ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Yandere Creepypasta x Reader] Love Succubus ซัคคิวบัสในร่างมนุษย์ [18+]

    ลำดับตอนที่ #17 : Chapter 12 : Escape?

    • อัปเดตล่าสุด 25 ก.ค. 66


    CHAPTER 12 : ESCAPE?





           คุณใช้เวลาทั้งหมดไปกับการอ่าน วาดเขียน หรือแม้กระทั่งการทำอาหาร ในตอนที่คุณทำอาหารให้พัพเพ็ตเทียร์นั้นเขาดูติดใจชอบอาหารของคุณมาก พอได้เห็นสีหน้าที่มีความสุขนั้นแล้วมันก็อดยิ้มไม่ได้จริงๆ คุณจึงทำอาหารทุกครั้งเมื่อมีโอกาส บางทีการได้กินของอร่อยๆมันช่วยให้รู้สึกดีขึ้น อย่างน้อยก็ไม่ต้องเอาแต่นั่งเงียบๆเหงาๆอยู่แต่ในห้องตลอด

           อีกทั้งเวลาที่ได้พูดคุยกับนักเชิดหนุ่มเขามักพูดถึงละครเชิดหุ่น พูดเรื่องละครต่างๆ หรือแม้แต่การเป็นผู้ฟังที่ดีให้กับคุณ เขาเป็นผู้ชายที่ดูขี้เล่น มีอารมณ์ขันเล็กน้อยแล้วก็มีเสน่ห์ หากเป็นสาวอื่นที่ได้มาเห็นแบบนี้คงมีคนมาชอบมาหลงไม่ยาก

           อาหารที่เขาชอบคือพาสต้า คุณเองก็พอจะเคยได้ลองทานพาสต้ามาบ้างจากฝีมือเทรนเดอร์แมนและการสอนวิธีการทำ

           "อร่อยจังนะ ที่โบสถ์ก็กินพวกนี้เหมือนกันเหรอ?"
           "เปล่าค่ะ คุณเทรนเดอร์เป็นคนสอนฉัน ที่โบสถ์ไม่ค่อยกินอะไรแบบนี้เท่าไหร่"คุณตอบกลับด้วยรอยยิ้มเล็กๆขณะที่ในมือของคุณยังคงล้างทำความสะอาดพวกเครื่องครัวเรือนหลังใช้งานเสร็จ คุณทำผัดมักกะโรนีโดยใช้ไข่ไก่เป็นส่วนประกอบพร้อมกับต้นหอมซอยแล้วก็มะเขือเทศหั่นชิ้นพอดีคำและผลออกมาก็ดีอย่างที่คาดไว้ พัพเพ็ตเทียร์ชื่นชอบเมนูนี้มาก
           "เป็นแม่ชีหรือพวกนักบวชเนี่ยค่อนข้างจำกัดเหมือนกันนะ"
           "มันก็ไม่ได้แย่เสมอหรอกนะคะ พวกเราต้องถือศีลแต่ก็มีได้กินเนื้อบ้างในวันขอบคุณพระเจ้า"คุณยิ้มแห้งๆตอบกลับไปหลังจากทำความสะอาดแล้วเช็ดมือด้วยผ้าที่ตั้งอยู่ข้างๆจนเสร็จก่อนจะเดินมานั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับชายหนุ่ม
           "ว่าแต่ว่าคุณทำงานอะไรเหรอคะ?"คุณถามพลางกินมักกะโรนีไปด้วย
           "ก็แค่งานทั่วๆไปน่ะ"เป็นคำตอบที่ดูกำกวมและแฝงนัยบางอย่างแปลกๆ ดูเหมือนเขาไม่ต้องการบอกคุณเท่าไหร่ว่าเป็นงานอะไร
           ในระหว่างที่พวกคุณพูดคุยไปนั่งรับประทานอาหารค่ำไปตามปกติ ช่วงหลังกินเสร็จคุณเป็นคนที่ช่วยเก็บจานไปล้างเสมอแล้วกลับมาที่ห้องเพื่ออาบน้ำชำระร่างกาย ส่วนพัพเพ็ตเทียร์...เขาบอกว่าเขาจะไปทำธุระนิดหน่อยอย่างเร่งด่วน คุณไม่เข้าใจว่ามีเรื่องอะไรแต่ก็ไม่ได้ซักไซร้ถามแต่อย่างใด ดูจากที่รีบร้อนนั้นคงจะจริง...


           ..........


           อีกด้านหนึ่ง
           *ตุ้บ!*
           มือหนาทุบเข้ากำแพงอย่างรุนแรงจนเกิดรอยร้าวเล็กๆ มืออีกข้างกอบกุมใบหน้าราวกับพยายามควบคุมบางอย่าง ลมหายใจที่หอบถี่ราวกับอัตราการเต้นของหัวใจที่ผิดปกติ ร่างกายร้อนผ่าวเขารู้สึกว่าการอยู่กับคุณหรือเข้าใกล้คุณมากเกินไปมันทำให้เกิดความผิดปกติทางอารมณ์ นั่นจึงเป็นเหตุผลหนึ่งที่เขาต้องการหลีกเลี่ยงออกห่างจากคุณเพื่อมิให้ทำร้ายตัวคุณ...

           อยากครอบครอง...อยากให้คุณเป็นของเขาเท่านั้น...

           นั่นคือความรู้สึกของชายหนุ่ม แต่ก็มีความคิดตีกันทั้งสองฝ่ายคือการบอกให้ 'ทำกับคุณ' หรือการ 'ปฏิเสธ'

           *ฟึ่บ*

           บางสิ่งร่องออกจากกระเป๋ากางเกงของชายหนุ่ม เขาก้มมองลงแล้วเห็นว่ามันเป็นกำไลลูกปัดหลากสีที่ถูกทำมือ

           เขาก้มเก็บมันขึ้นแล้วจ้องมองมันด้วยแววตาที่ดูมีความหมาย จริงๆเขาไม่ได้เป็นคนซื้อเจ้ากำไลนี้มาหรอก แต่เขาได้รับมาจากคนๆหนึ่งที่เคยเจอในอดีตจนถึงตอนนี้...


           อดีตที่เขายังคงเป็น 'โจนาธาน เบลก'


           ในสมัยเด็ก เขากับพ่อและแม่เคยไปดูโรงละครด้วยกัน เขามีความหลงใหลในละครเพลงและละครการแสดงอย่างมาก พ่อแม่ก็สนับสนุนให้เขาได้ทำตามความฝัน ด้วยเหตุนี้ตัวเขาเองก็จะทำทุกวิธีเพื่อเติมเต็มความฝัน การดูทีวีจนดึกดื่นกลายเป็นเรื่องปกติธรรมดาของวัน เช่นเดียวกับการเดินเที่ยวเตร็ดเตร่ที่โรงละครในเมืองให้มากที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้เพื่อศึกษา แต่ในไม่ช้าโจนาธานก็กลายเป็นลูกคนโตของครอบครัวโดยมีน้องชายหนึ่งคนและน้องสาวอีกสามคน

           เนื่องจากพ่อแม่ของพวกเขาทำงานทั้งสองอย่างเพื่อสร้างความมั่นคงให้กับครอบครัวใหญ่ของพวกเขา เขาจึงมักถูกปล่อยให้ทำหน้าที่ดูแลคนอื่นๆในฐานะพี่คนโต ในระหว่างวันเขาถูกสอนให้ดูแลน้องๆตั้งแต่อายุยังน้อย ดังนั้นเขาก็ไม่ต่างจากพ่อแม่ของน้องๆอีกคน...

           แต่นั่นเป็นเรื่องของอนาคต...สิ่งที่เขาพยายามจะนึกถึงก็คือเรื่องราวในวัยเด็กต่างหากล่ะ เขาจำได้ว่าตอนนั้นเหมือนจะหลงทางกับพ่อแม่แล้วไปเจอโบสถ์หลังหนึ่ง ด้วยความที่เป็นเด็กจึงอยากรู้อยากเห็นเลยแอบเข้าไปโดยลอดผ่านช่องรูกำแพงหนึ่งแล้วอยู่ๆก็มีกำไลตกใส่ศีรษะของเขา...

           เขาจำได้ว่าเขาเห็นเพียงแค่เส้นผมแต่เธอกลับพยายามไม่ให้เขาเห็นหน้า...

           และจำได้เพียงแค่ว่า...

           " กำไลนั่นฉันขอมอบให้นายนะโจนี่ "

           มือหนากำสิ่งนั้นแน่น น้ำเสียงที่สดใสดั่งระฆังสวรรค์...และเส้นผมสีบลอนด์ออกขาวราวกับไข่มุกเม็ดงามอันแสนมันวาวราวกับของแท้ แต่ภาพในความทรงจำช่างเลือนราง...เขาเคยเห็นผู้หญิงที่มีสีผมบลอนด์ขาวคล้ายคุณ แต่ก็ยังไม่ใช่คุณในความรู้สึกของเขาเพราะไม่มีความรู้สึกว่ามันเหมือนกับไข่มุกแบบนั้น...

           "อั้ก!"พอนึกถึงเรื่องของคุณ จู่ๆความทรงจำในฐานะโจนาธาน เบลกกลับมาอีกครั้ง ความทรงจำอันแสนเลวร้ายที่เขาอยากจะลืมมันไปให้พ้น...

           ชีวิตที่ต้องมีความรับผิดชอบในฐานะลูกคนโต

           ความฝันที่อยากจะเป็นนักแสดงละคร

           การได้พบเจอกับผู้หญิงคนหนึ่งที่ชื่อ 'เอ็มร่า'

           ชีวิตรักที่แสนสมบูรณ์แบบกับเธอ

           และความรักต้องจบลงด้วยความไม่เข้าใจว่าเขาทำอะไรผิด

           ความฝันที่พังทลาย

           แล้วตายไปด้วยความโศกเศร้าและความโกรธแค้น

           "อ้ากกกกกกกกกกกกก!!!"
           เสียงกรีดร้องดังระงมไปทั่วบริเวณก่อนที่จะอันตธานหายไป ทิ้งให้คนที่อยู่บริเวณนั้นเกิดความสงสัยว่ามันคือเสียงอะไรและมาจากไหน...


           ..........


           กลับมาที่อีกด้านหนึ่ง หญิงสาวในชุดบัลเล่ต์ทูทูคลาสสิกสีแดงกับรองเท้าพอยท์บัลเล่ต์สีดำ ในมือของเธอนั้นคือไดอารี่เล่มหนึ่งที่ตัวเธอมักจะเขียนมันลงไป..ทั้งความทรงจำเก่าและความทรงจำหลังเกิดใหม่เป็น 'เอ็มร่า' ทุกวันนี้...

           ในชีวิตก่อนตาย...ตัวเธอเป็นเพียงเด็กที่เชื่อฟังความต้องการของทุกคนรอบตัว โดยเฉพาะพ่อกับแม่ที่ใฝ่ฝันอยากให้เธอเป็นดาราจึงส่งเธอไปเรียนบัลเล่ต์ตั้งแต่อายุยังน้อย เธอต้องแบกรับความคาดหวังมากมายจากคนรอบข้าง กลายเป็นที่นิยมของคนในโรงเรียน แม้จะถูกหนุ่มๆหลายคนชวนเธอไปออกเดทแต่เธอก็ปฏิเสธทุกคนเพราะยังคงต้องการทำตามฝันที่จะเป็นนักบัลเล่ต์และนักเต้นมืออาชีพ...

           จนเมื่อได้เจอกับเขาครั้งแรก...'โจนาธาน เบลก' ...นั่นคือจุดที่ทำให้ทั้งคู่ได้พัฒนาความสัมพันธ์จากการแสดงละครโดยได้รับบทนำหญิง..

           หญิงสาวยังคงจำช่วงเวลานั้นได้ดี...ทั้งได้ออกเดท...ได้ใช้เวลาร่วมกันในตอนกลางวัน ไปเที่ยวด้วยกัน จนทำให้กลายเป็นคู่ที่น่าอิจฉาสำหรับใครหลายๆคนในโรงเรียน พวกเธอมักจะตัวติดกันอยู่จนแทบไม่เคยห่างกัน ในช่วงที่โจนาธานมีปัญหาสภาวะซึมเศร้าเธอก็คือคนที่อยู่เคียงข้างเขาและเขายังยืดหยัดได้เพราะเธอ ในเวลาที่เอ็มร่าเคยพูดคุยเรื่องพ่อแม่ที่คาดหวังให้เขาฟังเขาจะเป็นคนที่ไปรับเธอแล้วพาไปอยู่ที่บ้านด้วยกัน...ได้เล่นกีต้าร์พูดคุยกัน มันช่างเป็นชีวิตแสนหวานจริงๆ...

           แต่สุดท้าย....เป็นเธอที่พลาดเอง...

           ในช่วงปีสุดท้ายในโรงเรียนมัธยม พ่อกับแม่ที่ไม่มีใครรู้เรื่องความสัมพันธ์ของเธอระหว่างเธอกับเขาได้เสนอทางเลือกสุดท้ายนั่นก็คือถ้าหากเธอต้องไปโรงเรียนบัลเล่ต์ผ่านการอุปการะของตัวเธอ เอ็มร่าต้องเลิกยุ่งกับโจนาธาน และสิ่งที่หญิงสาวเลือกนั่นคือความฝันและอนาคตของเธอ...

           เธอยอมเลิกกับเขา...และจากไปด้วยหัวใจที่หนักอึ้ง...

           และนั่นคือการตัดสินใจที่ผิดพลาดของเธอ...

           *ก๊อก ก๊อก ก๊อก*

           "คุณเอ็มร่า?"เสียงของคุณดังออกมาจากหน้าห้องของเธอ หญิงสาวเก็บไดอารี่เอาไว้ในลิ้นชักแล้วหันมาก่อนจะเดินไปเปิดประตูให้คุณ
           "มีอะไรรึเปล่าคะ?"
           "คือว่า...ฉันขออยู่ด้วยได้รึเปล่า?"หญิงสาวดูตกใจเล็กน้อยกับคำพูดของคุณ เธอเงียบไปสักพักก่อนจะพยักหน้าและหลีกทางให้คุณเข้ามา คุณยิ้มให้แล้วเดินเข้าไป คุณมองสำรวจห้องของเธอเล็กน้อยแต่ก็ไม่ให้เป็นการเสียมารยาทเกินไป ห้องของเอ็มร่าดูค่อนข้างเรียบง่ายไม่ได้ตกแต่งอะไรมาก
           "สีหน้าของคุณดูไม่ค่อยดีเลยนะคะ"คุณพูดหลังจากที่ละสายตาจากห้องแล้วมองสีหน้าของอีกฝ่ายที่ดูแล้วไม่ค่อยดีจริงๆ
           "เธอคิดแบบนั้นเหรอ..?"
           "ค-ค่ะ.." คุณเอ่ยเสียงแผ่ว "ถ้าคุณรู้สึกไม่ดี...หรือว่ามีเรื่องอะไรสามารถพูดได้นะคะ ถ้าหากมันช่วยให้คุณรู้สึกดี แต่...หากไม่พร้อมก็ไม่เป็นไรหรอก" คุณพูดเพื่อยันยันว่าคุณไม่ได้บังคับให้เธอพูดแต่อย่างใด คุณแค่เห็นว่าอีกฝ่ายคล้ายเหมือนมีเรื่องราวอยากจะพูดแต่ก็ไม่สามารถพูดให้ใครฟังได้ แค่หวังว่าน่ะนะ...
           "....." หญิงสาวเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะเปิดปาก "นั่งลงก่อนสิ" เธอชี้ไปที่เตียงของเธอคุณจึงนั่งลงตามที่อีกฝ่ายบอกตามมาด้วยเอ็มร่าที่นั่งอยู่ข้างๆ...

           พร็อกซี่สาวยังคงนั่งนิ่งสงบ...ราวกับตุ๊กตาที่ไร้ชีวิต แต่ถึงกระนั้นแววตาของเธอกลับสะท้อนถึงความเศร้าอย่างชัดเจน

           คุณยังคงเงียบไม่ได้พูดอะไรออกไป คุณคิดว่าควรให้อีกฝ่ายเป็นคนตัดสินใจเองหรือไม่ก็ให้เธอพร้อมน่าจะดีกว่า หรือไม่ก็...หากไม่เป็นแบบนั้นคุณอาจต้องชวนคุยเรื่องอื่นสินะ?
           "นี่....หากว่าเราสามารถย้อนเวลากลับไปได้...แล้วเลือกอีกเส้นทาง...ความสัมพันธ์ของคนเราจะยังคงเหมือนเดิมมั้ย?"ในที่สุดเอ็นร่าก็พูดออกมา คุณมองหญิงสาวแล้วขบคิดว่าอาจหมายถึง...เรื่องระหว่างเธอกับพัพเพ็ตเทียร์หรือเปล่านะ? แน่นอนว่าเอ็มร่าเคยเล่าเรื่องนี้ให้คุณฟังมาก่อนอยู่แล้ว
           "ไม่รู้สิคะ...บางทีอาจจะแตกต่างจากที่เป็นอยู่ตอนนี้ก็ได้ เพราะยังไงทั้งคุณกับคุณโจนาธานก็มีความฝันคล้ายๆกันนิคะ"คุณยิ้มให้เธอ
           "คุณไม่จำเป็นจะต้องทำตามที่พ่อแม่ปราถนาตลอดก็ได้ค่ะ ถ้าหากคุณลองอธิบายให้คุณโจนาธานฟังเขาต้องเข้าใจแน่นอนและเขาก็จะรอคุณอย่างแน่นอน"ดวงตาสีแดงกลวงสบกับดวงตาสีอเมทิสต์ที่แสนสวยงามและล้ำค่า แต่คุณกลับคิดว่าดวงตาของเอ็มร่าทำให้นึกถึงพวกทับทิมที่เปล่งประกาย
           "นั่นสินะ..."มือเรียวบางของคุณยื่นไปสัมผัสที่มือกระเบื้องของเธอเบาๆอย่างทะนุถนอมแล้วกอบกุมมันไว้
           "ทุกอย่างจะต้องโอเค"คุณบอกเธอและส่งยิ้มให้อย่างนุ่มนวล พร็อกซี่สาวมองนิ่งก่อนจะค่อยๆเผยยิ้มบางๆออกมาจนได้ยินเสียงออดประตูนอกบ้าน เอ็มร่าบอกว่าเธอจะออกไปดูให้แต่คุณยังกังวลว่าหากเธอออกไปแล้วจะเกิดอะไรขึ้น ถึงอย่างงั้นหญิงสาวก็บอกว่ามันไม่มีอะไรแน่นอนและบอกให้คุณกลับห้องของตัวเองไป

           คุณเดินออกจากห้องของเธอแล้วมุ่งตรงไปยังห้องของคุณทันที หัวใจของคุณเริ่มเต้นผิดปกติด้วยความไม่สบายใจอย่างน่าประหลาด...

           คุณกลับเข้ามาในห้องสักพัก จู่ๆก็มีเสียงของตกแตกดังขึ้น คุณสะดุ้งเลยออกไปดูข้างนอกห้องทันที

           สิ่งที่คุณเห็นมันสร้างความตกใจและสะเทือนใจอย่างมาก

           ร่างของเอ็มร่าถูกกระแทกกับผนังจนเกิดรอยร้าวและร่างกายของเธอที่แตกกระจายไปทั่วไม่ต่างจากตุ๊กตากระเบื้องดูน่าสยดสยองและแซคคารีที่พยายามต่อสู้กับพัพเพ็ตเทียร์ผู้กำลังคลุ้มคลั่งไม่ต่างจากคนเสียสติ
           "หนีไป!!!"ชายหนุ่มตะโกนบอกคุณแต่ถูกเส้นใยสีเหลืองพันทั้งแขนและขาก่อนจะถูกเหวี่ยงไปกระแทกกับผนังไม่ต่างจากแม่บุญธรรมของเขา นักเชิดหุ่นพุ่งตรงมาทางคุณและผลักคุณเข้าไปในห้องพร้อมเสียงกรีดร้องด้วยความตกใจ
           ร่างของคุณถูกผลักลงบนเตียง ข้อมือทั้งสองถูกพันธนาการด้วยมือหนาของชายหนุ่มที่ไม่ต่างจากสัตว์ร้ายคลุ้มคลั่ง คุณพยายามขัดขืนและตะโกนเรียกเขาให้กลับมามีสติ
           "คุณพัพเพ็ต! ตั้งสติหน่อยสิ! คุณพัพเพ็ต!!"เสียงตะโกนแทบจะกลายเป็นเสียงกรีดร้อง ดวงตาสีเหลืองทองที่จับจ้องมาดูน่ากลัวมากคล้ายกับว่ามันพร้อมจะเขมือบคุณทั้งตัวหากทำได้ น้ำตาเิร่มไหลรินด้วยความกลัว ยิ่งคุณพยายามดีดดิ้นขัดขืนหรือออกแรวมากเท่าไหร่เขาก็ไม่มีทีท่าว่าจะปล่อยคุณ แถมยังถูกเส้นใยสีเหลืองเข้ามาพันแขนและขาของคุณอีก
           "คิดว่าเจ้าพวกนั้นจะมาช่วยเธองั้นเหรอ? ลืมๆมันไปซะ! พวกนั้นไม่มีทางหาเจอหรอก!"หัวใจของคุณพลันสะดุดก่อนจะเริ่มเต้นระรัวอีกครั้งด้วยอารมณ์ความรู้สึกหลากหลาย

           *แกร๊ก*

           แต่มีบางสิ่งตกออกจากเสื้อโค้ชของชายหนุ่มลงสู่อกของคุณคุณก้มมองลงแล้วเห็นว่าเป็นกำไลลูกปัดหลากสี...ที่ดูแล้วจะเก่าแต่ยังดูใหม่เล็กน้อย และเป็นของทำมือจึงอาจไม่ได้สละสลวยอะไร แถมตรงช่วงของเชือกที่รัดนั้นยังห่างกันมากด้วยราวๆใช้ลูกปัดไปเพียงแค่ห้าถึงเจ็ดอันเลยยังไม่เสร็จดี

           "โจนี่?"

           ชายหนุ่มชะงักไปหลังจากที่ได้ยิน คุณยังจำมันได้ดีว่าลูกปัดนี้เป็นคุณที่ทำเองแล้วมอบให้กับเด็กผู้ชายคนหนึ่งถมยังมีชื่อคล้ายๆกับคนที่ชื่อโจนาธานแล้วคุณเรียกเด็กคนนั้นด้วยชื่อสั้นๆเป็นชื่อเล่น...

           เป็นเขาเหรอ?

           "เป็นเธอจริงๆ"
           สิ้นเสียงของนักเชิดหุ่น ดวงตาของเขาฉายแววความรู้สึกบางอย่างที่อัดอั้นเอ่อล้นดูมีความหมายมาก แต่เขาก็เร่งผุดลุกขึ้นออกห่างจากคุณพร้อมเส้นใยสีเหลืองที่คลายพันธนาการลง
           "โจ---"

           *เพล้ง!!*

           เสียงบานกระจกหน้าต่างแตกจนเกิดเสียงดังร้าวสนั่นทำให้ทั้งคุณและพัพเพ็ตเทียร์ตกใจก่อนที่เส้นใยจะถูกตัดจนขาดทำให้ชายหนุ่มได้รับบาดเจ็บ เพราะสิ่งนี้เปรียบดั่งร่างกายของเขา เมื่อเขาหันมาทางคุณอีกทีพบว่าคุณหายไปแล้ว
           "บัดซบ!!!"


           เปลือกตาของคุณค่อยๆเปิดออกแล้วพบว่าคุณถูกอุ้มโดยชายหนุ่มในชุดฮู้ดสีเหลืองกับหน้ากากสีดำตาและปากสีแดงอันคุ้นเคยคนนั้น
           "คุณฮู้ดดี้?"
           ชายหนุ่มยังคงเงียบตลอดทางแล้ววิ่งออกมาจากบ้านหลังนั้นก่อนจะมุ่งตรงไปทางจุดหนึ่งที่พอจะหลบซ่อนในจุดมืดที่ห่างไกลที่สุด
           "ข-ขอบคุณ...แต่...คุณมาได้ยังไง?"คุณพูด
           "มาทางประตูมิติ..."เขาพูดสั้นๆแค่นั้นก่อนจะหันไปมองยังจุดที่เพิ่งพาคุณออกมา ไม่นานกลุ่มพร็อกซี่และเจฟฟ์กับสเลนเดอร์แมนวิ่งมาทางพวกคุณพอดี
           "ให้ตายสิ เจ้านั่นหนีไวอย่างกับไอ้เม่นสายฟ้าตาเปียกนั่น"
           "อย่าเอ่ยชื่อเจ้านั่นสิ ขนลุก!"
           ดูเหมือนว่าพวกเขาจะบุกเข้าไปหาตัวพัพเพ็ตเทียร์ แต่น่าเสียดายที่ทั้งตัวของเขาและเอ็มร่ากับแซ็นคารีดันหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย เหลือเพียงแค่ซากเล็กๆ เมื่อสเลนเดอร์แมนปรากฎตัวก็ได้หันมาถามคุณ
           "เป็นอย่างไรบ้าง?"
           "ไม่เป็นไร..ค่ะ ขอบคุณ"เขาถอนหายใจเบาๆก่อนจะเอ่ยขึ้นอีกครั้ง

           "กลับบ้านกันเถอะ แซลลี่กำลังรออยู่"

           มือหนาถูกยื่นออกมาทางคุณ คุณยิ้มให้เบาๆก่อนจะค่อยๆยื่นมือไปหาเขา

           *ฟึ่บ!*

           "กรี๊ดดดด!"
           "คาเงะคาโอะ!!!!!"
           "เคะๆๆๆ さようなら~(ลาก่อน)"

           เสียงกัวเราะพร้อมกับร่างของคุณที่ถูกฉกชิงอุ้มขึ้นทยานขึ้นไปบนหลังคาบ้าน สเลนเดอร์แมนที่เห็นแบบนั้นก็เร่งใช้หนวดรยางพุ่งไปหาอีกฝ่ายแต่อีกฝ่ายกลับสามารถหลบหลีกได้อย่างว่องไวส่วนคนอื่นก็หยิบอาวุธเพื่อเล็งไปที่เจ้าหน้ากากสองสีโดยพยายามไม่ให้โดนคุณ ส่วนอีกพวกก็คงจะวิ่งกระโดดขึ้นไปตามเจ้าแมวขโมยตัวนั้น

           "เล่นอะไรของแกไอ้แมวผี!!"
           "เคะๆๆ เป็นหมาหวงเจ้าของซะแล้วเหรอพ่อหนุ่ม~"คล้ายมีเส้นเลือดปูดด้วยความโกรธก่อนจะพุ่งโจมตีใส่ แต่อีกฝ่ายกระโดดขึ้นใช้ตีนเหยียบหัวของฆาตกรสุดโด่งดังจนล้มหัวทิ่มแล้วอันตธานหายไปในความมืด...

           อะไรกัน? นี่คุณถูกลักพาตัวอีกแล้วหรอ!?



    จะว้าย คุณโดนลักพาตัวอีกแว้ว---
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×