ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fanfic Service] Kuroko no Basuke (Yaoi)

    ลำดับตอนที่ #6 : [AkaKuro] Red Legend (Request : ไอริไอ คิน) Ep.02

    • อัปเดตล่าสุด 11 ก.ค. 57




    ประเภท : AU Fic ไม่ได้มีพื้นฐานจากเนื้อเรื่องจริงแต่อย่างใด อ้างอิงเพียงหน้าตาและนิสัยตัวละครเท่านั้น





     

     เนื้อหาหนักทั้งตอนเลยสำหรับตอนนี้ ขอบคุณสำหรับคนที่รอนะครับ


     

    <Red Legend>

    Ep.02

     





     

    “นายบอกว่าในนี้คือที่กักขังมนุษย์สินะ”

    “ก็อย่างที่เห็นนั่นแหละครับ” คนที่ถูกล่ามโซ่ไว้อยู่ตอบอย่างไม่สบอารมณ์นัก

    “ตอบได้ดีนี่ ฉันอยากรู้ว่านายจริงๆแล้วเป็นใครมาจากไหน?” อาคาชิถามอีกฝ่ายขณะที่ตนนั้นเดินวนเวียนไปมาเพื่อสำรวจชั้นใต้ดินแห่งนี้ และสักพักกลับรู้สึกเหมือนเดินสะดุดอะไรบางอย่าง

     

    หนังสือ?...

     

    เขาเห็นหนังสือที่สภาพบ่งบอกถึงการถูกใช้งานอย่างหนักหรือไม่ก็คงถูกเก็บไว้นานมากจนฝุ่นเกาะเต็มไปหมด เขายืนพิจารณาสักพักก่อนจะก้มตัวลงเพื่อหยิบมันขึ้นมา

    Hansel and Gretel

    ฮันเซลและเกรเทล...คือชื่อที่จารึกอยู่บนปกของหนังสือเล่มนี้ ชื่อของหนังสือแลดูคุ้นตาสำหรับเขา แต่เขาก็ยังนึกไม่ออกว่าคุ้นมาจากไหน

    “สนใจหรือไงครับ หนังสือเล่มนั้นน่ะ” คุโรโกะพูดขึ้นมาขณะที่สายตามองไปที่อาคาชิอย่างไม่วางตา สายตาที่ดูเผินๆอาจจะเรียกได้ว่านิ่งมาก แต่หากมองลึกลงไปถึงแก่นของจิตใจจะรู้ได้ว่าเขารู้สึกโกรธแค่ไหนที่ถูกกระทำเช่นนี้

    “ทำไมถึงโกรธล่ะ เท็ตสึยะ หนังสือนี่เป็นบันทึกของแม่นายหรือไง” อาคาชิตั้งใจจะพูดจากวนประสาทอีกฝ่ายเพราะรู้สึกได้ใจที่เห็นอีกฝ่ายมีสีหน้าที่แสดงความโกรธถึงขนาดนี้

    “ใช่ครับ บันทึกของแม่ผม บันทึกสุดท้ายก่อนที่...แม่จะตาย”

    “....” บางครั้งการกวนประสาทก็ไม่ตลกเสมอไป อาคาชิเพิ่งรับรู้ถึงข้อเท็จจริงนี้ก็เมื่อได้ยินคำตอบจากอีกฝ่าย

    “ไม่แปลกหรอกครับที่คุณอาจจะรู้จักมัน มันเป็นนิทานยอดฮิตในหมู่มนุษย์ทั้งปวง เพียงแต่สิ่งที่มนุษย์นำไปเล่าสู่การฟังนั้นเป็นการใส่ร้ายป้ายสีให้แม่ของผม ตัดตอนเพียงส่วนที่ดีของเหล่ามนุษย์ไปให้มนุษย์ด้วยกันเองได้อ่าน โดยที่แม่ของผมต้องรับบทเป็นผู้ร้าย ทั้งๆที่คนร้ายนั้นจริงๆแล้วเป็นพวกมนุษย์นั่นแหละ!” คุโรโกะตวาดออกมาราวกับโกรธแค้นเหล่ามนุษย์มาตั้งแต่ชาติปางก่อน แต่ว่าถ้าแบบนั้นแสดงว่าคุโรโกะไม่ใช่มนุษย์...งั้นหรือ

    “นายไม่ใช่มนุษย์?”

    “ผมเป็นพ่อมดครับ แม่ผมเป็นแม่มดที่ถูกสองพี่น้องชื่อฮันเซลกับเกลเทลฆ่าตาย”

    “บันทึกของแม่ผมบันทึกเพียงส่วนที่แม่ผมเป็นผู้ประสบพบเจอ ดังนั้นมันคือความจริงที่เหล่ามนุษย์ไม่เคยรับรู้ ความจริงอันโหดร้ายที่แม่ของผมต้องแบกรับไว้เพียงผู้เดียว...” น้ำเสียงของคุโรโกะฟังดูขมขื่นกับเรื่องราวที่กำลังกล่าวถึง

    “นายคงไม่ว่าอะไรถ้าฉันจะขออ่าน?” อาคาชิถามออกไปพลางตบหนังสือเบาๆเพื่อไล่ฝุ่นที่เกาะให้พ้นจากหนังสือ ซึ่งเมื่อฝุ่นจางลงไปแล้ว กลับมีตัวหนังสือเพิ่มเติมจากชื่อเรื่องอีกหนึ่งคำ มันคือคำว่า Murderer ซึ่งแปลว่าฆาตกรนั่นเอง

    “ตามสบายเถอะครับ ถึงผมปฏิเสธยังไงคุณก็ต้องอ่านอยู่แล้วไม่ใช่เหรอครับ” บางทีคุโรโกะก็เผลอคิดว่าอีกฝ่ายมารยาทดีผิดเรื่องหรือเปล่า ทีตอนทำร้ายเขากับจับเขามาล่ามไว้แบบนี้ไม่เห็นจะขออนุญาตเจ้าตัวเลยสักคำ แต่แค่จะอ่านหนังสือทำไมต้องมาขอด้วยก็ไม่รู้เหมือนกัน

    เมื่อได้รับอนุญาตแล้วอาคาชิจึงค่อยๆเปิดหนังสือเล่มเก่าๆนี้ขึ้นมาอ่าน หน้าแรกๆเป็นการเล่าเรื่องทั่วไปของแม่คุโรโกะ พออ่านไปได้เศษหนึ่งส่วนสามของเล่มแล้ว เรื่องราวเริ่มมีการเปลี่ยนแปลง นั่นก็คือมีสองพี่น้องที่ชื่อว่าฮันเซลและเกลเทลเข้ามามีส่วนร่วมด้วย

    อยากรู้หรือเปล่าล่ะ ว่าประวัติศาสตร์ที่ผู้เคราะห์ร้ายได้บันทึกไว้นั้นเป็นอย่างไร

     

    ท่านอาคาชิผู้นี้จะอ่านให้ฟังเอง

     

     No.13 Date.20/03/19xx

    ณ วันที่เงียบสงบ อากาศแจ่มใส ท้องฟ้ามีเมฆปานกลาง ฉันซึ่งกำลังทำกับข้าวเพื่อให้ลูกน้อยของฉันกินอยู่นั้น ได้ยินเสียงดังขึ้นจากข้างนอก จึงชะโงกหน้าออกไปดู แล้วมันทำให้ฉันพบกับเด็กสองคนที่มีผมสีแดงกำลังนั่งกัดกินบ้านขนมหวานของฉัน จริงๆฉันก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอก แถมยังเชิญพวกเขาเข้ามาบ้านเพื่อหาของกินเล็กๆน้อยๆให้พวกเขาด้วย ซึ่งพวกเขาก็ดูน่ารักน่าเอ็นดูพอๆกับลูกน้อยของฉัน

     

    No.14 Date.21/03/19xx

    เด็กทั้งสองบอกว่าชื่อฮันเซลกับเกรเทล พวกเขาหลงป่า แล้วบังเอิญมาเจอบ้านหลังนี้ ฉันก็ไม่เอะใจอะไรเพราะพวกเขายังเด็ก พยายามเลี้ยงดูพวกเขาเหมือนกับลูกของฉัน

     

    เมื่ออ่านมาถึงบันทึกที่14 อาคาชิก็ได้เจอกับรูปถ่ายรูปหนึ่งซึ่งคั่นไว้ระหว่างกลางของหนังสือ มันเป็นรูปถ่ายที่เก่าแล้ว ภาพไร้เฉดสีทำให้รูปดูเก่ายิ่งกว่าเดิม แต่ถึงแม้มันจะไม่เหลือสีสันแห่งความงามให้ได้ชม แต่คนในภาพถ่ายก็ยังคงงดงามราวกับนางฟ้าบนดิน เพียงแต่สีหน้าของเธอช่างดู...
     


     

    เศร้าสร้อยเหลือเกิน

    อาคาชิพิศมองดูรูปถ่ายราวกับต้องมนต์สะกด ก่อนที่จะรู้สึกว่าบุคคลในรูปมีหน้าตาที่เหมือนกับคนที่เขาเพิ่งได้รู้จัก

    นี่คงจะเป็น...แม่ของคุโรโกะสินะ

    เรื่องนั้นเก็บไว้ก่อน มาอ่านเรื่องราวความจริงจากบันทึกของแม่คุโรโกะกันต่อ อาคาชิพลิกหนังสือไปเรื่อยๆเพราะส่วนมากเนื้อหาหลังจากเมื่อตะกี้ก็จะเล่าถึงชีวิตที่เป็นอยู่หลังจากเจอกับสองพี่น้องคู่นั้น คิดว่าไม่มีอะไรพิเศษ มาดูตรงจุดนี้เลยดีกว่า

     

    No.3xx Date.01/05/19xx

    ผ่านมาแล้วหนึ่งปีกว่าที่ฉันเลี้ยงเด็กสองพี่น้องนี้ไว้ ตอนนี้ลูกของฉันก็ขวบกว่าๆได้แล้ว แต่เขายังเดินไม่คล่องเท่าไร ฉันต้องคอยอุ้มเขาอยู่เสมอ ส่วนเด็กสองคนนั้นก็มักจะออกไปวิ่งเล่นรอบๆบ้าน หรือบางครั้งก็แอบไปซุกซนในป่า แต่ทุกครั้งก็กลับมาได้อย่างปลอดภัย ฉันจึงไม่ห่วงอะไรมาก

     

    No.3xx Date.08/05/19xx

    1อาทิตย์ 1อาทิตย์แล้วที่เด็กสองคนนั้นหายเข้าป่าไปและไม่กลับมาอีก ฉันผู้ซึ่งเป็นคนเลี้ยงดูพวกเขามา1ปีเต็มก็รู้สึกเป็นห่วง พวกเขาก็เหมือนกับเป็นลูกของฉัน ฉันรักพวกเขา ฉันพยายามออกไปตามหาพวกเขาทุกวันพร้อมกับลูกน้อยของฉัน แต่ก็ไร้วี่แวว

     

    No.3xx Date.08/06/19xx

    ผ่านไปแล้ว1เดือน ฉันใช้ชีวิตอยู่กับลูกของฉัน โดยปราศจากพวกเขา ฉันคิดถึงพวกเขา จากใจจริง ฉันไม่รู้ว่าทำไมถึงได้ผูกพันกับพวกเขา แต่บางครั้งฉันเผลอน้ำตาคลอเมื่อนึกถึงช่วงวันเวลาที่มีพวกเขาอยู่

     

    No.3xx Date.09/06/19xx

    ในค่ำคืนนี้ ฉันกำลังอ่านหนังสืออยู่ในห้องนอนของตัวเอง โดยมีลูกน้อยหลับอยู่ข้างๆ แต่แล้วจู่ๆก็มีเสียงคนทุบประตูบ้านดังสนั่น ก่อนที่ฉันจะทันได้หลบซ่อน พวกเขาบุกเข้ามาได้เสียก่อน ชายฉกรรจ์หลายคนเข้ามารุมล้อมฉันแล้วก็จับตัวฉันไว้ ซึ่งฉันกลัวมากและฉันไม่รู้ว่าฉันทำผิดอะไร จนกระทั่งหนึ่งในพวกเขาบอกกับฉันว่า “แม่มดต้องถูกเผาทั้งเป็น”

    ใบหน้าของฉันซีดเผือด ไม่ใช่เพราะว่าฉันกำลังจะถูกเผา แต่เพราะว่าเป็นไปไม่ได้ที่คนพวกนี้จะรู้ว่าฉันเป็นแม่มด ถ้าหากว่า...หนึ่งในสองพี่น้องที่ฉันเคยเลี้ยงดูไม่ใช่คนบอกพวกเขา

    แต่ฉันก็ยังพยายามเชื่อมั่นในเด็กสองคนนั้น ฉันไม่คิดว่าพวกเขาจะเปิดโปงฉัน จนกระทั่งฉันได้รับคำตอบที่ชัดเจนกับตาตัวเอง

    เหล่าชายฉกรรจ์ที่จับตัวฉันขึงกับเตียงไว้ค่อยๆแยกทางออกเพื่อให้ใครบางคนเข้ามา และนั่นคือภาพที่ทำให้หัวใจของฉันแตกสลาย มันเป็นภาพของเด็กหนุ่มผู้มีเรือนผมสีแดงสด ดวงตาแดงก่ำมองมาที่ฉันอย่างดูถูกเหยียดหยาม รอยยิ้มชั่วร้ายจนฉันแทบลืมไปเลยว่าเขาคือคนที่ฉันเคยเลี้ยงดู

    เขากลับมาแล้ว หลังจากผ่านไป1เดือนกับ1สัปดาห์ เขากลับมา กลับมาเพื่อฆ่าฉัน

    น้ำตาของฉันไหลลงข้างแก้มทั้งที่เขายังไม่ทันได้เอ่ยอะไรใดๆ เสียใจ...คงเป็นคำเดียวที่สามารถบรรยายอารมณ์ของฉันในตอนนี้

    เขาสะบัดมือให้เหล่าชายฉกรรจ์ออกนอกห้องไป จากนั้นก็เดินมาหาฉัน บีบคางฉันและบดขยี้ปากของฉันด้วยจูบแสนโหดร้าย หลังจากนั้นฉันไม่รับรู้อะไรใดๆอีก นอกจากว่า

    ฉันรักเขา รักเทียมเท่าลูกตัวเอง และเขาข่มขืนฉัน ซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนหนำใจ ก่อนที่จะเผาฉันทั้งเป็น

    ความโหดร้ายของเขาไม่จบเพียงเท่านั้น นี่คือพลังเวทเฮือกสุดท้ายของฉัน บันทึกของฉันใกล้จะถึงจุดจบแล้ว เขาตัดศีรษะของฉันที่กำลังมอดไหม้ไปให้ลูกน้อยของฉันดูเป็นของต่างหน้า เสียงลูกร้องไห้ดังสนั่นทั่วผืนป่า ฉันเสียใจ เสียใจจริงๆ

    ถ้าวันหนึ่งลูกได้เปิดเจอบันทึกนี้ จงมีชีวิตต่อไป คุโรโกะ แม่รั.................

     

    แหมะ..

     

    หยดน้ำตาของคนที่กำลังถือหนังสือเล่มนี้หยดลงบนแผ่นสุดท้ายที่เขาเพิ่งอ่านจบ นี่เขาร้องไห้โดยไม่รู้ตัวอย่างนั้นหรือ แล้วทำไมเขาถึงต้องร้องไห้ให้กับผู้หญิงคนหนึ่งที่เขาไม่รู้จักล่ะ? หรือที่เขาร้องเพราะเขาสงสารคุโรโกะกันนะ

     

    ไม่ทันที่เขาจะได้คิดหาเหตุผลที่แท้จริง เขาต้องเบิกตากว้างกับรูปถ่ายที่แนบมาในหนังสือหน้าสุดท้าย มันเป็นรูปถ่ายที่สะท้อนภาพของใครบางคน คนที่เขารู้จักดี ซึ่งรู้จักมาจากแม่ของเขา


     

    “พ่อ...” ถึงภาพมันจะเก่ามากแล้วแถมมีรอยเลือดเปื้อนแถวๆใบหน้าของคนในรูป แต่ลักษณะทั้งหมดรวมทั้งกรรไกรที่คนในรูปถืออยู่บ่งบอกได้ว่าต้องใช่แน่ๆ คนที่ทำเรื่องโหดร้ายกับแม่ของคุโรโกะคือพ่อของเขา พ่อแท้ๆเลยล่ะ

    “พ่อ...งั้นหรือครับ? เจ้าปีศาจนั่นพ่อคุณสินะ อาคาชิคุง...” น้ำเสียงต่ำจนน่ากลัวดังขึ้นมาจากคนที่อยู่มุมห้อง เสียงโลหะกระทบกันดังขึ้นครั้งหนึ่งบ่งบอกว่ามือของอีกฝ่ายคงขยับแรงเกินไป ใช่ เขาโกรธ โกรธมาก โกรธจนมือเผลอกำแน่นอย่างไม่รู้ตัว

    “...ฉันไม่รู้มาก่อน..”

    “ไม่รู้เหรอครับ? จะบอกว่าคุณที่เป็นลูกของปีศาจนั่นบังเอิญมาบ้านขนมของผม แล้วก็บังเอิญมาจับผมขึงไว้ จะบอกแบบนี้งั้นเหรอครับ!!” คุโรโกะหมดความอดทนกับความเจ็บปวดที่ต้องมาเจอกับทายาทของผู้ที่ทารุณแม่ของตน

    “ถ้านายไม่คิดทำร้ายฉันเรื่องก็ไม่เป็นแบบนี้หรอก” อาคาชิเดินเข้าไปใกล้คุโรโกะและย่อตัวลงเพื่อเพ่งมองใบหน้าของอีกฝ่ายในระยะใกล้ เพราะเขาอยากเห็นใบหน้างามของอีกฝ่ายที่ได้รับสืบทอดมาจากแม่แสนสวยของตน

    “อยากฆ่าผมก็ลงมือเลยครับ ฆ่าแบบที่พ่อคุณฆ่าแม่ของผม” คุโรโกะเปลี่ยนประเด็นเพราะในใจลึกๆแล้วก็ยอมรับว่าเขาผิดที่เขาคิดจะจู่โจมอีกฝ่ายก่อน แต่ใครใช้ให้อีกฝ่ายเจอทางไปห้องลับใต้ดินกันล่ะ

    “เท็ตสึยะ ฉันรู้ว่าพ่อฉันทำเลวแค่ไหน แต่มันไม่จำเป็นไม่ใช่เหรอที่นายต้องแค้นฉัน ไม่จำเป็นที่ฉันต้องเลวเหมือนพ่อ...” อาคาชิใช้มือของตัวเองประคองใบหน้ามนของอีกฝ่ายขึ้นมาเพื่อให้สบตากับตน เขาไม่เคยคิดที่จะฆ่าคุโรโกะ สิ่งที่เขาทำเป็นเพียงการป้องกันตัวก็เท่านั้น

    “คิดว่าคำพูดของลูกฆาตกรมีน้ำหนักแค่ไหนครับ” อีกฝ่ายส่งสายตาเคียดแค้นมาให้กับเขา สีหน้าที่เคยเรียบเฉยไม่มีอีกแล้ว

    “นายฟังฉันได้ไหม ฉันไม่ใช่พ่อ และฉันจะไม่ทำร้ายนาย” อาคาชิยืนยัน

    “แล้วนี่มันคืออะไรครับ” คุโรโกะเขย่าข้อมือเพื่อบ่งบอกว่าที่จะไม่ทำร้ายกันแล้วไอ้ที่กำลังล็อคเขาไว้อยู่มันเรียกว่าอะไร เมื่ออาคาชิเห็นดังนั้นแล้ว เขาจึงลุกขึ้นเดินหากุญแจในห้องก่อนจะกลับมาไขกุญแจมือออกให้

    “แบบนี้นายจะเชื่อฉันได้หรือยัง”

    “ไม่ครับ ไม่มีวันที่จะเชื่อลูกปีศาจอย่างคุณ” คุโรโกะปฏิเสธเสียงแข็งพร้อมกับส่งสายตาอาฆาตไปให้อีกฝ่ายบ่งบอกว่าเขามีความแค้นมากเพียงใดกับเรื่องที่เกิดขึ้นกับแม่ของเขา 

    “เท็ตสึยะ...ฉันจะพูดอีกแค่ครั้งเดียว” อาคาชิรวบเอวบางของอีกฝ่ายเข้ามาหาตน และกอดไว้แน่นเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายได้หนีจากเขาไปไหน

    “อาคาชิคุงไม่มีสิทธิ์มาทำอะไรแบบนี้ครับ” คุโรโกะไม่ยอมที่จะอยู่ภายใต้อ้อมกอดของอีกฝ่าย เรื่องอะไรจะยอมให้ลูกของคนที่เขาแสนชิงชังมาแตะต้องตัวเขาแบบนี้ ที่สำคัญฝ่ายตรงข้ามยังเพศเดียวกับเขาอีก

    “ฉันจะรับผิดชอบเรื่องทั้งหมด ทั้งเรื่องที่พ่อก่อขึ้น และชีวิตต่อจากนี้ของนายที่พ่อของฉันทำให้นายไม่มีแม่ ตกลงไหม” อาคาชิจับคางของอีกฝ่ายให้เชยขึ้นเพื่อมองมาที่ตนเอง แววตาที่จริงจังส่งผ่านดวงตาคู่โตสีท้องฟ้าสดใส เพียงแต่เท่านั้นยังไม่พอ...มันไม่พอที่จะทำให้เพลิงแค้นในใจของคุโรโกะมอดดับไปได้

    “ผมก็จะพูดอีกครั้งเดียวว่า ไม่ครั—…..!!?” คุโรโกะไม่ทันได้พูดจบริมฝีปากบางก็ถูกบดขยี้ด้วยปากของฝ่ายตรงข้าม ความร้อนแรงส่งผ่านริมฝีปากไปยังหัวใจที่หนาวเหน็บของเขา คุโรโกะออกแรงดิ้นอย่างหนักเพื่อให้อีกฝ่ายหยุดการกระทำที่สกปรกนี้สักที

    ไม่ต่างกันเลย...ทั้งพ่อ...ทั้งลูก...เชื่อใจอะไรไม่ได้ทั้งนั้น

    “อื้อออ!! ป..ปล่—!!” คุโรโกะร้องออกมาแต่นั่นไม่ได้ทำให้อาคาชิคิดจะหยุดเลยแม้แต่น้อย หนำซ้ำยังทำยิ่งกว่าเดิมด้วยการสอดมือเข้าไปในกางเกงด้านหลังของคุโรโกะและบีบคลึงก้อนเนื้อนุ่มเบื้องล่างอย่างมันส์มือ ริมฝีปากยังไม่ละจากอีกฝ่ายแถมยังเพิ่มดีกรีความร้อนแรงขึ้นไปอีก

    “อะ...อื้มม!! อา..คาชิ...คุง ย..หยุด” เสียงห้ามปรามนั้นแทบจะส่งไปไม่ถึงโสตประสาทของอาคาชิ ตอนนี้อาคาชิคงควบคุมตัวเองไม่อยู่อีกต่อไป

     

    ผัวะ!!

     

    คุโรโกะได้ฉวยโอกาสเพียงเล็กน้อยยกกำปั้นขึ้นต่อยลงไปที่หน้าของอีกฝ่ายจนหน้าหันไปตามแรง เลือดไหลออกตามมุมปากข้างที่ถูกต่อย แต่นั่นทำให้อาคาชิสำนึกไม่ กลับเหมือนจมดิ่งลงสู่ห้วงแห่งความบ้าคลั่งมากกว่าเดิม

    “เท็ตสึยะ สิ่งเดียวที่นายผิด...ผิดมาตั้งแต่ที่นายเจอฉัน คืออะไรรู้ไหม”

    “.....”

    “คือการที่นายปฏิเสธจักรพรรดิอย่างฉัน”

     

     

    “ใครก็ตามที่ต่อต้านฉัน อนุญาตให้มองจากเบื้องล่างเท่านั้น”

     

     

     

    ภายใต้ท้องฟ้าในยามค่ำคืน ดวงดารามากมายประดับอยู่บนท้องฟ้าสีรัตติกาล แมกไม้ใบหญ้าในผืนป่าแห่งนี้สั่นไหวคลอเคลียไปตามแรงลม เช่นเดียวกับพวกเขาที่คลอเคลียกันภายใต้แรงอารมณ์ที่พุ่งสูงของฝ่ายผู้บุกรุกเพียงฝ่ายเดียว

    “อะ...อาคาชิคุง....พอเถอะ..ครับ..อ๊ะ!!

     

    “คิดว่าคำสั่งของนายมีผลกับจักรพรรดิหรือยังไง” 


     

    หยดน้ำตาของคุโรโกะรินไหลลงข้างพวงแก้มขาว เขาคิดถึงแม่... เขาเจ็บปวด... เขาไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกต่อไป  


     

    ฉับ ฉับ ฉับ //ขออนุญาตตัดฉากที่(น่าจะ)เรทออกไปนะครับ


    -----------to be continued----------




     
    <<previous = next >>

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×