คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : "พยากรณ์" Edit V.3
"พยากรณ์"
ณ เวลา 16.00 น.
"นี่อะไรหน่ะ? แปลกดีแฮะ" ชายหนุ่มพูดกับตัวเองเบา ๆ พลางก้มลงไปเก็บ แหวนประหลาด ๆ วงหนึ่ง มันเป็นแหวนกลมเรียบ แต่กลับสะท้อนแสงสีทองเป็นลายอักขระ ประหลาด ๆ ออกมา เขาเพ่งดูครู่นึง พร้อมกับเก็บมันเข้ากระเป๋าเสื้อ และเดินมุ่งหน้าเดินตามทางเดินประจำ เพื่อกลับบ้าน
"กลับมาแล้วคร้าบ" ชายหนุ่มปิดประตูแล้วเอ่ย ตามปกติทุกครั้ง ยามเมื่อเค้ากลับมาบ้าน แม้นรู้อยู่แก่ใจว่าไม่มีใครอยู่ก็เถอะ เขาเดินเข้าไปในห้องครัว สังเกตุเห็นอาหารชุดหนึ่งครอบด้วยฝาครอบกันแมลง พร้อมกับมีโน้ต ติดบนฝาครอบ เขาไม่สนใจโน้ตนั้นสักเท่าไร เปิดฝาครอบอาหาร และจัดแจง ทานอาหารประทังความหิว พร้อมนึกตามไปว่า "ไอ้โน้ตบ้านั้นหน่ะ ข้อความมันก็เดิม ๆ นั้นและ"
เมื่อเขาจัดการอาหารเสร็จ เขาก็นำจานอาหารแช่ในอ่างล้างจาน และเดินออกจากห้องครัวไปยังห้องของเขา ก่อนออกจากครัวเขาชายตามอง แว่บนึง ไปยังโน้ตที่ติดฝาครอบนั้น พลางพึมพำในใจ "นี่ผมยังหวังอะไรกับสิ่งที่เป็นไปไม่ได้นะ..."
ข้อความในโน้ตแผ่นนั้น "เรฟ แม่ไปทำงานนะ ทานข้าวก่อนได้เลยนะลูก ด้วยรัก จาก แม่"
ห้องของเรฟ ชายหนุ่มผมดำ ตาสีฟ้า อายุ 19 ปี สูง 180 ซม. เขาเป็นนักเรียนเจ้าปัญหาของโรงเรียน ในแต่ละวันเขาจะก่อเรื่องทะเลาะเบาะแว้ง กับนักเลงโตของโรงเรียน จนแทบไม่มีใครกล้าคุยกับเขาสักเท่าไร ไม่ใช่เพราะกลัวนักเลงโตที่มีปัญหากับเรฟทำร้าย แต่เพราะ เรฟไม่ค่อยมีสัมพันธ์ที่ดีกับคนที่เข้ามาตีสนิทสักเท่าไร รายล่าสุด แค่เข้ามาแตะตัวเขาโดยไม่ตั้งใจ ถึงกับ นอนโรงพยาบาลไป 3 อาทิตย์ทีเดียว
เรฟ หยิบเแหวนขึ้นมาหมุนดูไปรอบ ๆ มันมีลักษณะแปลกมาก ยิ่งเขามองมันเท่าไร เขายิ่งรู้สึกประหลาด จนแทบไม่อยากถอนสายตาไปจากมัน เรฟลองสวมแหวนเข้าไปที่นิ้วกลางซ้ายของเขาทันที ขณะที่ใส่แหวนไปจนสุดโคนนิ้ว เขารู้สึกอ่อนเพลีย ทุกอย่างพลันมืดลงอย่างช้า ๆ
..............................
เรฟ ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นเพื่อปรับสภาพแสงที่สะท้อนเข้ามาในตาของเขา แต่ทันทีที่เขาลืมตา รอบข้างเขากลับไม่ใช่สิ่งที่ควรจะเป็น เขาจำได้ว่าบ้านเขามันสร้างด้วยปูน พื้นปูด้วยหินน้ำมัน ห้องเขาจะต้องมีเตียงสปริงที่เขานอนประจำและต้องบ่นตอนเช้าว่าปวดหลัง เพราะมันยุบ ทุกครั้งที่เขานอน โต๊ะเรียนหนังสือ ที่ต้องมี Notebook วางอยู่เครื่องหนึ่ง เก้าอี้พลาสติก ที่เขาบ่นนักบ่นหนาว่า อยากได้เป็นเก้าอี้หนังมีพนักพิง ชั้นวางหนังสือ อีกหนึ่งชั้น แต่แปลก ของพวกนั้นไม่มี กำแพงกลับเป็นไม้ มันสร้างด้วยไม้ พื้นก็เช่นกัน ที่เขานอนมันเป็นเตียงไม้ ทุกอย่างมันทำด้วยไม้
"เอ๊ะ...ท่านตื่นแล้วหรือ" เรฟหันไปมองต้นเสียงทันที เจ้าของเสียงหน้าตาสละสวย ผมสีดำ ตาสีดำ รูปร่างและหน้าตาที่สมส่วน ใส่ชุดพื้นบ้านแปลก ๆ แต่ดูดีไม่น้อย ถ้าไม่แปลกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น เขาคงหลงความงามเธออย่างแน่นอน
"เธอเป็นใคร ที่นี่ที่ไหน ผมมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง" เรฟยิงคำถามอย่างร้อนรนทันที
"ใจเย็น ๆ ค่ะ ท่านนี่สำนวนพูดแปลก ๆ นะราวกับไม่ใช่คนแถวนี้สักเท่าไรเลย" หญิงสาวตอบ ด้วยหน้าตาใสซื่อ
"เอ่อ..."
"เอาละข้าจะตอบท่านทีละคำถามแล้วกัน นะ ข้า ยูนะ ฟาเรียเซร่า เรียกสั้น ๆ ยูนะ ก็ได้"
"ที่นี่ ที่ไหนคับ"
"ที่นี่บ้านข้าหน่ะ กลางภูเขาลับแล"
"เอ่อ แล้วผมมาอยู่ที่นี่ได้ไงคับ"
"เจ้าถามว่ามาอยู่ที่นี่ได้ไง ข้าก็อยากรู้เหมือนกัน อย่างที่ข้าบอก ที่นี่ภูเขาลับแล ถ้าเจ้าไม่ใช่ผู้มี เวท แกร่งกล้า มิอาจย่างกราย เข้ามาที่นี่ได้หรอก แต่เท่าที่ดู ข้าไม่เห็นเจ้าจะมี ศาตรา หรือ ผลึกเวท เลยนี่นา"
"ศาตรา? ผลึกเวท? มันคืออะไรคับ ผมไม่เข้าใจ"
"เอ๋! เจ้าไม่รู้จักรึ? แปลกแฮะ ใครไม่รู้จัก ก็หลังเขาแล้วอะ เอ๊ะ ว่าไป ข้าอยู่หลังเขานี่นา ไม่ได้ ๆ เดี๋ยวกระทบ" ยูนะ พลางตีหน้ามุ่ย เรฟเห็นเช่นนั้น ยังอดอมยิ้มไม่ได้
"ท่านยังยิ้มได้ แสดงว่าไม่เป็นอะไรแล้วละ ว่าแต่ท่านชื่อ อะไรรึ?"
"ผมชื่อ เรฟ ..เรฟ อาฟเทอเรียร์ คับ"
ขณะที่เรฟกำลังแนะนำตัวกับยูนะ มีหญิงชราผมขาว ถือไม้คทา อีกคนเดินเข้ามา
"ตื่นแล้วรึท่านผู้พลัดหลง"
"เอ่อ...คับ"
"ท่านย่ามาพอดีเลย"
"ยูนะ เดี๋ยวเจ้าออกไปเตรียมสำรับนะ ขอข้าคุยกับ ชายผู้นี้สักหน่อย"
"ค่าาา"
ยูนะเดินออกจากห้องไป หญิงชราเดินมาหยุดที่ข้างเตียง พลางใช้ไม้เท่า แตะที่พื้นเบา ๆ พลันเกิน ไม้งอกขึ้นมาช้า ๆ บังเกิดเป็นที่นั่งให้ หญิงชรานั่ง เรฟเห็นเช่นนั้นตาโต ทันที
"หึ ๆ ไม่ต้องตกใจหรอก มันแค่เป็นเวท เล็ก ๆ น้อย ๆ" หญิงชรา เห็นท่าทางตกใจของเรฟ จึงอดขำไม่ได้
"คุณทำได้ยังไงหน่ะ" เรฟถามหน้าตาตื่น แม้นเป็นใครมาเห็นเช่นนั้นคงจะต้องถามเหมือนกัน
"ข้าชื่อ เอมม่า ปกติ ยูนะ จะเรียก ย่าเฉย ๆ เจ้าจะเรียกอย่างนั้นก็อได้"
"คับ เอ่อ... พอจะรู้ไหมคับว่า ผมมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง " เรฟดวงตามุ่งหวังว่าจะได้คำตอบต่อคำ ถามครั้งนี้ของเขาเหลือเกิน
"ข้าอาจทำให้เจ้าผิดหวังที่ ข้าไม่รู้เช่นกัน แต่มีสิ่ง ๆหนึ่งที่ข้าพอจะบอกเจ้าได้ มันเป็น คำพยากรณ์"
"พยากรณ์ ... พยากรณ์อะไรหรือคับ..."
"บุรุษผู้กำเนิดจากแสง ผู้ครอบครองแหวนแห่งวิญญาณ จะทำการเลือก เส้นทางแห่งสันติ หรือ เส้นทางแห่งพินาศ"
"... ผม ไม่เข้าใจ"
.......................................
"เฮ้อ...ยัยนี่ไม่รู้จักคำว่าสงบสุขรึไงนะ" เสียงบ่น งุบงิบ ๆ ของ บุรุษหนุ่ม ซึ่งนั่งอยู่ในร้านน้ำชาของเมื่องใหญ่แห่งหนึ่ง สายตามองไปยังหน้าร้าน ที่กำลังตะลุมบอนกันอยู่ ซึ่ง ฝ่ายหนึ่ง เป็น หญิงสาว รูปร่างเพรียวบ้าง น่าถะนุ ถนอม กับอีกฝ่าย หนุ่มกำยำถึง 5 คน มันอาจจะขัดสักหน่อย เพราะภาพที่เห็น เป็นหญิงสาว กำลังใช้แส้ราวกับราชินี โบย ข้าทาส บริวาร อย่างสนุกสนาน เล่นเอา บุรุษหนุ่มชักไม่ค่อยอยากเดินทางร่วมกับหญิงสาวผู้นี้สักเท่าไรนัก
"เฮ้อ..." เสียงถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายของบุรุษหนุ่ม ถูกพ่นออกมาเมื่อเห็น หญิงสาวกำลังเดินกลับ
มานั่งที่โต๊ะร่วมกับเขา
"นี่ ๆ จะถอนหายใจทำไมเล่า นัสจัง เด่วก็แก่หรอก" หญิงสาวพูดกระเซ้าเย้าแหย่ บุรุษหนุ่มอย่างกับเมื่อครู่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
"เหนื่อยใจก็เพราะเจ้านั้นละ เซียร์ เมื่อไรจะสงบ ๆ ซะทีน้า อีกอย่าง ข้าชื่อ ซิกนัส ไม่ใช่นัสจัง"
"ข้าไม่ผิดนิ พวกมันต่างหาก มาหาเรื่อง นัสจังใจร้าย"
"หาเรื่อง? ข้าไม่เห็นมันจะหาเรื่องตรงไหนนี่แค่ มาทำความรู้จักกับเจ้าหน่อยเดียว เจ้าก็ตะเพิด พวกมันซะยับเยินเรยนี่นา"
"ก็ แหมๆๆๆ ที่รักข้าอยู่ทั้งคน นิ "
"ใครที่รักเจ้ากัน เฮ้อ... อยู่กับเจ้าปวดหัวชะมัด เอาละเดินทางกันต่อเหอะ ข้าได้ข่าวภูเขาลับแล ทิศเหนือ
มีแสงประหลาด ตกลงกลางภูเขาหน่ะ น่าสนใจดี"
"เอ๋! ภูเขาลับแลที่เขาว่า ถ้าอาจหาญ เดินเข้าไป มิอาจเดินออกมาได้อะเหรอ" เซียร์ทำตาโต แต่กลับไม่มี
ความรู้สึกกลัว แม้นแต่น้อย กลับดีใจจนแทบตัวสั่น
"นั้นละ เจ้าจะไปไหม เฮ้อ...ถึงข้าไม่ชวนเจ้าก็เกาะข้าไม่ห่างนี่นะ" ซิกนัส ลุกจากโต๊ะ วางเงิน ค่าน้ำชาและ
เดินนำหน้าไปอย่างไม่ค่อยสนใจ เซียร์สักเท่าไร
"อ๊ะ นัสจางงงง รอข้าด้วยยยยยย!!" เซียร์รีบเดินตามซิกนัส ไปอย่างรวดเร็ว
....................................
"ว้ายยยยยย!" ยูนะร้องเสียงหลง
"เฮ้อ...หลานข้าเอาอีกแล้ว" ย่าเอมม่าพูดลอย ๆ ให้เรฟได้ยิน
"อะไรหรือคับ ท่านย่าเอมม่า" เรฟเริ่มรู้สึกเป็นห่วงยูนะเล็กน้อย แต่ท่าทีของ ย่าเอมม่ากลับดูไม่ร้อนรนสักเท่าไรนัก
"ไม่มีอะไรหรอกแค่ความซุ่มซ่ามของหลานสาวข้าเล็กน้อย ไม่สิ บางที มันก้อเป็นเรื่องใหญ่ ได้เหมือนกัน เราลงไปดูกันหน่อยไหมพ่อหนุ่ม"
"เอ่อ...คับ"
ย่าเอมม่า ลุกขึ้น จากที่นั่งและใช้ไม้เท้าเคาะ ให้มันกลับสภาพเดิม แล้วจึงเดินนำ เรฟ ออกจากห้องไป ดูยูนะ ซึ่งตอนนี้ กำลังก่อ เหตุไฟไหม้ ย่อม ๆ อยู่ชั้นล่าง
"ว่าแล้วไง คราวที่แล้วเจ้า ใช้เจ้าแห่งดิน"โมอา" จะพังบ้านข้า แล้วคราวนี้จะเรียก จ้างแห่งไฟ"เฟรียร์" เผาบ้านข้ารึ ยูนะ"
"ปะ..เปล่าสักหนอ่ยท่าน ย่า ข้าแค่ จะก่อไฟ ต้มน้ำเองนะค่ะ" ยูนะ รีบวิ่งหาน้ำดับไฟอย่างร้อนรน แต่ดูเทอจะรีบมากไป จีงไปหยิบน้ำมัน แทนที่จะเป็นน้ำ ทำให้ ไฟยิ่งลุก "ว้ายยยยยยยยย" ยูนะร้องเสียงหลง ย่าเอมม่า เห็นเช่นนั้นได้แต่กุมขมับใน ความฉลาด ของหลานสาวตัวเอง ทางด้านเรฟ เห็นเช่นนั้น อดยิ้มไม่ได้เสียทีเดียว
"หลานข้านี่น้า..." ย่าเอมม่าเดินเข้าไปหายูนะ แล้วใช้คทาชี้ไปที่กองไฟ หัวคทาบังเกิดแสงเล็ก ๆ ขึ้นมา
แสงนั้นลอยเข้าไปยังกึ่งกลางของเปลวเพลิง แล้วเปลวเพลิงนั้นค่อย ๆ มอดลงในที่สุด
เรฟสังเกตุทุกรายละเอียด เขายังทึ่งไม่หายจากเมื่อเช้า ยิ่งมาเห็นหนนี้ ยิ่งทึ่งเข้าไปใหญ่ ขณะนี้เขาสรุปได้เพียงว่า เขาคงหลงมา "โลกที่มีเวทมนทร์" เข้าแล้วสิ
"คราวหน้าเจ้าคงไม่ทำอะไร ที่จะทำให้ที่ซุกหัวนอนข้าหายไปอีกนะ ยูนะ"
"ค่ะ ท่านย่า" ยูนะ เอ่ยด้วยเสียงสำนึกผิด
"เอาละเจ้าพา เจ้าหนุ่มคนนี้ไป ยืดเส้นยืดสายแถว ๆ นี้ก่อน เด่วข้าจัดการที่เหลือเอง ขืนให้เจ้าทำ ไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้นอีก"
"ค่ะ ท่านย่า" ยูนะ ตอบรับพลางรีบวิ่งเข้าไปดึงแขน เรฟทันที เดินออกจากบ้านไปทันที
...............................
"ที่นี่ที่ไหนเนี่ย ให้ตายสิ ข้าหลงทาง อีกแล้ว" เสียงหญิงสาวผมที่ฟ้า ถักเป็นเปีย หน้าตาน่ารัก บ่น ขณะอยู่กลางป่าทึบแห่งหนึ่ง
"แซ่ก...แซ่ก...แซ่ก" ขณะเดียวกันหลังของเธอพุ่มไม้ เกิดสั่นไหวอย่างประหลาด เธอหันหลังกลับมาอย่างรวดเร็ว ในทันใดนั้นมีบางสิ่งกระโจนออกมาจากพุ่มไม้ มันง้างกงเล็บของมันเข้าไปที่ใบหน้าของหญิงสาว แต่หญิงสาวได้กระโดดหลบได้อย่างหวุดหวิด และสังเกตุไปยัง ตัวที่ทำร้ายเธอ
"ฮะฮ้า เจ้า คูริก นี่เอง สามตัวเชียวรึ" คูริค สัตว์ประหลาดหัวเป็นหมาป่า ตัวเป็นหมี มีสี่แขน ขนปกคลุมทั่วตัว กงเล็บแหลมคม กินเนื้อเป็นอาหาร ปกติ ชอบอยู่ตัวเดียว น้อยนักที่จะอยู่เป็นกลุ่ม ว่ากันว่า เล็บเท้า กับหนังของมัน ขายได้ราคาดี
คูริคกระโดดเข้างับคอของ หญิงสาวอย่างรวดเร็ว ถึงแม้นตัวของมันจะใหญ่กว่าหญิงสาว เท่าตัวแต่ ความใหญ่ กลับไม่ทำให้มันดูช้าลงเลย ขณะที่คูริคกำลังจะงับเข้าที่คอของหญิงสาวนั้น เทอใช้มือเปล่าจับที่ปลายปากบนกับปลายปากล่างของมันไว้ และออกแรงดันออกไป ดูเหมือนแรงเทอจะสู้มันไม่ได้ เทอโน้มตัวไปข้างหลังจนนอนราบไปกับพื้นแล้วใช้เท้าขวา ถีบเข้าที่ท้องของมัน แล้วโยนไปด้านหลัง เทอลุกขึ้นมาอีกรอบ
"แรงเยอะชะมัดเลย สงสัยต้องใช้ ศาตรา ซะแล้วสิ " เทอยื่นมือออกมาข้างหน้า พลันบังเกิด แสงสีฟ้าขึ้นมา แสงเหล่านั้น ค่อย รวมตัวกัน ปรากฏเป็นมีดสั้นลักษณะประหลาด สองเล่ม มีอักขระประหลาดสีฟ้า ประทับบนดาบทั้งสองเล่ม เทอคว้ามีดทั้งสองมาและ ตั้งท่าต่อสู้ทันที
"มามะเข้ามา พวกลูกหมาทั้งหลาย" เทอพูดจบคูลิค ก็พร้อมใจกันกระโจนเข้าหาเทอทั้งสามตัว
.........................
ยูนะ พาเรฟเดินทัวรอบ ๆ บ้านของยูนะ และเดินลงจาเขาเล็กน้อย ไปยังหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง ซึ่งไม่ใหญ่นัก หมู่บ้านนี้ ทำปศุสัตว์ ทำไร่ทำนา อย่างพอมีพอกิน ช่วยเหลือพึ่งพากันอย่างดี ดูแล้วสงบสุขดียิ่งนัก บรรยากาศในหมู่บ้านพาเขาเพลิดเพลิน แม้ว่า ยูนะ จะคอยเป็นไกด์นำทางพลางอธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับหมู่บ้านให้เรฟฟัง แต่ดูเหมือนจะไม่ค่อยเข้าหูเขาสักเท่าไรนัก
"ท่านเรฟ ท่านฟังข้าบ้างหรือเปล่านี่" ยูนะถามขึ้นเพราะดูเหมือนเรฟจะไม่ค่อยสนใจฟังที่พูดสักเท่าไรนัก
"เอ่อ..ฟังอยู่คับ ฟังอยู่" เรฟตอบอย่างตะกุกตะกัก
"หึ..ท่านไม่ได้ฟังข้านี่นา" ยูนะพูดแบบงอน ๆ หน้าตาของยูนะเวลางอน ช่างน่ารักเหลือเกิน เรฟคิดในใจ พลางจ้องจนตาแทบไม่กระพริบ
"เอ๋..หน้าข้ามีอะไรติดอยู่รึท่านเรฟ?" ยูนะเริ่มสงสัยในสายตาของเรฟ พลางทำสายตาใคร่รู้ใส่
"เอ่อ ไม่มีอะไรคับ แค่คิดอะไรนิดหน่อย"
"เป็นคนแปลกจริงเชียว"
"ที่นี่สงบสุขดีนะคับ บรรยากาศชวนสบายใจดีจัง"
"ใช่ม้า ใช่ม้า ข้าก้อว่าอย่างนั้นละ ถ้า..." ยูนะเปลี่ยนสีหน้าเศร้าเล็กน้อย แล้วจึงพูดต่อ
"ถ้าไม่มี จาคุ มารบกวนอะนะ"
"จาคุ มันคืออะไรเหรอคับ"
"มันคือ...สัตว์อสูรค่ะ"
"สัตว์อสูร? มันร้ายกาจมากเหรอคับ แล้วไม่มีใครสามารถล้มมันได้เชียวหรือ"
"ค่ะ มันพูดได้ มันคอยสั่งให้พวกเราชาวหมู่บ้านคอยนำ อาหารไปบูชามัน ถ้าไม่ทำมันจะฆ่าคนทั้งหมู่บ้าน"
เรฟได้ฟังจึงเงียบไปทันที ถ้าเขามีวิชาต่อสู้เขาคงอาสาออกไปกำจัด เจ้าจาคุที่ว่านี่แน่นอน แต่เขาไม่มีอะไรเลยนี่สิ เขาพึ่งมาโลกแห่งนี้ ด้วยตัวเปล่า ๆ ถ้ามีปีนสักกระบอกก็ดีสิ เรฟคิดเล่น ๆ แต่ต้องมาสะดุ้ง เมื่อเห็น ยูนะ จ้องหน้าเขาไม่กระพริบ
"ท่านอย่าคิดว่า จาคุ มันกระจอกเชียวนะ ขนาดนักรบที่เก่งที่สุด ในหมู่บ้าน 3 คน ออกไป สู้กับมัน ยังไม่ได้กลับมาเลย" ยูนะพูดด้วยสีหน้าเป็นห่วง เพราะเทอพอจะอ่านสีหน้าของเรฟออก
"เอ่อ ผมไม่ทำอะไรอย่างนั้นหรอก ขืนถ้าทำ แล้วพลาดขึ้นมามีหวัง หมู่บ้านต้องเดือนร้อนเพราะจาคุ มาแสดงอำนาจไม่ให้มีใครกล้าต่อกรมันอีกแน่ ๆ "
"ท่านเข้าใจก็ดี เอาละเรากลับไป หาท่านย่าดีกว่า ไปกันเถอะ" ยูนะพูดจบ ก็ฉุดกระชากลากถูเรฟ กลับไปยังบ้านของเธอ
.....................
"ย๊ากกกกกก" เสียงหญิงสาวผู้หลงอยู่กลางป่า ร้องขณะปะทะกับ คูริค ขณะนี้ คูริค ตัวหนึ่งได้แน่นิ่งไปแล้ว ยังเหลือ อีกสองตัวที่ ยืนปะจันหน้าอยู่ คูริคตัวนึงแขนขวาขาดไปหนึ่งข้าง อีกตัวมีบาดแผลจากดาบของเธอกลางหน้าอกเป็นทางยาว แต่กระนั้นตัวเธอก้อไม่ได้ต่างกันสักเท่าไร แผลถลอกกระจายทั่วตัว มีแผลใหญ่ที่หัวไหล่ด้านซ้าย เลือดไหลไม่หยุด ผมเพลายุ่งเหยิงไปหมด เรี่ยวแรงเริ่มหดหาย เธอชักไม่แน่ใจว่า อีกสองตัวที่เหลือนั้น เธอจะสู้ไหวหรือไม่ เธอชักอยากจะกลับหลังวิ่งหนีเสียเหลือเกิน แต่ดูจากความไวของคูลิค กับอาการบาดเจ็บของเธอ คงหนีไม่พ้นอยู่ดี มีหวังเป็นอาหารเย็นให้กับพวกมันแน่ๆ
"ชิ ไอ้ป่าบ้านี่ ดันมีอาณาเขตเวท กันการใช้ผลึกเวท ชิปหอง เอ้ย" เธอสบถออกมาดัง ๆ ระบายความเหนื่อยล้าซึ่งดูเหมือนมันจะไม่ได้ช่วยอะไรนัก
"ตึง!!!"คูลิคตัวที่โดนฟันหน้าอกเป็นทางยาว จู่ ๆ ได้ล้มลงซะเฉยๆ
"เอ๋ อะไรหว่า จู่ ๆ ก็ล้ม เออ ดีแฮะ ได้เหนื่อยน้อยลงสักหน่อย" ขณะที่มองคูลิคที่ล้มลงไปนั้น เธอได้เผลอ ละความสนใจของคูลิคอีกตัวไป ทำให้โดนกงเล็บเฉือนเข้าเต็ม ๆ ที่กลางหลังของเธอ ขณะที่ เธอกำลังล้มลง เธอรวบรวมแรงเฮือกสุดท้าย หมุนตัวฟันมีดสั้นที่มือขวาใส่คอ เจ้าคูลิคอย่างรวดเร็ว ทำให้คอมันเป็นแผลลึกและสิ้นใจในทันที และล้มลงทับเธอ จนเธอไม่สามารถขยับไปไหนได้ เทอกำลังตาพร่าลงเรื่อย ๆ เพราะมีอาการเสียเลือดมากเกินไป เจ้าคูลิคที่ล้มลงไปเมื่อครู่ได้คลานเข้ามาใกล้ ทีละนิด ทีละนิดแล้ว...
.........................
จบตอนที่1
.........................
ความคิดเห็น