คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่ 1 คำสั่งจากพ่อ
แสงสีทองส่องกระทบตัวพระราชวังที่ประดับประดาไปด้วยเพชรนิลจินดาทำให้เกิดแสงระยิบระยับชวนแสบตาดั่งติดไฟนีออนไว้สักพันดวง บรรยากาศภายนอกดูอบอุ่นน่าออกมาเดินเล่นยิ่งนัก ณ อุทยานพระราชวังแห่งโรบาเลียดูดั่งสวรรค์ บริเวณโดยรอบเต็มไปด้วยดอกไม้นานาพันธ์ที่ต่างแข่งกันออกดอกชูช่อรับกับแสงอาทิตย์ยามเช้า ลมอ่อนๆพัดพาเอากลิ่นอายแห่งธรรมชาติคละคลุ้งไปทั่ว ท่ามกลางแมกไม้ร่างบางประทับนั่งอยู่บนโขดหิน ดวงเนตรทอแสงพราวระริกทอดมองไปยังเบื้องหน้า
“มินท์” เสียงใสเอ่ยขึ้นจากทางด้านหลังเด็กหนุ่ม ทำให้เจ้าของร่างบางต้องเหลียวไปมอง
“มีอะไรหรอ” น้ำเสียงตอบกลับเป็นมิตรที่สุด พลางแย้มรอยยิ้มบาง
“กะแล้วว่าต้องมาอยู่ที่นี่ ท่านพ่อเรียกแนะ” สายลมพัดพาเอาเรือนผมสีน้ำตาลอ่อนปลิวไสว
“อืม เดี๋ยวข้าขอชื่นชมดอกไม้พวกนี้อีกนิดนะ พี่ไปก่อนเลยแล้วกัน” ใบหน้าขาวนวลดุจสตรียามนี้ดูงดงามยิ่งนัก ดวงตาสีเขียงมรกตเปล่งประกายทุกครั้งที่เอ่ยถึงดอกไม้ซึ่งเป็นสิ่งที่ทรงโปรดที่สุด
“รีบๆล่ะ พี่ไม่อยากให้ท่านพ่อรอนาน” สุรเสียงเคร่งจากเจ้าหญิงผู้ไม่ถูกกับสิ่งสวยๆงามๆก่อนจะเดินจากไป ทิ้งเจ้าชายองค์น้อยให้เชยชมพฤกษาต่อ
.
พรมสีแดงทอดยาวไปตามทางระเบียง เจ้าหญิงและเจ้าชายแห่งโรบาเลีย เดินตรงไปยังห้องพักส่วนตัวของผู้เป็นบิดา ซึ่งขณะนี้ได้ยืนรอพวกเขาอยู่แล้ว ประตูไม้บานใหญ่ที่ถูกแกะสลักลวดลายอย่างประณีตงดงามได้ถูกเปิดออก ถ้ามองจากตรงนี้ก็จะเห็นกษัตริย์แห่งโรบาเลียซึ่งเป็นกษัตริย์สูงสุดกำลังยืนทอดพระเนตรออกไปข้างนอกหน้าต่างอย่างสบายอารมณ์
“อ้าวมากันแล้วหรือ ซาเดีร์ย มินท์” ดานาฟ มาทอร่ากษัตริย์แห่งอาร์เดเนททักบุตรทั้งสองอย่างแจ่มใส
“ท่านพ่อเรียกพวกข้า...เอ๊ย...หม่อมฉันมามีเรื่องอะไร” เจ้าหญิงองค์โตผู้ใจร้อนยิงคำถามใส่บิดาทันที
“ฮ่า ฮ่า” เสียงสรวลลั่นก่อนจะดำรัสต่อ “นี่เจ้าจะไม่มีเพคะ เพขาเลยหรือ”
“เพคะ” ผู้เป็นธิดารับสั่งอย่างฝืนใจเป็นที่สุดก่อนจะยิ้มแห้ง เธอไม่คุ้นเคยกับการพูดแบบนั้นเลยเพราะเห็นเป็นเรื่องยุ่งยาก
“ข้ามีเรื่องสำคัญต้องคุยกับพวกเจ้า” พระพักตร์เคร่งขึ้นทันใด เมื่อสบเข้ากับนัยน์ตาอยากรู้ของบุตรทั้งสองจึงรีบขยายความต่อ “มันคงถึงเวลาแล้วที่พวกเจ้าจะต้องเข้ารับการเรียน...” ดำรัสได้แค่นั้นเมื่อสีหน้าพระธิดาคนโปรดซีดเจือนลง หมดความอยากรู้ไปโดยบัดดล ในวินาทีที่คำว่า ’เรียน’ ถูกเปล่งออกมา
เสียงสรวลดังขึ้นอีกครั้งจากดานาฟแล้วตรัสต่อ
“เจ้าไม่ต้องทำหน้าเวอรี่ไปหรอก เรียนนะไม่ได้สั่งให้ไปเสี่ยงตาย” สุรเสียงทีเล่นทีจริงเล่นงามผู้ถูกกล่าวจนบึ้งไปในทันที
“ท่านพ่อจะให้หม่อมฉันไปเรียนอะไรหรือ ตอนนี้ก็กำลังเรียนพระตำรากับท่านปู่ซีเลียนอยู่นี่พะยะค่ะ” เสียงใสเอ่ยถามบิดา
“เปล่าหรอก ข้าหมายถึงเรียนเวทมนตร์น่ะ มันเป็นเรื่องที่พวกเจ้าจำเป็นต้องรู้” ดำรัสเนิบๆกับประโยคต่อมาที่ทำเอาบุตรทั้งสองตาโตเท่าไข่นางพญาห่าน ”ข้าจะส่งพวกเจ้าไปเรียนในโรงเรียน”
“ห๊ะ! ทำไมต้องเป็นโรงเรียนล่ะท่านพ่อ ให้ครูมาสอนที่วังหรือไม่ก็ไม่เรียนเลยก็ได้นะ...เพคะ”
“อืม ซาเดีร์ยเจ้าจำเป็นต้องเรียนจริงๆ”ดานาฟหันมาทางซาเดีร์ยที่ยังไม่มีคำตอบที่น่าพอใจนัก ก่อนจะหันไปอีกทาง “แล้วเจ้าว่าอย่างไรล่ะมินชาโร”
“เออ...หม่อมฉันว่าตามท่านพี่พะยะค่ะ” กษัตริย์ดานาฟมองบุตรชายของตัวเองอย่างไม่เชื่อในวาจา
“แต่ข้าอยากให้พวกเจ้าเรียน” รับสั่งที่ฟังดูเอาแต่ใจของกษัตริย์ผู้ไม่ยอมแพ้ใคร ซาเดีร์ยทำหน้ามุ้ยกับการตัดสินใจของท่านพ่อ ที่ดูยังไงก็เหมือนเด็กดื้อๆคนหนึ่ง
“ถ้าท่านพ่อชอบนักก็เรียนเองสิ” ดวงเนตรของกษัตริย์ผู้เป็นบิดาบองกลายๆว่า ข้าอายุปูนนี้แล้วยังจะให้ไปเรียนอีกรึ ซาเดีร์ยเอ่ยต่อเชิงหยอกล้อ”เรียนรู้ตลอกชีวิตน่ะท่านพ่อไม่เคยได้ยินหรอ” เสียงสรวลเบาๆดังต่อท้ายแล้วเปรยขึ้น
“เจ้านี่น้า เอาเป็นว่าข้าจะให้พวกเจ้าไปเรียนไม่นาน หลังจากที่พอจะรู้เวทย์บ้างแล้วข้าจะส่งจดหมายขอรับตัวไปทางโรงเรียน และเหตุที่ต้องส่งไปเรียนที่โรงเรียนเพราะถือเป็นการเรียนรู้โลกภายนอกอย่างหนึ่งซึ่งมันจะเป็นประโยชน์ต่อพวกเจ้าในอนาคต” ดานาฟชี้แจงแก่บุตร
“ทำไมล่ะ” เธอยังคงไม่เข้าใจอยู่ดี
“เมื่อถึงเวลาเจ้าก็จะรู้เอง” สุรเสียงเนิบๆอย่างขอไปที
“เฮ้อ ตกลงก็ได้แต่ท่านพ่ออย่าลืมไปรับตัวกลับล่ะ’เพคะ’” เธอเน้นคำสุดท้ายเป็นพิเศษ
“งั้นก็ดีแล้ว ”ดานาฟแย้มโอษฐ์ให้บุตรทั้งสอง ”ข้าจะอธิบายครั้งเดียวฟังให้ดีนะ เราจะออกเดินทางในวันรุ่งขึ้นขอให้เตรียมเก็บข้าวของให้เรียบร้อย เพราะคิดว่าคงต้องค้างที่นั่นในระหว่างการสอบ เอาเฉพะของที่จำเป็นเท่านั้นที่สำคัญพวกเจ้าต้องผ่านการสอบคัดเลือกตัวให้ได้ เข้าใจนะ”
“สอบ!! มันยิ่งกว่าเรียนอีกนะท่านพ่อ” มันคือสิ่งที่เธอเกลียดที่สุด มาถึงตอนนี้เธอเพิ่งรู้ว่าสิ่งที่เธอตัดสินใจไปมันอาจผิดถนัด จะเปลี่ยนใจก็ไม่ได้แล้ว ความคิดที่ซาเดีร์ยลงความเห็นว่า ‘ขุดหลุมฝังตัวเองชัดๆ’
“แล้วเจ้าจะรู้ว่ามันสนุกแค่ไหน” สุรเสียงของกษัตริย์ดานาฟปนสรวลเล็กน้อยอย่างพอพระทัย
..
สองพี่น้องเดินกลับห้องของตัวเองเพื่อไปเก็บของที่บิดาสั่งระหว่างทางเดินนั้นพวกเขาก็บังเอิญพบกับชายคนหนึ่งเข้า เขาไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจากมาชาร์นน้องชายคนเดียวของดานาฟ ผู้มีศักดิ์เป็นอาของพวกเธอ
“อ้าวท่านอา กำลังจะไปหาท่านพ่อสินะพะยะค่ะ” มินท์ทักขึ้นด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“ใช่ แล้วพวกเจ้าล่ะ” มาชาร์นถามกลับ
“ก็ไปเก็บของเตรียมตัวไปโรงเรียนอยู่น่ะสิ ท่านพ่อแหละไม่รู้คิดยังไง” ซาเดีร์ยตอบระคนบ่นบิดา
“โรงเรียนเวทมนตร์สินะ อืม มันถึงเวลาแล้วรึเนี่ย” ดำรัสขึ้นลอยๆ
“ท่านอาทราบ?” น้ำเสียงฉงนของมินท์เรียกให้มาชาร์นหันมาสบ
“ทุกอย่างมันเป็นเรื่องไม่แน่นอน กันเอาไว้ย่อมดีกว่ามาแก้เอาทีหลัง ชีวิตพวกเจ้าไม่ได้เป็นนิรันดร์การรีบแสวงหาความรู้มันคือองประกอบหนึ่งของชีวิต บางทีสักวันพวกเจ้าอาจจำเป็นต้องใช้มัน”
ประโยคที่ทำเอาคนฟังชักสีหน้างงไปตามๆกัน มาชาร์นแย้มโอษฐ์นิดก่อนที่จะขอตัวไปทำธุระต่อ
“พี่ ท่านอาเค้าหมายความว่าไงน่ะ” คำถามที่ยิงมาโดยไม่ได้ตั้งตัว เล่นเอาคนถูกถามเกาหัวแกรกๆอย่างไม่สมมาดเจ้าหญิง เจ้าหญิงที่หัวสมองมีแต่ขี้เลื่อย ตัดสินใจประมวลผมแล้วตอบน้องชายไปตามตรง
“ท่านอาคงพูดมั่วๆให้ดูดีไปงั้นมั้ง ที่จริงความหมายก็แค่ให้รีบไปเรียนก่อนจะแก่หงำเหงือก” คำตอบที่ผู้เป็นน้องหารู้ไม่ว่าคนบอกนั่นแหละที่มั่วเอาอย่างสดๆร้อนๆ
................................................................................
ความคิดเห็น