ลำดับตอนที่ #17
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #17 : Chapter 12 : Escape?
CHAPTER 12 : ESCAPE?
คุณใช้เวลาทั้งหมดไปกับการอ่าน วาดเขียน หรือแม้กระทั่งการทำอาหาร ในตอนที่คุณทำอาหารให้พัพเพ็ตเทียร์นั้นเขาดูติดใจชอบอาหารของคุณมาก พอได้เห็นสีหน้าที่มีความสุขนั้นแล้วมันก็อดยิ้มไม่ได้จริงๆ คุณจึงทำอาหารทุกครั้งเมื่อมีโอกาส บางทีการได้กินของอร่อยๆมันช่วยให้รู้สึกดีขึ้น อย่างน้อยก็ไม่ต้องเอาแต่นั่งเงียบๆเหงาๆอยู่แต่ในห้องตลอด
อีกทั้งเวลาที่ได้พูดคุยกับนักเชิดหนุ่มเขามักพูดถึงละครเชิดหุ่น พูดเรื่องละครต่างๆ หรือแม้แต่การเป็นผู้ฟังที่ดีให้กับคุณ เขาเป็นผู้ชายที่ดูขี้เล่น มีอารมณ์ขันเล็กน้อยแล้วก็มีเสน่ห์ หากเป็นสาวอื่นที่ได้มาเห็นแบบนี้คงมีคนมาชอบมาหลงไม่ยาก
อาหารที่เขาชอบคือพาสต้า คุณเองก็พอจะเคยได้ลองทานพาสต้ามาบ้างจากฝีมือเทรนเดอร์แมนและการสอนวิธีการทำ
"อร่อยจังนะ ที่โบสถ์ก็กินพวกนี้เหมือนกันเหรอ?"
"เปล่าค่ะ คุณเทรนเดอร์เป็นคนสอนฉัน ที่โบสถ์ไม่ค่อยกินอะไรแบบนี้เท่าไหร่"คุณตอบกลับด้วยรอยยิ้มเล็กๆขณะที่ในมือของคุณยังคงล้างทำความสะอาดพวกเครื่องครัวเรือนหลังใช้งานเสร็จ คุณทำผัดมักกะโรนีโดยใช้ไข่ไก่เป็นส่วนประกอบพร้อมกับต้นหอมซอยแล้วก็มะเขือเทศหั่นชิ้นพอดีคำและผลออกมาก็ดีอย่างที่คาดไว้ พัพเพ็ตเทียร์ชื่นชอบเมนูนี้มาก
"เป็นแม่ชีหรือพวกนักบวชเนี่ยค่อนข้างจำกัดเหมือนกันนะ"
"มันก็ไม่ได้แย่เสมอหรอกนะคะ พวกเราต้องถือศีลแต่ก็มีได้กินเนื้อบ้างในวันขอบคุณพระเจ้า"คุณยิ้มแห้งๆตอบกลับไปหลังจากทำความสะอาดแล้วเช็ดมือด้วยผ้าที่ตั้งอยู่ข้างๆจนเสร็จก่อนจะเดินมานั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับชายหนุ่ม
"ว่าแต่ว่าคุณทำงานอะไรเหรอคะ?"คุณถามพลางกินมักกะโรนีไปด้วย
"ก็แค่งานทั่วๆไปน่ะ"เป็นคำตอบที่ดูกำกวมและแฝงนัยบางอย่างแปลกๆ ดูเหมือนเขาไม่ต้องการบอกคุณเท่าไหร่ว่าเป็นงานอะไร
ในระหว่างที่พวกคุณพูดคุยไปนั่งรับประทานอาหารค่ำไปตามปกติ ช่วงหลังกินเสร็จคุณเป็นคนที่ช่วยเก็บจานไปล้างเสมอแล้วกลับมาที่ห้องเพื่ออาบน้ำชำระร่างกาย ส่วนพัพเพ็ตเทียร์...เขาบอกว่าเขาจะไปทำธุระนิดหน่อยอย่างเร่งด่วน คุณไม่เข้าใจว่ามีเรื่องอะไรแต่ก็ไม่ได้ซักไซร้ถามแต่อย่างใด ดูจากที่รีบร้อนนั้นคงจะจริง...
..........
อีกด้านหนึ่ง
*ตุ้บ!*
มือหนาทุบเข้ากำแพงอย่างรุนแรงจนเกิดรอยร้าวเล็กๆ มืออีกข้างกอบกุมใบหน้าราวกับพยายามควบคุมบางอย่าง ลมหายใจที่หอบถี่ราวกับอัตราการเต้นของหัวใจที่ผิดปกติ ร่างกายร้อนผ่าวเขารู้สึกว่าการอยู่กับคุณหรือเข้าใกล้คุณมากเกินไปมันทำให้เกิดความผิดปกติทางอารมณ์ นั่นจึงเป็นเหตุผลหนึ่งที่เขาต้องการหลีกเลี่ยงออกห่างจากคุณเพื่อมิให้ทำร้ายตัวคุณ...
อยากครอบครอง...อยากให้คุณเป็นของเขาเท่านั้น...
นั่นคือความรู้สึกของชายหนุ่ม แต่ก็มีความคิดตีกันทั้งสองฝ่ายคือการบอกให้ 'ทำกับคุณ' หรือการ 'ปฏิเสธ'
*ฟึ่บ*
บางสิ่งร่องออกจากกระเป๋ากางเกงของชายหนุ่ม เขาก้มมองลงแล้วเห็นว่ามันเป็นกำไลลูกปัดหลากสีที่ถูกทำมือ
เขาก้มเก็บมันขึ้นแล้วจ้องมองมันด้วยแววตาที่ดูมีความหมาย จริงๆเขาไม่ได้เป็นคนซื้อเจ้ากำไลนี้มาหรอก แต่เขาได้รับมาจากคนๆหนึ่งที่เคยเจอในอดีตจนถึงตอนนี้...
อดีตที่เขายังคงเป็น 'โจนาธาน เบลก'
ในสมัยเด็ก เขากับพ่อและแม่เคยไปดูโรงละครด้วยกัน เขามีความหลงใหลในละครเพลงและละครการแสดงอย่างมาก พ่อแม่ก็สนับสนุนให้เขาได้ทำตามความฝัน ด้วยเหตุนี้ตัวเขาเองก็จะทำทุกวิธีเพื่อเติมเต็มความฝัน การดูทีวีจนดึกดื่นกลายเป็นเรื่องปกติธรรมดาของวัน เช่นเดียวกับการเดินเที่ยวเตร็ดเตร่ที่โรงละครในเมืองให้มากที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้เพื่อศึกษา แต่ในไม่ช้าโจนาธานก็กลายเป็นลูกคนโตของครอบครัวโดยมีน้องชายหนึ่งคนและน้องสาวอีกสามคน
เนื่องจากพ่อแม่ของพวกเขาทำงานทั้งสองอย่างเพื่อสร้างความมั่นคงให้กับครอบครัวใหญ่ของพวกเขา เขาจึงมักถูกปล่อยให้ทำหน้าที่ดูแลคนอื่นๆในฐานะพี่คนโต ในระหว่างวันเขาถูกสอนให้ดูแลน้องๆตั้งแต่อายุยังน้อย ดังนั้นเขาก็ไม่ต่างจากพ่อแม่ของน้องๆอีกคน...
แต่นั่นเป็นเรื่องของอนาคต...สิ่งที่เขาพยายามจะนึกถึงก็คือเรื่องราวในวัยเด็กต่างหากล่ะ เขาจำได้ว่าตอนนั้นเหมือนจะหลงทางกับพ่อแม่แล้วไปเจอโบสถ์หลังหนึ่ง ด้วยความที่เป็นเด็กจึงอยากรู้อยากเห็นเลยแอบเข้าไปโดยลอดผ่านช่องรูกำแพงหนึ่งแล้วอยู่ๆก็มีกำไลตกใส่ศีรษะของเขา...
เขาจำได้ว่าเขาเห็นเพียงแค่เส้นผมแต่เธอกลับพยายามไม่ให้เขาเห็นหน้า...
และจำได้เพียงแค่ว่า...
" กำไลนั่นฉันขอมอบให้นายนะโจนี่ "
มือหนากำสิ่งนั้นแน่น น้ำเสียงที่สดใสดั่งระฆังสวรรค์...และเส้นผมสีบลอนด์ออกขาวราวกับไข่มุกเม็ดงามอันแสนมันวาวราวกับของแท้ แต่ภาพในความทรงจำช่างเลือนราง...เขาเคยเห็นผู้หญิงที่มีสีผมบลอนด์ขาวคล้ายคุณ แต่ก็ยังไม่ใช่คุณในความรู้สึกของเขาเพราะไม่มีความรู้สึกว่ามันเหมือนกับไข่มุกแบบนั้น...
"อั้ก!"พอนึกถึงเรื่องของคุณ จู่ๆความทรงจำในฐานะโจนาธาน เบลกกลับมาอีกครั้ง ความทรงจำอันแสนเลวร้ายที่เขาอยากจะลืมมันไปให้พ้น...
ชีวิตที่ต้องมีความรับผิดชอบในฐานะลูกคนโต
ความฝันที่อยากจะเป็นนักแสดงละคร
การได้พบเจอกับผู้หญิงคนหนึ่งที่ชื่อ 'เอ็มร่า'
ชีวิตรักที่แสนสมบูรณ์แบบกับเธอ
และความรักต้องจบลงด้วยความไม่เข้าใจว่าเขาทำอะไรผิด
ความฝันที่พังทลาย
แล้วตายไปด้วยความโศกเศร้าและความโกรธแค้น
"อ้ากกกกกกกกกกกกก!!!"
เสียงกรีดร้องดังระงมไปทั่วบริเวณก่อนที่จะอันตธานหายไป ทิ้งให้คนที่อยู่บริเวณนั้นเกิดความสงสัยว่ามันคือเสียงอะไรและมาจากไหน...
..........
กลับมาที่อีกด้านหนึ่ง หญิงสาวในชุดบัลเล่ต์ทูทูคลาสสิกสีแดงกับรองเท้าพอยท์บัลเล่ต์สีดำ ในมือของเธอนั้นคือไดอารี่เล่มหนึ่งที่ตัวเธอมักจะเขียนมันลงไป..ทั้งความทรงจำเก่าและความทรงจำหลังเกิดใหม่เป็น 'เอ็มร่า' ทุกวันนี้...
ในชีวิตก่อนตาย...ตัวเธอเป็นเพียงเด็กที่เชื่อฟังความต้องการของทุกคนรอบตัว โดยเฉพาะพ่อกับแม่ที่ใฝ่ฝันอยากให้เธอเป็นดาราจึงส่งเธอไปเรียนบัลเล่ต์ตั้งแต่อายุยังน้อย เธอต้องแบกรับความคาดหวังมากมายจากคนรอบข้าง กลายเป็นที่นิยมของคนในโรงเรียน แม้จะถูกหนุ่มๆหลายคนชวนเธอไปออกเดทแต่เธอก็ปฏิเสธทุกคนเพราะยังคงต้องการทำตามฝันที่จะเป็นนักบัลเล่ต์และนักเต้นมืออาชีพ...
จนเมื่อได้เจอกับเขาครั้งแรก...'โจนาธาน เบลก' ...นั่นคือจุดที่ทำให้ทั้งคู่ได้พัฒนาความสัมพันธ์จากการแสดงละครโดยได้รับบทนำหญิง..
หญิงสาวยังคงจำช่วงเวลานั้นได้ดี...ทั้งได้ออกเดท...ได้ใช้เวลาร่วมกันในตอนกลางวัน ไปเที่ยวด้วยกัน จนทำให้กลายเป็นคู่ที่น่าอิจฉาสำหรับใครหลายๆคนในโรงเรียน พวกเธอมักจะตัวติดกันอยู่จนแทบไม่เคยห่างกัน ในช่วงที่โจนาธานมีปัญหาสภาวะซึมเศร้าเธอก็คือคนที่อยู่เคียงข้างเขาและเขายังยืดหยัดได้เพราะเธอ ในเวลาที่เอ็มร่าเคยพูดคุยเรื่องพ่อแม่ที่คาดหวังให้เขาฟังเขาจะเป็นคนที่ไปรับเธอแล้วพาไปอยู่ที่บ้านด้วยกัน...ได้เล่นกีต้าร์พูดคุยกัน มันช่างเป็นชีวิตแสนหวานจริงๆ...
แต่สุดท้าย....เป็นเธอที่พลาดเอง...
ในช่วงปีสุดท้ายในโรงเรียนมัธยม พ่อกับแม่ที่ไม่มีใครรู้เรื่องความสัมพันธ์ของเธอระหว่างเธอกับเขาได้เสนอทางเลือกสุดท้ายนั่นก็คือถ้าหากเธอต้องไปโรงเรียนบัลเล่ต์ผ่านการอุปการะของตัวเธอ เอ็มร่าต้องเลิกยุ่งกับโจนาธาน และสิ่งที่หญิงสาวเลือกนั่นคือความฝันและอนาคตของเธอ...
เธอยอมเลิกกับเขา...และจากไปด้วยหัวใจที่หนักอึ้ง...
และนั่นคือการตัดสินใจที่ผิดพลาดของเธอ...
*ก๊อก ก๊อก ก๊อก*
"คุณเอ็มร่า?"เสียงของคุณดังออกมาจากหน้าห้องของเธอ หญิงสาวเก็บไดอารี่เอาไว้ในลิ้นชักแล้วหันมาก่อนจะเดินไปเปิดประตูให้คุณ
"มีอะไรรึเปล่าคะ?"
"คือว่า...ฉันขออยู่ด้วยได้รึเปล่า?"หญิงสาวดูตกใจเล็กน้อยกับคำพูดของคุณ เธอเงียบไปสักพักก่อนจะพยักหน้าและหลีกทางให้คุณเข้ามา คุณยิ้มให้แล้วเดินเข้าไป คุณมองสำรวจห้องของเธอเล็กน้อยแต่ก็ไม่ให้เป็นการเสียมารยาทเกินไป ห้องของเอ็มร่าดูค่อนข้างเรียบง่ายไม่ได้ตกแต่งอะไรมาก
"สีหน้าของคุณดูไม่ค่อยดีเลยนะคะ"คุณพูดหลังจากที่ละสายตาจากห้องแล้วมองสีหน้าของอีกฝ่ายที่ดูแล้วไม่ค่อยดีจริงๆ
"เธอคิดแบบนั้นเหรอ..?"
"ค-ค่ะ.." คุณเอ่ยเสียงแผ่ว "ถ้าคุณรู้สึกไม่ดี...หรือว่ามีเรื่องอะไรสามารถพูดได้นะคะ ถ้าหากมันช่วยให้คุณรู้สึกดี แต่...หากไม่พร้อมก็ไม่เป็นไรหรอก" คุณพูดเพื่อยันยันว่าคุณไม่ได้บังคับให้เธอพูดแต่อย่างใด คุณแค่เห็นว่าอีกฝ่ายคล้ายเหมือนมีเรื่องราวอยากจะพูดแต่ก็ไม่สามารถพูดให้ใครฟังได้ แค่หวังว่าน่ะนะ...
"....." หญิงสาวเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะเปิดปาก "นั่งลงก่อนสิ" เธอชี้ไปที่เตียงของเธอคุณจึงนั่งลงตามที่อีกฝ่ายบอกตามมาด้วยเอ็มร่าที่นั่งอยู่ข้างๆ...
พร็อกซี่สาวยังคงนั่งนิ่งสงบ...ราวกับตุ๊กตาที่ไร้ชีวิต แต่ถึงกระนั้นแววตาของเธอกลับสะท้อนถึงความเศร้าอย่างชัดเจน
คุณยังคงเงียบไม่ได้พูดอะไรออกไป คุณคิดว่าควรให้อีกฝ่ายเป็นคนตัดสินใจเองหรือไม่ก็ให้เธอพร้อมน่าจะดีกว่า หรือไม่ก็...หากไม่เป็นแบบนั้นคุณอาจต้องชวนคุยเรื่องอื่นสินะ?
"นี่....หากว่าเราสามารถย้อนเวลากลับไปได้...แล้วเลือกอีกเส้นทาง...ความสัมพันธ์ของคนเราจะยังคงเหมือนเดิมมั้ย?"ในที่สุดเอ็นร่าก็พูดออกมา คุณมองหญิงสาวแล้วขบคิดว่าอาจหมายถึง...เรื่องระหว่างเธอกับพัพเพ็ตเทียร์หรือเปล่านะ? แน่นอนว่าเอ็มร่าเคยเล่าเรื่องนี้ให้คุณฟังมาก่อนอยู่แล้ว
"ไม่รู้สิคะ...บางทีอาจจะแตกต่างจากที่เป็นอยู่ตอนนี้ก็ได้ เพราะยังไงทั้งคุณกับคุณโจนาธานก็มีความฝันคล้ายๆกันนิคะ"คุณยิ้มให้เธอ
"คุณไม่จำเป็นจะต้องทำตามที่พ่อแม่ปราถนาตลอดก็ได้ค่ะ ถ้าหากคุณลองอธิบายให้คุณโจนาธานฟังเขาต้องเข้าใจแน่นอนและเขาก็จะรอคุณอย่างแน่นอน"ดวงตาสีแดงกลวงสบกับดวงตาสีอเมทิสต์ที่แสนสวยงามและล้ำค่า แต่คุณกลับคิดว่าดวงตาของเอ็มร่าทำให้นึกถึงพวกทับทิมที่เปล่งประกาย
"นั่นสินะ..."มือเรียวบางของคุณยื่นไปสัมผัสที่มือกระเบื้องของเธอเบาๆอย่างทะนุถนอมแล้วกอบกุมมันไว้
"ทุกอย่างจะต้องโอเค"คุณบอกเธอและส่งยิ้มให้อย่างนุ่มนวล พร็อกซี่สาวมองนิ่งก่อนจะค่อยๆเผยยิ้มบางๆออกมาจนได้ยินเสียงออดประตูนอกบ้าน เอ็มร่าบอกว่าเธอจะออกไปดูให้แต่คุณยังกังวลว่าหากเธอออกไปแล้วจะเกิดอะไรขึ้น ถึงอย่างงั้นหญิงสาวก็บอกว่ามันไม่มีอะไรแน่นอนและบอกให้คุณกลับห้องของตัวเองไป
คุณเดินออกจากห้องของเธอแล้วมุ่งตรงไปยังห้องของคุณทันที หัวใจของคุณเริ่มเต้นผิดปกติด้วยความไม่สบายใจอย่างน่าประหลาด...
คุณกลับเข้ามาในห้องสักพัก จู่ๆก็มีเสียงของตกแตกดังขึ้น คุณสะดุ้งเลยออกไปดูข้างนอกห้องทันที
สิ่งที่คุณเห็นมันสร้างความตกใจและสะเทือนใจอย่างมาก
ร่างของเอ็มร่าถูกกระแทกกับผนังจนเกิดรอยร้าวและร่างกายของเธอที่แตกกระจายไปทั่วไม่ต่างจากตุ๊กตากระเบื้องดูน่าสยดสยองและแซคคารีที่พยายามต่อสู้กับพัพเพ็ตเทียร์ผู้กำลังคลุ้มคลั่งไม่ต่างจากคนเสียสติ
"หนีไป!!!"ชายหนุ่มตะโกนบอกคุณแต่ถูกเส้นใยสีเหลืองพันทั้งแขนและขาก่อนจะถูกเหวี่ยงไปกระแทกกับผนังไม่ต่างจากแม่บุญธรรมของเขา นักเชิดหุ่นพุ่งตรงมาทางคุณและผลักคุณเข้าไปในห้องพร้อมเสียงกรีดร้องด้วยความตกใจ
ร่างของคุณถูกผลักลงบนเตียง ข้อมือทั้งสองถูกพันธนาการด้วยมือหนาของชายหนุ่มที่ไม่ต่างจากสัตว์ร้ายคลุ้มคลั่ง คุณพยายามขัดขืนและตะโกนเรียกเขาให้กลับมามีสติ
"คุณพัพเพ็ต! ตั้งสติหน่อยสิ! คุณพัพเพ็ต!!"เสียงตะโกนแทบจะกลายเป็นเสียงกรีดร้อง ดวงตาสีเหลืองทองที่จับจ้องมาดูน่ากลัวมากคล้ายกับว่ามันพร้อมจะเขมือบคุณทั้งตัวหากทำได้ น้ำตาเิร่มไหลรินด้วยความกลัว ยิ่งคุณพยายามดีดดิ้นขัดขืนหรือออกแรวมากเท่าไหร่เขาก็ไม่มีทีท่าว่าจะปล่อยคุณ แถมยังถูกเส้นใยสีเหลืองเข้ามาพันแขนและขาของคุณอีก
"คิดว่าเจ้าพวกนั้นจะมาช่วยเธองั้นเหรอ? ลืมๆมันไปซะ! พวกนั้นไม่มีทางหาเจอหรอก!"หัวใจของคุณพลันสะดุดก่อนจะเริ่มเต้นระรัวอีกครั้งด้วยอารมณ์ความรู้สึกหลากหลาย
*แกร๊ก*
แต่มีบางสิ่งตกออกจากเสื้อโค้ชของชายหนุ่มลงสู่อกของคุณคุณก้มมองลงแล้วเห็นว่าเป็นกำไลลูกปัดหลากสี...ที่ดูแล้วจะเก่าแต่ยังดูใหม่เล็กน้อย และเป็นของทำมือจึงอาจไม่ได้สละสลวยอะไร แถมตรงช่วงของเชือกที่รัดนั้นยังห่างกันมากด้วยราวๆใช้ลูกปัดไปเพียงแค่ห้าถึงเจ็ดอันเลยยังไม่เสร็จดี
"โจนี่?"
ชายหนุ่มชะงักไปหลังจากที่ได้ยิน คุณยังจำมันได้ดีว่าลูกปัดนี้เป็นคุณที่ทำเองแล้วมอบให้กับเด็กผู้ชายคนหนึ่งถมยังมีชื่อคล้ายๆกับคนที่ชื่อโจนาธานแล้วคุณเรียกเด็กคนนั้นด้วยชื่อสั้นๆเป็นชื่อเล่น...
เป็นเขาเหรอ?
"เป็นเธอจริงๆ"
สิ้นเสียงของนักเชิดหุ่น ดวงตาของเขาฉายแววความรู้สึกบางอย่างที่อัดอั้นเอ่อล้นดูมีความหมายมาก แต่เขาก็เร่งผุดลุกขึ้นออกห่างจากคุณพร้อมเส้นใยสีเหลืองที่คลายพันธนาการลง
"โจ---"
*เพล้ง!!*
เสียงบานกระจกหน้าต่างแตกจนเกิดเสียงดังร้าวสนั่นทำให้ทั้งคุณและพัพเพ็ตเทียร์ตกใจก่อนที่เส้นใยจะถูกตัดจนขาดทำให้ชายหนุ่มได้รับบาดเจ็บ เพราะสิ่งนี้เปรียบดั่งร่างกายของเขา เมื่อเขาหันมาทางคุณอีกทีพบว่าคุณหายไปแล้ว
"บัดซบ!!!"
เปลือกตาของคุณค่อยๆเปิดออกแล้วพบว่าคุณถูกอุ้มโดยชายหนุ่มในชุดฮู้ดสีเหลืองกับหน้ากากสีดำตาและปากสีแดงอันคุ้นเคยคนนั้น
"คุณฮู้ดดี้?"
ชายหนุ่มยังคงเงียบตลอดทางแล้ววิ่งออกมาจากบ้านหลังนั้นก่อนจะมุ่งตรงไปทางจุดหนึ่งที่พอจะหลบซ่อนในจุดมืดที่ห่างไกลที่สุด
"ข-ขอบคุณ...แต่...คุณมาได้ยังไง?"คุณพูด
"มาทางประตูมิติ..."เขาพูดสั้นๆแค่นั้นก่อนจะหันไปมองยังจุดที่เพิ่งพาคุณออกมา ไม่นานกลุ่มพร็อกซี่และเจฟฟ์กับสเลนเดอร์แมนวิ่งมาทางพวกคุณพอดี
"ให้ตายสิ เจ้านั่นหนีไวอย่างกับไอ้เม่นสายฟ้าตาเปียกนั่น"
"อย่าเอ่ยชื่อเจ้านั่นสิ ขนลุก!"
ดูเหมือนว่าพวกเขาจะบุกเข้าไปหาตัวพัพเพ็ตเทียร์ แต่น่าเสียดายที่ทั้งตัวของเขาและเอ็มร่ากับแซ็นคารีดันหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย เหลือเพียงแค่ซากเล็กๆ เมื่อสเลนเดอร์แมนปรากฎตัวก็ได้หันมาถามคุณ
"เป็นอย่างไรบ้าง?"
"ไม่เป็นไร..ค่ะ ขอบคุณ"เขาถอนหายใจเบาๆก่อนจะเอ่ยขึ้นอีกครั้ง
"กลับบ้านกันเถอะ แซลลี่กำลังรออยู่"
มือหนาถูกยื่นออกมาทางคุณ คุณยิ้มให้เบาๆก่อนจะค่อยๆยื่นมือไปหาเขา
*ฟึ่บ!*
"กรี๊ดดดด!"
"คาเงะคาโอะ!!!!!"
"เคะๆๆๆ さようなら~(ลาก่อน)"
เสียงกัวเราะพร้อมกับร่างของคุณที่ถูกฉกชิงอุ้มขึ้นทยานขึ้นไปบนหลังคาบ้าน สเลนเดอร์แมนที่เห็นแบบนั้นก็เร่งใช้หนวดรยางพุ่งไปหาอีกฝ่ายแต่อีกฝ่ายกลับสามารถหลบหลีกได้อย่างว่องไวส่วนคนอื่นก็หยิบอาวุธเพื่อเล็งไปที่เจ้าหน้ากากสองสีโดยพยายามไม่ให้โดนคุณ ส่วนอีกพวกก็คงจะวิ่งกระโดดขึ้นไปตามเจ้าแมวขโมยตัวนั้น
"เล่นอะไรของแกไอ้แมวผี!!"
"เคะๆๆ เป็นหมาหวงเจ้าของซะแล้วเหรอพ่อหนุ่ม~"คล้ายมีเส้นเลือดปูดด้วยความโกรธก่อนจะพุ่งโจมตีใส่ แต่อีกฝ่ายกระโดดขึ้นใช้ตีนเหยียบหัวของฆาตกรสุดโด่งดังจนล้มหัวทิ่มแล้วอันตธานหายไปในความมืด...
อะไรกัน? นี่คุณถูกลักพาตัวอีกแล้วหรอ!?
จะว้าย คุณโดนลักพาตัวอีกแว้ว---
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น