คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ปฐมบทอัญมณี
ปฐมบท
บนโลกกลมๆราวกับลูกส้มแห่งนี้คือที่อาศัยของเหล่าสัตว์น้อยใหญ่หลากหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นโนม คนแคระ เงือก เอลฟ์ และอีกมากมาย หากดูเพียงผิวเผินก็จักพบว่าบนโลกปรากฏจำนวนของสิ่งมีชีวิตที่ขึ้นชื่อว่า ‘มนุษย์’ มากกว่าสิ่งมีชีวิตชนิดอื่นๆ ทว่าแล้วไม่ใช่
หากมองลึกลงไปอีกจะพบว่าบนโลกใบใหญ่แห่งนี้ ‘มังกร’ เป็นสิ่งมีชีวิตที่ปกครองพื้นที่ของโลกได้มากที่สุด มังกรนั้นมีหลากหลายสายพันธุ์ พวกมันทั้งแข็งแกร่งและทรงพลังยิ่งกว่าสิ่งมีชีวิตใดๆ หากพูดถึงพันธุ์มังกรที่แข็งแกร่งที่สุดก็คงหนีไม่พ้น ‘มังกรอัญมณี’
มังกรอัญมณีแบ่งย่อยอีกเป็น 5 สายพันธุ์อันได้แก่ มังกรคริสตัล เซไฟร มรกต อเมทิส และโทแพซ ทั้งห้าสายพันธุ์นี้ถูกปกครองต่ออีกทอดโดยมังกรสายพันธุ์หายากนาม ‘ซาดิเออร์’
ปัจจุบันมังกรซาดิเออร์หายไปอย่างลึกลับ การหายตัวไปทำให้สภามังกรปั่นป่วน เกิดความขัดแย้งขึ้นเป็นเนื่องๆ และในที่สุดมันก็นำมาสู่สงครามครั้งยิ่งใหญ่ระหว่างเผ่าพันธุ์
ด้านเขตร้อนตอนใต้ ใต้พื้นดินลึกลงไปหลายสิบกิโลเมตรปรากฏอาณาจักรขนาดใหญ่มโหฬาร บ้านในที่แห่งนี้สร้างขึ้นจากแร่ต่างๆขัดเป็นรูป ถนนทางเดินปูด้วยหินอ่อนสีขาวนวล บ้านเรือนมีลักษณะเป็นตึกแวววาวและมีอาณาเขตล้อมเป็นวงกลม ทางด้านตะวันออกเพดานด้านบนถูกเจาะให้มีแสงดวงอาทิตย์หรือดวงจันทร์ได้ส่องเข้ามาบ้าง ผู้คนที่อาศัยอยู่ที่นี่มีลักษณะคล้ายกับมนุษย์เว้นเสียแต่เขาที่ปรากฏบนศีรษะขนาดน้อยใหญ่และเกล็ดที่ปรากฏบนผิวหนังบางแห่งบ่งบอกได้ว่าที่เห็นนั้นไม่ใช่มนุษย์ หากแต่เป็นมังกรจำแลงกาย เหล่ามังกรต่างพึงพอใจกับร่างกายของมนุษย์มาตั้งแต่อดีตกาล พวกเขาจึงสามารถที่จะแปลงร่างและอยู่อาศัยรวมเป็นอาณาจักรได้
ทางจุดศูนย์กลางของอาณาจักรคือพระราชวังขนาดใหญ่มหึมา ตัวปราสาทสร้างขึ้นจากแร่ต่างๆดูงดงามไร้ที่ติ กำแพงสูงล้ำเกือบชนเพดานด้านบนทำจากแร่เพชรแวววาวส่องประกาย มันเป็นภาพที่ชวนน่าตื่นตาตื่นใจเป็นอย่างมาก
ทางด้านบนสุดของปราสาท ห้องแห่งหนึ่งซึ่งเป็นห้องขนาดใหญ่ ห้องแห่งนี้ถูกปูและบุผนังด้วยผ้ากำมะหยี่สีแดงชั้นดี ประดับตกแต่งด้วยตู้เอกสารที่ทำจากแร่แซไฟร์ โต๊ะทำงานและเก้าอี้นั่งที่ทำจากไม้สักสีดำ บนโต๊ะวางเอกสารไว้มากมายจนดูเหมือนมันกองเอาไว้มากกว่า เพดานประดับด้วยโคมไฟระหยาที่ทำจากแร่ทับทิมสีแดง ในเวลานี้เป็นเวลากลางวัน หน้าต่างทรงกลมจึงมีแสงส่องออกมา แม้อากาศจะอบอุ่นแต่บรรยากาศที่ปรากฏในห้องแห่งนี้กลับเย็นเหยียบ
บุคคลร่างสูงราว 190 เซนติเมตรนั่งไขว้ขาอยู่บนเก้าอี้ไม้สัก เขานั่งเท้าคางมองดูเอกสารทางราชการตรงหน้าด้วยใบหน้าสบายๆ ผมสีดำตรงยาวถึงกลางหลังและผมหน้าที่ถูกเสยขึ้นลวกๆดูแล้วราวกับความมืดมิด ดวงตาคมกริบราวกับเหยี่ยวสีกรมท่าจ้องเอกสารด้วยแววตาซุกซน จมูกโด่งและใบหน้าเข้มอาจจะทำให้ผู้พบเห็นตกตะลึงกับความหล่อเหลา เขาโปร่งใส่สีฟ้าอ่อนเคลือบน้ำเงินโค้งชี้ขึ้น มือใหญ่วางเอกสารลงอย่างช้าๆ เล็บมือสีดำยาวแหลมดูราวกับเล็บของแม่มด เขาตวัดดวงตามองบุคคลตรงหน้าซึ่งยืนก้มศีรษะด้วยท่าทางรีบร้อน
“เจ้าจะบอกว่า เจ้าพบเบาะแสแล้วอย่างนั้นเหรอ”
เสียงนุ้มลึกดังขึ้นราวกับเป็นทำนองเพลงไม่อาจทำให้ชายอีกคนเคลิ้มตาม เขาก้มศีรษะลงต่ำอีกก่อนจะขานรับ
“ครับ! เบาะแสที่ว่าตอนนี้กำลังเดินทางไปที่อาณาจักรไวท์แลนซึ่งอยู่ทางตอนเหนือครับ”
สิ้นคำตอบยาวเหยียด ชายหนุ่มนัยน์ตากรมท่าหรี่ยิ้มเล่ห์ มันเป็นรอยยิ้มที่งดงามทว่าช่างอันตรายยิ่งนัก
“งั้นเจ้าก็ไปจับตัวมาซะ”
น้ำเสียงยังคงทุ้มลึกลงไปอีก
“...”
“แล้วข้าจะไต่สวนเบาะแสที่ว่าเอง”
ณ ดินแดนทางเหนือของโลก อาณาจักรไวท์แลนของมนุษย์
“ฮัดชิ้ว!”
เสียงจามน้อยๆดังขึ้นจากตัวของหญิงสาวคนหนึ่ง ถ้าดูจากรูปร่างภายนอกคาดเดาได้ว่าเธออาจจะอายุ 14-15 ปี เธอเป็นผู้หญิงน่าตาน่ารักสูงราวๆ 160 เซนติเมตร ดวงตาสีแดงฉานราวกับเพลิงกลมโต ขนตางอนหนาเป็นแพดูราวกับตุ๊กตา คิ้วโก่งเป็นคันธนู จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากบางสีเชอรี่ดูน่าประกบลงจูบมิใช่น้อย เธอมีผมสีนมเย็นหยักศกยาวถึงกลางหลังและรวบมันขึ้นสูงเป็นหางม้า ผมหน้าปล่อยระคิ้วเอาไว้เล็กน้อย เธอใส่ชุดคลุมขนสัตว์แขนยาวสีขาวซึ่งมันยาวถึงครึ่งหน้าแข้งของเธอ ด้านในเสื้อคลุมใส่เป็นชุดสบายๆสไตล์ผู้หญิงทั่วไป รองเท้าที่ย่ำบนพื้นหิมะหน้าคือรองเท้าบูทสีขาวหุ้มข้อ หญิงสาวใช้มือบางๆสีน้ำผึ้งเช็ดน้ำเหนียวๆที่ไหลออกมาจากจมูกตนอย่างช้าๆ
“ยัยบ้า ทำแบบนี้เดี๋ยวก็ขายไม่ออกหรอก!”
เสียงห้าวๆทุ้มๆดังจากด้านหลังของหญิงสาวผมนมเย็น ร่างสูงโปร่งประมาณ 170 เซนติเมตรก้าวขายาวๆเข้ามาหา มือที่ดูค่อนข้างเล็กสำหรับผู้ชายหยิบผ้าเช็ดหน้าผืนหนึ่งยืนให้กับคนตัวเตี้ยของตนและอีกฝ่ายก็รับไปแต่โดยดี ชายหนุ่มคนนี้มีผมสีทองบรอนด์ตัดซอยสั้นไม่ค่อยเป็นทรง ดวงตาคมสีแดงโลหิตและจมูกโด่งเล็กๆ ริมฝีปากบางเฉียบสีแดง และคิ้วโค่งหน้าทำให้ใบหน้าของเขาดูคมหวานแบบแปลกๆ ผิวสีขาวค่อนข้างซีดเพราะอุณหภูมิรอบกาย เขาใส่เสื้อโค้ทสีดำสนิทยาว ข้างในใส่เสื้อสีขาวแขนยาวคลิปลายทองตรงชายผ้า กางเกงขายาวเข้ารูปหนาสีขาวคลิปลายทองเช่นเดียวกัน ข้างกายของเขาสะพายดาบคาตานะยาวราว 1.2เมตร เป็นดาบที่มองปราดเดียวก็เดาได้ว่าเป็นของล้ำค่า เพราะด้ามดาบนั้นเป็นแก้วสีขาวสะท้อนกับแสงแดด ฝักดาบหินสีดำวาวดูราวกับเกล็ดของงูสลักลายแปลกประหลาดสีทองเอารอบๆฝักดาบ และชายหนุ่มเองก็ดูจะหวงแหนมันมากเช่นเดียวกัน
ที่ที่ทั้งสองกำลังเดินอยู่แห่งนี้คือป่าโปร่ง เป็นป่าที่มีเพียงซากต้นไม้ขึ้นรอบๆเท่านั้น หิมะฤดูหนาวเองก็โปรยปรายลงมาราวกับละอองฝุ่นทำให้รอบด้านของพวกเขาเป็นสีขาวโพลน ขณะนี้พวกเขานั้นกำลังมุ่งหน้าไปที่เมืองหลวงของอาณาจักรไวท์แลน
“นี่รีแพร ทำไมพวกเราต้องมาเดินในทางแบบนี้ด้วยล่ะห๊ะ!”
เสียงแหลมสูงของหญิงสาวดังขึ้นก้องไปทั่วป่าโปร่งแห่งนี้ ‘รีแพร’ส่ายหัวช้าๆก่อนจะเดินขึ้นมาเทียบเท่ากับอีกคน
“เอาน่า ‘รูบี้’ ฉันไม่อยากจะเดินไปในทางที่มีคนเยอะๆนะ”
ทันทีที่ได้ยินคำตอบกลับ ‘รูบี้’ จึงหลับตาพร้อมกับเอ่ยปากกว้างๆตอบกลับอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงกึ่งประชดประชัน
“ค่า ค่า คุณพ่อผู้แสนดี”
อีกฝ่ายคิ้วกระตุกถี่ๆเมื่อได้ยินสรรพนามที่สาวน้อยเรียกตน รีแพรกำหมัดแน่นระงับอารมณ์ที่กำลังพุ่งสูงปรี๊ดทะลุเพดานเอาไว้อย่างเงียบๆ
ชายหนุ่มเงยหน้ามองท้องฟ้าสีตะกั่ว หิมะสีขาวสะอาดตนลงกระทบใบหน้าของเขาก็จะละลายอย่างช้าๆเพราะอุณหภูมิความร้อนในร่างกายของเขา รีแพรถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะละสายตาไปมองหญิงสาวที่กำลังเดินนำหน้าตน ทันใดนั้นเสียงหนึ่งซึ่งรำลึกอยู่ในความทรงจำของเขาไม่จางหายก็ดังขึ้นราวกับจะย้ำเตือน
อย่า... ให้เด็กคนนี้ยุ่งกับสภา พาเขาหนีไปให้ไกลที่สุด...
“เฮ้อ”
รีแพรกุมขมับตัวเองแล้วถอนหายใจอีกครั้ง
“รีแพร ช้าแบบนั้นระวังไปถึงเมืองหลวงตอนมืดๆพอดีหรอกน้า!”
รีแพรมองไปทางต้นเสียงแล้วพูดออกมาด้วยน้ำเสียงกึ่งประชด
“ครับ ครับ แม่”
...................................................................................................................................................
เป็นปฐมบทที่สั้นที่สุดเท่าที่เคยแต่งมาเลยนะเนี่ยยย
ความคิดเห็น