ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC-Gintama] OkiGagu รักมั่วๆของเจ้ารั่วสองคน

    ลำดับตอนที่ #10 : 9 ความรักมักทำให้สับสน

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 817
      32
      10 เม.ย. 58

    9

    ความรักมักทำให้สับสน

           เฮ้! โซโกะคุ้งงงงง!! คางุระมันไม่มีชุดเปลี่ยนนน อย่าเล่นอย่างงั้นนน!!!คุณกินตะโกนลั่น ก่อนจะชะงักในการกระทำต่อมา..

    อ๋อ หรอครับลูกพี่ โอคิตะมองคุณกินด้วยท่าทางยิ้มสนุกสนาน..

    โอคิตะที่ยิ้มสนุกสนานปล่อยสาวน้อยในมือ ให้เธอตกใจเล่น เกิดเสียงตูมดังสนั่น มือกว้างลดระดับไปตบหัวสาวน้อยที่นิ่งอึ้ง จนเธอสำลักน้ำแบบไม่ได้ตั้งตัว ทุกคนอึ้งพอๆกับคางุระ โอคิตะที่ยืนแสยะยิ้มอยู่เหนือหัว ยืนกอดอกด้วยท่าทางภูมิใจในผลงาน และรอการตอบรับจากสาวน้อยยาโตะผู้ถูกกระทำ

    คางุระที่นั่งชันเข่าแช่น้ำเค็มระดับไหล่นิ่งเงียบ จนทุกคนสงสัย ภายในของสาวน้อยนั้นกำลังสับสน ถ้าเป็นปกตินั้นเธอจะตอบโต้ทันที แต่ครั้งนี้เธอกลับอยากให้น้ำตามากมายเออล้นออกมาเฉยๆให้เวลาผ่านไป

    แปลกแท้ๆทั้งๆที่เกลียดกันขนาดนี้ ทำไมเธอถึงคิดว่าอาตี๋นั่นไม่ปล่อยอั้วลงน้ำหรอกน่อ ทำไมเธอถึงจะร้องให้กับความโง่เง่าของตัวเองกัน? และเหตุนี้เธอจึงอาศัยช่วงที่ทุกคนนิ่งอึ้ง กระโจนออกจากน้ำก้มหน้าก้มตาวิ่ง วิ่งเข้าเขตป่าเขาและลัดเลาะไปให้มันช่วยบรรเทาความเจ็บปวดกับการถูกกลั่นแกล้ง วิ่งไปเรื่อยๆจนขามันอ่อนล้าแทนใจ..

    โอคิตะยืนมองตามทางที่คางุระวิ่งไป และมีฮิจิคาตะที่สติดีกว่าใครๆวิ่งตามไปในเขตป่า และมีเสียงเรียกชื่อคางุระๆสะท้อนเป็นครั้งๆ

    ชายหนุ่มที่ยืนแสยะยิ้มตะกี้กลับหุบยิ้ม เดินขึ้นจากน้ำเค็มมานั่งใต้ร่มเงาต้นไม้ โดยมีคุณกินเดินเรียกชื่อเขาอยู่

    ชายหนุ่มก็กำลังสับสน เขาน่าจะยิ้มกับท่าทางของสาวน้อยที่ตกใจหรืออะไรซักอย่างจนวิ่งเข้าป่าไป น่าจะยิ้มกับการที่เจ้าฮิจิคาตะศัตรูเบอร์หนึ่ง วิ่งขึ้นเขาไปให้หมีฆ่า แต่เขากลับรู้สึกโมโหน้อยๆที่เป็นฮิจิคาตะที่วิ่งตามคางุระวิ่งเข้าป่า ไม่ใช่คุณพ่อหัวเงินที่วิ่งตามไป

    “เฮ้ โซโกะคุง ทำไมนายทำแบบนี้ล่ะ? เข้าใจหรอกว่าเล่นกันแต่ไม่แรงไปหน่อยเรอะ?” คุณกินที่เดินตามมานั่งข้างๆแล้วถามด้วยอารมณ์โมโหหน่อยๆ

    “...” คู่สนทนายังเงียบ

    “รู้มั้ยถ้าคุณพ่อหัวเหม่งของคางุระรู้เรื่องนี้เข้านายจะตายได้เลยนาเหวย” คุณกินบ่นเบาๆ

    “คุณพ่อหัวเหม่ง?”โอคิตะทวนคำ

    “อ่าคุณพ่อตัวจริงของคางุระน่ะ เป็นพ่อประสาไหนไม่รู้ ทิ้งลูกตัวเองให้มาอยู่กับคุณพ่อสองคนบนโลกมนุษย์ ลูกตัวเองไม่ค่อยจะดูแล อยู่ๆก็มาพูดว่าฝากลูกสาวด้วยนะแล้วก็จากไป ฟังดูแย่จริงๆเลย คุณพ่อประสายาโตะ ผมไม่เหลือก็เอาลูกมาฝากไว้เฉยๆ..” คุณกินบ่นกระปอดกระแปด แล้ววาดบางอย่างลงบนพื้นทรายขาวสะอาดเหมือนสีผิวของสาวน้อยยาโตะผู้ร่าเริง

    “เขาคือใครหรอครับ? พ่อแย่ๆแบบนั้น..” โอคิตะหันมาถาม

    “อุมิโบสึ นักล่าเอเลี่ยนที่หนึ่งในจักวาล” คุณกินพูดเรียบๆ มือก็ยังคงขีดบางอย่างบนพื้นทราย

    “พ่อที่สุดยอดขนาดนั้น..” โอคิตะตาเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ

    “ใช้มั้ยล่ะ.. ทั้งๆที่พ่อน่ะสุดยอดขนาดนั้นแท้ๆ..” คุณกินเช็ดมือที่เปื้อนทรายออกแล้วพูดต่อ “แต่ลูกน่ะอ่อนแอสุดๆเลยน้า..”

    “ยังไงกันครับ เห็นว่าออกจะเก่งกาจไม่ใช่หรอครับ?” โอคิตะมองหน้าคุณกิน

    “ก็ลูกน่ะ แค่ถูกเพื่อนพ้องที่เชื่อใจมากๆอย่างนายแกล้งนิดหน่อย ก็ร้องไห้เสียใจจะเป็นจะตายแล้วน่ะสิ..” คุณกินแกล้งพูดแบบเติมความ

    แต่คำพูดนั่นกลับทำชายหนุ่มหยุดเอาไปคิดเงียบๆคนเดียวได้

    “เข้าใจใช่มั้ยล่ะ ถึงจะทะเลาะกันแต่ก็เข้ากันได้ใช่มั้ยล่ะ เพราะฉะนั้นก็ไปคืนดีกันซะล่ะ เอาร่มยัยคางุระไปด้วยนาเหวย มันแพ้แสงแดด” คุณกินชี้ไปที่ร่มที่ถูกวางตากแดดอยู่ นั่นทำให้โอคิตะเริ่มกังวล..

    “ลูกพี่ครับ.. ทั้งๆที่ผมเกลียดยัยหมวยแท้ๆ..แต่ทำไมผมถึงรู้สึกโทษตัวเอง..เวลาเธอร้องไห้กันล่ะครับ?” โอคิตะถามลอยๆ โดยไม่ต้องการคำตอบ ดวงตาของเขาทอดมองไปยังน้ำทะเลใสสะอาด ที่ระยิบระยับเป็นสีฟ้าอ่อนอมเขียว หาดทรายสีขาวกว้างใหญ่กับท้องฟ้าที่เริ่มจะออกสีส้มๆของดวงอาทิตย์ที่เริ่มลอยตัวต่ำ และคำบางคำของคุณกินที่ทำให้เขาตกใจ

    “ความรัก..” โอคิตะที่ได้ยินดังนั้นก็หันมาจ้องหน้าคุณกินที่มองวิวแสนสวยเหมือนเขา “ถ้านายรู้สึกว่านายเสียใจที่เห็นน้ำตาของคางุระ ถ้านายรู้สึกไม่พอใจที่มีผู้ชายใกล้ชิดกับเธอ ถ้านายอยากรู้เรื่องของเธอมากขึ้น นั่นแปลว่านายคือผู้ใหญ่แล้วนาเหวย โซอิจิโร่คุง มีอะไรก็ปรึกษาฉันล่ะ” คุณกินหันมายิ้มแล้วตบหลังให้ชายที่เริ่มโตเป็นผู้ใหญ่

    โอคิตะที่นิ่งอึ้งก็ลุกยืนหยิบร่มแล้ววิ่งเข้าป่าไป ทางคุณกินที่เสร็จธุระความรักของหนุ่มสาว ก็ลุกยืนบิดขี้เกียจ พร้อมกับบ่นบางคำ

    “แล้วเมื่อไหร่ฉันจะโตบ้างนะ..”

    บนพื้นทรายละเอียดสีขาวสะอาดปรากฏภาพวาดผู้หญิงที่มีดังโงะแปะหัวยืนจับมือกับผู้ชายที่มีผ้าปิดตาพาดบนหัวแบบลวกๆอยู่...

     

    เวลาเดียวกันทางคางุระ

    คางุระที่วิ่งจนอ่อนล้าบวกกับแสงอาทิตย์สดใสที่ทำอันตรายเธอได้รุนแรงทำให้ตอนนี้เธอหอบจนตัวโยน สาวน้อยยืนประจันหน้ากับพระอาทิตย์และทะเลกว้างบนหาดทรายสีเนื้อเพราะความมืดกำลังกลืนกิน ใบหน้าขึ้นสีแดงระเรื่อเพราะการสูบฉีดเลือดเร็วขึ้นมีคราบน้ำตาที่แห้งแล้วติดที่ข้างแก้ม เธอตะโกนใส่พระอาทิตย์สีส้มพร้อมกับน้ำตาที่เอ่อขึ้นมาอีกครั้ง..

    “บ้าบอที่สุกเลยน่อ! อั้วจะไปแคร์ความรู้สึกของอาตี๋งี่เง่าทำไมน่อ!!” คางุระหยุดมาปาดน้ำตา “ขอใครซักคนมาฟังอั้วที.. ให้อั้วได้ระบายมันออกมาบ้างสิน่อ..”

    “ว่ามาสิ.. ฉันรอเธอพูดอยู่นะ..” เสียงใครบางคนมาจากทางด้านหลังของสาวน้อย เธอกำลังต้องการเห็นหน้าใครกัน?

    “อามายองเลอร์..” คางุระหันมามองหน้าคนที่อยู่ด้วย

    “อยากให้มีคนฟังไม่ใช่หรอ” ฮิจิคาตะเดินมานั่งบนหินก้อนหนึ่งแล้วจุดบุหรี่มองทะเล

    “อั้ว.. อั้วเป็นอะไรไม่รู้น่อ อั้วชอบใจเต้นเวลาอีทำดีด้วย ทั้งๆที่อั้วรู้น่อ.. รู้ว่าอีแกล้งอั้วอยู่ อั้วชอบรอยยิ้มของอีมากๆเลยน่อ หลายครั้งอั้วพยายามจะปิก.. ปิกอะไรหลายอย่างกับอีน่อ แต่อั้วก็ชอบปิกไม่มิกน่อ บางครั้งอั้วก็ดีจัยน่อ..ที่อั้วได้ทำในสิ่งที่อั้วอยากทำ.. แต่อีก็คิกว่าอั้วล้ออีเล่งอยู่น่อ อั้วไม่พอใจที่อั้วพูดตงกะที่อั้วอยากพูกไม่ล่ายน่อ..” คางุระพร่ำคำพูดออกมาไม่หยุดพอๆกับเสียงสะอื้น เธอพยายามพูดในสิ่งที่เธออยากพูดทั้งหมด

    “อั้วเป็งอารายน่อ! อั้วต้องบ้าเลี้ยวแน่น่อ!!” คางุระตะโกนใส่พระอาทิตย์ด้วยเสียงของเธอ และเธอก็ได้รับคำตอบเป็นเสียงตะโกนของคนที่ฟังเธออยู่

    “เธอไม่บ้า!” เสียงของฮิจิคาตะที่ตะโกนปลอบใจสาวน้อย แล้วยิ้มให้ “มันคือความรักต่างหากเล่า คางุระ”

    “บ้าหรอน่อ?!” คางุระตวาด “อั้วไม่ชอบอาตี๋นี่ซักนิกน่อ”

    “อย่าหลอกตัวเองสิฟร่ะ ทำแบบนี้แล้วจะรู้ได้ไงว่าสิ่งที่เธอเป็นมันคืออะไร?!” ฮิจิคาตะพูดกรอกหูคางุระที่ยังหันหลังให้ตน และเขาก็พบบางคนพอดี

    “ลื้อรู้หรอน่อ อามายองเลอร์ ลื้อรู้หรอว่าอีคนนั้นคือ..” คางุระที่ตวาดลั่นหันมาพบกับบางคนจนเธอต้องหยุดไป

    “ฝากสาวน้อยตรงนั้นด้วยล่ะ เจ้าชายดาวซาดิสติก” ฮิจิคาตะเดินกลับเข้าป่าไป

    “ขอบคุณมากครับ เจ้าชายมายองเลอร์ที่สาม... มาโย..” ชายหนุ่มผมคาราเมล กับดวงตาสีน้ำตาลเข้ม ในเสื้อนอกลายดอกและกางเกงสามสวนสีเนื้อเดินออกมาจากหลังต้นไม้

    “อาตี๋..” คางุระพูดลอยๆ

              “อะไรล่ะยัยหมวย?.. ทำตัวไม่ดีเลยนะ อยู่ๆก็หนีออกมา ร่มก็ไม่พกมา โดนแดดเดี๋ยวก็เป็นลมอีก ลำบากฉันเอา” โอคิตะยื่นร่มให้สาวน้อยที่เสื้อผ้ายังชื้นๆอยู่ “ดูสิตัวเปียกขนาดนี้ยังจะมาวิ่งตาก ลมอีก”

              “เพราะใครกันล่ะน่อ ทำอั้วเปียกหมกเลย” คางุระรับร่มไว้แล้วเชิดหน้าใส่

            “เธอไม่ได้โกรธฉันจนวิ่งหนีมานี่นา จะฟอร์มจัดเพื่อ?” โอคิตะอมยิ้ม

              “เชอะ! ลื้อมาอารมณ์ไหนน่อ? มาง้ออั้ว?” คางุระยื่นหน้าไปใกล้แบบจับผิด

              “เปล่านี่.. แค่กะว่าต่อไปจะทำสิ่งที่อยากทำแบบที่ลูกพี่บอกน่ะ แต่เธอจะรู้ไปทำไมล่ะ?” โอคิตะเปลี่ยนเรื่อง “ไป.. กลับๆ อาบน้ำแล้วเปลี่ยนชุดซะ เดี๋ยวเป็นหวัดเอา..”

              “อาตี๋! อั้วม่ายมีชุกน่อ ลืมไว้บนเรือ” คางุระบ่นพลางดึงชายเสื้อโอคิตะ

              “นี่เธอลืมจริงหรอเนี่ย..? นึกว่าลูกพี่ล้อเล่นซะอีก” โอคิตะตบหน้าผากตัวเอง ก่อนจะหันมาเจอตาระยิบระยับของคางุระ “เป็นบ้าอะไรฟร่ะ?”

              “ลื้อต้องซื้อชุดใหม่ให้อั้วล่วยน่อ..” คางุระกอดอกชี้หน้า

              “ทำไมฉันตะ..” โอคิตะกอดอก

              “เพื่อเป็งกางขอโทกอั้วล่วยน่อ” คางุระพยักหน้า

              “ชิ! ไม่ใช่วันนี้นะ..” โอคิตะบ่น แต่คางุระดันได้ยิน

              “ไม่ใช่วันนี้ได้งายน่อ อั้วต้องกับวังนี้..” คางุระกระโดดเตะ แต่โอคิตะหลบแล้วดึงมือสาวน้อยไปถือไว้ข้างตัว

              “บ้ารึเปล่า? อุตุนิยมวิทยาบอกว่าคืนนี้จะมีพายุกลางทะเล ออกเรือไม่ได้นะ” โอคิตะลากคางุระให้เดินกลับ

              “ห้ะ? ไม่น่อๆอั้วได้ตั๋วฟรีไป-กลับภายในวันนี้นี่น่อ? ตังค์ยังไม่มีเลยน่อ แล้วอั้วจะนอนไหนกัน?” คางุระบ่น

              “ว่าแล้วเชียว.. ยัยหมวยสาหร่ายดองเอ้ย..”

              “สาหร่ายดองเกี่ยวอารายน่อ?”

              “กินมากจนมันไปคั่งในสมองน่ะสิ..”

              “อั้วไม่ได้เสพติกการแกล้งเพื่อนร่วมโลกเหมือนลื้อซะหน่อยน่อ อาตี๋หัวเป็ดดดด!

              “ไอ่การที่เธอกินสาหร่ายดองเกือบสิบซองต่อวันนั้นมันก็เสพติดป่าวว่ะ?”

              “หุบปากซะน่อ!!!

              ถึงจะคืนดีกันแล้วแต่ก็กัดกันเหมือนเดิม... สาธุ..

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×