ลำดับตอนที่ #4
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ตอนที่ ๓
เขาถูกอดน้ำมาเกือบสองวันเต็มๆแล้ว
ตั้งแต่คืนนั้นที่เร็นจิเข้ามารุกล้ำเขาครั้งแรก ชายหนุ่มผมแดงเพลิงคนนั้นไม่กลับเข้ามาหาเขาอีกเลย ไม่มีใครผ่านประตูเข้ามา... รวมทั้งน้ำและอาหาร...
ตอนนี้... แค่เพียงหลุดปากพูดอะไรออกไป มันคงจะเป็นคำสั่งลาสุดท้ายของเขาแล้วก็ได้ เบียคุยะได้แต่กลืนน้ำลายอย่างกระหายครั้งแล้วครั้งเล่า
แต่มันไม่ช่วยอะไรเลย มันไม่ได้ยืดเวลาที่เขาจะมีชีวิตอยู่ได้อีกแม้เพียงเสี้ยววินาที
เขาเข้าใจคนที่ใกล้ตายอยู่ในทะเลทรายมากที่สุดแล้วตอนนี้ เพียงแต่เจ้าผืนทรายพวกนั้นคงร้อนจนทำให้คนแทบหลอมละลาย แต่ที่นี่กลับเย็นเยียบจับขั้วหัวใจ ผิวเขาแห้งสนิทนอกจากนั้นยังเริ่มลอก ปากแตกและซีดเผือก สภาพตัวเขาในตอนนี้คงไม่ต่างกับนักโทษยิวในสถานกักขังของฮิตเลอร์สักเท่าไหร่นัก
คนคนนั้นคงอยากปล่อยให้เขาตาย
“คิดอะไรอยู่น่ะครับ” เสียงทุ้มต่ำเรียกให้เปลือกตาที่อ่อนแรงเบิกกว้าง “ตอบผมสิ ผมถามก็ตอบมา” มือหาตรงเข้าบีบคางมนแน่นจนขาดอากาศไปอีกหนึ่งปัจจัย
“...” ร่างบางไร้ซึ่งเสียงตอบรับ ก็แน่นอนว่าถ้าเกิดพูดอะไรไปตอนนี้... เขาคงจะต้องแตกสลายแน่ๆ
“เบียคุยะจัง” เร็นจิก้มลงขบเม้มใบหูนิ่มขาว “ตอบมาสิครับ พูด...ตามที่ผมสั่ง” ร่างบางข้างใต้หลบสัมผัสน่าสะอิดสะเอียน นั่นยิ่งเร่งอารมณ์โกรธร่างสูงให้พุ่งพล่านอย่างรวดเร็ว “เบียคุยะ” เร็นจิจับข้อมือบางมาล็อกไว้หัวเตียง เบียคุยะเชิดหน้าสู้อย่างเย่อหยิ่ง ริมฝีปากบางเม้มเป็นเส้นตรงในขณะที่ดวงตาหวานคลอน้ำตาใสจับจ้องใบหน้าคมคายแบบหาเรื่อง
“...” เบียคุยะพยายามดิ้นเพื่อให้พันธนาการที่ข้อมือหลุดออก “...(ปล่อย)...” ปากบางขยับสั่งเป็นคำสั้นๆ
“นี่ขนาดพูดไม่ได้แล้วนะครับ” เร็นจิออกจะยิ้มขันในความพยายามต่อต้านเล็กน้อยที่ไร้ประโยชน์ แต่ร่างบางเชิดหน้าขู่ฟ่อ
“ปะ” เบียคุยะแสบแปลบไปทั่วคอ ร่างบางไอออกมาก่อนความกระหายน้ำจะแล่นไปสั่งการให้ร่างกายอ่อนยวบ
“เป็นขนาดนี้แล้วยังมาทำถือดีได้อยู่อีกเหรอ” เร็นจิก้มลงจูบดูดดื่มความหอมหวานจากโพรงปากบาง ชายหนุ่มผมแดงขยับยิ้มนิดๆเมื่อรู้สึกราวกับว่ากำลังเสพติดบางอย่างอยู่ ลิ้นร้อนควานไปทั่วโพรงปากอย่างถือสิทธิ์ แต่ก็ต้องแปลกใจเมื่อเบียคุยะเริ่มขยับลิ้นกระหวัดรับสัมผัส ลิ้นเล็กไล่เลียไปทั่วปากร่างสูง ดูดระร่านไปทั่ว ...นั่นทำให้เร็นจิรู้ว่า...
ร่างตรงหน้านี้กำลังหิวกระหายหยาดน้ำมากเพียงใด
ก็ไม่แปลกหรอก เล่นอดข้าวอดน้ำมาตั้งสองวัน
“หิวน้ำใช่ไหมครับ” ร่างสูงเป็นคนผละจูบออกมาดื้อๆ
“อื้อ” เบียคุยะครางในลำคออย่างขัดใจ น้ำของเขา... มือบางคว้าแขนของร่างสูงไว้แน่น พยายามที่จะเริ่มจูบใหม่อีกครั้ง น้ำ... ยิ่งคิดหัวสมองก็ยิ่งขาวโพลน ตอนนี้ร่างกายเขาต้องการแต่เพียงน้ำสักหยดเท่านั้น
“มาเอาสิครับ” เร็นจิขยับมือไปปลดพันธนาการที่กางเกง
“...” เบียคุยะเบิกตาขึ้นก่อนจะสะบัดหน้าหลบสิ่งที่โผล่ขึ้นมา มือขาวบางปล่อยตัวร่างสูงไปจับผ้าห่มแพรขึ้นมาปกปิดริมฝีปาก แสดงท่าทีปฏิเสธเต็มที่
“งั้นปล่อยให้หิวอยู่อย่างนี้นะครับ” เร็นจิยิ้มเย็นออกมา ดวงตาแข็งก้าวเย็นชาจับจ้องไปที่ร่างบอบบางของหนุ่มผมดำ เบียคุยะล้มตัวลงนอนคว่ำกับเตียง
ให้ตายก็ไม่ยอม
“ดื้อจัง” เร็นจิพูดเสียงทุ้มต่ำ มือหนาจับแผ่นหลังเบียคุยะกดลงไปเตียง ชายหนุ่มผมดำออกแรงดิ้นตามคาด แต่ที่ผิดคาดก็คือคราวนี้เบียคุยะดันออกแรงถีบส่งเขาออกไปห่างๆตัวด้วย เร็นจิกดต้นคอร่างบางแรงๆอย่างหมดความอดทน ตัวเบียคุยะชาวาบไปชั่วครู่
“...” มือบางพยายามตะเกียดตะกายหนีให้พ้นเงื้อมือร่างสูง แต่เร็นจิใช้มืออีกข้างที่ว่าง กระตุ้นตัวเขาผ่านกางเกงตัวบาง
“เบียคุยะ” เสียงเย็นเยือกน่ากลัวแทบจะตัดขาดลมหายใจของเขาออกไป แต่เสียงนั่นไกลออกไปเรื่อยๆ ไกลออกไป... “คุณเบียคุยะ”
จนเปลี่ยนเสียง...
“ซาบิ...” เปลือกตาบางเปิดขึ้น “เธอมา...” เขากวาดตามองไปรอบๆ ห้องนี้ไม่มีหน้าต่างจนเขาซึ่งถูกขังไว้ที่นี่ประมาณสองสามสัปดาห์แทบนับวันคืนไม่ถูกเลย มีแต่นาฬิกาดิจิตอลเรือนเล็กๆคอยบอกเวลาเท่านั้น
“อาหารเช้าค่ะคุณเบียคุยะ” แม่บ้านคนสวยยิ้มเหนื่อยๆให้เขา เบียคุยะหลับตาลงก่อนซุกตัวเข้ากับฟูก
“เธอยกไปเก็บเถอะ” เบียคุยะหันแผ่นหลังให้ ผิวขาวที่ซาบิเคยเห็นว่าเนียนสวยตอนนี้ดูซีดจนน่ากลัว เสียงที่เคยหวานตอนนี้ก็แหบจนขาดช่วง แม่บ้านสาวก็จนปัญญาจะพูดอะไรต่อ ตอนนี้เธอเองก็คิดไม่ถูกว่าอาหารพวกนี้...จำเป็นกับคนน่าสงสารบนเตียงหรือเปล่า
ตอนนี้เธอคงต้องคิดทำอะไรซักอย่าง ก่อนที่คนคนนี้จะตายด้วยความทรมานไปเสียก่อน
ซาบิยกผ้าชุบน้ำเช็ดเรือนร่างบอบบางอย่างแผ่วมือ เธอรักคนคนนี้ตั้งแต่แรกเห็น ไม่ใช่รักแบบความใคร่แต่ก็รักแบบผูกพันว่าเธอชอบเขา ชอบดวงตาสีดำเศร้าที่เงียบงันและแสนเศร้า ชอบเรือนร่างบอบบางที่ถูกเสกสรรมาให้ถูกถะนุถนอม ชอบเสียงทุ้มหวานที่เธอเคยได้ยินครั้งแรกที่ยกน้ำไปให้ แต่ถึงกระนั้นเธอก็ยังต้องยืนอยู่ข้างคนที่ทรมานเบียคุยะ และเป็นคนหนึ่งที่ยกอาหารสวะมาให้ชายหนุ่มปฏิเสธไม่รับทุกวัน เธอรังเกียจตัวเองเหลือเกิน ซาบิแทบไม่อยากจะมองหน้าตัวเองในกระจกเสียด้วยซ้ำ
เธอยังจำได้ว่าคำแรกที่ชายหนุ่มพูดกับเธอคืออะไร มันคือคำว่า “ขอบคุณ”
“คุณเบียคุยะ” ซาบิเช็ดหน้าผากหนุ่มหน้าหวานเป็นครั้งสุดท้าย “รอสักครู่แล้วเดี๋ยวฉันจะยกอาหารส่วนของฉันมาให้ คุณเบียคุยะต้องนั่งหันหลังให้กล้อง แล้วเดี๋ยวฉันจะยกอาหารมาให้เองค่ะ”
“ซาบิแล้วเร็นจิเค้า...” เจ้าคนเลวทรามพรรค์นั้นจะไม่หันมาโวยใส่เธอหรือไง
“ไม่ต้องห่วงค่ะ คุณเบียคุยะสบายใจเถอะ ในบ้านหลังนี้มีเซ็นบงที่แกล้งฉันได้อยู่คนเดียว ท่านเร็นจิคง...ไม่ทำเรื่องเลวร้ายขนาดนั้นหรอกค่ะ” พูดถึงเจ้านายของเธอ ซาบิอยากจะกัดปากเมื่อเห็นว่าชื่อของเขาทำร้ายจิตใจเบียคุยะมากแค่ไหน แต่เธอก็ไม่เข้าใจจริงๆ “รอสักครู่นะคะ” ...แต่ก่อนเร็นจิอบอุ่น...ทั้งใจดีและอ่อนโยน เธอพอรู้ว่าเขาเผชิญอดีตที่โหดร้ายมามากแค่ไหน แต่เขาก็ยังยิ้มให้กับทุกคนเหมือนมันเป็นเรื่องที่เขาทำแล้วสบายใจที่สุดในชีวิต
แต่พอเขารู้ว่า...ผู้นำตระกูลคุจิกิเริ่มป่วยหนัก เขาก็เริ่มวางแผน...และมีอะไรสักอย่าง...ไม่สิหลายๆอย่าง...มาทำให้เขาเปลี่ยนไป...
เหมือนกับว่าเรื่องในอดีตของเขากำลังดีดตัวไปมา และมันถูกปลดปล่อยจากพันธนาการที่เร็นจิกักขังมันไว้นานแสนนาน...เพื่อมาทำร้ายใครบางคน
ซาบินึกโทษที่เร็นจิมาทำร้ายเบียคุยะ แต่ตอนนั้นมันก็ก่อนที่เธอจะล่วงรู้เรื่องเล่าวัยเด็กที่โหดร้ายของเจ้านายเธอเอง
“ได้แล้วค่ะคุณเบียคุยะ” ซาบิทำท่ามาเก็บถาดอาหารแต่มือบางกลับยัดแซนวิสครีมอย่างดีไปให้คนที่นั่งทอดอาลัย
“ไม่น่าลำบากเลยนะซาบิ” เบียคุยะถอนหายใจ “ความผิดฉันเองแท้ๆ”
“ไม่หรอกค่ะ ท่านเร็นจิต่างหากที่ผิด” ซาบิทำทีเดินไปเก็บของวุ่นไปรอบห้อง “อีกอย่างเซ็นบงไม่ได้จับฉันได้ซักหน่อย คุณเบียคุยะอย่าคิดมากเลย”
“ขอบใจเธอมากซาบิมารุ” เป็นอีกครั้งที่ริมฝีปากบางที่แดงเจ่อเผยยิ้มเล็กๆให้เธอ ตอนนั้นเธออยากจะเดินไปโอบกอดเบียคุยะไว้ อยากบ่นซ้ำๆให้เขาฟังว่า “ไม่เป็นไรๆ”
แต่ความเป็นจริงคือเธอทำอะไรไม่ได้เลย แม่บ้านสาวได้แต่เอ่ยคำขอตัวแล้วเดินออกไป เบียคุยะไม่เคยได้ออกมาจากห้องขังนรกนั่น ท่านเร็นจิโหดร้ายเกินไปแล้ว ในขณะที่สติแม่บ้านกำลังหลุดลอยไปต่อว่าเจ้านายของเธอ ข้อมือบางก็ถูกคนข้างหลังดึงเอาไว้เสียก่อน
“เซ็นบงซากุระ” ซาบิเบิกตามองใบหน้าเรียบเฉยของพ่อบ้านใหญ่ของบ้าน ใบหน้าสีขาวเนียนกับผมยาวสีม่วงเข้มที่ผูกรวบไว้กลางหลังทำให้เขาดูอ่อนเยาว์ ชุดเครื่องแบบของชายหนุ่มถูกจัดเป็นระเบียบอย่างดี ซาบิแอบตระหนกเพียงเล็กน้อยก่อนจะปั้นหน้าหาเรื่องอย่างเคย “มีอะไรยะ”
“มื้อเที่ยงหายไปไหนมา” เซ็นบงถามเสียงเรียบ
“ไปทำงาน” ซาบิกอดอกคุย แน่นอน...สมองเธอบรรจุว่าเซ็นบงคือบุคคลที่ไม่น่าพิสมัยที่สุดในบ้าน และมันจะเป็นอย่างนั้นไปจนกว่าเธอจะสั่งยกเลิกข้อมูล “ไม่ได้นั่งว่างเหมือนใครบางคนแถวนี้หรอกย่ะ”
“กินข้าวหรือยัง” พ่อบ้านใหญ่ยังคงถามเรื่อยเปื่อย น่าแปลก...เซ็นบงไม่ชวนเธอทะเลาะหรือว่า...เขาจะจับได้แล้ว ใบหน้านิ่งเรียบลอบยิ้มบางออกมาแต่มันก็นานพอที่ทำให้ซาบิรับรู้ชะตากรรม “อิ่มหรือเปล่าละ”
“อร่อยดีเว้ย น้ำท่าสมบูรณ์ขอบคุณ นี่สมองแกไม่มีอะไรอย่างอื่นให้คิดแล้วใช่ไหมเซ็นบง”
“ยังจะพูดเล่นลิ้นอยู่อีกเหรอเนี่ย ซาบิมารุ...เธอน่าจะทำใจเผื่อไว้ก่อน...”
“เผื่อนายจะได้ตายเร็วๆนี้หรือไงยะ ก็ดีฉันจะได้เลือกจัดปาร์ตี้ฉลองวันตายได้ถูกเฉดหน่อย ฉันไปละ ไม่ได้ว่างงานเหมือนคนที่เอาแต่จิกคนอื่นแบบนายซะหน่อย” ซาบิรีบตัดบท อย่างน้อยมันก็สมควรเป็นทางรอดทางสุดท้ายของเธอ หญิงสาวรีบรวบผมลวกๆเหมือนทำเป็นไม่สนใจอย่างอื่นนอกจากงาน เดินออกไปเร็วซาบิ...เดินออกไปจากการโดนฌาปนกิจศพ โอ๊ย...เดินออกไปสิ ก้าวไม่ออกทำหอยอะไรเนี่ยเท้าฉัน...
“ไง...เป็นอะไรไปละ นึกว่ามีงานล้นมือเสียอีกนะ” เซ็นบงพูดเสียงต่ำ “คงจะชอบเจ้านักโทษของเจ้านายน่าดูเลยละสิท่า”
“อย่าเรียกคุณเบียคุยะว่านักโทษนะ” ซาบิพูดไม่ทันคิดแล้วก็ต้องสำนึกว่าเธอพูดผิดไปอย่างแรง “คะ...คือ...คุณเบียคุยะก็เป็นคนในบ้าน...ที่เราต้องดูแลไม่ใช่เหรอ”
“งั้นเหรอ” วาวตาเซ็นบงดูคุกคามจนน่ากลัว “ได้ข่าวว่าท่านเร็นจิจัดให้ดูแลอย่างชั้นต่ำเป็นพิเศษ คิดอะไรถึงแบ่งข้าวให้ขยะพรรค์นั้นกิน” ซาบิตบใบหน้าขาวเนียนจนหันไปอีกทาง
“แก...คนอย่างแกมันก็เลวพอๆกับท่านเร็นจินั่นแหละ ไปไกลๆฉัน” ซาบิชักขาวิ่งไปด้วยความโกรธ ทำไม...ทำไม...เซ็นบงต้องพูดอย่างนี้... ทำไมท่านเร็นจิถึงต้องทำอย่างนี้ คนในบ้านนี้เป็นอะไรกันไปหมด
“ซาบิ” แต่เซ็นบงก็แค่ก้าวยาวๆตามเธอมาสองสามก้าว มือหนาก็ฉุดรั้งเธอมาไว้ในอ้อมแขนแกร่งที่พันธนาการเธอไว้แน่น “เรายังคุยกันไม่จบหรอกนะ บทลงโทษของเธอ...ฉันจะจัดการเป็นธุระให้เอง”
“งั้นเหรอ...” เร็นจิพูดกับเสียงปลายสายอย่างอารมณ์ดี “ไม่คิดว่าซาบิเองก็เป็นไปด้วยนะเนี่ย” เขาแกล้งถอนหายใจหนักใจ “เชิญนายจัดการเองตามใจชอบละกันนะเซ็นบง ต่อไปนี้อย่าให้ซาบิเข้าไปยุ่มย่ามอะไรกับเบียคุยะอีกก็ละกัน” เสียงปลายสายตอบรับคำสั่งก่อนที่เรียวนิ้วเร็นจิจะกดตัดสายไป
แหมๆ...นักโทษของเขาก็เสน่ห์แรงไม่เบาเหมือนกันนี่นา ทำซาบิมารุหลงไปได้หนึ่งคน โดยเฉพาะยายนั่นยิ่งปิดกั้นตัวเองเสียขนาดนั้นด้วย มันช่าง...น่าเล่นสนุกด้วยจริงๆ
เสียงโทรศัพท์มือถือดังเป็นริงโทนสายเข้าทำให้เร็นจิพักสมองจากการคิดเรื่องวุ่นวายที่บ้านมากดรับ
“พี่ครับ” เสียงทุ้มต่ำที่คุ้นเคยโทรมาเวลาเดิมแบบไม่ผิดสักวินาทีเดียว
“ว่าไงละอิจิโกะ” เร็นจิเปิดแฟ้มงานดูผ่านๆตาไปคราวๆ “นายจัดการแพร่ข่าวได้หรือยัง”
“ยังครับ... ทางนี้กันข่าวดีมาก ผมยังไม่ได้เข้าถึงในห้องผู้ป่วยสวะๆนั่นเลย” อิจิโกะสบถเบาๆ แค่นี้เขาก็พอรู้แล้วว่าน้องชายตัวดีอารมณ์เสียมากขนาดไหน
“เย็นไว้น่า ไอ้แก่นั่นจะตายเมื่อไหร่ก็ได้อยู่แล้ว ถ้าได้ข่าวแม้เพียงนิดเดียวมันก็ระเห็จวิญญาณไปเข้าเฝ้ายมทูตเองนั่นแหละ ที่สำคัญคือนายอย่าให้โดนทางนู้นจับได้ว่าเป็นสายก่อนก็ละกัน”
“ผมไม่ได้ห่วยขนาดนั้น” อิจิโกะน่าจะเสยผมส้มๆของมันอยู่ตอนนี้ “ผมแค่...อยากให้มันไปชดใช้กรรมเร็วๆเท่านั้นเอง”
“ก็ใจเย็นเล็กน้อย แกล้งเปิดทีวีหรือพูดหยั่งให้มันรู้ตัว เดี๋ยวไอ้แก่นั่นมันก็ถามเค้นความจริงเอาเองละ มันก็คงอยากรู้ว่าบริษัทที่มันรักนักรักหนาพังพินาศไปเพราะมือวางระเบิดจริงๆหรือเปล่า แล้วลูกชายสุดที่รักของมัน...หึๆ”
“ยังอยู่กับพี่ใช่ไหมครับ”
“ใช่”
“แล้วเมื่อไหร่พี่จะฆ่ามันให้ตาย”
“เดี๋ยวก่อนสิ เมื่อไหร่นิสัยใจร้อนของนายจะแก้ให้หายได้ซักทีนะอิจิโกะ เราต้องรอให้ตัวพ่อตายก่อน แล้วค่อยบอกข่าวมันแล้วเดี๋ยวมันก็ดิ้นพล่านฆ่าตัวตายไปเองแหละ”
“ไร้มนุษยธรรมจริงๆ แต่มันก็สมควรแล้ว... พี่ไอ้เลขาที่ชิโร่ไม่ฆ่ามันฟื้นแล้วนะ เพิ่งตื่นเมื่อกี้นี้เอง ผมก็เพิ่งพานกกระจอกไปเฝ้าที่โรงพยาบาล”
“นกกระจอก?”
“ลูเคียไง”
“ไม่เห็นต้องใช้เป็นรหัสเลยนี่”
“พี่...อย่างน้อยตอนนี้ยายนั่นก็อยู่ในฐานะเจ้านายผมนะครับ” เสียงสายซ้อนดังขึ้น “เวรละ ขี้ตามจริงๆยายนี่”
“หึๆ ดูแลเจ้านายดีๆนะอิจิ”
“เออครับ ผมไปก่อนละ”
เร็นจิหลับตาเอนหลังพิงเก้าอี้แล้วอ่านรายงานบริษัทไปสบายๆ เข้าแผน...ทุกอย่างกำลังเข้าแผนมากที่สุดเท่าที่มันจะเป็นไปได้ เหลือแต่รอเวลาให้ตาแกนั่นรู้ข่าว ทุกอย่างก็จบ... ความแค้นที่โดนมันทรยศตอนนั้นก็จะได้ปิดบัญชีสะสางกันหมดลงตัวทุกอย่าง แค่รออิจิโกะคนเดียวเท่านั้น
“แผนกำลังไปได้สวยเหรอเร็นจิ” เสียงเปิดหน้าต่างไม่ได้ทำให้เขากังวลแม้แต่น้อย
“โทชิโร่” เร็นจิหลับตาผ่อนคลายอยู่บนเก้าอี้ “มาทำอะไรที่ห้องทำงานอันต้อยต่ำของฉันกันละ”
“ไม่ได้จะทำอะไร แค่มาดู...คางคกขึ้นวอ”
“อ๊า...จริงด้วย ยินดีจังที่นายพูดแบบนั้นนะ อีกอย่าง...ยายเลขาที่นายทำพลาดไม่ยอมฆ่านั่นฟื้นแล้ว ดีใจด้วยนะนักฆ่าตัวน้อย”
“นายพูดเหมือนกับมันเป็นความผิดระดับชีวิตงั้นแหละ” เสียงกระโดดตุบลงมาที่พื้นห้อง โทชิโร่ยืดตัวเต็มความสูงก่อนจะมองดูคนที่นั่งสบายใจอยู่บนเก้าอี้ด้วยแววตาเฉยชา “ยายนั่นไม่ได้ทำให้อะไรผิดแผน ตอนนั้นนายก็อุตส่าห์เลือกให้ฉันไประเบิดตอนที่พนักงานส่วนใหญ่ยังไม่เข้าทำงาน แล้วทำไมฉันจะช่วยใครติดไม้ติดมือมาอีกซักคนสองคนไม่ได้”
“แผนของเราคืออะไรโทชิโร่”
“ระเบิดตึกคือส่วนที่ฉันต้องทำ จากนั้นให้ช่วยคุจิกิ เบียคุยะไว้ เอาตัวมาส่งให้นาย ฉันหมดหน้าที่”
“ใช่... จากนั้นอิจิโกะจะรับช่วงต่อ หมอนั่นต้องแฝงตัวเป็นเดือนๆกว่าจะได้ไปอยู่ใกล้ชิดกับนกกระจอกได้”
“นกกระจอก?”
“ลูเคียน่ะ โทษที ฉันติดมาจากอิจินั่นแหละ คุจิกิ ลูเคีย เฮ้อ... เป็นน้องสาวแท้ๆคนเดียวของเบียคุยะ พูดง่ายๆว่าตอนนี้ที่คนส่วนใหญ่กำลังสันนิฐานว่าเบียคุยะตายไปแล้ว ยายนั่นจะเป็นทายาทของคุจิกิกรู๊ปคนต่อไป ประมาณว่าทายาทลำดับสองอะไรอย่างนั้น ทีนี้ประเด็นมันอยู่ตรงที่คนที่นายช่วยไว้ ยายเลขาที่อุตส่าห์รอดคือ...”
“ฮินาโมริ โมโมะ”
“รู้จักนี่... เอาละ ยายนั่นคือบุตรบุญธรรม อีกนัยก็ลูกเลี้ยงของตาแก่ อ่าฮะ...หลังจากที่ตาแก่ตายเพราะหัวใจล้มเหลวหลังจากได้ข่าวตึกใหญ่ของบริษัทถล่ม เบียคุยะก็มีความเป็นไปได้สูงว่าอาจจะฆ่าตัวตายตาม ลูเคียก็เหมือนกัน ไม่อย่างนั้นอิจิคงจะช่วยสงเคราะห์สังหารให้ แต่ว่าทุกอย่างจะลงล็อคถ้าไม่มีทายาทลำดับต่อไป โทชิโร่...คนที่นายช่วยไว้คือทายาทลำดับสามต่อจากคุจิกิ ลูเคีย”
“......”
“อย่านิ่งสิ ถามสิ่งที่นายควรจะถาม”
“...ฉันต้องทำยังไง”
“ง่ายมาก ไปฆ่ายายนั่นซะ เอาแบบว่าร่างกายทนพิษบาดแผลจากการโดนตึกถล่มไม่ไว้ เอาให้ทางการแพทย์ระบุได้นะว่าไม่ใช่การลอบสังหารน่ะ ยังไงก็ได้...อย่าให้เรื่องถึงเราก็พอ”
“...เข้าใจแล้ว”
เร็นจิเปิดยิ้มอ่อนโยน “น่ารักมาก...โทชิโร่น้อย”
“อย่าเรียกฉันอย่างนั้น” เด็กหนุ่มผมขาวราวหิมะเดินไปประชิดขอบหน้าต่าง “ฉันไปละ” มือเล็กยันตัวโดดหายไปจากตรงนั้น
“เฮ้อ...ไม่ปิดหน้าต่างละวะ...”
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น