ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    { FIC SCP FOUNDATION x SCP Reader } I Don't Know. ฉันคือใคร [ Rate 18+ & Harem ]

    ลำดับตอนที่ #6 : Chapter 3 : ไม่ใช่เรื่องง่าย

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.46K
      128
      3 ก.ค. 63

    Chapter 3 : ไม่ใช่เรื่องง่าย

         ชีวิตอันแสนเรียบง่ายและสงบสุขของคุณก็ดำเนินไปอย่างราบรื่น ภายในสวนหลังคฤหาสน์หลังนี้อุดมไปด้วยธรรมชาติมากมาย ทั้งสวนดอกไม้ นํ้าตก และสัตว์ต่างๆอย่างพวกกวาง กระต่าย กระรอก นก และอื่นๆอีกมากมาย คุณมีความสุขกับการใช้ชีวิตที่นี่มากๆ มันเต็มไปด้วยสิ่งมหัศจรรย์และความสวยงามที่คุณไม่เคยพบเจอมาก่อน คุณอยู่ที่นี่มาประมาณตอนคุณอายุหกขวบปลายๆแม้ตอนนี้คุณอายุเจ็ดขวบแล้ว แต่คุณก็ยังคงชอบที่นี่ไม่เคยเปลี่ยน
         ในสวนดอกไม้สวนหนึ่ง คุณที่กำลังนั่งถักดอกไม้เพื่อทำเป็นมงกุฎดอกไม้ โดยมีคิโอเน่และเมลวาสคอยคุมและดูแลคุณอยู่ ส่วนทางดูเวสซ่าและลูเซียนก็ออกไปลาดตระเวน ส่วนโครนอสกับลูคาสต้าตอนนี้คุณเองก็ไม่รู้ว่าพวกเขาไปไหน แต่คุณก็จะรอพวกพี่ๆของคุณเพื่อจะได้ชวนมาเล่นด้วย...

         คุณใช้เวลาในการถักดอกไม้เป็นเวลาหลายชั่วโมงกว่าจะทำออกมาได้ตามที่คุณต้องการ ซึ่งมันสำเร็จ

         "พี่คิโอเน่ พี่เมลวาส มานี่หน่อยสิคะ"คุณเอ่ยเรียกพี่เลี้ยงทั้งสองของคุณ สองชายหญิงเมื่อได้ยินดังนั้นพวกเขาจึงลุกขึ้นจากโต๊ะนํ้าชาแล้วเดินมาหาคุณ คุณกวักมือให้ทั้งคู่ก้มลงมาหน่อยซึ่งทั้งสองก็ทำตาม จากนั้นคุณจึงได้สวมมงกถฎดอกไม้ให้ทั้งคู่ทันที
         "หนูให้ค่ะ! เหมาะกับพวกพี่มากๆเลยนะคะ!"คุณพูดพร้อมกับยิ้มสดใส มงกุฎดอกไม้ที่คุณสวมให้นั้นแตกต่างกัน ของเมลวาสใช้ดอกกุหลาบเล็กๆสีขาวสลับกับแดงเข้มแล้วตกแต่งให้มีใบไม้เล็กๆสวยๆหน่อย พร้อมกับกลิ่นหอมของดอกมะลิ แม้มันจะดูเรียบง่ายแต่กลับมีความสวยงามในแบบของมันอย่างน่าประหลาด ส่วนของคิโอเน่ใช้เป็นเชือกในการทำและใช้ดอกกุหลาบสีออกหวานๆสลับกับดอกไม้ชนิดอื่นเล็กน้อยเพียงบางชนิด จึงทำให้มันสวยออกไปทางหวานและงดงามเวลาเดียวกัน...
         "ชอบหรือเปล่าคะ??"คุณเอ่ยถามด้วยความสงสัยและเต็มไปด้วยความลุ้นระทึก ทั้งสองค่อยๆยื่นมือไปสัมผัสกับมงกุฎดอกไม้ที่คุณเป็นคนสวมให้ ใบหน้าของพวกเขายังคงมีความเรียบนิ่งแต่เหมือนกำลังพิจารณาบางอย่างแล้วมองมาทางคุณพร้อมกับพยักหน้าให้เบาๆเป็นคำตอบ คุณยิ้มร่าด้วยความดีใจแล้วกระโดดไปมารอบๆตัวของทั้งสองคนอย่างดีใจ มันดูเหมือนกระต่ายน้อยมากๆ...
         "ถ้าพวกพี่ชอบก็เก็บไว้ได้นะคะ! เดี๋ยวหนูขอถักมงกุฎดอกไม้อันอื่นต่อนะคะ!"คุณพูดแล้วก็ก้มลงเก็บดอกไม้พลางเลือกดอกไม้ไปด้วยเพื่อที่จะนำมาทำเป็นมงกุฎดอกไม้สำหรับคนอื่นๆด้วย ทั้งสองคนมองคุณแล้วนั่งลงบนพื้นสวนดอกไม้แห่งนี้เพื่อคอยจับตามองคุณอีกครั้ง...

         ไม่มีใครสามารถคาดเดาความคิดของพวกเขาได้ว่าพวกเขากำลังคิดอะไรกันอยู่...

         ในระหว่างที่คุณกำลังถักดอกไม้นั้น คุณก็มักจะฮัมเพลงเสมอ ฮัมเพลงไปถักดอกไม้ไปมันคือความสุขของคุณ ความสุขที่ยังคงอยากให้มีแบบนี้ตลอดไป...

         กระทั่งเมื่อพวกเขาได้กลับมา...พวกโครนอสได้โผล่ออกมาจากมุมมืด ส่วนอีกคู่ก็เดินเข้ามาทางประตู ทั้งหกคนต่างจ้องหน้ากันราวกับกำลังสื่อสารกันผ่านทางสายตา...หรือทางจิตกันก็ไม่ทราบ โครนอสมองเหล่าสมาชิกของตนทั้งห้าคน ตามด้วยสมาชิกทั้งห้าคนเองก็มองทางโครนอสเช่นกันแล้วโครนอสจึงพยักหน้าเบาๆ...

         พวกเขา...กำลังคุยอะไรกัน?

    [ ต่อ ]

         เวลาผ่านไปอย่างยาวนานหลังจากที่คุณได้ถักมงกุฎดอกไม้เสร็จแล้ว คุณมองผลงานของคุณด้วยความรู้สึกภาคภูมิใจเพราะคุณตั้งใจอย่างมากที่จะทำมันออกมาให้ดีที่สุดเพื่อนำมาเป็นของขวัญให้กับพวกพี่เลี้ยงของคุณ และเพื่อแสดงถึงความรักที่คุณมีให้พวกเขา คุณไม่รอช้าจึงได้หันไปข้างหลังก็ได้พบกับพวกพี่เลี้ยงของคุณที่เหมือนกำลังคุยบางอย่างจึงได้ลุกขึ้นแล้วรีบเดินเข้าไปหาพวกเขา คุณเข้าไปเกาะขากางเกงของโครนอสอย่างรวดเร็ว

         โครนอสค่อยๆก้มลงมองคุณ ใบหน้าที่เรียบเฉยแต่คุณรู้ดีว่าเขากำลังสงสัย "พี่จ๋า! พวกพี่มาพอดีเลย หนูทำมงกุฎมาให้พวกพี่ด้วย!!" คุณได้ชูมงกุฎดอกไม้ให้เขาได้ดู มงกุฎดอกไม้นี้ใช้ดอกกุหลาบสีดำสลับกับขาว คาดว่าคุณคงทำมาเพื่อให้เหมาะกับตัวเขาเพราะเนื่องจากสำหรับคุณแล้วโครนอสเปรียบเสมือนเทพ! แต่เป็นเทพแห่งความมืด! มันดูเท่มากสำหรับคุณ!

         ดวงตาของชายหนุ่มยังคงเรียบเฉยแต่เขาก็ค่อยๆก้มตัวลงคุกเข่าข้างหนึ่งต่อคุณเหมือนกับพวกองครักษ์หรือไม่ก็ทหารในราชวงศ์ที่เตรียมรับมงกุฎจากเจ้าหญิงอย่างไรอย่างงั้น คุณยิ้มให้เขาแล้วสวมมันให้กับเขา
         "เหมาะกับพี่โครนอสมากเลย่ะ! อะ! หนูทำมาเผื่อพวกพี่ด้วยนะคะ!!"ไม่รอช้าคุณได้ชูมงกุฎดอกไม้ที่เหลือออกมา แต่ละอันใช้ดอกไม้ที่แตกต่างแต่ก็มีบางอันที่เหมือนกัน พวกเขาก็ยอมก้มหัวให้คุณเพื่อให้คุณสามารถนำมงกุฎมาสวมไว้ให้ได้ง่ายๆ เพราะพวกเขาแต่ละคนก็สูงมากพอสมควร ส่วนใหญ่จะสูงประมาณ 170-180+ ขึ้นไป...
         "ว้าวๆ! เหมาะกับพวกพี่ๆที่สุดเลย~!! พวกพี่ชอบมั้ยคะ?"คุณพูดพร้อมกับถามพวกเขาอย่างลุ้นๆและตื่นเต้น พวกเขาพิจารณาอยู่สักพัก...จึงพยักหน้าให้กับคุณเบาๆ ซึ่งคุณเองก็ยิ้มร่าอย่างมีความสุขแล้วกระโดดไปมาเหมือนกระต่ายน้อย "ถ้าพวกพี่ชอบก็เก็บไว้ได้นะคะ! นี่ๆๆ หนูมีมงกุฎของตัวเองด้วยนะคะ! สวยมั้ยคะ!?" พูดจบคุณจึงหยิบมงกุฎดอกไม้ของตัวคุณเองขึ้นมา ซึ่งมันทำจากดอกไม้สีชมพูกับสีขาวสลับกัน มันจึงทำให้คุณดูสดใสมากขึ้น
         พอคุณสวมให้พวกพี่เลี้ยงดู พวกเขาก็มองคุณด้วยใบหน้าที่เรียบเฉยเหมือนทุกครั้งต่างจากคุณที่กำลังทำสีหน้ายิ้มแย้มและอยากรู้คำตอบของพวกเขา ซึ่งพวกเขาเองก็พยักหน้าเป็นคำตอบว่าเหมาะกับคุณจริงๆ คุณยิ้มอย่างมีความสุขและสดใสอีกครั้ง คราวนี้คุณได้พุ่งเข้าไปสวมกอดโครนอส แล้วก็กอดพวกพี่ๆคนอื่นๆจนครบแล้วผละออกพร้อมกับพูดว่า "หนูมีความสุขที่สุดเลยค่ะ! หนูดีใจที่พวกพี่ชอบมงกุฎที่หนูทำ! หนูรักพวกพี่ที่สุดเลยยยย!!" เมื่อพูดจบคุณก็เข้าไปสวมกอดพวกเขาอย่างรักใคร่และมีความสุข...

         ความสุขงั้นเหรอ?....รักงั้นเหรอ?

         แม้พวกเขาจะได้ยินคำพูดนี้จากคุณมาบ่อยครั้งนิดหน่อย แต่พวกเขาเองก็ไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร...ทำไมคุณถึงรักพวกเขา...

         พวกเขา...ที่เกิดมาพร้อมกับอาวุธและความรู้สึกว่างเปล่า แต่ไม่เคยมีสิ่งที่มนุษย์มี...

         พวกเขา...ที่เกิดมาไร้ความรู้สึกและไม่เคยมีสิ่งที่เรียกว่า 'ความรัก' และ 'ความสุข' ...

         ความสุขคืออะไร? ความรักอคืออะไร?

         พวกเขา...ที่เกิดมาในที่ๆเต็มไปด้วยเลือดพร้อมกับกลิ่นคาวเลือดที่เกิดมาจากฝีมือของพวกเขา...

         พวกเขาฆ่าคน...ตามสัญชาตญาณ...ของ 'ความตาย' ...

         และ...

         การที่พวกเขาได้พบกับคุณ...มันก็ได้ทำให้พวกเขาค่อยๆเปลี่ยนไปทีละนิด...ทีละนิด...แม้จะไม่แสดงออกมา...พวกเขาได้แต่มองมาทางคุณและนั่นจึงทำให้พวกเขาเหมือนพอจะเข้าใจ...

         แต่ก็ไม่เชิงว่าจะเข้าใจซะหมด...เหมือนพวกเขา...อยากปกป้อง?

         ปกป้องแสงสว่างที่กำลังจะเจออันตราย...






         ในส่วนอีกด้านนึง ทางสถาบันที่กำลังจัดการปฏิบัติหน้าที่ บางกลุ่มก็ไปจัดการหน้าที่ของตัวเองในการทดลองกับวัตถุตนอื่นๆ บางกลุ่มก็ไปทำหน้าที่ของตัวเอง บางกลุ่มก็คอยรักษาความปลอดภัย และบางกลุ่มก็กำลังวางแผนเรื่องการจับตัวพวกวัตถุพวกนั้น...

         ภายในสถาบันนั้นมักจะมีเรื่องวุ่นวายกันนิดหน่อย แต่บางครั้งก็มีถึงขั้นร้ายแรงเพราะการทดลองที่ผิดพลาดและการกักกันที่อาจจะมีการรั่วไหลอยู่บ่อยครั้งกับพวกเอสซีพีบางประเภท โดยเฉพาะพวกระดับ 'Keter' ...

         ทางไซต์กักกันอื่นๆก็ค่อนข้างที่จะมีปัญหาเล็กน้อย เพราะปัญหาในเรื่องวัตถุอันตรายที่มีการออกมาเพ่นพ้านในสถาบัน จนต้องช่วยกันส่งกองกำลังและวางแผนปฏิบัติการเพื่อจับมันไปกักกันในไซต์เช่นเดิม แต่ในขณะที่ทางรัฐบาล O5 ที่ได้มีการจัดการประชุมเรื่องของวัตถุอันตรายที่อยู่ในป่าพิศวงนั้นก็ยังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆ...

         "จากการสัมภาษณ์ของด็อกเตอร์แกรนเมื่อ 5 วันก่อน ก่อนที่เขาจะเสียชีวิต เขาได้บันทึกวิดีโอเทปเอาไว้เป็นข้อมูลไว้ด้วย ซึ่งจากที่ฟังมาทั้งหมดนั้นคาดว่าพวกมันคงจะจับตัวได้ยากมาก แต่จากที่ได้ฟังการสัมภาษณ์กับมิสเทรย์เลอร์แล้วเหมือนว่าพวกมันจะเจออะไรบางอย่างแต่พวกเราเองก็ไม่ทราบว่ามันคืออะไร และอะไรคือสิ่งที่พวกมันเห็นกัน"ดร.เกียร์อธิบายจากที่เขาได้ฟังจากเทปบันทุกเสียงที่พึ่งฉายจนจบและสรุปให้กับคนในหอประชุมได้ทราบ...

         "และนี่คือภาพจากกล้องวงจรปิดที่ได้ถูกถ่ายบันทึกเอาไว้ แต่ว่าน่าเสียดายที่พอพวกนั้นเข้ามามันกลับไม่สามารถเปิดดูได้เนื่องจากว่าพอเปิดออกมาแล้วภาพมันจะซ่าและเหมือนจะไร้สัญญาณ ทำได้เพียงแค่เห็นพวกมันเข้ามาแวบๆเพียงเท่านั้นเราจึงไม่สามารถมองเห็นหรือดูการกระทำของะพวกมันได้..."

         ตอนนี้คนในหอประชุมต่างก็มีสีหน้าเคร่งเครียดนิดหน่อยและคอยช่วยกันพิจารณา คิด วิเคราะห์เรื่องราวที่เกิดขึ้น "ความสามารถของพวกมันนั้นเหนือกว่ามนุษย์พวกเราอย่างมาก ทั้งความเร็วเหนือมนุษย์ พลังที่แตกต่างกันออกไป แต่สิ่งที่เหมือนกันนั่นคือการวาร์ป และผมคิดว่าสติปัญญาของพวกมันอาจจะเหนือมนุษย์ด้วยเช่นกัน" ดร.เกียร์กล่าว นั่นจึงทำให้คนในหอประชุมต้องต่างคิดวิเคราะห์และพูดคุยกันเรื่องที่ดร.เกียร์กล่าวออกมา...

         "จากที่ฟังมาแล้วเรื่องที่มิสเทรย์เลอร์รอดจากการถูกฆ่าในฐานวิจัยแห่งนั้น ดิฉันคิดว่ามันต้องมีสาเหตุแน่นอนค่ะ ดิฉันคิดว่าหากเราลองสืบหรือไม่ก็ลองไปค้นดูอาจจะมีวิธีที่จะจับพวกมันมาก็ได้นะคะ"มีนักวิจัยสาวคนหนึ่งเอ่ยเสนอขึ้นนั่นจึงทำให้ทาง O5 กับนักวิจัยที่ได้รับเชิญมานั้นต่างคิดว่าเห็นด้วย
         "ผมเห็นด้วย ผมคิดว่ามันอาจจะได้เบาะแสบางอย่างแน่นอนครับ..."ชายหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีฟ้าราวนํ้าแข็ง สวมแว่น ผิวขาวเนียตามแบบฉบับยุโรป สวมผ้าพันคอสีเงินอมเขียวซีดๆ ข้างในเป็นชุดเสื้อสูทนอกเป็นสีฟ้าซีด ผูกเนคไทน์สีซีด ใบหน้าหล่อดูเย็นชาแต่ก็มีความอ่อนเยาว์นิดหน่อย...

         'ดร.ไอซ์เบิร์ก' นักวิจัยระดับ 2 ...

         "ตกลง...งั้นเอาตามนี้ เราจะส่งคนไปตรวจสอบที่เกิดเหตุเผื่อว่าเราจะได้พบเบาะแสอะไรบ้าง" O5-1 ได้กล่าวขึ้น และการประชุมก็ดำเนินต่อไปจนกระทั่งสิ้นสุดลง และบอกให้คนอื่นๆกลับไปทำหน้าที่ของตัวเองต่อ...

         จนกระทั่ง....

         "คุณเกียร์ครับ...."ในระหว่างที่ทั้งคู่กำลังเดินทางกลับไปทำหน้าที่อยู่นั้น ดร.ไอซ์เบิร์กก็ได้เอ่ยทักเรียกชายวัยกลาง..แต่ยังดูหนุ่ม(?)ขึ้นมา แต่ดร.เกียร์เองก็ขานรับด้วยนํ้าเสียงอันเรียบนิ่งเหมือนเช่นปกติ "มีอะไรหรือเปล่าครับคุณไอซ์เบิร์ก..." ดร.เกียร์
         "ผมรู้สึกว่า...เหมือนมีบางอย่างเกี่ยวกับพุ่มไม้ที่คนให้สัมภาษณ์ได้พูดถึงนะครับ..."พอดร.ไอซ์เบิร์กกล่าวเช่นนั้นก็ทำให้ดร.เกียร์หยุดนิ่งไปสักพักแล้วจึงหันมาพูดกับอีกฝ่าย "คุณกำลังหมายถึง...พุ่มดอกกุหลาบนั่นน่ะเหรอครับ..." "ใช่ครับ..."

         ครั้นเมื่อได้ยินอย่างงั้นดร.เกียร์เองก็ลองนึกบางอย่างเกี่ยวกับสิ่งนั้น ในพุ่มดอกกุหลาบนั้นมันอาจจะมีอะไรบางอย่าง และไม่แน่มันอาจจะมีสิ่งที่พวกมันซ่อนเอาไว้ และในเทปบันทึกเกี่ยวกับการสัมภาษณ์นั้นเองก็มีการกล่าวว่าหากใครที่พยายามจะเข้าไปในนั้น คนเหล่านั้นจะไม่มีทางรอดได้อีกเพราะว่าพวกมันจะคอยมาขัดขวางไม่ให้เข้าไปเด็ดขาด...

         เรื่องนี้มันต้องมีอะไรแอบซ่อนอยู่อย่างแน่นอน แต่ว่าพวกมันมีความเร็วที่เหนือมนุษย์มาก ไม่แน่พวกมันอาจจะมีประสาทสัมผัสที่เหนือกว่ามนุษย์เราด้วยซํ้า...

         และถ้าหากเป็นแบบนั้นจริง ก็จะต้องมีการสูญเสียบุคลากรไปมากมายหลายคนเลยทีเดียว...ดังนั้นแล้ว...เพื่อไม่ให้เกิดการสูญเสียบุคลากรไปมากจะต้องคิดให้รอบคอบก่อนจะไปสำรวจที่นั่น

         "เรื่องนี้พวกเรายังไม่มีวิธีการที่จะเข้าไปสืบหรอก...เพราะดูเหมือนว่าพวกมันจะรู้ตัวเร็วกว่าที่พวกเราคาดคิด ดังนั้นแล้วอย่าพึ่งคิดเสี่ยงที่จะเข้าไปหากว่าเรายังไม่รู้อะไรจะดีกว่านะ..."เมื่อกล่าวจบ ดร.เกียร์จึงได้ทำการเดินออกไปเพื่อกลับไปทำหน้าที่ของตัวเองต่อ โดยที่ดร.ไอซ์เบิร์กยังคงยืนนิ่งอยู่และทำท่าครุ่นคิดบางอย่าง...

         "อา...ไม่ดีเลย..."




         ในด้านของไซต์กักกันแห่งหนึ่งที่อยู่ในชั้นล่างของสถาบัน ภายในห้องกักกันนั้นมีร่างของบุรุษผู้สวมหน้ากากอีกากับชุดสีดำที่เหมือนกับหมอกาฬโรคในยุคกลางของฝรั่งเศส แต่บัดนี้เขาได้ถูกใส่กุญแจมือเพื่อกันไม่ให้มันได้ทำอะไร และได้ถูกจับนั่งกับเก้าอี้ โต๊ะกับเก้าอี้ที่ถูกตั้งอยู่ห่างจากพวกเขานั้น...มันคล้ายคลึงกับโต๊ะสัมภาษณ์พวกนักโทษก็ไม่ปาน

         กระทั่งประตูด้านนอกได้ถูกเปิดออก พร้อมกับร่างของนักวิจัยคนหนึ่งที่ได้เดินเข้ามาในไซต์กักกันของวัตถุอันตรายระดับ Euclid โดย 'ดร.เอลียาห์ อิทคิน' เขาได้เข้ามาในไซต์กักกันเพื่อพูดคุยสัมภาษณ์กับวัตถุตนนี้....

         'SCP-049 หมอกาฬโรค' ระดับ Euclid

         "สวัสดี SCP-049"ดร.อิทคินได้เปิดบทสนทนขึ้นโดยการเปิดไมค์และลำโพงเพื่อให้ง่ายต่อการสัมภาษณ์ เพราะว่าพวกเขาอยู่ห่างจากมันค่อนข้างมากนิดหน่อยและก็มีเพียงแค่กระจกที่ทำให้เห็นร่างของหมอกาดำกับกำแพงที่ป้องกันไม่ให้มันเข้ามาใกล้พวกเขาง่ายๆ ร่างของหมอกาดำเมื่อได้ยินดังนั้นมันจึงค่อยๆเงยหน้ามองไปที่ดร.อิทคิน...
         "สวัสดีขอรับดร.อิทคิน ไม่ได้พบกันเสียนานเลยนะขอรับ"นํ้าเสียงที่ดูทุ้มแหบพร่าดูมีอายุและสุขุมแต่ก็แฝงไปด้วยนํ้าเสียงที่ดูอบอุ่นเล็กน้อยของหมอกาดำ นํ้าเสียงที่ฟังดูมันช่างสุภาพและดูมีเสน่ห์นั้นแต่ก็แอบซ่อนความอันตรายเอาไว้ มันทักทายอีกฝ่ายเหมือนปกติแต่กลับมีออร่าอันตรายแอบแฝงอยู่ในตัวของมัน
         "เช่นกัน....คุณเป็นยังไงบ้าง?"ดร.อิทคินกล่าวถามแบบปกติและตามมารยาท มันตอบว่า "กระผมสบายดีขอรับ" คำตอบของ SCP-049 มันยังคงปกติเหมือนเดิม ในช่วงกักกันนั้นเขาก็มักจะทำการทดลองหรือไม่ก็ค้นคว้าเรื่องเชื้อกาฬโรคและสาเหตุของการเกิดกาฬโรค โดยเฉพาะการรักษา....

         หากแต่ว่าการรักษาของเขานั้น....มันไม่ควร....

         ไม่ควรที่จะเป็นแบบนี้...

         "งั้นเหรอ..."ดร.อิทคินกล่าว "แล้วคุณเป็นอย่างไรบ้างขอรับ" SCP-049 เอ่ยถามกลับไปตามปกติและมารยาท ซึ่งเมื่อมาถึงคำถามแบบนี้ ดร.อิทคินจึงได้ตอบกลับไปว่า...
         "ก็ปกติ...แต่ช่วงนี้ผมรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่..."ดร.อิทคินกล่าวด้วยนํ้าเสียงที่ดูตึงเครียดนิดหน่อยและสีหน้าที่รู้สึกไม่สบายใจในเหตุการณ์ในครั้งนั้น...มันเป็นเหมือนฝันร้ายก็ไม่ปาน และจากกล้องวงจรปิดในครั้งนั้นอีกด้วยเลยไม่อาจที่จะหาข้อมูลได้แน่ชัดมากนั้น เจ้าวัตถุระดับยูควิดเมื่อได้ยินและเห็นท่าทางของดร.อิทคินแล้วก็เอ่ยถามขึ้น "มีเรื่องอะไรหรือเปล่าขอรับท่าน?" มันเอ่ยถาม...
         "ตอนนี้มีวัตถุอันตรายตัวใหม่เกิดขึ้น และพวกเรากำลังทำการหาทางจับตัวพวกมันมาเพื่อกักกันพวกมันเอาไว้ไม่ให้ออกไปเพ่นพ้านทำร้ายคนอื่นได้ แต่มันยากมาก...."ดร.อิทคินกล่าว หมอกาฬโรคจึงได้เอ่ยถามอีกครั้งว่า "คุณช่วยเล่าหรือบอกกระผมได้มั้ยขอรับว่ามันคืออะไร...คุณสามารถระบายมันออกมาก็ได้นะขอรับดร.อิทคิน"
         เมื่อได้ยินดังนั้น ดร.อิทคินจึงได้เล่าเรื่องรายละเอียดของวัตถุอันตราย 'พวกนั้น' ให้กับ SCP-049 ได้ฟัง แต่เขาก็แค่เล่ารายละเอียดที่เขาพอจะรู้มา และก็เรื่องการตายของคนในฐานทัพลับที่ส่งคนไปสำรวจแต่พอพวกทหารตายหมดพวกมันกลับตามมาฆ่าพวกคนที่เหลือในฐานทัพลับนั้นราวกับว่าพวกมันรู้ว่าพวกเขาอยู่ที่ไหนทั้งๆที่พวกเขาเองก็ไม่ได้รู้อะไรเกี่ยวกับพวกมันเลย หรือไม่แน่พวกมันอาจจะคาดเดาไว้แล้วก็ไม่มีใครทราบ ไหนจะเรื่องการตายของแอนนาที่รอดชีวิตมาได้นั้น แต่ก็ต้องมาตายในภายหลังเพราะพวกมัน...

         แล้วไหนจะไอเรื่องพุ่มกุหลายอะไรนั่นอีก ซึ่งพวกเขาเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่ามันคืออะไร และข้างในนั้นมันมีอะไร เขาเองก็พอได้รู้ข้อมูลมาบ้าง แต่คนส่วนใหญ่จะไม่ได้รับรู้เรื่องนี้ และเขาก็ได้ยินมาจาก 'ดร.ไอซ์เบิร์ก' มากกว่า...

         ครั้นเมื่อหลังจากที่ SCP-049 ได้ฟังดังนั้นมันจึงได้เอ่ยขึ้น "กระผมขอแสดงความเสียใจกับการตายของดร.แอนนาด้วยนะขอรับ" มันพูดขึ้นราวกับแสดงความเสียใจก่อนที่มันจะเริ่มพูดกลับมาอีกว่า "กระผมคิดว่าอย่าได้เข้าไปยุ่งกับพวกมันจะดีกว่านะขอรับ และอย่าได้พยายามเข้าไปในพุ่มกุหลาบจะดีกว่า..." เมื่อได้ยินดังนั้น ดร.อิทคินจึงได้เอ่ยถามกลับไปว่า...
         "ทำไม??"เขาถาม และมันก็ตอบกลับมา...
         "ในนั้นน่าจะมี 'เจ้าหญิงน้อย' ที่พวกเขารักและหวงแหนอยู่ก็เป็นได้นะขอรับ"มันตอบ แต่เมื่อดร.อิทคินได้ยินดังนั้นเขาก็สงสัยว่าทำไมอีกฝ่ายถึงเอ่ยเช่นนั้น "ทำไมคุณถึงคิดอย่างงั้น? ผมคิดว่าไม่แน่ถ้าไม่ใช่เพราะมีเจ้าหญิงที่ว่าก็อาจจะมีความลับอย่างอื่นก็ได้ เช่นหากเข้าไปพวกนั้นก็ไม่สามารถเข้าไปได้ หรือไม่ก็หากเข้าไปแล้วอาจจะไปเจอเบาะแสอย่างอื่นที่พวกมันห้ามก็ได้นิ?"

         แต่เมื่อดร.อิทคินพูดแบบนั้น เจ้าวัตถุระดับยูควิดก็หัวเราะออกมาในลำคอเพียงแผ่วเบาแล้วจึงตอบกลับไปว่า "ใช่ ท่านสามารถคิดได้แบบนั้นก็ได้ แต่เซ้นส์ของกระผมมันบอกว่าในนั้นอาจจะมี 'เจ้าหญิงน้อย' ที่พวกเขารักและห่วงแหนและไม่ต้องการให้ใครมาเอาตัวไปมากกว่าสิ่งที่พวกท่านคิดว่าอาจจะมีเหตุผลอื่นนอกเหนือจากเรื่องนี้ หากพวกท่านอยากจะรับตัวไปพวกท่านคงต้องหาจุดอ่อนของพวกมันให้ได้เสียก่อน กระผมว่าเซ้นส์ของกระผมไม่เคยผิดพลาดนะขอรับ ดร.อิทคิน" มันเอ่ยแล้วก็มีเสียงหัวเราะออกมาเบาๆ

         "กระผมขอแนะนำ....อย่าได้เข้าไปยุ่มย่ามกับพวกมันมาก โดยเฉพาะกับ 'เจ้าหญิงน้อย' ของพวกมันหากไม่ได้รับอนุญาต อย่าได้ไปทำอันตรายกับ 'เจ้าหญิงน้อย' ของพวกมันพวกท่านคงไม่อยาก 'สูญเสีย' ไปมากกว่านี้หรอก..."

         "ใช่มั้ยขอรับ....ดร.อิทคิน"




         หลังจากสิ้นสุดการสนทนาและการสัมภาษณ์กับ SCP-049 แล้ว ดร.อิทคินที่พึ่งกลับมาจากการสัมภาษณ์เขาก็เริ่มแสดงสีหน้าเป็นกังวล ความเครียด ความสงสัย และความรู้สึกสับสนที่ได้ยินมาจากหมอกาฬโรคนั่น SCP-049 นั้นมีความสามารถในการโน้มน้าวคนอื่นได้ แต่กลับกันแล้ว...ในครั้งนึงที่ SCP-049 เคยพูดถึงเกี่ยวกับเจ้าวัตถุอันตรายที่อยู่ในเกม Minecraft ซึ่งแน่นอนว่ามันเป็นไปตามที่มันกล่าวว่าขนาดใน Minecraft เองก็มีบางสิ่งแปลกไป และมันควรจะประกาศตั้งแต่แรกสิว่ามันจะมีมอนสเตอร์ตัวใหม่เข้ามา...

         ดร.อิทคินรู้สึกกังวลนิดหน่อย และเขาเองก็ไม่รู้ว่าต่อจากนี้จะเกิดอะไรขึ้น จนกระทั่ง...

         "เป็นอะไรรึเปล่าครับ..."นํ้าเสียงทุ้มดูเรียบนิ่งเย็นชาแต่ก็แฝงไปด้วยความอ่อนโยนแฝงอยู่ พอดร.อิทคินหันไปก็ได้พบกับดร.ไอซ์เบิร์กที่เดินมาทางเขาพอดี
         "ดร.ไอซ์เบิร์ก? คุณมา??"
         "พอดีผมพึ่งกลับมาจากการวิจัยน่ะครับ แล้วกำลังจะเดินกลับไปเอาของสักหน่อยแล้วเดินมาเห็นคุณพอดี คุณเป็นอะไรหรือเปล่าครับ?"ดร.ไอซ์เบิร์กเอ่ยถามขึ้นด้วยนํ้าเสียงที่ดูนุ่มทุ้มเล็กน้อยเพื่อคลายความตึงเครียดแม้อาจจะไม่ได้ช่วยอะไรมาก แต่มันก็พอจะช่วยทำให้บรรยากาศไม่ตึงเครียดจนเกินไป
         "อา...ไม่มีอะไรหรอกครับ...พอดีผมพึ่งกลับมาจากการสัมภาษณ์ SCP-049 มาน่ะครับ...."
         "คุณคงได้ถามมันเรื่อง 'พวกมัน' สินะครับ..."
         เมื่อได้ยินอย่างงั้นก็ทำให้ดร.อิทคินตกใจเล็กน้อย เขารู้? "พอดีผมเองก็เคยสัมภาษณ์แล้วมันมีคำถามเกี่ยวกับวัตถุอันตรายที่พวกเราคิดจะจับมันมากักกันน่ะครับ แต่คำถามนี้...ผมไปสัมภาษณ์กับ 'SCP-035' น่ะครับ..." เมื่อได้ยินแบบนั้น ดร.อิทคินเองก็คลายความสงสัยไปได้บ้างแล้ว...
         "อย่างงั้นเองหรอครับ..."
         "มันตอบว่าอะไรงั้นเหรอครับ..?"
         "...ผมกับ SCP-049 แค่พูดคุยสัมภาษณ์ตามปกติ แต่ก็ได้บอกเขาเรื่องที่ไม่สบายใจออกไป มันก็เกี่ยวกับเรื่องพวกมันเนี่ยแหล่ะครับ ทั้งเหตุการการตายของพวกนักสำรวจและพวกคนอื่นๆที่หลบอยู่ในฐานทัพลับ และการตายของดร.แอนนาอีก..."ดร.อิทคินได้บอกกับอีกฝ่าย
         "แล้วยังไงต่อล่ะครับ"ดร.ไอซ์เบิร์กกล่าว
         "มันก็แสดงความเสียใจกับการตายของดร.แอนนาแหล่ะครับ...แล้วหลังจากนั้นมันก็ได้บอกว่า...อย่าได้เข้าไปยุ่งกับพวกมัน และอย่าได้พยายามเข้าไปในพุ่มกุหลาบครับ"เมื่อได้ยินดังนั้น ดร.ไอซ์เบิร์กก็ค่อยๆขมวดคิ้วอย่างสงสัย "หมายความว่ายังไงหรอครับ?"
         "เขาบอกว่าในนั้นน่าจะมี 'เจ้าหญิงน้อย' ที่พวกมันรักและหวงแหนอยู่"ดร.อิทคินตอบ
         "เขาพูดแบบนั้นหรอครับ? ผมคิดว่าบางทีมันอาจจะมีเหตุผลอื่นนอกจากเจ้าหญิงน้อยอะไรนั่นนะครับ?"ดร.ไอซ์เบิร์กกล่าวพลางขมวดคิ้ว
         "ผมเองก็ตอบเขาไปแบบนั้นแหล่ะครับ แต่ว่า..."


         "ใช่ ท่านสามารถคิดได้แบบนั้นก็ได้ แต่เซ้นส์ของกระผมมันบอกว่าในนั้นอาจจะมี 'เจ้าหญิงน้อย' ที่พวกเขารักและห่วงแหนและไม่ต้องการให้ใครมาเอาตัวไปมากกว่าสิ่งที่พวกท่านคิดว่าอาจจะมีเหตุผลอื่นนอกเหนือจากเรื่องนี้ หากพวกท่านอยากจะรับตัวไปพวกท่านคงต้องหาจุดอ่อนของพวกมันให้ได้เสียก่อน กระผมว่าเซ้นส์ของกระผมไม่เคยผิดพลาดนะขอรับ ดร.อิทคิน"

         "กระผมขอแนะนำ....อย่าได้เข้าไปยุ่มย่ามกับพวกมันมาก โดยเฉพาะกับ 'เจ้าหญิงน้อย' ของพวกมันหากไม่ได้รับอนุญาต อย่าได้ไปทำอันตรายกับ 'เจ้าหญิงน้อย' ของพวกมันพวกท่านคงไม่อยาก 'สูญเสีย' ไปมากกว่านี้หรอก..."

         "ใช่มั้ยขอรับ...ดร.อิทคิน"


         พอดร.ไอซ์เบิร์กได้ยินดังนั้นมันก็ทำให้เขาถึงกับเบิกตากว้างอย่างตกใจเล็กน้อยและมีความอึ้งนิดๆ ไม่นึกเลยว่า SCP หมายเลขนี้จะเอ่ยแบบนั้น แต่ถ้ากล่าวมาขนาดนี้...ถึงแม้ว่ามันจะชอบโน้มน้าวจิตใจคนได้ดีก็ตาม แต่ทว่า...ก็มีหลายครั้งที่เป็นไปตามที่ SCP หมายเลขนี้ได้กล่าวเอาไว้ อย่างในกรณีของ 'SCP-4335' ....

         ดร.ไอซ์เบิร์กคิดว่ามันคงต้องมีอะไรแน่ๆ และเขาคิดว่าควรจะนำเรื่องนี้ไปรายงานให้กับดร.เกียร์หรือไม่ก็...'คนๆนั้น'

         "ผมขอรับเทปบันทึกนั่นไว้ได้หรือไม่ครับ?"ดร.ไอซ์เบิร์กกล่าวเชิงขออนุญาต
         "ได้ครับ เผื่อว่ามันจะเป็นข้อมูลสำคัญที่จะสามารถช่วยได้บ้าง"เมื่อกล่าวจบ ดร.อิทคินจึงได้มอบเทปบันทึกนั่นไว้ในมือของชายหนุ่มตรงหน้าอย่างไม่ลังเล ดร.ไอซ์เบิร์กรับมันมาพร้อมกับกล่าวขอบคุณแล้วบอกว่าจะขอตัวกลับไปทำธุระต่อ ซึ่งแน่นอนว่าดร.อิทคินเองก็ต้องกลับไปทำงานของตัวเองเช่นกัน จึงได้แยกทางกันตั้งแต่ตรงนั้น...

         ดร.ไอซ์เบิร์กหลังจากที่ได้ฟังสิ่งที่ดร.อิทคินได้กล่าวถึงสิ่งที่ SCO-049 บอกเอาไว้ มันแตกต่างจากที่เขาได้เอ่ยถามกับ SCP-035 เพียงนิดหน่อย...



         ย้อนไปก่อนที่ดร.ไอซ์เบิร์กจะไปพบกับดร.อิทคิน...
         ในตอนนี้ที่ดร.ไอซ์เบิร์กได้ถูกมอบหมายให้มาพูดคุยและสัมภาษณ์กับวัตถุอันตรายระดับ Keter ตอนนี้สิ่งที่เขาเห็นก็คือ D-Class คนหนึ่งได้เข้าไปในห้องกักกันของมัน...ในตู้กระจกนั้นมีหน้ากากที่ทำจากเซรามิค เป็นหน้ากากที่มีหน้าตาอารมณ์ขันเหมือนกับหน้ากากของยุคกรีกในปี 40 ของยุคนั้น...

         'SCP-035 หน้ากากผีสิง' ระดับ Keter

         ซึ่งเมื่อ D-Class ได้หันไปเห็นเจ้าหน้ากากนั่น ดูเหมือนว่า D-Class จะมีอาการผิดปกติบางอย่าง เขาบอกว่ารู้สึกอยากครอบครอง อยากลองสวมมัน ซึ่งเขาพอจะรู้ในทันทีว่านั่นน่าจะเป็นผลมาจากเจ้า SCP-035 ที่ได้ทำการสะกดจิตให้คนที่อยู่ใกล้มันรู้สึกอยากสวมใส่มันเพื่อที่จะหาร่างและสามารถเคลื่อนที่ได้อย่างอิสระ...

         และสิ่งที่เกิดขึ้น...หลังจากที่ D-Class ได้สวมมัน..ก็คือเสียงกรีดร้อง..และ....

         "สวัสดีครับ มันช่างยาวนานเหลือเกิน...ฉันไม่ได้รู้สึกแบบนี้มานานแล้ว"นํ้าเสียงทุ้มดูมีอายุผสมผสานกับเสียงที่คล้ายๆกับปีศาจเล็กน้อยและเป็นเสียงที่ดูซ้อนเล็กน้อยบวกกับเอคโค่นิดๆ แต่กลับดูมีเสน่ห์อันลึกลับน่าค้นหาแอบแฝง กับท่าทีที่ดูเป็นมิตรและมันก็ได้ไปนั่งประจำที่ของตัวเองเพื่อเตรียมตัว ดร.ไอซ์เบิร์กได้เข้าไปในห้องกักกันเพื่อที่จะสัมภาษณ์กับมัน...

         "สวัสดี! ยินดีที่ได้รู้จัก! แล้วคุณล่ะเป็นใคร?"มันพูดพร้อมกับยืนขึ้นและยื่นมือมาทางเขาราวกับจะทักทายและทำความรู้จัก แต่ดร.ไอซ์เบิร์กก็ไม่ได้โง่พอที่จะทำตามที่มันต้องการได้หรอก "ฉันไม่โง่พอที่จะจับมือกับนายหรอก..." เขาพูด
         "ถูกต้องที่สุด! ดังนั้นคุณน่าจะอ่านไฟล์ของฉันแล้วล่ะนะถึงได้รู้ขนาดนี้"มันพูด
         "ตอนนี้สิ่งที่ฉันอยากจะบอก...คุณคงรู้สินะครับว่าเรากำลังทำอะไร"ดร.ไอซ์เบิร์กเริ่มเข้าประเด็น
         "แน่นอน! ฉันรู้ว่าพวกคุณคิดจะสัมภาษณ์ฉันเหมือนทุกทีนั่นแหล่ะนะ"มันพูด แต่ก็ยังคงมีสีหน้ายิ้มแย้มเหมือนเช่นปกติตามนิสัยของเขา ดร.ไอซ์เบิร์กถอนหายใจเบาๆก่อนจะหยิบกระดาษโน๊ตที่จดเอาไว้ขึ้นมา
         "คำถามนี้มันมีไม่มากหรอก...มันเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อ 5 วันก่อน..."พอดร.ไอซ์เบิร์กพูด ก็ทำให้ SCP-035 มีท่าทีดูฉงนเล็กน้อยและเกิดความสงสัยขึ้น "มีอะไรเกิดขึ้นใน 5 วันก่อนงั้นเหรอครับ?"
         พอมันเอ่ยถามแบบนั้น ดร.ไอซ์เบิร์กจึงได้ทำการเริ่มเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นใน 5 วันก่อน ทั้งเรื่องการออกสำรวจ และการตายของทุกๆคนในที่นั้น และอีกมากมาย...รวมไปถึงการตายของดร.แอนนาและเรื่องพุ่มดอกกุหลาบที่เป็นเขตที่ห้ามเข้าไป ใครที่พยายามเข้าไปนั้น คนส่วนมากจะตายเพราะพวกมันเข้ามาขัดขวางทุกครั้งเหมือนราวกับว่าจะต้องปกป้องมันเอาไว้...

         แต่ว่า...สิ่งที่พวกเขาสงสัยก็คือพวกมันรู้ได้อย่างไรว่าพวกเขาหลบซ่อนตัวอยู่ที่ไหน แม้แต่บ้านของเหยื่อพวกนั้น หรือไม่แน่พวกมันอาจจะส่งคนไปติดตามก็ได้ แต่จะทำได้อย่างไรกับการฆ่าคนภายในทีเดียวรวด พวกมันสามารถแยกร่างกันได้หรือทั้งๆที่มีกันแค่หกคนเท่านั้น แล้วพวกมันทำได้อย่างไร แล้วรู้ได้อย่างไร หรือพวกมันมีเทคโนโลยี...ไม่สิ...พวกวัตถุที่มีพลังวิเศษมันก็มีเหมือนกัน แต่มันเป็นประเภทไหนล่ะ?

         "โอ้! ฉันขอแสดงความเสียใจกับการตายของเพื่อนร่วมงานของพวกคุณด้วยนะครับ"มันเอ่ยแสดงความเสียใจให้กับเขา ใบหน้าของหน้ากากได้เปลี่ยนเป็นอารมณ์เหมือนมัน...กำลังหดหู่? หรือกำลังเศร้า? แต่นํ้าเสียงก็อาจจะดูเปลี่ยนเป็นอารมณ์เศร้าบ้างแหล่ะนะ มันแสดงความเสียใจด้วยท่าทางและการขยับมือเหมือนกำลังบอกว่าเศร้าเหมือนกัน
         "เธอไม่ใช่เพื่อนร่วมงานของผม แต่ก็เป็นนักวิจัยเหมือนกัน"
         "นั่นแหล่ะ~"
         SCP-035 กล่าวพร้อมกับกลับมามีรอยยิ้มและใบหน้าแห่งความสุขอีกครั้ง จนทำให้ดร.ไอซ์เบิร์กอดรู้สึกสงสัยไม่ได้ว่าสรุปมันจะอารมณ์ไหนกันแน่ เจ้าหมอนี่มันเข้าใจยากชะมัด
         "แต่ผมขอแนะนำ...."

         "อย่าได้คิดที่จะเข้าไปยุ่งกับพวกมันให้มากจนเกินไปนะครับ"

         คำพูดของ SCP-035 ได้เอ่ยขึ้น ดร.ไอซ์เบิร์กที่ได้ยินแบบนั้นก็มีสีหน้าที่รู้สึกสงสัยปนกับความรู้สึกฉงนหน่อยๆเมื่อได้ยิน ใบหน้าของ SCP-035 ค่อยๆแปรเปลี่ยนและกลับมาเป็นใบหน้าเศร้า...ไม่สิ...มันเหมือนมันกำลังจริงจังอยู่ ทั้งนํ้าเสียง และคำพูดราวกับว่ามันต้องการจะสื่ออะไรบางอย่าง และเหมือนว่ามันจะรู้อะไรบางอย่างด้วย...
         "ผมจะขอเตือนไว้นะครับ ผมเองก็ไม่ได้รู้จักอะไรเกี่ยวกับพวกมันที่พวกคุณกำลังตามล่าหรอกนะครับ แต่ความรู้สึกของผมมันบอกว่าอย่าได้เข้าไป 'ยุ่มย่าม' กับพวกมันเป็นอันขาด...."
         "หมายความว่ายังไง? อย่าบอกนะว่าคนที่เข้าไปยุ่งกับพวกมันหรือพบเจอกับพวกมันก็จะตายกันทุกคน?"ดร.ไอซ์เบิร์กเอ่ยคำถามขึ้นมาอย่างไม่ค่อยเข้าใจมากนัก หรือว่ามันกำลังจะหมายถึง...ไม่ควรที่จะไปพบเจอพวกมันตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
         "เท่าที่ผมฟังมาแล้วผมคิดว่าพวกมันน่าจะแข็งแกร่งเกินกว่าที่ผมคาดเอาไว้" มันหัวเราะในลำคอเบาๆ "คุณไม่มีทางที่จะเอาชนะพวกมันได้...ต่อให้จะมีคนเก่ง ฉลาด หรือว่ามีกองกำลังมากแค่ไหนสำหรับพวกมันแล้ว...พวกคุณก็ไม่ต่างจาก 'ลูกกะจ๊อก' ที่ต้องตกเป็นเหยื่อหรอก~"
         "SCP-035!!"
         "ผมพูดความจริงนะครับดร.ไอซ์เบิร์ก~"
         มันพูดทั้งๆที่ยังคงมีท่าทีที่ร่าเริงและเฟลนลี่ราวกับว่าคำพูดของมันนั้นเป็นเรื่องตลก ดร.ไอซ์เบิร์กรู้สึกหงุดหงิด แต่แล้วเพียงชั่วพริบตาเดียวมันก็ลุกขึ้นยืนแล้วโน้มตัวมาใกล้ๆกับหน้าของเขาจนทำให้ดร.ไอซ์เบิร์กนั้นเป็นต้องเอนหลังพิงกับเก้าอี้นิดหน่อย เขารู้สึกตกใจและเริ่มรู้สึกได้ถึงความวิตกกังวล

         "ถ้าพวกคุณอยากจะจับพวกมัน...."

         "ถ้าพวกคุณไม่อยากจะสูญเสียบุคลากรในสถาบันไปมากกว่านี้..."

         "เลือกเอาสิว่าจะยอม 'เสียสละ' บุคลากรไปมากกว่านี้แล้วก็ 'ตายกันทุกคน' ไม่มีใครรอดไปจากที่นี่ได้...มีแต่ 'ตาย' กับ 'ตาย' ..."

         "หรือว่าพวกคุณจะเลือก 'มีชีวิตต่อไป' เพื่อไม่ให้เกิดการสูญเสียบุคลากรไปมากกว่า"

         "คุณจะเลือกหรือไม่มันก็ขึ้นอยู่กับพวกคุณ แต่สุดท้าย...จิตใจความอยากรู้และเพื่อผลประโยชน์ของมนุษย์มันก็สามารถเอาชนะได้ทุกสิ่งนิเนอะ"



         นั่นคือการสนทนาครั้งสุดท้ายของพวกเขา...จนถึงปัจจุบันนี้ที่ดร.ไอซ์เบิร์กได้รีบเดินออกมาจากห้องกักกันและก็ได้พบเจอกับดร.อิทคินที่ทางเดินเข้าพอดี จึงทำให้ทั้งสองได้พูดคุยกันเพียงเล็กน้อย...

         จนตอนนี้ดร.ไอซ์เบิร์กได้เดินทางไปตามทางเดินเพื่อที่จะไปหาคนๆนึงเพื่อที่จะนำข้อมูลเหล่านี้ไปให้กับนักวิจัยคนนึง เขาคิดว่าข้อมูลเหล่านี้น่าจะพอช่วยหาเบาะแสอะไรได้ เพราะพวกวัตถุที่กักกันอยู่ในที่แห่งนี้แม้ว่าพวกมันจะอันตรายและพร้อมที่จะหาทางออกจากสถานกักกันได้ทุกเมื่อหากพวกมันต้องการ แม้พวกมันจะไม่รู้จักหรือเคยเห็นกันมาก่อน แต่พวกมันก็ฉลาดและสามารถช่วยให้ข้อมูลได้บ้างแค่บางประเภทเพียงเท่านั้น...

         เมื่อดร.ไอซ์เบิร์กได้เดินมาถึงห้องทำงานแล้ว เขาจึงได้ใช้คีการ์ดที่ได้มาจากเพื่อนร่วมงานคนหนึ่ง ใช้มันเพื่อเปิดประตูเข้าไป...

         "หืม...มีอะไรรึเปล่าครับคุณไอซ์เบิร์ก"ดร.เกียร์กล่าวด้วยนํ้าเสียงราบเรียบเหมือนเช่นทุกทีและละสายตาจากการอ่านเอกสารบางอย่างไว้ ดร.ไอซ์เบิร์กเดินเข้าไปหาเขา "ผมพึ่งกลับมาจากการสัมภาษณ์พวก SCP ...นี่คือของผมที่สัมภาษณ์กับ SCP-035 ส่วนนี่เป็นของดร.อิทคินที่สัมภาษณ์กับ SCP-049 ครับ"

         เมื่อพูดเสร็จ ดร.ไอซ์เบิร์กจึงได้ยื่นเทปบันทึกทั้งสองอันให้กับเขา ดร.เกียร์เมื่อเห็นดังนั้นก็เงียบไปสักพักจึงค่อยรับมันมาจากเขาแล้วพยักหน้าให้เชิงขอบคุณ แล้วนำไปเปิดเทปวิดีโอบันทึกเพื่อที่จะฟังมัน...ภายในเวลา 2 ชั่วโมงจึงดูทั้งสองเทปจนจบ...
         "เรื่องนี้...คงไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะครับ"ดร.ไอซ์เบิร์กกล่าวขึ้น ส่วนดร.เกียร์เองก็ใช้มือกุมปากเพียงเล็กน้อยราวกับกำลังครุ่นคิดบางอย่าง และเหมือนเขาจะเห็นด้วยกับอีกฝ่าย
         "ใช่...มันไม่ใช่เรื่องง่ายจริงๆ..."ดร.เกียร์กล่าว
         "แต่เรายังคงต้องสืบเรื่องนี้และคอยจับตามองพวกมัน เราจะต้องหาทางจับพวกมันมากักกันให้จงได้ แต่ถ้าหากว่าพวกเราไม่สามารถจับพวกมันมาได้...ก็มีแต่คอยเฝ้าระวังไม่ให้ใครเข้าไปอย่างเด็ดขาด..."ดร.เกียร์เอ่ยพลางนำเทปบันทึกไปเก็บไว้ในที่เก็บเทปบันทึก ในนั้นมันมีเทปบันทึกมากมายที่เคยสัมภาษณ์กับพวก SCP ตนอื่นๆมาบ้างบางประเภท...

         แต่บางประเภท...เราก็ไม่สามารถสัมภาษณ์หรือพูดคุยกับพวกมันได้...

         "และถ้าหากพวกเรายังไม่สามารถที่จะทำอะไรพวกมัน...หรือว่าจับตัวพวกมันได้..."

         "วิธีสุดท้าย...เราต้องพึ่ง 'ดร.เคลฟ' และ 'ดร.ไบท์' ..."

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×