ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fanfic Service] Kuroko no Basuke (Yaoi)

    ลำดับตอนที่ #9 : [AkaKuro] Red Legend (Request : ไอริไอ คิน) Ep.03

    • อัปเดตล่าสุด 11 ก.ค. 57



    ประเภท : AU Fic ไม่ได้มีพื้นฐานจากเนื้อเรื่องจริงแต่อย่างใด อ้างอิงเพียงหน้าตาและนิสัยตัวละครเท่านั้น













    <Red Legend>

    Ep.03

     

     

     

     

    หนึ่งเพลิงแค้นแผดเผาเศร้าดวงจิต                        มิอาจคิดขืนขัดเพียรใฝ่ฝัน

    จักทุกข์ถมระบมหมื่นคืนวัน                                              สรวงสรรค์ทอดทิ้งตลอดกาล

    พรหมลิขิตเลวร้ายคล้ายกลั่นแกล้ง                        ใคร่ชี้แจงตำนานแม่เล่าขาน

    เวียนมาพบบรรจบลูกจอมมาร                                           ธารแดงฉานหลั่งนองครองพื้นดิน


     <อ้างอิง มโนอันต่ำต้อยของไรท์>

     

     

    นรก...

    ไม่สิ นี่มันยิ่งกว่านรกต่างหาก

     

    ภายในห้องใต้ดินแห่งหนึ่งอันประกอบไปด้วยเหล่ามนุษย์มากมายที่ซึ่งถูกคุมขังไว้ในตาราง ความมืดมิดมิอาจปิดซ่อนกลิ่นคาวเลือดที่คลุ้งไปทั่วห้องแห่งนี้ ภายใต้ความมืดนั้นมีร่างเงาของใครบางคนสลบอยู่บนพื้นปูนแข็ง

    เวลาผ่านไปนานเพียงใดไม่อาจล่วงรู้ รู้เพียงว่าตอนนี้เจ้าของร่างเงาในห้องใต้ดินเริ่มมีการขยับตัวเล็กน้อยบ่งบอกถึงสภาพการมีชีวิตอยู่ แขนเรียวบางพยายามไขว่คว้าหาที่ยึดเกาะเพื่อพยุงร่างของตนให้ลุกขึ้นมา แต่สิ่งที่คว้ามาได้กลับมีเพียงความว่างเปล่า

    เขากำมือแน่นก่อนจะปล่อยหมัดลงกับพื้นหินแข็ง

    อาคาชิคุง...คนหลอกลวง

    คุโรโกะหลับตาแน่นพร้อมกับน้ำตาหยดสุดท้ายที่ไหลรินผ่านข้างแก้มลงสู่พื้นเพราะความเจ็บแค้นใจ ทั้งแค้นเรื่องที่อีกฝ่ายเป็นลูกของคนที่ทำร้ายแม่ของเขา เรื่องที่อีกฝ่ายมาทำเรื่องต่ำทรามกับเขาเหมือนกับพ่อตัวเอง แต่ที่น่าเจ็บใจยิ่งกว่าอะไรใดๆ

    คือการที่อีกฝ่ายย่ำยีชีวิตของเขาแล้วยังปล่อยให้เขามีชีวิตอยู่ต่อไป!

    “แม่ครับ...ผมควรทำยังไงดี...” คุโรโกะพลิกตัวนอนหงายและปล่อยมือทั้งสองข้างให้แผ่ออกจนสุด ถึงสภาพตอนนี้จะแย่แค่ไหนแต่เขาไม่สนใจอีกต่อไป เพราะมันคงไม่แย่ไปกว่าชีวิตของเขาหรอก

    “ผม...ควรมีชีวิตต่อไปยังไง” เขาพึมพำกับตนเอง สมองในตอนนี้ว่างเปล่า เขาคิดอะไรไม่ออก แถมเหมือนร่างกายทั้งร่างจะด้านชาไปแล้ว เพราะความเจ็บปวดแสนสาหัสที่อีกฝ่ายเป็นคนมอบให้

    “คุโรโกะ...”

    แว่วเสียงคนเรียกชื่อของเขาทำให้เขาหันมองรอบข้างอย่างช้าๆเพราะเรี่ยวแรงที่เหลือไม่มาก

    “ไม่ต้องหาลูก แม่อยู่ตรงหน้าลูกนี่แหละ”

    เสียงคุ้นหูดังชัดเจนยิ่งขึ้นเมื่อเขาเริ่มเห็นภาพของคนคุ้นเคยปรากฏอยู่ตรงหน้า ภาพของผู้หญิงที่สวยที่สุด ผู้หญิงที่เขาเรียกเธอว่าแม่

    “...แม่..แม่กลับมาแล้วเหรอครับ...” คุโรโกะพยายามเอื้อมมือออกไปเพื่อคว้าร่างของแม่เอาไว้ แต่แล้วมันกลับทะลุภาพจางๆของแม่ได้ราวกับคว้าอากาศธาตุ นี่เขา...เพ้อสินะ

    “แม่ไม่ได้กลับมา เพราะแม่ไม่เคยไปไหน แม่อยู่ในใจลูกเสมอ”

     

    “ที่แม่ออกมาเพราะแม่ได้ยินความทุกข์ของลูก”

     

    “แม่แค่อยากบอกให้ลูกลืมอดีตของแม่ไปซะ ปัจจุบันของลูกคือสิ่งสำคัญ”

     

    “ความแค้นไม่เคยทำให้ใครมีความสุข อโหสิ ยิ่งใหญ่กว่าการล้างแค้น จำไว้นะลูก”

     

     

     

     

    “...คุโรโ...”

    “คุโรโก...”

     

    “คุโรโกจจิ!!!” เสียงตะโกนเรียกชื่อของเขาในแบบที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะบุคคล แค่ได้ยินก็รู้ได้เลยว่าคนที่เรียกเขาเป็นใคร

    “....ค..คิเสะคุง?”  คิเสะ เรียวตะ คือชื่อของคนที่จู่ๆก็มาปลุกเขาให้ตื่นจากความฝัน จริงๆก็ไม่แน่ใจว่าตัวเองฝันหรือเปล่า แต่พอได้รู้ตัวอีกทีก็เห็นว่าก่อนหน้านี้ตัวเองได้หลับไปจนกระทั่งอีกฝ่ายมาเรียกชื่อเขานี่ล่ะ

    “รีบหนีกันเถอะ คุโรโกจจิ”

    “ดะ...เดี๋ยวครับ คุณมาได้ยังไงกันครับ”

    “เจ้าเบอร์สองออกมาหาฉันน่ะ พอเจอกันปุ๊บมันก็หิ้วฉันมานี่เลย” คุโรโกะเหลือบมองเสื้อผ้าของอีกฝ่ายที่เปียกชุ่มไปด้วยน้ำเหนียวใสจึงคาดการณ์ได้ว่านั่นคงเป็นน้ำลายของเบอร์สองอย่างแน่นอน

    ขนาดหมายังรู้คุณมากกว่าคน...เป็นความคิดที่ปรากฏขึ้นในหัวของคุโรโกะ หนำซ้ำมันยังเป็นหมายักษ์กินคนอีกด้วย

    “ฉันไม่รู้หรอกนะว่าใครทำให้คุโรโกจจิเป็นแบบนี้ แต่ถ้ารู้เมื่อไรฉันไม่เอามันไว้แน่” คิเสะพูดขณะที่กำลังพยุงคุโรโกะให้ลุกขึ้นนั่ง

    “ใส่เสื้อให้เรียบร้อยก่อนนะ” คิเสะหยิบเสื้อผ้าที่กระจัดกระจายอยู่ที่พื้นขึ้นมาและส่งให้คุโรโกะเพื่อให้อีกฝ่ายจัดการกับสภาพตัวเองให้เรียบร้อย “ไปกันเถอะ คุโรโกจจิ”

    เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้ว คิเสะจึงจับให้คุโรโกะขึ้นไปนั่งอยู่บนหลังคอของเจ้าเบอร์สองก่อนที่ตัวเองจะขึ้นตามไปด้วย และแล้วเรื่องราวของการหนีไปจากเงื้อมมือของปีศาจก็ได้เริ่มต้นขึ้น

    แต่การหนีมักจะไม่ราบรื่นในทุกๆเรื่อง ไม่เว้นแม้แต่กับพวกเขา ขึ้นชื่อว่าปีศาจย่อมไม่เคยปราณีใคร อาคาชิกลับมาทันก่อนที่พวกเขาทั้งสองจะได้ออกไปพ้นบ้านขนมหวาน แต่อย่างน้อยก็ยังดีที่พวกเขาขึ้นมาพ้นชั้นใต้ดินที่แสนอึดอัดนั่นได้ทัน

    “อ...อาคาชิคุง..” คุโรโกะที่เห็นเขาเป็นคนแรกพึมพำออกมาพร้อมกับสายตาโกรธแค้นอย่างเห็นได้ชัด

    “อยู่กลางป่าแบบนี้ยังมีคนรู้จักอีกงั้นหรือ ไม่เบานิเท็ตสึยะ” อาคาชิมีท่าทีใจเย็นกว่าที่คิด เขาดูไม่ได้รู้สึกไม่พอใจที่มีคนกำลังจะพาของของเขาหนีไป ในขณะเดียวกันคิเสะที่เห็นบุคคลที่เขาไม่รู้จักมาก่อนยืนอยู่เบื้องหน้า เขาก็ต้องคิดไว้ก่อนว่าอีกฝ่ายต้องอันตรายแน่ๆ

    “คุโรโกจจิ หมอนี่สินะที่ทำร้ายนาย” คิเสะกระซิบเสียงเบาเพื่อยืนยันในสิ่งที่ตนเองคิด และนั่นก็ได้รับคำยืนยันจากคุโรโกะเป็นที่เรียบร้อย พอเรื่องราวทั้งหมดถูกต้องตามแบบที่ตัวเองคิด คิเสะจึงลงจากหลังคอเบอร์สองและมุ่งตรงไปยังอาคาชิที่ยืนทำท่าสบายๆอยู่ตรงหน้า

    “นายเป็นใคร...แล้วทำไมต้องทำกับเขาแบบนี้” คิเสะกระชากคอเสื้อของอีกฝ่ายขึ้นพร้อมกับสีหน้าเคร่งเครียดที่บ่งบอกได้ว่าเขาไม่พอใจอย่างมากที่อาคาชิทำเรื่องแบบนั้นกับคุโรโกะ

    “ฉันอาคาชิ เป็นคนหลงป่าแล้วบังเอิญมาเจอบ้านหลังนี้ แต่ว่านายเหมือนจะมีอะไรผิดปกตินะ...”

    “อะไร?”

    “ฉันยังไม่ได้อนุญาตให้นายมองจากที่ที่สูงกว่าฉันเลยนะ” เมื่อสิ้นประโยคคิเสะก็รู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่พุ่งเข้ามากลางลำตัวของเขา บางอย่างที่แหลมคมฝังเข้ามาในกล้ามเนื้อบริเวณช่องท้อง ของเหลวสีแดงข้นค่อยๆไหลออกมาจากปากแผลช้าๆ

    “...น..นี่มัน....”

    “คิเสะคุง!!!” คุโรโกะตะโกนเรียกอีกฝ่ายเพราะเห็นว่าท่าจะไม่ดีแล้ว ก่อนจะกระโดดลงจากหลังคอของเบอร์สองในสภาพที่ทุลักทุเล “อาคาชิคุง มันจะมากไปแล้วนะครับ!

    “ฉันว่าที่ฉันทำกับนายมันมากกว่านี้นะ” อาคาชิยอกย้อนด้วยรอยยิ้มของผู้ชนะ

    คุโรโกะเดินมาประคองคิเสะที่ถูกกรรไกรของอาคาชิแทงเข้าไปเมื่อสักครู่ เขาไม่รู้จะบรรยายความชั่วร้ายของอาคาชิยังไงดี ทั้งๆที่แม่ของเขาอุตส่าห์เข้าฝันมาเพื่อให้เขาลืมเรื่องความแค้นในอดีต แต่รู้สึกว่านี่จะไม่ใช่แค่เรื่องของอดีตแล้ว อีกฝ่ายยังพาลทำร้ายเพื่อนของเขาในปัจจุบันด้วย

    “ทำไมต้องทำแบบนี้ด้วยครับ” คุโรโกะถามออกไปและพยายามใช้มือเปล่าปิดแผลให้คิเสะถึงจะรู้อยู่แก่ใจว่ามันช่วยอะไรไม่ได้ก็เถอะ

    “ฉันต้องการให้นายอยู่กับฉัน เท็ตสึยะ” คำตอบที่ให้ความรู้สึกว่าเจ้าของชื่อมีความสำคัญ แต่ถ้าการแสดงความสำคัญจะหมายถึงการทำร้ายกันขนาดนี้ คุโรโกะก็ขอไม่มีความสำคัญไปตลอดชีวิตดีกว่า

    “อึก..น..นายดูแล...คุโรโกจ..จิไม่ได้หรอก...แค่ก!” คิเสะพยายามพูดแต่ก็ต้องติดขัดเนื่องจากพิษสงของบาดแผล

    “นายจะบอกว่านายดูแลได้อย่างนั้นสินะ” อาคาชิมองอีกฝ่ายด้วยสายตาเหยียดหยามจากเบื้องบน ก่อนที่จะกระตุกยิ้มที่มุมปากเพราะเกิดมีความคิดสนุกๆขึ้นมา “งั้นเราพนันกันหน่อยไหม นายชื่ออะไรล่ะ”

     “ค..คิเสะ...คิเสะ เรียวตะ”

    “เรียวตะสินะ เรามาพนันกันดีกว่า โดยมีฉันเป็นเดิมพัน”

    “ฉันจะให้โอกาสพวกนายพาฉันออกไปจากป่าแห่งนี้ ถ้าหากพวกนายสามารถพาฉันออกไปได้ภายใน7วัน ฉันก็จะไปจากชีวิตพวกนายอย่างสมบูรณ์ แต่ถ้าหากว่าพวกนายไม่สามารถพาฉันออกไปได้ล่ะก็ ฉันก็จะฆ่านาย เรียวตะ และจะกักขังเท็ตสึยะไปตลอดกาล” อาคาชิประกาศข้อเสนอในการพนันครั้งนี้ ซึ่งมันก็ดูยุติธรรมดีสำหรับทั้งสองฝ่าย เพียงแต่ว่าพวกเขาจะกล้าเสี่ยงกับปีศาจที่อยู่ตรงหน้านี้หรือเปล่า

    “7วัน...ได้..ฉันรับคำท้าของนาย ถ้าฉันทำได้นายต้องไปจากชีวิตของคุโรโกจจิ ถ้านายผิดคำพูดฉันก็จะฆ่านายเหมือนกัน..แค่กๆ” คิเสะใช้แรงเฮือกสุดท้ายประกาศข้อตกลงออกไป ซึ่งนั่นก็ทำให้อาคาชิฉีกยิ้มแสดงความพึงพอใจออกมา ก่อนที่อาคาชิจะยื่นมือออกไปและรอให้คิเสะวางมือลงบนฝ่ามือของตน

    คิเสะมองมือนั่นอย่างลังเลก่อนจะเลือกที่จะลุกขึ้นยืนด้วยตัวเองโดยมีคุโรโกะช่วยพยุงอยู่ข้างๆ ใครจะยอมไว้ใจปีศาจอย่างหมอนั่นกันล่ะ ไม่รู้ว่ามือนั่นจะอันตรายแค่ไหนถ้าเขายอมยื่นเข้าไปจับ

    “นายพร้อมเมื่อไรก็บอก จะเตรียมตัวเรื่องเส้นทางหรืออะไรก็แล้วแต่ นายจะได้รู้สึกว่าตัวเองมีทางชนะบ้าง” มันเป็นเรื่องแปลกที่อาคาชิยอมอ่อนข้อให้อีกฝ่ายในหลายๆด้าน ทั้งยอมรอให้อีกฝ่ายฟื้นตัว แถมยังอนุญาตให้อีกฝ่ายวางแผนเส้นทางการเดินทางก่อนล่วงหน้า

     

    แต่ลางสังหรณ์ของคุโรโกะกลับบอกว่า คนอย่างอาคาชิถ้าไม่มั่นใจว่าตัวเองเป็นฝ่ายชนะ เขาไม่มีวันอ่อนข้อให้ใครใดๆทั้งสิ้น  ซึ่งนั่นถือเป็นลางร้ายที่สุดเท่าที่ชีวิตของเขาเคยมีมา

     




     

    “นายกับเรียวตะรู้จักกันได้ยังไง?” อาคาชิถามคุโรโกะที่กำลังเก็บกวาดเศษซากศพและคราบเลือดในพื้นห้องครัว ซึ่งเขาจงใจใช้โอกาสที่คิเสะกำลังพักอยู่ในห้องนอนของคุโรโกะเพื่อล้วงความสัมพันธ์ของทั้งสองคน

    “ผมกับคิเสะคุงรู้จักกันมาตั้งแต่เด็กครับ เขาเป็นลูกนายพรานในป่าที่อยู่ลึกเข้าไปอีก คิเสะคุงบอกว่าเขาอยากรู้ว่ารอบๆบ้านของเขามีอะไรอย่างอื่นอยู่อีกไหม เขาจึงลองสำรวจไปเรื่อยๆจนมาพบเข้ากับบ้านของผม”  คุโรโกะอธิบายขณะที่เก็บชิ้นนิ้วขึ้นจากพื้นลงในถุงขยะสีดำขนาดใหญ่

    “จำได้ว่าตอนนั้นผมกำลังเล่นกับเบอร์สองที่ตัวเล็กกว่าตอนนี้นิดหน่อย พอคิเสะคุงเห็นเขาถึงกับกรีดร้องออกมาเลยล่ะครับ” เล่าถึงตอนนี้บนใบหน้าของคุโรโกะก็ปรากฏรอยยิ้มจางๆออกมา

    “แต่ถึงเป็นแบบนั้นเขาก็ไม่วิ่งหนี เขากลับเข้ามาหาผมและผลักผมให้ออกห่างจากเบอร์สอง เขาคงคิดจะปกป้องผม ทั้งที่ขาของเขาสั่นเป็นเจ้าเข้าอยู่ตรงหน้าผม”

    “ตั้งแต่นั้นมาเขากับผมก็เลยรู้จักกัน และก็เข้ากันได้ดีพอสมควร ถึงแม้บางครั้งผมก็รู้สึกว่าเขาน่ารำคาญไปหน่อย แต่ก็ยังดีกว่าอยู่คนเดียวครับ” แววตาของคุโรโกะฉายแววเศร้าหมองอีกครั้ง เมื่อต้องนึกถึงชีวิตที่เขาต้องอยู่คนเดียวหลังจากสูญเสียแม่ไป

    “ผมขอตัวไปดูแลเพื่อนของผมก่อนนะครับ ยังไงตอนนี้คนที่ผมไว้ใจได้ก็มีแค่เขา ผมยังไม่อยากเสียเขาไปตอนนี้ครับ” คุโรโกะพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาเหมือนตั้งใจจะบอกว่าคู่สนทนาของเขาเป็นคนที่ไม่น่าไว้ใจมากที่สุด

    “เท็ตสึยะ มานี่หน่อย” จู่ๆอาคาชิก็เรียกอีกฝ่ายให้มาหาเขา

    “ทำไมครับ?” ซึ่งนั่นก็แน่นอนที่คุโรโกะจะยังไม่เดินไปหาเพราะความไม่ไว้ใจ พออาคาชิเห็นดังนั้นแล้วจึงเป็นฝ่ายเดินไปหาอีกฝ่ายแทน ก่อนที่จะย่อตัวลงและใช้มือจับข้อเท้าขวาที่มีแผลเหวอะซึ่งเกิดจากฝีมือของเขาอย่างเบามือ  

    “จะทำอะไรครับอาคาชิคุง?” คุโรโกะมองตามอย่างงงๆ ก่อนจะเห็นอีกฝ่ายหยิบผ้าพันแผลจากไหนก็ไม่รู้มาพันให้อย่างดี กิริยาของอีกฝ่ายทำให้คุโรโกะถึงกับรู้สึกว่ามันแปลก แปลกมากๆ แปลกจนไม่อยากจะเชื่อ

    คนที่ทำร้ายเขาทางเพศอย่างเหี้ยมโหด คนๆนี้กลับมาทำแผลให้เขา แถมเขายังสัมผัสได้ถึงความอ่อนโยนถึงมันจะเพียงชั่วครู่ก็เถอะ

    “ไว้ฉันจะล้างแผลให้นายอีกที ตอนนี้อยากไปดูแลเรียวตะก็ไปเถอะ” อาคาชิพูดขึ้นมาหลังจากพันแผลให้เสร็จเรียบร้อย แถมตบหลังเท้าของอีกฝ่ายเบาๆเป็นสัญญาณว่าโอเคแล้วล่ะ จากนั้นอาคาชิก็ลุกขึ้นยืนเต็มส่วนสูงพร้อมกับคำพูดที่ถ้าหากคนพูดไม่ใช่คนที่เคยข่มขืนคุโรโกะมาแล้วล่ะก็ คุโรโกะเองก็คงจะรู้สึกหวั่นไหวอยู่หรอก

     

    “แผลนั่นฉันไม่ได้ตั้งใจให้มันเกิดขึ้น เพราะงั้นฉันถึงต้องรับผิดชอบ”

     

    คำพูดของลูกปีศาจ ต้องไม่หลงเชื่ออีกเป็นครั้งที่สอง คุโรโกะพยายามท่องมันไว้ในใจ

     

     

     
     

    --------To be Continued--------



    เอาแล้วไง อยู่ไปอยู่มาคล้ายจะเกิดศึกชิงนางเกิดขึ้น? อาคาชิตกลงจะเป็นคนยังไง
    แล้วเรื่องราวปล่อยมารคืนสู่เมืองจะเป็นอย่างไร รอติดตามต่อนะครับ ~
    ปล.กลายเป็นเรื่องยาวไปซะแล้ว แต่งเกิน3บท ต้องขออภัยตัวเอง(?)อย่างสูง 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×