส์ก็ตาม


           จนวันนึงที่ชาร์ล น้องชายของผมได้โยน(?)งานมาให้ผม และบอกว่าเขามีธุระบางอย่างจนผมเองก็ต้องยอมช่วยงานของเขาทำให้ผมไม่ค่อยมีเวลาที่จะอยู่กับแฟนผมเท่าไหร่


           แม้ในช่วงแรกๆเธอจะมาหาผม ทำตัวไร้สาระไปบ้างแต่ผมก็บอกเธอเสมอว่าผมงานยุ่งและถ้าผมเสร็จงานนี้เมื่อไหร่ผมก็จะพาเธอไปเที่ยวแน่นอน...


           แต่อีกความรู้สึกนึง...ผมก็แปลกๆ...


           ในช่วงที่เธอหายไปไม่กลับมายุ่งกับผม จู่ๆเธอก็กลับมาหาผมแล้วยังเอาของขวัญมาให้ผมอีก เธอมาขอโทษเรื่องที่เธอทำตัวไร้สาระเพราะแค่อยากให้ผมมีเวลากับเธอซึ่งผมเองก็ไม่ได้ถือสาอะไร...


           ยิ่งนานวันเข้าเธอก็เริ่มจะมาหาผมพร้อมทั้งยังคอยเอาใจผมจนน่าแปลกใจเพราะปกติเธอไม่เคยเอาใจผมขนาดนี้...


           แต่ผมก็รู้อยู่แล้ว...ว่าจุดประสงค์ของเธอ 'คืออะไร' ...


           ผมรู้อยู่แล้วว่าที่เธอมาเอาใจผมขนาดนี้เพื่ออะไร ผมรู้...รู้ทุกอย่างว่าเธอ 'โกหก' ผมหลายๆอย่าง


           ผมเริ่มเอะใจตั้งแต่แรก...ที่เธอเข้าหาผม และไอ้ความรู้สึกแปลกๆนี้มันก็ทำให้ผมรู้ทันที...หลังจากที่ผมได้แอบสืบเธอแบบเงียบๆ...


           เธอโกหกผมทุกอย่าง...


           เธอไม่ได้เอาเงินผมไปบริจาคหรือช่วยใครทั้งสิ้น แม้เธอจะเคยบอกว่าเสื้อผ้าของเธอมันเสียหายเลยอยากจะซ่อมหรือซื้อใหม่แต่เงินที่เธอเอาไปนั้นมักเอาไปใช้จ่าย 'ฟุ่มเฟือย' ไม่ใช่เพียงแค่ซื้อของอย่างฟุ่มเฟือย...เธอไม่เคยเอาไปบริจาคคนยากไร้หรืออะไรทั้งสิ้น มีแต่เอาเงินไปใช้จ่ายส่วนตัวอย่างฟุ่มเฟือยและสุรุ่ยสุร่าย ทั้งซื้อแต่ของแพงๆหรูๆ เอาไปเปย์คนอื่น...ที่เป็นบุรุษ รวมถึง...


           ยังแอบลอบ 'คบชู้' อีก


           ผมเองก็ไม่อยากจะใช้คำนี้หรอกนะ แต่เหมือนมีอะไรบางอย่างที่ทำให้ผมอดที่จะคิดคำนี้ไม่ได้จริงๆ ถ้าปกติ...ผมจะใช้คำว่าเธอแอบนอกใจ


           "แอส ฉันมีเรื่องอยากจะบอกนาย"คลาร่าที่เป็นทั้งเพื่อนและน้องชายของผมพูดขณะที่ผมกำลังเขียนงานอยู่ ผมมองหน้าน้องชายของผมและเอ่ยถามเขา
           "มีอะไรงั้นเหรอครับชาร์ล?"ผมถาม
           "เรื่องของฟริกส์..."จากนั้นคลาร่าก็ได้เล่าถึงเหตุการณ์ต่างๆที่คุณฟริกส์แอบทำลับหลังผม รวมถึงทั้งเรื่องที่คุณฟริกส์ยังใช้เงินของผมแบบฟุ่มเฟือย อา...เรื่องนี้เองสินะ
           "อ๋อ.......ถ้าเกิดเป๋นเรื่องนี้น่ะ ผมรู้แล้วครับ"คำตอบของผมดูเหมือนจะทำให้คลาร่าหรือชาร์ลตกใจ ดูจากคิ้วที่ขมวดแล้วคงจะงุนงงสงสัยแน่นอนครับ
           "รู้..? นายรู้อยู่แต่ก็ยังให้ยัยผู้หญิงนั่นหลอกเนี่ยนะ?" ชาร์ลพูดพร้อมจ้องผมเขม็ง "นายตั้งใจจะทำอะไรกันแน่"

           ถึงแม้ชาร์ลจะพูดแบบนั้น ผมไม่ตอบคำถามนั้นและก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่เงียบๆ ถ้าผมบอกไปก็คงไม่ 'สนุก' นิครับจริงมั้ย

           "ให้เวลาผมอีก 1 เดือน เพราะผมอยากจะเล่นตามนํ้าเธอไปเรื่อยๆ...แล้วหลังจากนั้นพวกคุณก็หมดห่วงไปได้เลยครับ..."ผมตอบด้วยนํ้าเสียงที่ดูเรียบ ถ้าผมบอกไปว่าผมจะทำอะไร...

           มันคง 'ไม่สนุก' เท่าไหร่นักหรอก ผมยังไม่อยากให้ใครรู้สิ่งที่ผมคิดหรือจะทำเท่าไหร่นัก


           แต่จนกระทั่งผมได้รู้ข่าวมาจากคุณแซนส์อีกทีว่าคุณฟริกส์ทำร้ายคุณแบล็คโดยการตบใบหน้าเพราะคุณแบล็คเตือนเรื่องที่คุณฟริกส์ทำเรื่องที่สำหรับคนมีแฟนไม่สมควรทำและเรื่องที่คุณฟริกส์พยายามให้ท่าผู้ชายคนอื่นหรือแม้กระทั่งเรื่องเงินของผมที่ใช้จ่ายอย่างไร้ประโยชน์นั่น ไหนจะคุณฟริกส์ยังไปถามคุณแบล็คเรื่องคุณแซนส์ ถ้าให้ผมเดา...เธอคงจะสนใจคุณแซนส์มากกว่าเพราะจากที่ผมดูแล้ว...เป้าหมายที่แท้จริงของเธอคือคุณแซนส์ที่ขึ้นชื่อว่าไม่มีผู้หญิงคนไหนสามารถทำให้เขาสนใจได้...

           แต่คุณฟริกส์คงไม่รู้ว่าคุณแบล็คกับคุณแซนส์กำลังคบหาดูใจกันอยู่

           แต่ดูเหมือนความหวังดีของคุณแบล็จะไม่ได้ทำให้คุณฟริกส์มี 'สมอง' ขึ้นมาเท่าไหร่นักเลยตบคุณแบล็คและเกือบจะทำร้ายไปมากกว่า นั่นยิ่งทำให้ผมรู้สึกโกรธมาก แต่ตอนนี้ยัง...ผมต้องการจะเล่นตามนํ้าเธอต่อไป แสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องเพื่อรอเวลา...


           นี่ผมถือว่าให้โอกาสเธอแล้วนะครับคุณฟริกส์


           แต่ดูเหมือนคุณจะ 'โง่' เกินจนไม่อาจจะรีไซเคิลได้เลยนะครับ


           และนั่นทำให้พอครบ 2 เดือนผมจึงบอกเลิกกับเธอในท้ายที่สุด ดูเหมือนคุณฟริกส์จะไม่ยอมเลิกกับผมง่ายๆด้วยสิ


           แต่ทำไงได้


           ก็ในเมื่อเธอเห็นผมเป็นเพียงแค่ 'เหยื่อ' ในแววตาเธอมันเต็มไปด้วยความลุ่มหลงหาใช่ความรักและความจริงใจ...


           ผมรู้ดีว่าต่อให้ผมเลิกกับเธอสุดท้ายเธอก็ยังไม่ยอมเลิกลากับผมง่ายๆนั่นจึงทำให้ผมต้องมีแผนสำรองไว้ก่อน...


           ในอดีตผมก็คือ 'แอสเรียล' ที่ไม่ประสีประสา แต่ตอนนี้ผมรู้สึกว่าเหมือนมีอะไรบางอย่างค่อยๆเปลี่ยนแปลงไป


           ผมคิดว่ามันก็คงเป็นเรื่องที่ดีที่ผมจะได้ไม่ต้องมายุ่งเกี่ยวกับคุณฟริกส์อีก


           จนกระทั่งวันนึงได้มีมนุษย์อีกคนตกลงมา เธอเหมือนมนุษย์ แต่กลับมีสีผิวที่แปลกกว่ามนุษย์คนทั่วไป เธอมีเส้นผมสีดำที่สวยงามเหมือนดั่งอัญมณีนิล และดวงตาสีดำที่กลมใสดูไร้เดียงสา เธอเป็นเด็กน้อยที่เหมือนอายุราวๆ 10 ขวบ ผมเห็นเธอได้รับบาดเจ็บที่คาดว่าน่าจะหนีมาจากพวกมนุษย์ผมจึงช่วยเธอ


           เธอชื่อ 'คุโระ ซาวีตัน'


           แต่ความจริงเธอไม่ใช่เด็ก เธออายุเท่าๆกับคุณฟริกส์ แต่ที่ผมเห็นตอนนี้...เธอแตกต่างจากเด็กอายุ 15 จริงๆ เพราะเธอทั้งไร้เดียงสา ขี้อาย ขี้กลัว แต่ขณะเดียวกันเธอก็มีความสดใสและน่ารักน่าเอ็นดูเหมือนเด็กน้อยที่ยังคงบริสุทธิ์


           แวบแรกที่ผมได้เห็นเธอ ผมมีความรู้สึกประหลาด ผมรู้สึกแปลกแต่มันเป็นความรู้สึกที่แตกตต่างจากตอนที่ผมพบคุณฟริกส์


           ครั้งแรกที่เธอได้พบปะกับพวกมอนสเตอร์ในอันเดอร์กราว เธอมีท่าทีที่ดูหวาดกลัวมาก แม้ต่อให้จะมีมอนสเตอร์บางตนที่เข้ามาพูดคุยกับเธอหรือพยายามแสดงความเป็นมิตรกับความเฟลนลี่ แต่คุณคุโระก็ยังคงหลบหลังผมตลอดราวกับกลัวท่าทางของพวกเขาราวเด็กน้อยที่หวาดกลัวคนแปลกหน้า


           เกิดคาดจริงๆ ผมเองก็คิดว่าเธออาจจะแสดงท่าทีกลัวเล็กน้อย หรือไม่ก็มองพวกเขาอย่างมึนงงสงสัย แม้ต่อให้จะมีมนุษย์ทั้ง 6 แต่เด็กคนนี้ดูแตกต่าง เพราะเธอแสดงออกชัดเจนว่าเธอหวาดกลัวมอนสเตอร์ รวมไปถึงขนาดเวลาเจอคุณฟริกส์เธอเองก็ยังคงมีอาการเหมือนกลัวคนแปลกหน้า


           ตอนที่พวกผมกับชาร์ลและคุณแบล็คได้พาคุณคุโระไปที่ร้านคุณกิลบี้ ดูเหมือนเธอจะหวาดกลัวมอนสเตอร์ที่ดูมีปากใหญ่กับฟันแหลมคมมาก เธอเห็นแค่แวบแรกถึงกับร้องให้งอแงออกมาและบอกอยากกลับบ้านจนพวกผมต้องพยายามปลอบเธอ แม้แต่เหล่ามอนสเตอร์คนอื่นๆยังเข้ามาช่วยปลอบเธอเช่นกันจนผมแปลกใจกับท่าทีของพวกเขา


           แต่พอคุณบิ้กเมาท์(มอนสเตอร์ปากใหญ่)ยกขนมชนิดหนึ่งที่เป็นคุกกี้ช็อกโกแลตขึ้นมาเพื่อพยายามทำให้คุณคุโระหายกลัวและแสดงความใจดี ดูเหมือนคุณคุโระจะหันไปสนใจคุกกี้นั้นมาก ผมสังเกตเธอ...เธอมองตามคุกกี้ที่ขยับไปมาคลับคล้ายกับเด็กน้อยที่เจอของชอบ ไม่ว่าคุณบิ้กเมาท์จะขยับคุกกี้ไปทางไหนเธอก็จะหันตามอย่างสนใจจากนั้นเธอก็จะค่อยๆหลบหายเข้าไปด้านหลังผมแล้วพุ่งกระโดดไปงับคุกกี้นั่นกินทันที!


           ผมยอมรับว่าผมตกใจกับท่าทางของเธอมาก แม้มันอาจจะดูเหมือนล่อเด็กด้วยขนมแต่ก็ทำให้คุณคุโระดูมีความสุขและหันไปขอขนมจากคุณบิ้กเมาท์อย่างสดใส รู้ตัวอีกที...ผมก็เผลอหลุดยิ้มขำออกมาด้วยเสียงแผ่วเบาและนั่นทำให้ผมรู้สึกประหลาดใจกับตนเองอีกครั้ง


           ถ้าเป็นคุณฟริกส์ล่ะก็...เธอจะเป็นฝ่ายเข้าหาพวกมอนสเตอร์เอง รวมถึงยังพยายามแสดงความเป็นมิตรต่อพวกเขา แม้หลายครั้งก็อาจจะทำให้มีมอนสเตอร์บางตนไม่สบายใจบ้างเพราะการแสดงออกที่ดูมากเกินไปแต่อย่างน้อยสุดท้ายคุณฟริกส์ก็สามารถทำให้พวกมอนสเตอร์อย่างพวกผมเชื่อใจและสนิทได้ภายในเวลาเพียงแค่ 1 เดือนครึ่ง...


           แต่เด็กคนนี้แตกต่างเกินไป...


           ถึงแม้คุณคุโระในช่วงแรกจะถูกล่อด้วยขนมจากคุณบิ้กเมาท์ได้ แต่สุดท้ายคุณคุโระก็กลับมากลัวคุณบิ้กเมาท์อีกครั้งคงเพราะปากที่อ้าออกกว้างจนคุณคุโระกลัวรีบมุดไปหลบทันทีเหมือนกระต่ายน้อยที่กำลังตื่นตูมเล่นเอาคุณบิ้กเมาท์ถึงกับ...มีอาการเงิบ?เลย ส่วนคนอื่นก็เหมือนมีการพูดหยอกล้อกับคุณบิ้กเมาท์นิดหน่อยตามประสาคนสนิท


           เด็กคนนี้ไม่ได้เข้าหาเหล่ามอนสเตอร์แบบโต้งๆหรือโดยตรง...เธอแสดงออกชัดเจนว่าเธอหวาดกลัวพวกเขาจริงๆ เธอพูดออกมาตรงๆอย่างไม่คิดอะไรว่าเธอกลัวพวกผมและคนอื่นจริงๆ เธอบอกว่าพี่เลี้ยงของเธอเคยเตือนว่าห้ามเชื่อใจคนแปลกหน้าเพราะคนภายนอกน่ากลัวเกินไป เธอแสดงออกมาตรงๆว่าเธอกลัวคุณบิ้กเมาทแม้จะเธอจะถามคุณบิ้กเมาท์ว่าเขาจะกินเธอมั้ย แม้คำตอบของเขาจะบอกว่าไม่กินแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะทำให้คุณคุโระไว้วางใจได้ 100%


           แต่ถึงอย่างไรสุดท้ายคุณคุโระก็สามารถเชื่อใจและสนิทกับพวกมอนสเตอร์ได้ภายในเวลา 6 วัน แม้จะมีอาการเกร็งๆและกลัวในช่วงแรกๆแต่เธอก็พยายามที่จะพูดคุยกับพวกเขาแม้จะเขินอายไปบ้างแต่ก็สามารถพูดคุยกันได้อย่างเปิดเผย...


           เธอเหมือนเด็กน้อยมาก ผมเองก็ไม่อยากจะเชื่อว่าเธอจะอายุ 15 แต่ผมเองก็ใช่ว่าจะไม่ยอมรับ ผมมักมองเธอตลอดและคอยสังเกตเธอเสมอ โดยรวมแล้วคุณคุโระก็ไม่ต่างอะไรจากเด็กน้อยไร้เดียงสาคนหนึ่ง ราวนกน้อยที่ได้ออกจากกรงและโบยบินไปอย่างอิสระ เธอดูสดใสและร่าเริงเสมอ และมักจะมีรอยยิ้มที่บริสุทธิ์ไร้เดียงสาเสมอ


           นั่นทำให้หัวใจของผมเริ่มเต้นไม่เป็นจังหวะทุกๆครั้งยามที่ผมมองเธอ


           ผมรู้สึกหวั่นไหวต่อเธออย่างน่าประหลาด ผมรู้สึกเชื่อใจผู้หญิงคนนี้ ผมรู้สึกอบอุ่นเวลาที่อยู่ใกล้เธอ แต่การแสดงออกของเธอนั้นมักจะมองผมเหมือนพี่ชาย


           เธอเคยบอกผมว่าเธอเห็นภาพทับซ้อนของผมเหมือนพี่สาวของเธอในตอนที่ทำเอกสารในห้องทำงาน เธอเห็นภาพทับซ้อนของคุณแม่ของผมเหมือนคุณแม่ของเธอที่อ่อนโยนเหมือนกัน ส่วนคุณพ่อของผมเธอเองก็เห็นภาพทับซ้อนเช่นเดียวกันเพียงแต่คุณพ่อของคุณคุโระจะดูอ่อนโยนและไม่ได้ทำสีหน้าเคร่งขรึมเท่าไหร่ และเหตุผลที่เธอคอยดูแลพวกผมรวมถึงชาร์ลก็เพราะเธอกลัวว่าพวกผมจะหายไปเหมือนครอบครัวของคุณคุโระ เธอเพียงต้องการใช้เวลากับครอบครัวเท่านั้น


           ผมยังคงจำสิ่งที่เด็กคนนี้เคยเล่าให้ผมฟังได้ในตอนที่อยู่ในร้านคุณกิลบี้...


           เธอดูโดดเดี่ยว...เดียวดาย...อ้างว้าง...และเงียบเหงา


           ไม่ต่างอะไรจากเด็กน้อยที่ต้องการความรักจากพ่อแม่ ผมไม่รู้ว่าครอบครัวของคุณคุโระงานหนักขนาดไหน ไหนจะเธอยังถูกห้ามไม่ให้ออกจากบ้านแบบนี้แม้ต่อให้มีพี่เลี้ยงคอยดูแลและอยู่เป็นเพื่อนเล่นแค่ไหนแต่สุดท้ายก็ไม่อาจช่วยเติมเต็มในสิ่งที่เด็กคนนึงต้องการได้


           รวมถึงการสอนของพวกพี่เลี้ยงของเธอ...ยิ่งเป็นเหมือนการทำให้เด็กคนนึงไม่สามารถมีอิสระได้อีก


           นี่คงเป็นสาเหตุ...ที่ทำให้คุณคุโระเป็นแบบนี้สินะครับ...


           ไม่เป็นไรครับ ผมจะอยู่เคียงข้างและคอยช่วยเด็กคนนี้เอง อา...พูดแล้วเหมือนผมกำลังสารภาพรักเลยนะครับ แต่ทำไงได้...


           ผมเผลอ 'รัก' เด็กคนนี้ไปแล้ว





           เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก ผมกับคุณคุโระก็ได้คบหาดูใจกัน ผมรู้สึกมีความสุขมากๆที่ได้อยู่กับเธอ ไม่ว่าจะไปที่ไหนเธอมักมีอะไรที่ทำให้ผมรู้สึกประหลาดใจเสมอ แม้ต่อให้สถานที่แห่งนี้ดูจะเหมือนธรรมดาและปกติสำหรับพวกผมแค่ไหนแต่สำหรับคุณคุโระ...เธอกลับทำให้ทุกอย่างกลายเป็นเรื่องสนุกเสมอ

           มันเป็นความสุข...ที่ผมนั้นไม่เคยได้พบมาก่อน

           มันทั้งสนุก น่าติ่นเต้นและมีความสุขมากๆ บางสิ่งบางอย่างที่คนเป็นรัชทายาทอย่างผมที่ไม่เคยได้ลองทำนั้นแต่เธอกลับทำมันออกมาให้ผมโดยไม่สนว่าผมจะเป็นรัชทายาทราวกับว่าผมเองก็เหมือนคนทั่วไป เธอมักจะเลือกซื้อของที่ดูราคาไม่แพงจนเกินไป แต่จากที่ผมเห็น...เธอมักซื้อแต่พวกของกินเป็นส่วนใหญ่มากกว่า โดยเฉพาะขนมของร้านคุณมัฟเฟ็ต ถ้าคุณมัฟเฟ็ตมีของลดราคาคุณคุโระจะปรี่เข้าไปทันที หรือไม่ก็อาหารของร้านคุณกิลบี้ จากที่ผมเห็นและสังเกตมาตลอดเธอมักจะชอบทานอาหารประเภทกุ้ง โดยเฉพาะข้าวผัดกุ้งที่เธอมักจะสั่งทานทุกครั้งถ้ามีโอกาส แต่เหมือนเธอจะกินแค่กุ้งบางประเภท กุ้งล็อบสเตอร์พวกนี้คุณคุโระไม่คิดจะทานมันเด็ดขาดโดยเธอให้เห็นผลว่าแค่ราคา 300 เกือบ 400 เธอก็ไม่เอา เหมือนจะแพงในสายตาคุณคุโระไปเลย

           ส่วนพวกเสื้อผ้าอะไรนั่นคุณคุโระมักเลี่ยงพวกชุดแนวกระโปรงยาวๆหรือพวกกระโปรงฟูฟ่องหรือมันดูสวยหรูอะไรพวกนั้นคุณคุโระมักจะแสดงท่าทีและสีหน้าที่เหมือนคนบอกบุญไม่รับจนดูตลก เธอบอกว่าเธอไม่ชอบของหรูหรือแพงเกินไป เพราะเธอเห็นแล้วก็แทบอยากจะปาทิ้งไปเลย และเธอก็เคยยอมรับว่าเธอก็เคยอยากใส่ชุดแนวนี้ แต่เหมือนคุณคุโระจะเลือกความปลอดภัยจากเสื้อผ้า(?)เลยไม่ต้องการมัน


           และในตอนนั้น...ผมจำได้ดี...


           เธอเคยทำ 'เอสคาโก้' ให้ผม


           มันไม่ได้แย่ จริงๆมันเป็นอาหารพื้นเมืองของฝรั่งเศส ราคาก็ไม่ได้แพง เอสคาโก้น่ะเป็นมื้อโปรดของผมเลย แต่ผมก็ไม่ได้ทานมันบ่อยๆหรอก ตอนนั้นผมก็ตกใจเหมือนกันว่าทำไมคุณคุโระถึงรู้ว่าผมชอบเอสคาโก้ จนได้คำตอบว่าเธอเคยมีเพื่อนที่เหมือนผมและก็เหมือนจะเป็นตัวผมในโลกคู่ขนานเธอเลยคิดว่าผมน่าจะชอบพวกหอยทากเหมือนกันจึงเลือกทำเอสคาโก้...


           เธอกำลังทำให้ผมหลงไปถึงไหนกันคุณคุโระ


           ตั้งแต่ผมจำความได้ ผมที่เป็นรัชทายาท ผมไม่ได้แสดงออกเท่าไหร่ว่าผมชอบอะไรจนบางทีก็มีคนคิดว่าผมเป็นพวกไม่ค่อยติดดิน ขนาดคุณฟริกส์เองก็ยังไม่รู้เลยว่าผมชอบอะไรแม้ต่อให้จะเคยเป็นแฟนกัน แต่คุณฟริกส์ก็ไม่เคยรู้เลยว่าผมเองก็ชอบทานอาหารพื้นเมืองเช่นกัน...


           ผมชอบพวกผ้าไหมจนถึงขนาดที่ว่าผมเองก็อยากที่จะลองตัดเย็บพวกเสื้อผ้าดูสักครั้ง แต่ผมก็ไม่ค่อยมีเวลาจึงทำได้เพียงแค่พวกผ้าพันคอหรือไม่ก็พวกผ้าชนิดเล็กๆน้อยๆหน่อย...


           แต่คุณคุโระ....ก็ได้ทำผ้าไหมมาให้ผมเพื่อเป็นรางวัลที่ผมสามารถทำงานเสร็จได้แม้ว่าตอนนั้นผมจะงานเยอะ


           อันที่จริง...มันคือแผนของคุณแซนส์ที่อยากจะทดสอบคุณคุโระว่าเธอจะเหมือนคุณฟริกส์มั้ย แต่ผมก็เชื่อใจคุณคุโระถึงอย่างไรซะผมเอง...ก็อยากจะลองใจคุณคุโระเหมือนกัน


           แต่ผลลัพธ์ดีเกินคาด...


           เธอดูไม่ต่างจากเด็กน้อยคนนึงที่เหมือนจะพยายามคอยช่วยเหลือและดูแลผมเท่าที่จะทำได้ สิ่งเล็กๆที่เธอช่วยผมระหว่างผมทำงานหลังจากที่คุณคุโระทำงานเสร็จคือคุณคุโระจะคอยนำอาหารหรือพวกกาแฟมาให้ผม ไม่ก็ทำขนมโปรดให้ผม ขณะเดียวกันระหว่างผมเผลอหลับขณะทำงานก็เหมือนจะมีกองงานเอกสารกองหนึ่งที่เสร็จไปทั้งๆที่ผมยังไม่ทันได้คัดแยกมันโดยมีของทิ้งท้ายนั่นคือพวกกาแฟกับข้าวผัดเอสคาโก้โดยมีกระดาษโน๊ตที่วางอยู่ตรงขอบจานเขียนให้กำลังใจผมว่า 'สู้ๆ' ...


           เมื่อผมได้ลองแกล้งหลับดู...คนที่คอยแอบช่วยงานของผมมาตลอด...คนที่คอยแอบเข้ามาหาผม..คนที่แอบช่วยงานผม...ก็คือคุณคุโระ ไหนจะพอผมทำงานเสร็จเธอยังทำผ้าไหมมาให้ผมทั้งๆที่เธอไม่เคยทำพวกเย็บปักจนทำให้เธอมีแผลขนาดพันผ้าพันแผลไปเลย


           ผมบอกไม่ถูก...ผมไม่รู้จะพูดอย่างไร


           แต่ผมรักคุณคุโระจริงๆ ผม 'รักเธอมากๆ' ...รัก...จนทำให้ผมมีความรู้สึกบางอย่างที่แตกต่างออกไป...


           ผมไม่ต้องการให้เธอ 'หายไป'


           เธอคือคนที่ผม 'รักมาก' ที่สุด ผมไม่อาจที่จะไปรักคนอื่นได้อีกนอกจากคุณคุโระ ผมไม่สามารถชายตามองผู้หญิงคนไหนได้อีกนอกจากคุณคุโระ...


           แต่ในบางครั้ง...ผมเองก็มีความรู้สึกแปลกๆกับคุณคุโระ...


           ราวกับคุณคุโระมีบางอย่างซ่อนอยู่...


           ช่วงแรกๆที่คบกัน แววตาของคุณคุโระแม้จะมองผมด้วยความรักที่บริสุทธิ์ แต่ขณะเดียวกันมันก็แฝงไปด้วยความกลัวและอารมณ์สั่นไหวบางอย่างซ่อนอยู่ ราวกับว่าเหมือนเธอยัง 'ไม่เชื่อใจ' ผม...


           ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับคุณคุโระ ผมไม่รู้ว่าอะไรทำให้คุณคุโระดูแปลกไปจนบางทีเธอก็มีความแอบระแวงผมนิดหน่อย


           หากไม่ใช่สาเหตุมาจากแค่คุณฟริกส์ แล้วมันเกิดจากอะไร??


           บางทีเธอก็มักจะฝันร้ายบ่อยๆจนผมเริ่มเอะใจว่าสรุปแล้วคุณคุโระฝันอะไรกันแน่ ทำไมเธอดูระแวงผมแปลกๆ แม้เธอจะไม่แสดงออกแต่แววตาของเธอมันซ่อนไม่มิดเลย


           คุณคุโระเคยบอกว่าเธอมีคนรักถึง 2 คน แต่เธอกับพวกเขาต่างรักด้วยความบริสุทธิ์ใจเหมือนที่เธอรักผม ตอนนั้นผมเองก็ไม่ได้ว่าอะไร ผมรับได้ ผมไม่สนว่าเธอจะเปลี่ยนไปขนาดไหน แต่ดูเหมือนว่าปัญหานั้นจะไม่ได้มาจากแค่เรื่องที่กลัวผมไม่อาจยอมรับสิ่งที่เธอเป็นได้...


           ทำไมกัน..? เพราะอะไร??


           อะไรทำให้เธอมองผมเหมือนไม่เชื่อใจขนาดนั้น?


           ไม่ใช่แค่เพียงเพราะแค่ผมที่เธอระแวง แต่เธอกลับมีความแอบระแวงมอนสเตอร์คนอื่นๆด้วยเช่นกัน ราวกับว่าเธอพร้อมที่จะร้องให้ได้เสมอยามที่มองพวกเขาหรือแม้แต่ผม มีบ้างที่เธอแอบหลบตาทำทีเหมือนกับว่าคิดเล่นๆนิดหน่อย...






           จนกระทั่งวันนึง...วันที่คุณคุโระได้หายตัวไป ตั้งแต่หลังจากจบสงครามมอนสเตอร์กับมนุษย์พวกโสมมที่ถูกกำจัดโดยฝีมือของคุณคุโระและพวกคนของโลกคุณคุโระ เธอได้ประกาศว่าจะไม่เกี่ยวข้องกับพวกผมอีกและตัดขาดจากพวกผม ภาพสุดท้ายที่ผมเห็น...ตอนที่เธอหันหลังให้พวกผม...

           ผมเห็นนํ้าตาของเธอ...





           อา...ในที่สุด...ผมก็ได้รู้สาเหตุแล้วว่าทำไมคุณคุโระถึงได้ระแวงพวกผมรวมถึงยังมีสายตาที่ราวไม่เชื่อใจพวกผม...


           เพราะไอ้ความฝันบ้าๆนั่น...ที่เกิดมาจากจิตด้านลบของคุณคุโระทำให้เกิด 'โลกคู่ขนาน' ที่ไม่ควรเกิดขึ้นมา


           ผมรู้แล้วว่าอะไรที่ทำให้คุณคุโระหวาดกลัว...


           สิ่งที่คุณคุโระกลัวมากที่สุดนั่นคือการถูกทรยศหักหลังความเชื่อใจโดยคนที่เธอ 'รัก'


           ไหนผมจะได้รู้อีกว่ามันมีระบบบางอย่างที่ผมไม่คุ้น แต่เพราะผมได้เรียนรู้มาจากคุณคุโระส่วนนึงและคุณซากุเอะส่วนนึงเลยรู้ว่าเจ้านี่มันคล้ายๆระบบของเกมส์ แต่ขณะเดียวกันแท้จริงมันก็เหมือนเป็นระบบที่คอยช่วยดูแลโฮสต์ที่สมควรจะดูแลและจะคอยหลอกคนประเภทแบบคุณฟริกส์เพื่อที่จะเก็บข้อมูลและสืบแบบลับๆไปจนถึงคอยตลบหลังคุณฟริกส์ในตอนท้าย


           คุณคุโระเองก็มีระบบ แต่เป็น 'ระบบแอนดรอยด์' ซึ่งเธอได้บอกผมว่าคุณคุโระมักจะทำนอกเหนืออีเว้นต์ที่พวกเธอมอบให้ คุณคุโระมักจะปัดอีเว้นต์ในการจีบ รวมถึงปัดตัวเลือกในการพูดคุยและพูดแบบตัวของคุโระเอง ระบบแอนดรอยด์ได้บอกผมหลายๆอย่างจนผมเข้าใจ...


           ไม่เป็นไร...ในเมื่อเป็นแบบนี้ผมก็จะทำให้คุณคุโระกลับมา 'เปิดใจ' อีกครั้ง


           ต่อให้ผมรู้ว่าคุณคุโระเกลียดคุณฟริกส์ แต่นั่นก็เพราะว่าคุณคุโระตั้งใจจะช่วยพวกผม เธอตั้งใจจะแก้ไขทุกๆอย่างและต้องการให้พวกผมมีชีวิตที่ดี รวมถึงคุณแบล็คที่ต่อให้ผมรู้ว่าเธอคือผู้สร้างแต่เธอก็ช่วยพวกผมเช่นกัน


           คุณคุโระ....คุณไม่ใช่ผู้หญิงเลวร้ายเลยสักนิด


           แต่คุณแค่ไม่เข้าใจตัวเอง คุณแค่สับสนตัวเอง คุณเคยเป็นจักรพรรดินีที่ยอมเสียสละความสุขจนหลงลืมความเป็นตัวเอง ถ้าคุณเลวจริงๆคุณก็คงจะเลือกทรยศหักหลังพวกผมเหมือนที่คุณฟริกส์ทำ แม้ต่อให้คุณจะเป็นคนที่รักสนุกกับการทรมาณให้ตายทั้งเป็น แต่คุณก็เลือกกำจัดเฉพาะคนที่เป็นคนเลวจริงๆหรือคนที่คิดร้ายกับพวกผม


           ผมอยากให้คุณคุโระลองพยายามเปิดใจดูสักนิด


           และเปิดใจให้กับผมอีกสักครั้ง


           ผมสาบานได้เลยว่าผมจะไม่มีทางที่จะทำแบบในความฝันนั้น และหากคุณคุโระอยากจะข้ามมิติไปโลกคู่ขนานที่คุณฝันนั้นผมก็จะขอติดตามคุณและพร้อมที่จะช่วยคุณสั่งสอนพวกทานหญ้าเหล่านั้นเอง


           แต่ถ้าใครคิดทำร้ายคุณ...โดยเฉพาะคุณฟริกส์...


           แม้ต่อให้ต้องเปื้อนเลือด...ผมก็ 'ยอม' เพื่อคุณ


           เพราะผม 'รัก' คุณ


           ผมทั้งรักทั้งหลงคุณจนหมดใจ


           และผมจะรักคุณตลอดไป แม้ต้องเปื้อนเลือดก็ตาม



    ตอนเขียน...ยอมรับว่าขณะเขียนเหมือนมีความรู้สึกบางอย่าง...ไม่รู้ว่าเพราะเราบ้า...หรือคิดไปเอง...ราวกับได้ยิน 'เสียง' ความรู้สึกมาจากตัวของจอยแอสเรียล ถ้าเป็นเมื่อก่อน...เขียนเพื่อไม่ให้ดราม่าเกินไป แต่อะไรหลายๆอย่างมันทำให้เริ่มเขียนในเชิงสมจริงขึ้นเรื่อยๆ...จนกระทั่งตอนนี้...

    ไม่รู้ว่าเพราะตัวเราบ้า...หรือเพราะยังคงรู้สึกราวมีความหวังกันแน่...จนทำให้ได้ยินเสียง 'หัวใจ' ที่ออกมาจากความรู้สึกของจอยแอสเรียล...

    จนทำให้บางที...เราเผลอหยุดเขียนกระทันหัน...เหมือนกับว่าเรากำลังรับฟังอยู่...

    แต่ไม่ว่าจะเพราะมาจากความรู้สึกของเราที่ยังคงรักเขาและยังคงหวังว่าเขาจะรักเรา ทั้งๆที่อีกใจนึงของเราคิดว่าเขาคงไม่อาจจะยอมรับเราได้...

    สุดท้าย...ก็อย่างที่กล่าว...ว่าเราเหมือนได้ยินเสียงบางอย่างออกมา...มันมาจากหัวใจ..และความรู้สึกหาใช่เสียงกระซิบ

    จนทำให้เรา...เขียนแบบนี้ออกมา...



    ถ้าผิดพลาดประการใด หรือถ้าหากนี่ไม่ใช่จอยแอสเรียลที่น้องแบล็คคิดเอาไว้พี่ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ถ้าหากมันผิดพลาดพี่จะค่อยๆช่วยแก้ให้ แต่นี่พี่เขียนออกมาตามความรู้สึกจริงๆ...

    ราวกับว่าเหมือนมีบางสิ่งที่มองไม่เห็นคอยเฝ้ามองและโอบกอดเราเอาไว้

    นั่นจึงทำให้พี่เขียนมันออกมาแบบนี้ เพราะฉะนั้นขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ
    SNAP
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×