คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : บทที่3 ....เพื่อนใหม่ (100%)
ผมค่อนข้างมั่นใจว่าผมเดินตามร่างขนหนาขนาดใหญ่อยู่เมื่อไม่กี่นาทีก่อนแต่ทว่าเมื่อผมรู้สึกตัวว่าตัวเองยืนอยู่บนฟุตบาทข้างถนนที่คุ้นตา ผมก็พบว่าเจ้าหมาป่าตัวใหญ่ตัวนั้นได้หายไปเสียแล้ว ไม่ว่าผมจะหันไปมองทางใดก็ไร้ซึ่งวี่แววของมัน ราวกับว่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับผมเมื่อไม่นานมานี้เป็นเพียงความฝันไม่ก็จินตการที่ผมได้คิดไปเองเท่านั้น คงจะมีก็เพียงรองเท้าบูตกับขาการเกงยีนที่ยังคงเปียกน้ำจากการที่ผมเผลอก้าวลงไปในธารน้ำตื้นๆกลางป่าสนนั่น ที่เป็นสิ่งยืนยันว่าเรื่องที่ผมเพิ่งจะเจอมาเป็เรื่องจริง
"นายไม่ควรจะวิ่งออกไปแบบนั้น ถึงที่นี่จะดูเงียบสงบแต่ก็ไม่ได้แปลว่าจะไม่มีอันตรายอะไร และยิ่งสำหรับนาย..ยิ่งไม่ควร!"
น้ำเสียงเข้มที่แฝงแววตำหนิไว้เอ่ยขึ้นทันทีที่ผมเดินเลี้ยวเข้าไปภายในอาณาเขตของตัวบ้าน ฟาร์คัสยืนนิ่งขมวดคิ้วมุ่นอยู่บนเฉลียงหน้าบ้าน สายตาของเขาราวกับผู้ใหญ่ที่กำลังดุเด็กซนๆคนนึง ผมมองเขาอย่างไม่เข้าใจก่อนที่คิ้วของผมจะเลิกขึ้นอย่างตกใจ.. เขารู้อะไร!? แสดงว่าเขาต้องเห็นมัน..หมาป่าตัวใหญ่ตัวนั้น
"นายรู้อะไร?"
ผมถามออกไปทันที คิ้วที่เคยขมวดของฟาร์คัสคลายออกทันที ใบหน้าที่เคยมีแววตำหนิคลายออกก่อนที่จะทำหน้าเหมือนคนไม่รู้เรื่องอะไรเลยและนั่นมันก็บอกผมได้ดีว่าเขากำลังจะเลี่ยงคำถาม เหมือนตอนที่ผมถามเขาเรื่องที่เขาสามารถยกของหนักเกินกว่าที่คนธรรมดาจะทำได้
หรือไม่! คนตรงหน้าก็กำลังบิดบังอะไรสักอย่างกับผมอยู่
!!!
"รู้เรื่องอะไร? ฉันเห็นนายวิ่งออกไปข้างนอกตอนที่ฉันมาถึง นั่นไม่ดีเลย ฉันหมายความว่ายังไงวันนี้ฉันก็จะพานายไปดูเมืองอยู่แล้ว นายก็ไม่เห็นจะต้องรีบออกไปก่อนนี่ อย่าลืมว่านายเพิ่งมาอยู่นะ นายยังไม่รู้จักใครๆดีพอหรอกน่า"
ฟาร์คัสแจงเหตุผล แต่รู้อะไรไหม?..ผมไม่เชื่อว่าเขาจะพูดความจริงทั้งหมด ความรู้สึกที่ว่าเขาบิดบังอะไรสักอย่างไว้ยังมีอยู่มากในความรู้สึกของผม ฟาร์คัสที่อยู่ดีๆก็หงุดหงิดหันไปมองรอบๆบ้านอย่างไม่ชอบใจนัก เหมือนกับว่ามีอะไรสักอย่างที่เขาไม่ชอบใจอยู่ที่ไหนสักแห่งนอกบ้านทำให้ผมได้แต่มองเขาอย่างสงสัย
"เข้าบ้านเถอะซินเซียร์"
?...!!!
.
.
.
วันหยุดสุดสัปดาห์ผ่านไปอย่างรวดเร็ว และเป็นสองวันที่น่าเศร้าสำหรับผมเพราะมันไม่มีวี่แววว่าเจ้าแชงคูสของผมจะกลับมาที่บ้านแต่อย่างใด ผมใช้เวลาทั้งสองวันไปกับการนั่งรถและเดินตามฟาร์คัสไปทั่วเมืองรวมถึงฟาร์มของครอบครัวเดอวูฟที่นอกเมืองด้วย โดยที่สองวันที่ผ่านมาฟาร์คัสดดูจะใช้เวลาทั้งหมดไปกับการทำตัวติดกับผมจนเกินความจำเป็น โอเค! ยอมรับว่ามันไม่ได้น่าเบื่ออะไร แต่มันคงจะดีกว่ามากๆ ถ้าผมได้มีเวลาเป็นส่วนตัวนอกห้องนอนของตัวเองบ้าง
แต่อย่างน้อยสองวันที่ผ่านมามันก็ทำให้ผมได้รู้ว่าอะไรเป็นอะไร หรือใครเป็นอย่างไรในเมืองคูปท์นี้ สิ่งที่น่าสงสัยอย่างนึงจากการตระเวนสำรวจเมืองคือ เมืองๆนี้ดูจะแบ่งเป็นสองฝั่งสองฝ่ายอย่างไรชอบกล อย่างเช่นเขตที่อยู่อาศัยก็จะมีรั้วไม้ที่สร้างเป็นแนวยาวตลอดหลายกิโลเมตรที่จะแบ่งที่อยู่อาศัยเป็นฟากเหนือกับฟากใต้ และร้านรวงต่างๆก็ยังแบ่งเป็นฟากเหนือกับฟากใต้โดยมีสถานที่ราชการตั้งอยู่ตรงกลางเป็นเสมือนพื้นที่ส่วนรวมและเขตแบ่งพื้นที่ในสิ่งเดียวกัน ถึงจะบอกว่าฟาร์คัสพาผมไปดูทั้งเมือง แต่จริงๆแล้วเขาพาผมไปดูทั้งเมืองที่อยู่ในเขตฟากใต่เท่านั้น โดยเหตุผลอะไรสักอย่างที่เขาไม่ยอมบอกผมอีกเหมือนเดิม เพราะฉะนั้นเท่าที่ผมสังเกตตอนนี้ก็สรุปได้ว่าง่ายๆว่าเมืองนี้มีสองขั่วอำนาจโดยใช้อะไรสักอย่างในการแบ่ง อะไรสักอย่างที่ตอนนี้ผมยังไม่รู้และคิดว่าอีกไม่นานก็คงจะได้รู้
ผมถอดผ้ากันเปื้อนประจำตัวออกแล้วแขวนมันไว้ที่ตะปูข้างวงกบประตูครัวก่อนที่จะหันมายกแก้วนมจืดขึ้นดื่มเป็นขณะเดียวกับที่แม่ลงมาจากชั้นสองของบ้านในชุดที่พร้อมจะออกไปทำธุระนอกบ้าน ส่วนผมก็อยู่ในชุดที่ค่อนข้างจะเรียบร้อยอยู่สักหน่อยและยังรวบผมลวกๆอีกด้วยเพราะวันนี้เป็นวันแรกในรั้วโรงเรียนใหม่ แน่นอนว่าคนที่รับผิดชอบการไปโรงเรียนวันแรกของผมก็คงจะไม่พ้นฟาร์คัส ให้ตายเถอะ! นี่ทำให้ผมรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองกำลังจะไปเรียนเกรดหนึ่งวันแรก
"หน้ายุ่งแต่เช้าเลยนะลูก... ฟาร์คัสยังไม่มาอีกหรือ? เสียดายจริง วันนี้แม่ต้องออกไปทำธุระกับมาร์คัสทั้งวัน เลยไม่ได้ไปส่งลูกที่โรงเรียนด้วยตัวเอง" แม่พูดด้วยสีหน้าเสียดาย จนผมได้แต่ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรตอบไป ไม่นานหลังจากนั้นเสียงบีบแตรรถก็ดังขึ้นทางหน้าบ้าน ผมจึงตัดสินใจยกแก้วนมขึ้นดื่มอีกอึกก่อนจะคว้าเป้สะพายแล้วเดินตามแม่ออกไป
คุณมาร์คัสกับลูกชายของเขายืนรอเราอยู่ที่รถเบนซ์สีดำรุ่นเก่าแต่สะอาดเป็นเงาวับคันที่ผมเคยเห็นเมื่อสามวันก่อนตอนที่มาถึงเมืองนี้วันแรก แม่ผมเดินเข้าไปกอดทักทายคุณมาร์คัส ส่วนลูกชายของเขาก็ยืนฉีกยิ้มให้ผมอยู่อีกฝั่งของรถ ผมทำเพียงพยักหน้าให้เขาเฉยๆเท่านั้น คุณมาร์คัสตัดสินใจให้เราทั้งหมดเดินทางไปรถคันของเขา โดยที่เขาจะพาฟาร์คัสและผมไปส่งที่โรงเรียนก่อนโดยที่เขาไม่สนใจเสียงโวยอย่างไม่พอใจของฟาร์คัส ซึ่งผมก็ว่าดีเหมือนกันเพราะผมรู้สึกว่าสองวันที่ผ่านมาฟาร์คัสดูจะชอบทำตัวติดกับผมแปลกๆ และมันน่าอึดอัดสำหรับคนที่รักความเป็นส่วนตัวอย่างผมน่ะสิ
ผมมองวิวข้างทางไปเรื่อยๆ มีบ้างที่พยักหน้ารับหรือส่ายหน้าปฏิเสธกับสิ่งที่ฟาร์คัสถาม อย่างหนึ่งที่ผมรู้สึกนับถือฟาร์คัสที่นั่งอยู่เบาะหลังข้างๆผมคือ เขาเป็นคนที่มีความอดทนอย่างสูงในการชวนผมคุย แต่ส่วนใหญ่คนที่ตอบก็จะเป็นแม่ของผม โดยมีผมส่ายหน้าหรือพยักน้อยรับคำตอบของแม่เท่านั้น วิวข้างทางที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆ โรงเรียนที่เรากำลังไปเป็นโรงเรียนเพียงแห่งเดียวของเมืองคูปท์ และไม่ได้อยู่ภายในตัวเมืองคูปท์อย่างเช่นสถานที่ราชการอย่างอื่น แต่อยู่ไกลออกมาจากตัวเมืองถึงห้ากิโลเมตรทางทิศตะวันตกของเมือง เพียงไม่นานรถของคุณสาร์คัสก็จอดลงหน้ารั้วเก่าๆที่เหมือนกับรั้วของคฤหาสน์โบราณๆ แบบในหนัง แม่หอมแก้มผมอย่างที่มักจะทำทุกครั้งก่อนที่ผมจะไปเรียน ก่อนที่รถจะเคลื่อนตัวออกไปทิ้งผมกับฟาร์คัสไว้เบื้องหลัง
"มาเถอะซินเซียร์ นายต้องไปห้องทะเบียนก่อน" ฟาร์คัสพูดแล้วส่งยิ้มให้ผมอย่างเคย
"ฉันจะขอบใจนายนะฟาร์คัส ถ้านายจะเรียกฉันง่ายๆสั้นๆแค่ 'ซิน' "
ผมพูดอย่างหงุดหงิดส่วนฟาร์คัสกลับหัวเราะอย่างอารมณ์ดี ให้ตายเหอะ! พ่อลูกคู่นี้ดื้อเหมือนกันชะมัด แต่สุดท้ายแล้วผมก็ต้องเดินตามคนอารมณ์ดีเข้าไปในโรงเรียน จากประตูรั้วเข้ามาประมาณสามร้อยเมตรเป็นทางเดินปูด้วยอิฐและแผ่นหินสลับกัน สองข้างทางเป็นป่าสนสุดลูกหูลูกตา ผมไม่รู้ว่ารั้วของโรงเรียนยาวแค่เท่าไหร่ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทั้งโรงเรียนมีนักเรียนมากน้อยแค่ไหน แต่ตลอดทางที่เดินมาผมยังไม่เห็นนักเรียนคนอื่นๆเลยสักคน จนกระทั้งเราเดินพ้นป่าสนเข้าสู่ตัวโรงเรียนที่เป็นอาคารเก่าๆสูงสี่ชั้นและยังมีอาคารที่สูงสองชั้นอยู่อีกหลายอาคารที่อยู่รายล้อมสนามบอลกว้างๆที่หญ้าถูกตัดจนเรียบสม่ำเสมอ ฟาร์คัสพาผมไปที่ห้องทะเบียนที่อยู่บนอาคารสี่ชั้นเพื่อพบอาจารย์และทำเรื่องการย้ายอะไรต่อมิอะไรให้เรียบร้อย ก้มลงมองนาฬิกาบนข้อมือก็พบว่าเป็นเวลาเกือบจะแปดโมงแล้ว
ผมอยู่เกรดสิบสองห้องบี ฟาร์คัสหัวเสียทันที่ที่อาจารย์บอกพวกเรา เขาอยากให้ผมอยู่ห้องซีซึ่งเป็นห้องเดียวกับเขา แต่อาจารย์ไม่ยอมเขาจึงทำได้แค่ฮึดฮัดอยู่กับตัวเอง ก่อนที่จะพาผมไปส่งที่ห้องทั้งที่เขายังดูหงุดหงิดอยู่มาก สังเกตได้จากที่เขาไม่ค่อยพูดค่อยจาเหมือนปกติ ผมเองก็เดินตามเงียบๆตามนิสัยส่วนตัว รู้สึกสงสัยอยู่เหมือนกันว่าทำไมเขาถึงอยากให้ผมตัวติดกับเขานัก ผมเดินตามฟาร์คัสขึ้นบันได(ที่นี่ไม่มีลิฟท์)ไปที่ชั้นสามแล้วเลี้ยวซ้ายไปอีกสองห้องก็ถึงหน้าห้องที่เขียนว่า 12B
"นายอยู่ห้องนี้.. ฟังนะซินเซียร์ห้องของฉันอยู่ที่อาคารสอง ขึ้นไปที่ชั้นสองเลี้ยวซ้ายไปจนสุดทางเดิน ถ้านายมีปั--"
"ฟังนะฟาร์คัส ฉันอายุเท่านายถ้านายจะจำได้!" ผมพูดตัดบทฟาร์คัสที่ตีหน้าเคร่งราวกับพ่อที่มาส่งลูกเข้าเรียนเกรดหนึ่งจนผมเริ่มฟิวส์ขาด
"เฮ้อ! ..โอเคๆ แต่มีอย่างนึงที่ฉันอยากจะขอนาย ไม่ว่าจะเกิดอะไร อย่าขึ้นไปชั้นสี่! อย่ายุ่งกับพวกนั้น ตกลงไหม?"
คำขอที่ดูจะไม่มีที่มาที่ไปของฟาร์คัสทำให้ผมขมวดคิ้ว แต่สีหน้าเคร่งเครียดของเขามันก็เป็นสิ่งที่ทำให้ผมพยักหน้าให้เขาอย่างตัดรำคาญ คนตรงหน้ามองหน้าผมเล็กน้อยแล้วมองเขาไปในห้องเรียนที่มีเด็กนักเรียนอยู่จำนวนหนึ่ง และบางส่วนในจำนวนนั้นรีบหลบสายตาทันทีที่ฟาร์คัสมองไป ฟาร์คัสหันมามองผมอีกครั้งก่อนจะตัดสินใจหมุนตัวเดินกลับลงบันไดตึกไป ส่วนผมก็เดินเข้าไปในห้องที่จะต้องใช้เป็นห้องเรียนของตัวเองไปอีกหนึ่งปี
กึกๆ ทั้งห้องเงียบจนผมได้ยินเสียงบูตตัวเองกระทบกับพื้นห้อง มันไม่เหมือนกับในการ์ตูนญี่ปุ่นที่เด็กนักเรียนใหม่จะได้รับการต้อนรับที่อบอุ่นจากเพื่อนในห้องและอาจารย์ประจำชั้น สำหรับผมได้รับเพียงความเงียบ และที่แย่ไปกว่านั้น บางคนหันหน้าหนีผมราวกับหวาดกลัวเสียด้วยซ้ำ ผมมองหาโต๊ะว่างสำหรับตัวเอง นักเรียนชายคนหนึ่งนั่งหลับฟุบหน้าอยู่กับโต๊ะ และโต๊ะข้างๆโต๊ะของเขาเป็นตัวเดียวที่ว่างอยู่ ผมจึงเดินตรงไปทันที
"ฉันนั่งโต๊ะนี้ได้หรือเปล่า?" ผมสะกิดถามคนที่ฟุบหน้าอยู่กับโต๊ะ เขาเงยหน้าสะลึมสะลือขึ้นมามองผมก่อนจะพยักหน้าแล้วส่งยิ้มเป็นมิตรให้ผม อะไรบางอย่างในตัวของผู้ชายคนนี้ทำให้ผมรู้สึกคุ้นเคยประหลาด เป็นความรู้สึกเดียวกับที่ผมรู้สึกกับหมาป่าตัวนั้น !!
"สวัสดี.. (กลับ)มาแล้วหรือ?"
!!!
##############################################################################
ความคิดเห็น