ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    สิ้นสุดตำนานมังกรอัญมณี [Yaoi , Boy's Love]

    ลำดับตอนที่ #3 : อัญมณีที่ 1 : ทางเดินที่หนาวเหน็บ

    • อัปเดตล่าสุด 8 พ.ย. 56


    บทที่ 1

    การเดินทางที่หนาวเหน็บ




    อาณาจักรไวท์แลน เป็นอาณาจักรที่อยู่ทางเหนือของโลกทำให้มีหิมะปกคลุมตลอดทั้งปี ถึงกระนั้นอุณหภูมิของที่นี้กลับไม่ต่ำมากเท่าที่ควร เมืองหลวงของอาณาจักรไวท์แลนตั้งอยู่บนภูเขาสูง ซึ่งถนนทำเป็นทางวกวนจากปลายสุดลงต่ำสู่ล่างสุด บ้านเรือนเองก็ตั้งติดถนนเช่นเดียวกัน ที่นี่สร้างบ้านเป็นแบบหลังคาสามเหลี่ยมทรงสูงดูราวกับยอดของปราสาททั่วๆไป บ้านส่วนมากเป็นโทนสีมืดทำจากปูนและภายในมีการปูหนังของสัตว์ข้างในเพื่อช่วยความอบอุ่น โทนสีเข้มของบ้านเรือนตัดกับสีขาวของหิมะดูเหมือนกับภาพวาดของจิตกรชื่อดังอย่างไรอย่างนั้น ทางด้านบนสุดของเขาเองก็มีปราสาทขนาดใหญ่ปรากฏอยู่ ธงสามเหลี่ยมสีขาวปักลายมังกรสีเงินบนธงโบกสะบัดบนยอดปราสาทท่ามกลางหิมะที่กำลังตกลงมา ท้องฟ้าเริ่มมืดบ่งบอกว่าเข้าสู่ช่วงเวลาพลับค่ำ ไฟข้างถนนเริ่มเปิดขึ้นพร้อมๆกับไฟหลากสีที่อยู่บนบ้านเรือนหลายๆหลังส่องสว่างชวนคึกครืน เสียงเพลงสรรเสริญพระเจ้าเริ่มดังเป็นจังหวะที่ลานกว้างตรงกลางภูเขา ร่างของมนุษย์หลากหลายคนกำลังขับร้องประสานกันดูแล้วเป็นภาพที่ดูงดงามไม่เบา

    ทางเขาของเมืองหลวงซึ่งเป็นกำแพงสูงอยู่ที่ตีนเขา ด้านประตูขนาดใหญ่ที่ทำจากไม้ ห่างอีกไปราวๆสิบเมตรมีร่างของชายหญิงสองคน รีแพรเทามือกับเข่า เขาหอบหายใจถี่หนัก ใบหน้าหวานแดงก่ำ คิ้วทั้งสองขมวดเข้าหากัน ดวงตาส่อแววอาฆาตมองหญิงสาวที่กำลังยิ้มเยาะตรงหน้า

    “วันนี้นายต้องเลี้ยงข้าวฉันน้า รีแพร”

    น้ำเสียงระรื่นเอ่ยออกมาจากปากหวานของรูบี้ เธอเอียงคอก่อนจะหรี่ยิ้มหวานน่ารักอย่างน่าหมั่นไส้

    “แฮ่ก แฮ่ก เธอมันขี้โกง!!

    รีแพรชี้หน้าอีกฝ่าย ดวงตาสีโลหิตอาฆาตแค้นอย่างชัดเจนทว่าหญิงสาวกลับมองว่ามันเป็นเรื่องเล็ก เธอมองรีแพรด้วยสายตาราวกับดูถูก

    “นี้แหละนะ คนแพ้แล้วพาล”

    แน่นอนว่าชายหนุ่มทำอะไรไม่ได้นอกจากกำหมัดแน่นระบายความแค้นในใจอย่างเงียบๆ ใจเย็นไว้ ก็อีกฝ่ายนะคือน้องสาวของเขานะ!

    “เอ่อ ท่านทั้งสองเป็นนักเดินทางหรือขอรับ”

    ทหารยามคนหนึ่งที่เฝ้าประตูเดินเข้ามาถามพวกเขา รูบี้หันไปมองก่อนโปรยยิ้มหวานใส่ ซึ่งทหารยามคนนี้ดันมีอาการหน้าแดง ดวงตาเลื่อนลอยบ่งบอกได้ว่าตกหลุมรักเธอเข้าอย่างจัง!!

    รีแพรมองทหารยามคนนั้นด้วยสายตาเวทนา...

    “พวกข้าเป็นนักเดินทางนะ พอดีว่ามาที่นี่เพราะได้ยินว่ามีงานเทศกาลสรรเสริญพระเจ้า ถ้าไม่รบกวนท่านช่วยพาข้าเข้าไปข้างในและหาที่พักหรูๆให้หน่อยจะได้ไหม?

    ว่าแล้วก็โปรยยิ้มหวานใส่อีกรอบพร้อมใช้นิ้วเรียวลูบไปตามใบหน้าของอีกฝ่าย ซึ่งทหารยามเองก็เคลิ้มตามกับคำดังกล่าว เขาผละจากนิ้วเรียวของหญิงสาวก่อนจะยืนตรงตะเบ๊ะเคารพเธอ ใบหน้าขึงขังราวกับได้รับคำสั่งจากผู้เป็นใหญ่

    “รับทราบ! กระผมมีนามว่าแอริท จะนำทางท่านผู้หญิงไปยังที่พักเองขอรับ!!

                    แล้วฉันล่ะ...

    ในระหว่างที่รีแพรยังยืนเอ๋อสมองใช้การไม่ได้อยู่นั้น รูบี้ได้ยิ้มรับคำของทหารแอริทและเดินตามหลังเขาเข้าประตูเมืองเรียบร้อย รีแพรกระพริบตาถี่ๆทำหน้าเหวอเพราะไม่นึกว่าอีกฝ่ายจะทิ้งเขาได้อย่างง่ายดายแบบนี้

    “เฮ้อ....” รูบี้มักจะเป็นแบบนี้เสมอดังนั้นเขาจึงทำอะไรไม่ได้นอกจากถอนหายใจยอมไปกับนิสัยดื้อรั้นของเธอ

    รีแพรใช้สองมือซุกกับกระเป๋าเสื้อโค้ทของตนเอง เข้าสูดหายใจเข้าออกลึกๆจนลมหายใจที่พ่นออกมาเป็นควันสีขาวได้อย่างชัดเจน ชายหนุ่มกำชับดาบคาตานะเล่มงามก่อนจะก้าวเดินเข้าไปยังประตูทางเข้าของเมืองแห่งนี้

    ทันทีที่ก้าวเข้ามา ภาพที่เขาเห็นคือทางเดินหินอ่อนปราศจากหิมะที่ลาดยาวขึ้นไปบนเขาเป็นทางคดเคี้ยว บ้านเรือนทรงหลังคาแหลมสูงตั้งชิดถนนหนทาง รถม้าวิ่งแล่นผ่านพร้อมกับผู้คนที่กำลังเดินเตะเตร่ไปมา ภาพทางที่ลาดขึ้นไปปลายสุดของภาพคือปราสาทสวยงามที่ตั้งอยู่บนยอดเขา

                    มากี่ครั้งกี่ครั้งก็ยังสวยเหมือนเดิมเลยนะเนี่ย

    ชายหนุ่มหรี่ยิ้มบาง เพราะมีงานเทศกาลสรรเสริญพระเจ้าเขาจึงเห็นนักท่องเที่ยวมากมายจากทั่วสารทิศ ไม่ว่าจะเป็นนักสู้ นักพรต นักบวชเดินทางกันมา แต่ส่วนใหญ่เขาเห็นนักรบมากกว่านักบวชอีก กลิ่นอายการฆ่าฟันและกลิ่นเลือดคลุ้งไปทั่วบริเวณที่เขาอยู่จนแทบคลื่นไส้ รีแพรมาที่แห่งนี้ทุกปีและนี้เป็นปีแรกที่นักรบเยอะขนาดนี้

    ความสงสัยเข้าครอบคลุมในใจของเขา ชายนัยน์ตาเลือดลูบคางของตนราวกับกำลังคิดอะไรบางอย่าง คิ้วทั้งสองขมวดเข้าหากันน้อยๆ

                    นี้มันผิดปกติแล้ว

    เห็นได้ชัดว่านักรบแต่ละคนที่เข้ามานั้นมีแต่กลิ่นอายของเลือดปะปนไปทั่วตัวและอาวุธ รีแพรยังคงคิดไปอีกว่ามันจะเกี่ยวข้องกับเทศกาลสรรเสริญพระเจ้ารึปล่าว

    แต่เมื่อคิดไปคิดมาเขาก็ต้องล่มเลิกความคิดที่จะคิดต่อไปเพราะยังไงมันก็ไม่เกี่ยวกับเขาอยู่แล้ว บุรุษเดินบนถนนอย่างเชื่องช้าพลางกวาดตามองสิ่งรอบกาย ในตอนแรกนั้นสองข้างทางเป็นบ้านเพียงอย่างเดียว แต่เมื่อเดินมาไม่นานก็มีร้านขายของขายทางมากขึ้นเรื่อยๆ พวกเขาตั้งแผงสู้กับหิมะและความหนาวที่ตกลงมาเรื่อยๆด้วยรอยยิ้ม เสียงตะโกนโหวกเหวกโวยวายดังขึ้นเรื่อยๆและผู้คนที่เริ่มมากขึ้น รีแพรหยุดเดินและกวาดมองรอบข้างอีกครั้ง ที่ที่เขายืนอยู่ในตอนนี้นั้นคงเป็นโซนของตลาดอย่างแน่นอน

    ตาของรีแพรเริ่มเปล่งประกายวาววับเมื่อเขากวาดมองไปรอบด้านก็เห็นแต่ของที่เขาชอบทั้งนั้น!

                    อ๊ากกก นั้นมันดาบปราบมังกรชั้นยอดเลยนี้นา!! นั้นก็เครื่องดนตรี ส่วนนั้นก็หนังสือหายาก สุดยอดไปเลยยยย

    รีแพรกรี๊ดร้องในใจ ชายหนุ่มยกมือปิดครึ่งล่างของใบหน้าที่บิดเบี้ยวเพราะเห็นของที่ตนชอบรอบกาย ใจเต้นระส่ำแทบจะโดดดึ้งๆเป็นคนบ้าอยู่แล้วตอนนี้ ความที่ว่าจะหารูบี้ก่อนถูกพัดออกจากสมองโดยสิ้นเชิง ชายหนุ่มไม่รอช้า ขายาวๆรีบสาวก้าวไปหาแผงลอยหนึ่งซึ่งวางอาวุธไว้กับผ้านุ่มๆสีครีมปูอยู่บนพื้นหินอ่อน อาวุธลักษณะสวยและขี้เหร่ ของเก่าและของใหม่ปะปนกันไปราวกับจะทดสอบผู้มาซื้อ แน่นอนว่าสายตาของรีแพรเฉียบไวยิ่งกว่าใครๆ สายตาของเขาจ้องไปยังดาบที่ดูเหมือนว่าจะเก่าที่สุด เป็นดาบสองคมเก่าๆที่ใบดาบพุและเป็นรอยบ่งบอกว่าผ่านการต่อสู้มาหลายสนาม ด้ามดาบเป็นสีน้ำเงินเข้มและที่กั้นเป็นโครงเหล็กวงกลมที่สร้างอย่างลวกๆดูแล้วไม่มีความงามเลยแม้แต่น้อย แต่รีแพรไม่สนสิ่งเหล่านั้น สิ่งที่เขาสนคือสิ่งแวววาวกลมๆเล็กๆสีที่ติดอยู่ปลายด้ามดาบต่างหาก มันไม่ใช่อัญมณีธรรมดาๆแน่ๆ

    “ลุงได้ดาบเล่มนี้มาจากไหนนะ”

    ชายหนุ่มละสายตาจากดาบขึ้นมองชายแก่ๆใบหน้าเหี่ยวย่นที่กำลังซดเหล้าเข้าปากบรรเทาความหนาวเหน็บอยู่ ดวงตาสีเทาตวัดมองชายหนุ่มด้วยสายตาเยิ้มๆ

    “ลุงเก็บได้จากป่านะจ๊ะน้องฉาว”

    รีแพรพยายามไม่สนใจกับคำบอกกล่าวของลุงเจ้าของแผงลอย เขาก้มลงนั่งย่องๆพลางหยิบดาบขึ้นมา เขาจับใบดาบพร้อมพลิกไปมาเหมือนกำลังสำรวจ

                    คมหายเกือบหมดเลยแฮะ

    แต่นั้นไม่ใช่ประเด็น เขารู้สึกตื่นตาตื่นใจกับอัญมณีเล็กๆนั้นมากกว่าเพราะเมื่อยิ่งดูใกล้ๆเขาก็พบว่ามันสามารถเปล่งประกายได้ด้วยตัวของมันเอง แสงวูบวาบเล็กๆที่แทบมองไม่เห็นสะท้อนกับดวงตาของรีแพร ชายหนุ่มมองมันด้วยสายตาราวกับเด็กที่เห็นของเล่นแสนสนุกตรงหน้า

    “ขอโทษนะครับ”

    เสียงหนึ่งดังจากด้านข้างขวาของเขา ชายหนุ่มสะดุ้งจากผวังค์พร้อมหันไปมองบุคคลซึ่งกำลังกล่าวขอโทษเขาอย่างงงๆ ชายคนนี้เป็นชายร่างค่อนข้างสูงใส่เสื้อคลุมเก่าๆขาดๆคลุมทั้งตัวและศีรษะ ทั้งยังสวมหน้ากากสีขาวโผล่เจาะตาเป็นแบบตาขวาง

    แต่เขาก็ต้องอ๋อเพราะประโยคถัดไปที่เอ่ยออกมา

    “ขอดูดาบเล่มนั้นได้ไหมครับ”

    รีแพรยังไม่ได้ยื่นให้เขาในทันทีเพราะกำลังตะลึงกับเสียงที่เต็มที่ด้วยเอกลักษณ์ตรงหน้า ทุกพยางค์สลับคีย์สูงต่ำจนเหมือนกับกำลังขับร้องเพลง ตั้งแต่เกิดมาเขาไม่เคยได้ยินคนที่เสียงไพเราะขนาดนี้มาก่อน

    ดูเหมือนว่ารีแพรจะออกอาการอึ้งและตะลึงมากเกินควรไปหน่อย เสียงหัวเราะเล็กๆจึงดังลอดออกมาจากหน้ากากสีขาว รีแพรสะดุ้งใจตกวูบกะทันหัน ชายหนุ่มยิ้มแห้งๆก่อนจะยื่นดาบไปให้อีกฝ่ายเร็วๆ

    “ขอโทษด้วยครับที่ดูนาน”

    ชายหนุ่มปั้นหน้ายิ้มทั้งๆที่ข้างในอับอายแทบตายซึ่งอีกฝ่ายก็ไม่ได้ว่าอะไรแต่ทว่าดวงตาที่ลอดหน้ากากของชายหนุ่มตรงหน้ากับจ้องมองเขาซึ่งการกระทำนี้ทำให้รีแพรอึดอัดพอสมควร

    ว่าแล้วรีแพรจึงลุกเดินออกจากตรงนั้นทันทีโดยไม่มองหน้าอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย ซึ่งการกระทำนี้ถือว่าเสียมารยาทพอสมควรแต่อีกฝ่ายเองก็เสียมารยาทจ้องเขาซะขนาดนั้น การกระทำนี้สำหรับรีแพรจึงถือว่าเหมาะสมแล้ว

    ความรู้สึกในใจของรีแพรในตอนนี้ก็คืออาย เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ตอนที่ชายสวมหน้ากากหัวเราะเขาแล้วอยากจะกัดลิ้นตัวเองเสียอย่างนั้น

                แต่ทำไมเสียงนั้นมันดูคุ้นๆยังไงชอบกล

    รีแพรขมวดคิ้วจนเกือบจะผูกเป็นปม ระหว่างที่ชายหนุ่มกำลังคิดเรื่องบุคคลปริศนาและเสียงอันไพเราะเพียงลำพังขายาวๆของเขาก้าวมาสู่ครึ่งทางของเมืองหลวง รอบตัวมืดลงพร้อมกับแสงไฟรอบทางที่สว่างขึ้นอย่างเห็นได้ชัด นัยน์ตาสีเลือดที่หลุบลงมองพื้นเงยหน้าขึ้นมองทางหินอ่อนข้างหน้า หิมะสีขาวตกร่วงกับถนนทางเดินทีละน้อยๆและผู้คนที่เดินสวนทางทำให้เขานึกถึงอะไรบางอย่าง

    วูบ...

    ระหว่างที่ชายหนุ่มกำลังตกอยู่ในผวังค์ของตัวเอง กระดาษใบหนึ่งก็ถูกพัดมาตกยังเท้าของเขา มือสีขาวที่ซุกกับเสื้อโค้ทสีดำตัวโปรดก้มหยิบกระดาษขึ้นมาอ่าน ซึ่งเนื้อความของมันทำให้ไขข้อปริศนาที่เขาตั้งเอาไว้ในใจจนเกือบหมดสิ้น

    ประกาศ

    หากผู้ใดล่ามังกรคริสตัลดุร้ายที่ถ้ำทางเหนือของอาณาจักรและนำหัวกลับมาได้

    จะได้รับเงินรางวัลจำนวน 100,000,00  เหรียญ

                                        ลงชื่อ

                            สมาคมมังกร

    ข้อประกาศังกล่าวที่ลงท้ายด้วยสมาคมมังกรทำให้รีแพรขมวดคิ้วอีกครั้ง สมาคมมังกรคือสมาคมที่มังกรให้ความร่วมมือกับมนุษย์ เป็นองค์กรที่มีอำนาจมากที่ไม่ว่าใครๆก็ต่างต้องเคยได้ยินผ่านหูมาแล้วทั้งนั้น

                    แต่ค่าหัวมังกรตัวนี้มันเยอะเวอร์เกินไปแล้วนะ!!
     

    ดวงตาของรีแพรแข็งกร้าวขึ้นมาทันที เขารู้สึกหงุดหงิดที่เทศกาลสรรเสริญพระเจ้ากลายเป็นเทศกาลล่ามังกรไปเสียได้ ว่าแล้วก็พลางพับกระดาศเก็บเข้ากระเป๋าเสื้อโค้ทแล้วออกเดินต่อ จากที่เดินต่อไปเรื่อยๆเพื่อหารูบี้กลับกลายเป็นว่าเปลี่ยนเป้าหมายเป็นการสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้ให้มากที่สุดแทน

    แต่ดูเหมือนว่าฟ้าไม่อยากให้เขาทำเช่นนั้น เพราะเมื่อทันทีที่กำลังจะก้าวเดินต่อ ลมวูบหนึ่งก็พัดมาทางด้านหลังของเขา ชายหนุ่มหันไปมองสิ่งที่เกิดขึ้นทางด้านหลัง การปรากฏตัวของหญิงสาวผมนมเย็นที่หน้าตาบูดบึ้งทำให้เขาชะงักเล็กน้อย หญิงสาวเดินกระทืบเท้าเข้ามาชนไหล่ของเขาดังปึ้ก! ใบหน้าหวานดูหยิ่งทะนงเชิดสูง ดวงตาสีเพลิงชายตามองอีกฝ่ายพร้อมตีหน้ายักษ์ใส่

    “สายมาก!

    น้ำเสียงกระแทกกระทังดังจากปากเรียวบาง รีแพรกุมขมับตัวเองพลางตีหน้าเครียดใส่

    “ก็ใครใช้ให้คุณเธอไปก่อนฉันล่ะ”

    รีแพรเถียงตอบอย่างไม่ยอมแพ้แต่ทว่าดวงตาโลหิตกลับเสมองทางอื่น

    “นั้นไม่ใช่ประเด็นที่ฉันอยากจะเถียงกับนายในตอนนี้”

    “...”

    ความเงียบเขาครอบงำ เจ้าของร่างสูงโปร่งกระพริบตาปริบๆราวกับจะถามว่า แล้วเธออยากจะเถียงอะไรกับฉันกันล่ะ รูบี้มองดวงตาใสซื่ออย่างเคืองๆ หมัดเรียวกำแน่นจนเส้นเลือดปูด เธอก้มหน้าตัวสั่นระริก

    “ทำไมนายไม่ตามหาฉันกัน ห๊า!!!!!!!!!!!!!!

    เสียงแหลมแผ่ลั่น ผู้คนรอบๆหยุดเดินพล่งชะเง้อหน้ามองต้นเสียงด้วยแววตาสอดรู้สอกเห็นได้ชัด รีแพรหันไปมองผู้คนที่มองเขาก่อนจะยิ้มรับและต่อว่าอีกฝ่าย

    “อย่าส่งเสียงดังแบบนี้สิรูบี้ มันรบกวนชาวบ้านนะ”

    รูบี้เชิดหน้าขึ้นราวกับจะบอกว่าไม่แคร์ การกระทำดังกล่าวสร้างความปวดหัวให้กับรีแพรไม่น้อย

    “ก็นายไม่มาซักที ฉันก็ไม่รู้ว่าจะไปร้านหนังสือยังไง...”

    แต่แล้วเสียงหวานก็อ่อนลง ดวงตาสีเพลิงแดงที่มองรีแพรอ่อนลงตามน้ำเสียง ใบหน้าดูเหนื่อยล้าเต็มทน ดวงตาปรือๆกับร่างกายที่ดูแล้วน่าจะพยายามคงให้นิ่ง ผู้เป็นพี่ชายโอบไหล่น้องสาวตนไว้อย่างอ่อนโยน แต่ทันใดนั้นท่าทีอ่อนเพลียของอีกฝ่ายก็หายไป รูบี้ไม่ปฎิเสทอ้อมแขนนั้น เธอใช้นิ้วเรียบนิ้วกระบอกตาตนอย่างเบาๆ

    “ให้ตายสิ ร่างกายนี้มันไม่ดีชะมัด”

    “เธอใช้มากไปแล้วนะ ไปนอนเถอะไป๊”

    รีแพรต่อประโยคทันควัน ซึ่งประโยคนี้ทำให้รูบี้มองค้อน

    “พา ฉัน ไป ที่ ร้าน หนัง สือ เดี๋ยว นี้!!!!

    “...”

    ความเงียบบังเกิดทันที ดวงตาสีเพลิงนั้นแผ่จิตสังหารออกมาอย่างเต็มเปี่ยมจนรอบๆด้านอึดอัดและน่าคลื่นไส้ รีแพรนิ่งไปซักพักก่อนจะยกธงขาวยอมแพ้

    OK ไปก็ไป”







     

    ชายผมทองพาน้องสาวของตนเดินฝ่าหิมะที่ตกลงมา เขาแวะเดินซื้อโกโก้ร้อนตามข้างทางมาสองแก้ว แก้วหนึ่งแล้วยื่นให้กับคนข้างกาย อีกแก้วอยู่กับตัวเอง รีแพรพึมพำร่ายเวทย์เบาๆ

    “จงแข็งตัว”

    น้ำร้อนๆส่วนหนึ่งในแก้วโกโก้จับตัวเป็นก้อนน้ำแข็งอย่างรวดเร็ว ชายหนุ่มหมุนแก้วไปมาราวกับจะผสมให้มันเข้ากัน อุณหภูมิของน้ำภายในแก้วเริ่มเย็นตามสภาพอากาศ เมื่อเขาเห็นว่าเย็นพอแล้วจึงยกขึ้นมาดื่มส่วนรูปบี้เดินห่อไหล่จิบโกโก้ร้อนช้าๆด้วยท่าทีสุภาพเรียบร้อย ทางที่พวกเขาเดินไปเป็นทางเดินหินอ่อนที่ขึ้นเขาไปเรื่อยๆ

    “นายจำได้เหรอว่าอยู่ทางนี้”

    รูบี้ถามอีกฝ่ายซึ่งคนถูกถามพยักหน้าน้อยๆเป็นเชิงรับ รีแพรเป็นคนความจำดีโดยเฉพาะเรื่องไร้สาระ ร้านหนังสือที่เขาจะไปเป็นร้านหนังสือที่ใหญ่มากที่สุดในอาณาจักรแห่งนี้ มันเป็นร้านที่เก็บตั้งแต่หนังสือที่เก่าแก่ที่สุดในอาณาจักรยันใหม่ล่าสุด นับว่าเป็นหนึ่งในร้านที่เขาชอบมากที่สุดเลยทีเดียว

    “นายความจำดีจังเลยนะ”

    หญิงสาวผมนมเย็นเชิดหน้ามอง รีแพรหยักไหล่ตอบ

    “แต่นั้นก็ไม่เท่าเธอหรอกนะ คุณหญิงรูบี้”

    เขาพูดกลั้วหัวเราะด้วยกัน หญิงสาวหัวเราะเล็กน้อยก่อนจะฉีกยิ้มกว้าง

    “ฉันอยากอ่านนิยายBoy love ของเซนรีริสจังเลย”

    รูบี้ก้าวเท้าเร็วๆนำหน้า เธอรวบมือไว้หลังของเธอก่อนจะหมุนไปรอบๆแล้วหลับตาลงราวกับนึกฝัน รีแพรมองอีกฝ่ายด้วยสายตาเซ็งจิต

    “ไม่เข้าใจว่าทำไมเธอชอบอ่านอะไรแบบนั้น”

    รูบี้ฉีกยิ้มกว้าง เธอก้าวเดินเข้ามาจิ้มแผ่นอกของชายหนุ่ม ดวงตาสีเพลิงหรี่ตาลงชวนดูขนลุกไม่น้อย

    “ฉันนะชอบความแข็งแกร่ง นายเองก็รู้นี่นา”

    รีแพรประสานตากับอีกฝ่าย เขาเองก็เป็นคนรักการอ่านหนังสือเหมือนคนตรงหน้า แต่ยังไงมันก็เป็นรสนิยมของแต่ล่ะคนอยู่ดี

    “นั้นทำให้เธอชอบอ่านอะไรแบบนั้นเรอะ”

    “ฉันว่านะ นายต้องเป็น รับ แน่ๆ”

    “ห๊า?

    ประโยคที่โต้ตอบกันอย่างรวดเร็วออกมาจากปากของทั้งคู่ รีแพรค้างไปชั่วขณะ ไอ้คำว่า รับ ที่คุณเธอจะสื่อนี้หมายความว่ากระไรกันแน่ ถ้ามีรุกก็ต้องมีรับ แต่ถ้าเป็นเพศเดียวกันไอ้คนที่รับนี้ก็ต้อง...

    รีแพรสำลักอากาศทันที เขาเคยหยิบหนังสือBoy loveของอีกฝ่ายขึ้นมาอ่านและดันไปเปิดเจอฉากอย่างว่าเข้า ชายหนุ่มกลืนน้ำลายลงคออย่างฝืนๆ เขารู้สึกว่าไม่ควรจะเถียงเรื่องแบบนี้ต่อไปกับอีกฝ่าย แต่มันก็อดสงสัยไม่ได้อยู่ดี

    “แล้วทำไมฉันต้องเป็นรับห๊ะ!?

    นัยน์ตาสีเลือดขุ่นมัว แต่นั้นไม่ทำให้หญิงสาวสะทกสะทานแต่อย่างใด หน่ำซ่ำเธอยังเดินออกมาจากตรงนั้นแล้วพูดต่ออย่างหน้าตาเฉย

    “นายมันหน้าหวานจะตาย ไอ้ปากแดงๆเรียวๆนั้นมันอะไรกันห๊ะ ไหล่ก็เล็กถ้าเทียบกับผู้ชายคนอื่น ลูกกระเดือกก็ไม่เห็นจะมี ผิวก็ขาว มือก็เล็ก ขาก็เรียว ไอ้แบบนี้นะมันเป็น รับ ชัดๆเลย!!!

    “เขาเรียกว่า หนุ่มรูปงาม ต่างหากเฟ้ย!

    รีแพรเถียงสุดขาดใจ เขาไม่ได้อยากจะมีร่างกายผอมบางเหมือนหญิงซักหน่อย รูบี้เชิดหน้าขึ้นสูงก่อนจะยิ้มเยาะอีกฝ่าย

    “ยังไงนายก็ต้องได้สามีอย่างแน่นอน”

    เส้นเลือดในสมองของชายหนุ่มปูดขึ้นกับคำดูถูกของคนตรงหน้า ชายหนุ่มควักสร้อยไพ่ที่ทำจากเงินลายไพ่ควีนออกมาพลางกำแน่นแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงท้าทาย

    “งั้นมาพนันกัน ถ้าหากฉันมีภรรยา เธอจะต้องเลิกอ่านหนังสือบ้าๆนั้น!

    รีแพรชี้หน้าน้องสาวตนอย่างถือดี ในอาณาจักรมนุษย์จะมีผู้ชายคนไหนชอบผู้ชายด้วยกันกันล่ะ ถึงจะมีแต่ก็เป็นปริมาณราวๆ 15 % เท่านั้นแหละ!!

    “ได้ ถ้าหากนายมีสามีล่ะก็... อืม... ถ้างั้นขอให้นายกับสามีของนายมีอะไรกันต่อหน้าฉันซักครั้งล่ะกัน”

    รอยยิ้มหวานปิติโผล่ออกมาจากคนตรงหน้า รีแพรหน้าซีดทันทีที่ได้ยินคำของอีกฝ่าย เขาไม่โวยวายเพราะขืนโวยวายอาจจะมีเฮก็เป็นได้ แต่ทำไมเขารู้สึกว่าการพนันครั้งนี้เขาไม่ควรจะเล่นด้วยยังไงก็ไม่รู้สิ

    แต่ด้วยทิฐิและฐานะพี่ชายที่ค้ำคอเอาไว้เต็มเปี่ยม ชายหนุ่มจึงปั่นหน้ามั่นใจก่อนจะถามอีกฝ่ายอีกครั้ง

    “แล้วระยะเวลาล่ะ”

    “เอ่อ ก็...”

    รูบี้เอียงคอคิด ไม่นานนักก็หันมาสบตากับอีกฝ่ายด้วยใบหน้ายิ้มเยาะ

    “จากนี้จนกว่าจะตายล่ะกัน”

    รีแพรช็อคไปเรียบร้อย ชายหนุ่มประเมินประมวลคำพูดระยะเวลาสุดเอาเปรียบของอีกฝ่ายก่อนจะตะโกนออกมา

    “ว่าไงนะ!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

     




     

     

    ในปราสาทขนาดใหญ่ของอาณาจักรมังกรแซไฟร์ ห้องๆหนึ่งขนาดกว้างขวางทรงสี่เหลี่ยม ห้องแห่งนี้ออกแบบเป็นโทนสีมืด ผนังห้องทำจากหินอ่อนสีดำจางๆ พื้นทำจากแก้วสีน้ำเงินกรมท่าเข้ม ตู้หนังสือทำจากไม้สีขาวครีมขนาบผนังห้องซ้ายและขวา รูปภาพขนาดใหญ่เป็นรูปมังกรสีน้ำเงินแวววาวกำลังสยายปีกยักษ์บนหน้าผากว้างใส่กรอบสีขาวครีมทำจากไม้แขวนเอาไว้ตรงสุดห้องยามเปิดเข้ามา เช่นเดียวกับเตียงขนาดบิ๊กไซต์สีน้ำตาลอ่อนมีผ้าบางๆคลุมเอาไว้ทรงสี่เหลี่ยมที่อยู่ตำแหน่งเดียวกับรูป ด้านหลังของรูปภาพและเตียงเป็นหน้าต่างกระจกบานใหญ่ที่บัดนี้ถูกผ้าม่านสีมืดรูดปิดเอาไว้

    กลิ่นราคะหอมฟุ้งไปทั่วห้อง การคงอยู่ของบุคคลหลายๆคนบนเตียงที่กำลังโยกไปมานั้นอาจจะทำให้ใครหลายๆคนที่พบเห็นเคลิ้มตาม ความร้อนผสมกับความเย็นแพร่กระจายจากการสัมผัสเร้าร้อนซึ่งกันและกัน ท่ามกลางกิเลสราคะและการเคลื่อนไหวที่ไม่หยุดนิ่งกลับมีร่างสูงกำยำหนึ่งพิงหัวเตียงอยู่ตรงกลางพลางมองการกระทำตรงหน้าด้วยรอยยิ้ม

    ขาแข็งแกร่งขวาชันขึ้นหนึ่งข้างวางศอกมั่นคงลงกับเข่าพลางเท้าคางเอียงมอง ตักซ้ายว่างถูกขนาบด้วยหญิงสาวร่างเปลือยที่กำลังถูกสัมผัสท่อนล่างจากใครอีกคนเช่นเดียวกับทางด้านขวาซึ่งถูกขนาบด้วยชายร่างเล็กซึ่งกำลังสัมผัสท่อนล่างของตนเองตามคำสั่งของใครบางคน แม้ว่ารอบข้างของเขาก็จะเต็มไปด้วยความร้อนและเสียงร้องเปี่ยมสุข แต่ผิวสีคล้ำกลับไม่แสดงออกซึ่งความร้อนและอารมณ์กระหายใจๆเลย ซ้ำแล้วกลับมีไอเย็นๆแทรกออกมาตามเนื้อหนังของเขา เขาสีฟ้าอ่อนเคลืบน้ำเงินเด่นสง่ากับผมยาวสีดำที่ถูกรวบเอาไว้ลวมๆดูแล้วช่างราวกับซาตานยิ่งนัก

    ก๊อก ก๊อก

    เสียงเคาะประตูดังจากด้านหน้า ชายผู้นั่งนิ่งไม่เอ่ยอะไรมากจนในที่สุดก็มีเสียงลอดออกมาจากบานประตูนั้น

    “สมาคมมังกรได้เริ่มตรวจสอบเรื่องมังกรคริสตัลทางไวท์แลนแล้วครับท่าน”

    ชายผู้นี้นิ่งไปซักพักก่อนจะตอบเบาๆแต่ก้องกังวาน

    “อ่า ข้ารู้แล้วล่ะ”

    เสียงของสนทนาของทั้งสองเงียบหายไปท่ามกลางเสียงแห่งความปรารถนาที่ยังคงรักษาความดังของมันได้เป็นอย่างดี ชายผมสีนิลรู้สึกเบื่อขึ้นมาจึงรวบเอวหนุ่มน้อยทางด้านขวาตนมาประชิด เสียงร้องครางทั้งหมดหยุดลงพร้อมกับริมฝีปากที่ประกบจูบอีกฝ่ายอย่างร้อนแรง บดขยี้ และมอบความรู้สึกสุขล้นให้ ปากเรียวของอีกฝ่ายเผยอขึ้นเล็กน้อยทำให้ลิ้นเรียวราวกับสัตว์ป่ารวบรุกเข้าหา ลิ้นทั้งสองเกี่ยวตวัดหากันด้วยแรงปรารถนาที่พุ่งขึ้นตามลำดับ แผละออกจากกันและประกับเข้าหากันอยู่หลายครั้ง ไร้ซึ่งความหวานใดๆที่มอบให้ สิ่งที่เขามอบให้มีเพียงความแข็งแกร่งและดุดันดั่งเช่นชาติพันธุ์ของเขาเท่านั้น

    รสจูบที่ร้อนแรงเกินกว่าบุคคลทั่วไปจะรับไหวทำให้ร่างกายของอีกฝ่ายหอบหายใจถี่รวนจนแทบจะระเบิดออกมา ทันทีที่เขาแผละออก ชายร่างเล็กก็ฟุ่บลงกับอ้อมแขนแกร่งของเขาทันที ร่างกายอ่อนระทวย ริมฝีปากแดงบวมเจ่อกับร่างที่ตีกระพือขึ้นหลายต่อหลายครั้ง บุคคลทั้งหมดหยุดทำกิจกรรมของตนเองทันทีที่เจ้าของเรือนผมสีดำทำการกระทำดังกล่าว สีหน้าไม่พึงพอใจแสดงออกมาจากหลายๆฝ่ายอย่างเห็นได้ชัด แต่ทันทีที่ดวงตาสีกรมท่าตวัดมอง ใบหน้าพอใจก็หายไปทันที

    “บอกให้เจ้านั้นเคลื่อนไหวได้เลย ที่ข้าจ้างมันมาเพราะให้มันจับเบาะแสมาส่งกับเราไม่ใช่รึ”

    เขากล่าวกับบุคคลนอกห้องทั้งๆที่ยังคงมองบุคคลรอบๆตัวตนที่กำลังเริ่มเกาะเกี่ยวตัวของเขาอย่างช้าๆราวกับลูกแมวที่กำลังอ้อนเจ้านาย

    “หากใช้งานเสร็จแล้วก็ฆ่ามันแล้วเอาไปขึ้นหัวได้เลย”

    เสียงเหี้ยมดังขึ้นทั้งๆที่โทนเสียงยังราบเรียบ ชายหนุ่มใช้มือหนาลูบดวงหน้าของหญิงสาวที่เกาะเกี่ยวเขาพลางกระตุกยิ้มน้อย

                    เอาละซาดิเออร์ ถึงเวลาที่่เจ้าต้องจะต้องละเกียรติยศของเจ้าได้แล้ว


    .........................................................................................................................................................

    เสร็จแล้ว T-T

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×