คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : ตอนที่ 7 (แก้ไขแล้วค่ะ)
ร่างบางของรองหัวหน้าหน่วยที่ 6 เดินกลับหน่วยด้วยใบหน้าเรียบๆ ทว่าภายในใจกลับร้อนระอุไปด้วยความกังวลใจ...เกิดอะไรขึ้นกับหัวหน้า...คำถามนี้วนเวียนอยู่ในหัวเด็กสาวมาตลอด ทว่าเธอก็ยังไม่สามารถหาคำตอบให้คำถามนี้ได้...จะว่าไป หมู่นี้หัวหน้าไม่ค่อยได้พกดาบเลยนี่นา เกิดอะไรขึ้นนะ เด็กสาวก้าวเข้าไปในที่ทำการหน่วยด้วยใบหน้ายุ่งเหยิง ก่อนจะจ๊ะเอ๋เข้ากับร่างของลำดับสามริคิจิ
“อ้าว มายืนอู้งานอะไรตรงนี้เนี่ย”เธอเอ่ยแซว ทว่าริคิจิกลับมองหน้าเธอด้วยแววตาตระหนก
“รองหัวหน้า”
“อะไร? เกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอ”เด็กสาวขมวดคิ้วถาม ริคิจิมีสีหน้าลำบากใจก่อนเล่าให้รองหัวหน้าของตนฟัง...
ถึงแม้ฟิคอันนี้จะเป็นเร็นเบียแต่ทว่าพระเอกตัวจริงของเรื่องก็ควรจะได้ออกโรงบ้างจริงไหม อย่างน้อยก็ในฐานะว่าที่น้องเขยตระกูลคุจิกิ...ร่างสูงของตัวแทนยมทูตเดินไปมาภายในหน่วยพิทักษ์ที่ 13 ด้วยสีหน้าร้อนรุ่ม จะไม่ให้ร้อนได้ไง ก็...
“อิจิโกะคุง”เสียงเรียกของอุคิทาเกะทำให้ชายหนุ่มหันควับไปมองต้นเสียง ร่างของหัวหน้าหน่วย13เดินตรงเข้ามาด้วยสีหน้าสบายๆ
“คุจิกิคงไปหาเบียคุยะล่ะนะ เจ้าไม่ต้องกังวลไปหรอก”อุคิทาเกะพูด
“งั้นเหรอครับ”อิจิโกะพึมพำ ถึงจะรู้ว่าไปหาเบียคุยะก็เถอะ แต่ทำไมใจมันสั่นๆอย่างนี้นะ (สั่นเพราะขาดเธอไม่ได้รึป่าวเนี่ย) สังหรณ์ไม่ดีเลย...
“อิจิโกะคุง เครียดมากเกินไปแล้วนะ” อุคิทาเกะพูดยิ้มๆก่อนที่มือทั้งสองข้างจะถูกดึงไว้ด้วยแฝดในชุดยูกาตะสีฟ้า “นี่พวกเจ้าออกมาทำไมกันเนี่ย”
“อิจิโกะกลุ้มใจเหรอ" ตัวแทนยมทูตพยักหน้าหงึกๆแทนคำตอบ
“ถ้ากลุ้มใจก็ไปหาเพื่อนบ่นให้ฟังซักคนก็ดีนะ”เด็กน้อยสองคนพูดพร้อมกันเป็นเสียงเดียว
เพื่อน...บ่นให้ฟัง...แพะรับบาป...ดีเลย...
“งั้นผมขอตัวไปเยี่ยมหน้าเพื่อนเก่าหน่อยนะครับ”
“เร็นจิ”เสียงตะโกนดังลั่นมาจากหน้าที่ทำการหน่วย ทำเอาเจ้าของนามถึงกับสะดุ้งโหยง ไอ้เสียงกวนประสาทหูแบบนี้...ไอ้บ้าอิจิโกะ
“ไอ้บ้า มาตะโกนโวกๆหน้าหน่วยข้านี่อยากตายใช่มั้ย”เร็นจิโผล่หน้าออกไปนอกหน้าต่างแล้วตะโกนกลับสุดเสียง...เอ็งก็ตะโกนนี่ฝ่า อิจิโกะคิด ก่อนจะปีนหน้าต่างเข้ามาเพื่อความรวดเร็ว
“มีอะไร"เร็นจิถาม หน้าส่อเค้าหงุดหงิดตามนิสัย
“ลูเคียอ่ะสิ ไปหาเจ้าเบียคุยะอ่ะ ฉันเลย...เฮ้! อะไรเร็นจิ ตกใจอะไร”ประโยคหลังชายหนุ่มอุทานลั่นเมื่ออยู่ๆท่านหัวหน้าหน่วย5ก็ตบโต๊ะบึ้งแล้วลุกขึ้นยืนจ้องหน้าเขา ดวงตาเบิกกว้าง
“ไปหาหัวหน้า แล้วแกปล่อยเขาไปง่ายๆเหรอ ไอ้บ้า! แกรู้ตัวมั้ยว่าแกทำอะไรลงไป”เร็นจิกระชากคอเสื้ออิจิโกะเข้ามาตะคอกใส่ ชายหนุ่มขมวดคิ้วด้วยความงุนงง
“ทำไมอ่ะ”
“ไอ้บ้า! แกรีบตามข้ามาเดี๋ยวนี้เลยนะ ถ้าแกไม่อยากให้ลูเคียเป็นอะไรไปน่ะ”ว่าแล้วเร็นจิก็จัดการลากตัวอิจิโกะไปยังที่ทำการหน่วย6ทันที ทว่า...
“อ๊ากกกกกกก”เสียงกรีดร้องของหญิงสาวดังลั่นสถานที่ซึ่งเป็นที่คุมขังนักโทษ...ที่คุมขังฮอลโลว์ที่รอวันประหาร
“หยุดนะ! ปล่อยนางเดี๋ยวนี้ ข้าบอกให้หยุดไง”เสียงแหบพร่าของฮอลโลว์ที่อยู่ใกล้ที่สุดตะโกน
“ฮ่าๆๆๆๆๆๆ เอ้ารอช้าอะไรอยู่ล่ะ แทงนางซะ แทงสิ! เจ้าคิดว่าใครกันที่เป็นนายของเจ้า”ร่างงามของหัวหน้าหน่วยที่6ตะโกนลั่น ในขณะที่มือของใครคนหนึ่งที่ถือดาบกำลังสั่นสะท้าน เซ็นบงซากุระพยายามควบคุมตนเองอย่างสุดความสามารถ ทว่า...
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ เซ็นบงซากุระ”ฮอลโลว์ หรืออีกนัยหนึ่งคุจิกิ เบียคุยะในร่างฮอลโลว์ตะโกนสุดเสียง
“ข้า...ข้าหยุดไม่ได้ นายท่าน ข้าหยุดไม่ได้”เสียงหวาดวิตกอย่างขีดสุดของเจ้าของใบหน้าภายใต้หน้ากากพูด ก่อนมือที่กุมดาบคาตานะอยู่จะพุ่งเข้าใส่ร่างของยมทูตสาวตรงหน้า
“รอบำต่อไป ฮาคุเร็น”ทางน้ำแข็งสีขาวซัดเข้ามา แล้วร่างของโซเด โนะ ชิรายุกิก็ปรากฏขึ้น
“อย่าออกมา! โซเดโนะ ชิรายุกิ กลับเข้าไปซะ”เซ็นบงซากุระพูด ทว่ามือเรียวกลับใช้คมดามนับพันป้องกันทางน้ำแข็งนั่นไว้
“เฮอะ! ออกมาได้ออกมาดีนะ งั้นเจ้าก็ด้วยแล้วกัน”คารุโกะพูด ก่อนสมองของโซเด โนะ ชิรายุกิจะสับสนไปหมด หญิงสาวถือดาบตรงทื่อเข้าใส่เจ้านายตัวเอง
“โซเด โนะ ชิรายุกิ”ผู้เป็นเจ้านายพูดเสียงสั่น
“ท่านลูเคีย! ข้า ข้าคุมตัวเองไม่ได้ อ๊า!!!”ร่างบางอุทาน ก่อนพยายามสลายตัวเองกลับเข้าไปยังโลกภายใน
“หยุดนะ!!! เจ้าทำอะไร อย่าเอาลูเคียมาเกี่ยวด้วยสิ! ถ้าจะฆ่าข้าล่ะก็ ฆ่าเลยสิ อย่าเอานางมาทรมานแบบนี้”เบียคุยะบอกเสียงแหบพร่า ในขณะที่พยายามทำลายกรงขัง ทว่าก็ได้แค่จ้องมองน้องสาวตนเองโดนทำร้าย
“ท่านพี่...ทำไม...ทำไมท่านถึงได้...ท่านพี่คะ...ท่านพี่เบียคุยะ”เสียงแหบพร่าของลูเคียเอ่ยกับผู้ที่คิดว่าเป็นพี่ชายตน คารุโกะในคราบเบียคุยะฉีกยิ้มชั่วร้ายก่อนจิกหัวยมทูตสาวตรงหน้าขึ้นมา
“อย่านะ!”เซ็นบงซากุระพูด ก่อนสวนดาบเข้าใส่ร่างที่เคยเป็นของเจ้านายตน
“อย่ามาแส่ไม่เข้าเรื่อง”คารุโกะตวาด ก่อนร่างของซามูไรหนุ่มจะทรุดฮวบลงกับพื้น
“นังคนนี้ใช่หรือไม่ น้องสาวของเจ้าน่ะ หัวหน้าคุจิกิ”คารุโกะพูด
“เจ้าจะทำอะไรนาง”เบียคุยะถามรอดไรฟัน
“ทำอะไรน่ะรึ...”
“หยุดนะ แกจะทำอะไรลูเคียน่ะ”ยมทูตผมสีส้มที่เพิ่งมาใหม่พร้อมกับ ‘เจ้าผมแดง’ ที่คารุโกะคุ้นเคยพูด
“อิจิโกะ”ลูเคียพึมพำ ก่อนกรีดร้องสุดเสียงเมื่อโดนดึงเข้ามาใกล้ตัวของคารุโกะ
“ในที่สุดก็มาแล้วรึ เจ้าผมแดง”คารุโกะพูด ก่อนเขวี้ยงร่างของยมทูตสาวไปทางหนึ่ง ซึ่งอิจิโกะ (ในฐานะพระเอก) วิ่งไปรับร่างของเธอด้วยความเร็วสูง
“เจ้า...ทำไมต้องเอาลูเคียมา...เจ้าต้องการอะไรกันแน่”เบียคุยะตวาดลั่น
“ข้าน่ะหรือ...ใครที่มันบังอาจขัดขืนข้า มันต้องตาย”ร่างบางพูด ก่อนมีดสั้นสีเงินจะมาปรากฏขึ้นในมือแล้วพุ่งเข้าใส่ยมทูตผมแดงตรงหน้า
“เบียคุยะ...นายทำอะไรน่ะ”อิจิโกะในสภาพโชกเลือดตะโกนใส่ร่างที่มองว่าเป็นเบียคุยะ
“หุบปากของเจ้าไปซะ”คารุโกะหันมาพูด ก่อนพุ่งเข้าใส่เร็นจิต่อ
เจ้าบ้าอิจิโกะ...โค่นไอเซ็นได้แต่กลับมองไอ้กลลวงของฮอลโลว์ไม่เห็น
มันจะบ้าเกินไปไหม มาช่วยกันที...
ซาบิมารุของเร็นจิรับดาบทีเดียวสามคมเพรียวๆไปด้วยกัน มีดคารุโกะ เซ็นบง โซเด โนะ โอ้...พระเจ้า เขาใกล้ตายในขณะที่พระเอกของเรื่องยืนอึ้งมองนิ่งๆ
“ช่วยกันที” เร็นจิแทบจะแหกปากใส่เพื่อนผมสีประหลาดที่ไม่ทำอะไรเลยมาสามนาทีเต็มๆแล้ว อิจิโกะเองก็เหมือนเพิ่งจะรู้สึกตัว เด็กหนุ่มผมส้มยิ้มไว้มาดตามแบบฉบับก่อนที่จะ...
ครืด...ตูม...
พังลานประหารใต้ดินเละเป็นจุณ
เร็นจิดีดตัวหลบเศษหินที่พังถล่มทลายลงมาไม่มีปี่มีขลุ่ย มือหนาคว้าร่างฮอลโลว์ไว้แน่นก่อนจะพาออกไปที่โล่งและห่างจากสนามรบ (ที่มีอิจิโกะบ้าพลังอยู่คนหนึ่ง)
“ท่านเบียคุยะ อยู่ที่นี่นะครับ” เร็นจิวางร่างนั้นลงอย่างทะนุถนอมก่อนที่จะก้าวพริบตาไปเขกกบาลเพื่อนตัวดี
“โอ๊ย แกเปลี่ยนข้างไปอีกคนแล้วเหรอวะ” อิจิโกะเองก็แบกลูเคียอยู่เหมือนกัน
“แกสิทำบ้าอะไร” ยังไม่ทันที่เร็นจิจะพูดจบ อิจิโกะก็ก้าวพริบตาหายไปฝากลูเคียไว้กับนางไม้นางป่าแถวๆนั้น แล้วก็ยังกลับมาฟังทันเพื่อนหัวแดงพูดต่อ โดยที่คนพูดไม่ได้รู้เลยว่าเพื่อนตนเองหายไปขณะพูด เจริญ...
“จะยืนรั่วไปอีกนานไหม” คารุโกะในคราบเบียคุยะก้าวมายืนเหนือซากปรักหักพัง “ทีนี้แหละของจริง” มือบางแตะมีดสั้นแล้วเคาะเบาๆ ปลายมีดเปลี่ยนเป็นดาบยาวส่องแสงสีเงิน
“ว้าว เจ๋ง” อิจิโกะนึกสนุกพูดออกมา
“บ้านแกสิ” เร็นจิตั้งท่ารับการโจมตีอย่างดี อิจิโกะยักไหล่ไม่ระแคะระคาย
“โธ่ กะอีกแค่คนที่ล้มไปแล้ว ล้มอีกทีจะเป็นอะไรไป” หนุ่มผมส้มพูดโดยไม่สนใจว่าปลายดาบจะยาวขึ้นและ...
ฉัวะ...
ร่างอิจิโกะกระเด็นไปหลายไมล์ ในขณะที่เร็นจิ (ซึ่งคุ้นกับการโจมตีของคารุโกะและท่าจะอ่านทางออกแล้ว และท่าจะกลายเป็นพระเอกของฟิคนี้ไปแล้ว) กลับหลบได้อย่างง่ายดาย
“เล่นทีเผลอนี่หวา” อิจิโกะยังไม่แคล้วตะโกนตอบกลับจากระยะทางดาวอังคาร สงสัยจะใช้เครือข่ายวันทูคอล ไกลแค่ไหนก็มีสัญญาณ เร็นจิมองหาต้นเสียงอย่างปลงๆ นี่คนเขียนต้องการอะไรกัน ฆ่าพระเอกของเรื่องเชียวนะ
(ไวรัส...รู้จักคำว่าถ่วงเวลาไหมเจ้าค่ะ)
เร็นจิพยักหน้าเข้าใจแผนการ เฮ้ย...เกินไป...
“หยุดรั่วได้แล้ว” คารุโกะตะโกนทำลายความสับสนอลม่านระหว่างเรื่องที่เขียนกับไรเตอร์ทอล์ก (รู้สึกว่ายังรั่วอยู่) “เลิกรั่วซะที” คารุโกะทำท่ารูดซิบปาก (นึกท่าท่านเบียรูดซิบปากไม่ออกแหะ) “แกหยุดพูด”
“เอาละ จัดการมือที่สามไปหมดแล้ว” คารุโกะกระดิกนิ้วก่อนที่ร่างของเซ็นบงและโซเดโนะจะลุกขึ้นทั้งๆที่ร่างกายโทรมเต็มที “เจ้าพวกนี้ควบคุมไปก็เปลืองพลัง” คารุโกะสะบัดมือไปข้างหลังก่อนที่ดาบฟันวิญญาณทั้งสองจะสลายเป็นผุยผงทันที
“เซ็นบง..ซากุระ” เร็นจิเบิกตามองอย่างคาดไม่ถึง “โซเด...โนะ ชิรายุกิ”
“มาเจ้าหัวแดง” คารุโกะตวัดดาบให้ยาวขึ้นอีกเท่าตัว “เจ้ากับข้ามาชำระหนี้กันให้หมดซะที”
“แก...” เร็นจิจ้องร่างบอบบางของเบียคุยะอย่างคิดไม่ตก ทำยังไงดี... ถ้าจะจัดการเจ้านี่ มีอะไรมารับประกันไหมว่าเบียคุยะจะไม่เป็นอะไร เบียคุยะ... จริงสิ...เรื่องที่เจ้านั่นบอก
“เป็นอะไรไป” คารุโกะเลิกคิ้วมองร่างหัวหน้าหน่วยห้าที่ที่แก้ผ้าโพกศีรษะตัวเอง “มีอะไรขัดข้องใจกับทรงผมงั้นเหรอ”
“แกบอกว่าแผลจะแตกไม่ใช่เหรอ” เร็นจิมัดผ้าโพกศีรษะปิดตาเอาไว้
“อ๋อ...ใช่” คารุโกะทำหน้าเหมือนเพิ่งนึกเรื่องสำคัญออก “เชื่อง่ายดีแหะ เอาเถอะ...ถึงมันจะเป็นเรื่องจริงแต่พวกแกก็ดูเป็นห่วงกันดีเหลือเกินนะ”
“มีปัญหาเหรอ” เร็นจิตั้งกราดดาบอีกครั้งก่อนคารุโกะจะฉีกยิ้ม
“แบบนี้จะมีปัญญาสู้ข้าได้งั้นรึ” คารุโกะพุ่งตัวเข้าหาร่างหนุ่มผมแดงแต่เร็นจิตวัดดาบรับได้อย่างสบายๆ “ล้อเล่นน่า” ฮอลโลว์ในร่างบอบบางหน้าซีด คารุโกะคิดแผนการในใจ...ไม่ได้แล้ว เจ้านี่บางทีอาจจะแข็งแกร่งเกินไป
“หัวหน้า” ร่างสูงเพรียวของคารินยืนมองอดีตรองของหัวหน้าตนเอง...กำลังห้ำหั่นอย่างไม่คิดชีวิตกับคนที่เธอเชียร์ให้คู่กัน โอ๊ย...โลกจะแตก เกิดอะไรขึ้นเนี่ย...
“ได้การ” ร่างของเบียคุยะละออกมาจากการรับดาบที่เขาเพลี่ยงพล้ำตลอด มือบางวาดไปมากลางอากาศก่อนที่เรียวตาคู่สวยจะตวัดไปมองยมทูตสาวที่พึ่งมาถึง
“อ๊ะ...” คารินเบิกตาเมื่อเธอจับดาบฟันวิญญาณมารั้งต้นคอตนเอง เกิดอะไรขึ้นในโซลไซตี้เนี่ย... เธอไม่ได้อยากฆ่าตัวตายซักหน่อย แล้วไอ้มือนี่มันทำบ้าอะไรอยู่...
“พอได้แล้ว” คารุโกะหอบเบาๆ มือบางของหัวหน้าหน่วยหกปาดปาดที่ซึมออกมาจากใบหน้าขาวเนียน “คนสำคัญนี่” ยมทูตสาวเบิกตากว้างขึ้นเมื่อคมดาบขยับเข้าใกล้หลอดลมเธอมากขึ้นอีก
“ปล่อยข้านะ ไอ้ร่างท่านเบียโรคจิต” ดวงตาภายใต้ผ้าบางเบิกขึ้น คาริน...
“หยุดนะเฟ้ย” เร็นจิตั้งท่าจะก้าวไปสำเร็จโทษฮอลโลว์ไม่รู้ที่ต่ำที่สูง
“คิดให้ดี” คารุโกะหรี่ตาลงมองเร็นจิ เห็นได้ชัดว่าเขาถือไพ่ที่เหนือกว่า... ยมทูตผมแดงชะงักนิ่ง “ดีมาก ว่าง่ายๆแบบนี้ก็ดีสิ” คารุโกะยิ้มออกมา
“แก...จะให้ฉันทำอะไร” ตอนนี้เร็นจิจนตรอก น้องสาวเชียวนะเว้ย...ใครจะไม่ห่วง...
“อืม ฆ่ามันซะ” คารุโกะสั่งเสียงเรียบ “ร่างเก่าของข้าน่ะ ฆ่ามันทิ้งได้แล้ว ข้าไม่ต้องใช้มันอีก” เร็นจิก้มหน้านิ่ง
“ไม่มีวันเฟ้ยเจ้าบ้า” เด็กสาวที่ถูกควบคุมอยู่ตอบแทน “นั่นท่านเบียใช่ไหม ท่านเร็นจิไม่มีวันทำร้ายท่านเบียหรอก เจ้าโง่ ไม่มีวัน ขอให้แมวไปว่ายน้ำยังง่ายซะกว่า ไม่ว่าแกจะเป็นตัวอะไร...แกก็โง่จริงๆ”
คาริน... ไอ้เด็กโง่ รู้ตัวไหมว่าใกล้จะตายเนี่ย...
“น่ารำคาญปากมากๆของเจ้านัก ถ้าไม่ติดว่าเป็นตัวประกัน ข้าจะเผาย่างสดเลยทีเดียว” คารุโกะทำท่านึกนาน “หรือจะปิ้งดี” ระหว่างที่คิดแผนการทำอาหารเย็น เร็นจิก็อาศัยจังหวะเผลอเข้าไปประชิดตัวยมทูตสาว แต่ว่า...
ฉึก...
ร่างคารินร่วงลงพื้นเมื่อปลายดาบแทงทะลุออกมาจากเสื้อ หยาดเลือดกระจายออกมาจากแผลเปิดที่กลางหลัง
ไม่จริง...
เร็นจิชาไปทั้งตัว มันเอาจริง... คาริน...
ยมทูตสาวหรี่ตาลงอย่างเจ็บปวด ในขณะที่น้ำตาคลอขึ้นมาอย่างเก็บเอาไว้ไม่ได้ ภาพตรงหน้าเลือนรางก่อนหายไปจากจอภาพเหลือเพียงม่านน้ำตาที่ขุ่นมัว ชั่ววินาทีที่เริ่มรู้สึกว่าอากาศรอบตัวเย็นเยียบ... ถึงจะรับรู้ถึงความเจ็บ...ที่ไหลแล่นมาจากทั่วร่าง...จุกอยู่ที่น้ำตาแล้วไหลออกมาเป็นสาย ประสาทชาด้านจนไม่อาจรับรู้ถึงมืออบอุ่นที่โอบเธอเอาไว้แน่น แล้วคลายออกเมื่อลมหายใจสุดท้ายขาดห้วงไป...
“แทงเข้าหัวใจก็ตายเร็วเป็นธรรมดา” คารุโกะเหวี่ยงดาบไปมาอย่างสะใจ
“แกพลาดแล้ว” เร็นจิพูดออกไรฟัน เป็นครั้งแรกที่ทุกประสาทในร่างกายปะทุออกมาพร้อมกัน “พลาดแล้วที่กล้า...มายุ่งกับคนสำคัญของฉัน” เร็นจิไม่รอให้อีกฝ่ายได้ออกปากพูดอะไรอีก ชายหนุ่มเข้าโจมตีรัวเร็วจนฮอลโลว์ต้องรีบเผ่นหนีออกมา
“ข้าจะทำให้แกรู้ว่าแกทำพลาดไปมากขนาดไหน” แต่ระยะหนีกลับไม่เคยพ้นขอบเขตที่ซาบิมารุจะเข้ามาฟันถึง ตามตัวมีแผลเป็นเส้นริ้วไปทั่ว “กล้ามากที่ฆ่าน้องสาวข้า”
คารุโกะหน้าซีดจนใบหน้าไร้ซึ่งเลือดฝาดใดๆ รังสีอำมหิตแผ่ไปทั่วจนเขาแทบไม่อยากขยับ
“กล้ามากที่เอาร่างนี้ไปใช้” เร็นจิเงื้อดาบเล็งเข้าตรงสู่หัวใจ ฮอลโลว์หลับตาปี๋ก่อนที่จะถอดจิตกลับร่างเดิม ต้องหนี...ตอนนี้ต้องหนี... กลับร่างเดิมแล้วคงหนีพ้นได้มากกว่าวิ่งจากการประจันหน้าอันบ้าระห่ำนี้ได้แน่ๆ
“เร็นจิ” สติเบียคุยะกระตุกวูบเมื่อเห็นร่างอดีตรองของตนปรี่เข้ามาฟัน มือบางเอื้อมไปหวังสัมผัสด้ามดาบแต่มันว่างเปล่า ไม่ทันแล้ว...
“ไม่เป็นอะไรใช่ไหม” แต่ดาบที่จะฟันกลับเป็นมือหนาที่โอบเอวบางของเขาไว้แน่น เร็นจิแก้ผ้าปิดตาออกก่อนจะมองร่างในอ้อมแขนด้วยสายตาอ่อนโยน
“ข้าไม่...” เบียคุยะส่ายหน้า จำเขาได้...งั้นเหรอ...
“ก็ดีแล้ว” เร็นจิยิ้มออกมาก่อนใบหน้าคมคายจะเขม่นมองไปทางร่างฮอลโลว์ที่หายไป “ฝากคารินด้วย ยัยถึกนั่นไม่ตายง่ายๆหรอก เดี๋ยวข้ากลับมา”
“เร็นจิ” เบียคุยะยังไม่ทันพูดให้จบ ร่างที่ยืนอยู่ข้างๆเขาก็หายไปแล้ว
ฮอลโลว์คารุโกะพิงตัวกับต้นไม้ใหญ่อย่างอ่อนแรง แผลที่เคยอยู่บนร่างบางตอนนี้ก็กลับมาอยู่ในร่างเขาอีก
“โธ่เว้ย” คารุโกะสบถเบา ร่างฮอลโลว์เบิกตาเมื่อต้นไม้ด้านหลังถูกผ่าซีก และดาบที่แทงทะลุอกเขาจนมิด แค่มองรูปร่างแปลกตาแบบนี้ก็รู้ว่าใครฟัน... “ตายจนได้”
“ยังรู้ตัวนี่” เสียงกร้าวพูดขึ้นข้างหลัง “นี่สำหรับความไม่เอาไหนของข้า”
“ยังมีอีกเหรอ” คารุโกะเค้นยิ้ม “แค่นี้ข้าก็ตายแล้ว” ฮอลโลว์รีบสลายตัว “ข้าไม่ชอบการตายอย่างเจ็บปวด ไม่ต้องให้เจ้าเร่งข้าก็ตายเร็วๆเองได้”
“งั้นนี่สำหรับความผิดของเจ้า” ซาบิมารุลงดาบใหม่ที่หลอดลม คารุโกะสลายเร็วขึ้นอีกเท่าตัว
“แต่ข้าชอบนะ” ริมฝีปากแห้งผากขยับเป็นรูปเสียงหัวเราะ “การใช้ชีวิตอย่างทรมาน ข้าอวยพรเจ้าให้หาทางแก้ได้ละกัน”
“อะไรนะ” เร็นจิทึ้งใบหน้าที่แตกเป็นเปราะของฮอลโลว์ไว้แน่น แต่สายไปเสียแล้ว...ร่างทั้งหมดสลายหายไปกับสายลม ยมทูตผมแดงยืดตัวขึ้นยืน เขายังคงไม่เข้าใจคำพูดสุดท้ายของเจ้านั่น... ร่างสูงก้าวพริบตาไปหาคนที่เขาสัญญาว่าจะกลับไปหา แต่แล้วเขาก็พบกับ...คำตอบ
“ท่านเบียคุยะ” เร็นจิยืนมองร่างบอบบางที่นอนสลบอยู่บนพื้น มือหนาช้อนตัวร่างหัวหน้าหน่วยหกขึ้นอย่างทะนุถนอม ก่อนจะรีบก้าวพริบตาไปที่หน่วยสี่
“หัวหน้า...อุโนะ...ฮานะ” เสียงเรียกชื่อขาดห้วงเมื่อเขาพบร่างหัวหน้าหน่วยสี่ล้มนอนอยู่บนพื้น ทั้งๆที่ในมือยังเปิดขวดยาไว้คาตา เร็นจิวางร่างขาวซีดที่มีรอยฟกช้ำเป็นจ้ำๆลงบนฟูกนุ่ม
ไม่จริง หรือเจ้านั่นจะหมายความว่า... ทุกคน...
และทุกอย่างก็ประจักษ์กับสายตาของหัวหน้าหน่วยห้า ยมทูตทุกคนในโซลไซตี้ อยู่ในสภาวะหลับใหลเป็นเจ้าหญิงเจ้าชายนิทรากันหมด
เร็นจิกัดฟันระงับความคิดที่แล่นพล่านของตนเอง ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน... ยมทูตหนุ่มหยุดความคิดที่จะหาเหตุผลไว้ชั่วครู่ ตอนนี้พวกคารินยังนอนตายกองอยู่กับพื้น ไม่ใช่ว่าเวลาที่จะมาสงสัย นี่เป็นเวลาที่เขาต้องทำอะไรสักอย่าง เพราะเห็นได้ชัดว่า...ยมทูตที่พอจะแก้ไขสถานการณ์นี้ได้...มีแค่เขาคนเดียว
เร็นจิอุ้มทั้งลูเคียกับคารินไปไว้ที่หน่วยสี่ชั่วคราว แต่มองหน้าที่หลับใหลของลูเคียก็พอนึกตัวช่วยอะไรบางอย่างได้
อิจิโกะ... ต้องตามหามัน....
............................................................................................................................................................................................................................................................
ขออภัยอย่างยิ่งนะคะ ที่ลงตอนซ้ำไป เพราะเกิดเหตุขัดข้องเรื่องการติดต่อระหว่างไรเตอร์นิดหน่อยค่ะ
ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นต์นะคะ
ความคิดเห็น