ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Yandere Creepypasta x Reader] Love Succubus ซัคคิวบัสในร่างมนุษย์ [18+]

    ลำดับตอนที่ #5 : Chapter 3.2 : I hate my Life! (2) [ 100% ]

    • อัปเดตล่าสุด 5 ม.ค. 64


    Chapter 3.2 : I hate my Life! (2)





           หลังจากที่โทบี้ได้พาคุณออกไปจากงานเลี้ยงนํ้าชาของแซลลี่ เหล่าฆาตกรแห่งคฤหาสน์สเลนเดอร์แมนชั่นทั้งหมดก็ได้ไปรวมตัวกันที่ห้องรับแขกเหมือนกับว่ามีเรื่องเร่งด่วนที่จะต้องแจ้งให้ทุกคนในที่นี้ทราบ บรรยากาศรอบๆภายในห้องรับแขกบัดนี้เต็มไปด้วยความตึงเครียดและแรงกดดันบางอย่างที่แผ่ออกมา...
           "วันนี้ 'สเปลนเดอร์แมน(Splendorman)' กับ 'ออฟเฟนเดอร์แมน(Offenderman)' จะมาที่คฤหาสน์นี้..."ในที่สุดเจ้าบ้านของที่นี่ก็เอ่ยประเด็นถึงพี่น้องของเขาที่กำลังจะมายังบ้านหลังนี้...
           "แต่คนที่ต้องระวังมากที่สุดนั่นก็คือออฟเฟนเดอร์ และฉันไม่ต้องการให้[ชื่อคุณ]ไปเจอหมอนั่น พวกนายคงรู้ดีว่าหมอนั่นมันเสือผู้หญิงแต่ถ้ายิ่งมาเจอกับ[ชื่อคุณ]ล่ะก็เราคงต้องเตรียมมาตราการป้องกันที่แน่นหนากว่านี้โดยการไม่ให้เธอพบเจอเขาเด็ดขาด..."เพราะบุคคลที่สเลนเดอร์กล่าวถึงนั้นค่อนข้างที่จะเลือกเหยื่อเป็นผู้หญิงเสียส่วนใหญ่ดังนั้นแล้ว....ถ้าหากเป็นตัวคุณคงแตกต่างกัน งานนี้คงได้มีข้าวของเสียหายแน่ๆ...
           "สรุปมันเป็นยังไงกันแน่วะไอ้โย่ง!! แกยังไม่บอกฉันเลยนะว่ายัยมนุษย์นั่นมีอะไรที่เราต้องคอยระวังนักหนา!! แถมยังต้องคอยสลับคนไปหาเธออีก!!"เสียงของนักฆ่าป่าเถื่อน(?)นามเจฟฟ์กับเสียงตบโต๊ะด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว เพราะนับตั้งแต่ที่พาคุณเข้ามาอาศัยอยู่ที่นี่ร่วมกับพวกเขา ไหนจะยังมีคำเตือนจากเจ้าบ้านนี่ว่าห้ามเข้าใกล้หรืออยู่กับคุณนานเป็นอันขาดอีก
           "เจฟฟ์...เรื่องนี้นายไม่จำเป็นต้องยุ่งมากนักหรอก นี่เพื่อตัวเธอและตัวนายเอง แต่ออฟเฟนเดอร์นั้นอันตราย หมอนั่นแม้จะเป็นเสือผู้หยิงแต่ถ้าต้องมาเจอกับ[ชื่อคุณ]....เราคงต้องระวังตัวสูงมากแน่ๆ"สเลนเดอร์กล่าวนั่นยิ่งทำให้เจฟฟ์ยิ่งฉุนเฉียวมากกว่าเดิม แต่แซลลี่ก็ได้เดินเข้ามาพอดี
           "พี่เจฟฟ์ทำตามที่ปะป๊าบอกเถอะค่ะ! แซลลี่เชื่อว่าปะป๊าคงมีเหตุผลแน่ๆดังนั้นแล้วเราควรที่จะช่วยพี่สาวนะคะ!"แซลลี่ตัวน้อยพูด ซึ่งเจฟฟ์เองก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่สะบัดหน้าไปทางอื่นอย่างไม่สบอารมณ์นัก





           ทางด้านของคุณ
           ตอนนี้คุณถูกโทบี้อุ้มเข้ามาในห้องของคุณแล้วค่อยๆวางคุณลงบนเตียงอย่างช้าๆ คุณกล่าวขอบคุณเขาแต่ก็เลือกที่จะถามเขา "ขอโทษนะคะ...แต่ว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้นงั้นเหรอคะ?" คุณถาม
           "พี่น้อง...ของมาสเตอร์...จ-จ-จะมาที่นี่"เขาตอบด้วยนํ้าเสียงที่กระตุกจนคุณเองก็สงสัย
           "พ-เพราะอะไรฉันถึงพบพวกเขาไม่ได้??"
           "มันเป็น ค-ค-คำสั่งของม-มาสเตอร์ ย-อย่าถามมาก ม-ไม่ ไม่อย่างงั้นฉันจะ..ฉันจะ อ-เอาขวนเฉือน ป-ปา-กเธอ"เขาสบถออกมา แม้จะดูเหมือนคำประชดแต่ว่านั่นมันก็ฟังดูน่ากลัวจนคุณเองก็ต้องหยุดถามแม้จะไม่เข้าใจสถานการณ์ก็ตาม
           "ร-รอเดี๋ยวก่อนค่ะ!!"คุณเอ่ยรั้งเขาเอาไว้ก่อนที่เขาจะเดินออกไป โทบี้ค่อยๆหันมามองคุณแม้จะสวมแมสกับแว่นตาแต่ก็รู้ทันทีว่าเขากำลังสงสัย คุณเดินเข้าไปหาเขาพร้อมกับใช้ผ้าคลุมที่คุณคลุมตัวเอาไว้ขึ้นมาเช็ดคราบสีแดงที่ติดอยู่ตรงแมสปิดปากของเขาอย่างแผ่วเบาและช้าๆ แต่การกระทำของคุณมันทำให้เขาหยุดนิ่ง
           "ม-มีคราบสีแดงเปรอะอยู่หน้ากากของคุณ" คุณตอบพร้อมกับยิ้มให้เขาเล็กน้อย "ขอโทษที่ทำให้คุณเสียเวลา ยังไงก็คุณกลับไปเถอะ คุณสเลนเดอร์แมนคงไม่อยากให้คุณอยู่กับฉันนานๆเหมือนกัน" เขายังคงนิ่งไปสักพักแล้วจากนั้นจึงเดินออกจากห้องของคุณและปิดประตูให้แน่นสนิททันที ทิ้งให้คุณอยู่ในห้องเพียงคนเดียว...

    [ ต่อ ]

           หลังจากที่โทบี้เดินออกไปแล้วคุณก็ได้ถอดผ้าคลุมออก แต่พอคุณลองมองตัวเองกลับพบว่ามันมีร่องรอยบาดแผลกดทับเพียงเล็กน้อยซึ่งแม้ต่อให้คุณจะสวมผ้าคลุมทว่า...ยังไงมันก็ยังคงก่อให้เกิดอาการอาการบาดเจ็บอยู่ดี แต่ก็ไม่ได้มากนัก

           อย่างน้อยมันก็คุ้มค่าดีที่คุณได้ออกมา แม้สุดท้ายคุณก็คงไม่ได้ออกไปข้างนอกเหมือนทุกครั้งเช่นเดิม...

           คุณพับผ้าให้เรียบร้อยแล้วนำไปวางไว้ข้างโต๊ะจากนั้นจึงเข้าไปในห้องอาบนํ้าเพื่อที่จะชำระร่างกายให้สะอาดและล้างแผลบางส่วนนิดหน่อย คุณหมอประจำคฤหาสน์นี้ก็คงจะมาในอีกไม่ช้าเพื่อที่จะดูบาดแผลของคุณและทำการรักษาเช่นเดิม...

           วันนี้ก็เป็นอีกวันนึงล่ะมั้งที่เกิดความวุ่นวาย แม้คุณจะไม่เข้าใจสาเหตุที่พวกเขาพยายามไม่เข้าใกล้หรืออยู่กับคุณนานจนเกินไป แต่บางทีคุณก็คิดว่าสาเหตุนั้นอาจจะมาจากตัวคุณที่มีความผิดปกติด้วยก็ได้ และคำตอบนั้นมาจากใครนั้น...ไม่ใช่ใครที่ไหนคนๆนั้นก็คือ 'สเลนเดอร์แมน' ที่จะเป็นคนให้คำตอบกับคุณ...





           อีกด้านหนึ่ง
           หลังจากที่ชายหนุ่มเดินออกมาจากห้องของคุณแล้ว เขาเองก็ยังไม่ได้ไปไหน....ยังคงยืนอยู่นอกห้องของคุณ หากแต่ทว่ามีบางสิ่งที่แปลกไปจากเดิม...

           เขามีท่าทีนิ่ง...แต่ความนิ่งนั้นหากไม่สังเกตดีๆก็จะรับรู้ได้ถึงความผิดปกติ มือหนาค่อยๆยกขึ้นสัมผัสที่ปากของตนอันเป็นจุดที่คุณเช็ดคราบเลือดให้เขาและมีความรู้สึกประหลาดบางอย่าง....

           เขาจำไม่ได้ว่าเมื่อก่อนเขาเป็นยังไง เขาจำไม่ได้ว่าความรู้สึกเหล่านี้มันหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่ เขาจำไม่ได้แม้กระทั่งเรื่องราวในอดีต แม้แต่ตัวตนของเขา เขาเองก็จำไม่ได้...

           แต่ยามที่มือของคุณได้ยื่นเข้ามาสัมผัสพร้อมทั้งใช้ผ้าคลุมเช็ดใบหน้าของเขาที่เปรอะคราบเลือดอย่างไม่มีท่าทีรังเกียจ สิ่งที่เขาสัมผัสได้จากตัวคุณนั่นก็คือ 'ความอ่อนโยน' ที่คุณมอบให้เขา รอยยิ้มที่ส่งมาให้นั้น...มันช่างอบอุ่นอย่างน่าประหลาด เขาไม่เคย...

           ไม่เข้าใจความรู้สึกนี้เลย...

           *ฟึ่บ*

           ร่างสูงตวัดสายตามองไปยังผู้มาเยือนใหม่ภายใต้แว่นหนาสีส้ม ร่างของบุรุษในชุดฮู้ดสีดำกับหน้ากากสีนํ้าเงินที่ดูภายนอกแล้วเขาไม่เหมือนคุณหมอสักเท่าไหร่ หากแต่ทว่ากลับเป็นบุคคลที่ไม่ควรประมาทอย่างยิ่งนัก ร่างสูงของคานิบาลที่ยืนจ้องมายังชายหนุ่มที่ยังคงยืนหน้าประตูห้องของคุณราวกับว่าทุกๆอย่างได้หยุดนิ่ง...

           ความเงียบได้เข้าครอบคลุมรอบๆ จนกระทั่งมือขวาได้เดินผ่านร่างของหมอคานิบาลไปอย่างเงียบๆ ไม่มีบทสนทนาใดๆเอื้อนเอ่ยขณะที่หมอหนุ่มเพียงมองตามแผ่นหลังของอีกฝ่ายที่ค่อยๆเดินจากไป...

           อีเจเพียงถอนหายใจออกมาด้วยเสียงที่แผ่วเบา เขารู้สึกเหมือนสัมผัสได้ถึงรางสังหรณ์บางอย่างที่จะเกิดขึ้นในอนาคต แต่เขาเองก็ไม่มีเวลาให้คิดมากจึงเดินมาที่หน้าห้องและเคาะประตูห้องของคุณสองถึงสามครั้งแล้วจึงเดินเข้าไป
           "คุณอีเจ"
           "ดูเหมือนว่าครั้งนี้แผลของเธอจะไม่ได้ร้ายแรงมากนะ"
           ชายหนุ่มเดินเข้ามาในห้องของคุณพร้อมกับค่อยๆปิดประตูและเดินเข้ามาหาคุณ เขามองบาดแผลตามร่างกายของคุณก็ตรวจพบว่าดูเหมือนเพียงแค่ผ้าคลุมจะก่อให้เกิดแผลกดทับเพียงแค่บางส่วนแต่ก็ไม่ถึงขั้นร้ายแรงมาก บาดแผลตรงบริเวณไหล่กับเรียวแขนบางส่วนเองก็ไม่ได้หนักหนาสาหัสอะไรมาก ยังพอที่จะรักษาได้อยู่ดังนั้นอีเจจึงเริ่มทำการรักษาคุณซึ่งใช้เวลาเพียงไม่นานมากเท่าไหร่นัก
           "ถึงจะเพียงแค่เล็กน้อยแต่ยังไงซะเธอก็ต้องระวังตัวให้ดีล่ะ ฉันไม่รู้หรอกนะว่าสเลนเดอร์แมนจะอนุญาตให้เธอออกไปข้างนอกอีกหรือเปล่าแต่ยังไงมันก็คือหน้าที่ของหมออยู่แล้ว..."อีเจพูดซึ่งคุณเองก็กล่าวขอบคุณเหมือนเช่นปกติ ถึงจะทำหน้าที่หมอแต่เขาก็ทำได้ดีมากๆเลย หลังจากนั้นบาดแผลก็ได้ถูกทำการรักษาเสร็จสิ้น
           "คุณอีเจ ขอบคุณมากนะคะ"
           "ไม่เป็นไร ฉันต้องรีบไปแล้ว เธอก็อยู่ที่นี่ห้ามออกไปไหนหากไม่ได้รับอนุญาตเป็นอันขาดล่ะ" เขาพูดจบก็เก็บกล่องปฐมพยาบาลแล้วจากนั้นจึงลุกขึ้น จนคุณเองก็แอบสงสัยว่าทำไมพวกเขาถึงรีบออกไปกันจัง ราวกับพยายามอยู่ห่างจากคุณไว้

           แต่คุณเองก็ไม่ได้คิดจะถามอะไรมาก เอาไว้ถ้าพวกเขาพร้อมที่จะบอกคุณเมื่อไหร่ก็ตามนั้นแล้วกัน บางทีคุณอาจจะได้รู้สาเหตุที่เป็นแบบนี้ก็ได้...





           ในอีกด้านหนึ่ง
           เสียงเคาะประตูที่อยู่ทางเข้าคฤหาสน์ดังขึ้น และคนที่รับหน้าที่เปิดประตูให้แขกก็คือ เทรนเดอร์แมน เมื่อเขาเดินไปยังทางเข้าของคฤหาสน์จึงค่อยๆบิดลูกบิดประตูเปิดให้คนข้างนอกเข้ามา
           "สวัสดีเทรนเดอร์น้อยของฉัน~~!!!"เสียงอันสดใสของชายคนหนึ่งกล่าวพร้อมพุ่งเข้าสวมกอดหนุ่มแว่นด้วยความรวดเร็วและยิ้มแย้มแจ่มใสราวกับรับเช้าวันใหม่ตลอดเวลา(?)จนเทรนเดอร์เองก็ตกใจนิดหน่อยเพราะถึงจะรู้อยู่แล้วว่าอีกฝ่ายเป็นคนแบบไหนแต่ก็มาแบบไม่ทันได้ตั้งตัวแบบนี้เขาก็ตกใจเหมือนกัน
           "สวัสดีครับคุณสเปลนเดอร์ ไม่ได้เจอกันนานเลยนะครับ" เทรนเดอร์เอ่ยทักทายลูกพี่ลูกน้องอีกคนของเขาและยังมีศักดิ์เป็นถึงพี่ชายคนโต ซึ่งบุรุษที่สวมใส่สูทสีดำมีหางลายจุดหลากสีเองก็ทักทายตอบอย่างร่าเริง ตามมาด้วยเสียงทุ้มนุ่มลึกอันมีเสน่ห์น่าเย้ายวนใจที่ตามมาจากด้านหลังกล่าวขึ้น "ว่าไงเทรนเดอร์~" บุรุษที่สวมใส่เสื้อโค้ทตัวยาวสีดำ ผูกเนคไทหลวมๆ สวมกางเกงขายาวสีดำและรองเท้าบูทสีดำกล่าวทักทาย ซึ่งเทรนเดอร์เองก็ทักทายตอบอย่างสุภาพ
           "สวัสดีครับคุณอาออฟเฟนเดอร์ ตอนนี้พวกพี่เขาอยู่ที่ห้องรับแขก ถ้ายังไงก็เชิญตามผมมาได้เลยนะครับ"เทรนเดอร์พูดพร้อมกับดันตัวของพี่ใหญ่สุดออกแม้อีกฝ่ายจะนึกเสียดาย(?)แต่ก็ต้องยอมปล่อยล่ะนะ หลังจากนั้นทั้งสามจึงเข้ามาในคฤหาสน์โดยมีสุภาพบุรุษคาสโนว่า(?)เป็นคนปิดประตูให้และมุ่งหน้าไปยังห้องรับแขกทันที....


           ภายในห้องรับแขกที่ดูกว้างขวางและสวยงามอันเป็นที่สำหรับไว้ต้อนรับแขกที่มาเยือน และใช่...แขกที่ว่านี้ก็คือคนที่เทรนเดอร์กำลังพามานั่นเอง
           "ผมพามาแล้วครับ"
           "สเลนดี้น้องรัก~!!! ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ~!!!"
           สิ้นคำพูด ร่างสูงโปรงของบุรุษชุดสูทลายจุดหลากสีก็ได้พุ่งทะยาน(?)ไปหาชายร่างสูงอีกคนที่นั่งอยู่บนโซฟาเดี่ยว แต่ก็ดันถูกหนวดสีดำรัดเอวเขาไว้ไม่ให้เข้ามาใกล้ไปมากกว่านี้จนทำเอาสเปลนเดอร์พองแก้มนิดหน่อยแต่สเลนเดอร์แมนก็หาได้สนใจท่าทางเหล่านั้น
           "พวกคุณไปนั่งที่โซฟาซะเถอะ..."คำพูดของสเลนเดอร์แมนนั้นอาจจะฟังดูไม่แยแส แต่พวกเขาเองก็ไม่ได้สนใจมากนักก็ไปนั่งที่โซฟาฝั่งตรงข้ามกันแล้วเริ่มเปิดบทสนทนา ในช่วงตอนแรกๆอาจจะเป็นการคุยแบบตามประสาพี่น้องอาหลาน แต่สำหรับออฟเฟนเดอร์แล้วสเลนเดอร์เองก็มีพูดบ้าง ตอบเพียงสั้นๆบ้างหรือไม่ก็บางทีเขาเองก็ไม่อยากที่จะตอบเท่าไหร่นักหรอก แต่ก็ไม่ได้คุยอะไรมากนักจนกระทั่งเข้าประเด็นเรื่องหนึ่ง
           "ฉันได้ข่าวมาว่าที่โบสถ์แห่งหนึ่งเกิดคดีฆาตกรรมเหล่าแม่ชีที่นั่น"คำพูดของออฟเฟนเดอร์ทำให้รอบๆเกิดความเงียบขึ้นมา ท่านผู้นำแห่งคฤหาสน์สเลนเดอร์ค่อยๆหันมามองบุคคลที่มีศักดิ์เป็นอา...แต่ก็ไม่ได้เคารพนับถือเป็นอาเท่าไหร่
           "ตำรวจกำลังตามหาตัวคนร้าย...และตามหาตัวของซิสเตอร์คนหนึ่งที่หายตัวไปเพราะถูกเจ้าฆาตกรตามล่า แต่ก็ดันมาพบศพของตัวคนร้ายที่เป็นคนเดียวกับที่ฆ่าพวกแม่ชีนอนตายอยู่ริมแม่นํ้าในXXX และไม่มีใครพบตัวของซิสเตอร์คนนั้นที่หายตัวไปเลย"บุรุษคาสโนว่ากล่าวแต่ยังคงประดับด้วยรอยยิ้มอันเป็นเอกลักษณ์ของเขาเหมือนเช่นทุกครา แต่นั่นก็สร้างความเงียบให้กับคนในที่แห่งนี้ เพราะสิ่งที่ออฟเฟนเดอร์กล่าวมาล้วนแล้วพวกเขารู้ดีว่าหมายถึง 'ใคร' ...
           "แล้วทำไม..."
           "เฮ้ๆๆไม่เอาน่าทั้ง 2 คน~ อุตส่าห์ได้มาพบเจอกันพร้อมหน้าพร้อมตาพี่น้องและครอบครัวเดียวกันแบบนี้อย่าทำให้เสียบรรยากาศหน่อยเลยน่า~ จริงสิ แล้วแซลลี่ล่ะ ไม่ได้เจอกันตั้งนานฉันอยากเจอหลานสาวที่น่ารักจะแย่อยู่แล้ว~"
           "ใครกำลังเรียกหาแซลลี่หรอคะ"
           ไม่ทันขาดคำก็มีเสียงหวานใสของเด็กน้อยคนหนึ่งเอ่ยข้างๆชายร่างสูงที่มีศักดิ์เป็นลุงของเด็กสาวจนทำเอาสเปลนเดอร์สะดุ้งตกใจไม่น้อย แต่พอเห็นว่าเป็นแซลลี่หลานสาวผู้น่ารักของเขาก็โผล่เข้าสวมกอดตามประสาลุงหลานทันที ซึ่งหนูน้อยแซลลี่ก็ไม่ได้ขัดแต่อย่างใด ออกจะดีใจด้วยซํ้าที่ลุงของเธอมาเยี่ยมน่ะ

           แต่น่าเสียดายที่แซลลี่ไม่สามารถบอกพวกลุงของเธอได้เรื่องที่ว่าตอนนี้คุณได้เข้ามาเป็นสมาชิกครอบครัวแล้ว เพราะพ่อบุญธรรมของเธอกำชับไว้ว่าห้ามบอกพวกลุงเป็นอันขาด แม้จะสงสัยแต่ก็ไม่คิดจะเซ้าซี้ถามอะไร เพราะเด็กน้อยคิดว่าเขาคงมีเหตุผลแน่ๆ

           หลังจากนั้นทั้งแซลลี่และสเปลนเดอร์ต่างก็พูดคุยกันนิดหน่อยตามประสาแล้วเขาก็ได้มอบของฝากมาให้เด็กน้อยซึ่งเธอเองก็ดีใจมากๆและกล่าวขอบคุณพร้อมรับมา แต่เขาเองก็ไม่ได้มีของฝากแค่แซลลี่ตัวน้อยเพียงคนเดียวเสียหน่อยนินาจึงได้มอบให้กับคนในคฤหาสน์ทุกคนด้วย
           "ผมเตรียมของว่างให้ทุกคนแล้วนะครับ เชิญตามผมมาที่สวนด้วยนะครับ"เทรนเดอร์ที่เปรียบเสมือนเป็นทั้งพ่อบ้านและดีไซเนอร์ได้เดินเข้ามาบอกทุกคนรวมถึงบอกกับตระกูลเอ็นเดอร์ของเขาด้วย สเลนเดอร์แมนพยักหน้าแล้วได้บอกให้ทุกคนไปรวมตัวกันที่สวนหลังคฤหาสน์ แซลลี่ดูดีใจแล้ววิ่งนำไปก่อนโดยมีเทรนเดอร์ตะโกนบอกเด็กน้อยว่าอย่าวิ่งเร็วแบบนั้น ส่วนคนอื่นๆเองก็เดินตามไป
           "คล็อกเวิร์ค...ฉันคงต้องฝากเธอให้ช่วยนำของว่างไปที่ห้อง[ชื่อคุณ]หน่อยแล้วล่ะ เธอคงรู้สินะว่าห้องของเธออยู่ที่ไหน"หลังจากที่เห็นว่าพี่น้องของเขาเดินออกไปจากห้องแล้วจึงหันไปบอกกับหญิงสาวเจ้าของดวงตานาฬิกาข้างซ้ายที่ยังคงอยู่
           "เข้าใจแล้ว ฉันจะนำไปที่ห้องของเธอเอง"คล็อกเวิร์คพูดจากนั้นเธอจึงเดินออกจากห้องเพื่อที่จะนำของว่างไปส่งที่ห้องของคุณแบบลับๆเพื่อมิให้ทั้งสองคนนั้นสังเกต...





           ตัดมาที่คุณ คุณกำลังนั่งอยู่บนเตียงพร้อมกับนั่งอ่านหนังสือเกี่ยวกับพวกศาสนาเพื่อฆ่าเวลา และพอถึงหน้าที่เกี่ยวกับบทสวดคุณก็มักจะท่องจำไว้เสมอ...

           ป่านนี้พวกเขาจะเป็นยังไงบ้างนะ คุณคิด บางทีพวกเขาอาจจะพูดคุยกันตามประสาครอบครัวหรือไม่ก็มีเหตุการณ์บางอย่างที่ไม่ต้องการให้คุณรู้ แต่นั่นก็คงไม่ใช่หรอก คุณไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาเป็นยังไงดังนั้นแล้วคุณก็ไม่ควรที่จะยุ่งเรื่องของพวกเขามากนัก แต่ขณะเดียวกันคุณกลับรู้สึกว่ามันอาจจะเกี่ยวกับตัว 'คุณ' ก็ได้...

           คุณพยายามจะคิดในแง่ดีว่ามันไม่มีอะไร...

           *ก๊อก ก๊อก ก๊อก*

           เสียงเคาะประตูดังขึ้นพร้อมกับประตูที่ถูกเปิดออกเผยให้เห็นร่างของหญิงสาวเจ้าของดวงตานาฬิกาข้างซ้ายอันเป็นเอกลักษณ์พร้อมกับมุมปากที่ฉีกกว้างแต่กลับถูกเย็บติดไว้ ในมือนั้นมีถาดที่ใส่จานขนม มันเป็นสตรอว์เบอร์รี่ช็อตเค้ก เธอยิ้มให้คุณแล้วปิดห้องให้คุณ
           "สเลนเดอร์ฝากให้ฉันนำขนมมาให้น่ะ นี่ก็เป็นเวลาของว่างแล้วด้วย"
           "ขอบคุณมากนะคะคุณคล็อกเวิร์ค"
           "เรียกฉันว่าคล็อกหรือคล็อกกี้ก็ได้นะสาวน้อย"
           เธอพูดด้วยรอยยิ้มที่ดูอ่อนโยนแตกต่างจากรูปลักษณ์ภายนอกโดยสิ้นเชิง หญิงสาวเดินเข้ามาหาคุณพร้อมกับยื่นจานเค้กให้ คุณยิ้มแล้วยื่นมือรับมันมาใช้ส้อมตักเค้กนั้นขึ้นมากินคำนึง...
           "มันอร่อยมากเลย"
           "ใช่มั้ยล่ะ เทรนเดอร์น่ะทำอร่อยอยู่แล้ว"
           เธอพูดขณะที่คุณกำลังลิ้มรสสตรอว์เบอร์รี่ช็อตเค้ก ความนุ่มละมุนของเนื้อเค้กและความหวานอมเปรี้ยวของครีมกับสตรอว์เบอร์รี่นั้นมันช่างเข้ากันเสียจริงๆ คุณไม่เคยทานขนมอะไรที่อร่อยขนาดนี้มาก่อนเลย คุณกินไปสักพักก็สังเกตว่าหญิงสาวยังไม่ออกจากห้องของคุณ คุณถามเธอว่าไม่ออกไปร่วมกินขนมกับคนอื่นงั้นเหรอ?
           "ฉันไม่ไปหรอก และอีกอย่างฉันไม่อยากเจอเจ้าออฟเฟนนั่นด้วย"เธอพูดซึ่งนั่นทำให้คุณยิ่งสงสัย ออฟเฟน?? น่าจะเป็นแขกที่พวกเขาพูดถึงก็ได้ แต่ทำไมคล็อกเวิร์คถึงไม่อยากไปหาเขากันนะ?
           "เธอทำอะไรน่ะ?"คุณตักเนื้อเค้กพร้อมกับนำมาจ่อปากของเธอเล่นเอาอีกฝ่ายถึงกับเบิกตากว้างด้วยความตะลึงปนอึ้งและเหมือนจะไม่เข้าใจกับการกระทำของคุณเท่าไหร่ คุณยิ้ม
           "คุณคงยังไม่ได้กินของว่างเหมือนคนอื่นๆฉันก็เลยตักแบ่งให้คุณกินด้วยน่ะค่ะ มากินด้วยกันนะคะ"คุณพูดและยังคงนำเค้กจ่อปากเพื่อหวังว่าเธอจะกินมัน ดูเหมือนว่าคล็อกเวิร์คจะนิ่งไปพร้อมมีอาการเหมือนเขิะเขินแปลกๆ แต่ก็ยอมกินเค้กที่คุณป้อนให้
           "เป็นยังไงบ้างคะ?"
           "อืม...หวาน..อร่อยดี"
           "ใช่มั้ยล่ะคะ มันทั้งหวานอมเปรี้ยวกับเนื้อเค้กที่นุ่มละมุนลิ้นอร่อยมากเลยค่ะ ฉันไม่เคยกินเค้กแบบนี้มาก่อนเลย"คุณกล่าวพร้อมกับยิ้มออกมาอย่างดีใจ เพราะในโบสถ์ของคุณหากจะกินเค้กก็จะเป็นเค้กไข่หรือเค้กที่ไม่ได้มีความสวยงามมากนัก ออกแนวเรียบง่ายมากกว่าดังนั้นพอคุณได้มาลองกินแบบนี้ก็รู้สึกแปลกใหม่ดี คล็อกเวิร์คถามคุณว่าที่โบสถ์ไม่มีเค้กแบบนี้เหรอซึ่งคุณก็ตอบกลับตามความเป็นจริงและพอเธอได้ยินแบบนั้นก็บอกว่ามันคงจะน่าเบื่อมากสำหรับเธอเลยล่ะหากกินแบบนั้นตลอด

           หญิงสาวรู้สึกแปลกๆยามเวลาที่อยู่กับคุณ มันรู้สึกเหมือนหัวใจของตัวเองกำลังเต้นไม่เป็นจังหวะยามเมื่อเธอได้ยกมือขึ้นกุมอกตรงบริเวณหัวใจนั้น....

           เธอรู้สึกอบอุ่นเมื่อได้อยู่กับคุณ แต่ขณะเดียวกันความรู้สึกบางอย่างก็มีมากกว่านั้น...





           ทางด้านของพวกพาสต้า
           ภายในสวนหลังคฤหาสน์นั้นได้มีโต๊ะที่ถูกจัดเตรียมเอาไว้พร้อมกับขนมหวานต่างๆให้เลือกทาน ซึ่งแต่ละคนเองต่างก็หยิบขนมที่ตัวเองเลือกขึ้นมาทานกัน มีบ้างที่พูดคุยกันนิดหน่อยแต่บางคนก็จะขอคุยแบบแยกมากกว่า ซึ่งทั้งสี่พี่น้องตระกูลเอ็นเดอร์ต่างก็นั่งพูดคุยจิบชากินขนมกันนิดหน่อย
           แซลลี่ตัวน้อยที่กำลังนั่งกินสตรอว์เบอร์รี่ช็อตเค้ก ซึ่งเป็นเค้กแบบเดียวกับที่คุณกินจนเลอะครีมที่มุมปากโดยมีสเปลนเดอร์ที่คอยช่วยเช็ดปากให้เด็กน้อยของเขา แซลลี่ขอบคุณก่อนจะเริ่มทานต่ออย่างเอร็ดอร่อย
           "สรุปแกมาที่นี่มีจุดประสงค์อะไรไอ้หื่นกาม"เจฟฟ์พูดขณะที่เขากำลังกินพายช็อกโกแลตคำนึงแล้วเริ่มเอ่ยถามถึงจุดประสงค์ของพ่อหนุ่มคาสโนว่าราวกับว่าเขารู้ว่าอีกฝ่ายนั้นต้องไม่ได้มาเพราะเรื่องเยี่ยมพวกตนแน่ๆ...


           แต่รอยยิ้มของออฟเฟนเดอร์ได้ปรากฎขึ้น....


           มันไม่ใช่รอยยิ้มที่เป็นมิตรหรืออย่างไร....


           ทว่า...มันกลับดูเป็นยิ้มที่แสนอ่านยาก...


           "ฉันแค่มาตามหา 'ผู้หญิง' คนนึง"สิ้นคำพูดของบุรุษผู้นั้นก็ทำให้ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบกริบ แมสกี้กับฮู้ดดี้ที่กำลังพูดคุยกันอยู่นั้นทั้งคู่ก็หันมามองทางอีกฝ่าย ส่วนเบนนั้นแม้จะยังคงกดเกมเล่นอยู่พอได้ยินสิ่งที่ออฟเฟนพูดก็ทำให้เขานั้นเผลอหยุดเล่นไปชั่วแวบนึง บรรยากาศรอบๆตอนนี้มันเต็มไปด้วยความกดดันและความตึงเครียดแปลกๆที่หากเป็นคนธรรมดาก็สัมผัสมันได้...
           "เธอเป็นหญิงสาวที่อยู่ในโบสถ์XXXที่ฉันเคยเล่าให้พวกนายฟังเมื่อครู่...เธอมีความสูงราว 167 เส้นผมสีบลอนด์ยาวลอน ดวงตาสีม่วงราวกับอัญมณีอเมทิตส์ ผิวขาวอมชมพูอ่อน เธอเป็นผู้หญิงที่งดงามที่สุดอย่างที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อน และใช่...เธอคือผู้หญิงที่อยู่ใน 'ข่าว' นั้นนั่นเอง"
           "ที่คุณพูดมานี้มันเกี่ยวอะไรกับพวกฉันงั้นเหรอ..."สเลนเดอร์แมนกล่าวหลังจากที่เขาจิบชาแล้ววางมันลงบนจานรองถ้วยชา ทำไมเขาจะไม่รู้ล่ะว่าอีกฝ่ายกำลังหมายถึงอะไร...
           "สเลนดี้...นายก็คงรู้ดีว่าฉันหมายถึงอะไร"รอยยิ้มที่ปรากฎบนใบหน้าของชายหนุ่มบัดนี้มันกลับแฝงไปด้วยความกดดันและความอันตรายที่แผ่ออกมาจากตัวของชายคนนี้ บางสิ่งบางอย่างที่กำลังจะเกิดขึ้นนั่นทำให้พวกเขารู้สึกได้ถึงลางไม่ดี แต่ดูเหมือนเจ้าบ้านนั้นจะสามารถควบคุมตัวเองได้ดีจึงได้เอ่ยกลับ
           "ขอโทษด้วยนะ ฉันเองก็เคยฟังข่าวเรื่องพวกนั้นมาบ้าง แต่ว่าฉันก็ไม่เคยเห็นผู้หญิงคนนั้นที่คุณว่ามาเลย"ออฟเฟนเดอร์หัวเราะไร้อารมณ์ให้กับคำตอบของหลานตน
           "ไม่ใช่ว่านายเอาเธอไป 'ซ่อน' หรอกเหรอสเลนดี้~"นํ้าเสียงที่แม้จะฟังดูปกติ แต่กลับไม่อาจคาดเดาอารมณ์ของคนพูดได้เลยนั่นจึงยิ่งทำให้พวกเขาที่อยู่ในที่นี้เริ่มเห็นท่าไม่ดีเท่าไหร่
           "เฮ้ๆๆ สเลนเดอร์ก็บอกอยู่ว่าไม่เคยเห็นเธอไม่เห็นจะต้องพูดแบบนั้นเลยนินาออฟ~!"คราวนี้เป็นเสียงของสเปลนเดอร์กล่าวและเหมือนพยายามที่จะหยุดสถานการณ์ชวนไม่น่าปลอดภัยเหล่านี้
           "เฮ้ๆไม่เอาน่าออฟเฟนเดอร์ สเลนเดอร์ก็บอกอยู่ว่าไม่เห็นเธอ แล้วอีกอย่างพวกเราเองก็ไม่รู้ด้วยว่าผู้หญิงคนนั้นที่นายว่ามาอยู่ที่ไหน ถึงจะมีพร็อกซี่พวกนี้คอยตรวจดูก็ตามทีเถอะแต่ก็ไม่ได้ไปในเขตที่พวกนั้นอยู่หรอกนะ"คราวนี้เป็นเบนที่เงียบมานานก็เอ่ยบ้าง เขาหยุดเล่นเกมและคอยช่วยพูดให้กับบอสประจำคฤหาสน์หลังนี้...

           แต่ดูเหมือนว่าคำตอบเหล่านั้นจะไม่เป็นผลต่อเขา สุภาพบุรุษคาสโนว่าเริ่มหัวเราะเสียงเหี้ยมออกมากับบรรยากาศที่บัดนี้ยิ่งเพิ่มความกดดันมากยิ่งขึ้น จนคนรอบๆต้องรีบลุกขึ้นจากเก้าอี้ถอยออกมาหนึ่งก้าว ขณะที่สามพร็อกซี่ของสเลนเดอรืแมนต่างก็เริ่มเตรียมตั้งท่ารอรับคำสั่งจากมาสเตอร์ ส่วนเจฟฟ์เองก็หยิบมีดคู่ใจออกมาเพื่อป้องกันตัว เทรนเดอร์รีบเข้ามาอุ้มพาแซลลี่ออกไปจากเหตุการณ์พวกนี้ทันที

           "ไม่เห็นเธอ? พวกแกคิดว่าฉัน 'โง่' นักเหรอที่จะไม่รู้ว่าพวกแก 'ซ่อน' เธอไว้!!!"

           มือที่กำแน่นได้ทุบลงบนโต๊ะอย่างแรงจนทำให้มันแตกหักเป็นสองท่อม เหล่าพาสต้าต่างก็รีบถอยออกมาห่างๆจากออฟเฟนเดอร์พอสมควร สเลนเดอร์เองก็ก้าวถอยออกมาเช่นกันแล้วยกมือขึ้นเหมือนเป็นสัญญาณบอกว่าอย่าเพิ่งทำอะไร

           "ผู้หญิงคนนั้นไม่เหมือนคนอื่น!! เธอทำให้ฉันได้รู้จักความรักมากยิ่งขึ้น!! เธอทำให้ฉันได้เข้าใจความรู้สึกที่ไม่อยากสูญเสียเธอไป!! และเธอทำให้ฉันรู้สึกว่าโลกทั้งใบนี้ฉันขาดเธอไม่ได้!! ฉันเฝ้าดูเธอมาตลอด! ฉันคอยปกป้องเธอจากเหตุการณ์ร้ายๆมาตั้งแต่ที่เธอยังเป็นแค่เด็ก 10 ขวบ!! เฝ้ารอวันที่ฉันจะได้พบเธอ!!"

           ร่างของบุรุษคาสโนว่าคนนั้นได้ค่อยๆก้าวเดินมาทางพวกเขาเพียงเล็กน้อย นํ้าเสียงที่เต็มไปด้วยความโกรธและความรู้สึกบางอย่างที่บิดเบี้ยวจนทางนั้นสัมผัสได้ว่ามันคงไม่ปลอดภัยแน่ๆ หนวดระยางสีขาวที่โผล่ออกมาจากด้านหลังของชายหนุ่มแล้วขยับไปมาราวกับแสดงถึงอารมณ์คลุ้มคลั่ง

           "จนฉันได้มารู้ว่ามีไอ้เวรตัวนึงบังอาจคิดจะพรากเธอไปจากฉัน!! พวกแกคิดว่าทำเป็นไม่รู้เรื่องอะไรแล้วฉันจะไม่รู้หรอว่าพวกแกเจอเธอแล้ว!! พวกแกคิดว่าจะ 'ซ่อน' เธอจากฉันได้งั้นเหรอ!!! เธอเป็นของฉัน!! ของฉัน!! และฉันจะมาพาตัวเธอกลับไปกับฉัน!!!!"

           สิ้นคำพูด ร่างของชายหนุ่มก็ได้อันตรธานหายไปจากตรงจุดนั้นทันที สเลนเดอร์รีบหันไปสั่งให้พวกคนที่เหลือไปที่ห้องของคุณและตัวของสเลนเดอร์เองก็ได้รีบเทเลพอร์ตไปหาคุณ ทว่าก็ได้ยินเสียงของคุณดังมาจากในคฤหาสน์ก็ยิ่งทำให้ทุกคนเร่งฝีเท้าตามที่นายบอกทันที

           "กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด!!!!!"


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×