ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่ ๒ (ก็น่าจะยัง NC อยู่ละมั้ง)
สติสุดท้ายของร่างบอบบางพร่าเลือน ก่อนเบียคุยะจะปล่อยให้ตัวเองตกเข้าไปสู่ห้วงแห่งความฝันร้ายอีกครั้ง
วันนั้น...
วันที่ทุกอย่างเริ่มต้นขึ้น...
เขาเดินเข้าไปที่ห้องทำงานประธานบริษัทด้วยความกังวลที่ก่อตัวเป็นริ้วหนักขึ้นมากเรื่อยๆ เด็กสาวผมดำที่เดินตามต้องรีบก้าวอย่างสุดฝีเท้าเพื่อตามให้ทัน จนสักพักที่เขาได้ยินเสียงหอบหายใจหนักๆดังติดต่อกัน เขาจึงหันไปมองเด็กสาวด้วยแววตาที่เหมือนจะขอโทษอยู่ในที
“ฮินาโมริ” เบียคุยะถอนหายใจเบาๆ “เธอไม่เห็นต้องรีบเดินตามฉันให้ทันเลยนี่”
“แต่พี่เบียคุยะ...วันนี้หนูเพิ่งมาเริ่มฝึกงานนะคะ” เด็กสาวผมดำสนิทเกล้าผมเป็นม้วยเรียบร้อยสวยงามรับกับรูปหน้าวัยสิบหกปีของเธอ “ยิ่งคุณพ่ออาการหนักขึ้นแบบนั้น... หนูก็คงจะทนอยู่แบบเดิมไม่ได้หรอกค่ะ”
“โมโมะ” เบียคุยะเปิดประตูห้องทำงาน แอบลอบกลอกตาอย่างหนักใจกับเด็กหัวดื้อ ทั้งๆที่รู้ดีว่าตัวเองเป็นโรคหอบ... ทำไมน้องสาวคนนี้ถึงได้ต้องพยายามฝืนตัวเองด้วยนะ นิสัยเหมือนพี่อีกคนไม่มีผิด
“แล้ว...พี่เบียคุยะให้หนูเริ่มทำงานตรงไหนอะคะ” โมโมะยื่นหน้าเข้าไปสอดส่องในห้อง เห็นประตูกระจกของอีกห้องอยู่ข้างใน
“นั่นห้องพี่” เบียคุยะก้าวเข้าไปเปิดประตูกระจกบานนั้น “ส่วนโมโมะนั่งตรงข้างหน้านี่... ฝึกเป็นเลขาไปก่อน”
“รับทราบค่ะ” เด็กสาวยิ้มสดใสก่อนจะขมวดคิ้วแล้วดึงชายเสื้อของพี่ชายตนเองไว้ “ว่าแต่ว่า... เลขานี่เขาต้องทำอะไรบ้างคะ”
“เอ่อ... งั้นอย่างแรกก็ชงน้ำชามาให้พี่ก่อน” เบียคุยะรีบตรงเข้าไปสะสางงานทันทีที่เห็นโมโมะพยักหน้ารับ
“น้ำชา” เมื่อลับสายตาพี่ชายโมโมะก็ขมวดคิ้วงงอีกครั้ง “มันชงกันยังไงนะ”
เบียคุยะรีบเซ็นเอกสารแต่ละแผ่นเหมือนอย่างคนขอไปที
‘ท่านเบียคุยะ โรคหัวใจนายท่านกำเริบอีกแล้วครับ’
ชายหนุ่มผมดำมองหน้าสัญญาทีละแผ่นอย่างใช้ความตั้งใจ บริษัทคุจิกิเป็นบริษัทที่มีประวัติการบริหารงานยอดเยี่ยมมาหลายชั่วอายุคน ทั้งยังเป็นบริษัทชั้นแนวหน้าของประเทศ คนที่มานั่งเก้าอี้ประธานได้...แน่นอนว่าต้องไม่ใช่คนธรรมดา เขาเองก็เหมือนกัน...แม้จะร้อนใจเรื่องพ่อ... แต่สมาธิก็จดจ่ออยู่กับงานตรงหน้า
‘คุณหมอบอกว่าถ้าท่านว่างเมื่อไหร่
’
“ให้ไปฟังอาการโดยด่วนที่สุด” ริมฝีปากบางเผลอเอ่ยคำพูดที่ได้ยินผ่านโทรศัพท์เมื่อเช้านี้ออกมา
“พี่เบียคุยะ” เสียงหวานใสเรียกให้เขาเงยหน้าไปมอง โมโมะย่นคิ้วเข้าหากันอย่างเป็นกังวล “เป็นห่วงอาการของคุณพ่อเหรอคะ” มือบางส่งแก้วน้ำชาให้
“ก็...นิดหน่อยน่ะ” เบียคุยะยื่นมือไปรับแก้วก่อนจะจ้องตอบสายตาลุ้นระทึกของเด็กสาว เป็นอะไรของเขากันนะ... โมโมะแทบจะกัดเล็บเมื่อชายหนุ่มยกแก้วน้ำชาขึ้นดื่ม
“เอ่อ...” โมโมะเบิกตากลมโตน่ารักมองเมื่อชายหนุ่มจิบน้ำชาเสร็จ มือบางปิดริมฝีปากเอาไว้แน่น “ทานได้ไหมคะ”
“ก็อร่อยดีนี่” เบียคุยะยิ้มขำให้เด็กสาว ทำหน้าเหมือนกำลังเชียร์บอลโลกอยู่เลย
“อ่า... ค่อยยังชั่ว” โมโมะยิ้มออก เผลอทำพริกป่นหล่นลงไป... แต่พี่เธอก็ชอบทานเผ็ดอยู่แล้วนี่นะ
“แล้ว...เอ๊ะ” โมโมะกำลังจะถามต่อว่าจะรับอะไรอีกแต่สายตากลมโตก็สะดุดเข้ากับร่างที่ยืนอยู่บนดาดฟ้าตึกข้างๆ
“หืม” เบียคุยะมองตามตาเด็กสาวก่อนจะขมวดคิ้วเมื่อเห็นร่างแปลกตาที่ยืนตากแดดบนดาดฟ้าเช่นกัน
“พี่เบียคุยะ... หนูว่า...” โมโมะสะกิดพี่ตัวเองแต่แล้วแรงสะเทือนข้างล่างทำให้เธอสะดุ้งตกใจ พื้นสั่นแรงจากนั้นเธอค่อยได้ยินเสียงเหล็กพังทลายและเสียงระเบิดดังตูมตามมา “อะ...อะไร...อ๊ายยยยยยยย” โมโมะกรีดร้องเมื่อพื้นกระเบื้องสีขาวแยกตัวออกจากกัน
“โมโมะ” เบียคุยะตะโกนเรียกน้องสาว ผนังห้องร้าวไปจนถึงเพดาน
“พี่...ระวัง” โมโมะผลักพี่ชายเธอออกไปจากบริเวณที่เพดานถล่มลงมา “อ๊ายยยยยยยยย” โมโมะกรีดร้องเมื่อต้นขาของเธอถูกกดทับแทน
“โมโมะ” เบียคุยะรีบเข้ามาดึงเด็กสาวออกมา แต่เพดานก็ถล่มลงมาอีกรอบ เขารีบโน้มตัวไปกันน้องสาวเอาไว้ ท่อนเหล็กฟาดเข้ากลางหลังจนเขาสลบไปทันที
“พี่” โมโมะน้ำตาไหลออกมาอย่างสุดกลั้น เพดานที่ติดกับหลอดไฟถล่มลงมาทับร่างส่วนขาของเธออีก หลอดนีออนแตกกระจายจนสะเก็ดบาดร่างของทั้งสอง “อ๊า.........” สติเด็กสาวเริ่มพร่าเลือนเมื่อเห็นเลือดของตัวเองไหลนองเต็มพื้นที่แทบจะไม่เหลือซาก
“...” ชั่ววินาทีก่อนเปลือกตาจะปิดลง เธอรับรู้ถึงร่างของใครบางคนที่ใกล้เข้ามา “ช่วย...ช่วยพี่...ออกไป...ที”
ฮึก...
ร่างบางสะดุ้งดีดตัวเข้าหากัน ริมฝีปากแห้งผากพร้อมกับเนื้อแขนที่หนาวเหน็บ
ที่นี่...
เรียวตาสวยคมกวาดมองไปรอบห้อง มืดสนิทเหมือนเป็นตอนกลางคืน แขนบางรวบเข้ากอดตัวเองเพราะทนอุณหภูมิที่หนาวเย็นเกินปกติไม่ไหว เม้มริมฝีปากอย่างกระหายน้ำ แต่ก็ปล่อยให้สายตาค่อยๆปรับให้ชินกับความมืดตรงหน้า
ที่ไหน...
ร่างบอบบางของเบียคุยะค่อยๆชันตัวลุกขึ้นนั่งอยากยากเย็น แต่ก็ปวดหัวจนต้องนอนลงไปใหม่อีกครั้ง มือบางควานหาผ้าห่มแต่ก็พบเพียงผ้าแพรผืนบางเท่านั้น ชายหนุ่มซุกตัวพร้อมขดขาเข้าหากันอย่างหนาวเหน็บ
แกร๊ก...
เสียงเปิดประตูทำให้เบียคุยะรีบหลับตาด้วยความรู้สึกไม่ไว้ใจ ร่างบางปรับลมหายใจให้สม่ำเสมอเหมือนคนนอนหลับ แต่ในใจกลับได้ยินเสียงก้อนเนื้อบีบตัวเต้นโครมครามด้วยความหวาดผวา
“ยังไม่ตื่นอีกเหรอเนี่ย” สัมผัสมือหนาลูบที่ปอยผมดำเขาทำเอาชายหนุ่มรู้สึกอุ่นวาบ อบอุ่นเหลือเกิน... เบียคุยะเริ่มหายใจไม่เป็นจังหวะ แต่ก็ยังฝืนทำเป็นเหมือนคนนอนหลับลึกอยู่นิ่งๆ “คุจิกิ” เสียงทุ้มก้มลงกระซิบข้างหูเรียกให้หัวใจเต้นถี่รัวมากขึ้นอีก แม้แต่เสียงก็ยัง...
แต่เดี๋ยวนะ... ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่ได้... แล้วผู้ชายคนนี้เป็นใคร...
“คุจิกิ เบียคุยะ” ทันทีที่สิ้นเสียงพูดร่างบอบบางก็เบิกตากว้างเพราะลมหายใจร้อนที่เป่ารดต้นคอ มือบางผลักไสคนที่เข้ามาใหม่ออกไป
“นาย” ร่างบางถอยตัวร้นไปจนชิดกำแพง มองคนที่รุกเร้าเมื่อครู่อย่างหวาดผวา “เมื่อกี้ทำ...อะไร”
“เอ๊ะ” แววตาคมส่อแววเจ้าเล่ห์แกมคุกคาม “ตื่นแล้วสินะครับ”
“นายทำอะไรน่ะ” มือบางดึงผ้าแพรมากุมไว้แน่น ดวงตาสีดำสนิททอดมองหนุ่มผมแดงสลับกับมือหนาที่กำลังเคลื่อนเข้ามาหาตน “อย่า...” เสียงหวานพูดสั่งแต่มือหนากลับกุมข้อมือเขาไว้เรียบร้อยแล้ว “ปล่อย” เบียคุยะสั่งเสียงเรียบ
“ปากดีจังนะครับ” เร็นจิออกแรงกระชากข้อมือเพียงเล็กน้อย ร่างบางที่ถอยตัวไปชิดกำแพงก็ถูกฉุดมาอยู่ในอ้อมกอดแกร่งที่รัดแน่นแล้ว “ไหนดูสิ... ถ้าทำอย่างนี้” มือหนาบีบคางมนคนแรงน้อยกว่าให้เงยขึ้นมาสบตา
“อ๊ะ” เบียคุยะสะบัดหน้าหนีแต่กลีบปากบางกลับถูกริมฝีปากเข้มของเร็นจิประกบจูบ “อื้อ” เสียงหวานครางประท้วงในลำคอ มือบางรีบผลักไสแผ่นอกหนาให้ออกห่าง แต่ผลที่ได้กลับกลับกัน... ลิ้นร้อนของเร็นจิกวาดไปทั่วโพรงปากหวานก่อนจะไล่ต้อนลิ้นเล็กที่หลีกหนีเขาอย่างจนมุม มือขาวบางเปลี่ยนมาดึงจิกผมนุ่มสีแดงให้ชายหนุ่มออกห่างเพราะตนเองเริ่มขาดอากาศหายใจ
“หืม” เร็นจิถอนจูบออกเสียดื้อๆ “ไม่ไหวแล้วเหรอครับ”
“ไม่” เบียคุยะดิ้นขลุกอีกครั้ง “ออกไป” หนุ่มผมดำสะบัดหน้าหลีกหนีมือหนาที่เข้ามาจับใบหน้าหวานสวย
“ดื้อจริง” เสียงขรึมทำให้เบียคุยะขนลุกวาบ ร่างบางค่อยๆหันมามองใบหน้าตึงเรียบของร่างสูงช้าๆเหมือนคนถูกสะกด “ผมไม่ใช่คนใจดีนักหรอกนะ จะบอกเอาไว้ก่อน”
นี่แค่เสียง... ก็ทำให้เขากลัวได้แล้วเหรอ
“ไม่” อยู่ๆน้ำตาก็แทบจะไหลออกมา มือแกร่งบีบข้อมือแรงเสียจนเบียคุยะได้ยินเสียงชีพจรเต้นเร้าอย่างปวดหนึบ แววตาร่างสูงฉายแววแค้นเคืองสะท้อนออกมาจนเห็นได้ชัด เร็นจิก้มลงกัดซอกคอขาว “อ๊ะ...” เบียคุยะสะดุ้งหนีแต่กลับถูกมือหนาดันให้กระแทกเข้ากับผนังห้องอย่างแรง “ไม่...” ฟันเขี้ยวเร็นจิฝังลงเหมือนต้องการเรียกเลือดจากร่างบาง รอยกัดแดงชัดขึ้นมา
“คุณคุจิกิ” เสียงขรึมเรียบนิ่งหยุดลมหายใจที่เริ่มร้อนแผ่วของเบียคุยะ
ปีศาจ... คนคนนี้... ปีศาจ...
“ผมขอรับร่างคุณไว้เป็นเครื่องสังเวยความแค้นของพวกเรานะครับ” เร็นจิกดนิ้วเข้ากับรอยแผลแดงที่ซอกคอ
ไม่นะ..........
“อ๊า” เบียคุยะรู้สึกเหมือนถูกหยุดลมหายใจ ความเจ็บปวดแล่นไปทั่วร่าง เห็นเลือดสีแดงติดมากับนิ้วชี้ของร่างสูง เขาก็พอจะรับรู้สภาพบาดแผลของเขาแล้ว
“สิ่งนี้” ลิ้นร้อนเลียเลือดสดๆ “ยังแค่เล็กน้อย”
“...นาย” เบียคุยะปัดมือหนาออกห่างจากซอกคอขาวและแผลของตน “นายเป็นใคร”
“ผมน่ะเหรอ” ชายหนุ่มผมแดงมองร่างบอบบางไล่ไปทั่วตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ต้องยอมรับรับว่าร่างกายนี้ช่างสวยและเย้ายวนใจ แต่ว่า...มันก็เป็นแค่เพียงของเล่นที่เขาจะค่อยๆ... ทำลายมันลงช้าๆ
“อื้อ” ร่างบางเบิกตากว้างเมื่อมือหนาบีบคอขาวของตน เลือดไหลซิบมาจากปากแผล “แค่กๆ” ยิ่งไอยิ่งรู้สึกถึงความแห้งผากในลำคอ น้ำ... สมองสั่งให้เขากระหายน้ำดื่มทันที
“ผู้คุมขังของคุณ เรียกผมว่าเร็นจิ” ปากคมเข้มกดลงประทับรอยจูบเน้นย้ำลงไปกับปากบางอีกครั้ง เบียคุยะดิ้นสุดแรง แต่เมื่อลิ้นร้อนชอนไชวกวอนไปทั่วโพรงปาก เขากลับรู้สึกกระหายน้ำมากยิ่งขึ้น ลิ้นเล็กกระวัดโอบรอบลิ้นที่ครอบครองโพรงปากของเขาอยู่อย่างไร้เดียงสา เร็นจิเลิกคิ้วสงสัยขึ้นเล็กน้อยก่อนจะผละออกมามองคนหน้าหวาน
“ไม่... น้ำ...” เสียงหวานเอ่ยอย่างอ่อนระโหย
“ที่แท้ก็เพราะอย่างนี้เองเหรอ” เร็นจิฉีกยิ้มเย็นเยียบ มือหนากดให้แผ่นหลังบางแนบชิดกับเตียง ก่อนจะปลดซิบกางเกง
“จะ...จะทำอะไรน่ะ” เบียคุยะหลับตาปี๋เมื่อตัวตนของคนที่เข้ามาคุกคามโผล่เข้ามาในสายตา ใบหน้าหวานขึ้นสีอย่างคนไม่เคย
“อะไรกันครับ” เร็นจิบีบคางมนจนชายหนุ่มผมดำอ้าปากร้องครางด้วยความปวดหนึบ แววตาเย็นชาจับจ้องกิริยาที่ถูกวางไว้ให้ดูน่าแกล้งอย่างพึงใจชั่วครู่ ร่างสูงยกตัวขึ้นก่อนจะสอดใส่ตัวตนของตนเองลงไปในโพรงปากหวานที่จูบครอบครองไว้เมื่อครู่
“อื้อออออออออออออ” ร่างบางดิ้นสุดแรงเมื่อถูกยัดเยียดสิ่งไม่ต้องประสงค์ แต่ร่างสูงกลับไม่ใส่ใจท่าทีต่อต้านนั้นแม้แต่น้อย เร็นจิหลับตาปล่อยให้อารมณ์ของตัวเองโลดแล่นถาโถมใส่ชายหนุ่มเบื้องล่าง “อื้อออออ อ้า...” เบียคุยะหายใจไม่ทันเมื่อร่างสูงกระแทกลงมาถี่ครั้งและรุนแรง
“หื้ม...” เร็นจิจับข้อมือเล็กมาบีบไว้แน่นเหมือนต้องการสื่อความต้องการไปให้คนที่ปรนเปรออยู่เบื้องล่างได้รับรู้ “อื้ม...” เสียงทุ้มครางต่ำบ่งอารมณ์ที่ใกล้ปลดปล่อย ในขณะที่เบียคุยะแทบจะขาดอากาศหายใจ...
ใหญ่.............. ไม่ไหว...ไม่ไหวแล้ว.....
“อ้า” เร็นจิกระแทกตัวลงมาแรงเป็นครั้งสุดท้ายก่อนปลดปล่อยใส่โพรงปากร่างบาง รู้สึกว่าร่างบางข้างล่างสำลักเล็กน้อยแต่ก็ยอมดื่มน้ำใคร่เขาลงไปอย่างกระหายน้ำ แล้วยังเลียความต้องการเขาต่อเหมือนว่าน้ำเท่านั้นยังไม่พอ “ต้องการอีกเหรอครับ” ลิ้นเล็กที่สะกิดอารมณ์หยุดชะงัก ก่อนใบหน้าหวานจะส่ายหลบและพยายามผลักไสของที่ล่วงเกินให้ออกไป
“แค่กๆ” เสียงไอเบาๆเมื่อเร็นจิถอนแก่นกายออกมา “นาย... ไอ้คนบ้า...” เบียคุยะยกมือฟาดไปที่หน้าอกแกร่งเต็มหน่วยแรง กล้ามาทำกับเขาแบบนี้ได้ยังไง...
“อ้าว ไม่หิวแล้วเหรอครับ” เร็นจิยิ้มเหยียด รอยยิ้มชั่วร้ายที่ทำลายศักดิ์ศรีของหนุ่มที่นอนหายใจรวยรินไปจนหมดสิ้น
“ตอบผมมาสิครับ” หนุ่มผมแดงลุกออกจากเตียงก่อนจัดแจงเสื้อผ้าให้เรียบร้อย แสดงท่าทางเหมือนกับว่าเขาเป็นเพียงของบำเรอไร้ค่า ดวงตาสีดำฉายแววโกรธแค้นเมื่อเห็นว่าอีกคนมองตนต่ำกว่าขยะสังคม เบียคุยะคว้าหมอนใบใหญ่ปาไปที่อีกคนเต็มแรง ร่างบางอยากจะลุกขึ้นไปตีหัวคนอวดดีพรรค์นั้นด้วยซ้ำ แต่ทว่า...
แกร็ง...
เท้าของเขาถูกล่ามโซ่ไว้กับเตียง...
ทำเหมือนกับว่าเขาเป็นแค่สัตว์เดรัจฉาน
“นายๆ ไอ้คนเลว... ไอ้พวกชาติชั่ว ปล่อยฉันออกไปนะ นายมีสิทธิ์อะไรมากักขังหน่วงเหนี่ยวฉัน” น้ำตาเอ่อล้นขึ้นมาคลอหน่วยตา “ปล่อย แก...เร็นจิ... ปล่อยฉัน”
“ถ้าผมเป็นคุณ” เสียงเย็นชาพูดขึ้นเรียบๆทำเอาเบียคุยะรู้สึกชาวาบอีกครั้ง ความกลัวเข้ามาเกาะกุมจิตใจอย่างไร้หนทางปัดเป่า มือบางกุมผ้าแพรแน่นเพราะทำอะไรไม่ถูก น้ำตาเริ่มรินลงมาเป็นสาย ดวงตาตื่นตระหนกจับจ้องแผ่นหลังกว้าง มองคนพูด...ที่ไม่แม้แต่จะสนใจสิ่งที่ตัวเองทำไปด้วยซ้ำ
สิ่งที่ต่ำเกินกว่าที่มนุษย์จะทำ...
“ผมจะเงียบเอาไว้นะ” เหมือนเป็นคำสั่งที่ขู่และข่มขวัญของร่างบอบบางไปมากกว่าเสียงของยมทูตเสียอีก เร็นจิเดินออกจากห้องทิ้งให้เบียคุยะนิ่งหวาดผวาอยู่คนเดียวท่ามกลางความเงียบและความมืด
นี่มันอะไรกัน...
ผมขอรับคุณไว้เป็นเครื่องสังเวยความแค้นของพวกเรานะครับ
เสียงทุ้มต่ำที่สั่นคลอนสติและความกล้าของเขาไปได้ทุกเมื่อที่ได้ยินดังวนอยู่ในหัวสมอง
นี่เรา... จะต้องเป็นคนที่...อยู่รับกรรมชดใช้ความแค้นของใครอย่างนั้นเหรอ...
ไม่เข้าใจ... ไม่...ไม่จริง...
เขาแค่ฝัน นี่เป็นแค่ฝัน เขาเพียงแค่ฝันร้ายไปเท่านั้นเอง...
แต่ร่างบางบิดตัวขดหนีความหนาวในห้อง แอร์เย็นที่ชโลมลงมาย้ำให้เบียคุยะอยู่กับความเป็นจริง ยิ่งลำคอประท้วงขอน้ำมากยิ่งขึ้นเท่าไหร่ และแผลที่เลือดสีแดงยังคงไหลซิบออกมา เปลือกตาบางหลับตาลงอย่างเจ็บปวด ทุกอย่างมันก็ชัดอยู่แล้ว นี่เป็นความจริง...
ยังไม่ตื่นอีกเหรอเนี่ย
แล้วคำพูดเหล่านั้นพร้อมสัมผัสที่อ่อนโยนในตอนแรกอย่างนั้นเล่า
หรือนั่นเป็นแค่เพียงสิ่งที่เขาฝันไป... นั่นสินะ... ตอนนั้นเขาก็แค่ยังไม่ตื่นจากฝันดีเท่านั้นเอง...
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น