ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic bleach : renbya] ignorance ระหว่างเจ้ากับข้า [yaoi]

    ลำดับตอนที่ #9 : ตอนที่ 8

    • อัปเดตล่าสุด 26 เม.ย. 53



    เอาล่ะค่ะ ได้เวลามางงกันกับฟิคเรื่องนี้ต่อ...
    (ชักสงสัยแฮะว่ามันจะรอดไหม = =)
    ขอบคุณผู้อ่านทุกท่านนะคะ^^

    อิจิโกะ   เร็นจิวิ่งร่อนไปทั่ว   อิจิโกะ   ตอบสิเว้ยไอ้เพื่อนเวร    เร็นจิหันซ้ายขวา   หายไปไหนของมัน...   
    อิจิโกะเฟ้ย    ไปตายอยู่แถวไหน   บอกทางไปเก็บศพแกที   เฮ้ย...อิจิ...โกะ   เสียงเร็นจิค้างอยู่ที่ลำคอเมื่อคมดาบที่ใหญ่เท่าตัวคนยื่นมาจากร่างยมทูตผมส้ม   สายตาอิจิโกะเหมือนคนที่ถูกสะกดยามหลับใหล   แต่ใบหน้านั้นก็ฉีกรอยยิ้มที่ทำให้เร็นจิรู้ได้ทันทีว่าเป็นใคร

     

    แกอีกแล้ว   เร็นจิคว้าซาบิมารุมาตั้งพร้อมที่จะรั้งดาบทันที   แต่ร่างอิจิโกะส่ายหน้าเบาๆ

     

    ไม่เอาละ   ข้าแพ้ไปแล้ว   คารุโกะยิ้มเรียบๆก่อนจะทรุดตัวลงนั่งกับพื้นทางเดิน   เร็นจิลดดาบลงอย่างระแวง   มาไม้ไหนกัน...   นี่ข้าพูดจริงนะ   ข้าไม่สู้แล้ว   ข้าแพ้เจ้าไปแล้วนี่

     

    แกต้องการอะไร   เร็นจิปักดาบลงกับพื้นแล้วยืนพิงกำแพงอีกด้านให้ห่างจากฮอลโลว์ให้มากที่สุด

     

    ต้องนี้อยากกลับออกไปข้างนอก   คารุโกะพูดเสียงเหนื่อย   ข้าไม่คิดว่าจะเจอคนที่ต่อต้านพลังข้าได้   เจ้าก็เห็น...เมื่อไม่มีพลังนั่น   ข้าก็ทำอะไรไม่ได้

     

    อยากกลับไปเหรอ   เร็นจิแยกเขี้ยวใส่   ใครบอกว่าข้าจะปล่อยเจ้าไปง่ายๆ

     

    แล้วเจ้ามีวิธีอื่นหรือไง   คารุโกะยิ้มอ่อนแรง   เจ้าก็เห็น...ข้าฆ่าพวกนั้นได้หมดแล้ว   แค่ข้าสั่งให้ทุกคนหยุดหายใจ   มันก็ตายเกลี้ยง   เร็นจิหรี่ตาคิดก่อนจะเอ่ยอย่างจำยอม

     

    มันก็ถูกของเจ้า   เร็นจิมองร่างเพื่อนผมส้มตัวเองอย่างไม่คลาดสายตา   ดวงตากร้าวเริ่มอ่อนแสงลง   แต่เจ้าทำแสบมาก

     

    เจ้านั่นไม่ตายหรอก   ใครนะ...อืม   น้องสาวเจ้าใช่ไหม

     

    ข้านับนางเป็นน้อง   เร็นจิกอดอกพิงกำแพง

     

    แล้วเจ้าคนสวยนั่นละ   เจ้านับเป็นอะไร   คารุโกะหัวเราะเสียงแหบเมื่อเร็นจินิ่งอึ้ง   มือหนาคว้าซาบิมารุจ่อเข้าที่คอหอยร่างอิจิโกะ   มือของเด็กหนุ่มผมสียกขึ้นเป็นเชิงยอมแพ้

     

    ไม่เกี่ยวกับเจ้า   อย่ามาถามไม่เข้าเรื่อง   เร็นจิรั้งดาบออก

     

    ใช่...   ข้าไม่พูดให้ตายอีกรอบหรอก   คารุโกะถอนหายใจ   ข้าอยากให้เจ้าช่วย   ถ้าเจ้าหาร่างให้ข้า...ข้าจะปล่อยทุกคนไป   แล้วถ้าเจ้าสัญญาว่าจะปล่อยข้าไปตามทางของข้า   ซึ่งข้าสัญญาว่าจะไม่กลับมายุ่มย่ามกับยมทูตอีก   ข้าจะปล่อยเพื่อนเจ้าคนนี้ไป

     

    เจ้าจะเอา...อิจิโกะเป็นตัวประกันเหรอ   เร็นจิหรี่ตาลงอย่างใช้ความคิด

     

    คงต้องเป็นอย่างนั้น   คารุโกะเปิดยิ้มโรคจิตตามแบบฉบับ   ว่าไง   จะตกลงไหม

     

    พรุ่งนี้...   เร็นจิเอ่ยตอบแทบจะทันที   พรุ่งนี้เจ้าจะได้ร่างแล้วข้าจะพาเจ้าไปส่งที่ประตู   แต่ว่าถ้าเกิดเจ้าเล่นตุกติก   เจ้าไม่ได้ตายอีกแค่รอบเดียวแน่

     

    รับทราบ   อิจิโกะเปิดปากยิ้ม   พรุ่งนี้...ข้าจะรอ...   เสียงคารุโกะติดขัด   ให้ตาย...ร่างนี้...ควบคุมยากเป็นบ้า

     

    ก็ว่างั้นแหละ   เร็นจิรีบก้าวพริบตาหายไป   แค่หาร่างดีๆที่ตายไปแล้วสักร่าง...จะยากอะไร...

     

     

    แต่กลายเป็นว่าร่างที่หาได้...

     

    ผู้หญิงนี่   คารุโกะตบหน้าผากตัวเอง

     

    เหอะ   มันก็มีแค่นี้เท่านั้นแหละที่หาได้   เร็นจิย่นคิ้ว   เจ้าไม่ได้บอกซะหน่อยว่าต้องเป็นเพศอะไร   อย่ามาตุกติก

     

    นี่เขาเรียกว่าตุกติกงั้นเหรอ   คารุโกะเบ้หน้ามอง   ช่างเถอะ   ข้าแค่ต้องกลับไปเป็นผู้หญิงอีกรอบเท่านั้นเอง

     

    เจ้า...ที่แท้เจ้าเป็นผู้หญิงเหรอ   เร็นจิเอ่ยอย่างคิดไม่ถึง

     

    ข้าถึงสู้ไม่เก่งไงเล่า   ทำไมสมองพวกเจ้าถึงมีกันน้อยนักนะ   คารุโกะจับหัวไหล่ที่แผลถลอก

     

    ข้าถามจริงเถอะ   สรุปว่าพลังของเจ้าคืออะไรกันแน่   เร็นจิแทบจะผูกเรื่องอะไรต่อไม่ออกแล้ว

     

    พลังข้า...โดยหลักๆแล้วคือการเปลี่ยนสภาพ   ร่างที่มีดวงจิตของข้าจะเปลี่ยนเป็นอะไรก็ได้   แต่ข้าก็มีพลังควบคุมอยู่บ้างเหมือนกัน   แปลกที่ไปๆมาๆมันกลับเป็นประโยชน์กับข้ามากกว่าการเปลี่ยนสภาพเสียอีก   คารุโกะร่ายยาวแต่ก็ยังเว้นจังหวะมายิ้มแสยะตามแบบฉบับตนเอง   เพราะฉะนั้นตอนที่ข้าเข้ามาตอนแรก   ข้าถึงต้องใช้พลังเปลี่ยนสภาพไปก่อนเพราะมันจะไม่เร่งอาการบาดเจ็บ

     

    โอ๊ะ   พอเถอะ   ฟังแล้วข้าเวียนหัว   เอาเป็นว่าเจ้าก็ไปให้พ้นจากที่นี่ซะให้ไกลๆไปเลยละกัน   ยมทูตผมแดงวางศพบนพื้นก่อนที่จะแง้มเปิดประตู

     

    ก็เจ้าถามข้าก็ตอบสิ   คารุโกะย่อตัวลงถอดจิตเข้าร่างหญิงสาวที่นอนเป็นศพอยู่บนพื้นหญ้า   เอาละ   เปลือกตาศพกระพริบตื่นขึ้น   ขอบคุณมากเจ้าหัวแดง   หญิงสาวเดินลิ่วออกไป   อืม...แต่ข้าขอโทษ   สุดท้ายข้าก็เล่นตุกติกอยู่ดี   อันที่จริงแล้วตอนที่วิ่งหนีเจ้า   ข้าลืมไปว่าตั้งระบบปิดกั้นความทรงจำบางส่วนของหุ่นกระบอกข้าอะนะ

     

    นี่เจ้า   เร็นจิตั้งท่าจะวิสามัญคนพูดอะไรให้ดูยุ่งยาก

     

    อะๆ   ข้ายังมีเพื่อนหัวส้มของเจ้าอยู่นะ   คารุโกะยิ้มแห้ง   ข้าขอโทษตอนนั้นลืมคลายระบบจริงๆ

     

    แล้วมันจะเป็นยังไง   เร็นจิถามเสียงร้อนรน   แต่คารุโกะเดินถอยหลังไปให้ไกล

     

    เดี๋ยวเจ้าก็รู้เองละ   ข้าไปแล้วๆ   ลาก่อนเถอะ   ข้ายังไม่อยากหาร่างใหม่อีกตอนนี้   แล้วร่างหญิงสาวก็หายไปจากตรงนั้น...ตลอดกาล

     

    เว้ย   มึนหัว   ตื่นมาก็บ่นเชียวอีเพื่อนบ้า   ไอ้ตัวถ่วง   อ้าวเร็นจิ   แกจะปิดประตูทำไม   แล้วนี่พวกเรามาทำอะไรตรงนี้   ไอ้คุณชายแปรพักตร์นั่นละ   อิจิโกะดีดตัวยืนแต่ก็โดนหมัดหนักๆชกลงคว่ำกับพื้น

     

    กลับกันเว้ย   หมดเรื่องแล้ว   เร็นจิเดินสบายๆให้เซลล์สมองของอิจิโกะปรับตัวให้ทันกับสถานการณ์บ้านเมืองตอนนี้ก่อน

     

    หมดเรื่อง   อ้าวเฮ้ย...ฉันพลาดอะไรไปหรือเปล่า

     

     

    ข้าลืมคลายระบบปิดกั้นความทรงจำบางส่วน

     

    ร่างสูงของยมทูตผมแดงนั่งอยู่ข้างเตียงคนป่วย   หน้าเคร่งเครียดเท้าเกยอยู่กับท่อนแขนแกร่ง   ได้โปรด...ถึงข้าจะอ่านใจเจ้าคารุโกะนั่นได้ดีมากขนาดไหนก็เถอะ   แต่ขอร้อง...อย่าให้เป็นอย่างที่ข้าคิดเลย

     

    เร็นจิ   ร่างบอบบางของยมทูตสาวผมดำเดินมาหยุดยืนอยู่ข้างเตียง   ท่านพี่...ยังไม่ตื่นอีกเหรอ

     

    อืม   เร็นจิยิ้มแห้ง   ข้าขอโทษที่ดูแลพี่เจ้าไม่ดีนะ   สายตาชายหนุ่มทอแสงเศร้า   ข้าไม่น่าปล่อยเขาไว้คนเดียว

     

    ไม่เป็นไรหรอกน่า   ไม่ใช่ความผิดของเจ้าหรอก   มันเป็นอุบัติเหตุ   ลูเคียลากเก้าอี้มานั่งเฝ้าอยู่ห่างๆจากเร็นจิ ... และก็ผล็อยหลับไปในที่สุด

     

    น่าแปลกไหม...   ไอ้เจ้าคารุโกะนั่นเข้ามา   แล้วก็หายไป...   ไม่มีใครจำคำสั่งที่ให้เขาไปตรวจแถวประตูนั่นได้   ไม่มีใครจำได้ว่าเขาถูกเรียกตัวไปรายงานเรื่องทำร้ายยมทูต   กลายเป็นว่า...ทุกคนแค่รู้...รู้ว่าเขากับเบียคุยะกับคารินออกไปทำภารกิจด้วยกัน   คนหน่วยหกทั้งสองบาดเจ็บกลับมา   เข้ามารักษาตัวและยังไม่หายดี   มีแต่เขา...ที่ยังจำเรื่องราวได้ทั้งหมด

     

    เฮ้ย   เสียงกวนประสาทมาถึงก่อนตัวคน   ใครลักพาตัวแฟนฉันมาไว้ห้องเก็บศพเนี่ย   เร็นจิฉีกยิ้มอาฆาตก่อนจะเงื้อซาบิมารุมารั้งไว้ที่ต้นคอของคนปากเสีย

     

    อยากเป็นยมทูตเต็มตัวแล้วเหรอ...อิจิโกะ   เร็นจิเค้นยิ้มหวานให้เพื่อนตัวแสบ

     

    อะไรวะ   อย่างแกมือไม่ถึงหรอกเร็นจิ   อิจิโกะก็ยิ้มมาดมั่นให้ตามฉบับคนเป็นพระเอก  หนุ่มผมแดงแทบจะปาดคอเพื่อนรักเพื่อพิสูจน์ฝีมือ   แต่ว่าอิจิโกะกลับยื่นกระป๋องน้ำอัดลมมาให้   เอาน่า   หน้าหมาๆของแกมันมุ่ยเสียยิ่งกว่าไอ้ตูดดาบลิงนั่นซะอีก

     

    นี่แก   เข้าใจว่าหวังดี...แต่พูดแบบนี้มันก็อยากจะบังไคให้เดี้ยงกันไปข้างหนึ่ง   แต่มือหนาก็ยกขวดน้ำอัดลมขึ้นเปิดฝาแล้วกระดกพรวดเดียวหมด 300 ลิตร   (เอ้ย...มิลลิลิตร)   ขอบใจเว้ย

     

    เออ   ขอตัวแฟนกลับก่อนนะ   อิจิโกะหันไปทางลูเคีย   ซึ่งถ้าเด็กสาวตื่นอยู่ก็คงจะโวยวายไม่น้อย   แต่เผอิญว่าหลับ...   ยมทูตผมส้นช้อนร่างบอบบางขึ้นอุ้ม   ไปแล้วเฟ้ย   ให้นางเอกตื่นมาเจอพระเอกคนเดียวก็พอ   ไม่ต้องมีก้างขวางคออยู่ในห้องหรอก

     

    พูดแมวๆเหมือนเดิมนะ   เร็นจิพูดยิ้มๆก่อนใบหน้าจะเครียดลงทันทีที่ร่างเพื่อนของตนหายพ้นไปจากห้อง   ร่างหนาเดินมานั่งข้างขอบเตียงเหมือนเดิม

     

    ท่านเบียคุยะ...ตื่นขึ้นมาหาข้าซะทีสิ...ข้า...อยากคุยกับท่าน...อยากได้ยินเสียงท่าน...อยากมองนัยน์ตาท่าน   ...ได้โปรด...   ถึงแม้ท่านจะตื่นมาแล้ว...   ลืมข้า...ก็ตาม

     

    อือ   เปลือกตาบางค่อยๆเปิดขึ้นเหมือนต้องมนตร์   สายตาไหววูบค่อยๆมองสำรวจรอบห้อง   เร็นจิสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะยิ้มเศร้า...

     

    ท่านเบียคุยะ   เร็นจิพูดเสียงอ่อนโยน   มือหนาส่งแก้วน้ำให้เหมือนรู้ความต้องการของคนป่วยดี

     

    ข้า...   ใบหน้าสวยหรี่ตาลงคล้ายกำลังทำความคุ้นเคยกับโลก   เป็นใคร...   ที่นี่ที่ไหน...   แล้วเจ้า...

     

    ท่านเบียคุยะ   เร็นจิเปิดยิ้มเจ็บปวด   แต่หัวหน้าหน่วยหกกลับกระสับกระส่ายเกินกว่าจะสนใจอารมณ์เศร้าลึกของร่างสูง   มือหนายกขึ้นลูบศีรษะบางอย่างปลอบโยน   ไม่ต้องห่วง...   ท่านปลอดภัยแล้ว

     

     

    ถ้าเจ้ายังยืนยันที่จะขอกลับไปดูแลคุจิกิ   เบียคุยะแล้วละก็...   เรื่องนี้ข้าคงจะห้ามเจ้าไม่ได้   หัวหน้าใหญ่ของเหล่ายมทูตพูดจากบนเก้าอี้หัวห้อง   ข้าอนุญาตให้เจ้ากลับไปเป็นรองหัวหน้าหน่วยหกได้ชั่วคราว   ระหว่างนั้นเรื่องงานที่หน่วยห้า...

     

    ข้าช่วยเองค่ะ   ประตูห้องประชุมเปิดดังปังโดยยมทูตไม่ค่อยรู้จักกาลเทศะคนเดิม   คารินเดินเข้ามาทั้งๆที่ยังกุมแผลของตนอยู่   ได้โปรดเถอะค่ะ...ท่านหัวหน้ายามาโมโตะ

     

    ก็แล้วแต่เจ้า...คิซากิ   แต่คราวหน้าฝึกมารยาทมาใหม่ด้วย   ยมทูตสาวยิ้มเจื่อนก่อนก้มหัวน้อมรับคำสั่ง   ร่างบางเดินยิ้มออกจากห้องประชุมในขณะที่ยมทูตผมแดงได้แต่มองตามอย่างไม่เข้าใจ

     

    แล้วเจ้าอาบาราอิ   หัวหน้าใหญ่ยามาโมโตะพูดเสียงเรียบ   เจ้าพอรู้เหตุผลที่หัวหน้าคุจิกิความจำเสื่อมบ้างไหม

     

    ข้า...   ใบหน้าคมคายฉายแววเจ็บปวดออกมาอย่างปิดไม่มิด   ...ไม่ทราบครับ

     

    งั้นเจ้าก็ไปได้แล้ว   ผู้เฒ่าชรากำไม้เท้าในมือ   ดูแลงานที่หน่วยหกให้ดีระหว่างที่รอหัวหน้าคุจิกิกลับมาทำงานได้อีกครั้ง

     

    ครับ   ร่างสูงก้าวเท้าเดินออกไปจากห้องประชุม   ข้าทราบดี

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×