ลำดับตอนที่ #13
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : Chapter 8 : Monster? [แถมฉากพิเศษ ตัวเลือก 'ไปสวนทันที']
Chapter 8 : Monster?
[แถมฉากพิเศษ ตัวเลือก 'ไปสวนทันที']
"ฉันมันอสุรกายที่พร้อมจะคร่าทุกสิ่งเพื่อเทพธิดา..."
-EYELESS JACK-
ในเช้าวันใหม่ที่แสนสดใส คุณตื่นขึ้นมาพร้อมกับยกมือป้องปากหาวเล็กน้อยแล้วลุกขึ้นทำกิจวัตรประจำวันยามเช้าเช่นปกติ ซึ่งหลังจากทำธุระส่วนตัวเสร็จก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น เมื่อเปิดออกก็ได้พบกับหญิงสาวผมบลอนด์ในชุดสีขาวอันคุ้นเคย
"คุณนางฟ้า อรุณสวัสดิ์"
"อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณแองเจิ้ล"
นางฟ้าผู้พพากษาเปิดประตูเข้ามาแล้วเป็นฝ่ายพาคุณไปกินมื้อเช้าด้วยกัน แต่ก็มีคล็อกเวิร์คที่เข้ามาขัดพอดี เพราะช่วงเช้าคุณจะต้องอยู่ในห้อง ไม่อาจไปร่วมโต๊ะคนอื่นได้เพราะมันเป็นกฎข้อบังคับไม่ให้เจอคุณหรืออยู่นานๆ อีกอย่างมันเป็นเรื่องดีที่คุณจะได้ไม่ต้องเจอเจ้าหน้ากากสองสีด้วย
คุณรู้สึกว่าการมีจัดจ์แองเจิ้ลเป็นเพื่อนสาวอีกคนช่วยให้รู้สึกปลอดภัย แต่...มาคิดๆดูแล้วคุณก็เหมือนไม่ได้ทำอะไรเพื่อตอบแทนเลยแฮะ...
คุณรู้สึกว่าตัวเองนั้นอ่อนแอ...
ทั้งสองต่างพูดคุยกับคุณเล็กๆน้อยๆแล้วเดินออกจากห้องไปตามคำสั่งที่แสนกำชับของสเลนเดอร์แมนคุณเริ่มรู้สึกเบื่อนิดหน่อย...ก็นะ...คนมันเคยอยู่แต่ในห้องมาตลอดจนถึงตอนนี้อ่ะนะ ระหว่างนั้นเองหลังจากที่คุณกินเสร็จก็ได้หยิบหนังสือที่ขอจากสเลนเดอร์มาอ่านฆ่าเวลา พวกหนังสือแนวประวัติศาสตร์เอย ความรู้ทั่วไปหรือนิตยสารต่างๆ คุณอ่านมันหมดก็เพื่อหาข้อมูลแล้วอยากรู้เรื่องโลกภายนอกที่คุณไม่มีโอกาสได้เห็นกับตา
พวกข้าวของเครื่องใช้บางอย่างคุณอาจต้องค่อยๆทำความเข้าใจสักหน่อยเพราะที่โบสถ์ใช้แบบโบราณหรือถึงจะมีพวกเครื่องใช้ก็คงแค่โคมไฟ เนื่องจากคนในโบสถ์จะต้องละกิเลส ไม่ใช้เครื่องใช้ไฟฟ้ามากเพราะสิ้นเปลืองด้วย
จริงสิ ลองออกไปเที่ยวชมสวนอีกดีมั้ยนะ คุณยังสำรวจไม่หมดเลยนี่นา ตอนนั้นเพราะมีคาเงะคาโอะอยู่บวกกับความวุ่นวายคุณเลยแทบไม่ได้ไปเที่ยวชมอะไรมากเลย งั้นจะลองขอสเลนเดอร์แมนดีมั้ยนะ ไม่สิ...จะไปในสภาพนี้จริงเด๊ะ? คุณก็ไม่อยากลำบากอีเจด้วย
จะว่าไป คุณยังไม่เคยลองใช้เทคโนโลยีอย่างอื่นด้วยนี่นา อย่างเช่นเบน...ที่คุณมักเห็นเขาใช้ตลอด แต่สเลนเดอร์ไม่อยากให้คุณใช้มัน
เขาบอกว่ามันจะเป็นอันตรายเพราะเบนสามารถเข้าถึงคุณได้ คุณจึงไม่ได้ทำมัน...
"เฮ้อออ"ไม่รู้ว่าคุณถอนหายใจมาเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วเหมือนกัน แต่ว่าก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น และเมื่อคุณอนุญาตคนที่เข้ามาก็คือเด็กหญิงตัวน้อยแสนน่ารักเจ้าของผมสีน้ำตาลและดวงตาสีเขียวสดใสที่มาพร้อมกับตุ๊กตาหมีเท็ดดี้ เธอมาชวนคุณปเล่นด้วยกันและเธอได้ขอปะป๊าเอาไว้แล้วดังนั้น...คนอื่นๆคงต้องหลีกทางก่อนแล้วล่ะ
คุณไม่ปฏิเสธเธอ และเดินจูงมือออกไปด้วยกันโดยที่แซลลี่ได้นำชุดมาให้ มันเป็นชุดที่บางมากๆ เทรนเดอร์เป็นคนทำเพื่อให้คุณมีแผลกดทับน้อยที่สุดเท่าที่ทำได้...
สำหรับคนทั่วไปอาจมองว่าเป็นชุดที่บางมากและไม่เหมาะกับการออกไปข้างนอก แต่คุณที่ไม่สามารถใส่อะไรได้ก็คงจำเป็น ผ้าขนหนูจะนุ่งไปก็ได้นะ แต่...มันคงไม่เวิร์คแฮะ
"ดูสิพี่[ชื่อคุณ] ที่นี่มีดอกไม้มากมายแถมที่นี่มีน้ำตกด้วยนะคะ!"
"น้ำตกงั้นเหรอ? อยากเห็นจังเลย"
"ตามมาสิคะพี่[ชื่อคุณ]! แซลลี่จะพาไปดูน้ำตก!"
เด็กหญิงจับจูงมือพาคุณเดินไปโดยแซลลี่เป็นคนนำ เธอดูร่าเริงมากๆยามพาคุณเที่ยวเล่นด้วยกัน แถมยังแนะนำสถานที่ต่างๆภายในคฤหาสน์หลังนี้ ดูๆไปแล้วที่บ้านนี้เหมือนมีครบทุกอย่างเลยจริงๆเผื่อมีคนเบื่อแล้วอยากเปลี่ยนบรรยากาศด้วย
กลิ่นธรรมชาติของพวกดอกไม้พรรณไม้นานาชนิดและสภาพอากาศปลอดโปร่งบริสุทธิ์...จนมาถึงน้ำตกก็ทำให้คุณตกตะลึงในความสวยงามของมัน เสียงน้ำตกดังซูซ่าชวนให้ความรู้สึกสดชื่น มันสวยงามราวกับคุณอยู่ในพาราไดส์สักแห่งให้ความรู้สึกร่มรื่น จิตใจสงบและเย็นสบาย นี่มัน...สุดยอดไปเลย
"อะ! พี่เฮเลน!"
เสียงหวานตะโกนเรียกชายหนุ่มที่มานั่งเก้าอี้พร้อม...ขาตั้งไม้สำหรับวาดรูปหรอ? คุณเคยอ่านเจอมัน หรือว่า...เขาจะมาหาแรงบันดาลใจวาดภาพนะ แซลลี่กึ่งเดินกึ่งวิ่ง แต่คุณเร่งจับมือของเด็กน้อยไว้ได้ทันเพื่อกันตกหรือหกล้ม หนูน้อยแซลลี่วิ่งพรวดเข้าไปหาคนที่เปรียบดั่งพี่ชายอีกคนด้วยรอยยิ้มแล้วมีถามเรื่องวาดรูปหรือชื่นชมด้วย คุณรู้สึกว่ามันเหมือน...ภาพของพี่น้องแปลกๆดีนะ
"พี่[ชื่อคุณ]! พี่มาเป็นแบบให้พี่เฮเลนหน่อยได้มั้ย?"
"อ-อ-เอ๋? พ-พี่เหรอ?"
"ใช่แล้วค่ะ! พี่[ชื่อคุณ]เหมาะสุด! มาเร็วๆ พี่ต้องเป็นแบบให้พี่เฮเลน!"โดยที่คุณไม่ทันตั้งตัวก็ถูกเด็กน้อยจับจูงดึงมาอยู่ตรงโขดหินเสียแล้ว คุณก็ปฏิเสธแซลลี่ไม่ค่อยได้ด้วยสิ เด็กหญิงบอกคุณว่าให้คุณโพสต์ท่าอะไรก็ได้แต่ต้องนิ่งเพื่อให้จิตกรหนุ่มสามารถวาดออกมาได้ คุณเองก็ไม่มั่นใจเท่าไหร่ดังนั้น คุณจึงเลือกเพียงแค่ยิ้มให้และมือไขว้หลังอย่างรู้สึกเขินๆนิดหน่อย...ใบหน้าภายใต้หน้ากากของชายหนุ่มที่ไม่สามารถรับรู้อารมณ์หรือความคิดได้จับจ้องมองคุณอยู่ครู่หนึ่งแล้วหันกลับมาใช้ดินสอ..ขีดเส้น..ร่างภาพของคุณ...
คุณค่อนข้างเกร็งเล็กน้อยเพราะไม่เคยโพสต์ท่าหรือทำอะไรแบบนี้มาก่อน หากเป็นถ่ายรูปก็ว่าไป แต่นี่...เป็นแบบให้เขาได้วาดรูปของคุณท่ามกลางวิวน้ำตกและสภาพอากาศที่อบอุ่นแบบนี้มันช่าง...มันเรียกว่ายังไงนะ...โรแมนติกงั้นเหรอ? หรือว่าสดใส? โดยที่คุณไม่รู้ตัวว่าได้เผลอยิ้มกว้างด้วยความสดใสเมื่อคิดถึงเรื่องนี้ทำให้ชายหนุ่มเผลอชะงักไปครู่หนึ่ง
"พี่เฮเลนหยุดวาดทำไมหรอคะ?"แซลลี่เห็นพี่ชายนั่งนิ่งไม่ขยับดินสออีกเลย เห็นเอาแต่จ้องไปที่พี่สาวคนนั้นอยู่นาน เสียงของแซลลี่คล้ายเรียหใ้เขาดึงสติแล้วส่ายหัวช้าๆบอกไม่มีอะไรก่อนจะเริ่มขยับมือวาดขีดเขียนต่อ
คุณคิดว่าคุณเผลอทำอะไรหรือว่าเผลอขยับรึเปล่าก็รู้สึกอายนิดๆ
ใช้เวลาไม่นานนักเขาก็ร่างเสร็จจากนั้นจึงเริ่มหยิบพู่กันขึ้นมาแตะไปที่ถังสีอันมีขนาดไม่ใหญ่ ค่อนข้างเล็กแบบสามารถพกพาได้หากใส่กระเป๋าที่ใหญ่พอ(สำหรับใส่หลายๆอัน)แล้วละเลงมันลงบนแผ่นกระดาษ สายลมที่พัดผ่านมันทำให้เส้นผมสีบลอนด์ของคุณปลิวไสวไปตามแรง คุณเห็นแซลลี่ที่นั่งจ้องมองภาพวาดของเขาอย่างตั้งใจและตื่นเต้นมากๆ เห็นได้ชัดจากแววตาที่เป็นประกายนั่น คุณไม่กล้าแม้แต่จะเอ่ยถามหรือพูดคุยอะไรเพราะเห็นเขาดูตั้งใจมาก
"เสร็จแล้ว"
คุณผ่อนลมหายใจออกด้วยความรู้สึกเมื่อย นี่การโพสต์ท่ามันทำเอากินแรงมากกว่าการต้องมาถ่ายรูปอีกแฮะ คุณเดินเข้าไปหาเขาข้างๆแล้วมองภาพวาดนั้น
"พี่เฮเลนสุดยอดเลย! สอนแซลลี่วาดบ้างงง"ภาพวาดที่ปรากฎ เป็นภาพของตัวคุณที่ยืนอยู่ตรงโขดหิน มองในมุมมองจากด้านหน้าและผมของคุณก็พริ้วไหวตามสายลมไหนจะการตกตแต่งภาพพื้นหลังที่มีน้ำตกและธรรมชาติอันงดงามและสัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่แสนอบอุ่นสดใส แต่จะว่าไป...นั่นมันตอนุณเผลอคิดอะไรเพลินแล้วเผลอยิ้มกว้างนี่!
"สวยใช่มั้ยคะพี่[ชื่อคุณ]! พี่น่ะสวยมากๆเลย! ขนาดอยู่ในภาพพี่เหมือนดอกไม้เลย!"คุณรู้สึกเขินนิดหน่อยกับคำชมนั้น แต่ยอมรับว่าเฮเลนวาดเก่งมาก
"สุดยอดเลย พี่ชายของแซลลี่วาดเก่งมากๆ"ถึงไม่ใช่พี่น้องแท้ๆก็ตามทว่าเด็กคนนี้ก็มองเฮเลนเป็นเหมือนพี่อีกคนนี่เนอะ
"คุณวาดมานานแค่ไหนเหรอคะ?"
"ก็...นานมากๆเลยล่ะ...คงเป็นช่วงก่อนที่ฉันจะกลายเป็นพาสต้ามั้ง.."
"อย่างงั้นเหรอ..เก่งจัง...คงต้องฝึกมานานมากเลย อย่างงั้นฉันเองก็ต้องตั้งใจเหมือนกัน เนอะแซลลี่"
"ค่ะ! แซลลี่จะต้องวาดให้เก่งเหมือนพี่เฮเลนให้จงได้!"คุณหันมาพูดกับเด็กสาวแล้วหนูแซลลี่ก็ตอบรับอย่างร่าเริง จับมือกัน คุณทั้งคู่ดูเหมือนเป็นพี่น้องกันจริงๆ
"...สงสัยจุดไหนก็ถามได้"
"จริงเหรอ งั้นดีเลย"
บทสนทนาของพวกคุณเริ่มต้นที่การแลกเปลี่ยนความคิดหรือมุมมองที่แตกต่างกัน เฮเลนมีความชอบการวาดภาพ ส่วนคุณก็ไม่มีอะไรพิเศษนัก แต่คุณก็ยังต้องการศึกษาโลกภายนอกมากกว่านี้เพราะมันมีอะไรน่าสนใจแบบที่คุณไม่เคยเห็นอยู่เยอะมากดั่งเช่นปัจจุบันนี้ คุณไม่กล้าถามและไม่อยากถามเขาด้วยว่าทำไมอีกฝ่ายถึงเป็นฆาตกร กลัวว่ามันจะไปกระตุ้นหรือจี้ปมด้อยด้วย
บางที...ก็อาจมีเหตุผลที่ต้องฆ่าคนเหมือนเช่นจัดจ์แองจิ้ลก็ได้
หืม?
"คุณเฮเลน"คุณยิ้มขำเบาๆที่เห็นว่ามีอะไรติดอยู่ที่หัวของเขา คุณบอกว่าขอโทษแล้วยื่นมือไปหยิบกลีบดอกไม้สีแดงออกมา โดยที่บลัดดี้เพนเทอร์นั่งนิ่งจ้องมองคุณอยู่แบบนั้น
"มีดอกไม้ติดอยู่น่ะค่ะ สงสัยจะมาตามสายลมเมื่อครู่นี้"
"......"
เขาไม่ได้พูดอะไรนอกจากการจ้องมองคุณแล้วหันหน้าไปอีกทางเล็กน้อยพร้อมกล่าวขอบคุณด้วยเสียงที่แผ่วเบา คุณยิ้มและรู้สึกว่าเขาดูน่ารักดี ถึงจะใส่หน้ากากอยู่ก็ตามแต่มันก็ให้ความน่ารักแปลกๆดีนะ
เฮือก!! คุณรู้สึกไม่สบายใจและคิดว่าเหมือนมีคนกำลังแอบมองอยู่ แม้ต่อให้คุณพยายามมองหาก็ไม่เห็น...หรือว่า...ขาจะแอบตามสโต๊กเกอร์คุณอีกแล้ว
"พี่[ชื่อคุณ]? เป็นอะไรรึเปล่าคะ?"
"เอ่อ...."คุณไม่รู้ว่าควรจะพูดต่อหน้าแซลลี่ดีมั้ย
"แซลลี่ พวกเรากลับเข้าไปในคฤหาสน์กันเถอะ"
"พี่เฮเลนไม่วาดรูปต่อหรอ?"
"เอาไว้ไปวาดในห้องก็ได้ ดูเหมือนว่าพี่สาวเธอคงรู้สึกไม่ค่อยดีน่ะ"มือหนายกขึ้นมาลูบศีรษะเด็กน้อยอย่างแผ่วเบา ก่อนจะลุกแล้วเก็บข้าวของทั้งหมด ไม่รู้ทำไม...แต่เหมือนเฮเลนจะช่วยคุณแปลกๆ
เขาอาสาจะเป็นคนพาพวกคุณไปส่ง อาจเพราะในคฤหาสน์มีตัวอันตรายอยู่มากที่ไม่สามารถอยู่ใกล้คุณได้ ระหว่างนั้นก็มีการพูดคุยกันนิดหน่อย ใช่ แซลลี่เป็นคนเปิดบทสนทนาก่อน เธอคงรู้ว่าคุณกำลังอึดอัดเลยอยากช่วย เป็นเด็กดีจังเลยนะ ไม่รู้ทำไมคนถึงได้ใจร้ายกับเด็กแบบนี้กันถึงฆ่าเธอได้ลงคอ
"แล้วก็ๆ อะ พี่อีเจ!"เด็กหญิงยิ้มแย้มเมื่อเจอพี่ชายก่อนจะเข้าไปเกาะขาชายหนุ่ม ดูๆไปแล้ว...อีเจคงเปรียบเสมือนพี่คนโตสินะ เพราะบุคลิกของเขา..มันทั้งสุขุม เงียบขรึม มีเหตุผลและมีความเป็นผู้ใหญ่คล้ายๆกับสเลนเดอร์แมนผู้เป็นพ่อ อย่าว่าแต่แซลลี่เลย คุณเองก็รู้สึกนับถือเขามากเช่นกัน ดูได้จากการที่เขาเป็นครูสอนคุณในเรื่องต่างๆโดยเฉพาะพวกวิชาการ
อีเจเป็นคนที่คุณไม่ค่อยได้คุยอะไรมาก แต่เขาก็คอยช่วยเหลือคุณเสมอไม่ว่าจะเพราะหน้าที่หรืออย่างไรก็ตาม...
จะว่าไปแล้ว....ตอนช่วงเวลาอาหารคุณไม่แน่ใจว่าอีเจกินอะไร เพราะเห็นจากมุมไกลๆเจอแต่อาหารที่ต่างจากคนอื่น..มันไม่ค่อยชัดเท่าไหร่น่ะ แต่กลัวว่าถ้าถามเขาจะไม่ดีน่ะสิ
"งั้นฉันกลับก่อนล่ะ"
"อ-อื้ม ค่ะ"
"พี่อีเจจะมาอ่านนิทานก่อนนอนให้แซลลี่ฟังมั้ยคะ?"
"ถ้าเสร็จแล้วจะไปแน่นอน.."
"งั้นแซลลี่จะรอที่ห้องพี่[ชื่อคุณ]นะคะ! แซลลี่ขอพี่เขาว่าจะไปนอนเป็นเพื่อน!"คล้ายเหมือนคุณจะเห็นว่าอีเจนิ่งเงียบๆ แต่เขาก็สัญญาว่าจะไปหาแซลลี่แน่นอนแล้วจากนั้นจึงเดินจากไป
"พี่[ชื่อคุณ]! เราไปเล่นกันเถอะ พี่เฮเลนจะไปด้วยกันมั้ย?"
"เอาไว้คราวหน้าแล้วกันนะแซลลี่"แม้เขาจะปฏิเสธจนแซลลี่ทำแก้มป่อง แต่เธอก็ไม่ได้รั้งอะไรอีกฝ่ายไว้ คุณกับแซลลี่จึงเดินไปที่ห้องของเธอกันสองคน...
เมื่อคุณมาถึง แซลลี่ก็ขึ้นมาบนเตียงของคุณแล้วกระโดดไม่แรงนักอย่างสดใส คุณยิ้มขำก่อนที่เด็กน้อยจะเดินออกจากห้องเพื่อไปหยิบอะไรบางอย่างมา...ซึ่ง...เต็มไปด้วยกองทัพตุ๊กตาทั้งนั้น
แซลลี่พาคุณไปแนะนำกับตุ๊กตามากมาย มีทั้งตุ๊กตาหมีตัวใหญ่ตัวเล็ก กับตุ๊กตากระต่ายน้อยบันนี่ ตุ๊กตาสุนัข และตุ๊กตาบาร์บี้มากมายที่แซลลี่ตั้งชื่อให้ บางอย่างก็ได้รับของขวัญมาจากลุงสเปลนดี้ของเธอ พอพูดถึงฝ่ายนั้น คุณจำได้ว่าเคยเจอกันเพียงแค่สองครั้ง แต่ก็กับว่าเขาพยายามไม่แตะตัวคุณมากนักแล้วเหมือนจะเห็นเขาคุยอะไรสักอย่างกับอีเจ ขณะเดียวกันเขาก็ยังคงใจดีกับทุกคนรวมถึงคุณด้วย...
"จะว่าไปพี่[ชื่อคุณ]ช่วงนี้กำลังเรียนจากพี่อีเจงั้นเหรอ?"
"อ-อื้ม อีเจเป็นเหมือนอาจารย์ที่สอนดีมากๆเลย ทั้งฉลาดและก็เก่งด้วย แต่..ฮะๆ เพราะไม่ควรอยู่กับพี่นานก็เลยต้องสอนแบบโดยย่อที่อีเจจัดมาให้ ที่เหลือพี่ก็มีพูดคุยผ่านเสียงหรือไม่ก็ลองทบทวนดูเองน่ะ"ที่จริงอีเจไม่ได้สอนแย่หรอก เขาสอนดีและเข้าใจง่าย แต่แค่คุณเพิ่งได้เรียนอะไรใหม่ๆก็เลยยังไม่คล่องมาก เชื่อว่าเขาคงพยายามจัดตารางและคิดวิธีการสอนในช่วงเวลาอันสั้นเพื่อมาสอนคุณแล้วจากนั้นค่อยพูดคุยสอบถามผ่านเครื่องมือสื่อสาร
"พี่อีเจสอนดีมากๆเลยล่ะ แซลลี่เองก็เคยให้พี่อีเจสอนหนังสือเหมือนกัน! พี่เขาเปรียบดั่งพี่ชายคนโตของแซลลี่เลยล่ะ! ไว้ถ้ามีโอกาสก็มาเรียนหนังสือด้วยกันนะคะพี่สาว!"แซลลี่ยิ้มกว้าง คุณไม่ปฏิเสธเด็กน้อยจึงตอบรับไป แซลลี่เล่าเรื่องของอีเจไม่มากนัก แต่พอรู้แค่ว่าเขานั้นชอบอะไรและไม่ชอบอะไร แต่พอรู้ความชอบนี่...ทำเอาคุณแอบกลัวนิดนึงว่าจะไม่มากินไตคุณใช่มั้ย? แต่เขาก็ไม่ใช่คนที่จะกินแบบแย่งชิงราวสัตว์ล่าเนื้อนัก เพราะเขาเป็นคนที่พยายามและควบคุมตัวเองได้ดี ถ้าไม่ให้ก็คือไม่ แต่เว้นตอนเขา...ไม่ชอบขี้หน้าถ้าเป็นมนุษย์น่ะนะ
แต่โดยรวมแล้ว...เขากลับดูเป็นคนที่ทำคุณกังวลเหมือนกัน เนื่องจากเขาเป็นพาสต้าคนเดียวที่มีจิตใกล้เคียงมนุษย์เลยมีความรู้สึกผิดอยู่...ที่แย่กว่านั้นคือต่อให้เขาพยายามกินอาหารมนุษย์ก็ไม่สามารถกิจได้อีกเพราะเขาได้กลายเป็นครึ่งปีศาจไปแล้ว
เขาไม่ค่อยชอบพวกลัทธิบ้าๆไรนั่น แต่ก็ไม่ใช่คนไร้เหตุผล แล้วทำไงได้....เพราะต้นกำเนิดก็เพราะพวกนอกรีตนั่นแหล่ะ
"พี่เชื่อว่ายังไงเขาก็ต้องผ่านมันไปได้แน่จ้ะ"
"แต่ว่า....ถ้าวันนึงพี่อีเจควบคุมไม่ได้...พี่เขาคงเศร้าแน่ๆ.."
"มันเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้อยู่แล้ว เขาต้องกินอวัยวะของมนุษย์เพราะมันจำเป็นนี่นา เขาคงพยายามตราบเท่าที่เขาพอจะทำได้อยู่น่ะจ้ะ แซลลี่ไม่ต้องกังวลหรอก"เพราะหากไม่กิน...ยิ่งอดทนนานๆเขาจะยิ่งเสียสติและคลั่งจนทำร้ายพวกเดียวกันเอง นั่นคือสิ่งที่เขาจำเป็นต้องทำ คุณเองก็ไม่อาจไปห้ามได้และคุณไม่มีสิทธิ์เอาเรื่องหลักธรรมคำสอนของพระผู้เป็นเจ้ามาใช้กับเขาด้วย...
มันคงโหดร้ายมากสำหรับเรื่องที่ผ่านมา...
"อะ พี่เขามาแล้ว!"เสียงเคาะประตูพร้อมกับร่างของผู้มาเยือนที่คุ้นตาดี อายเลสแจ็คเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับหนังสือ ดูเหมือนเขาจะรับรู้กลิ่นของตัวคุณที่อยู่ด้วย ไม่สิ..เขารู้แหล่ะว่าคุณอยู่เพราะแซลลี่บอกตอนนั้น
"พี่อีเจจจ มาเล่นกันนะ!"แซลลี่เข้าไปกอดขาของชายหนุ่มอย่างร่าเริง เธอมักจะเป็นมิตรกับทุกๆคนเสมอ คุณไม่แปลกใจว่าทำไมทุกคนรักและเอ็นดูเด็กคนนี้มากแม้แต่ตัวคุณเองก็ด้วย อีเจบอกเด็กหญิงว่าเขาไม่สามารถอยู่เล่นกับเธอได้และบอกว่ามันถึงเวลานอนของเด็กแล้ว แม้แซลลี่จะไม่อยากแต่ก็เชื่อฟังจึงเดินจับมือคุณไปที่เตียงด้วยกันโดยให้คุณนอนข้างๆ คุณหัวเราะเบาๆแล้วห่มผ้าให้เธอ
"พี่[ชื่อคุณ]ก็ต้องห่มผ้าด้วย คืนนี้นอนกับแซลลี่นะ"แซลลี่มองด้วยสายตาออดอ้อนแล้วแบบนี้คุณจะกล้าปฏิเสธเหรอ? คุณตอบรับเด็กน้อยแล้วจึงไปอยู่ในผ้าห่มของเธอด้วยกัน โดยมีอีเจที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ข้างๆเตียงพร้อมหนังสือที่นำมาอ่านให้สาวน้อยแซลลี่ฟัง...
คุณนอนฟังนิทานของเขาที่กำลังอ่าน มันเป็นนิทานที่เหมาะสำหรับเด็ก...แต่ก็ยังคงแฝงความจริงอยู่บ้างและในขณะเดียวกันก็คงไม่อยากให้แซลลี่ได้ยินเรื่องการฆาตกรรมหรือความรุนแรงด้วยแฮะ แม้จะเป็นเช่นนั้นแต่คุณก็ฟังจนจบและหลับไปพร้อมกับแซลลี่...
....
..
.
ในห้องที่ค่อนข้างมืดแต่ยังพอมีแสงจากดวงจันทร์ที่สาดส่องผ่านผ้าม่านพอให้มองเห็นได้บ้างเล็กน้อย แต่เมื่อมันกระทบต่อผิวหนังของคุณกลับยิ่งทำให้ดูเปล่งประกายราวไข่มุกและผมสีบลอนด์ที่ดูเปล่งประกาย แม้ว่าเขาจะไม่มีดวงตา...แต่ประสาทสัมผัสการมองเห็นของเขาที่ร่ำเรียนมาจากผู้นำของที่นี่ก็พอจะรับรู้ได้...
หน้ากากของเขาค่อยๆถอดออก..และมืออีกข้างที่ค่อยๆยื่นเข้ามาจับปลอยผมของคุณขึ้นอย่างแผ่วเบาและทะนุถนอม...ราวกับกลัวว่าจะทำมันแหลกสลาย ใช้ริมฝีปากจุมพิตอย่างแผ่วเบาลงบนเส้นผมอันสุกวาวดั่งความรู้สึกที่คะนึงหา...โน้มใบหน้าจุมพิตที่หน้าผากดั่งสิ่งที่อยากทะนุถนอมและดูแลอย่างใกล้ชิด
เฮือก!
นี่ฉัน...กำลังทำอะไรอยู่ มือหนายกปิดปากตัวเองแล้วถอยออกมาห่างจากคุณไม่กี่เมตรราวเพิ่งมารู้สึกได้ว่าเขากำลังทำในสิ่งที่ไม่ควรทำ เขาไม่ควร...ไม่ควรทำเช่นนี้กับคุณ
ร่างของชายหนุ่มเร่งออกจากห้องแต่ก็ยังคงพยายามไม่ทำให้เสียงดังจนทำพวกคุณตื่นและวิ่งกลับไปยังห้องแล็ปของเขา
*ตุ้บ! ตึง!*
ทันทีที่เข้ามาในห้องก็เร่งปิดประตูล็อคกรอนให้สนิทไม่ให้ใครเข้ามาเป็นอันขาด ทั้งล็อคให้แน่นหนามากขึ้นรวมถึงหาของมากัมบังปิดทางเอาไว้ก่อนจะพุ่งพรวดจับขอบรั้วเตียงผู้ป่วยราวอาการกำเริบ เขารู้สึกว่าเสียงหายใจของเขาเริ่มเร็วมากขึ้นเรื่อยๆราวกับคนที่ผ่านการออกกำลังกายอย่างหนัก
มือหนายกอีกข้างขึ้นกุมศีรษะก่อนที่จะเกิดการกระแทกหัวเข้ากับผนังอย่างแรง ไม่...เขาจะไม่ยอมให้มันเกิดขึ้น...เขาไม่อยากทำร้ายใคร ชายหนุ่มพึมพัมและพยายามอดทนต่อสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น เขาไม่ต้องการ ไม่...ไม่
ไม่ ไม่ ไม่ ไม่ ไม่ ไม่ ไม่ ไม่ ไม่ ไม่ ไม่ ไม่ ไม่ ไม่ ไม่ ไม่ ไม่ ไม่ ไม่ ไม่ ไม่ ไม่ ไม่ ไม่ ไม่ ไม่ ไม่!!!
เสียงของตกกระทบพื้นและบางส่วนถูกปัดกระเด็น ทำให้เกิดเสียงโครมครามดังระงมไปทั่วภายในห้องตามมาด้วยสียงคร่ำครวญโหยหวนจากหมอประจำคฤหาสน์ราวกำลังถูกสัตว์ร้ายเข้าครอบงำ
เขาไม่ต้องการทำร้ายคุณ จึงต้องทำร้ายตัวเองเพื่อเรียกสติ
เขาไม่อยากให้คุณหวาดกลัว จึงต้องกักขังตัวเอง
เพราะเขามันอสุรกายที่น่าขยะแขยงและน่าสะพรึงกลัว
ส่วนเธอคือ 'เทพธิดา' ผู้เป็นดั่งแสงตะวันที่คอยมอบความอบอุ่นรอบๆตัว...
สิ่งมีชีวิตที่กำเนิดจากการถูกบูชายัญให้กับลัทธิเชอร์โนบ็อก ทำให้เขาครึ่งนึงเป็นปีศาจที่กระหายเลือดและพร้อมจะคร่าทุกสิ่งมีชีวิตที่พบเห็นหรือขวางหน้า แต่อีกครึ่งหนึ่งเขายังคงมีความเป็นมนุษย์และมีความรู้สึกใกล้เคียงกับมนุษย์มากที่สุด...
ชีวิตที่เขาไม่อาจเลือกได้ เขาต้องประสบพบกับการถูกลวงหลอกโดยคนที่เขาอุตส่าห์ไว้ใจ ถูกทำร้ายทั้งทางกายและจิตใจก่อนจะกลายเป็นเครื่องสังเวย กลายเป็นฆาตกรที่ผู้คนต่างหวาดกลัว ต้องเอาอวัยวะของมนุษย์กินอย่างเลี่ยงไม่ได้ และต้องทนทุกข์กับสิ่งที่เป็น...
ภายในห้องทุกอย่างมืดสนิท ไร้เสียง ไร้แสงสว่าง มีเพียงความมืดที่โอบกอดรอบตัวของเขา ข้าวของทุกอย่างที่พอจะช่วยปิดกั้นคนภายนอกเข้ามาก็ถูกนำมาใช้จนหมด ไม่มีอะไรเลยสำหรับในนี้...มีเพียงบางสิ่งที่มองไม่เห็นกระซิบข้างๆหูชายหนุ่ม แต่เขาไม่อยากฟังเสียงนั้น เสียงนั้นมันจะนำพาความอันตรายมาสู่เทพธิดา...
ราตรีที่เงียบสงัด...มีเพียงชายหนุ่มที่นั่งกอดเข่าอุดหูอยู่ในห้องที่มืดมิดตลอดคืน...
คุณตื่นในเช้าวันใหม่เหมือนเช่นปกติ คุณพบว่าอีเจไม่ได้อยู่ในห้องแล้ว เขาคงกลับห้องไปแล้วแหล่ะ คุณไม่อยากรบกวนแซลลี่ที่ยังหลับเคลิบเคลิ้มสบาย คุณเดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่ออาบน้ำแปรงฟันนิดหน่อย แต่พอคุณทำอะไรเสร็จ แซลลี่ก็ตื่นพอดีเลย คุณจึงพาเด็กน้อยไปอาบน้ำล้างหน้าแปรงฟันซะเลย แต่มีบ้างที่แซลลี่จะชอบจับสัมผัสมือหรือแขนของคุณ
ร่างกายของคุณมันคงนุ่มนิ่มมาก ทำให้แซลลี่รู้สึกเหมือนได้จับตุ๊กตาน่ารักๆ เพราะว่าเธอดูชอบสัมผัสคุณมากๆ คุณก็ให้เด็กน้อยได้จับเล่นบ้างแล้วช่วยกันขัดถูหลังด้วยกัน...
หลังอาบน้ำเสร็จ แซลลี่ได้ออกไปจากห้องเพื่อไปบอกกับเทรนเดอร์ว่าเธอจะช่วยยกอาหารเช้าไปให้คุณเอง ซึ่งเทรนเดอร์ก็ไม่ว่าอะไรแถมยังให้เธอเอาไปให้คุณด้วย น่ารักจังเลย
"วันนี้ก็อากาศดีเหมือนเคยเลยนะคะพี่[ชื่อคุณ]! ดูสิ อากาศสดชื่นมากกกกกเลย!"หลังจากมื้ออาหารสิ้นสุด แซลลี่ได้พาคุณออกไปเดินเล่นข้างนอก ทุกๆคนก็ปฏิบัติอย่างดีว่าจะผลัดกันมาอยู่กับคุณ มีแค่เบนที่ไม่ได้เจอคุณและแมสกี้ที่ต่อให้มาก็ต้องมีฮู้ดดี้คอยอยู่ข้างๆเสมอ มีบ้างที่คุณนึกระวังตัวจากแมสกี้แบบแปลกๆ มันอาจเป็นสัญชาตญาณบอกคุณว่าอย่าอยู่ลำพังกับเขาเป็นอันขาด
จะว่าไปแล้ว...
คุณรู้สึกว่าช่วงนี้เริ่มไม่ค่อยเจออีเจแล้วแฮะ ตอนที่เล่นกับแซลลี่คุณรู้สึกเหมือนกับว่ามีคนจ้องมองอยู่ แต่พอหันไปก็เหมือนจะเห็นเงาร่างสีดำที่ผ่านไปแว๊บๆ คุณมองไม่ทันจึงไม่รู้ว่ามันเพราะคุณตาฝาดหรือว่ามีใครเดินผ่านรึเปล่า...
แต่จนแล้วเวลาผ่านไป...
คุณก็ไม่ได้เห็นเขาอีกเลย
คุณไม่รู้ว่าคุณทำอะไรให้เขารู้สึกไม่ดีหรือเปล่า? หรือว่าเขาไม่ว่างถึงได้ไม่ค่อยออกมา หรือบางทีเขาต้องการอยู่ห่างจากคุณเพราะกลัวว่าจะเป็นอันตรายต่อคุณ จริงสิ....อีเจมักจะเป็นคนที่มาหาคุณค่อนข้างบ่อยนินา? เพราะเขาจะต้องคอยดูแลคุณ สอนคุณ หรือแม้กระทั่งทำแผลให้หลังกลับมาจากด้านนอก
คุณคงต้องปล่อยให้เขาอยู่ห่างจากคุณไปสักระยะจนกว่าจะดีขึ้น คุณไม่อยากให้เขามารู้สึกผิดไปมากกว่านี้เท่าไหร่หากว่าเกิดควบคุมตัวเองไม่ได้...
จริงสิ...แล้วแซลลี่ล่ะ? คุณยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันมีผลต่อเด็กหรือเปล่า
"ช่วงนี้พี่อีเจไม่ค่อยมาเลย สงสัยพี่เขายุ่งมาก"แซลลี่เอ่ยขึ้นเมื่อไม่ค่อยเจอคนที่เป็นดั่งพี่ชายคนโตตั้งแต่ในช่วงเช้าหรือตอนร่วมทานอาหาร จะว่าไปแซลลี่ก็สนิทกับอีเจมากนินา คุณบอกแซลลี่ว่าเขาคงยุ่งมากและถ้าหากเขาเสร็จเมื่อไหร่คงจะออกมาหาแน่ๆ....
กลางดึกคืนหนึ่ง คุณกลับมาที่ห้องแล้วทำธุระส่วนตัวตามปกติ มันก็ปกติดีทุกอย่างหากไม่ใช่เพราะว่าเธอรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงอะไรบางอย่างแปลกๆดังจากที่ไกล คุณจำไม่ผิด...มันอาจเป็นห้องของอีเจ เพราะเขาเป็นคนมีประสาทสัมผัสโดยเฉพาะหูที่ดีมากๆเลยชอบอยู่เงียบๆและไกลจากพวกคนอื่น บางครั้งก็เหมือนมีเสียงอะไรขูดกับผนังกำแพงกำลังเข้ามาใกล้กับห้องของคุณ ทว่าก็หยุดไปพร้อมเสียงคำรามไม่ดังนักที่ราวกับพยายามอะไรบางอย่างแล้วหายไป
คุณรู้สึกกลัวและไม่สบายใจนิดหน่อย ได้แต่สวดภาวนาขอวิงวอนให้ปลอดภัย คนอื่นๆที่ทันได้ยินเสียงเองก็ต่างระวังมากขึ้น บางทีก็ต้องให้พร็อกซี่ถึงสี่คนมาช่วยกันผลัดเปลี่ยนคุมห้องคุณไว้ เกรงว่าจะมีอันตรายอะไรที่มาถึงคุณรึเปล่า
ทีแรกคุณคิดว่าอาจเป็นคาเงะคาโอะที่พยายามแกล้งคุณ แต่พอฟังจากเสียงของคนด้านนอกแล้ว...
' อะไรกัน ไอ้เจ้าหน้ากากสุดหลอนนั่นมันเริ่มคุมสติไม่ไหวแล้วรึไง '
' ป-ป---ปกติ เข--าก็ไม่ได้เป็นแบบ น-นี้บ่อยๆหรอกนะ '
' บางที...เขาคงใกล้จะถึงฟางเส้นสุดท้ายแล้ว '
จากที่ฟังดูแล้ว...เหมือนไม่ได้พูดถึงการกลั่นแกล้งของคาเงะคาโอะเลย แต่กลับเป็นใครอีกคนที่...หรือจะหมายถึง...อีเจกันนะ?
"อุ้บ---"อยู่ดีๆก็มีมือปริศนาเข้ามาปิดปากคุณเอาไว้โดยไม่ทันได้ตั้งตัว คุณตกใจมากและกำลังจะส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือ แต่...
"ชู้วว...ฉันเอง.."คุณเบิกตากว้างด้วยความตกใจปนอึ้ง อีเจ? เขาค่อยๆถอนมือออกจากปากของคุณให้เป็นอิสระ คุณหันไปมองทางเขาที่บัดนี้...สภาพและท่าทางของอีเจแม้จะยังคงสมบูรณ์ปกติดี แต่ว่า...คุณสัมผัสได้ว่าเขามีบางอย่างไม่ปกติ
"คุณอีเจ..."คุณเอ่ยเสียงแผ่ว ไม่รู้ว่าควรจะถามดีมั้ย แต่...รู้สึกว่าไม่ถามมันอาจจะสบายใจสำหรับเขากว่า
ชายหนุ่มยังคงนิ่ง..เงียบ และจ้องมองคุณ เขาไม่ได้อยากขัดคำสั่งของสเลนเดอร์แมนที่ห้ามพบคุณบ่อยๆ และเขาก็ไม่รู้ว่าตัวเองมาหาคุณตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
นั่นคือสิ่งที่แกต้องการไม่ใช่เหรอ
เสียงบางอย่างดังก้องภายในเซลล์สมองของเขา
นี่เป็นโอกาสของแกแล้ว ทำมันสิ!
ไม่ เขาไม่ได้ต้องการจะทำร้ายคุณ เขาไม่ได้ต้องการมาหาคุณ
แกต้องการมัน แกต้องการเธอ แกไม่มีทางโกหกได้ว่าในหัวใจแกต้องการเธอ!
ไม่! ไม่! ฉันไม่มีวันทำแบบนั้น แกต่างหากที่คิดทำร้ายเธอ!
คุณสังเกตเห็นว่าอีกฝ่ายคล้ายคนที่กำลังคิดอะไรบางอย่างในหัว ไม่สิ....หากคุณไม่ได้คิดไปเองเขาเหมือนกำลังพยายามต่อสู้กับจิตใต้สำนึกของตัวเองอยู่ เสียงลมหายใจของเขาหนักหน่วงประสานกับเสียงหอบราวกับความอดทนที่ค่อยๆหมดลง ปีศาจร้ายนั่น...มันคงพยายามที่จะครอบงำจิตใจเขาเป็นแน่ คุณมองเขาอย่างชั่งใจนิดๆ ก่อนจะค่อยๆยื่นมือไปกอบกุมมือของเขาทั้งสองข้าง
อีเจดูนิ่งชะงักไปชั่วแวบแล้วค่อยๆเงยหน้าสบกับดวงตาสีม่วงงามของคุณอย่างช้าๆ...คุณนำมือทั้งสองของเขาประกบเข้าหากันโดยที่มือของคุณยังคงกุมเอาไว้ สบตา...และยิ้มบางๆให้เขา
"คุณทำได้อีเจ.."คุณหลับตาลงแล้วเอนศีรษะเล็กน้อย
"ฉันเชื่อมั่นในตัวคุณ...คุณอีเจ"
"...."
ไม่มีเสียงตอบรับใดๆมาจากชายหนุ่มนอกจากความเงียบสงัด คุณไม่ได้พูดอะไรต่ออีกเลยนอกจากยังคงกุมมือเขาเอาไว้เพื่อบอกว่าคุณจะอยู่เคียงข้างและเป็นกำลังใจให้เขา...
*ฟึ่บ*
หน้าผากของเขาชนกับหน้าผากของคุณช้าๆ...และแผ่วเบาจนคุณสัมผัสได้ คุณได้ยินเสียงลมหายใจ..แต่มันไม่ได้รุนแรงเหมือนตอนแรกที่ราวกับพร้อมจะสติหลุดหรือโจมตีได้ทุกเมื่อ มันทั้งสงบและผ่อนคลายมากๆ...ดูแล้วอีเจคงไม่อยากจะปล่อยมือคุณไปคุณจึงยอมให้เขาทำตามใจตัวเองขอแค่มันช่วยให้อีกฝ่ายดีขึ้นได้บ้าง...
มือของคุณอีเจเย็นจัง
เวลามันช่างผ่านไปนานโดยไม่รู้ตัว อากาศข้างนอกค่อนข้างเย็นแต่คงไม่เท่ากับจิตใจของคนเรา ในความมืดที่ยังพอมีแสงสว่างจากดวงจันทร์ด้านนอก...มือบางยกขึ้นลูบศีรษะของชายหนุ่มที่หลับใหลอยู่บนตักของคุณเพื่อมอบความอบอุ่นแม้เพียงเล็กน้อยก็ยังดี อย่างน้อยมันทำให้เขาไม่ต้องรู้สึกโดดเดี่ยว คุณนึกย้อนไปตั้งแต่ช่วงที่คุณเข้ามาอยู่ในคฤหาสน์ใหม่ๆ...ทั้งเรื่องราวเหตุผลที่ทำให้คุณต้องอยู่ภายใต้การดูแลของพวกเขา ทั้งเรื่องที่เกือบเอาตัวไม่รอดจากความบ้าคลั่งของออฟเฟนเดอร์แมน...คุณนึกถึงคำพูดของเขาในตอนนั้น...
" ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงเป็นห่วงฉัน ฉันกับเธอมันแตกต่างกันเกินไป "
"คุณอาจแตกต่างทางกาย แต่จิตใจของคุณน่ะยังคงมีส่วนที่ยังคงความเป็นมนุษย์อยู่..."
" หากเปรียบเทียบว่าฉันคืออสุรกาย...เธอก็คงเปรียบเป็น 'นางฟ้า' ที่อสูรเช่นฉันไม่อาจเอื้อมถึงได้ "
"ไม่มีใครเป็นปีศาจ..หรืออสุรกายมาตั้งแต่แรก..พวกคนที่ทำร้ายคุณแล้วทำให้คุณเป็นแบบนี้ต่างหากล่ะที่ควรเรียกว่าปีศาจ.."พวกเขามีจิตใจของปีศาจ...พวกเขาไม่สมควรถูกเรียกว่ามนุษย์...พวกเขาคือคนที่ทำให้เขาต้องกลายเป็นปีศาจ ไม่ใช่แค่อีเจ..แต่ทุกคนในคฤหาสน์ด้วย คุณก้มมองชายหนุ่มที่ยังคงอยู่ในห้วงนิทรา ลมหายใจอันสม่ำเสมอเป็นตัวบอกว่าเขาหลับอยู่
"ฉันเป็นแค่คนธรรมดา...คนธรรมดาที่เกิดมาราวกับถูกสาป ไม่ใช่นางฟ้าอะไร แต่ฉันก็อยากช่วยให้พวกคุณรู้สึกดี.."
เธอไม่ใช่นางฟ้าที่ตกลงมาจากสวรรค์ หรือเทพธิดาที่ลงมาจุติ หากเธอคือนางฟ้าก็คงเป็นนางฟ้าที่ถูกสาปให้ต้องพบเจอกับความโหดร้ายทั้งต่อคนรอบตัวและตัวคุณเอง เป็นนางฟ้าที่ต้องการปลดคำสาปเพื่ออิสรภาพ
"ขอบคุณนะ..."
ขอบคุณที่พยายามอดทนมาจนถึงตอนนี้ พยายามที่จะไม่ทำให้คุณเป็นอันตราย พยายามอดทนต่อคำสาปร้ายของคุณ...แต่คุณก็ไม่อยากให้เขามาหาคุณบ่อยๆแม้อีกใจจะอยากให้ได้เจอกันก็ตาม...
"จิ๊บๆ"
"อ-อืมม.."แสงแดดที่สาดส่องผ่านม่าน แม้จะไม่สว่างมากนักแต่เสียงนกที่ขับร้องในยามเช้ามันก็พอทำให้คุณตื่น คุณไม่รู้ว่าคุณเผลอหลับไปตอนไหน แต่รู้ตัวอีกที...คุณนอนและแถมยังมีผ้าห่มคลุมไว้ด้วย ทั้งที่เมื่อคืนคุณจำได้ว่าคุณนั่งเอนหลังพิงหมอนแท้ๆ คุณค่อยๆลุกขึ้นแล้วมองไปรอบๆก็ไม่พบกับหมอหนุ่มคนนั้นแล้ว หรือว่า...เขาจะกลับไปแล้วกันนะ
แต่แล้วสายตาของคุณก็ไปเห็นแผ่นกระดาษโน๊ตใบหนึ่งที่ถูกฉีกครึ่งแปะอยู่บนโต๊ะโดยข้อความนั้น...
' ขอบใจนะ
จาก EJ '
แม้จะเป็นข้อความสั้นๆ แต่มันก็อดทำให้คุณยิ้มเล็กๆและรู้สึกอุ่นใจไม่ได้ ดูเหมือนว่าเขาคงดีขึ้นแล้วถึงได้กลับไป อย่างน้อยก็ดีใจนะที่พอช่วยอะไรได้บ้าง จนเมื่อมีเสียงเคาะประตูดังขึ้นพร้อมกับชายหนุ่มร่างสูงที่คล้ายกับสเลนเดอร์แมนเดินเข้ามาพร้อมอาหารเช้า
"อรุณสวัสดิ์ครับคุณ[ชื่อคุณ] หวังว่าเมื่อคืนจะไม่มีอะไรแปลกๆนะครับ"ชายหนุ่มกล่าว คุณยิ้มให้เขา
"อื้ม ไม่มีแล้วล่ะค่ะ ทุกอย่างปกติดี"
มันดีแล้วจริงๆ...คุณหวังแบบนั้น ก่อนที่จะรับถาดอาหารเช้ามานั่งกินโดยที่ชายหนุ่มเป็นคนเดินไปเปิดม่าน ทำให้เหล่านกทั้งสองตัวบินหนีออกไป คุณยิ้มและขำเล็กๆกับสิ่งที่เห็นแล้วนั่งคุยกับเทรนเดอร์สองถึงสามประโยค ถึงอีกฝ่ายจพบอกว่าคุณดูร่าเริงกว่าช่วงหลายวันที่ผ่านมา แต่คุณก็ไม่ได้ตอบอะไรออกไป...
เพราะว่า...คุณไม่จำเป็นต้องตอบจะดีกว่าว่าเกิดอะไรขึ้น
[ ฉากพิเศษ เหตุการณ์ต่อจากตัวเลือก 'ไปสวนทันที' ]
ในเช้าวันใหม่ที่แสนสดใส แต่ทว่าก็ไม่สดใสซะทีเดียว คุณตื่นในยามเช้า..สวดมนต์ อาบน้ำดั่งเช่นปกติ คุณพยายามลบรอยที่คอซึ่งถูกเจ้าปีศาจนั่นสร้างไว้ แต่ต่อให้จะพยายามลบอย่างไรก็ไม่น่ารอดเพราะมันคือ 'รอยกัด' คุณคิดว่าจะหาอะไรมาปกปิดมัน คุณไปที่ลิ้นชักแล้วเปิดมันเพื่อหาพวกผ้าพันแผลหรือพวกยาฆ่าเชื้อเพื่อทำแผล แม้คุณจะไม่ได้เชี่ยวชาญด้านการรักษาแบบอีเจแต่ก็ได้เรียนรู้พื้นฐานมาบ้างแหล่ะ
*ก๊อก ก๊อก ก๊อก*
เสียงเคาะประตูดังขึ้นขณะที่คุณกำลังทำแผล ประตูได้ถูกเปิดโดยบุคคลที่รู้กันดีว่าเขาจะมาเพื่อตรวจอาการทุกๆเช้าหรือเย็น
"คุณอีเจ" คุณเรียกชื่อของเขา แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะหยุดนิ่งชะงักไปเมื่อเห็นคุณกำลังทำแผล...บริเวณซอกคอ คุณสงสัยว่าทำไมแต่ก็...อดรู้สึกหวั่นใจไม่ได้แฮะ "กลิ่นเลือด...มันอะไร..."
"อ-เอ่อ...คือ...เมื่อคืนฉัน..."อีเจเดินเข้ามาใกล้คุณอย่างฉับไหว มือหนาเข้ามาคว้าข้อมือของคุณแล้วดึงออก แล้วนำมืออีกข้างมาลูบๆบริเวณซอกคอทำให้คุณสะดุ้ง เขาลูบคลำอยู่สักพักก่อนจะนิ่งไป....ความนิ่ง..และเงียบของเขามันทำให้คุณเริ่มสังหรณ์ใจไม่ค่อยดี
"รอยกัด...ฝีมือใคร...และไปได้มาจากไหน.."น้ำเสียงที่แสนเรียบเย็นเอ่ยขึ้น คุณไม่เคยเห็นเขามีปฏิกิริยาแบบนี้มาก่อนก็เริ่มวิตก คุณกำลังจะอ้าปากพูดแต่ดันถูกขัดโดยเสียงเคาะประตูอีกครั้ง มือหนาผละออกทำให้คุณเป็นอิสระ สายตาของคุณจ้องไปที่ผู้มาเยือนนั่นคือ...เขา สเลนเดอร์
"เกิดอะไรขึ้น.."
"มาสเตอร์ครับ ที่คอของเธอมีรอยกัด"สิ้นเสียง ใบหน้าไร้หน้าของชายหนุ่มร่างสูงโปร่งค่อยๆหันมาทางคุณพร้อมกับความเงียบ..และแรงกดดันบางอย่างที่ทำให้คุณรับรู้ว่าตอนนี้ได้เจอปัญหาเข้าแล้ว
*ขวับ!!*
อะฮึก!
โดยไม่ทันตั้งตัว ร่างของสเลนเดอร์ได้มาปรากฎตัวอยู่ตรงหน้าคุณตอนไหนก็ไม่อาจทราบได้แล้วได้ถูกมือหนาเข้ามาจับกามของคุณหันข้าง หัวใจที่เริ่มเต้นไม่เป็นจังหวะไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นหรือว่าเผลอเคลิ้ม แต่มันเป็นความวิตกและความอึดอัดผสมกับความไม่สบายใจ
"รอยนี่มาจากไหน..."
"ฉ-ฉัน อึก!"คุณเจ็บเพราะเขาเริ่มบีบกามแน่นขึ้น คุณบอกเขาด้วยเสียงสั่นเล็กๆว่าคุณนอนไม่หลับเลยจะออกไปเดินเล่นข้างนอกแล้วเกิดเรื่อง คุณไม่กล้าบอกสเลนดี้ว่าคาเงะคาโอะได้ทำอะไรในคืนวานเพราะกลัวว่าถ้าบอกจะเกิดอะไรที่เลวร้ายกว่านั้นไม่ว่าจะต่อตัวคุณหรือพวกสเลนเดอร์แมนก็ตาม คุณรู้สึกว่าเจ้าหน้ากากยิ้มสองสีนั่นมันอันตรายกว่าออฟเฟนเดอร์...หรืออาจจะมากกว่านั้น
"อย่างงั้นเหรอ..."เขาพูดแล้วยอมปล่อยให้คุณเป็นอิสระ คุณจับกามตัวเองแล้วลูบเบาๆด้วยความเจ็บเล็กน้อย คุณรู้สึกเหมือนตัวเองจะโดนบีบคออย่างไรอย่างงั้นและมันคงไม่ใช่เรื่องดี
"ตั้งแต่นี้ห้ามออกไปไหนอีก อีเจ ฉันขอฝากรักษาให้อย่าให้มีแม้แต่ 'รอย' เล็กน้อยก็ตาม"เขาพูดเสียงเด็ดขาดและทรงอำนาจจนทำคุณหวาดหวั่น อีเจพยักหน้ารับ
"อย่าออกไปไหนแม้แต่ก้าวเดียวถ้าฉันไม่อนุญาตเป็นอันขาด..."
ร่างสูงเดินออกจากห้องของคุณหลังพูดจบ ทิ้งไว้เพียงความเงียบและความกดดันที่ยังหลงเหลืออยู่ ทำไมหรอ เพราะอีเจยังอยู่น่ะสิ
"คาเงะคาโอะเป็นคนทำใช่มั้ย..."เขาถามเสียงเย็นแม้จะยังคงเรียบนิ่งก็ตาม คุณเงียบอยู่ชั่วครู่แล้วตอบว่าใช่...
ความเงียบกลับมาอีกครั้ง และครั้งนี้มันเงียบกว่าตอนแรกมากๆ คุณไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรกับสถานการณ์นี้ อีเจยังคงจ้องมองคุณไม่แม้แต่จะละสายตาหรือหันไปทางอื่น มันรู้สึกเหมือนกับว่า...เขาจ้องมองราวกับนักล่าที่กำลังพยายามควบคุมตัวเองอย่างไรอย่างงั้น คุณรู้สึกได้...
"ฉ-ฉัน...จะไปอาบน้ำแล้วก็...ล้างแผลนิดหน่อย"คุณพูดเพื่อหาทางหลบเลี่ยงจากการถูกจ้องและลุกขึ้น แต่---
*หมับ!* เขาคว้าข้อมือของคุณจนทำให้คุณเสียการทรงตัวเซไปชนกับแผ่นอกกว้าง
"อะ...อีเจ?"คุณค่อยๆเงยหน้าสบตาสดำกลวงโบ๋ผ่านหน้ากากใบนั้น ร่างกายของคุณเริ่มสั่นเล็กๆด้วยความหนาวสั่น ไม่รู้ว่ามาจากแอร์...หรือว่ามาจากบรรยากาศรอบๆกันแน่ แต่คุณไม่ได้เปิดแอร์นี่นา?
*ควับ!*
อร๊าย!!
ร่างของคุณถูกเหวี่ยงลงที่เตียงตามแรงทำให้ตัวคุณกระเด้งเล็กๆเพราะที่นอนมันนุ่มมากๆชนิดเด้งดึ๋งได้นิดหน่อย ยังไม่ทันที่คุณจะลุกก็ถูกร่างสูงเอาตัวเข้ามาบังไว้โดยอยู่เหนือกว่าคุณ เรียกได้ว่าถูกกักขังอยู่ใต้ตัวเขาเลย!
"อ-อีเจ"อีกฝ่ายยังคงไม่ตอบ แต่บรรยากาศรอบๆตัวเขาน่ากลัวมากราวกับเป็นคนละคน ใบหน้าของเขาค่อยๆขยับเข้ามาใกล้ๆมากขึ้น คุณพยายามทั้งผลักทั้งเตะและถีบเขา พยายามทุกอย่างเพื่อเรียกสติของหมอหนุ่ม จนมารู้สึกได้ถึงอะไรเย็นๆกำลังเลียที่ซอกคอของคุณ เขา...เริ่มถอดหน้ากากจนเผยให้เห็นปากที่มีฟันแหลมคม มือหนาเหมือนจะเลื่อนมาลูบตรงส่วน...ที่เหมือนจะเป็นส่วนที่มีไต เดี๋ยว! ไม่นะ!!
"อีเจ!! อีเจ!!!"ในเมื่ออีกฝ่ายไม่ได้สติ คุณก็ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องไปหยิบของที่อยู่ใกล้มือที่สุดแล้วฟาดเข้าที่ใบหน้าของเขาอย่างแรง!
*ซ่าา!*
คุณหยิบแจกันแล้วสาดน้ำใส่ใบหน้าของเขาทันทีเต็มๆ ทำให้อีกฝ่ายผงะถอยห่างจากคุณ สักพักมีเสียงคนจากข้างนอกวิ่งตรงมาที่ห้องของคุณ
*ปั้ง!!*
"อ๊ากกกกกกกกกกก!!!"
"เฮ้ย!! ไอ้หน้ากากสยอง! ใจเย็นๆสิวะ!!"
"มาสเตอร์!! เกิดเรื่องใหญ่แล้ว!!!"
ความชุลมุนวุ่นวายจึงได้เกิดขึ้นอีกครั้ง สภาพของอีเจมันไม่ต่างอะไรจากสัตว์ร้ายที่หิวกระหายและต้องการจะกลืนกินคุณ แต่ในขณะเดียวกันตัวตนของอีเจที่ยังหลงเหลืออยู่เหมือนพยายามต่อสู้กับตัวเอง เพราะเขาทำท่าจะเข้ามาหาคุณแต่ก็มีชะงักอยู่บ่อยๆ คุณทำอะไรไม่ถูก ในมือยังคงกำแจกันค้างไว้เพื่อป้องกันตัว คนอื่นๆต่างเข้ามาช่วยกันจับอีเจ แต่ดูท่าทางจะไร้ผล
*ควับ! เปรี๊ยะ!!*
ร่างของฮู้ดดี้ถูกชายหนุ่มเหวี่ยงไปชนกับโต๊ะจนแตกหัก ตามมาด้วยร่างของแมสกี้ที่ถูกปัดเหวี่ยงกระเด็นไม่ต่างอะไรจากการปัดสิ่งกีดขวาง เขาพยายามพุ่งตรงมาหาคุณ แต่โทบี้ก็เข้ามาบังคุณเอาไว้พลางยกด้ามขึ้นมาสกัดกั้นอีกฝ่ายทันทีที่พุ่งตรงเข้ามา
"อ-อ-ออก---ไป!!"สิ้นเสียงของโทบี้ คุณที่ทำตัวไม่ถูกกับสถานการณ์ก็ต้องเร่งวิ่งออกจากห้องไปตามที่เขาบอก
ฮ๊าซซซซซซซซซ!!! เสียงร้องคำรามดังสนั่น ร่างของโทบี้ถูกผลักกระเด็นแต่ยังพอทรงตัวได้ ทว่าอีกหน่อยเจ้าหมอไร้สตินั่นจะพุ่งถึงตัวคุณแล้ว เขาจึงต้องเร่งสปีดพุ่งไปช่วยคุณ
*ผลั๊วะ!!*
โดยที่ไม่ต้องถึงมือโทบี้ ร่างของอีเจก็กระเด็นไปชนกับผนังจนร้าว
"ไม่เป็นไรนะ"ร่างสูงโปร่งในชุดสูทสีดำอันคุ้นเคยได้ปรากฎอยู่ตรงหน้าคุณ สเลนเดอร์แมน คือคนที่เข้ามาช่วยคุณไว้ได้ทัน คุณนิ่งค้างไปชั่วขณะแต่ตั้งสติแล้วพยักหน้าตอบ แต่เสียงคำรามอันสุดสยองและน่าขนลุกนั้นก็ดังอีกครั้ง คุณยกมือปิดหูทั้งสองข้างเพราะมันดังมากก่อนที่คุณจะถูกดึงออกมาจากห้องในทันที ทุกๆอย่างมืดสนิท คุณไม่รับรู้สิ่งใดนอกจากเสียงกรีดร้องและเสียงการต่อสู้ที่ดังมาจากในห้องของคุณ..ก่อนจะหมดสติไป...
คุณตื่นขึ้นมาอีกครั้งในห้องที่ไม่คุ้นเคย มันเป็นนห้องนอนสไตล์...เหมือนเจ้าหญิงในเทพนิยายแปลกๆ เสียงหวานใสน่ารักของแซลลี่ดังมาจากด้านนอกห้องก่อนที่บานประตูจะถูกเปิดออก "อะ พี่[ชื่อคุณ]ฟื้นแล้ว!!" เด็กหญิงเร่งตรงดิ่งมาหาคุณด้วยสีหน้าและน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วงอย่างมาก
"พี่[ชื่อคุณ]เป็นยังไงบ้างคะ? แซลลี่รู้มาว่าอยู่ๆพี่อีเจก็คลุ้มคลั่งขึ้นมา พี่ไม่บาดเจ็บตรงไหนนะคะ!?"คุณบอกแซลลี่ว่าคุณสบายดี ตอนนี้ไม่ได้เป็นอะไรมาก แค่มึนหัวนิดหน่อย
"พี่หลับไปนานแค่ไหนแล้ว?"
"ราวๆ 6 ชั่วโมงได้ค่ะ"ก็ถือว่าไม่ได้นานขนาดนั้น แต่ก็ยังนานอยู่
"พี่จะกินอะไรหน่อยมั้ยคะ? แซลลี่กลัวว่าพี่[ชื่อคุณ]จะหิว"เด็กสาวยกถาดอาหารมาวางบนโต๊ะข้างๆคุณ คุณบอกว่าตอนนี้ไม่ค่อยหิวและไม่ค่อยอยากกินอะไร เด็กหญิงก็ไม่ได้ว่าอะไรแถมยังมานั่งเป็นเพื่อนคุยเล่นแล้วบอกว่านี่คือห้องของแซลลี่ ซึ่งมันเข้ากับตัวของเด็กหญิงมากๆ ส่วนห้องของคุณกำลังซ่อมแซมอยู่จึงต้องให้คุณอยู่กับเธอไปสักระยะนึง
"แซลลี่...อีเจล่ะ?"
"....."อยู่ดีๆ...ก็เกิดความเงียบแปลกๆ คุณมองท่าทีของเด็กน้อยที่ราวกับกำลังลังเลคิดว่าควรจะพูดดีหรือไม่ คุณไม่รู้ว่าทำไมถึงรู้สึกว่าเด็กคนนี้กำลังประหม่าเล็กๆ?
"คือว่า..พี่[ชื่อคุณ]....เพราะว่าปะป๊าไม่สามารถห้ามพี่อีเจได้...จึงจำเป็นต้องให้พี่อีเจไปอยู่กับพี่แอลเจ"
ในอีกมิติหนึ่งที่เต็มไปด้วยโลกสีเทา ดำ ไร้แสงสว่าง ไร้สีสัน มีเพียงท้องฟ้าสีเทาที่ราวกับฝนจะตก ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นสีขาว เทาและดำ มีหมอกเป็นบางพื้นที่ พร้อมด้วยบรรยากาศอันน่าขนลุก ความวังเวงและความกดดัน เสียงกรีดร้องคำรามราวสัตว์ร้ายดังระงมไปทั่ว เสียงข้าวของที่แตกกระจายและการสังหารหมู่ที่เกิดขึ้น มันกินเวลานานมากหลายชั่วโมงเลยด้วยซ้ำกว่าทุกอย่างจะกลับมาปกติ..ทุกสิ่งก็คงแทบพังทลายไปหมดแล้ว
"แหม~ อะไรกันนะที่ทำให้เจ้าบราวนี่นั่นอาละวาดได้ราวกับจะทำลายโลกทั้งใบอย่างนั้นกันนะ~ ฮิๆๆ"
เสียงหัวเราะอันน่าขนลุกดังอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากที่เกิดเหตุ สิ่งนั้นเห็นเพียงแค่เงา เป็นเงาปริศนาที่มีรูปร่างสูงถึง 190+ ได้หลังเห็นฉากฆาตกรรมไปเมื่อครู่ก่อนที่จะส่งหมอประจำคฤหาสน์ของสเลนเดอร์กลับไป...
บุคคลลึกลับค่อยๆเผยรอยยิ้มแสยะจนเห็นฟันที่แหลมคมหลายๆซี่ชวนให้เห็นแล้วสยองก่อนที่ร่างๆนั้นจะค่อยๆหายไปในหมอก..
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น