ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Evil Within หมอกปิศาจมรณะ

    ลำดับตอนที่ #1 : Chapter 1 : Fog

    • อัปเดตล่าสุด 9 ม.ค. 51


    Chapter One : Fog
     
     
    วันแสนสบายวันหนึ่งในเมืองหลวงอันแสนธรรมดา ผู้คนไปทำงานตามปกติ รวมถึงนักเรียนที่เดินทางไปเรียนในเวลาเดียวกัน รถนับร้อยคันแล่นสัญจรผ่านถนนในเวลาไม่กี่นาที ทำให้การจราจรเกิดติดขัดขึ้นบ้าง รอบข้างที่รายล้อมด้วยตึกสูงอุตสาหกรรมเหล่านี้ โฉ่ให้เห็นถึงความเจริญและความแออัดยัดเยียดของผู้คนในเมืองหลวง แต่ก็หามีใครใส่ใจไม่ ในเรื่องความแออัดนี้ เหล่านักการเมืองต่างๆยังคงวางแผนที่จะประยุกต์เมืองหลวงให้เจริญยิ่งขึ้นไป
     
    วิศวกรถูกจ้างมากขึ้น ทำให้อาชีพนี้สำคัญต่อเมืองไปโดยปริยาย  ปัญหาการว่างงานลดลง เพราะการปฏิรูปครั้งนี้ ได้ให้คนจนมามีส่วนเกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่ใช้ปริมาณคนมากโข คล้ายการใช้แรงงานของคนนับหมื่นเพื่อสร้างสิ่งก่อสร้างแต่ละอย่างในนวนิยายแฟนตาซีที่เคยเห็นมา
     
    ปัญหาการวิ่งราวและจี้ปล้นลดลงจนเบาบางแทบไม่มีให้เห็น โดยส่วนใหญ่แล้วปัญหาจะรวมจุดกันไว้ที่ ความแออัด อย่างเดียว 
     
    แต่ถึงแม้เมืองนี้จะแออัดไปด้วยผู้คน อุตสาหกรรมเพียงใด คนเก่าแก่ที่เชื่อเรื่องตำนานไร้สาระต่างๆยังคงตำรงการยึดมั่นแบบเดิม อยู่นั่นคือ หัวโบราณ   พวกที่ไม่ยอมรับคนรุ่นใหม่และหันหลังให้กับอุตสาหกรรมทั้งหลาย คล้ายคลึงกับการปิดตาปิดหูไม่รับฟังอะไรทั้งสิ้น เว้นแต่ประเพณี วัฒนธรรม ที่ตนยึดถือมา    คนพวกนี้มักจะหัวแข็งและเปลี่ยนแปลงได้ยาก    คนส่วนใหญ่เอือมที่จะเป่าหู หรือป้อนสิ่งใหม่ๆให้ เพราะพวกคนเหล่านี้ถูกเรียกว่า ไม้แก่ดัดยาก 
     
    มันอาจถูกถ้าคิดในอีกแง่  ที่พวกเขาทำตัวปิดหูปิดตา และไม่ยอมรับ   เพราะการขยายความเจริญ นั่นก็เท่ากับการทำลายธรรมชาติทวีคูณเท่านั้น คนสมัยเก่าแก่อาจถูกสอนมาให้รักธรรมชาติก็เป็นได้   ข้อเสนอนี้จึงเป็นข้อเสนอที่ไม่อาจมาล้มล้างความคิดเก่าๆของคนรุ่นก่อนได้
     
     
    แต่นับวัน อันตราการเกิดก็ยิ่งสูงขึ้น โดยทิ้งอัตราการตายให้น้อยลง โดยมีอัตราการเกิดเฉลี่ยปีละ 60% โดยอัตราการตายของประชากรในประเทศมีเพียง 40% เท่านั้น    นั่นอาจเป็นเพราะวัยรุ่นไม่ระมัดระวังมากขึ้น หรือคนคุมกำเนิดกันน้อยลง   และ ปัญหาหลักในการคุมอัตราการเกิดไม่อยู่ คือ คนที่แตกกระจายครอบครัวออกไป ทำให้สร้างรากฐานใหม่ และครอบครัวเหล่านี้ก็จะขยายขึ้น แล้วกระจายไป เหมือนกิ่งก้านสาขาของต้นไม้ ถ้ามองในภาพรวม 
     
     
    ลึกเข้าไปในเขตเมืองเก่า มีหมู่บ้านหนึ่งซึ่งนับถือตำนานโบราณอันไร้สาระเป็นอันมาก ผู้คนก็ดูเหมือนจะเชื่ออะไร งมงายกันยกใหญ่ อย่างเช่นเหตุการณ์ ไข้หวัดสเปน ใน ปี ค.ศ. 1918 ที่เป็นโรคติดต่อครั้งร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์โลก ที่ฆ่าชีวิตผู้คนไปทั้งหมดถึง 40 ล้านคนทั่วโลก    พวกนั้นก็เชื่อว่า เป็นการล้างมวลมนุษย์ของพระเจ้า   พวกเขาเหล่านั้นมักเล่าเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ให้เด็กๆฟัง ทำให้ชุมชนรอบข้างเริ่มต่อต้าน และขับไล่ ราวกับพวกเขาเป็น ยิปซี
     
    เอแวนดร้า คนทรงอายุ 77 ปี ที่กุตำนานต่างๆเพื่อให้คนกลัว ชอบทำนายเรื่องน่ากลัวๆไว้หลายเหตุการณ์.....
     
    ...................................
     
    11 November 2095
     
    ภายในโบสถ์ของคริสเตียน , งานศพ ด็อกเตอร์ เฮนรี่ ปีเตอร์เซ่น
     
    พระเจ้าได้รับเขาไปแล้ว ป่านีน้เขาคงสบายแล้วล่ะ ผู้คนในโบสถ์สีขาวหลังโตคุยกันเบาๆ เพื่อให้เป็นมารยาทในงาน พวกเขาพูดพลางซุบซิบถึงเรื่องราวต่างๆที่ด็อกเตอร์เคยทำไว้
     
    เอ๊ะ... แม่คะ บาตรหลวง เขาหายตัวเข้ามาในนี้ได้ยังไงล่ะคะ เด็กคนหนึ่งถามแม่ของเธอ ขณะที่แม่ก็มองตามเด็กน้อยไร้เดียงสาชี้
     
    พูดเป็นเล่นไปจ้ะ บาตรหลวงเขายืนอยู่ตรงนั้นตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว พิธีจะเริ่มขึ้นก็ต่อเมื่อ คุณ เอแวนดร้ามานั่นแหละ อย่าเพิ่งสงสัยอะไรมากเลยจ้ะเด็กๆน่ะ มักตาฝาดนะ
     
     
    แอ๊ดดดด.............................. ..... ..... . . . ... . .. . . . .   . . .     .
     
    ประตูโบสถ์เปิดอ้าออก แขกคนสุดท้ายที่เดินเข้ามา คือ เอแวนดร้า คงทรงประจำถิ่น   ร่างกายของเธอยังคงแข็งแรงขนาดเดินเข้ามาเองได้   เธอสวมชุดสีดำยาวคลุมหน้าบางส่วน เป็นที่หวาดผวาของเด็กๆ และทำให้ผู้ใหญ่บางคนมองแบบเกลียดชัง
     
    เริ่มงานเลยสิคะ.........
     
    ……………….
     
     
    การกล่าวของบาตรหลวงดำเนินไปนานพอสมควร ทุกคนที่ซาบซึ้งในการกระทำของด็อกเตอร์บางคนถึงกับเผลอร้องไห้โฮออกมา เพราะเขาเป็นคนที่อุทิศเพื่อหมู่บ้านแห่งนี้จริงๆ   ทอมมี่ ลูกชายของด็อกเตอร์วัย 36 ปี ร้องไห้คล้ายจะขาดใจ แม้น้ำตาจะน้อยแต่สีหน้าที่แสดงออกของเขา ไม่ได้แสดงถึงความเจ็บปวดในการสูญเสียที่ดูน้อยเลยทีเดียว มันดูเจ็บแปลบเหมือนมีใครมาพรากเอาของที่เขารักที่สุดไป
     
    เพื่อนของทอมมี่ที่นั่งข้างๆตบบ่าเขาเบาๆเพื่อเป็นการปลอบใจ แม้จะไม่ช่วยอะไรได้มาก แต่ก็ทำให้อาการเศร้าของเขาดีขึ้น   เมื่อเขานึกว่าอย่างน้อยก็มีลูกชายรออยู่......
     
    กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด~~~~~~~~!!!!!!!!”   เสียงกรีดร้องของคนทรง เอแวนดร้า แผดก้องทั่วโบสถ์ ทำให้ทุกสายตาหันมามองกันเป็นทางเดียว   เธอกรีดร้องด้วยน้ำเสียงที่สั่นเทิ้มและกลัวสุดขีด
     
    อีกไม่กี่วัน....   อีก....ไม่ กี่วัน.... ความขาว.... สีขาว.... จะนำมาซึ่งความตาย..... รวมทั้ง แอซีซิด และ ผู้ไม่ใช่คน    ระวังพวกมันไว้..... พวกมัน...... พวกมัน..............     กรี๊ดดดดดดดดดดดดด!!!” เธอกรีดร้องอีกครั้งก่อนจะล้มลงสลบไปไม่ได้สติ.....
     
    นังบ้านี่เกิดคุ้มคลั่งอะไรขึ้นมาอีกล่ะ     พาร่างของหล่อนไปส่งที่บ้านสิ   พิธีเสียหมด
     
    ก็บอกแล้วว่าอย่างเชิญยัยคนนี้ เห็นไหมล่ะ เด็กๆต้องตกภวังค์กลัวคำทำนายบ้าๆอีกแล้ว
     
    แล้วใครเชิญมากันล่ะ....
     
    คนในโบสถ์ต่างซุบซิบถึงความวิกลจริตผิดเพี้ยนของเอแวนดร้า   พวกเขายินดีที่จะไล่เธอออกจากหมู่บ้านได้ทุกเมื่อ ถ้าเธอทำแบบนี้อีก
     
     
     
     
    คุณพ่อ... ขอให้นอนหลับให้สงบนะครับ   นอนหลับบนสรวงสวรรค์ที่พระเจ้านำทางไป ทอมมี่พูดก่อนจะคุกเข่าลงต่อหน้าศพพ่อ หลังจากเสร็จพิธีแล้ว..........
     
     
    ..........สีขาว...แอซีซิด.....ความตาย....ผู้ไม่ใช่คน... งั้นหรือ?” วาเนสซ่า เด็กสาวอายุ 17 ปีที่เป็นญาติของบาตรหลวงพึมพำอยู่หน้าโบสถ์ก่อนสายลมเย็นวูบหนึ่งจะพัดผ่านหน้าโบสถ์ที่รายล้อมด้วยบ้านจัดสรรสไตล์ยุโรปไป
     
     
    To be Comtinued
     
     
     
          
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×