คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : ตอนที่ 10
ณ คฤหาสน์คุจิกิ
“โอ๊ย เจ๊บบบบ เบาๆหน่อยสิลูเคี้ยยย”อิจิโกะแหกปากลั่น ขณะที่ลูเคียละเลงยาฆ่าเชื้อลงบนแผลบริเวณศีรษะของอิจิโกะ ใบหน้าหวานคลี่ยิ้มน่ากลัวๆออกมา
“แล้วใครใช้ให้เจ้าไปตีกะท่านพี่ของข้าล่ะ”หญิงสาวตวาดแว้ด
“บอกท่านพี่ขาของเธอสิ หมอนั่นมันเริ่มก่อนนะ ขืนฉันไม่...จ๊ากกกก!!! เบามือหน่อยสิยังบ๊อง”เสียงแปดหลอดของอิจิโกะดังขึ้นอีกครั้ง เมื่อลูเคียเพิ่มน้ำหนังลงไปบนมือที่ทาแผลให้...และแล้ว...คฤหาสน์คุจิกิที่เคยเงียบสงบก็ระงมไปด้วยเสียงกรีดร้องของคุโรซากิ อิจิโกะ...
“ความจริงท่านไม่ควรไปสู้กับอิจิโกะแบบนั้นนะครับ”เร็นจิพูดในลักษณะของการบ่น ขณะที่เบียคุยะนั่งแก้มป่องหันหน้าไปอีกทาง...นี่งอนใช่มั้ย? หัวหน้าคุจิกิกำลังงอน?
“หัวหน้า เป็นอะไรไปน่ะครับ”เร็นจิถาม พลางเอื้อมมือไปสะกิดไหล่บาง
“ฮึ!”เบียคุยะร้องออกมาก่อนเชิดหน้าขึ้นสูง
“หัวหน้า”เร็นจิเรียกอีกฝ่ายอย่างอ่อนใจ...นี่เบียคุยะของเขาเป็นอะไรไป ทำไมถึงได้...แต่คิดอีกทีแบบนี้...น่ารักแฮะ
“ก็...ก็ข้าไม่ชอบหน้าหมอนั่นนี่”ร่างบางพูดออกมาในที่สุด ก่อนหันหน้ากลับมาเผชิญหน้ากับเร็นจิที่นั่งอยู่ข้างหลัง...แต่ก็ยังไม่วายแก้มป่อง...ก็เพราะอีตาบ้าตรงหน้านี่สิ เทศน์เขามายกใหญ่แล้ว แค่เรื่องที่ไปตีกับไอ้เจ้ายมทูตหัวส้มเฮงซวยนั่น...ก็เขาไม่ชอบหน้ามันนี่
“แล้วกันสิครับ เฮ้อ”เร็นจิถอนหายใจออกมาแรงๆก่อนมองหน้าเบียคุยะด้วยสายตาละเหี่ยใจ...
“อย่ามามองข้าแบบนั้นนะ”เบียคุยะตวาดแว้ด ในขณะที่รอยยิ้มขำขันเริ่มปรากฏบนใบหน้าคมสัน
“ยิ้มอะไรน่ะ”เบียคุยะตวาดอีกครั้ง ค้อนขวับใส่ร่างสูงด้วยความไม่พอใจ
“แหมๆๆ หัวหน้าครับ ไม่ต้องทำหน้าน่ากลัวแบบนั้นก็ได้ครับ”
“แล้วทำไมเจ้าต้องทำหน้าเหมือนข้าเป็นเด็กด้วยล่ะ”ร่างบางตวาด เร็นจิที่ยิ้มขันๆยื่นมือเข้ามาสัมผัสพวกแก้มนุ่มเบาๆ ก่อนโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้ๆร่างบางที่หน้าเริ่มขึ้นสี
“ก็หัวหน้าน่ารักนี่ครับ”เร็นจิพูดเสียงเบาราวกระซิบ แต่มันก็ชวนให้สติสตังค์คนฟังปลิวหาย เพราะอารมณ์บางอย่างที่รู้สึกได้ชัดผ่านทางเสียงนั้น ริมฝีปากหนาจะมาสัมผัสกับริมฝีปากบาง ปลายลิ้นสากไล้ไปตามโพรงปากหอมหวาน ชวนให้หลงใหล
“อือ”เบียคุยะครางเบาๆ พยายามดันแผ่นอกแกร่งของคนตรงหน้าให้ออกไป แต่ดูเหมือนเรี่ยวแรงมันจะหายไปหมด สุดท้ายจึงต้องนิ่งเสียโดยดี
“ปล่อย”ร่างบางพูดอู้อี้เมื่อร่างสูงถอนริมฝีปากออก เร็นจิมองอดีตหัวหน้าด้วยแววตาขันๆ
“ครับๆๆ ปล่อยแล้วครับ งั้นข้าขอตัวไปนอนนะครับ ราตรีสวัสดิ์”เร็นจิพูด ก่อนฉวยโอกาสหอมแก้มร่างบางเสียทีหนึ่งแล้วออกไปหน้าตาเฉย...ทิ้งให้คนถูกรังแกค้อนตามตาแทบคว่ำ
“อุ๊บ! คิกๆๆๆ”เสียงกลั้นหัวเราะอย่างสุดความสามารถของคนที่บังเอิญมาเห็นฉากสวีทของท่านหัวหน้าหน่วย 5 และ 6 ร่างสูงโปร่งของใครคนหนึ่งกำลังมองมาผ่านทางหน้าต่างบานเล็ก...จากบนต้นไม้ต้นหนึ่งซึ่งเดิมทีเจ้าตัวขึ้นไปนั่งชมวิวเล่น...แต่ว่ามันดันแจ๊ดพอตแตกที่ดันมาเห็นฉากเมื่อครู่เข้า คารินเอนกายพิงลำต้นหยาบกร้านของต้นไม้ช้าๆ นัยน์ตาทอประกายสุกใส...ท่านเร็นจิของเธอนี่ช่าง...แบบนี้ทำเอาบุคคลที่สามอย่างเธออิจฉาตาร้อนได้เหมือนกัน...ดูๆไปคู่นี้เขาก็เหมาะสมกันดีนะ ถึงจะแตกต่างกันไปหน่อยก็เถอะ...
“นี่ยัยบ้า ขึ้นไปทำอะไรตรงนั้นหะ”เสียงตวาดอันแสนคุ้นเคยดังขึ้น คารินก้มลงมองใต้เท้าตัวเองแล้วก็พบเร็นจิที่ยืนชะเง้อคอมองมายังเธอ
“ขึ้นมาชมวิวค่ะ”เด็กสาวตะโกนกลับ เร็นจิส่ายหน้าอย่างระอาก่อนขึ้นมานั่งเป็นเพื่อนเธอ
“อืม เจ้า...เจ้าใช่มั้ยที่เป็นคนกระจายข่าวลือบ้าๆนั่น”เร็นจิพูดขึ้น
“อุ๊ยตายจริง ข้าน่ะเหรอคะ...”คารินแสร้งทำเป็นตกใจ เด็กสาวยกมือมาป้องปากในลักษณะของคำว่า ‘อุ๊ยตาย ข้าไม่ได้ทำนะคะ’แต่สำหรับเร็นจิที่รู้เช่นเห็นชาติน้องสาวคนนี้มาพอควรก็สับมะเหงกลงไปบนกบาลเสียทีหนึ่งข้อหาหมั่นไส้
“โอ๊ย! ท่านเร็นจิใจร้าย”คารินบ่นอุบ ยกมือขึ้นกุมศีรษะบริเวณที่โดนเขก
“สม”เร็นจิตอบกลับ ร่างสูงมองเด็กสาวข้างๆด้วยสายตาเอือมๆปนเอ็นดู ก่อนยกมือมาขยี้หัวอย่างมันเขี้ยว
เช้าวันที่อากาศสดใส... ความจริงก็คือเช้าวันต่อมานั่นแหละ
“ท่านพี่” เด็กสาวผมดำเดินเข้ามาเจอหัวหน้าหน่วยหกพอดี ประกายตาลูเคียดูสดใสขึ้นมาทันที ข้างกายเด็กสาวยังคงเป็นยมทูตหนุ่มผมส้มคนเดิม ใบหน้าอิจิโกะเต็มไปด้วยปลาสเตอร์รูปสตอเบอรี่ “อาการบาดเจ็บไม่เป็นไรแล้วใช่ไหมค่ะ”
“ลู...เคีย...” เบียคุยะเบิกตาขึ้นเมื่อตัวเองจำเด็กสาวคนนี้ได้ กลีบปากบางเผยยิ้มอบอุ่น
“เห...แกไม่ได้ความจำเสื่อมเหรอ” อิจิโกะพูดหมาๆออกมาจนได้ แต่เบียคุยะอารมณ์ดีเกินกว่าที่จะโกรธใคร หัวหน้าหน่วยหกชวนผู้เป็นน้องคุยระลึกความกันยืดยาว
จนลืมสนใจ...ตัวหัวส้มๆที่ยืนอยู่ข้างๆ
“เกินไปแล้ว นี่จะจีบลูเคียต่อหน้าฉันงั้นเหรอ” อิจิโกะฉีกยิ้มแฝงความแค้น
“ลูเคียเป็นน้องสาวข้า” เบียคุยะพูดเสียงเรียบ แต่ว่า...อิจิโกะ...อารมณ์โกรธมันแล่นพล่านเร็วเกินไปหน่อย ชายหนุ่มจับปลอกดาบโขกต้นคอหัวหน้าหน่วยหกเร็วจนไม่มีใครได้ทันตั้งตัว
เร็นจิที่เดินออกมาเห็นพอดิบพอดีถึงกับจะกระโดดเตะก้านคอเพื่อนตัวเอง
“เฮ้ย” เร็นจิตรงเข้าไปเขกหัวเพื่อนตัวแสบพร้อมรับร่างที่ช็อกสลบได้ทัน มาดพระเอกเกินไปแล้ว... “แกทำบ้าอะไร”
“ฉันไม่ไว้ใจมันว่ะ” อิจิโกะพูด...ตรง...เกิน
“นี่เจ้า” ลูเคียหันไปกัดชายหนุ่มข้างตัว “ทำบ้าอะไรลงไปเนี่ย เมื่อวานก็คราวหนึ่งแล้ว ข้ายังไม่ได้สั่งสอนเจ้าให้...”
“เธอไม่ต้องพูดน่ะ” อิจิโกะแยกเขี้ยวใส่เร็นจิ “ฉันสาบานว่าจะไม่พาตัวเองกับลูเคียมาเหยียบที่ทำการหน่วยหกนี่อีก”
“แก... ใจเย็นก่อนเถอะ” เร็นจิประคองร่างบางขึ้นอุ้ม อิจิโกะเบ้ปาก ส่วนลูเคียกำลังเดือดปุดๆ
“เออ จะไปสงบจิตสงบใจก่อน” อิจิโกะแบกลูเคียขึ้นพาดบ่า ดวงตากลมโตสีดำเบิกกว้างอย่างตกใจ
“เฮ้ย เกี่ยวอะไรกับข้าละ” ลูเคียดิ้นรนออกไปจากวงแขนแกร่ง
“เธอต้องไปช่วยฉันไง” อิจิโกะเผยยิ้มมีเล่ห์นัย หน้าเด็กสาวขึ้นสีแดง เสียงโวยวายดังตามมายกใหญ่ก่อนที่หนุ่มผมแดงจะส่ายหน้าระอา เร็นจิอุ้มร่างบอบบางเข้าห้องพักเพื่อหลีกเลี่ยงมลภาวะทางเสียงอันรุนแรงที่ยังดังอยู่ต่อเนื่อง
“ตีซะแดงเชียว” เร็นจิลูบผิวเนียนละเอียดอย่างเบามือ ให้ตายสิ...ร่างนี้เขายังไม่เคยทำให้มีร่องรอยอะไรเลยนะ ยมทูตผมแดงรีบหยุดความคิดไม่ได้เรื่องของตัวเองเอาไว้ เหอะ...รีบพยาบาลก่อนละกัน
หืม...เจ็บจัง ข้าอยู่ที่ไหนกันเนี่ย...
เปลือกตากระพริบถี่ก่อนที่เจ้าของร่างจะลุกพรวดขึ้นมา ความเจ็บแล่นแปบมาจากต้นคอ ร่างขาวบางมองกวาดไปรอบห้อง หนุ่มหน้าหวานมองไปรอบตัวก่อนจะลุกขึ้นยืน ขาเรียวบางพาตัวเองเดินออกมานอกระเบียง สัมผัสความหนาวเย็นยามค่ำคืน
รู้สึกดีจริงๆ...
ริมฝีปากสวยคลี่ยิ้มบางน่ามอง มือเล็กน่าทะนุถนอมค่อยๆไล่ตามเนื้อราวระเบียงอย่างละเอียดอ่อน พระจันทร์ในค่ำคืนนี้จงใจทอแสงสวยงดงามดูอบอุ่น และเสียงน้ำไหลที่เรียบนิ่งยิ่งทำให้ทุกอย่างดูสงบและผ่อนคลาย
เบียคุยะเองก็หาคำตอบให้ตนเองไม่ได้เหมือนกันว่าทำไมถึงได้หลงใหลบรรยากาศยามวิกาล นั่นอาจจะเป็นเพราะว่าเขารู้สึกคุ้นเคยกับมันอย่างแปลกประหลาด ...กับพลังกดวิญญาณที่เขาโหยหามันมานาน
“อยู่ตรงนั้นมานานหรือยัง” เบียคุยะอมยิ้มส่งไปให้ยมทูตผมแดงที่สวมชุดคลุมหัวหน้าหน่วยห้า เร็นจิเบิกตาตกใจ...กับรอยยิ้มอ่อนหวานที่ได้เห็น ร่างสูงก้าวช้าๆตรงเข้ามาหาร่างบอบบาง
“หัวหน้าเบียคุยะ” เร็นจิก้มหัวคำนับทักทายเป็นการหยอกล้อ “ข้าคงเผลอตัวให้ท่านจับได้ ความผิดของข้าเอง”
“เจ้านับเรื่องแบบนั้นว่าเป็นความผิดด้วยเหรอ” เบียคุยะมองไปยังสวนข้างๆห้องนอน
“โทษฐานที่แอบเฝ้ามองท่าน” เร็นจิฉีกยิ้มก่อนแปรเป็นเสียงหัวเราะ ใบหน้าสวยเลิกคิ้วไม่เข้าใจว่าร่างสูงต้องการสื่ออะไร “เปล่าหรอกครับ ข้าแค่...” มือหนายกขึ้นเกลี่ยปอยผมนุ่มสีดำ “สงสัยว่าท่าน...ไม่โกรธข้าเหรอ”
“เรื่องอะไรกัน” เบียคุยะจับจ้องนัยน์ตาสีแดงเพลิง เร็นจิเพียงแต่ยิ้มอ่อนโยน
“เปล่าหรอก...” มือหนารั้งดวงหน้างามให้เข้ามาประชิดกับริมฝีปากเขา เร็นจิจูบสัมผัสหน้าผากมน “ไม่มีอะไร” เบียคุยะหลับตาพริ้ม มือบางยึดเสื้อคลุมขาวไว้หลวมๆ
“เร็นจิ” เบียคุยะเอ่ยขึ้นเสียงหวาน “เจ้าเป็นใครกัน...”
“ข้า... เคยเป็นรองหัวหน้าของท่าน” เร็นจิลูบผมนุ่มของเบียคุยะแผ่วเบา และถึงแม้ว่าตอนนี้...หัวใจข้าก็ยังคงเป็นของท่านอยู่เสมอมา...
“ทำไมข้าถึงอยากจำเจ้าให้ได้” ยมทูตผมดำทิ้งระเบิดลูกใหญ่ให้กับอดีตรองหัวหน้าของตน เร็นจินิ่งอึ้ง แล้วจะให้เขาบอกว่ายังไงดี...
“คงเป็นเพราะท่านช่วยเหลือข้าไว้มาก” เร็นจิยิ้มขันกับความคิดของตนเอง “คงอยากคิดดอกเบี้ยละมั้งครับ”
“อย่างนั้นเหรอ” เบียคุยะขมวดคิ้วสงสัย “ถ้าอย่างนั้นเจ้าช่วยอะไรข้าหน่อยสิ”
“อะไรกันครับ” เร็นจิเลิกคิ้ว “นี่ข้าต้องใช้หนี้เร็วขนาดนั้นเลยเหรอ”
“ใช่... ยกชุดน้ำชาออกมาให้ข้าหน่อยสิ”
สวัสดีค่ะ เป็นไงบ้างคะกับตอนนี้
หวังว่าคงจะชอบกันนะคะ ไรเตอร์สองคนสุมหัวแต่งกันเกือบอาทิตย์
(ที่นานเพราะมันอู้ทั้งคู่)
ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนต์นะคะ
ป.ล.สำหรับตอนหน้าอาจจะนานนิดหนึ่งนะคะ ฮึๆ
มันอาจเป็นฉากที่หลายคนรอคอย (หนึ่งในนั้นคือตัวข้าพเจ้าเอง อร๊างง)
ความคิดเห็น