คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : [AkaKuro] Red Legend (Request : ไอริไอ คิน) Ep.04 update 60%
ประเภท : AU Fic ไม่ได้มีพื้นฐานจากเนื้อเรื่องจริงแต่อย่างใด อ้างอิงเพียงหน้าตาและนิสัยตัวละครเท่านั้น
<Red Legend>
Ep.04
“คุโรโกจจิ...ทำไมไม่ให้ฉันฆ่าเขา”
เสียงแหบพร่าเล็กน้อยของนายพรานหนุ่มอย่างคิเสะเอ่ยถามเพื่อนที่รู้จักกันตั้งแต่เด็กของเขา ซึ่งในขณะนี้ผู้ถูกถามกำลังจัดการทำความสะอาดห้องนอนของตัวเองที่คิเสะนอนพักอยู่
“ฆ่าไปแล้วเวลาจะย้อนกลับมาหรือเปล่าครับ” คุโรโกะเอ่ยคำตอบที่คล้ายจะเป็นคำถามแต่ใจความของมันก็ให้คำตอบได้อย่างชัดเจน ว่าการจะล้างแค้นด้วยการฆ่าฟันนั้นไม่มีประโยชน์อะไรนอกจากความสูญเสีย
“ฉันรู้ว่ามันไม่ได้ช่วยให้นายรู้สึกดีขึ้น แต่อย่างน้อยก็ให้คนเลวๆแบบนั้นตายจากไปไม่ดีกว่าเหรอคุโรโกจจิ” คิเสะขยับเปลือกตาลงเล็กน้อยก่อนจะเลื่อนสายตามองออกไปนอกหน้าต่าง เขารู้สึกว่าการมาของเขาไม่ได้ช่วยเหลือเพื่อนของตัวเองเลยแม้แต่น้อย
“แบบนั้นมันง่ายเกินไปครับคิเสะคุง ผมอยากให้เขาสำนึกในขณะที่เขามีชีวิตอยู่ และอีกอย่าง...” ยังพูดไม่จบประโยคคุโรโกะเกิดอาการเงียบไปชั่วครู่หนึ่ง ดวงตาสีฟ้าใสฉายแววสั่นไหวเล็กน้อย เขานึกถึงคำพูดที่อาคาชิได้พูดไว้กับเขาก่อนที่อีกฝ่ายจะกระทำการทารุณกรรม
“ผมอยากพิสูจน์คำพูดของเขา...”
‘ฉันจะรับผิดชอบเรื่องทั้งหมด ทั้งเรื่องที่พ่อก่อขึ้น และชีวิตต่อจากนี้ของนายที่พ่อของฉันทำให้นายไม่มีแม่ ตกลงไหม’ คำพูดของลูกปีศาจที่ให้ไว้กับเขา ถ้าตอนนั้นเขาตอบตกลงทุกอย่างจะเป็นแบบนี้หรือเปล่า นี่เป็นข้อสงสัยที่เกิดขึ้นภายในใจของคุโรโกะ ซึ่งเมื่อคิเสะได้ยินแล้วจึงเลิกคิ้วและหันกลับมามองผู้พูด
“คำพูดของเขายังมีอะไรให้พิสูจน์อีกงั้นเหรอ? นายกำลังให้โอกาสคนเลวๆอย่างเขารู้ตัวหรือเปล่าคุโรโกจจิ” น้ำเสียงของคิเสะขุ่นเคืองเล็กน้อย เพราะไม่เห็นด้วยกับความต้องการส่วนลึกของเพื่อนตัวเอง “หรือว่า...จริงๆแล้วนายต้องการให้มีคนรับผิดชอบกับร่างกายของนาย” คิเสะเอ่ยถามด้วยความคิดส่วนตัวที่ตัวเองคาดเดาเอาไว้
“ไม่ใช่ครับ ผมไม่เคยคิดอย่างนั้น...” คุโรโกะให้คำตอบทันทีหลังจากได้ยินคำถาม แต่มันก็เป็นเพียงคำตอบที่ไม่มีเหตุผลประกอบ ทำให้คิเสะพยายามยันกายขึ้นจากเตียงนอนก่อนจะลุกออกจากเตียงด้วยสภาพร่างกายที่ไม่สมบูรณ์นัก เขาค่อยๆเดินไปหาคุโรโกะที่กำลังทำความสะอาดตามตู้และลิ้นชักในห้อง จนกระทั่งมายืนอยู่ด้านหลังของคุโรโกะ จากนั้นเขาจึงสวมกอดเอวบางจากด้านหลังทันที
“ฉันดูแลนายได้นะ คุโรโกจจิ ให้ฉันดูแลนายได้ไหม” คิเสะเกยคางลงกับช่วงไหล่บางของอีกฝ่ายพร้อมกับเอ่ยคำพูดด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาแต่มั่นใจว่าอีกฝ่ายได้ยินอย่างชัดเจน
“ค..คิเสะคุง...ผมดูแลตัวเองได้ครับ ขอบคุณสำหรับความหวังดีนะครับ” คุโรโกะมีท่าทีลำบากใจเล็กน้อยกับการถูกกอดเอาดื้อๆแบบนี้ แต่ตัวเขาก็ไม่ได้รังเกียจอีกฝ่าย จึงปล่อยให้กอดอยู่แบบนั้นจนกว่าอีกฝ่ายจะผละออกไปเอง
ก็อก ก็อก
เสียงเคาะประตูดังขึ้นทำให้คิเสะต้องยอมคลายอ้อมกอดอย่างไม่เต็มใจนัก เมื่อทั้งสองผละออกจากกันแล้ว คุโรโกะจึงเดินไปที่ประตูห้องและเปิดประตูออก ซึ่งคนที่มาหาเขาเป็นใครอื่นไม่ได้นอกจากแขกผู้ไม่ได้รับเชิญอย่างอาคาชิ เซย์จูโร่
“มีอะไรครับอาคาชิคุง?” คุโรโกะถามออกไปด้วยใบหน้าเรียบเฉย
“ฉันหิวแล้ว” อาคาชิให้คำตอบสั้นๆได้ใจความที่ถึงกับทำให้คุโรโกะขมวดคิ้วเล็กน้อยพลางคิดในใจ ‘จะมีแขกไม่ได้รับเชิญที่ไหนไม่รู้จักมารยาทเท่าเขาอีกหรือเปล่านะ’
“ไปรอที่ห้องอาหารก่อนครับ แล้วจะทำมื้อเย็นให้ทาน” คุโรโกะพูดด้วยโทนเสียงนิ่งๆตามปกติ โดยที่ตัวเขาสังเกตเห็นบุคคลที่ยืนอยู่ข้างหลังเขาซึ่งกำลังทำสีหน้าไม่พอใจกับชายผู้มีเรือนผมสีแดงที่เข้ามาขัดจังหวะ
“คิเสะคุงก็ไปทานด้วยกันนะครับ” นั่นคือคำพูดที่คุโรโกะหวังจะทำลายบรรยากาศที่ค่อนข้างตึงเครียด แต่หารู้ไม่ว่ากำลังมันทำให้บรรยากาศแย่ยิ่งกว่าเดิม
หลังจากที่เจ้าของบ้านขนมหวานอย่างคุโรโกะได้จัดการทำอาหารสำหรับมื้อเย็นเสร็จเรียบร้อย เขาก็นำอาหารทั้งหมดไปเสิร์ฟให้บนโต๊ะอาหารที่มีสองบุรุษซึ่งหัวสีขัดแย้งกันอย่างชัดเจน คนหนึ่งผมสีแดงสดกำลังนั่งกอดอกด้วยท่าทีสบายๆ อีกหนึ่งผู้มีเรือนผมสีเหลืองสว่างกำลังเอนพิงหลังเก้าอี้ด้วยสีหน้าขุ่นเคือง
คุโรโกะพอจะเข้าใจสถานการณ์ในตอนนี้ แต่เขาก็ไม่รู้จะจัดการกับบรรยากาศตรงหน้านี้ยังไงดี จึงเลือกที่จะทำตัวปกติพร้อมกับนั่งลงที่หัวโต๊ะโดยมีชายหนุ่มสองคนนั่นขนาบข้าง
“อาหารพวกนี้คงไม่ใช่เนื้อมนุษย์หรอกนะ” อาคาชิเปิดประเด็นการสนทนาด้วยการตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับอาหารที่คุโรโกะเป็นคนทำ และนั่นเป็นคำถามที่ทำให้คิเสะอารมณ์เดือดแทนคุโรโกะ
“อาคาชิ! ถ้านายไม่ไว้ใจคุโรโกจจินายจะให้เขาทำให้กินทำไม” คิเสะเรียกชื่ออีกฝ่ายตรงๆโดยไม่คิดจะเพิ่มเติมความสนิทสนมให้กับพยางค์ท้ายของชื่อ เพราะคำที่เพิ่มเติมท้ายชื่ออย่างของคุโรโกะเขาจะเรียกเฉพาะคนที่เขายอมรับเท่านั้น
“ฉันคิดว่าฉันถามเท็ตสึยะ” น้ำเสียงเรียบนิ่งแต่แฝงด้วยพลังอำนาจของอาคาชิทำให้คิเสะจำใจปิดปากและกัดฟันเล็กน้อย ซึ่งเป็นแบบนั้นแล้วผู้ถูกถามตัวเองจึงเอ่ยตอบ
“อย่างน้อยผมก็ไม่คิดจะให้เพื่อนของผมต้องกินเนื้อมนุษย์ครับ” เป็นคำตอบที่บ่งบอกว่าอาหารที่ทำมาไม่ได้มีส่วนประกอบของเนื้อมนุษย์เพราะคิเสะผู้เป็นเพื่อนของคุโรโกะได้ร่วมโต๊ะด้วย
“เป็นคำตอบที่ไม่เลว แล้วจะออกเดินทางกันตอนไหนล่ะเรียวตะ” คราวนี้เป็นคำถามที่ถามถึงชายหนุ่มผู้มีเรือนผมสีเหลืองสว่าง เมื่อเจ้าของชื่อได้ยินแล้วจึงแอบมองด้วยสายตาที่แสดงถึงความรำคาญก่อนจะตอบออกไปอย่างเด็ดขาด
“พรุ่งนี้ ฉันจะพานายออกไปจากบ้านหลังนี้ตั้งแต่พรุ่งนี้เช้า จะได้เลิกเป็นภาระให้กับคุโรโกจจิสักที”
“คิเสะคุง?! แต่แผลยังไม่หายดีเลยนะครับ” คุโรโกะหันควับไปทางผู้พูดพร้อมกับเอ่ยคำพูดที่แสดงถึงความเป็นห่วงเพื่อนของตัวเอง แต่นั่นทำให้คุโรโกะมองเห็นแววตาที่จริงจังของคิเสะจึงเลือกที่จะไม่พูดอะไรต่อ เพราะเขาคิดว่าต่อให้พูดอะไรออกไปความมุ่งมั่นที่ก่อตัวขึ้นของคิเสะนั้นคงไม่ลดน้อยลงไป
“หืม..กระตือรือร้นใช้ได้ ถ้านายพร้อมฉันก็ไม่มีปัญหา ตกลงว่าพรุ่งนี้เช้าเราจะออกเดินทาง” อาคาชิคลี่ยิ้มอย่างพึงพอใจก่อนจะเริ่มต้นตักอาหารบนโต๊ะอาหารมาไว้ที่จานตัวเองและค่อยๆตักกินอย่างสบายอารมณ์ ส่วนคุโรโกะที่รู้ว่าสภาพร่างกายของเพื่อนในตอนนี้ยังไม่สู้ดีนัก เขาจึงตัดสินใจท่องมนต์บางอย่างเบาๆระหว่างที่ผู้ร่วมโต๊ะอีกสองคนกำลังทานอาหารอย่างไม่ทันได้สังเกตการกระทำของเขา
ไม่นานนักคุโรโกะก็พึมพำคถาเวทย์เสร็จเรียบร้อย จากนั้นจึงเกิดประกายวิบวับขึ้นที่ตำแหน่งหัวใจของพวกเขาทั้งสามที่อยู่ในห้องอาหารแห่งนี้ ซึ่งประกายแสงที่เกิดขึ้นทำให้อีกสองคนในห้องจำต้องแสดงสีหน้าที่บ่งบอกถึงความสงสัยในสิ่งที่เกิดขึ้น
“การเดินทางตั้งแต่วันพรุ่งนี้ ถ้าอาคาชิคุงฆ่าคิเสะคุง หรือคิเสะคุงตายก่อนจะถึง7วันที่กำหนดไว้ ร่างของผมจะถูกสาปให้เป็นหินตามเงื่อนไขคำสาปที่ผมได้ร่ายไว้” คุโรโกะชี้แจงให้พวกเขาได้หายข้อข้องใจ แต่นั่นทำให้อาคาชิเกิดความขัดแย้งเล็กน้อยกับเงื่อนไขที่ถูกสร้างขึ้น
“แบบนี้มันไม่ลำเอียงกันไปหน่อยงั้นเหรอ แล้วถ้าฉันเกิดถูกเรียวตะฆ่าซะก่อนจะทำยังไงหืม?” อาคาชิถามด้วยรอยยิ้มที่แฝงไปด้วยอำนาจซึ่งแสดงถึงความเป็นจักรพรรดิ แต่นั่นไม่ได้ทำให้คุโรโกะสะทกสะท้านแม้แต่น้อย
“คนอย่างอาคาชิคุงไม่มีสิทธิ์เรียกร้องความยุติธรรมครับ”
“นายลืมอะไรหรือเปล่าเท็ตสึยะ ใครที่ต่อต้านจักรพรรดิอย่างฉัน ไม่มีสิทธิ์มองจากที่สูง..” อาคาชิใช้น้ำเสียงที่กดต่ำจนชวนสยองซึ่งมันทำให้บรรยากาศรอบโต๊ะอาหารเริ่มตึงเครียด แต่แล้วคำพูดบางอย่างกลับทำให้ทุกอย่างพลิกผัน
“จักรพรรดิก็เป็นมนุษย์คนหนึ่ง แต่ผมไม่ใช่มนุษย์ ผมเป็นพ่อมด ที่สาปให้หัวใจของอาคาชิคุงต้องกลายเป็นหินไปช้าๆในทุกการกระทำที่มันเป็นการฝืนใจผม ตั้งแต่ตอนนี้ จนถึงวันที่คุณจะออกไปจากชีวิตของผม”
--------Loading 60%--------
**ระบายนิดนึง Ep.02 ของเรื่องนี้โดนแบนไป พอบอกแหล่งให้ตามอ่านก็โดนแบนอีก
ทำไงดี ๆ ๆ ๆ เอาเป็นว่าจะพยายามส่งข่าวให้ลับๆนะครับ
อีก40เปอร์เซ็นไว้จะตามมานะจ๊ะ โผล่มาให้เห็นก่อนว่ากลับมาแล้ว
ความคิดเห็น