ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fanfic Service] Kuroko no Basuke (Yaoi)

    ลำดับตอนที่ #12 : [MayuAka] Festival of Love (Request : gomgam_nattanit) Ep.02

    • อัปเดตล่าสุด 9 ก.ค. 57















    Warning : อย่าพยายามหาสาระจากมัน 
    ให้อภัยแด่ไรท์ด้วยเถิด...




    <Festival of Love>

    Ep.02

     

     
     

    “เอาล่ะ เรามาเริ่มซ้อมกันเลย เริ่มจากฉากแรกที่หนูน้อยหมวกแดงเดินเล่นอยู่ในหมู่บ้าน” เรโอะที่เขียนบทเสร็จเรียบร้อยเริ่มต้นกำกับการแสดงด้วยการสั่งไปที่อาคาชิซึ่งรับบทเป็นหนูน้อยหมวกแดง

    “เรโอะ...นี่เราซ้อมกันอยู่ใช่ไหม” อาคาชิยืนนิ่งพร้อมกับถามอีกฝ่าย

    “ใช่แล้ว มีปัญหาอะไรงั้นเหรอเซย์จัง”

    “แล้วทำไมตอนซ้อมผมต้องใส่ชุดกระโปรงแบบนี้ด้วยล่ะครับ?” อาคาชิจับชุดที่กำลังใส่อยู่ซึ่งมีฮู้ดสีแดงและกระโปรงสีขาวสดใสราวกับเด็กสาวแรกแย้มให้อีกฝ่ายดู ซึ่งอาการที่เขาแสดงออกนั้นทำให้ทุกๆคนในห้องโถงแทบจะกลั้นหัวเราะไม่ไหว

    “เหมาะกับนายดีนะ อาคาชิ” มายุสุมิที่นั่งอยู่ขอบเวทีเอ่ยแซวขึ้นมาพร้อมกับรอยยิ้มขำๆที่ประดับอยู่บนใบหน้า

    “มายุสุมิ คุณลองใส่อาจจะเหมาะกว่าผมก็ได้นะ”

    “อย่าเลย ฉันเป็นหมาป่าดีอยู่แล้ว อีกอย่างฉันไม่บังอาจแย่งบทที่สำคัญของกัปตันทีมอย่างนายหรอกนะ” คำพูดของฝ่ายรุ่นพี่แอบปะปนด้วยเสียงขบขัน แถมยังฟังดูเหมือนแกมประชดเล็กน้อยอีกด้วย ซึ่งนั่นทำให้อาคาชิอยากเหวี่ยงกรรไกรใส่กลางหัวของอีกฝ่าย ถ้าไม่ห่วงว่าจะไม่มีคนรับบทเป็นหมาป่าจนต้องลากอิคิจิที่เป็นอดีตผู้รับบทเตียงมาแสดงเป็นหมาป่าแทนละก็นะ

    “เซย์จังจะเปลี่ยนก็ได้นะ ฉันไม่ได้ซีเรียสอะไรหรอก” รุ่นพี่เรโอะพูดขึ้นมาทำให้อาคาชิยกยิ้มด้วยความพึงพอใจเล็กน้อย ก่อนจะเดินเข้าห้องพักนักกีฬาเพื่อไปเปลี่ยนชุด ซึ่งพอแผ่นหลังของอาคาชิหายลับไปจากสายตาของสมาชิกในทีมที่เหลือ ก็มีเสียงซุบซิบเกิดขึ้นตามประสาลูกทีมที่ฉวยโอกาสหมิ่นประสาทกัปตันทีม
     



    “พนันกันไหมว่าเขาจะออกมาในสภาพเดิม” มายุสุมิเอ่ยท้า

    “นายดูมั่นใจจังเลยนะ มายุสุมิ” อิคิจิทัก

    “เซย์จังอาจจะแค่อายหรือเปล่า ว่าไปทำไมนายถึงเสนอให้ฉันสั่งชุดผู้หญิงมาล่ะ จริงๆให้เซย์จังเป็นหนุ่มน้อยกรรไกรแดงก็ได้อะนะ” เรโอะสงสัยเล็กน้อย

    “นั่นสิ แถมยังให้ฉันเอาเสื้อผ้าเดิมของอาคาชิไปซ่อนอีกนะ” โคทาโร่สงสัยด้วยแถมเผลอแฉความชั่วร้ายของรุ่นพี่ไปซะแล้ว

    “พวกนายไม่คิดว่ามันน่ารักดีเหรอ?” มายุสุมิถามด้วยท่าทีสบายๆคู่กับสีหน้าเรียบเฉย

    “เอาความจริง มายุสุมิ” เกิดการประสานเสียงโดยไม่ได้นัดหมายจากบุคคลที่เหลือทั้งสามคน

     
     

    “เวลาผู้ชายอย่างเราๆออกล่าเหยื่อก็ต้องหาเหยื่อผู้หญิงถูกไหม?”


     

    “มันได้อารมณ์มากกว่าตั้งเยอะ”

     
     

    “เดี๋ยวๆๆ อารมณ์อะไรของเอ็งฮะ? อย่าบอกนะว่า....” โคทาโร่ทำหน้าแมวคิดไปไกลใส่ แต่ไม่ทันพูดจบก็ถูกอีกฝ่ายขัดซะก่อน

    “อารมณ์ร่วมในการแสดงไง เวลาเป็นหมาป่าจะได้แสดงได้อินกับบท”

    “ถ้าจำไม่ผิดบทของหมาป่ามันต้องจับหนูน้อยกินนี่หว่า” อิคิจินึกถึงเนื้อเรื่องพื้นฐานของหนูน้อยหมวกแดง และนั่นทำให้พวกเขาแอบเห็นรอยยิ้มผุดขึ้นจากมุมปากของรุ่นพี่มายุสุมิ ซึ่งพวกเขาสัมผัสได้ถึงพลังงานบางอย่างที่เป็นสัญชาตญาณของสัตว์กินเนื้ออยู่รำไร

     
     

    “เสื้อของผมไปไหน?...” แว่วเสียงมาจากด้านหลังของพวกเขาซึ่งเป็นทิศทางของห้องพักนักกีฬานั่นเอง พอหันไปก็พบกับบุคคลที่พวกเขารู้จักกันดี ซึ่งก็คือกัปตันทีมของพวกเขาที่ยังอยู่ในชุดหนูน้อยหมวกแดงตามที่มายุสุมิได้คาดการณ์ไว้

    “ช่างแอร์คงเอาไปซักให้ล่ะมั้ง อาคาชิ” โคทาโร่ซึ่งเป็นผู้ถูกว่าจ้างให้นำเสื้อไปซ่อนพูดขึ้นด้วยสีหน้าชื่นบานจนเห็นเขี้ยว

    ช่างแอร์บ้าที่ไหนจะมาเอาเสื้อผ้าไปซัก...นั่นคือความคิดของอาคาชิ

    “ไม่ก็อาจจะเป็นภารโรงก็ได้” อิคิจิแก้ให้ แต่นั่นก็ไม่ได้ช่วยให้มันมีความเป็นไปได้เพิ่มขึ้นเลยแม้แต่น้อย

    “ถ้าผมจับได้ว่าหนึ่งในพวกคุณเป็นคนเอาไปซ่อน ผมจะไม่ให้พวกคุณได้มองจากที่สูงอีกเลย”

     
     

     

    กาลครั้งหนึ่งเมื่อเร็วๆนี้ มีหนูน้อยหมวกแดงคู่กับเรือนผมสีแดงกำลังเดินเล่นในหมู่บ้านร้าง เขาอาศัยอยู่กับแม่สองคน ในวันนั้นเขากำลังพยายามหาไส้เดือนดินเพื่อไปตัดเล่นที่บ้าน แต่ก็ไม่เจอสักตัวเนื่องจากเป็นหมู่บ้านร้าง เขาจึงกลับบ้านไปอย่างเศร้าสร้อยราวกับญาติเสีย

    “อุ๊บ...เรโอะ..นี่นายคิดนานไหมกว่าจะได้เนื้อเรื่องแบบนี้กัน” โคทาโร่พยายามกลั้นขำเมื่อได้อ่านบทเริ่มต้นของเรื่องราว นี่ขนาดอ่านไปแค่สามบรรทัดยังรู้สึกถึงความบรรลัยขนาดนี้ เขาชักอยากขอถอนตัวจากการเป็นยายก็ตอนนี้แหละ

    “ว่าแต่หนูน้อยหมวกแดงมีแม่สองคนเรอะ” อิคิจิถามคนเขียนบท ซึ่งนั่นก็ทำให้เส้นประสาทของเรโอะปูดขึ้นมากะทันหัน

    “นี่นายมีดีแค่กำลังใช่ไหม อิคิจิ ที่ฉันเขียนหมายถึงเขาอาศัยอยู่กับแม่ รวมกันก็เป็นสองคน” ซึ่งอิคิจิก็พยักหน้าเพื่อแสดงความเข้าใจ

    พอเขากลับมาถึงบ้าน เขาก็พบกับแม่ที่กำลังนั่งลับกรรไกรคู่ใจของเขา เขารู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยที่ถูกเอาของรักของหวงออกมาโดยไม่ได้รับอนุญาต แต่แล้วแม่กลับพูดคำพูดที่ทำให้เขาไม่พอใจอย่างมาก “กรรไกรนี่มันอันตรายเกินไปนะลูก ลูกต้องเอามันไปฝังที่บ้านของยายเดี๋ยวนี้”

    “เรโอะ แน่ใจนะว่าแต่งเรื่องหนูน้อยหมวกแดง” อาคาชิที่อ่านพล็อตเรื่องต้นๆชักไม่แน่ใจกับความสามารถของรุ่นพี่ของตน

    “ฉันแต่งเติมไปนิดหน่อยเอง เพื่อไม่ให้มันดูน่าเบื่อเกินไป” แต่แบบนี้มันอาจจะตื่นตาตื่นใจมากเกินไปก็ได้นะ...ทุกคนให้ความเห็นพร้อมกันในใจโดยไม่ได้นัดหมาย

    “ทำไมต้องไปฝังที่บ้านยายด้วยล่ะครับ” พออ่านถึงบทตรงจุดๆนี้ อาคาชิรู้สึกขอบคุณที่เรโอะไม่ได้ให้เขาเล่นบทเป็นเด็กผู้หญิง แต่ก็ยังแอบสงสัยว่าทำไมต้องใส่ชุดผู้หญิงด้วยนะ

    “ฉันว่าเรามาเริ่มซ้อมกันจริงๆจังๆสักรอบเถอะ เซย์จังนายทำท่าว่ากำลังเดินเล่นอยู่นะ แบบสาวน้อยลัลล้าในทุ่งดอกไม้” ประเด็นคือสถานที่ในบทละครมันคือหมู่บ้านร้าง...

     
     

    คัท!  

    “เซย์จัง! เดินให้มันลัลล้าหน่อยสิ อารมณ์แบบฉันสวยที่สุดในโลกอะไรแบบนี้ ดูนะ” เรโอะสั่งคัทเป็นรอบที่20เนื่องจากท่าเดินในหมู่บ้านของอาคาชิไม่ผ่านสักที จนเรโอะเองต้องทำการเดินให้ดูเป็นตัวอย่าง ซึ่งมันทำให้ทุกคนที่เห็นท่าเดินของเรโอะต้องคิดเหมือนๆกันว่า หมอนี่มันต้องเคยเป็นนางงามมาแน่ๆ

    “แบบนั้นก็เวอร์ไปนะ เรโอะ แค่เดินให้สดใสก็พอแล้ว แบบนี้ไง” โคทาโร่แย้งกับท่าเดินแบบนางงามของเรโอะ ก่อนจะเริ่มต้นสาธิตการเดินไปด้วยพร้อมกับกระโดดไปด้วย แถมแกว่งแขนไปมาแบบสบายๆคู่กับสีหน้าชื่นบานสุดๆ นี่ถ้าไม่บอกว่ากำลังแสดงเป็นตัวอย่างคงนึกว่าไปเจออะไรดีๆมาจนอารมณ์ฟินขนาดนี้

    อาคาชิรู้สึกว่าเพื่อนร่วมทีมของตนนั้นเหมาะที่จะไปเป็นดาราฮอลลีวู้ดก็คราวนี้แหละ

     

     

    คัท!

    “เซย์จัง ยิ้มหวานๆหน่อยสิ!

     
     

    คัท!

    “เซย์จัง! เอวน่ะเอว บิดมากกว่านี้”

     
     

    คัท!

    “เซย์จัง! อย่าเดินเกร็งขนาดนั้น ทำตัวเป็นธรรมชาติ กระโดดด้วยจะดีมาก”


     

    คัท! (รอบที่50)

    อาคาชิขอยอมแพ้...

    “เรโอะ ผมคิดว่าหาตัวแสดงแทนเถอะครับ” อาคาชิพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเนือยๆเพราะรู้สึกว่าถ้ามัวแต่ซ้อมการเดินเล่นในหมู่บ้านร้างแบบนี้ต่อไป คงซ้อมไปถึงรอบที่100แน่ๆ

    อาคาชิลงจากเวทีมานั่งที่ขอบเวทีข้างๆกับมายุสุมิ เขาถอนหายใจทีหนึ่งพลางใช้ผ้าขนหนูซับเหงื่อที่ไหลลงตามลำคอ การซ้อมเดินเล่นซ้ำไปซ้ำมา50รอบไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ไม่แปลกที่เขาจะเสียเหงื่อได้ในระดับหนึ่ง

    “นายพยายามได้ดีแล้วล่ะ ไม่ต้องคิดมากหรอก” มายุสุมิที่นั่งอยู่ข้างๆพูดขึ้นมาโดยไม่ได้หันไปมองอีกฝ่าย แต่กลับยกมือขึ้นวางบนกลุ่มไหมสีแดงและขยี้เบาๆเป็นการปลอบใจ

    “....ใครอนุญาตให้คุณจับหัวผมกันครับ” คำพูดที่ฟังดูไม่พอใจแต่น้ำเสียงกลับไม่ใช่อย่างนั้น เสียงของเขาฟังดูราวกับไม่ได้ถือสาอย่างจริงๆจังๆ เขาพูดออกไปเพียงเพื่อให้อีกฝ่ายไม่ได้ใจเกินไปเท่านั้นเอง

    “ถ้านายไม่ชอบจริงๆนายเอากรรไกรเฉือนมือฉันไปแล้วล่ะ” ฝ่ายรุ่นพี่พูดราวกับรู้ใจของอาคาชิ และอาคาชิเองก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไร

    “เซย์จัง ฉันคิดดูแล้วว่าฉากเดินนี่ไม่ต้องแล้วก็ได้ ไม่งั้นการซ้อมคงไม่คืบหน้าแน่ๆ งั้นเรามาซ้อมกันต่อเลย พร้อมไหม” เรโอะเดินเข้ามาหาพวกเขาหลังจากที่ยืนครุ่นคิดอยู่กับบทที่ตัวเองแต่งขึ้นสักพักใหญ่

    “ครับ ซ้อมต่อได้เลย” อาคาชิตอบรับพร้อมกับลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เขาฝากผ้าขนหนูไว้กับมายุสุมิก่อนจะหันหลังและเดินตามเรโอะไป มายุสุมิที่คอยมองดูแผ่นหลังของอีกฝ่ายเผลอเรียกชื่อออกมาโดยไม่รู้ตัว

    “อาคาชิ...” ซึ่งนั่นก็ทำให้เจ้าของชื่อหันมามองเพียงชั่วครู่ เป็นชั่วพริบตาที่ทำให้อาคาชิรู้สึกหน้าร้อนผ่าวกับคำพูดที่ออกมาจากริมฝีปากของรุ่นพี่



    “นายน่ารักซะจนหมาป่าอย่างฉันแทบทนไม่ไหวเลยล่ะ...”





     

    ------------to be continued-----------

    ขออภัยในความล่าช้านะจ๊ะ
    ไม่ได้ลืมกันนะ ทุกเรื่องที่แต่งเลย
    ขอบคุณสำหรับคนที่รอและติดตามจ้า


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×