ฤๅรักไร้แรงปรารถนา
...เจ็บ
นั่นคือสิ่งที่ฉันกำลังรู้สึกอยู่ในขณะนี้ ความรู้สึกที่ปวดไปทั่วทั้งสรรพางค์กายมันทำเอาฉันแทบจะทนไม่ไหว... แต่ว่าความเจ็บปวดที่เหมือนว่าหัวใจกำลังถูกบีบรัดของฉันนั้นเจ็บกว่าอยู่มากเลยทีเดียว
ต้นเหตุของความเจ็บปวดกำลังยืนมองฉันอย่างไร้มนุษยธรรม ไม่มีแม้แต่ร่องรอยของความรู้สึกผิดสักเล็กน้อยอยู่บนใบหน้าหล่อเหลานั้น
อา... ทำไมหัวใจน้อยๆดวงนี้ถึงได้รู้สึกปวดจนแทบทนไม่ไหวกัน
“ฉันบอกเธอแล้วใช่ไหม“ ว่าอย่าไปยุ่งกับโรเซ่!”
เสียงทุ้มนุ่มที่เคยอ่อนโยนต่อฉันมาอย่างสม่ำเสมอ ในเวลานี้กลับตะคอกจนบาดแก้วหูของฉันอย่างไม่ใยดี
ทำไมล่ะ“ ฉันผิดเหรอที่ไปยุ่งกับผู้หญิงคนนั้นเพียงเพราะว่าฉันทำเพื่อเขา
“นายไม่มีสิทธิ์มาทำแบบนี้กับฉันนะ!”
ฉันยังคงตวาดกลับอย่างไม่ยอมแพ้ ขาเรียวพยายามอย่างยิ่งยวดในการลุกขึ้นโดยที่ไม่ให้เซจนล้ม มือเรียวบางของฉันแตะไปที่บริเวณศีรษะก่อนที่ฉันจะต้องชะงักไปอีกครา
...นี่มันเลือดนี่ ฉันหัวแตกอย่างนั้นเหรอ“ สงสัยเป็นเพราะถูกผลักจนหัวกระแทกเข้ากับขอบโต๊ะเมื่อสักครู่นี้แน่ๆ
ฉันเหลือบไปเห็นสีหน้าของเขาที่ตกตะลึงปนรู้สึกผิดในชั่วพริบตา ก่อนที่มันจะหายไปเหมือนกับว่าเขาไม่เคยรู้สึกอะไรมาก่อน
ใช่สิ... นี่ฉันยังหวังให้ปิศาจไร้ใจอย่างเขามารู้สึกอะไรอีกล่ะ
คิดได้แค่นี้ขอบตาของฉันก็เริ่มรู้สึกร้อนผ่าว ฉันแทบจะอดกลั้นไม่ให้หยาดน้ำตาสีใสร่วงหล่นอย่างน่าสมเพชต่อหน้าของเขาแทบไม่ได้
“ยังไงก็เถอะ... รีบไปทำแผลที่หัวเธอก่อนเร็ว”
แอลกล่าวด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงจากเดิม พลางเดินเข้ามาหมายจะจับที่ข้อมือของฉัน
“อย่ามายุ่งกับฉัน! ดี ในเมื่อเรื่องในวันนี้นายจะกล่าวหาว่าฉันทำผิดฉันก็จะขอน้อมรับเอาไว้ และฉันขอบอกไว้ตรงนี้เลยว่าในเมื่อฉันเป็นฝ่ายผิด ฉันก็จะขอเป็นฝ่ายที่จะเดินจากไปและจะไม่มีวันมาข้องเกี่ยวกับนายอีก!”
ฉันไม่นึกเลยว่าคนอย่างฉันเองก็ต้องมีวันนี้เข้าสักวัน คนอย่าง ‘ลินดา’ ที่เพื่อนสนิทหลายคนต่างตั้งฉายาให้ว่า ‘ราชินีไร้พ่าย’ ผู้ไม่รู้จักคำว่าแพ้ต้องแพ้ให้กับผู้ชายตรงหน้าคนนี้! ผู้ชายที่ฉันรักที่สุดจากหัวใจตั้งแต่สมัยเด็ก คนที่เคยสัญญามั่นเหมาะว่าในอนาคตจะรับฉันเป็นเจ้าสาวของเขา
เหอะ... นี่แหละลมปากของผู้ชาย ฉันไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะเป็นคนอย่างนี้ไปได้ ฉันดูเขาผิดไปจริงๆ
“ละ... ลินดา”
แอลกล่าวด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา ประกอบกับสีหน้าที่ตกตะลึงอย่างที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อนในชีวิต ฉันเองก็มีความรู้สึกไปต่างกัน เมื่อได้รับรู้ถึงบางอย่างที่ไหลเป็นทางยาวบนใบหน้าเนียนของฉัน หยาดน้ำตาอุ่นๆที่ทะลักมาจากดวงตากลมโตราวกับเขื่อนแตกก็ไม่ปาน
สิบกว่าปีแล้วสินะที่ฉันไม่ได้ร้องไห้... มาในวันนี้ฉันกลับเสียน้ำตาเพียงเพราะผู้ชายคนเดียวเนี่ยนะ...
น่าสมเพชชะมัดเลย...
ฉันจัดการปาดน้ำตาทิ้งอย่างลวกๆ พลางเดินสวนเขาออกไปยังประตู
“เดี๋ยวสิ!”
แอลกล่าวอย่างเร่งรีบพลางคว้าข้อมือขาวเนียนของฉันไว้... ดีใจจังที่เมื่อกี้แกว่งแขนด้านที่ใส่นาฬิกาไว้ข้างหน้าเขาเลยจับไม่ได้ แรงขนาดนี้ถ้าไปจับละก็มีหวังนาฬิกาของฉันพังแหงๆ
“ปล่อยฉัน พิสิฐ เราไม่มีอะไรให้มาข้องเกี่ยวกันอีกต่อไปแล้ว”
ความสัมพันธ์ตลอด 18 ปีของเรามันจบลงตั้งแต่ตอนที่มีผู้หญิงที่ชื่อว่า ‘โรเซ่’ เดินเข้ามาแทรกกลางระหว่างเราแล้ว
ฉันมองออกว่าเขาชอบผู้หญิงคนนั้นมากขนาดไหน สายตาที่เคยมีให้ฉันกลายเป็นของโรเซ่เสียหมดนับตั้งแต่หล่อนเดินเข้ามาในชีวิต ในทางกลับกันความสัมพันธ์ของเราก็ยิ่งหมางเมินขึ้นเรื่อยๆ เขายิ่งปฏิบัติตัวกับฉันอย่างเย็นชาเหมือนเราไม่เคยรู้จักกัน...
ฉันไม่เข้าใจจริงๆว่าฉันทำอะไรผิดไป...
“อย่ามาพูดดีไปหน่อยเลย! ไม่ใช่เพราะเธอเองรึไง ตอนนี้เธอถึงต้องมาตกอยู่ในสภาพนี้! ทั้งตอนที่เธอผลักโรเซ่ตกสระน้ำจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด ทั้งตอนที่เธอแกล้งเปิดแก๊สทิ้งไว้ที่หอพักของโรเซ่ ทั้งตอนที่เธอวางแผนมอมเหล้าโรเซ่แล้วจ้างคนมาข่มขืนน่ะ! ทั้งหมดนี้ไม่ใช่ฝีมือเธอหรือยังไงกัน!”
เขาบ้าไปแล้ว! ผลักตกสระน้ำ“ เปิดแก๊ส“ มอมเหล้าแล้วจ้างคนมาข่มขืน“ ฉันเคยทำเรื่องพรรค์นี้ที่ไหนกัน!
“ถึงตอนนี้ฉันก็ยังขอยืนยันคำเดิม ว่าฉันไม่เคยทำเรื่องแบบนั้นแม้แต่ครั้งเดียว ไม่ว่านายจะเชื่อหรือไม่ก็ตาม ฉันขอยืนยันว่าฉันเป็นผู้บริสุทธิ์! ฉันมีศักดิ์ศรีพอที่จะไม่ทำเรื่องต่ำช้าแบบนั้น!”
“นับตั้งแต่ที่มีผู้หญิงคนนั้นเข้ามาในชีวิต นายทำราวกับว่าฉันเป็นผู้ต้องหาคดีฆ่าคนก็ไม่ปาน บอกฉันหน่อยสิว่าฉันทำผิดอะไร“”
“นายไม่เคยที่จะฟังคำอธิบายของฉันแม้แต่คำเดียว นายฟังความจากหล่อนแค่ข้างเดียวก็ตัดสินว่าฉันเป็นฝ่ายผิด ฉันขอถามหน่อยว่าความยุติธรรมอยู่ตรงไหนกัน“”
“ทั้งๆที่ฉันทำทุกอย่างก็เพื่อนายมาโดยเสมอ ต่อให้คนทั้งโลกหันหลังให้นายฉันก็ขอเป็นคนเดียวที่ยืนเคียงข้างนาย ฉันเชื่อใจนายมาโดยตลอด แต่ตอนนี้นายกลับไม่เชื่อใจฉันเพราะคำใส่ร้ายป้ายสีนั่น! ฉันอยากรู้จริงๆว่าในหัวใจของนายเคยมีคำว่าเชื่อใจให้ฉันบ้างไหม“”
ยิ่งพูดฉันยิ่งร้องไห้ ในทางเดียวกันแอลก็ทำสีหน้าตกตะลึงขึ้นมาอีกครั้งราวกับว่าไม่อยากที่จะเชื่อ
“ทั้งๆที่ฉันเคยเชื่อว่าต่อให้ไม่มีใครเชื่อคำใส่ร้ายป้ายสีฉัน แต่ว่าอย่างน้อยต้องไม่ใช่นาย ฮะๆ แต่ดูเหมือนว่าฉันจะคิดไปเองอยู่คนเดียวสินะ”
ฉันฝืนเหยียดยิ้มทั้งน้ำตา และฉวยโอกาสที่มือหนาผ่อนแรงลงสะบัดข้อมือจนหลุดพ้นจากการจับกุมของเขา
“ทันทีที่ฉันก้าวออกจากห้องนี้ ขอให้ถือว่าเราไม่เคยรู้จักกันก็แล้วกันนะ...”
ฉันเอ่ยปากพูดในขณะที่ขาเรียวย่างก้าวสลับกันอย่างเป็นจังหวะไปยังประตูห้อง มือเรียวของฉันจับไปที่ลูกบิดประตูห้องอย่างเหนียวแน่น ความเจ็บปวดทั้งร่างกายและจิตใจที่ฉันได้รับมาในวันนี้ถึงจะระบายกับเจ้าของห้องไม่ได้ อย่างน้อยก็ขอระบายกับลูกบิดประตูห้องก็ยังดี
“ขอบคุณนะสำหรับความรู้สึกดีๆตลอด 18 ปี และความรู้สึกแย่ๆตั้งแต่ที่มีผู้หญิงคนนั้นเข้ามาแทรกกลางความสัมพันธ์ของเรา ขอบคุณสำหรับความไม่เชื่อใจกัน ขอบคุณสำหรับการแสดงท่าทีเย็นชาใส่ฉัน ขอบคุณสำหรับการที่ทำราวกับฉันเป็นแค่ขยะชิ้นนึงมาโดยตลอด ขอบคุณสำหรับความรักที่ฉันคิดไปเองอยู่ฝ่ายเดียว ขอบคุณ ขอบคุณ...”
ฉันหันหน้ากลับไปมองเจียอีกครั้งด้วยสีหน้าที่ฝืนยิ้มอย่างเต็มที่ สายตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกที่หลากหลายของเขาจ้องมาที่ฉันอย่างตะลึง แต่ไม่มีท่าทีที่เขาจะรั้งฉันเอาไว้เลยแม้แต่น้อย...
...ถึงเวลาที่เราต้องตัดใจแล้วสินะ
ฉันคิดได้เพียงแค่นั้นก่อนที่จะหมุนลูกบิดประตูห้องออก
แกร๊ก แกร๊ก
เอ๊ะ... ทำไมมันหมุนไม่ออกวะ
“พี่สตาฟคะ ลูกบิดประตูหมุนไม่ออกค่ะ”
ฉันกล่าวด้วยน้ำเสียงหน่ายใจเล็กน้อยก่อนที่จะหันไปมองผู้กำกับด้านข้างห้อง
“คัท!! สตาฟไปดูลูกบิดประตูซิ เอาล่ะพักกันก่อนนะ ซีนนี้น้องทำได้เยี่ยมมากเลย เทคเดียวผ่านฉลุย”
พี่ผู้กำกับกล่าวพลางยิ้มให้เราทั้งคู่อย่างอ่อนโยน ก่อนที่ผู้จัดการของเราทั้งคู่จะเดินถือน้ำ ถือผ้าขนหนูมาให้
เอ๋“ ยังไม่ได้บอกหรือคะว่าเราทั้งคู่เป็นนักแสดง และเมื่อสักครู่นี้กำลังแสดงฉากๆหนึ่งในละครชื่อดังอย่าง ‘ฤๅรักไร้แรงปรารถนา’ อยู่ค่ะ
การแสดงเป็นผู้หญิงที่เข้มแข็งในช่วงเวลาที่อ่อนแอที่มันท้าทายสำหรับฉันมากค่ะ เพราะมันขัดกับบุคลิกของฉันโดยสิ้นเชิง แต่ฉันว่าฉันทำมันได้ดีในระดับหนึ่งเลยล่ะ
“เอ่อ... ปลาย เย็นนี้ว่างไหม“ ฉันเพิ่งได้ตั๋วหนังมาสองใบ”
ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งคนนี้ชื่อ ‘วิทย์’ เป็นพระเอกละครที่เคมีเข้ากับฉันมากที่สุด จนถูกจับให้เป็นคู่จิ้นยอดศตวรรษเลยทีเดียว แต่ทุกคนก็ไม่ผิดหวังเมื่อหลังจากนั้นฉันตัดสินใจตอบตกลงที่จะคบกับเขาจนกลายเป็นคู่รักกันทั้งนอกจอและในจอ
“เนื่องในโอกาสอะไรเหรอ“”
ฉันแค่แกล้งถามไปอย่างนั้นเองแหละ แต่ทันทีที่พูดจบเขาก็มองมาที่ฉันด้วยสายตาที่ดูผิดหวังมาก
“นี่จำไม่ได้จริงๆเหรอ“”
วิทย์กล่าวพลางลดมือที่ถือตั๋วหนังสองใบลง สายตาของเขาดูเศร้าจริงๆจนฉันอดรู้สึกผิดเล็กๆไม่ได้
“ล้อเล่นน่า ทำไมปลายจะจำวันเกิดวิทย์ไม่ได้ล่ะ เอ้านี่! สุขสันต์วันเกิดนะจ๊ะ”
ฉันกล่าวขึ้นอย่างอมยิ้ม พลางโชว์ของขวัญกล่องเล็กที่แอบไว้ด้านหลังขึ้นมา ทำให้สีหน้าเขาดีขึ้นกว่าเดิมเยอะ ก่อนที่จะตกอกตกใจเมื่อเห็นสิ่งที่อยู่ภายในกล่องสีน้ำเงินนั้น
“ตอนนี้ใส่แหวนหมั้นไปก่อนแล้วกันนะ เอาไว้รอเปลี่ยนเป็นแหวนแต่งงานทีเดียวเลย”
ฉันกล่าวพลางหยิบแหวนเงินสลักลาย V&P อย่างวิจิตรสวมลงบนนิ้วนางข้างซ้ายของชายหนุ่มตรงหน้า ที่กำลังหน้าแดงเป็นลูกตำลึงอยู่
“ฮิ้วววว~ เจ้าหญิงประจำช่องไปขอผู้ชายหมั้นแล้วโว้ยย”
เสียงพี่สตาฟที่รู้จักกันถึงขั้นสนิทสนมแซวขึ้นเสียงดัง ก่อนที่จะมีอีกหลายคนร่วมวงด้วย
“แหมๆ ไม่เบานะน้องสาว นึกว่าจะหงิมๆ งาบผู้ชายไปกินซะละ”
“ร้ายนักนะหล่อน แฟนหล่อซะด้วย”
ฉันได้แค่อมยิ้มกับคำพูดของแต่ละคน ก่อนที่มือบางจะถูกกระชับด้วยฝ่ามืออุ่นไว้อย่างเหนียวแน่น...
***
“เขาบอกคนมืออุ่นเป็นคนเจ้าชู้... สารภาพมานะแกไปมีกิ๊กที่ไหนไว้ใช่ไหม!!”
“เห้ย! ใจเย็นก่อนโว้ย เพิ่งจะหมั้นกันได้ไม่ถึงนาทีเองนะ”
“ยัยนี่ได้เป็นม่ายก่อนแต่งแน่ๆ...”
***
จบแล้วจริงๆจ้า
ในที่สุดนิยายเรื่องสั้นเรื่องแรกของพฤกษ์ก็ได้ฤกษ์คลอดออกมาสักที สำหรับนิยายในตอนนี้เป็นตอนที่พฤกษ์เคยแต่งให้แก่เพื่อนสาวที่เป็นคอนิยายเหมือนกันเป็นของขวัญวันเกิด(อันนี้แอบเอามาลง 5555) เลยมีการปรับเปลี่ยนชื่อตัวละครเล็กน้อย เพราะตอนแรกใช้ชื่อของพฤกษ์และเพื่อนแทน หากมีฉากไหนที่มีชื่อแปลกๆหลุดไปก็รบกวนแจ้งด้วยนะครับบ
สำหรับผู้ที่งงกับเนื้อหา เนื้อหาในตอนนี้คือการแสดงละครของนักแสดง 2 คนที่ชื่อว่า "วิทย์" กับ "ปลาย" ที่แสดงเป็น "แอล" กับ "ลินดา" ในฉากดราม่าของละครที่ชื่อว่า "ฤๅรักไร้แรงปรารถนา"
สำหรับเนื้อหาของ "ฤๅรักไร้แรงปรารถนา" ทั้งก่อนหน้านี้และหลังจากนี้ไม่มีนะจ๊ะ นิยายตอนนี้เป็นตอนเดียวจบ (สาเหตุหลักคือขี้เกียจ) สำหรับผู้ที่หวังนิยายเรื่องยาวของ "ฤๅรักไร้แรงปรารถนา" ...ก็นะ ความหวังช่างริบหรี่เสียเหลือเกิน...
ด้วยรัก
พฤกษ์
พอไปประโยคว่าว่า"พี่สตาฟประตูเปิดไม่ได้"มาน่ะ สตั้นไป3วิเลยจ้า