คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : Part 4
Part 4
4 day later….
@คอนโดซี
5.30 น.
“อื้อ ~ > <”
ผมครางเบาๆอย่างเหนื่อยล้า ก่อนจะพยายามดันตัวเองให้ลุกขึ้นจากเตียงนอนคิงไซต์สีขาวที่แสนนุ่มสบายของตัวเอง และเดินออกมจากห้องนอน อา....ให้ตายสิ เมื่อวานนี้ผมทำงานหนักจริงๆนะเดินทางกลับต่างจังหวัดแบบนี้ แถมยังต้องนั่งรถหลายๆชั่วโมงมันทำให้ผมเหนื่อยมากจริงๆ ถึงแม้ว่าภาพที่ผมถ่ายมันจะออกมาดีสุดๆ เพราะได้วิวสวยๆจากท้องทะเลและหาดทรายก็เถอะ แต่ให้ทำงานหลายๆชั่วโมงติดๆแบบนี้ผมก็ไม่ไหวเหมือนกันนะ = =
ฟุบ !
ผมทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ตัวเล็กสีขาวให้ห้องครัว ก่อนจะปิดเปลือกตาลงอีกครั้งเพราะความง่วง เพราะยังตื่นไม่เต็มตา ก่อนที่จะลุกขึ้นอีกครั้งและเดินไปหยิบนมและขนมปังออกมาจากตู้เย็นก่อนจะเดินกลับมานั่งที่ห้องนั่งเล่นแทนความจริงแล้ววันหยุดแบบนี้ผมไม่จำเป็นที่จะต้องตื่นเช้าขนาดนี้เลยด้วยซ้ำ แต่ที่เพราะว่าวันนี้มันมีการ์ตูนเรื่องโปรดของผมที่จะฉายตอนเช้ายังไงละ = =
ปิ๊ง ป่อง !
ผมนั่งดูการ์ตูนเรื่องโปรดของตัวเองได้ซัหพักเสียงออดที่หน้าประตูก่อนดังขึ้น ทำให้ผมต้องละสายตาหันไปมองด้วยความสงสัย เช้าขนาดนี้มันจะมีคนมาหาผมอยู่อีกเหรอ ?
Junhyung Part
จุนฮยองยืนอยู่ที่ประตูบานใหญ่สีขาวไม่นานเท่าไหร่นักร่างบางที่เป็นเจ้าของห้องก็เดินออกมาเปิดประตูด้วยท่าทางงัวเงียแบบสุดๆ แถมยังแต่ตัวไม่เรียบร้อยอีกต่างหาก เสื้อยืดสีขาวตัวใหญ่ที่คอกว้างซะจนมันตกลงมาและเผยให้เห็นหัวไหล่ขาวเนียน กับกาเกงบ็อกเซอร์ลายการ์ตูนตัวโปรดของเจ้าตัว
จุนฮยองละเซ็งกับคนตัวเล็กนี่จริงๆ จะทำอะไรไม่เคยระวังตัวเลยนี่ถ้าคนที่ยืนอยู่ตรงนี้ไม่ใช่เขาฮยอนซึงคงจะเสร็จมันไปแล้ว แต่ก็นะ....เขาชินแล้วละ = =
“นี่นาย” ร่างบางเปล่งเสียงออกมาเบาๆ พร้อมกับมองหน้าเขาตัวแววตาหงุดหงิดนิดหน่อยที่มีคนมารบกวนแต่เช้าแบบนี้
“มาทำไมแต่เช้า = =”
“แล้วมาไม่ได้หรือไง ยังไม่ชินอีกเหรอ” จุนฮยองถามเสียงเรียบในแบบของเขา ก็จะจ้องร่างบางที่ตอนนี้เหมือนกับว่าจะหลับแหล่ไม่หลับแหล่ ก่อนจะดันตัวฮยอนซึงให้เขาไปในห้องได้แล้ว เขาไม่อยากยืนนานๆหรอกนะง่วงจะตายอยู่แล้ว
ฟุบ !
จุนฮยองเดินเขามาในห้องพร้อมกับทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาสีตัวยาวที่เคยนั่งมันอยู่บ่อยๆ ก่อนจะหลับตาลงอย่างเหนื่อยๆ ถ้าถามว่าทำไมเขาถึงไม่ขับรถกลับคอนโดตัวเองแล้วไปหลับไปนอนซะ เหตุผลก็เพราะว่าเขาขี้เกลียดขับรถยังไงละ อีกอย่างคอนโดของฮยอนซึงก็อยู่ใกล้กว่าที่นั่นตั้งเยอะ ถ้าให้ขับรถกลับคอนโดตัวเองคงได้หลับในตายก่อนพอดี - -
เขาไม่ชอบเลยการเดินทางไปต่างประเทศเลยให้ตายสิ เขาเมื่อยที่ต้องนั่งเครื่องนานๆ แถมยังต้องขับรถกลับมาคอนโดตัวเองอีก แล้วอีกอย่างคอนโดของเขามันก็อยู่ไกลซะด้วย
“นายมาทำอะไรแต่งเช้า”
“ฉันง่วง”
“ง่วงก็กลับห้องไปนอนซะสินายจะมาที่นี่ทำไม”
“ฉันมาออกบ่อยนายยังไม่ชินอีกเหรอ” คำพูดของจุนฮยองทำให้ฮยอนซึงถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยๆ ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องนอนเพื่อหยิบหมอนกับผ้าห่มที่จุนฮยองเคยใช้ประจำออกมาจากตู้
ความจริงแล้ว...จุนฮยองมักโผล่มาแบบที่เขาไม่ทันตั้งตัวบ่อยๆ เพราะงั้นฮยอนซึงเลยหาซื้อผ้าห่มมาเผื่อเอาไว้
“เอาไปสิ” ฮยอนซึงบอกพร้อมกับยื่นผ้าห่มกับหมอนใบใหญ่ให้จุนฮยองที่นั่งดูการ์ตูนที่เขาเปิดทิ้งไว้อยู่บนโซฟา
“โตขนาดนี้แล้วยังดูการ์ตูนอีกเหรอ”
“ยุ่งน่า”
“นายเป็นเด็กหรือไง”
“ช่างฉันเถอะน่า พูดมากก็กลับห้องตัวเองไปเลยไป - -*” ฮยอนซึงบอกอย่างหงุดหงิดนิดหน่อย ทั้งๆที่ความจริงแล้วเขาไม่ได้คิดอะไรเลยด้วยซ้ำ
“หึ !” จุนฮยองหัวเราะในลำคอเบาๆ ให้กับท่าทางของอีกครั้งก่อนจะทิ้งตัวนอนลงบนโซฟา และแอบลอบยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว
เขาน่ะชอบแกล้งให้อีกคนหัวเสียเสมอๆ ท่าทางของฮยอนซึงเวลาโกธรมันทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองอารมณ์ดีขึ้นอย่างห้ามไม่ได้ (โรคจิต)
ฮยอนซึงมองค้อนคนที่นอนหลับตาอยู่ก่อนจะเดินหายเข้าไปในห้องครัว เขาไม่ได้หิวหรืออะไรหรอก แต่อีกคนนึงน่ะสิมาสภาพแบบนั้นแสดงว่าเพิ่งกลับมาจากต่างประเทศแน่ๆ เพราะจุนฮยองมักจะแวะมานอนที่นี่บ่อยๆ ซึ่งฮยอนซึงก็ไม่รู้ว่าทำไมจุนฮยองจะต้องมาที่นี่ด้วยทั้งๆที่คอนโดของตัวเองก็มี = =
แต่ถึงฮยอนซึงจะบ่นบ่อยๆ แต่เขาก็ไม่เคยว่าจุนฮยองอย่างเป็นจริงเป็นจังซักที คิดแล้วฮยอนซึงก็ได้แต่ถอนหายใจกับตัวเองเบาๆ ก่อนจะลงมือทำอาหารง่ายๆ อย่างขนมปังกับกาแฟ และวางทิ้งไว้ก่อนที่ตัวเองจะเดินกลับเข้าไปนอนในห้อง เพราะอีกไม่นานเดี๋ยวจุนฮยองก็ตื่นแล้วก็ออกไปแล้วละ
30 นาทีต่อมา.....
จุนฮยองดันตัวเองให้ลุกขึ้นจากโซฟาตัวยาว ก่อนจะบิดขี้เกลียดนิดหน่อย พร้อมกับยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูวันนี้เขามีงานตอนแปดโมง มันทำให้เขาหัวเสียอยู่ไม่น้อยที่ต้องไปทำงานแทนที่ตัวเขาจะได้พังอย่างสบายๆอยู่บ้าน
จุนฮยองถอนหายใจเบาๆก่อนจะเดินเขาไปในห้องครัวเพื่อหาน้ำดื่ม แต่มีสิ่งหนึ่งที่ทำให้เขาชะงักและคลี่ยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว แก้วกาแฟที่ตอนนี้แทบจะหายร้อนแล้วแต่มันก็ยังคงอุ่นๆอยู่ พร้อมกับขนมปังทาแยมอีกสองแผ่นว่างอยู่บนโต๊ะทานข้าวในห้องครัว พร้อมกับกระโน้ตใบเล็กๆที่ถูกแปะเอาไว้
ก่อนออกไปก็ทานให้หมดซะละ
ข้อความที่ถูกเขียนเอาไว้ด้วยลายมือตัวเล็กๆน่ารักๆ ทำให้จุนฮยองคลี่ยิ้มอีกครั้ง ฮยอนซึงมักจะทำให้เขาแปลกใจเสมอๆ ทั้งๆที่เขาเป็นเสือยิ้มยาก แต่ก็ต้องหลุดยิ้มทุกครั้งเวลาที่อยู่กับฮยอนซึง
ทั้งๆที่เขาไม่เคยยิ้มให้ใครเลยนอกจากผู้หญิงที่ชื่อ ชเว จีน่า แท้ๆ
ติ๊ด ติ๊ด
เสียงโทรศัพท์ส่งเสียงร้องขึ้น จุนฮยองละสายตากาแฟและขนมปังก่อนจะหยิบมันขึ้นมา หัวใจของเขาเต้นแรงขึ้นทันทีที่ได้เห็นเบอร์ที่โชว์อยู่บนหน้าจอ
จีน่า
หลายวันมานี่เขาแทบไม่ได้คุยกับเธอเลยตั้งแต่วันนั้น เพราะต่างฝ่ายต่างมีงานยุ่งด้วยกันทั้งคู่ จุนฮยองรีบกดรับสายอย่างรีบร้อนเพราะกลัวอีกฝ่ายจะวางไปเสียก่อน
“ไง ฉันคิดถึงเธอ” นั่นเป็นคำแรกที่เขาเอ่ยขึ้นทักเธอ เพราะว่าเขารู้สึกแบบนั้นจริงๆ
[ฮ่าๆ ส่งสัยนายจะคิดถึงฉันมากจริงๆนะเนี้ย]
“แน่นอนอยู่แล้ว”
[ตอนนี้นายอยู่ไหนเนี้ยกลับมาจากญี่ปุ่นแล้วใช่มั้ย]
“อืมกลับมาแล้วตอนนี้อยู่คอนโด” เขาโกหกออกไป เพื่อให้ผู้เป็นแฟนสบายใจเขาไม่อยากให้ผู้หญิงคนนี้เสียใจไม่ว่าด้วยเรื่องอะไรก็ถาม ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆที่อีกฝ่ายอาจจะไม่คิดอะไรเลยก็ได้
[อืม ดีแล้วละฉันเป็นห่วงน่ะ ^^] เธอบอกด้วยน้ำเสียงสดใสที่จุนฮยองชอบเอามากๆ มันทำให้เขายิ้มออกมาอีกครั้ง [วันนี้นายว่างหรือเปล่า]
“ไม่รู้สิ ทำไมเหรอ”
[อา.. แย่จังฉันว่าจะชวนนายออกไปข้างนอกน่ะ] จุนฮยองขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจนิดหน่อย เพราะปกติเธอไม่เคยแม้แต่จะชวนเขาออกไปไหนเลยด้วยซ้ำ...ถึงแม้ว่าจะคบกันแต่เธอกับเขาเจอกันนับครั้งได้เลยละ เวลาที่จะอยู่ด้วยกันมันมีน้อยเต็มที
“กี่โมงละ ฉันไปกับเธอได้อยู่แล้ว”
[ฉันว่างประมาณหนึ่งชั่วโมงก่อนจะสามทุ่มน่ะ จากนั้นก็ทำงานต่อยาวเลย > <] เธอบอกด้วยน้ำเสียงร่าเริงอีกครั้ง แต่จริงๆแล้วจุนฮยองรู้ว่าเธอเหนื่อยมากแค่ไหน แต่เขาก็ไม่คิดจะห้ามเธอหรอกเขารู้ดีว่าเธอมีความสุขแค่ไหนทีได้ทำงานที่เธอรัก
“ทำงานอีกแล้ว พักหน่อยเถอะน่า”
[จ้า ฉันไม่ฝืนตัวเองหรอกนะ ตกลงนายจะไปมั้ย]
“ไปสิ”
[โอเค เจอกันสามทุ่มนะ นะต้องไปทำงานแล้ว]
“อือ เเล้วเจอกัน”
จุนฮยองกดวางสายก่อนจะเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋า รอยยิ้มยังคงถูกแต้มแต้มอยู่ที่ใบหน้า.....วันนี้เขาจะได้เจอเธอแล้วสินะ
ถึงแม้ว่าจุนฮยองจะรู้สึกว่าวันที่เธอผิดปกติจากเดิม แถมท่าทีร่างเริงนั้นมันก็ดูเสแสร้งแปลกๆ แถมวันนี้เธอยังชวนเขาออกไปทานข้าวด้วยกันทั้งๆที่ปกติมีแต่เขาเท่านั้นที่เป็นฝ่ายชวน วันนี้เธอดูแปลกไป เหมือนกับว่ากำลังมีอะไรปิดปังเขาอยู่
แต่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก เขารอเวลาที่จะได้พบเธอต่างหาก.....ผู้หญิงที่เขารักมากที่
สุด...
จุนฮยองเดินออกจากห้องครัว ก่อนที่จะเดินเข้าไปยังห้องนอนยังเจ้าของห้องอย่างถือวิสาสะ แต่ช่างเถอะเขามันเป็นคนไม่แคร์อะไรอยู่แล้ว แถมเขาก็มาที่นี่บ่อยจะตายไป
จุนฮยองจ้องมองร่างบางที่นอนหลับอยู่บนเตียงสีขาวใบหน้าตอนหลับของฮยอนซึงดูดีมากจริงๆ แถมยังดูไร้เดียงสาแบบสุดๆ เขานั่งลงข้างๆเตียงพร้อมกับจ้องใบหน้าเนียนอีกครั้ง จุนฮยองเหมือนกับกำลังตกอยู่ในภวังค์เขาเอื้อมมือไปแตะที่ใบหน้าเนียนของฮยอนซึงเบาๆ
ก่อนจะปัดผมที่ตกลงมาปกหน้าฮยอนซึงออก จุนฮยองยิ้มบางๆ กับท่าทางน่ารักของอีกคน จาง ฮยอนซึง คนนี่มองแบบนี้ก็ดูน่ารักดีเหมือนกันนะ เมื่อก่อนเขามองข้ามความน่ารักแบบนี้ไปได้ยังไงกันนะ..... ฮยอนซึงมักจะช่วยเขาอยู่เสมอเลย เวลาที่เขาไม่สบายใจเขามักจะมาหมกตัวอยู่กับฮยอนซึง เพราะเวลาอยู่กับฮยอนซึงแล้วมันทำให้เขายิ้มได้ แม้ว่าหัวใจจะรู้สึกเศร้าก็ตาม.....
จุนฮยองยกนาฬิกาขึ้นมองอีกครั้ง นี่มันก็ใกล้ถึงเวลาที่เขาจะต้องไปทำงานแล้ว จุนฮยองผละออกจากฮยอนซึงก่อนที่จะตรงไปที่ประตูพร้อมกับเปิดมันออกและเดินจากไป ตอนนี้เขานับถอยหลังที่จะได้เจอกับจีน่าแล้ว เขารู้สึกตื่นเต้นจนหัวใจแทบจะระเบิดออกมา....
ถึงเขาจะชอบอยู่กับฮยอนซึงมาแค่ไหน แต่ความรู้สึกมันก็อาจจะเทียบไม่ได้กับการอยู่กับอีกคนเลย....
ปัง !
เสียงปิดประตูดังขึ้นเบาๆ พร้อมกับความเงียบที่เริ่มครอบงำห้องนี้ มีเพียงเสียเครื่องปรับอากาศที่ดังอยู่เท่านั้น ทุกๆอย่างถูกทิ้งเอาไว้ที่หลังประตู..... แก้วกาแฟสีขาวที่กาแฟในแก้วยังคงเต็มแก้วอยู่เหมือนเดิม ขนมปังสองชิ้นที่ไม่ได้รับการแตะต้องแต่อย่างใด... กระดาษโน้ตที่ถูกหยิบขึ้นมาอ่านและถูกแปะทิ้งไว้ที่โต๊ะ
เจ้าของห้องที่กำลังนอนหลับใหลอยู่โดยที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยด้วยซ้ำ...... ทุกอย่างเหมือนกับของที่เจ้าของไม่เคยเห็นค่ามัน เพียงแค่พักพิงแล้วก็จากไปเท่านั้น........
จุนฮยองไม่เคย....มองมาที่ จาง ฮยอนซึงเลยซักนิดเดียว....
แสงแดดที่ลอดเข้ามาทางหน้าต่างทำให้ผมรู้สึกตัวขึ้นอีกครั้ง ผมบิดขี้เกลียดนิดหน่อยก่อนจะลุกขึ้นจากเตียงพร้อมกับมองนาฬิกาที่ตั้งอยู่บนหัวเตียง ซึ่งตอนนี้มันบอกเวลาเที่ยงแล้ว อ่า.....ให้ตายสิทำไมผมถึงได้นอนกินบ้านกินเมืองแบบนี้กันนะ = =
ผมลุกออกจากเตียงพร้อมกับเดินออกมาที่ห้องนั่งเล่น แต่พอมองไปที่โซฟาก็ไม่เจอจุนฮยองแล้วเขาคงจะกลับไปแล้วละมั้ง
ผมเลิกสนใจโซฟาที่วางเปล่าตัวนั้นก่อนจะเดินเข้าไปในห้องครัวเพื่อดื่มน้ำ ผมวางขวดน้ำลงที่เดิมพร้อมกับปิดประตูตู้เย็น สายตาเหลือบมองไปเห็นแก้วกาแฟกับขนมปังที่ผมเพิ่งลงมือทำเอาไว้เมื่อเช้า พวกมันไม่ได้มีร่องรอยถูกกินแต่อย่างใด แม้แต่โน้ตของผมที่เขียนทิ้งเอาไว้ ก็ถูกแปะเอาไว้บนโต๊ะเหมือนเดิม.....
น่าแปลกแฮะ ทั้งๆที่ปกติจุนฮยองจะทานมันจนหมดแท้ๆ เขาคงจะรีบออกไปละมั้ง......
เรื่องที่ทำให้จุนฮยองรีบร้อนน่ะมีไม่กี่อย่างหรอก... นอกจากเรื่องเธอคนนั้น
ทั้งๆที่ผมก็รู้ดีอยู่แล้วแต่ทำไมผมถึงยังได้รู้สึกแปลกๆอยู่นะ ทั้งที่ความจริงผมหน้าจะชินได้แล้วน่ะนะ
“ให้ตาย นายเป็นอะไรอีกแล้วเนี้ย จาง ฮยอนซึง” ผมบ่นกับตัวเองเบาๆ พักนี้ผมเริ่มรู้สึกว่าตัวเองใกล้บ้าไปแล้วทุกที - - ทำไมถึงได้คุยกับตัวเองบ่อยนักนะ ความจริงผมน่าจะไปหาหมอได้แล้ว = =
ติ๊ด ติ๊ด.....
เสียงโทรศัพท์มือถือที่ดังมาจากห้องนั่งเล่น ทำให้ผมตื่นจากความคิดที่แสนไร้สาระของตัวเองก่อนจะเดินไปหยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมา ก่อนจะกดรับโดยที่หารู้ไม่ว่ามันจะทำให้วันหยุดที่แสนมีค่าของผมพังทลายและย่อยยับหายไปในพริบตา
@สตูดิโอ
“- -”
ใช่แล้วครับความฝันของผมฟังทลายหายไปแล้ว TT^TT เมื่อบก. บอกให้ผมมาถ่ายซ่อมหน้าปกที่ผมเพิ่งจะถ่ายมันเสร็จไปเมื่อวันก่อน เพราะว่าเขาต้องการรูปเริดๆ(?) ขึ้นหน้าปกซึ่งรูปที่มีอยู่มันดันไม่ถูกใจเขามากเท่าที่ควร เพราะงั้นมันเลยทำให้ผมต้องมานั่งอยู่ตรงนี้ ให้ตายสิทั้งๆทั้งที่วันนี้มะนควรจะเป็นวันพักผ่อนของผมแท้ๆ แบบนี้ก็เท่ากับว่าผมไม่ได้ใช่เวลาในวันหยุดเลยน่ะสิ แงๆๆๆ T^T
“เหนื่อยหน่อยนะ” เสียงที่ผมคุ้นเคยดังขึ้น เธอเป็นสตาฟที่ทำงานอยู่ทีมเดียวกับผมมากค่อนข้างนานเพราะงั้นผมเลยค่อนข้างจะสนิทกับเธอ เธอตบบ่าผมเบาๆเป็นเชิงบอกให้ทำใจ ซึ่งเธอเองก็คงรสึกเซ็งเหมือนกันนั้นแหละ ใครจะอยากมาทำงานในวันหยุดแบบนี้กันเล่า แบบนี้มันไม่สนุกเลยนะ
“มันเป็นความผิดของผมเองแหละ ถ้าผมถ่ายรูปออกมาดีกว่านี้ทุกคนก็คงไม่ต้องมาถ่ายซ่อม” ผมบอกอย่างรู้สึกผิด ถ้าวันนั้นผมถ่ายรูปออกมาสวยกว่านี้ และมันออกมาถูกใจ บก. ผมก็คงไม่ต้องมานั่นถ่ายใหม่อีกรอบ เฮ้อ~ น่าเบื่อชะมัด
“ไม่ใช่หรอก เพราะตาแก่นั้นต่างหากที่เรื่องมาก นี่มันผ่านมาตั้งสี่วันแล้วแท้ยังจะให้มาถ่ายซ่อมอีก ทั้งๆที่รูปที่ถ่ายไปคราวก่อนมันก่อนมีรูปสวยๆเยอะแยะไป = =” เธอบ่นนิดหน่อย ก่อนจะเดินไปจัดการกับงานของตัวเองที่ทำค้างไว้ต่อ ซึ่งผมเองก็มีงานเหมือนกัน อีกซักพักจีน่านูนาก็คงจะแต่งตัวเสร็จแล้วละมั้ง ดาราดังแบบเธอคงรู้สึกหงุดหงิดอยู่ไม่น้อยเลยละ เพราะขนาดผมยังรู้สึกหงุดหงิดเลย แต่ทำยังไงได้ละ เพราะยังไงมันก็เป็นงาน แถมผมยังเป็นคนทำผิดพลาดอีกต่างหาก
ตึก ตึก
เสียงของรอเท้าส้นสูงที่กระทบกับพื้นดังขึ้นข้างหลัง เมื่อผมหันไปก็พบกับผู้หญิงที่มีใบหน้าสวยคมราวกับภาพวาด เธอยืนอยู่ข้างหลังผมพร้อมกับระบายรอยยิ้มหน้ามอง......แต่ที่แปลกคือ ผมไม่รู้ว่ารอยยิ้มแบบนั้นมันหมายความว่ายังไงกันแน่ เธอซ่อนความรู้ทุกอย่างเอาไว้ใต้ดวงตาที่
เรียบเฉยนั้น
“ไงเหนื่อยเลยนะที่ต้องออกมาทำงานในวันหยุดแบบนี้” เธอพูดพร้อมกับจิบกาแฟในมือไปด้วย ด้วยท่าทางสบายๆ แตกต่างจากผมที่รู้สึกเกร็งๆนิดหน่อย......เพราะเรื่องเมื่อไม่กี่วันก่อน ทำให้ผมมองเธอเปลี่ยนไปจริงๆ
“ไม่หรอกครับ นูนาต่างหากต้องมาถ่ายซ่อมแบบนี้ทำให้ไม่มีเวลาฟักผ่อนเลย” เธอหัวเราะนิดหน่อย ก่อนจะยักไหล่เบาเป็นเชิงบอกว่า ‘ก็มันช่วยไม่ได้นี่นา’
“ขอโทษนูนาด้วยนะครับที่ทำให้ต้องออกมาถ่ายซ่อมแบบนี้ วันนั้นผมน่าจะทำให้มันดีกว่านี้”
“ช่างเถอะ ฉันน่ะทำงานเยอะจนชินแล้วละ” จีน่าบอกด้วยท่าทางสบายๆ ก่อนที่เธอจะยกกาแฟขึ้นมาจิบอีกครั้ง ผู้หญิงคนนี้ไม่ว่าจะทำอะไรก็ดูดีไปหมดเลยแฮะ เธอดูสง่างามราวกับราชินีแต่ก็ดูสดใสราวกับนางฟ้า ไม่แปลกที่จุนฮยองจะหลงรักเธออย่างถอนตัวไม่ขึ้น
“นูนาน่าจะหาเวลาพักซักหน่อยนะครับ”
“อ่า นั่นสินะ”
ผมกับเธอเงียบไปนิดหน่อยเหมือนกับว่าหมดเรื่องจะคุย......บรรยากาศรอบตัวเริ่มมาคุขึ้นมานิด
หน่อยเพราะความเงียบที่เราปกคลุมเราสองคน มันทำให้ผมรู้สึกอึดอัด
“นาย...” จีน่าที่เงียบไปนานเอ่ยขึ้นมาเบาๆ ริมฝีปากสีสวยนั้นค่อยๆเปิดขึ้น “วันที่ฉันมาถ่ายแบบวันนั้น”
ผมคิดเอาไว้ไม่ผิดจริงๆว่าเธอจะพูดเรื่องอะไร.....เธอต้องพูดเรื่องในวันนั้นแน่อยู่แล้ว เธอคงจะรู้ว่าผมรู้จักกับจุนฮยองผู้ชายของเธอ ไม่งั้นเธอคงไม่มานั่งสนใจเรื่องไม่เป็นเรื่องแบบนี้หรอก ถ้าหากว่าผมไม่รู้จักกับจุนฮยองเธอก็อาจจะแค่เอาเงินมาปิดปากไม่ให้ผมปล่อยข่าวนี้ออกไป แต่ถึงผมจะทำจริงผมก็ไม่มีหลักฐาน.....แต่ถึงเธอไม่ทำแบบนั้นผมก็ไม่คิดที่จะพูดอยู่แล้วละ
“เรื่องอะไรเหรอครับ” ผมถามออกไปทั้งๆที่รู้อยู่เต็มว่าเรื่อง เรื่องนั้นน่ะมันเรื่องไหน
“นายเห็นหรือเปล่า”
“ใช่ ผมเห็น” ผมเห็นว่าดวงตาของเธอแสดงความกังวลออกมานิดหน่อย ก่อนที่เธอจะปกปิดมันเหมือนกับว่าไม่มีอะไร
“นายรู้จักกับยงจุนฮยองด้วยเหรอ” เธอถามออกมาเบาๆ ถ้าหากอยู่ต่อหน้าคนอื่นเธอไม่มีวันที่จะพูดชื่อยงจุนฮยองขึ้นมาเลยซักครั้งเดียว.......เพราะกลัวว่าคนอื่นจะสงสัยหนาแปลกนะที่เธอกล้าถามผมแบบนี้ ถึงแม้ว่าเธอจะถามด้วยใบหน้าเรียบเฉยและไม่มีพิรุธเลยซักนิดเดียวก็เถอะ........ที่เธอกล้าถามแบบนี้ เป็นเพราะเธอคงรู้แล้วว่า ผมรู้ว่าเธอเป็นอะไรกับจุนฮยอง
“ผมรู้จักกับเขา…” ผมบอกพร้อมกับเว้นช่วงเอาไว้นิดหน่อย “แต่ในฐานะเพื่อนคนหนึ่ง”
“นายรู้อะไรมั่ง”
“ผมไม่รู้อะไรหรอก แต่ถึงรู้ผมก็จะไม่พูดอะไร”
“นี่นาย....”
“วางใจเถอะ อย่างเครียดไปเลยนูนา”
“ขอตัวนะ” เธอพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ แต่มันกลับเจือไปด้วยความกังวลอย่างชัดเจนในน้ำเสียงที่ส่งออกมา......ดูเหมือนว่าเธอจะกังวล แต่ความจริงแล้วมันไม่มีอะไรน่ากังวลเลยซักนิดเดียว เพราะว่าผมไม่ได้คิดจะพูดอยู่แล้ว
ถ้าผมพูดมันออกไป.....จุนฮยองก็จะเจ็บปวด
ถ้าผมพูดมันออกไป.....จีน่านูนาก็คงจะต้องบอกเลิกจุนฮยองแน่ๆ และนั้นมันก็จะทำให้จุนฮยองเจ็บปวด
เพราะงั้นไม่มีทางที่ผมจะพูดมันออกไป.....ถึงแม้จะรู้ว่าเรื่องที่จีน่านูนาทำมันไม่ดีเลยซักนิดเดียว
ที่ผมพูดไม่ใช่เพราะว่าผมสงสารจีน่านูนาหรือใครหรอกนะ แต่ผมสงสารจุนฮยอง แค่ทุกวันนี้เขาก็ดูเหมือนกับคนอมทุกข์ตลอดเวลา แต่ถึงมันจะเป็นแบบนั้นจุนฮยองก็ยังยอมทน เพราะว่ารักผู้หญิงคนนั้นมากกว่าสิ่งใด ถึงจะเจ็บปวดมากแค่ไหนแต่จุนฮยองก็ยังคงมีรอยยิ้มทุกครั้งที่ได้รับสายโทรศัพท์จากอีกคน........
ผมน่ะชอบรอยยิ้มของจุนฮยองมากกว่าอะไรทั้งหมด คุณรู้ใช่มั้ยว่ามันไม่ง่ายเลยที่ผู้ชายเย็นชาแบบนั้นจะยิ้มออกมา แต่รอยยิ้มของจุนฮยองน่ะมันดูดีเอามากๆเลย
ผมชอบที่จะเห็นจุนฮยองยิ้มมากกว่า........ใบหน้าเย็นๆชาและไร้ความรู้สึกของเขา
ผมไม่ยากเห็นใบหน้าเศร้าๆของเขา ไม่อยากเห็นจุนฮยองเสียใจ.........
รอยยิ้มของ ยง จุนฮยอง เท่านั้นที่จาง ฮยอนซึง คนนี้อยากจะเห็น.......
To be continued..........
ความคิดเห็น