ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    วิชาดนตรีศักดิ์สิทธิ์

    ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ 2

    • อัปเดตล่าสุด 6 เม.ย. 50


    ไงก็ช่วยอ่านและทำการบ้านกันอย่างตั่งใจหน่อยนะครับ

    เพราะว่าคนสอนก็ตั่งใจทำบทเรียนเป็นอย่างมาก  ทั้งเรียบเรียบ สรุป ขยายความ และเสริมรายละเอียด

    เอาเป็นว่าเข้าสู่บทเรียนเลยดีกว่านะครับ

    ในการเป่าปี่ธรรมดา ผู้เป่าจะต้องเรียนรู้การหายใจ การอั้นลม ผ่อนลม แผ่วลม พริ้วลม แต่ในระดับสู้จะต้องเรียนรู้การใช้ลมในโพรง ของการใช้ลมในโพรงของส่วนต่างๆของร่างกายสั่งสะเทือนในเกิดเสียง

    ในแต่ละวิชาดนตรีศักดิ์สิทธิ์สิ่งที่ใช้เป็นต้นกำเนิดเสียงคือ จิต จักร และปราณ

    จิต  ท่วงทำนองจะผุดขึ้นจากจิตจำนง  (เพลงจะเกิดขึ้นด้วยจิตเป็นพื่นฐาน ท่วงทำนองและเนื้อหาจะเป็นไปตามจิตของผู้บรรเลง)

    จักร  จากนั้นจิตจะสั่นสะเทือนให้จักรเกิดการหมุนวน  (จิตสั่งการ จักรเคลื่อนไหวสร้างพลังงาน)

    ปราณ  พลังงานที่ถูกปลดปล่อยออกมาจากจักรในปริมาณที่จิตต้องการ

    จากนั้นจิตจะขยายตัวนำปราณผ่านเครื่องดนตรี  พุ่งไปสู่เป่าหมายเหมือนลูกดอกที่วิ่งจากแหล่งสู่เป่า  ยิ่งจิตจำนงแรงกล้า ปราณที่ปล่อยออกมาก็จะมีปริมาณมหาศาล  บทเพลงนั้นก็จะยิ่งทรงพลัง  สามารถควบคุมคนนับพันได้  แต่สิ่งนี้ก็คือสิ่งที่อัตรายที่สุดในการบรรเลงดนตรีศักดิ์สิทธิ์ เพราะการบรรเลงดนตรีศักดิ์สิทธิ์นั้นจะทำการเกิดการสั่นเสถือนตกค้างแล้วจะทำให้กายและจิตของเรานั้นอาจรับไม่ไหว  จนทำให้จิตของเรานั้นตกลงสู่ห้วงทำนองของบทเพลงและถูกเพลงที่บรรเลงเองนั้นครอบงำจิตใจและปลดปล่อยสัญชาติญาณดิบออกมา นี้แหละคือสิ่งที่อันตรายที่สุดของการบรรเลงดนตรีศักดิ์สิทธิ์

    (จิตเป็นตัวควบคุมและสั่งการ จักรให้ปล่อยพลังปราณออกมาและยังเป็นเสมือนสิ่งที่ชี้บอกจุดหมาย  จิตยิ่งแรงกล้าพลังปราณก็ยิ่งรุนแรง)

    เปรียบการบรรเลงเพลงดนตรีศักดิสิทธิ์ก็เหมือนกับศาสตร์การต่อสู้แบบจีน  พลังปราณเป็นสิ่งสำคัญในการพิชิตการต่อสู้  แต่จิตก็เป็นสิ่งขับเคลื่อนพลังจิตแข็งแกร่งไม่ไหวติงมาเท่าใด ก็ปลดปล่อยปราณออกมาได้มากเท่านั้น  และศาสตร์การต่อแบบจีนก็มีอยู่หลากหลาย  รูปแบบพลังที่ปลดปล่อยออกมาถ้าหาเราสังเกตุดีๆก็จะเห็นว่าพลังต่างๆจะออกมาเป็นลักษณะเด่นเหมือนจักรทั้ง 7 เช่นกัน (หวังว่าคงจะไม่ทำให้งงมากขึ้นนะครับ กลับไปเรื่องเดิมต่อ)

    เหล่านักเวทย์ศักดิ์สิทธิ์เชื่อว่าเมื่อคนเราจะสิ้นชีวิต"จิต"ของเราจะสร้างบทเพลงขึ้นมาเพื่อนำทางเราสู้ภพใหม่ เสี้ยววินาทีแห่งความตายคือการต่อสู้ช่วงชิงระหว่างเพลงโน๊ต 2 ตัว

    โน๊ตตัวที่มีพลังเหนือกว่าจะระเบิดตัวเองเพื่อเปิดประตูสู่ภพใหม่โน๊ตสีขาวบริสุทธิ์ที่นำไปสู่ภพอันสงบสุขอาจไปไกลถึงสวรรค์

    ขณะที่โน๊ตสีดำมืดมิดจะนำลงไปสู่เบื่องต่ำ แดนปีศาจอสุรกายหรืออาจร้านแรงยิ่งกว่า

    จุดนี้แหละ จุดที่เป็นช่วงระหว่างก่อนการระเบิดของโน๊ตตัวใดตัวหนึ่ง  จะเป็นจุดที่เหล่านักเวทย์ดนตรีศักดิ์สิทธ์จะแทรกแซงเข้าไปด้วยบทเพลง"มรณะ" ในวาระสุดท้ายของชีวิตถ้าบุคคลนั้นๆมีความหลังที่โหดร้ายทำให้อิทธิพลของโน๊ตสีดำเหนือกว่าก็จะนำพาเขาเหล่านั้นสู้โลกปีศาจ 

    สิ่งที่เหล่านักเวทย์ดนตรีศักดิ์สิทธิ์ต้องทำก็คือการค้นหาโน๊ตตัวสีขาวและปลดปล่อยให้เป็นอิสระ  ด้วยการบรรเลงสำเนียงของตัวโน๊ตสีขาวให้โน๊ตสีขาวจำทำนองของตัวเองได้จนทำให้โน๊ตสีขาวคลี่คลายตัวเองออกมา (การถูกนำพาด้วยโน๊ตสีดำ โน๊ตสีขาวนั้นก็จะถูกผูกมัดโดยโน๊ตสีดำ ฉะนั้นเหล่านักเวทย์ดนตรีศักดิ์สิทธ์ก็จะต้องปลดปล่อยตัวโน๊ตสีขาว)

    การบรรเลงเพลงมรณะอาจไม่ต่างจากการบรรเลงเพลงทั่วๆไปที่เริ่มต้นด้วยการรับฟังโน๊ตตัวหลัก(ตัวแรก)ตามด้วยการเชิญชวนและชักจูง เช่นเดียวกัน  แต่การรับฟังโน๊ตหลักของคนไกลตายนั้นอันตรายอย่างยิ้ง  เพราะโน๊ตทั้ง 2 ตัวแฝงไว้ด้วยพลังมหาศาลขนาดที่ทำให้ประตูภพเปิดได้และสิ่งที่หน้ากลัวยิ่งกว่าก็คือการที่เข้าสู่จิตใจของผู่ที่ประตูภพปิดออกแล้วจะไม่มีทางรู้ได้เลยว่าบทเพลงอะไรรอเราอยู่นั้น

    หาเป็นบทเพลงแห่งสรวงสรววค์ก็โชคดีไปแต่หากว่าเป็นบทเพลงแห่งปีศาจหรือภพที่อันตรายกว่านั้น บทเพลงเหล่านั้นจะหลอกหลอนกัดกร่อนทำลายจิตจนแตกสลาย(ทำให้กลายเป็นคนสติวิปลาสไรทางรักษา เพราะจิตถูกทำลาย)  บทเพลงมรณะเป็นสิ่งที่นักดนตรีเวทย์ศักดิ์สิทธิ์ทุกคยพึงทำได้แต่ก็เป็นสิ่งที่หลายๆคนหลีกห่างที่จะทำเพราะเป็นบทเพลงอันตรายที่สุดของดนตรีเวทย์ศักดิ์สิทธิ์

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×