คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Chapter ONE :: คนแปลกหน้ากับความทรงจำที่หายไป [100%แก้แล้ว]
Story :: Oneness
Artist :: KyuhyunXRyeowook,SiwonXHeechul,HangengXLeeteuk Feat.Yesung
Rate :: ....
Author :: sky_H
รอยยิ้มอบอุ่น...มือที่สัมผัสถึงอ่อนโยน...อ้อมกอดที่รู้สึกปลอดภัย
ถ้าเราจะเป็นของกันและกันตลอดไป
จะมีสิ่งใดสามารถพรากเราออกจากกันและกันได้รึเปล่า?
คงจะไม่สินะ...เพราะฉันแน่ใจ
เพราะแม้แต่ความตายก็ไม่อาจพรากเราจากกันได้...
Chapter ONE :: คนแปลกหน้ากับความทรงจำที่หายไป
พลั่ก!!!
"ปล่อยมันไว้ตรงนี้น่ะแหละ แล้วฉันจะมารับนายเมื่อถึงเวลา"เสียงเยาะเย้ยดังขึ้นเรียกให้สติที่เหลืออยู่น้อยนิดของร่างสูงที่โดนผลักลงจากรถตู้ได้รับฟัง ก่อนที่ประตูรถจะปิดลงเสียงดัง รถตู้เคลื่อนที่ห่างออกไปจนไกลลับตา ดวงที่คมที่แทบลืมไม่ขึ้นเพราะเลือดที่ไหลเต็มใบหน้ามองเข้าไปในรั้วคฤหาสถ์หลังใหญ่ เราอยู่ที่ไหน? ความเจ็บปวดจากการถูกซ้อมแล่นทั่วร่างกาย
"ใครน่ะ!!นั่นคนบาดเจ็บ แม่นมฮะไปตามพี่ๆมาที!!!!"เสียงตะโกนโหวกเวกโวยวายดังขึ้น ดวงตาเลือนลางเต็มทีแต่รู้แค่ว่ามีมืออบอุ่นคู่นึงประคองเค้าขึ้นมา ใบหน้าที่จ้องมองเค้าดูเป็นกังวลและเป็นห่วง.....แล้วในที่สุดความพยายามในการฉุดรั้งสติก็หมดลง......
"เกิดอะไรขึ้นน่ะเรียวอุค!!!"ร่างสูงพรอมเพรียวกับใบหน้าหวานถามน้องเล็กของบ้านที่ประคองชายแปลกหน้าที่หมดสติไปแล้วด้วยความตกใจ ข้างหลังตามมาด้วยพี่ชายคนโตอีกคน
"พี่ฮีชอล พี่ลีทึกฮะ เค้าสลบอยู่หน้าบ้านเรา"เรียวอุคหันมาบอกกับพี่ชายทั้งสอง ลีทึกกับฮีชอลรีบลงมานั่งข้างๆคนที่หมดสติทันที
"ตายแล้ว!!โดนรุมสกรัมมารึยังไงกันเนี่ย!!ดูสิ แผลเต็มตัวเลย"ลีทึกอุทานอย่างตกใจเมื่อสำรวจร่างกายชายหนุ่มตรงหน้า ดวงตาหวานใต้แว่นตากรอบเข้มจ้องมองคนในอ้อมแขนน้องชาย หน้าตาดีใช่เล่นเลยนะเนี่ย ขนาดว่าโดนทำร้ายร่างกายขนาดนี้ยังดูออกเลยว่าชายคนนี้หน้าตาดีแค่ไหน แล้วทำไมถึงต้องโดนทำถึงขนาดนี้ และที่สำคัญ...ทำไมถึงเอาเค้ามาปล่อยหน้าบ้านของพวกเรา?
"ช่างเถอะ พาเจ้านี่เข้าบ้านก่อนเถอะ แล้วค่อยตามหมอมา"ฮีชอลว่า ลีทึกพยกหน้ารับก่อนจะเรียกคนรับใช้มาช่วยประคองร่างสูงเข้าบ้าน
"แค่ก แค่ก!"เสียงไอของเรียวอุคทำให้ลีทึกต้องเข้ามาดูน้องอย่างเป็นห่วง
"พี่บอกเรากี่ครั้งแล้วนะว่าให้พักผ่อนอยู่ในบ้าน ใครให้มานั่งตากลมข้างนอกอย่างนี้ล่ะ"ลีทึกเอ็ดน้องชายคนเล็กอย่างเป็นกังวล เรียวอุคน่ะขี้โรคตั้งแต่เด็กไม่ว่าจะพยายามรักษาเท่าไหร่ก็ไม่หาย ทำให้อดห่วงไม่ได้
"ผมก็แค่ออกมาดูดอกไม้ที่สวนน่ะฮะ แล้วก็เห็นรถตู้มาจอดหน้าบ้านเลยออกไปดู"เรียวอุคยิ้มตาหยีรีบเปลี่ยนเรื่องในทันที ขืนปล่อยให้พี่ของเค้าพูดต่อวันนี้คงไม่จบ
"วันหลังถ้ามีรถมาจอดน่ะ ให้มาบอกคนในบ้าน ไม่รู้รึยังไงว่าตัวเองเป็นน้องใคร?ถ้าโดนจับไปเรียกค่าไถ่จะทำยังไง"เสียงของพี่คนกลางดังขึ้นมาอย่างแขวะๆ ฮีชอลทำหน้าอย่างไม่สบอารมณ์ทำไมไอ้น้องชายของเค้ามันถึงดื้ออย่างนี้นะ!
"ก็ผมไม่ทันคิดนี่หน่า"เรียวอุคบอกเสียงอ่อย ถึงจะรู้ว่าพี่ฮีชอลดุเพราะเป็นห่วงก็เถอะ ฮีชอลมองน้องพลางส่ายหัว ลีทึกยิ้มกับท่าทางนั้น แอ๊บดุแต่ในใจก็ห่วงเรียวอุคน่ะสิ~
"ขี่หลังพี่เข้าบ้านมั้ย?"
"พี่ลีทึกผมไม่ใช่เด็กๆแล้วนะฮะ///"เรียวอุคเอ็ดขึ้นบ้างถึงทางเดินจะไกลก็เถอะ ดูสิคุณลุงชองอุ้มคนแปลกหน้านั่นไปเกือบถึงบ้านแล้วแต่เค้ากับพี่ๆยังเดินได้ไม่ถึงครึ่งทางเข้าบ้านเลย ใครนะที่สั่งให้ทำทางเข้าบ้านเป็นถนนทางด่วนขนาดนี้น่ะ แต่...ก็รู้สึกดีจังที่ได้เดินเข้าบ้านกับพี่ๆพร้อมกับ เรียวอุครู้ดีว่าพี่ๆเดินรอเค้า...
"เด็กแล้วยังไง โตแล้วขี่หลังพี่ๆไม่ได้หรือยังไง"ลีทึกถามอย่างน้อยใจ
"เปล่าฮะ ขี่ก็ได้ แต่ผมตัวหนักนะ///"ในที่สุดเรียวอุคก็ต้องยอมขึ้นขี่หลังลีทึกจนได้
"อึ๊บ~อา..ไม่เห็นจะหนักเลย นับวันนายจะยิ่งผอมลงผอมลงนะรู้มั้ย?สมัยก่อนน่ะอ้วนฉุจ้ำม้ำจะตายแล้วดูตอนนี้สิแห้งยังกะกุ้งโดนทุบ เนอะฮีชอล"ลีทึกบ่นก่อนจะไปถามความเห็นฮีชอลที่เดินข้างๆ ใบหน้าหวานหันมาพยักหน้าอย่างเห็นด้วย ก่อนที่สามพี่น้องจะคุยกันไปตลอดทางเข้าบ้าน...
.................................................
"แม่นมครับ โทรตามหมอมารึยังครับ?"ลีทึกเอ่ยถามแม่นมที่เลี้ยงเค้ามาตั้งแต่เด็กๆ หญิงชรายิ้มแล้วพยักหน้ารับอย่างใจดี
"เรียบร้อยแล้วค่ะ คุณลีทึก อีกซักประเดี๋ยวคุณหมอก็คงจะมา"ลีทึกยิ้มรับก่อนจะมองไปที่เตียงที่มีชายแปลกหน้านอนอยู่แล้วจึงหันมาหาแม่นมคนโปรด
"ขอบคุณนะครับ แม่นมไปพักผ่อนเถอะครับทางนี้ผมจัดการเอง"ลีทึกบอกด้วยความเป็นห่วง หญิงตรงหน้านี้เป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวที่เลี้ยงดูเค้ามาตั้งแต่ลีทึก ฮีชอลและเรียวอุคยังเด็ก พ่อกับแม่ของพวกเค้าเสียชีวิตตอนที่เรียวอุคมีอายุแค่ 2 ปี กิจการทั้งหมดของบ้านจึงตกเป็นของลีทึกโดยปริยาย เพียงแต่ในเวลานั้นมีคุณลุงคอยดูแลแทนเมื่อเค้าอายุครบ18ปีบริบูรณ์อำนาจจึงโอนกลับมาให้เค้า แม่นมซังมีเป็นคนที่ดูแลลีทึกและน้องๆราวกับลูกในไส้ เห็นกันตั้งแต่ยังแบเบาะจนตอนนี้โตเป็นหนุ่มความอบอุ่นอ่อนโยนจากผู้เป็นแม่นมก็ไม่ได้ห่างหายไป ในเวลาที่พวกเค้าโตขึ้นผู้หญิงตรงหน้านี้ก็ร่วงโรยไปตามวัยด้วยเช่นกัน...
ปี๊นๆ
"สงสัยจะมาแล้ว"ลีทึกพึมพำเมื่อมองออกไปที่นอกหน้าต่างของห้องก็พบกับรถคันคุ้นตาสีบลอนด์กำลังเคลื่อนที่เข้ามาภายในบ้าน
"หวัดดีครับคุณฮีชอล คุณเรียวอุค อ๋อ คุณลีทึก แหะๆ ขอโทษนะครับที่ผมมาสายไปหน่อย"เสียงของคุณหมอประจำตัวของเรียวอุคดังขึ้น ใบหน้าขาวของคุณหมอออกจะแดงน้อยๆเมื่อพบกับสามหนุ่มที่นั่งรออยู่แล้ว ก็แหม!คนน่ารักสามคนมองมันก็เขินน่ะสิ~///
"ไม่เป็นไรหรอกฮะคุณหมอแต่ว่ารีบไปตรวจเค้าดีกว่านะฮะ"เรียวอุคบอกพลางโบ้ยไปทางคนที่นอนนิ่งบนเตียง
"อ๋อ คุณหมอฮยอกแจพอดูหมอนั่นเสร็จแล้วก็ช่วยดูน้องชายตัวดีของผมด้วยล่ะ นั่งตากลมในสวนอยู่นั่นล่ะ ไม่รู้มันมีอะไรดีนักหนา"ฮีชอลที่นั่งไขว่ห้องอยู่ที่โซฟาบอกขึ้นอย่างหงุดหงิดเล็กน้อย หมอฮยอกแจจึงหันมามองเรียวอุคอย่างดุๆ แต่ก็รีบไปตรวจร่างกายคนที่บาดเจ็บหนักก่อน
"อ่า ไปทำอะไรมาเนี่ย...ฟกช้ำไปทั้งตัวเลยนะเนี่ย ไม่ใช่ว่ากระดูกหักหรอกนะ"ฮยอกแจบ่นเมื่อแกะกระดุมเสื้อคนบนเตียงออกรอยฟกช้ำที่สามพี่น้องได้เห็นภายนอกเทียบไม่ได้ซักนิดกับร่องรอยภายใน ทั้งหน้าท้องและหน้าอกกว้างเต็มไปด้วยรอยขวางช้ำๆที่แสดงให้เห็นว่าโดนของแข็งฟาดมาอย่างแรง
"สงสัยต้องรักษากันชุดใหญ่ล่ะทีนี้ เดี๋ยวผมขอตัวไปหยิบกล่องยาในรถก่อนนะครับดีนะที่พกมา"ฮยอกแจบอกกับสามหนุ่มที่เฝ้ามองอยู่ก่อนจะออกจากห้องไปด้วยความรวดเร็ว
1 ชั่วโมงผ่านไป
"เสร็จแล้วครับ~"
"นี่ นายหมอทำไมไม่จับเค้าทำมัมมี่ซะเลยล่ะ"เสียงแขวะแบบนี้จะเป็นใครไม่ได้นอกจากคนปากร้ายอย่างฮีชอล
"เกินไปครับคุณฮีชอล ดีนะครับที่ภายในไม่เป็นอะไรเท่าไหร่ เพียงแค่อาการภายนอกมันดูน่ากังวลไปหน่อย แต่พอเค้าฟื้นแล้วก็ช่วยพาเค้าไปที่โรงพยาบาลตรวจเช็คอาการอีกครั้งนะครับ"ฮยอกแจบอกพลางยิ้มกว้าง ความสนิทสนมทำให้เค้าไม่คิดจะถือสาคำพูดของฮีชอล ฮยอกแจเป็นหมอประจำตัวของเรียวอุค ทุกครั้งที่เรียวอุคเจ็บป่วยพี่ๆก็จะโทรตามฮยอกแจมา อาจจะเพราะฮยอกแจเป็นเพื่อนสมัยเรียนของเรียวอุคก็เป็นได้ ทั้งลีทึกและฮีชอลถึงไว้ใจเค้าให้ดูแลน้องคนเล็กที่แสนรักแสนหวง
"ขอบคุณมากนะครับ อ๋อ ต่อไปนู่นเลยคนที่นั่งทำหน้าเฉย ลุกมาให้คุณหมอตรวจซะดีๆ"ลีทึกกวักมือเรียกเรียวอุคที่พยายามทำหน้าให้เป็นปกติที่สุดเผื่อพี่ๆจะลืมแล้วให้หมอกลับบ้านเลยไม่ต้องตรวจ ก็ตรวจทีไรหมอฮยอกก็จะชอบต่อว่าเค้าอยู่เรื่อยเรื่องไปนั่งในสวนดอกไม้นี่
"โดนพี่ๆเอ็ดเอาอีกแล้วล่ะสิ"ฮยอกแจถามยิ้มๆขณะหยิบปรอทวัดอุณหภูมิขึ้นมา
"พี่น่ะ ชอบห่วงผมอยู่เรื่อย ผมไม่ได้เป็นอะไรซักหน่อย"เรียวอุคบ่นเบาๆกลัวว่าพี่ลีทึกกับฮีชอลที่คุยกันอยู่จะได้ยินเข้า
"ก็เพราะเค้ารักหรอกถึงได้ห่วงใย ควรจะดีใจนะครับถึงจะถูก วางไว้ใต้ลิ้นนะครับ"ฮยอกแจบอกยิ้มๆพลางส่งปรอทวัดไข้ให้เรียวอุค ร่างบางรับมาวางไว้ใต้ลิ้นอย่างเซ็งๆ
"คุณเรียวอุคต้องรักษาตัวเองให้ดีๆรู้มั้ย อย่าทำอะไรที่มันเกินตัวไปนัก เดี๋ยวจะล้มไปคุณลีทึกกับคุณฮีชอลจะเสียใจ แล้วอีกอย่างก็มีคนที่ห่วงคุณมากๆด้วยนะ...."ฮยอกแจบอกมือก็แตะที่ข้อมือเรียวเล็กเพื่อวัดการเต้นของหัวใจ ดวงตาเหลือบขึ้นมองคนที่ทำหน้าเหมือนเด็กขัดใจอย่างมีความหมาย...การได้อยู่ที่ตรงนี้สำหรับฮยอกแจนี่ดีเกินพอแล้ว แค่ได้คอยดูแลเรียวอุคเท่านั้นที่เค้าต้องการ...
"ว่าไงคุณหมอ ไอ้น้องจอมดื้อเป็นอะไรมากมั้ย?"ลีทึกถามรอยยิ้มกว้างเผยลักยิ้มบุ๋มแย้มออกมาเมื่อฮยอกแจเก็บอุปกรณ์แพทย์เรียบร้อยแล้ว
"มีไข้นิดหน่อยน่ะครับ ยาเก่าๆยังไม่หมดใช่มั้ยล่ะครับ?"
"ยาแก้แพ้ก็ใกล้จะหมดแล้วล่ะครับ"ลีทึกตอบ ฮยอกแจจึงพยักหน้าก่อนจะเดินไปกระเป๋ายาอีกใบหยิบยาขึ้นมาสามแผงแล้วยื่นให้ลีทึก
"เอาไปเพิ่มอีกสามแผงแล้วกันนะครับ"ลีทึกรับมาก่อนจะกล่าวขอบคุณ
"แล้วนี่คุณหมอจะกลับเลยใช่มั้ยครับ?"ลีทึกถามเมื่อฮยอกแจสะพายกระเป๋าสองสามใบขึ้นบ่า
"ครับ เดี๋ยวต้องเข้าเวร ยังไงก็รักษาสุขภาพด้วยนะครับ ผมคงต้องไปแล้วล่ะ"ฮยอกแจบอก
"ครับ ขอบคุณมากนะครับ ฮีชอลนายไปส่งคุณหมอทีนะ"ลีทึกหันมาบอกฮีชอล ร่างบางพยักหน้ารับคำของพี่ชายก่อนจะลุกเดินนำคุณหมอออกจากห้องไป แต่ก่อนที่ฮยอกแจจะเดินออกมาจากบ้านก็ยังอดไม่ได้ที่จะมองดูคนไข้ประจำที่ส่งยิ้มมาให้...
"แสดงออกมากเกินไปรึเปล่า?คุณหมอ"เสียงพูดขึ้นลอยๆของคนที่เดินข้างๆทำให้ฮยอกแจตื่นจากภวังค์หลังจากได้รับรอยยิ้มหวานก่อนออกมา
"หื้อ?อะไรครับ?"
"ฉันรู้นะว่านายคิดยังไงกับน้องชายฉัน แต่ดูเหมือนนายจะแสดงออกมาจนสังเกตได้เชียวนะ"ฮีชอลบอกเรียบๆ
"ขอโทษครับ"ร่างสูงบอกเสียงเบา
"คุณก็รู้คุณหมอ...ข้อตกลงระหว่างพวกเรา........"ฮีชอลหยุดเดินก่อนจะหันมาย้ำข้อตกลงก่อนที่ฮยอกแจจะได้รับอนุญาตให้เป็นหมอประจำตัวของเรียวอุค ฮยอกแจนิ่งไปทันที
"ถ้าคุณล้ำเส้นที่เราขีดไว้ข้อตกลงทุกอย่างจะยุติพร้อมๆกับการที่คุณจะได้ใกล้ชิดเรียวอุคก็จะจบลง...คุณควรจะเลือกให้แน่ชัดนะว่าจะเก็บความรู้สึกของคุณเอาไว้แต่ได้อยู่ใกล้ๆน้องของเราหรือ...จะยอมบอกสิ่งที่คุณอยากบอกแต่...จะไม่ได้พบกับเค้าอีก....."ใบหน้าหวานของฮีชอลราบเรียบเมื่อเอ่ยคำพูดเสียดแทงจิตใจนั้นออกมา
"....................."
"ผมส่งคุณเท่านี้ก็แล้วกัน ขอบคุณที่มาในวันนี้นะ"ฮีชอลเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบขึ้นก่อนจะเดินเข้าบ้านไป ฮยอกแจหันไปมองหลังกว้างที่หายเข้าไปในบ้าน ใบหน้านั้นดูเศร้าสร้อยและปวดร้าว ยังไง..ทางเลือกของเค้าก็มีแค่นี้เท่านั้นสินะ
............................................................
'ผมจะขอลาออก ผมคงจะทำตามที่คุณต้องการไม่ได้หรอกครับ'เสียงทุ้มจากที่แสนไกลดังขึ้น
'นายคิดจะทรยศฉันงั้นเหรอ?'เสียงอีกเสียงแทรกขึ้นมา น้ำเสียงแสดงความไม่พอใจอย่างเด่นชัด
'ผมไม่ได้ทรยศ แต่สิ่งที่คุณต้องการ คือ การทำร้ายชีวิตคนทั้งคนนะ'เสียงแรกบอกอย่างไม่เข้าใจ
'แล้วที่มันทำกับฉันล่ะ หึ นายจะเข้าใจได้ยังไง..............................'แล้วเสียงสนทนาของคนทั้งสองก็ค่อยๆเบาลงจนหายไป...........
".................."ดวงตาคมที่ปิดมานานเปิดขึ้นแสงจ้าที่ส่องเข้ามาในห้องทำให้ต้องปิดตาลงอย่างรวดเร็วแล้วค่อยๆเปิดขึ้นอีกครั้งแต่ครั้งนี้ระมัดระวังกว่าเดิมจนในที่สุดดวงตาก็เปิดขึ้นเต็มที่
"...ที่ไหนกัน?โอย......"ร่างสูงกุมหัวอย่างรวดเร็วเมื่อความเจ็บปวดแล่นขึ้นมาทันทีที่ลุกขึ้นนั่ง ชายหนุ่มจ้องมองไปทั่วห้อง ห้องที่เค้าอยู่ในตอนนี้คือห้องกว้างและมีข้าวของเครื่องใช้ครบครับราวกับโรงแรมห้าดาวก็ไม่ปาน ว่าแต่ที่นี่มันที่ไหนกัน?
ร่างสูงลุกขึ้นคว้าเสื้อเชิ้ทสีขาวใกล้ๆขึ้นคลุมไหล่เอาไว้ บาดแผลตามตัวถูกพันแผลเรียบร้อย หัวก็ได้รับการรักษาอย่างดีจนแทบไม่เจ็บอีกเลยจะมีก็แค่เพียงความเจ็บปวดเป็นระยะที่หัวเท่านั้น ชายหนุ่มเดินออกจากห้องมาก็ต้องตะลึงกับความใหญ่โตของบ้าน แทบจะนึกไม่ออกเลยว่าจะต้องเดินลงทางไหน แต่เค้าก็ตัดสินใจเดินลงบันไดด้านขวามือ เมื่อลงมาถึงชั้นล่างก็พบกับตู้โชว์ต่างๆนานาเต็มบ้าน แต่สิ่งที่ทำให้เค้าสนใจมากกว่าข้าวของชิ้นใดคือรูปภาพที่มีชายหนุ่มสามคนยืนเรียงกัน ทางซ้ายสุดเป็นผู้ชายผมสีน้ำตาลทองและมีรอยยิ้มสดใสที่เห็นลักยิ้มบุ๋มข้างแก้ม คนทางขวาสุดสูงพอพอกับคนแรกผมสีดำเข้มนั้นรับกับใบหน้าหวานราวกับผู้หญิง แต่ใบหน้านั้นดูไร้อารมณ์และหยิ่งยะโส และคนสุดท้ายผู้ชายที่ตัวเล็กที่สุดตรงกลางผมสีน้ำตาลเข้มประบ่ารอยยิ้มที่ทำให้ตาหยีเล็กดูน่ารัก รอยยิ้มที่ทำให้ต้องหยุดสายตามอง......
เมื่อละสายตาจากภาพนั้นได้ร่างสูงก็รีบเบือนหน้าออกไปมองทางอื่นทันทีกลัวว่าถ้าหันกลับไปเห็นอีกอาจจะหยุดมองไม่ได้อีก แต่เมื่อหันไปทางหน้าต่างก็พบกับสวนดอกไม้นานาชนิด แต่ที่สำคัญก็คือ เจ้าของรอยยิ้มที่ทำให้เค้าละสายตาไม่ได้นั่งอยู่ท่ามกลางดอกไม้ เท้าทั้งสองก้าวออกไปโดยที่ชายหนุ่มไม่รู้ตัว
"....อ้าว!คุณฟื้นแล้วเหรอ?!!"ร่างสูงสะดุ้งเฮือกเมื่อโดนคนที่จ้องมองเรียกพร้อมรอยยิ้ม ร่างบางลุกขึ้นก่อนจะเดินมาทางเค้า ชายหนุ่มถอยหลังตามสัญชาตญาณ
"ไม่ต้องกลัวผมหรอกนะฮะ ผมไม่ทำร้ายคุณหรอก ผมชื่อ...คิม เรียวอุคนะ แล้วคุณล่ะ.."เรียวอุคแตะที่แขนที่ถูกพันแผลของร่างสูงเอาไว้อย่างอ่อนโยน เมื่อคนตรงหน้าหยุดยืนมองหน้าเค้า
"...ผม.....ชื่อ...ชื่อ........."คิ้วเข้มขมวดกันเมื่อพยายามจะค้นหาคำตอบที่ถูกถาม...ชื่อของเค้า...
"ผม ชื่อ...คยูฮยอน....โจ คยูฮยอน"ในที่สุดชายหนุ่มก็นึกออก การเพ่งความคิดนั้นมันช่างยากลำบาก จะทบทวนอะไรก็ดูจะสร้างความเจ็บปวดไปหมด
"อ้อ คยูฮยอน....คุณหายดีแล้วใช่มั้ย?ยังเจ็บตรงไหนรึเปล่าฮะ?"เรียวอุคพยักหน้ารับคำตอบของคยูฮยอนก่อนจะถามต่อด้วยความเป็นห่วง
"ไม่แล้วล่ะครับ"คยูฮยอนตอบเสียงเบาดวงตายังคงจ้องมองใบหน้าที่อยู่ไม่ไกลกันนัก
"แล้วทำไมคุณถึงโดนทำร้ายขนาดนี้ล่ะครับ เกิดเรื่องไม่ดีขึ้นรึเปล่า?"เรียวอุคถามต่อน้ำเสียงไม่เร่งเร้าให้ตอบแต่ฟังดูปลอบประโลม
".............ผม....ไม่รู้....ผมจำไม่...ไม่ได้เลยซักอย่าง โอ๊ย!!"แล้วอยู่ๆคยูฮยอนก็ทรุดตัวลงกับพื้นดินเมื่อพยายามนึกอีกครั้งภาพความทรงจำซ้อนทับกันไปมาจนดูแทบไม่รู้เรื่อง แล้วหัวก็เจ็บราวกับโดนทุบอย่างแรง เรียวอุครีบเข้าไปประคองอย่างตกใจ
"คุณ!!!"
"ปวด!ปวดหัว!!!!ฮึก!!.........."มือหนากุมหัวเอาไว้จนผ้าพันแผลที่พันรอบหัวหลุดติดมือออกมาเรียวอุครีบรั้งมือนั้นเอาไว้ทันที
"ไม่ต้องนึกแล้ว!!!ไม่ต้องนึกแล้วฮะ!!ผมไม่อยากรู้อะไรทั้งนั้นแล้ว!!!พอเถอะ..."เรียวอุครีบบอกก่อนจะดึงร่างสูงเข้ามากอดเอาไว้แน่น คยูฮยอนจึงหยุดการกระทำทุกอย่าง ร่างบางถอนหายใจออกมาแล้วกระชับกอดให้แน่นยิ่งขึ้น...ตอนเด็กที่ยังพอจำความได้คุณแม่มักจะบอกกับเค้าว่าอ้อมกอดคือการถ่ายทอดความสบายใจ ความห่วงหาอาทร ความอบอุ่น การกอดคือการทำให้อีกฝ่ายที่เรากอดรู้สึกดีและผ่อนคลาย....
"หา!!ความจำเสื่อม!!!!!!"เสียงของพี่คนโตของบ้านดังลั่นคฤหาสถ์หลังใหญ่
"จะบ้าตาย........."ตามด้วยพี่คนกลางที่นั่งกุมขมับแทบไม่ทัน ทั้งสองคนเพิ่งกลับมาจากบริษัท พอกลับมาก็พบกับคนแปลกหน้าที่พวกเค้าช่วยเอาไว้ฟื้นแล้ว และที่ทำให้ช็อคซีนีม่าก็คือ...ผู้ชายคนนี้ความจำเสื่อม
"อะไรกันเนี่ย มันจะไม่เหมือนนิยายน้ำเน่าเกินไปหน่อยรึไงกัน?แบบพระเอกความจำเสื่อมเนี่ย"ลีทึกบ่นพลางเดินไปเดินมาอย่างเครียดๆ
"แล้วนายจำอะไรไม่ได้จริงๆอ่ะ"ฮีชอลหันมาถามคยูฮยอนที่นั่งข้างๆเรียวอุคทำหน้าตาเจี๋ยมเจี้ยมอยู่
"ครับ...ผม.........จำไม่ได้เลย แค่พยายามจะนึกก็ปวดหัวมากแล้วครับ"คยูฮยอนบอกเสียงอ่อยๆ
"ผมว่าพาไปหาคุณหมอดีกว่านะฮะ"เรียวอุคออกความเห็นบ้าง
"ก็คงต้องเป็นอย่างนั้นแหละ"คราวนี้คือเสียงของลีทึกและฮีชอลที่เอ่ยออกมาพร้อมกัน เรียวอุคยิ้มน้อยๆกับหน้าตาเซ็งๆของพี่ชายทั้งสอง เค้ารู้ดีว่าพี่ทั้งสองคนเหน็ดเหนื่อยกับการทำงานแค่ไหน บางวันพี่ลีทึกก็กลับมาคนเดียว บางวันพี่ฮีชอลก็กลับมาคนเดียว เพราะงานที่บริษัทที่มากมายอีกทั้งทั้งคู่เป็นถึงประธานและรองประธานบริษัท แต่ว่าพี่ชายสองคนของเรียวอุคก็จะไม่ยอมให้เค้าต้องอยู่คนเดียวเลยซักครั้ง ถ้างานเยอะถึงขนาดต้องทำหามรุ่งหามค่ำ พี่ชายอีกคนก็จะกลับมาอยู่เป็นเพื่อนเค้าไม่ให้เค้าเหงา พี่ชายของเค้าน่ะแสนดีจะตายไป~
ในขณะที่อีกคนนั่งอมยิ้มอยู่คนเดียวก็ยังมีใครอีกคนที่แอบมองมาทางเค้า ดูเหมือนคยูฮยอนจะติดใจในรอยยิ้มนี้ซะเหลือ ไม่ว่าจะมองกี่ครั้งหรือมองยังไงมองเท่าไหร่เค้าก็ไม่เคยรู้สึกว่ามันพร่ำเพรื่อหรือน่าเบื่อตรงกันข้ามกลับอยากมองให้มากยิ่งขึ้น ทำยังไงถึงจะละสายตาจากใบหน้านี้ได้กัน?
<><><><><><><><><><><><><><><><><>
มาแก้ใหม่ค่ะ
ความคิดเห็น