ตอนที่ 10 : ตอนที่9 ยัยหน้าใสกับนายเย็นชา!
9
ยัยหน้าใสกับนายเย็นชา!
“พี่โซจิน!! พี่ไปทำอะไรมาเนี่ยทำไมสภาพถึงเป็นแบบนี้ ฉันโทรหาพี่เป็นสิบรอบทำไมถึงไม่รับรู้มั้ยว่าฉันเกือบไปแจ้งตำรวจอยู่แล้วนะ!!”
มินอาสาดคำถามรัวเหมือนกระสุนปืนเอ็มสิบหกใส่โซจินตั้งแต่ก้าวแรกที่เธอเข้ามาในบ้าน
“ไม่มีอะไรหรอกแค่เกือบถูกปล้ำนะ”
“อ้อ....หะ!!!”
มินอาตกใจจนเกือบหงายหลังตกจากเก้าอี้ที่นั่งอยู่ พี่สาวของเธอพูดออกมาได้ยังไงว่าแค่เกือบถูกปล้ำ!
“แล้วพี่เป็นอะไรรึเปล่า แจ้งตำรวจรึยัง ตายละอย่างงี้เราจะทำไงดีไปโรงพยาบาลตรวจให้แน่ใจดีไหมพี่ว่าไม่บุบสลาย!”
“พอๆหยุดพูดได้แล้วฉันแค่เกือบถูกปล้ำยังไม่ได้ถูกปล้ำเข้าใจมั้ย”
“แล้วพี่รอดมาได้ยังไงเนี่ย”
โซจินถึงกับขมวดคิ้วในคำถามของน้องสาว สรุปยัยนี่มันอยากให้เธอถูกปล้ำใช่ไหมเนี่ย!
“มีคนมาช่วยฉันไว้นะ”
“มีคนมาช่วย อ่าโชคดีจังแล้วเขาเป็นใครพี่ได้ขอบคุณเขารึเปล่า เขาช่างเป็นคนดีอะไรแบบนี้นะ พ่อพระมาโปรดชัดๆ”
มินอาพูดซะยาวเหยียดอย่างกับเธอเป็นคนถูกช่วยซะเอง โซจินพยักหน้าแทนคำตอบให้กับเธอ ใช่เขาเป็นคนดี......ถึงมันจะซ่อนอยู่ในตัวของจงฮยอนแบบลึกสุดๆก็เถอะ! แต่พอคิดถึงเรื่องนี้แล้วถ้าจงฮยอนเป็นคนดีเขาจะเข้ามาเกี่ยวข้องกับการตายของเจสสิก้าได้ยังไง พอคิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาอาการเส้นประสาทอยากขยับแข้งขยับขาเต้นระบำที่ทำให้เธอปวดหัวตุบๆก็กลับมาเล่นงานเธออีก หญิงสาวจะปล่อยให้ความสงสัยในตัวของจงฮยอนคาราคาซังอยู่แบบนี้ต่อไปไม่ได้ ไม่อย่างนั้นสมองของเธอต้องระเบิดออกมาอยู่นอกหัวแน่นอน ในเมื่อสืบก็แล้ว สะกดรอยตามก็แล้วยังไม่ได้ผล คราวนี้มันก็ต้องใช้แผนสุดท้ายกันละ....ถึงแม้มันจะเป็นแผนการที่โง่มากก็เถอะนะ!!
ตุ๊บ!!
กระเป๋าเป้สีน้ำตาลเข้มถูกโยนลงไปนอนแอ้งแม้งอยู่บนพื้น ก่อนจะตามมาด้วยร่างของจงฮยอนที่ทิ้งตัวเองลงนอนบนโซฟาอย่างหมดสภาพ เพราะนอกจากการซ้อมยูโดที่แสนหนักหนาสาหัสแล้ววันนี้เขายังไปโชว์แมนซัดอันธพาลสามคน แถมยังอาสาอุ้มโซจินกลับไปส่งถึงบ้านเลยอีกต่างหาก มันทำให้ชายหนุ่มรู้สึกปวดเมื่อยไปทั้งตัวตอนนี้เขาไม่สนอะไรแล้วขอแค่เวลานอนเพื่อหยุดพักร่างกายที่ถูกใช้งานอย่างหนักนี้ซักพักก็พอ......
ตุบๆตุบ!!
เสียงฝีเท้าที่กำลังตรงมาทางเขาดังขึ้น ก่อนประตูห้องจะเปิดผ่างออกโดยปราศจากการเคาะใดๆทั้งสิ้น
“พี่จงฮยอน!!”
จองชินตรงเข้าไปลากแขนลากขาพี่ชายที่กำลังนอนอยู่บนโซฟา และผลที่ได้รับกลับมาก็คือฝ่าเท้าพิฆาตจากพี่ชายสุดที่รักที่ลงกลางหน้าเขาพอดีเป๊ะ!
“ไหนละพี่ของกินที่ฝากซื้อผมหิวใจจะขาดอยู่แล้วนะ!”
จองชินโวยวาย ก็ตอนที่เขากลับมาถึงบ้านเขาโทรไปหาจงฮยอนและพบว่าพี่ชายของตัวเองกำลังเตร็ดเตร่อยู่ในมินิมร์าทโดยไร้เหตุผล ก็เลยฝากซื้อข้าวกับอาหารกระป๋องเพื่อเอามากินในมื้อเย็นของวันนี้ แล้วจองชินก็ตั้งหน้าตั้งตารอการกลับมาของพี่ชายอย่างใจจดใจจ่อพร้อมกับท้องที่หิวโหย แต่พอจงฮยอนกลับมาเขาดันกลับมามือเปล่า ไม่มีอะไรซักอย่าง!!
“ฉันซื้อมาแล้ว”
จงฮยอนตอบทั้งที่ดวงตายยังปิดสนิท
“แล้วไหนละครับ”
“ทิ้งไว้หน้าร้านมินิมร์าท”
“หะ!!!”
ตอนแรกจองชินอุตส่าห์มีความหวังขึ้นมาแล้วนะว่าคืนนี้จะได้กินอิ่มนอนหลับ แต่จงฮยอนดันทิ้งความหวังของเขาไว้หน้าร้านมินิมร์าทซะงั้น!!
“พี่ครับผมหิวข้าว!!”
จองชินร้องโวยวายออกมาเหมือนเด็กๆพลางทำตาใสวิ๊งๆอย่างอ้อนวอนที่ผู้หญิงที่ไหนเห็นก็เป็นต้องยอมสยบลงแทบเท้าเขาทุกราย...แต่เขาดันลืมไปซะนี่ว่าจงฮยอนเป็นผู้ชายเพราะฉะนั้นไอ้สายตาแบบนี้มันจึงไม่ได้ผลกับชายหนุ่มโดยสิ้นเชิงแถมในทางกลับกันมันยังทำให้จงฮยอนชักเริ่มจะรำคาญเจ้าน้องชายคนนี้ขึ้นมาอีกต่างหาก
“มาม่าในตู้กับข้าวไปต้มกินไป!”
“มาม่าอะไรกันเล่า! ก็เมื่อวานพี่ซัดหมดยกโหลไปคนเดียวแล้วไง!”
เออแฮะ จงฮยอนลืมไปซะสนิทว่าเมื่อวานเขาจัดการกับมาม่าที่ถูกเก็บไว้เป็นเสบียงยามยากของสองพี่น้องไปจนหมดแล้ว!
“หยุดบ่นซักทีเหอะน่า หิวมากก็ลงไปซื้ออะไรกินเองเลยไป!”
ชายหนุ่มโยนกระเป๋าเงินของตัวเองไปให้จองชิน
“โห่นี่มันจะสิ้นเดือนแล้วนะพี่เงินที่แม่ส่งมาให้ก็เหลือนิดเดียว”
“งั้นนายก็อดข้าวเย็นต่อไปแล้วกัน..ราตรีสวัสดิ์”
จงฮยอนหยิบหมอนข้างๆตัวขึ้นมาปิดหูและหวังว่ามันจะสามารถกันเสียงดังโวยวายโหวกเหวกหนึ่งร้อยแปดสิบเดซิเบลของจองชินได้แต่ดูเหมือนหมอนใบเล็กๆจะช่วยเขาไม่ได้เลยซักนิด
“ผมหิวข้าว!!”
“โอ๊ย!! บอกให้อดก็บอกว่าหิวให้ตังค์ไปซื้อก็บอกว่าเปลืองแล้วนายจะทำยังไงวะ!!”
“เอ่อ นั่งตรงนี้ก็ได้ครับ”
จงฮยอนลุกขึ้นเพื่อเสียสละที่นั่งของตัวเองให้กับผู้หญิงท้องแก่คนหนึ่ง
“ขอบคุณมากนะค่ะ”
เธอหันมาขอบคุณและส่งยิ้มให้กับเขา ตอนนี้จงฮยอนและจองชินกำลังยืนอยู่บนรถเมล์ที่แน่นขนัดไปด้วยผู้คนซึ่งเพิ่งเลิกงานและกำลังจะเดินทางกลับบ้าน ตอนแรกที่ลงมาจากห้องพักเขานึกว่าจองชินจะยอมเสียเงินที่มีอยู่น้อยนิดออกมาหาข้าวกินที่ร้านอาหารแถวนั้นซะอีกแต่ที่ไหนได้ดันพาเขามายืนโหนรถเมล์ซะงั้น
“นี่นายจะพาฉันไปไหนแน่เนี่ยฮะ”
จงฮยอนถาม
“ผมจะพาพี่ไปกินข้าวฟรีอะดิ รับรองอร่อยอิ่มท้องดีแต่ว่าอาจจะมีอาการหูชาแถมกลับมาอีกนิดหน่อย”
คำตอบของจองชินมันแทบจะไม่ได้ทำให้จงฮยอนเข้าใจอะไรขึ้นมาเลยซักนิด.....แล้วไอ้ที่ที่เขาจะไปมันจะเป็นแบบไหนละเนี่ย
“จงฮยอนเดินเร็วๆหน่อยดิผมหิวจนไส้จะขาดแล้วนะ!”
จองชินหันกลับมาตะโกนเรียกจงฮยอนที่เดินด็อกด๋อยเตะฝุ่นอยู่ด้านหลัง
“นายช่วยตอบให้ฉันเข้าใจหน่อยได้ไหมว่าเรากำลังจะไปไหนกันนะ!”
จงฮยอนตะโกนถาม ทำไมเขาถึงได้รู้สึกคุ้นตากับบรรยากาศแถวนี้นักนะอย่างกับเคยมางั้นแหละทั้งๆที่มันไม่น่าจะเป็นไปได้ ทั้งต้นไม้ที่เรียงรายอยู่ตามทาง กำแพงคอนกรีตเก่าๆ หรือแม้แต่ถังขยะที่ตั้งอยู่ๆข้างๆเสาไฟ! ทำไมอะไรๆก็ดูคุ้นๆไปหมดเลยนะ!
“พี่จงฮยอนเดินเร็วๆหน่อยดิพี่”
จองชินที่หยุดอยู่หน้าบ้านหลังหนึ่งหันกลับมาตะโกนเรียกเขา บ้านหลังนี้เป็นบ้านสองชั้นที่ถูกทาด้วยสีขาวที่หม่นธรรมดาๆไม่ได้ดูแตกต่างจากหลังอื่นๆในบริเวณนั่นแต่สิ่งที่ทำให้สะดุดตาคนที่เดินผ่านไปผ่านมามากที่สุดก็คือหลังคากระเบื้องเคลือบสีชมพูสด ถึงจะเป็นตอนกลางคืนแต่สีชมพูสดใสของมัน ความทรงจำเกี่ยวกับบ้านหลังนี้ค่อยๆกลับเข้ามาในหัวจงฮยอนช้าๆ มันออกจะบังเอิญไปหน่อยไหมถ้าเขาเพิ่งไปส่องผู้หญิงคนหนึ่งที่บ้านลักษณะแบบนี้เหมือนกัน….
นิ๊ง....หน่อง...
เสียงกริ่งหน้าบ้านดังขึ้นเมื่อจองชินเอื้อมมือไปกดมัน
“มันดูคุ้นมากจริงๆนะ”
“ใครค่ะ”
หญิงสาวผมยาวสลวยสีน้ำตาลเข้มโผล่หน้าออกมาจากหลังบานประตู เธอส่งรอยยิ้มสดใสมาให้ก่อนที่รอยยิ้มนั่นจะหายไปเมื่อเห็นว่าจองชินยืนอยู่หน้าประตู
“มินอา...”
จองชินพูดก่อนจะทำดวงตาใสวิ๊งใส่มินอาเหมือนเด็กๆที่กำลังร้องขอขนมหวานจากผู้ใหญ่ยังไงยังงั้น
“หยุด!”
หญิงสาวยกมือขึ้นเพื่อไม่ให้เห็นดวงตาแบบนั้นจนมือของเธอแทบจะทระแทกเข้าหน้าจองชินเต็มๆ
“นายจะมากินข้าวบ้านฉันอีกแล้วใช่มั้ยหะ!”
มินอาตะโกนเสียงสูงปรี๊ด จงฮยอนถึงกับอ้าปากค้างกับเสียงแหลมๆบาดแก้วหูของหญิงสาวตรงหน้า ตั้งแต่เขาเกิดมาก็พึ่งเห็นผู้หญิงคนนี้คนแรกนี่แหละที่ตะโกนใส่หน้าจองชินตอนที่เขาทำดวงตาใสวิ๊งๆใส่แทนที่จะเป็นอาการเขินอายแขนขาอ่อนยวบเหมือนคนอื่นๆ...
“แต่จะว่าไปยัยเด็กคนนี้มันหน้าตาคุ้นๆแหะ”
“มินอา เธอจะตะโกนทำไมเนี่ยเสียงเธอมันจะทำให้ชาวบ้านแถวนี้เขาเอาสากกะเบือมาปาหัวพวกเรานะ!”
“นินาย! จะมาขอกินข้าวบ้านฉันฟรีก็ช่วยพูดดีๆหน่อยสิอีตานี่!”
“ฉันนึกว่าเธอจะชินแล้วซะอีกนะเนี่ย ฉันก็ออกจะมากินข้าวบ้านเธอบ่อยๆ”
“ของแบบนี้ไม่มีใครเขาชินกันหรอกโว๊ย!”
“นะ...นะ..อย่าบ่นเลยขอให้ฉันกับพี่ชายสุดหล่อฝากท้องอันหิวโหยไว้ที่บ้านของเธอหน่อยนะ”
จองชินพูดก่อนจะดึงจงฮยอนที่ยืนหลบอยู่ในมุมมืดหลังกำแพงให้มายืนข้างๆเขา
“ใครมานะมินอา”
เสียงหวานของหญิงสาวคนหนึ่งดังออกมาจากดานในบ้าน อะไรกันเนี่ยขนาดเสียงของคนแถวนี้จงฮยอนยังรู้สึกคุ้นเคยเลย! แต่แล้วความสงสัยที่ว่ามันก็กระจ่างออกทันทีเมื่อหญิงสาวผู้มีลอนผมสีน้ำตาลอ่อน และใบหน้าสวยหวานเดินออกมายืนอยู่ด้านหลังมินอาพร้อมกับผ้ากันเปื้อนสีชมพูลายลูกหมูสุดแอ็บแบ๊วและตะหลิวในมือ ต้องโทษที่เขาเป็นพวกความจำสั้นหรือเพราะซื่อบื้อมากๆกันนะตอนแรกถึงนึกไม่ออกว่าทำไมถึงคุ้นเคยกับแถวนี้นัก ก็จะให้ไม่รู้สึกคุ้นเคยได้ยังไงในเมื่อเขาเพิ่งมาที่นี่เมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา และผู้หญิงที่ยืนอยู่ด้านหลังมินอาคือยัยผู้หญิงบ้าพลังที่เขาเพิ่งอุ้มเธอมาส่งที่บ้านหลังนี้......ปร์าคโซจิน...
ชามข้าวสวยร้อนๆถูกวางลงตรงหน้าจงฮยอนและจองชินก่อนจะตามมาด้วยชามซุปหมูและอาหารอีกสองสามอย่าง
“ว๊าว!!!”
จองชินมองจานอาหารตรงหน้าด้วยดวงตาแวววาว ก่อนจะเริ่มตักอาหารเหล่านั้นเข้าปากอย่างรวดเร็ว ไม่นานข้าวสวยร้อนๆที่มีอยู่พูนถ้วยก็หมดเกลี้ยง
“กินช้าๆหน่อยสินายเดี๋ยวก็ติดคอตายกันพอดีหรอก!”
มินอาที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับเขาพูดเมื่อเห็นว่าจองชินกำลังจะจัดการกับข้าวชามที่สอง ในขณะที่เธอเพิ่งจะตักข้าวเข้าปากได้ไม่กี่คำ
“เธอโชคดีชะมัดเลยมินอามีพี่สาวที่ทำอาหารเก่งได้กินอิ่มนอนหลับทุกวัน ไม่เหมือนฉัน!! ต้องอดๆอยากๆเพราะมีพี่ชายไม่.....”
จองชินรีบหุบปากก่อนที่คำว่าไม่ได้เรื่องจะออกมาจากปากของเขาเมื่อสัมผัสได้ว่าพี่ชายที่นั่งอยู่ข้างๆกำลังแผ่รังสีอำมหิตออกมา...
“แต่พี่โซจินทำอาหารอร่อยมากเลยนะครับ!”
เขารีบพูดเพื่อเปลี่ยนเรื่องทั้งๆที่ยังมีอาหารคาอยู่ในปาก มันทำให้มินอาถึงกับทำหน้าเบ้เพราะขยะแขยง
“กินให้มันเรียบร้อยหน่อยสิจองชิน! ทุเรศชะมัด”
“ทำไมๆ แค่นี้ทำเป็นบ่น ดูนี่อ่า..”
ชายหนุ่มอ้าปากกว้างซึ่งมันทำให้เห็นข้าว หมูทอด ซุปผักกาดและอะไรอีกมากมายที่ถูกบดเคี้ยวรวมกันอยู่ในปากของชายหนุ่ม
“อี๊!!”
“5555 อ่า....เป็นไงอาหารในกระบาวนย่อยขั้นแรก..อ่า..อุ๊บ!”
จองชินที่กำลังสนุกอยู่กับการเห็นมินอาทำหน้าเหมือนจะอาเจียนออกมาให้ได้แทบจะพ่นอาหารที่คาอยู่ในปากออกมาเมื่อจู่ๆก็มีกระดาษทิชชู่ปึกใหญ่ๆยัดเข้ามาในปากเขา
“ถุยๆๆๆ พี่จงฮยอนยัดเข้ามาได้ไงเนี่ย!”
“เป็นไงจองชินกระบวนการย่อยอาหารขั้นแรกมีกระดาษทิชชู่ปนอยู่ด้วยอร่อยมั้ย”
มินอาพูดก่อนจะใช้กระดาษทิชชู่เช็ดคราบอาหารที่เปรอะเปื้อนอยู่บนปากของจองชินเพราะการคายกระดาษทิชชู่ออกมาจากปากให้เขา
“ให้ทุกข์แก่ท่านทุกข์นั้นถึงตัวไงละ”
โซจินถึงกับอมยิ้มให้กับภาพตรงหน้า มินอาทำตัวเหมือนคุณแม่ที่กำลังสั่งสอนลูกชายที่ทำผิดยังไงยังงั้น แถมจองชินก็ยังไม่เถียงกลับทำตาปริบๆนั่งฟังมินอาเหมือนกับเด็กผู้ว่านอนสอนง่ายอีกต่างหาก
ส่วนอีกมุมหนึ่งของโต๊ะ...
“...”
“...”
“อร่อยมั้ย”
โซจินเริ่มพูดเพื่อทำลายความเงียบ เพราะตั้งแต่นั่งลงบนโต๊ะพวกเขาก็เอาแต่เงียบกริบไม่พูดไม่จากันซักคำ
“เธอทำเองเหรอ”
“อืม”
“....ก็ดี”
“เหอะ...คนอื่นเขาเลี้ยงข้าวก็ควรจะตอบว่าอร่อยสิย๊ะ!”
โซจินเบ้ปากอย่างอารมณ์เสีย
“ถือซะว่าเธอเลี้ยงตอบแทนที่ฉันช่วยเธอเอาไว้ก็แล้วกัน”
จงฮยอนเอาแต่ก้มหน้าก้มตาทานอาหารตรงหน้า แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นชายหนุ่มก็แทบไม่รู้สึกถึงรสชาติอะไรซักอย่างที่ปลายลิ้นเลยซักนิด ชายหนุ่มรู้สึกได้เพียงใบหน้าที่กำลังร้อนผ่าวของตัวเอง และหัวใจที่กำลังเต้นแรงจนแทบระเบิดจนกลัวว่าคนตรงหน้าจะสังเกตเห็นอาการพวกนี้นะสิ เขาถึงต้องพยามสบตาหรือมองหน้าเธอให้น้อยที่สุด ทำไมกันนะ ความรู้สึกแบบนี้มันถึงต้องเป็นกับเธอคนนี้ด้วย.....
“อาหารอร่อยมากเลยครับ ขอบคุณที่เลี้ยง!”
จองชินโค้งตัวเก้าสิบองศาอย่างมีมารยาทแบบสุดๆหลังจากซัดอาหารมากมายจนเกลี้ยง!
“ไม่เป็นไรหรอกแค่คราวหน้าไม่ต้องมาอีกก็พอ!”
มินอาพูดอย่างหมั่นไส้ แต่เธอก็รู้ดีว่าถึงจะพูดไปแบบนั้นอีกไม่นานเขาก็มาอีกอยู่ดี
“อะไรฉันไม่ได้ขอบคุณเธอซักหน่อยฉันขอบคุณพี่โซจินต่างหาก!”
“ชิ!! รีบกลับไปเลยนาย!!”
หญิงสาวผลักร่างสูงโปร่งของชายหนุ่มให้พ้นออกไปจากเขตรั้วบ้านของเธอ
“พี่จงฮยอน! กลับกันเถอะเจ้าของบ้านขี้โวยวายเขาไล่แล้ว!!”
จองชินส่งเสียงเรียกพี่ชายที่ยังคงยืนนิ่งอยู่หน้าบ้านไม่ยอมเดินตามออกมาซักที
“นายจะไม่กลับบ้านรึไงหะ!”
โซจินพูดเมื่อเห็นว่าชายหนุ่มเอาแต่ยืนจ้องหน้าเธอไม่ยอมเดินออกไปซักที
“คะ..คือ..”
จงฮยอนรู้สึกเหมือนตัวเองมีเรื่องบางอย่างที่อยากจะพูดกับหญิงสาวตรงหน้า แต่ปัญหามันอยู่ตรงที่ว่าถึงเขาอยากจะพูดกับเธอแต่กลับไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดีนี่สิ เพราะทุกครั้งที่พวกเขาสองคนจะเริ่มบทสนทนากันทีไรสุดท้ายมันจะต้องลงเอยด้วยการทะเลาะกันทุกทีมันทำให้จงฮยอนชักจะนึกไม่ออกแล้วว่าการพูดดีๆโดยไม่มีการจิกกัดกับโซจินมันจะเป็นยังไง
“คือจริงๆแล้ว....จริงๆแล้วอาหารวันนี้อร่อยมากเลยนะ!”
เป็นอะไรไปนะจงฮยอนพูดแค่นี้ทำไมจะต้องใจเต้นแรงด้วย!
“แน่นอน…ก็ฉันเป็นคนทำนิ”
หญิงสาวยิ้มออกมา อะไรกันนี่หมอนี่กำลังชมเธออยู่งั้นเหรอ
“แล้วพรุ่งนี้เจอกันที่โรงเรียน!”
ไม่ไหวแล้ว! หัวใจมันเต้นเร็วซะจนทำให้สมองเรียบเรียงคำพูดออกมาไม่ถูก ชายหนุ่มพูดตัดจบบทสนทนาลงสั้นๆ ก่อนจะรีบวิ่งตามจองชินออกไป....
“เรื่องวันนี้นะ ขอบคุณอีกครั้งนะ”
เสียงเบาหวิวหลุดออกมาจากปากของโซจินพร้อมกับรอยยิ้มสดใสของหญิงสาวที่ส่งมาให้จงฮยอน
“ก็แค่พูดดีๆกับยัยนั่นครั้งแรก....ก็แค่ยัยนั่นยิ้มให้เรา...ทำไมจะต้องมีความสุขขนาดนี้ด้วยเนี่ย!”
เช้าวันต่อมา....
เช้าที่แสนสดใสของโซจินเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง แต่ในวันที่อากาศดีท้องฟ้าแจ่มใสแบบนี้ความรู้สึกของหญิงสาวมันกลับหนักอึ้ง ในมือของเธอมีเสื้อแจ็กเก็ตสีเขียวอ่อนที่เธอตั้งใจว่าจะนำมันมาคืนจงฮยอนอยู่ ทั้งๆที่เมื่อวานนี้เขามาที่บ้านเธอแต่ดันลืมเอาเสื้อคืนเขาและที่สำคัญ....เธอยังไม่ได้ถามในสิ่งที่ต้องการกับเขาเลย นี่ละแผนสุดท้ายของหญิงสาวในเมื่อทำอะไรไปก็ไม่ได้ผลอะไรซักอย่างมันก็ต้องถามกันตรงๆแบบนี้ละ! ถึงร้อยละแปดสิบเปอร์เซ็นของตัวร้ายในหนังจะไม่ยอมรับความผิดที่ตัวเองทำไว้ก็ตามเถอะนะ แต่ถ้าจู่ๆเดินเข้าไปถามตรงๆว่า
“เฮ้นาย! นายเป็นคนร้ายที่ฆ่ารุ่นพี่เจสสิก้าแล้วเอาไปยัดไว้ใต้เพดานใช่รึเปล่า!”
อะไรทำนองนี้แล้วเขาจะโกรธเธอมั้ยนะไม่ได้ๆเธอจะต้องเรียบเรียงคำพูดให้ดีซะก่อน.....แต่แล้วทำไมจะต้องไปสนใจด้วยละว่าหมอนั่น จะโกรธเธอรึเปล่า!! ถึงเขาจะโกรธจริงๆเธอก็ไม่รู้สึกอะไรหรอก.......
แอ๊ด....ประตูเหล็กหนาๆสนิมเขรอะถูกผลักเปิดออกอย่างอยากลำบากเพราะความฝืดและเก่าของมัน โซจินเกือบจะล้มหน้าคว่ำตอนที่เปิดประตูนี่ออกเพราะกว่าหญิงสาวจะหอบสังขารขึ้นบันไดกว่ายี่สิบชั้นขึ้นมาบนดาดฟ้าอาคารหลังนี้ได้ก็เหนื่อยจะตายอยู่แล้วยังต้องมาเปิดประตูบ้าๆนี่อีก! หญิงสาวย่ำเท้าเข้าไปหาตัวการที่ทำให้เธอต้องทำให้เธอเดินตามหาเขาจนเหงื่อตก
“คนบ้าอะไรมาสถิตอยู่บนดาดฟ้าหลังเลิกเรียนกันเนี่ย!”
“อ้าวว่าไง จะมาทวงค่าข้าวเย็นเหรอ”
นี่คือคำถามแรกที่จงฮยอนถามเมื่อเห็นหน้าเธอ โซจินนึกว่าจะได้พูดกับหมอนี่ดีๆอย่างถาวรแล้วนะ หญิงสาวโยนเสื้อแจ็กเก็ตที่ตอนแรกถือมาอย่างถนุถนอมใส่หน้าเขา
“เอาไปเลยไป”
“ในที่สุดก็เอามาคืนจนได้ฉันนึกว่าเธอจะยึดเลยนะเนี้ย”
โซจินทำหน้าเบ้ถ้าขืนไม่รีบถามให้มันจบๆไปมีหวังได้เปิดสงครามน้ำลายกันก่อนแน่
“นิลีจงฮยอน”
“ไม่เคยเรียกชื่อฉันรึไง”
จงฮยอนถามกวนๆ แต่พอเห็นใบหน้าจริงจังของหญิงสาว รอยยิ้มบางๆที่เคลือบอยู่บนใบหน้าของชายหนุ่มก็ค่อยๆจางหายไป
“ทำไมจะต้องทำหน้าจริงจังขนาดนั้นด้วยนะ”
“ถ้าฉันถามอะไรนายซักอย่างนายจะโกรธฉันมั้ย”
“มันก็ขึ้นอยู่กับคำถามของเธอนั่นแหละ....แล้วเธอจะถามอะไรละทำไมถึงต้องทำหน้าจริงจังขนาดนั้นด้วย”
ก็เพราะคำถามของฉันมันจริงจังมากนะสิ โซจินตอบคำถามของเขาในใจเธอถูฝ่ามือที่ชื้นเหงื่อกับกระโปรงนักเรียน ทำไมถึงต้องตื่นเต้นขนาดนี้ด้วยนะ
“นายรู้จักรุ่นพี่เจสสิก้ารึเปล่า”
“เจสสิก้า? เจสสิก้าไหน”
“จองซูยอฮยอน นักเรียนม.ปลายปีสามดาวโรงเรียนที่เพิ่งเสียชีวิตไปเมื่อไม่นานมานี้”
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉัน”
คิ้วของจงฮยอนขมวดเข้าหากันจนแทบจะเป็นปม ทำไมจู่ๆโซจินจะต้องเล่าเรื่องรุ่นพี่ที่ตายไปแล้วให้เขาฟังด้วยละ
“ช่วงที่นายย้ายเข้ามาเรียนที่นี่มันเป็นช่วงเดียวกับที่รุ่นพี่หายตัวไปก่อนที่พวกเราจะพบว่าเธอตายได้”
“...”
“แล้ววันนั้น เย็นวันศุกร์ที่นายเข้ามาในโรงเรียนนี้เพื่อจัดการกับเอกสารการย้ายโรงเรียนมันก็เป็นวันที่รุ่นพี่หายตัวไปพอดี แล้วนายก็ได้เจอกับเธอ...”
“เธอรู้ได้ยังไงว่าฉันเข้ามาจัดการกับเอกสารการย้ายโรงเรียนตอนวันศุกร์”
ภาพของหญิงสาวผมสีบล์อนที่พาเขามาส่งยังห้องทะเบียนผุดขึ้นมาในหัวของจงฮยอน หญิงสาวที่มีใบหน้างดงามและท่าทางใจดีคนนั้นมีชื่อว่าเจสสิก้างั้นเหรอ
“..ฉัน..”
“ถ้าเดาไม่ผิดเธอกำลังคิดว่าฉันเป็นคนฆ่ารุ่นพี่คนนั้นสินะ”
“...”
“แล้วเธอก็สงสัยฉันมากซะจนตามสืบเรื่องของฉันจนรู้ว่าฉันไปทำอะไรที่ไหนงั้นสิ”
จงฮยอนถามเสียงสบายๆ แต่ดวงตาของเขามันกลับกำลังส่งความรู้สึกแข็งกร้าวชวนอึดอัดมาให้โซจิน
“จงฮยอน...”
“ที่เธอสะกดรอยตามฉันวันนั้นก็เพราะเรื่องนี้ด้วยงั้นสิ เธอไม่เคยเชื่อใจฉันเลยสักนิดสินะ”
น้ำเสียงของเขาฟังดูเจ็บปวดมากสะจนโซจินใจสั่น....เขากำลังโกรธเธอ....
“ถ้าผู้หญิงผมบล์อนคนนั้นชื่อเจสสิก้า ใช่ฉันเจอกับเธอแต่เสียใจด้วยที่ความเลวของฉันมันไม่มากพอที่จะทำให้ฆ่าใครได้ทั้งๆที่เพิ่งเจอกันครั้งแรก”
จงฮยอนลุกขึ้นยืน ตอนนี้เขาอยากจะไปให้พ้นๆจากตรงนี้จริงๆ
“ถ้าเธอคิดว่าฉันเป็นฆ่าตกรก็อยู่ห่างๆฉันเอาไว้ก็แล้วกัน คุณนักสืบ!”
โซจินรู้สึกเหมือนดวงตาทั้งสองข้างกำลังร้อนผ่าว ทำไมเธอถึงทำอะไรโง่ๆแบบนี้นะปร์าคโซจินเขาเคยช่วยเธอเอาไว้นะแล้วเขาจะร้ายกาจขนาดฆ่าใครตายได้ยังไง!
“เดี๋ยว”
โซจินรีบคว้าแขนของชายหนุ่มเอาไว้
“นายโกรธฉันงั้นเหรอ....ฉันข..”
“ฉันจะไม่รู้สึกอะไรซักนิดถ้าคนที่ไม่ไว้ใจฉันไม่ใช่เธอ”
จงฮยอนสะบัดมือของหญิงสาวออกแรงๆ เขาเดินออกไปก่อนที่เสียงปิดกระแทกประตูเหล็กจะดังตามมา จู่ๆน้ำตามันก็ไหลเอ่อออกมาจากดวงตาของโซจินโดยไม่รู้ตัว
“ทำไมจะต้องเศ้ราด้วยกับอีแค่โดนคนอย่างหมอนั่นโกรธ...หมอนั่นไม่ได้มีความหมายอะไรกับชีวิตฉันซักหน่อย!”
โซจินตะโกนบอกตัวเอง แต่ถึงแบบนั้นเธอก็ยังไม่สามารถห้ามไม่ให้น้ำตาไหลออกมาได้อยู่ดี
สายลมอบอุ่นวูบหนึ่งพัดมาโดนใบหน้าของหญิงสาวในขณะที่เธอกำลังร้องไห้หนักขึ้นเรื่อยๆจนเริ่มจะกลั้นเสียงสะอื้นเอาไว้ไม่อยู่ สายลมนั้นกำลังพัดวนอยู่รอบตัวเธอราวกับมันต้องการปลอบโยนหญิงสาว ก่อนที่ความรู้สึกวิงเวียนจะเกิดขึ้นกับเธอ เพราะเมื่อคืนเอาแต่กังวลเรื่องจงฮยอนมันทำให้โซจินไม่ได้นอนทั้งคืน หญิงสาวรู้สึกราวกับร่างของตัวเองกำลังไร้เรี่ยวแรงก่อนที่มันจะค่อยๆทรุดลงไปกองกับพื้นพร้อมกับสติที่ดับวูบลง....
เคร๊ง!!
เสียงกระป๋องน้ำอัดลมที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวถูกเตะอัดกับกำแพงดังขึ้นเพราะความโมโหของชายหนุ่ม ทำไมผู้หญิงคนนั้นถึงได้คิดว่าเขาเป็นฆ่าตกรได้นะ เธอคิดว่าเขาเลวร้ายขนาดฆ่าใครได้เลยรึไง! จงฮยอนระบายความอัดอั้นของตัวเองลงบนกระป๋องน้ำอัดลมอีกใบ แล้วนี่เขาเป็นอะไรไปทำไมจะต้องหวังให้โซจินเชื่อใจเขาด้วยละ พอรู้ว่าเธอกำลังระแวงเขาอยู่ความน้อยใจบ้าๆมันก็เกิดขึ้นก่อนจะค่อยๆกลายเป็นความโกรธมากมายอย่างในตอนนี้
“ทำไมเธอถึงคิดว่าฉันเลวขนาดฆ่าคนได้นะ! ยัยผู้หญิงคนนั้น!”
เขาคิดอย่างหัวเสียแบบสุดๆก่อนจะเตะกระป๋องน้ำอัดลมใบที่สามออกไป แต่ถึงจะบอกว่าโกรธขนาดไหนสุดท้ายจงฮยอนก็ยังยืนอยู่หน้าอาคารที่เพิ่งเดินหนีโซจินลงมาอยู่ดี
“เมื่อกี้ฉันพูดกับยัยนั่นแรงไปรึเปล่านะ”
เขาบ่นพึมพำกับตัวเองเบาๆ
“ย๊าก!! ถึงนายจะไม่ได้เลวร้ายขนาดที่ยัยนั่นคิดแต่นายก็ไม่จำเป็นต้องเป็นคนดีขนาดนี้นะลีจงฮยอน!!”
จงฮยอนขยี้หัวตัวเองแรงๆเพื่อไล่ความรู้สึกสับสนที่อยู่ในใจ ทั้งๆที่เขาควรจะต้องโกรธโซจินมากแท้ๆแต่กลับกลายเป็นว่าเขาดันรู้สึกผิดที่พูดแบบนั้นกับเธอไปซะงั้น
“ฉันต้องกำลังจะบ้าแล้วแน่ๆ!”
“กรี๊ด!!”
เสียงกรีดร้องของใครบางคนทำให้จงฮยอนถึงกับชะงักฝีเท้าที่กำลังจะเดินออกไปจากที่ตรงนั้นเอาไว้ เสียงนั้นเหมือนดังลงมาจากบนชั้นดาฟ้าของอาคาร ทั้งๆที่อาคารหลังนี้สูงเกือยยี่สิบชั้นเป็นไปไม่ได้เลยที่ใครจะกรีดร้องได้ดังขนาดที่ทำให้เขาซึ่งยืนอยู่ด้านนอกอาคารได้ยิน......แต่เสียงนั้นต้องดังมาจากชั้นดาดฟ้าไม่ผิดแน่ ใครสักคนต้องกรีดร้องอยู่บนนั้น และคนๆเดียวที่น่าจะอยู่บนชั้นดาดฟ้าตอนนี้ก็มีเพียง.....ปร์าคโซจิน จงฮยอนหันไปมองคนอื่นๆรอบตัวแต่ก็ไม่เห็นมีใครแสดงท่าทีแปลกใจกับเสียงกรีดร้องนั่นเลยสักคน....นี่หมายความว่ามีเขาคนเดียวงั้นเหรอที่ได้ยินมัน...........
จงฮยอนวิ่งขึ้นตึกสูงกว่ายี่สิบชั้นไปอย่างรีบร้อน เขาไม่น่าเดินหนีโซจินลงมาแบบนี้เลย สมองของชายหนุ่มฟุ้งซ่านจนมันคิดอะไรไม่ออกนอกจากชื่อของปร์าคโซจินที่ผุดขึ้นมาในหัวไม่หยุด
“ยัยนั่นเป็นอะไรไปทำไมถึงต้องร้องออกมาแบบนั้นด้วย!”
แต่พอเริ่มตั้งสติได้เสียงกรี๊ดนั่นก็ไม่ได้เหมือนเสียงของโซจินเลยซักนิด แต่จะเป็นใครไปได้ในเมื่อบนดาดฟ้ามีเธออยู่แค่เพียงคนเดียว แล้วจงฮยอนก็ได้พบกับคำตอบเมื่อเขากระชากเปิดประตูเหล็กที่เปิดไปสู่ชั้นดาดฟ้าออก โซจินนอนอยู่ตรงนั้น..บนพื้นคอนกรีตราบเรียบใบหน้าของหญิงสาวซีดเซียวดวงตาที่ปิดสนิทแดงกล่ำเหมืนเพิ่งผ่านการร้องไห้มา......หากแต่เธอไม่ได้อยู่ที่นั่นเพียงคนเดียว เรือนผมสีบล์อนยาวสยายของใครบางคนกำลังพลิ้วไหวอยู่ในสายลม.....มือบอบบางสีขาวซีดกำลังโอบกอดร่างไร้สติของโซจินเอาไว้อย่างถนุถนอม....หญิงสาวผู้นั้นเหมือนสามารถรับรู้ได้ถึงการมาของจงฮยอนเธอค่อยๆหันกลับมามองเขาช้าๆ....ดวงตางดงามสีนำตาลอ่อนของเธอกำลังจ้องมองมาที่จงฮยอนแค่เพียงชายหนุ่มสบตากับเธอความรู้สึกเย็บยะเยือกก็แล่นไปทั่วร่าง ของเหลวสีแดงค้นค่อยๆไหลรินออกมาจากดวงตาคู่งามของหญิงสาวช้าๆพร้อมกับกลิ่นเหม็นเอียนที่เริ่มส่งกลิ่นอบอวลไปในอากาศ
“อย่าทำให้เธอเสียใจอีก!!”
เสียงดุดันที่ฟังคุ้นหูดังก้องอยู่ในหัวของชายหนุ่ม ก่อนที่ร่างบอบบางของหญิงสาวผมบล์อนผู้นั้นจะค่อยๆแตกกระจายกลายเป็นฝุ่นละอองและปลิวหายไปในอากาศ ความทรงจำเกี่ยวกับหญิงสาวผู้นี้กลับเข้ามาในหัวของเขา เธอคือคนๆเดียวกับผู้หญิงที่ช่วยพาเขาไปห้องทะเบียนในวันนั้น....แต่โซจินเพิ่งบอกกับเขาว่าผู้หญิงคนนี้ตายไปแล้วงั้นสิ่งที่เขาเจอเมื่อกี้ก็คือ.........ผี!!!
*******************************************
นั่น!พ่อพระเอกตัวดีของเราเจอดีเข้าให้แล้ว แล้วทีนี้จะเป็นยังไงต่อละเนี่ย อยากรู้ต้องติดตามอ่านตอนหน้ากันต่อไปค่ะ อิอิ
คอมเม้นวันละนิดชีวิตไรเตอร์จะสดใสนะคะทุกคน หึๆๆๆ แล้วเจอกันวันศุกร์หน้าค่ะ^_^
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ทั้งสองคู่เลยนะน่ารักมาก
ผีเจสมาอีกเเล้ว น่ากลัวจังง
หนุกมาก :)
ผี รุ่นพี่เจสสิก้านี่
นสุดๆ เลยนะ
พระเอกของเรายังโดนเลยนะเนี่ย
แต่พระเอกของเราเริ่มใจเต้นแรงกับนางเอกซะแล้ว
แล้วนางเอกของเราละ ^ ^
เป็นกำลังใจให้ไรเตอร์นะคะ สู้ๆ ^ ^
มาอัพตอนต่อไปไวๆนะค่ะไฟส์ติ้ง!!
สุดยอด แต่งได้ไงเอามาลงเยอะนะ เป็นกำลังใจให้
อยากให้ถึงศุกร์หน้าเร็วๆจังง
ตื่นเ้ต้นๆๆ
อัพสัปดาห์ละ 2 ตอนเถอะค่ะ ได้โปรดไรท์เตอร์