ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Yandere Creepypasta x Reader] Love Succubus ซัคคิวบัสในร่างมนุษย์ [18+]

    ลำดับตอนที่ #3 : Chapter 2 : Slender Mansion

    • อัปเดตล่าสุด 5 ธ.ค. 63


    Chapter 2 : Slender Mansion





           ความมืดที่โอบล้อมรอบตัวของคุณ...

           ไร้แสงสว่าง...ไร้ความอบอุ่น...

           มีเพียงความมืดมิด และความหนาวเหน็บที่โอบกอดคุณ...

           ภาพเหตุการณ์ต่างๆได้ฉายให้คุณได้เห็น เลือดที่อยู่ตามผนังโบสถ์และเก้าอี้ กับศพของเหล่าแม่ชีที่อยู่ตามพื้น เลือดที่ไหลนองพื้นจนแทบจะท่วมกับร่างของฆาตกรที่ยืนอยู่ท่ามกลางศพที่รายล้อม...

           มันหันมามองคุณพร้อมกับรอยยิ้มแสยะที่ชวนน่าขนลุก คุณยกมือทั้งสองปิดปากตนราวกับกลัวว่าหากกรีดร้องออกมาเขาจะทำร้ายคุณ เขาค่อยๆย่างกายเดินเข้ามาใกล้คุณอย่างช้าๆ...
           "ที่รัก ตอนนี้ยัยพวกน่ารำคาญนั่นตายแล้ว เหลือเพียงแค่เรา 2 คนแล้วนะที่รัก~"
           "ไม่นะ ไม่ ไม่ ไม่! ไม่!! ไม่!!!!!!!!!!!"
           คุณกรีดร้องด้วยความหวาดกลัวและวิ่งหนีสุดชีวิต แต่แล้วก็มีมือบางอย่างผุดขึ้นมาจากพื้นจับที่ข้อเท้าของคุณเอาไว้จนคุณเซล้มลงไป จากนั้นก็มีมือมากมายที่ผุดขึ้นมาจับตัวคุณและพยายามดึงคุณลงสู่พื้น คุณกรีดร้องออกมาอีกครั้งด้วยความกลัวและความสิ้นหวัง พยายามที่จะตะเกียกตะกายดิ้นให้หลุดจากพันธนาการนี้ไว้แต่ก็ไร้ผล...

           ไม่นะ! ฉันไม่ต้องการแบบนี้!! ปล่อยฉันไป!! กรี๊ดดดดดด!!





           "ไม่นะ!! ไม่!!!"คุณสะดุ้งตื่นขึ้นจากความฝันลุกขึ้นนั่ง เสียงลมหายใจของคุณเริ่มถี่กับเหงื่อที่ไหลออกมาจากใบหน้าราวกับเพิ่งออกกำลังกายมาแต่สีหน้าของคุณนั้นมันซีดเผือดราวกับคนที่เพิ่งผ่านสมรภูมิ...

           คุณพยายามตั้งสติแล้วมองไปรอบๆ คุณอยู่บนเตียงนอนสีขาวอันหนึ่งกับรอบๆภายในห้องที่จัดตกแต่งด้วยโทนสีขาวสไตล์เรียบหรูและดูสบายๆ มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายที่คุณไม่เคยเห็นมาก่อน คุณมองด้วยความสงสัยเพราะตอนที่คุณอยู่ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อนเพราะพวกคุณอยู่แบบพอดีและหลีกเลี่ยงกิเลสสิ่งที่มนุษย์ทั่วไปนั้นต้องการ...

           คุณอยู่ที่ไหน?? แล้วทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่?

           แต่ไม่ทันได้คิดอะไรไปมากกว่านี้ก็ได้มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น ประตูได้ถูกเปิดออกเผยให้เห็นร่างของเด็กน้อยคนหนึ่งที่อายุราวๆแปดขวบ เส้นผมสีนํ้าตาลยาวเป็นลอนคลื่น ดวงตาสีเขียวมรกตตสวย ดูๆแล้วน่าจะเป็นเด็กสาวเชื้อสายเยอรมัน สวมชุดนอนสีชมพูกับในมือของเธอนั้นกอดตุ๊กตาหมีสีนํ้าตาลเอาไว้ หน้าตาน่ารักน่าเอ็นดู
           "พี่สาว!! พี่สาวฟื้นแล้ว!!"เด็กน้อยคนนั้นกล่าวด้วยความดีใจแล้วตรงดิ่งเข้ามาหาคุณ คุณสงสัยว่าเด็กคนนี้เป็นใครกัน?
           "ปะป๊าบอกว่าพี่สาวเกือบถูกคนไม่ดีทำร้าย แต่ตอนนี้พี่สาวไม่เป็นไรแล้วนะคะ!! เพราะพี่อีเจบอกว่าตอนนี้พี่สาวปลอดภัยดีไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรมาก!"เด็กน้อยกล่าวพร้อมฉีกยิ้มสดใส
           "อ-อืม พี่ไม่เป็นไร แล้วเธอคือ?"
           "อะ! หนูขอโทษที่ลืมแนะนำตัวนะคะ! หนูชื่อแซลลี่ค่ะ แล้วพี่สาวล่ะคะ??"
           "พี่...[ชื่อคุณ]"
           "ว้าว!! เป็นชื่อที่ดีมากๆเลยค่ะพี่สาว อะ! แซลลี่มาที่ห้องพี่สาวเพื่อที่จะมาช่วยพี่สาวแต่งตัวเพื่อเตรียมตัวสำหรับทานอาหารคํ่าค่ะ!"แซลลี่พูด ซึ่งพอคุณมองออกไปนอกหน้าต่างก็พบว่าตอนนี้ก็เริ่มจะคํ่าแล้วและมันก็ใกล้ถึงเวลาอาหารคํ่าแล้วจริงๆด้วย คุณหันมาตอบกับเด็กสาวและจากนั้นแซลลี่ตัวน้อยก็ได้จูงมือพาคุณออกจากห้องทันที...





           หลังจากที่มาถึงห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า ภายในห้องนั้นมันเต็มไปด้วยเสื้อผ้ามากมายที่คุณไม่เคยเห็นมาก่อน แม้ว่าคุณจะเคยเห็นเพื่อนทั้งสองของคุณหรือคนอื่นๆที่อยู่นอกโบสถ์แต่งตัวที่แตกต่างจากพวกแม่ชีอย่างเราๆ แต่คุณก็ไม่เคยเห็นชุดอะไรที่มันดูมากมายและดูประณีตขนาดนี้มาก่อนเลย ราวกับว่ามันคือชุดสำหรับงานอะไรสักอย่างแน่ะ แซลลี่ได้เลือกเสื้อผ้าให้คุณมากมาย จนในที่สุดผ่านมาสัก 3 ชุดในที่สุดก็สามารถเลือกได้สักที


    (ตัวอย่างชุดของคุณ)

           "ว้าว!! พี่สาวสวยมากๆเลยค่ะ! พี่สาวเหมือนนางฟ้าเลย!"แซลลี่เอ่ยชมด้วยรอยยิ้มสดใส คุณรู้สึกเขินนิดหน่อยที่ถูกชมแบบนั้น ชุดที่คุณสวมใส่ก็เป็นชุดกระโปรงสีฟ้าอ่อนที่ออกไปทางยุโรปกลางที่ตัวกระโปรงนั้นจะมีความพริ้วไหว ลวดลายลูกไม้สีขาวกับสร้อยคอ มันทำให้คุณดูสวยจนน่ามองมากๆ
           "ขอบคุณนะแซลลี่...พี่ไม่เคยถูกใครชมว่านางฟ้ามาก่อนเลย"คุณพูดอย่างเขอะเขินหน่อยๆ
           "พี่สาวเหมือนนางฟ้าจริงๆนะคะ! อะ! ใกล้ถึงเวลาแล้วงั้นตามแซลลี่มาเลยค่ะพี่สาว เดี๋ยวแซลลี่จะนำทางไปที่ห้องทานอาหารเองนะคะ!"เมื่อพูดจบ หนูน้อยแห่งคฤหาสน์ก็ได้เข้ามาจูงมือแล้วพาคุณออกจากห้องแต่งตัวเพื่อมุ่งหน้าไปยังห้องทานอาหาร คุณหัวเราะเบาๆกับท่าทางอันไร้เดียงสานั้น แต่ไม่รู้ทำไมคุณเหมือนจะสัมผัสได้บางอย่างว่ามันอาจจะมีบางสิ่งที่ไม่ควรจะพบเจอเท่าไหร่...

           คิดมากไปหรือเปล่านะ??

           "ถึงแล้วค่ะพี่[ชื่อคุณ]!!"เสียงของแซลลี่เหมือนเป็นการดึงสติของคุณได้ดี ตอนนี้คุณมาถึงที่ห้องทานอาหารแล้วเด็กน้อยแซลลี่ก็ได้พาคุณเข้ามาแล้วบอกคนที่น่าจะเป็นพ่อของแซลลี่ว่าพาคุณมาแล้ว...

           เฮือก!!

           คุณแทบจะหยุดหายใจเมื่อพบว่าคนที่อยู่ในห้องอาหารนี้มันไม่ใช่คนปกติ บรรยากาศที่ชวนวังเวลและสายตาของพวกเขาที่จับจ้องมองมาที่คุณมันช่างดูไม่น่าไว้วางใจเท่าไหร่นัก บางคนก็สวมหน้ากากแปลกๆแต่อีกคนที่...มีมุมปากที่ฉีกถึงใบหูด้วย

           นี่คุณอยู่ในดงฆาตกร??

           "โอ้พระเจ้า..."คุณอุทานเบาๆ
           "หืม~? สเลนเดอร์ อย่าบอกนะว่านี่คือมนุษย์ที่แกพามาน่ะ"ชายที่มีผิวขาวซีดกับมุมปากที่ฉีกกว้างอันเป็นเอกลักษณ์กล่าวขึ้น ปากที่อ้าออกนั้นมันช่างดูสยดสยองแต่ขณะเดียวกันคุณก็รู้สึกว่ามันเหมือนมีบางอย่างที่แอบแฝงอยู่ แต่..มันคืออะไรล่ะ?? ถึงเขาจะทำให้ปากฉีกจนเหมือนรูปยิ้มแค่ไหนแต่คุณก็ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ว่าเขากำลังยิ้มจริงๆหรือเปล่า
           "ใช่...งั้นเธอเชิญเลือกที่นั่งได้เลย.."ชายไร้หน้าที่คุณเจอเขาเมื่อตอนนั้นพูด หรือว่า...เขาจะชื่อสเลนเดอร์?
           "ค-ค่ะ"
           "พี่สาว! พี่สาวมานั่งข้างๆแซลลี่นะคะ!"
           "จ-จ้ะ"
           คุณตอบรับแล้วก็ถูกเด็กน้อยจูงมือไปนั่งตรงโต๊ะที่อยู่ใกล้ๆกับชายไร้หน้า เพราะแซลลี่นั่งข้างชายคนนั้น ส่วนคุณก็นั่งระหว่างแซลลี่กับบุรุษที่สวมหน้ากากสีนํ้าเงิน แต่เขานั่งห่างจากคุณแค่โต๊ะเดียวเท่านั้นซึ่งคุณก็ไม่เข้าใจว่าใครจะนั่งตรงนี้หรือเปล่า แต่พอมองรอบๆแล้วเหมือนจะมีบางส่วนที่นั่งข้างกันบ้าง นั่งห่างกันบ้างคล้ายแบ่งกลุ่มอย่างไรอย่างงั้น
           "สาวน้อย เธอชื่ออะไร"จู่ๆก็มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่นั่งฝั่งตรงข้ามกับคุณเอ่ยทักขึ้น เขามีหูที่ยาวแหลมกับผิวขาวและดวงตาสีแดง ตาขาวเป็นสีดำ เส้นผมสีบลอนด์ ซึ่งคุณอดรู้สึกแปลกใจไม่ได้ว่าทำไมเขาถึงมีหูยาวแบบนั้น

           ภูติเหรอ?? หรือปีศาจ??

           "ฉัน...[ชื่อคุณ]ค่ะ"
           "ฉันชื่อ 'เบน ดราวน์(BEN Dreowned)' จะเรียกฉันว่าเบนก็ได้นะ Little Princess~"
           "เบน กลับไปนั่งที่ของตัวเองซะ..."
           "โธ่~ สเลนดี้~ อุตส่าห์มีสาวน้อยมาอยู่ในคฤหาสน์ทั้งทีก็ลองชวนคุยเผื่อจะช่วยให้เธอคลายความกลัวได้บ้างน่า~"ชายคนนั้นกล่าวพร้อมกับกระโดดข้ามมานั่งข้างคุณจนคุณตกใจ แต่ไม่ทันให้คุณได้ตกใจไปมากกว่านี้ก็เมื่อเบนใช้แขนข้างหนึ่งเข้ามาโอบกอดตัวคุณไว้แล้วส่งยิ้มหวาน
           "อ-เอ่อ...ช่วยปล่อยด้วยค่ะ ซิสเตอร์ไม่ควรให้บุรุษมาสัมผัสเนื้อต้องตัวแบบนี้"คุณพูดแล้วยื่นมือมาจับที่ฝ่ามือของเขาพร้อมกับค่อยๆแกะออกจากตัวคุณด้วยความรู้สึกแปลกๆและรู้สึกไม่ค่อยไว้ใจคนข้างๆเท่าไหร่นัก
           "หืม? เธอเคยเป็นแม่ชีมาก่อนงั้นเหรอ?"เบนถาม
           "...ค่ะ...แต่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เลยหนีออกมาค่ะ"คุณตอบกลับแต่ก็ยังคงรักษาระยะห่างจากชายคนนี้ มันแปลกๆ...คุณไม่เคยกินอากหารร่วมโต๊ะกับเพศตรงข้ามมาก่อนเลยสักครั้ง อย่างมากที่สุดเหล่าซิสเตอร์หรือพวกแม่ชีเวลาทานอาหารก็มักจะกินแยกชายหญิงเพื่อรักษาระยะห่าง ไม่ให้เกิดเหตุการณ์ที่ทำให้โบสถ์เสื่อมเสีย อาจจะมีบ้างที่ทำพิธีร่วมกับเพศตรงข้ามแต่ก็ไม่ได้บ่อยมากนัก...

           อา..ชักจะรู้สึกแสบๆคันๆอีกแล้ว...

           แม้แต่ชุดนี้ก็ทำให้คุณรู้สึกคัน...คงได้เป็นแผลอีกแน่ๆ

           "โอ้~ แม่ชีงั้นเหรอ ฉันก็นึกว่าจะเป็นแม่ชีแบบหนังสยองขวัญซะอีก"
           "เจฟฟ์..."
           "อะไรกันๆล่ะไอ้โย่ง~ ก็ฉันพูดตามความจริงนินา~ ไม่คิดเลยว่าผู้หญิงแบบยัยนี่ก็เป็นแม่ชีน่ะ"
           "ฉันต้องขอโทษแทนเขาด้วยนะ เขาอาจจะปากเสียไปบ้าง"ขณะที่ทั้งคู่เหมือนกำลังจะโต้เถียงกัน สเลนเดอร์ก็หันมากล่าวขอโทษคุณซึ่งคุณเองก็ตอบเขาไปว่าไม่เป็นไร แม้ว่าคุณจะสงสัยนิดหน่อยแต่ก็เข้าใจว่ามันเคยมีเหตุการณ์ที่มีคนบาปในคราบแม่ชีด้วย

           พวกคนบาปในคราบแม่ชีนี่ช่างแย่จริงๆที่ทำให้พวกเราเหล่าแม่ชีที่ศรัทธาและนับถือพระเจ้านั้นเสื่อมเสียเช่นนี้...

           แต่บางครั้งคุณเองก็เคยตั้งคำถามกับตัวเองว่า 'พระเจ้ามีจริงหรือไม่' เหมือนกัน...

           "จริงสิ...ฉันยังไม่ได้แนะนำตัวเลย ฉัน 'สเลนเดอร์แมน(Slenderman)' หรือ 'สเลนเดอร์' ส่วนคนอื่นๆก็ช่วยแนะนำตัวให้เธอได้รู้จักหน่อย..."สเลนเดอร์แมนเอ่ยแนะนำตัวอย่างสุภาพ คุณพยักหน้า แต่เบนที่ลอยกลับไปนั่งฝั่งตรงข้ามกับคุณเมื่อไหร่ก็ไม่ทราบก็ได้เอ่ยว่าเขาคงไม่ต้องแนะนำตัวเองแล้ว คุณก็ทำเพียงแค่ยิ้มแห้งๆเล็กน้อย
           "ฉัน ท-ทิค 'ทิคกี้ โทบี้(Ticci Toby)' ร-ร-เรียกโทบี้"ผู้ชายที่สวมแว่นกลมหนาสีส้มกับแมสปิดปากที่คล้ายๆรูปยิ้มเอ่ยแนะนำตัว เขาสวมเสื้อสีนํ้าตาลคล้ายสีของเฮเซลนัทกับแขนเสื้อลายทางสลับขาวกับนํ้าตาลเข้ม หมวกฮู้ดเป็นสีนํ้าเงิน เส้นผมสีนํ้าตาล ตัวของเขากระตุกเล็กน้อยเหมือนกับว่าเขามีความผิดปกติทางร่างกาย
           "ฉัน 'แมสกี้(Masky)' จำเอาไว้ด้วยล่ะ"ผู้ชายที่นั่งข้างๆกับชายสวมหน้ากากสกีสีดำกล่าวแนะนำตัว แต่ท่าทางของเขามันชวนให้ไม่น่าไว้วางใจเท่าไหร่ยามที่เขามองมาทางคุณ เขาสวมหน้ากากสีขาวคล้ายสตรี ริมฝีปากสีดำ เส้นผมสีนํ้าตาล ผิวสีแทนอมนํ้าตาล สวมเสื้อแจ็กเก็ตสีส้มแซมเหลือง ความสูงของเขาน่าจะไล่พอๆกันกับโทบี้และชายสวมหน้ากากสกีคนนั้นได้ แต่แค่นั้นแหล่ะคุณก็ตอบรับว่าจะจำไว้ราวกับกลัวว่าเขาจะทำอะไรไม่ดีกับคุณในอนาคตหากคุณทำให้เขาไม่พอใจ
           "..... 'ฮู้ดดี้(Hoodie)' ..."ชายที่นั่งระหว่างโทบี้กับแมสกี้เองก็เอ่ยแนะนำตัว เสียงของเขามันเหมือนเสียงอะไรสักอย่างคล้ายกับว่าเขาดัดเสียง? เขาสวมหน้ากากสกีสีดำที่มีดวงตากับปากสีแดงกำลังทำหน้าบึ้ง สวมฮู้ดสีเหลืองดูท่าทางลักษณะภายนอกของเขาแล้วก็ไม่น่าไว้ใจพอๆกันเลย แต่กลับให้ความรู้สึกเหมือนเขาจะแอบขี้อายแปลกๆ

           เป็นคนพูดน้อยงั้นสินะ?

           "หนูชื่อแซลลี่!! พี่สาวคงรู้จักหนูอยู่แล้วนะคะ! ใช่มั้ยๆๆ"คราวนี้เด็กน้อยที่นั่งข้างๆคุณก็เอ่ยเช่นกัน คุณยิ้มขำเบาๆกับท่าทางนั้นและพยักหน้าเชิงว่าคุณรู้อยู่แล้ว แต่ก็เหลืออีกคนหนึ่งที่ยังไม่ได้แนะนำตัวนั่นคือผู้ชายที่นั่งห่างจากคุณคนนั้น...
           ".... 'อายเลส แจ็ค(Eyeless Jack)' หรือ 'อีเจ' ..."ชายที่สวมหน้ากากสีนํ้าเงินกับดวงตาสีดำที่เหมือนรูโบ๋กล่าวแนะนำตัวด้วยนํ้าเสียงแหบพร่าบ่งบอกลักษณะนิสัยที่เป็นคนเงียบๆ ไม่สุงสิงกับใคร เขาสวมฮู้ดสีดำ ดูจากบริเวณคอเขาแล้วเขามีผิวสีเทาเข้มถึงดำ มีผมสีนํ้าตาลเข้มและมีรูปลักษณ์ภายนอกเหมือนคนอายุ 20-24 ปี
           "หึ! ฉัน 'เจฟฟ์' หรือที่ทุกคนเรียกฉันว่า 'Jeff the Killer' หวังว่าเราคงจะได้ 'รู้จัก' กันมากกว่านี้นะยัยแม่ชี~"ชายหนุ่มที่เคยพูดเรื่องผีแม่ชีเอ่ย เขามีผิวสีขาวซีดกับมุมปากที่ฉีกกว้างเหมือนรูปยิ้ม เส้นผมสีดำยาวกับเสื้อฮู้ดสีขาวที่เปื้อน...เลือด แต่คุณเองก็พยักหน้ารับอย่างเกร็งๆแต่ในใจลึกๆก็แอบมีความหวาดหวั่นต่อผู้ชายคนนี้เช่นกัน ก็เล่นถือมีดมาด้วยแบบนั้นน่ะจนสเลนเดอร์บอกให้เจฟฟ์เก็บมีด...
           ตราบจนกระทั่งก็มีมือหนั่งได้วางจานเค้กไว้บนโต๊ะข้างๆคุณ คุณค่อยๆเงยหน้ามองก็พบกับบุรุษคนหนึ่งที่มีลักษณะคล้ายกับสเลนเดอร์แมน เพียงแต่เขาสวมแว่นกรอบดำกับสวมชุดสเวทเตอร์แลดูมีบุคลิกภาพออกไปทางเหมือนหนุ่มแฟชั่นดีไซเนอร์อย่างไรอย่างงั้น แต่กลับมีความสุภาพแอบแฝงอยู่
           "ผม 'เทรนเดอร์แมน(Trenderman)' หรือ 'เทรนเดอร์' ผมเป็นลูกพี่ลูกน้องกับคุณสเลนเดอร์ยังไงก็ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ"
           "ช-เช่นกันค่ะคุณเทรนเดอร์"
           คุณตอบกลับด้วยอาการเกร็งเล็กน้อยเพราะไม่เคยมีผู้ชายมาใกล้ขนาดนี้ และแน่นอนว่าคุณไม่คุ้นชินกับมันเท่าไหร่นัก คุณแอบสงสัยว่าทำไมในคฤหาสน์ถึงมีแค่แซลลี่คนเดียวที่เป็นผู้หญิง แล้วยังมีผู้หญิงคนอื่นอีกมั้ยนะ?
           "ขอโทษที่มาช้านะคะมาสเตอร์"แต่แล้วเสียงแหบพร่าปนห้าวของหญิงสาวคนหนึ่งเอ่ยขึ้น คุณหันไปก็พบกับหญิงสาวคนหนึ่ง เธอเป็นคนสวย เส้นผมสีนํ้าตาลยาวลอนกับดวงตาข้างขวาสีเขียวมรกตแต่ทว่าตาอีกข้างกลับมีนาฬิกาอยู่ในนั้นจนคุณตกใจนิดหน่อย ไม่รู้ว่ามันไปอยู่ในนั้นได้อย่างไรกัน เธอสวมเสื้อคลุมสีนํ้าเงินหม่นแซมเทากับขนสัตว์ ข้างในสวมเป็นเสื้อสีขาวโชว์หน้าท้องกับกางเกงยีนส์ขายาว คุณไม่เข้าใจว่าคนนอกโบสถ์นั้นแต่งตัวยังไง แต่ว่ามันก็ดูดีแปลกๆ สเลนเดอร์บอกกับหญิงสาวคนนั้นว่าไม่เป็นไรจนกระทั่งเธอเดินไปนั่งข้างๆเจฟฟ์และเห็นคุณพอดี
           "เธอ...มนุษย์ที่มาสเตอร์บอกสินะ?"เธอพูด ซึ่งคุณเองก็ตอบกลับอย่างเก้ๆกังๆเล็กน้อย อีกฝ่ายหัวเราะออกมาไม่ดังไม่เบาเมื่อเห็นท่าทางของคุณ
           "อย่ากลัวไปเลยสาวน้อย ฉัน 'คล็อกเวิร์ค(Clockwork)' เธอล่ะ"
           "ฉัน [ชื่อคุณ] ค่ะ"
           "[ชื่อคุณ]เหรอ เป็นชื่อที่ดีนี่"
           หญิงสาวที่ชื่อคล็อกเวิร์คกล่าวพร้อมกับยิ้มให้คุณ มันเป็นรอยยิ้มที่ดูเป็นธรรมชาติแต่ขณะเดียวกัน...มันกลับซ่อนอะไรบางอย่างเอาไว้ แต่คุณเองก็ไม่ได้กล่าวอะไรและกล่าวขอบคุณเธอแค่นั้นแหล่ะ ในระหว่างนั้นเองคุณก็ได้ยกมือขึ้นทำมือกุมประสานเหมือนกับทุกครั้งเวลาทานอาหารของโบสถ์ นั่นคือการสวดภาวนาก่อนทานอาหารพลางหลับตาและนั่งรอให้เจ้าบ้านนั้นเป็นคนให้สัญญาณอย่างใจเย็น...
           "เอาล่ะ...ในเมื่อมากันครบแล้วก็เริ่มทานกันได้"เสียงของสเลนเดอร์กล่าวเป็นสัญญาณ ทั้งหมดในห้องจึงเริ่มทานอาหารตรงหน้ากัน ส่วนคุณก็กล่าวบทสวดภาวนาก่อนอาหารด้วยนํ้าเสียงที่แผ่วเบา...

           "ข้าแต่พระเจ้า โปรดประทานพรแก่ข้าพเจ้าทั้งหลาย และแก่อาหารที่จะรับประทานนี้ เพื่อจะได้ดำเนินชีวิตรับใช้พระองค์และเพื่อนมนุษย์ อาแมน"

           บทสวดภาวนาที่เอื้อนเอ่ยมันช่างแผ่วเบาเสียราวกับเป็นเสียงกระซิบ คุณเองก็ไม่รู้หรอกว่าจะมีคนได้ยินมันหรือไม่แต่คุณทำตามความเคยชินจากนั้นจึงเริ่มทานอาหารตรงหน้า
           "พี่[ชื่อคุณ] มันคืออะไรหรอคะที่พี่พูดออกมา??"แซลลี่ตัวน้อยที่นั่งข้างๆคุณดูเหมือนจะได้ยินสิ่งที่คุณเอ่ยออกมา
           "มันเป็นบทสวดภาวนาก่อนอาหารน่ะจ้ะ เป็นสิ่งที่เหล่าซิสเตอร์มักจะทำกันก่อนเริ่มทานอาหาร"คุณตอบกลับ
           "อย่างงี้นี่เอง สอนแซลลี่บ้างสิคะ!"
           "เอ่อ..ก็..ได้นะจ้ะ"
           "แซลลี่ ไม่เห็นจำเป็นจะต้องพูดตามเลย เดี๋ยวก็กลายเป็นพวกคลั่งศาสนาหรอก~"
           "อะไรล่ะพี่เจฟฟ์! แซลลี่ก็แค่อยากลองทำแบบพี่สาวเฉยๆนะ!!"
           "ช่วยเงียบกันหน่อย เวลาทานอาหารไม่พูดกัน ส่วนนายเจฟฟ์...ช่วยกรุณาเก็บปากด้วยล่ะ"
           "หึ!!"
           บทสนทนาสิ้นสุดลง มันอาจจะดูเหมือนเป็นการโต้เถียงเล็กๆน้อยๆแต่ก็ยังดีที่มีสเลนเดอร์คอยช่วยห้ามทัพเอาไว้ คุณเองก็ไม่รู้หรอกว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นถ้าหากทั้งสองคนนี้ยังทะเลาะกัน แต่อย่างน้อยๆก็ควรขอบคุณที่เขาช่วยห้ามทั้งสองเอาไว้ หลังจากนั้นการทานอาหารก็ดำเนินต่อไป...

           แต่ยิ่งนานๆเข้า...ความรู้สึกแสบคันตามร่างกายของคุณก็ค่อยๆเพิ่มมากขึ้น...

           คุณรู้สึกอยากกลับห้อง...แล้วถอดชุดนี้ออกเหลือเกิน...

           หลังจากเวลาทานอาหารสิ้นสุดลง โดยคนที่คอยช่วยเก็บจานนั่นก็คือเทรนเดอร์ แม้คุณจะขออาสาช่วยเขาเก็บแต่ชายหนุ่มคนนั้นก็ปฏิเสธเพราะคุณคือแขกของที่นี่ก็ต้องต้อนรับอย่างดีดังนั้นแล้วคุณเองก็ไม่อาจจะฝืนหรือเซ้าซี้เขาไปมากกว่านี้ได้ คุณเองก็ยังคงรักชีวิตตัวเองเหมือนกันนะ...
           "พี่[ชื่อคุณ]! พรุ่งนี้พี่[ชื่อคุณมาเล่นกับแซลลี่ได้มั้ยคะ?"เด็กน้อยผู้ไร้เดียงสาเอ่ยถามคุณ แต่พอถามแบบนั้นแล้วคุณเองก็อดที่จะรู้สึกลำบากใจเล็กน้อยไม่ได้ เพราะแน่นอนว่าหากจะเล่นมันก็ต้องสวมเสื้อผ้าและจากนั้นเพียงช่วงเวลาสั้นๆบาดแผลกดทับก็จะเกิดขึ้นอีกครั้ง ถึงคุณจะไม่ค่อยอยากออกไปเพราะรู้สึกรำคาญกับปัญหานี้ แต่ขณะเดียวกัน...คุณเองก็อยากออกไปข้างนอกเหมือนกัน...

           คุณควรจะตอบว่าอย่างไรดีล่ะ???

           คุณจะตอบตกลงมั้ย?
           [ ตกลง ] <
           [ ปฏิเสธพร้อมให้เหตุผล ]

           คุณเลือกที่จะตอบ ตกลง

           "ม-มันก็ได้จ้ะแซลลี่ แต่---"
           "ขอโทษนะแซลลี่ แต่พรุ่งนี้คงให้พี่สาวออกไปเล่นข้างนอกไม่ได้..."เสียงของสเลนเดอร์กล่าวขึ้น ทำให้แซลลี่หันมามองพ่อบุญธรรมด้วยความสงสัย
           "ทำไมหรอคะปะป๊า??"
           "พี่สาวของหนูมีปัญหาทางด้านร่างกายน่ะ คงไม่สามารถออกไปเล่นข้างนอกได้"ดูเหมือนว่าสเลนเดอร์แมนจะรู้ว่าคุณมีปัญหาอะไร แต่คุณก็สงสัยว่าเขารู้ได้อย่างไร
           "แต่แซลลี่อยากเล่นกับพี่[ชื่อคุณ]นี่นา..."แซลลี่น้อยเอ่ยด้วยนํ้าเสียงและใบหน้าที่ดูเศร้าสร้อย คุณที่เห็นก็รู้สึกใจไม่ดีและเป็นกังวล กลัวว่าเด็กน้อยคนนี้จะเศร้า...
           "ให้แซลลี่มาเล่นที่ห้องของฉันก็ได้ค่ะ"คุณพูด
           "แต่ร่างกายของเธอ..."
           "ไม่เป็นไรหรอกค่ะ อย่างน้อยๆฉันเองก็อยากลองมีเพื่อนที่เป็นเด็กบ้างเหมือนกันค่ะ ปกติก็มีเพื่อนรุ่นเดียวกันก็อยากลองเล่นเหมือนเด็กทั่วๆไปบ้าง"คุณตอบพร้อมให้เหตุผล เพราะในตอนที่คุณยังเด็กแม้ว่าคุณจะเคยเล่นอะไรแบบเด็กๆแต่มันก็แค่การเล่นไล่จับจนถูกซิสเตอร์บางคนเอ็ดนิดหน่อย...
           สเลนเดอร์แมนเงียบ แต่เขาก็ตอบตกลง ดูเหมือนว่าแซลลี่จะดีใจมากๆถึงขนาดที่ว่าชูมือขึ้นสูงแล้วร้องเย้!ออกมา เด็กน้อยบอกว่าเธอจะไปที่ห้องนั่งเล่นเพื่อดูหนัง แต่ก็ถูกอีเจตัดว่าคุณจะต้องอยู่ที่ห้องเพื่อทำการตรวจสภาพร่างกายจนแซลลี่น้อยยู่ปากเหมือนไม่ค่อยพอใจนิดๆ แต่เธอก็ไม่ได้ว่าอะไรแล้วบอกคุณว่าพบกันใหม่นะ คุณเองก็โบกมือลาเด็กน้อยด้วยรอยยิ้ม...





           หลังจากนั้นไม่นาน คุณถูกสเลนเดอร์และอีเจพามาส่งที่ห้องของคุณ เมื่อเข้าไปแล้วคนที่ปิดประตูก็คือชายหนุ่มเจ้าของหน้ากากสีนํ้าเงินนั้น เพราะตามที่อีเจบอกว่าคุณจะต้องตรวจสภาพร่างกาย และคุณหวังว่าจะมีสาเหตุที่ทำให้คุณมีสภาพแบบนี้...
           "เธอช่วยถอดชุดออกได้มั้ย..."อีเจพูด เมื่อคุณได้ยินดังนั้นคุณจึงค่อยๆถอดชุดออก แต่พอเวลาจะถอดออกนี่สิความรู้สึกเจ็บแปล๊บก็แล่นเข้าสู่ร่างกายจึงต้องค่อยๆถอดมันออกอย่างช้าๆ...รู้สึกราวกับว่าชุดที่คุณใส่มันติดกับร่างกายคุณอย่างไรอย่างั้นเหมือนคุณนั่งทับของแข็งมานานพอสมควร...
           คุณถอดแค่ชุดกระโปรงออก เหลือเพียงแค่ชุดชั้นในที่สวมใส่เผยให้เห็นว่าตามร่างกายของคุณมีรอยเผลกดทับบางส่วนเมื่อมันกระทบกับเนื้อผ้า แต่บางส่วนก็มีผิวหนังที่เสียหายบางส่วน แผลบางส่วนมันก็ลึกถึงชั้นไขมันเลยซึ่งจะเป็นตรงบริเวณก้นมากกว่า...
           "ดูท่าทางแล้วจะอาการหนักน่าดู..."ชายหนุ่มผิวสีเทาเข้มกล่าวพลางค่อยๆยื่นมือลูบแผลบริเวณแขนอย่างแผ่วเบา คุณรู้สึกแสบเล็กน้อยแต่เขาก็พยายามทำให้มันเบาที่สุดและเริ่มทำการรักษาบาดแผลกดทับของคุณ...


           ใช้เวลาในการรักษาเพียงแค่สองภึงสามนาทีเขาก็ทำเสร็จ จริงๆในตอนแรกๆคุณก็รู้สึกแสบแผลมากเวลาที่ถูกยานั่น แต่อย่างน้อยเขาก็พยายามทำให้เบาที่สุด เขาเป็นหมอที่ดีและมีความชำนาญมากดังนั้นแล้วจึงช่วยให้คุณอาการดีขึ้นมาก บาดแผลบางส่วนของคุณถูกพันด้วยผ้าพันแผลและผ้าก๊อตตามระดับแผลกดทับ...
           "เป็นยังไงบ้าง..."หมอหนุ่มเอ่ยถาม
           "อืม...ดีขึ้นมากเลยค่ะ ขอบคุณ..."คุณตอบกลับ อีเจมองคุณเล็กน้อยแล้วจึงหันไปเก็บอุปกรณ์ทางการแพทย์ใส่ในกล่องปฐมพยาบาล
           "เธอคงไม่สามารถออกไปข้างนอกเหมือนคนอื่นได้..."อีเจพูด ซึ่งนั่นทำให้คุณตกใจเล็กน้อย แต่ก็นะ...ใช่ว่าคุณจะไม่เข้าใจถึงเหตุผลที่เขาพูดแบบนั้น...
           "แล้ว...พอจะรู้มั้ยคะว่ามันมีสาเหตุอะไร? ฉันยังมีโอกาสที่อาการเหล่านี้จะหายมั้ย?"คุณถามโดยหวังว่ามันพอจะมีโอกาสในการรักษาและช่วยให้คุณสามารถออกไปข้างนอกเหมือนเช่นคนปกติได้บ้าง...
           "...."หมอหนุ่มเงียบไปสักพักหลังจากที่เขาเก็บอุปกรณ์ทางการแพทย์เพื่อที่จะนำไปทำความสะอาดเสร็จ แต่คุณยังคงรอคำตอบจากเขา...
           "ขอโทษนะคุณผู้หญิง...ถึงฉันจะเป็นหมอแต่อาการของเธอมันผิดปกติเกินกว่าที่มนุษย์ปกติคนอื่นจะเป็นได้ จากที่ฉันได้ฟังมาดูเหมือนว่าเธอจะไม่สามารถสวมใส่เสื้อผ้าเหมือนคนปกติ แม้ต่อให้สวมเสื้อบางๆก็ก่อให้เกิดแผลกดทับได้ภายในเวลาไม่ถึง 40 นาที..."เขาตอบก่อนจะค่อยๆหันมามองคุณที่ตอนนี้เหมือนจะมีแววตาของความสิ้นหวังเล็กๆ...


           "เธอคงไม่มีโอกาสที่จะออกไปข้างนอกเหมือนคนปกติได้อีกแล้วล่ะ ฉันเสียใจด้วยที่ไม่มีทางรักษาอาการผิดปกติของเธอได้..."


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×