ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    SweeT AppeaL อันตราย..รักฝังเขี้ยว

    ลำดับตอนที่ #4 : บทที่3 ....เพื่อนใหม่ (100%)

    • อัปเดตล่าสุด 13 ก.ย. 57




     

    ผมค่อนข้างมั่นใจว่าผมเดินตามร่างขนหนาขนาดใหญ่อยู่เมื่อไม่กี่นาทีก่อนแต่ทว่าเมื่อผมรู้สึกตัวว่าตัวเองยืนอยู่บนฟุตบาทข้างถนนที่คุ้นตา  ผมก็พบว่าเจ้าหมาป่าตัวใหญ่ตัวนั้นได้หายไปเสียแล้ว  ไม่ว่าผมจะหันไปมองทางใดก็ไร้ซึ่งวี่แววของมัน  ราวกับว่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับผมเมื่อไม่นานมานี้เป็นเพียงความฝันไม่ก็จินตการที่ผมได้คิดไปเองเท่านั้น  คงจะมีก็เพียงรองเท้าบูตกับขาการเกงยีนที่ยังคงเปียกน้ำจากการที่ผมเผลอก้าวลงไปในธารน้ำตื้นๆกลางป่าสนนั่น  ที่เป็นสิ่งยืนยันว่าเรื่องที่ผมเพิ่งจะเจอมาเป็เรื่องจริง

     

    "นายไม่ควรจะวิ่งออกไปแบบนั้น  ถึงที่นี่จะดูเงียบสงบแต่ก็ไม่ได้แปลว่าจะไม่มีอันตรายอะไร  และยิ่งสำหรับนาย..ยิ่งไม่ควร!"

     

    น้ำเสียงเข้มที่แฝงแววตำหนิไว้เอ่ยขึ้นทันทีที่ผมเดินเลี้ยวเข้าไปภายในอาณาเขตของตัวบ้าน  ฟาร์คัสยืนนิ่งขมวดคิ้วมุ่นอยู่บนเฉลียงหน้าบ้าน  สายตาของเขาราวกับผู้ใหญ่ที่กำลังดุเด็กซนๆคนนึง  ผมมองเขาอย่างไม่เข้าใจก่อนที่คิ้วของผมจะเลิกขึ้นอย่างตกใจ.. เขารู้อะไร!?  แสดงว่าเขาต้องเห็นมัน..หมาป่าตัวใหญ่ตัวนั้น

     

    "นายรู้อะไร?"

     

    ผมถามออกไปทันที  คิ้วที่เคยขมวดของฟาร์คัสคลายออกทันที  ใบหน้าที่เคยมีแววตำหนิคลายออกก่อนที่จะทำหน้าเหมือนคนไม่รู้เรื่องอะไรเลยและนั่นมันก็บอกผมได้ดีว่าเขากำลังจะเลี่ยงคำถาม  เหมือนตอนที่ผมถามเขาเรื่องที่เขาสามารถยกของหนักเกินกว่าที่คนธรรมดาจะทำได้

     

    หรือไม่!  คนตรงหน้าก็กำลังบิดบังอะไรสักอย่างกับผมอยู่

     

    !!!

     

    "รู้เรื่องอะไร?  ฉันเห็นนายวิ่งออกไปข้างนอกตอนที่ฉันมาถึง  นั่นไม่ดีเลย  ฉันหมายความว่ายังไงวันนี้ฉันก็จะพานายไปดูเมืองอยู่แล้ว  นายก็ไม่เห็นจะต้องรีบออกไปก่อนนี่  อย่าลืมว่านายเพิ่งมาอยู่นะ  นายยังไม่รู้จักใครๆดีพอหรอกน่า"

     

    ฟาร์คัสแจงเหตุผล  แต่รู้อะไรไหม?..ผมไม่เชื่อว่าเขาจะพูดความจริงทั้งหมด  ความรู้สึกที่ว่าเขาบิดบังอะไรสักอย่างไว้ยังมีอยู่มากในความรู้สึกของผม  ฟาร์คัสที่อยู่ดีๆก็หงุดหงิดหันไปมองรอบๆบ้านอย่างไม่ชอบใจนัก  เหมือนกับว่ามีอะไรสักอย่างที่เขาไม่ชอบใจอยู่ที่ไหนสักแห่งนอกบ้านทำให้ผมได้แต่มองเขาอย่างสงสัย

     

    "เข้าบ้านเถอะซินเซียร์"

    ?...!!!

     

    .

    .

    .

     

    วันหยุดสุดสัปดาห์ผ่านไปอย่างรวดเร็ว  และเป็นสองวันที่น่าเศร้าสำหรับผมเพราะมันไม่มีวี่แววว่าเจ้าแชงคูสของผมจะกลับมาที่บ้านแต่อย่างใด  ผมใช้เวลาทั้งสองวันไปกับการนั่งรถและเดินตามฟาร์คัสไปทั่วเมืองรวมถึงฟาร์มของครอบครัวเดอวูฟที่นอกเมืองด้วย  โดยที่สองวันที่ผ่านมาฟาร์คัสดดูจะใช้เวลาทั้งหมดไปกับการทำตัวติดกับผมจนเกินความจำเป็น  โอเค! ยอมรับว่ามันไม่ได้น่าเบื่ออะไร  แต่มันคงจะดีกว่ามากๆ  ถ้าผมได้มีเวลาเป็นส่วนตัวนอกห้องนอนของตัวเองบ้าง 

     

    แต่อย่างน้อยสองวันที่ผ่านมามันก็ทำให้ผมได้รู้ว่าอะไรเป็นอะไร  หรือใครเป็นอย่างไรในเมืองคูปท์นี้  สิ่งที่น่าสงสัยอย่างนึงจากการตระเวนสำรวจเมืองคือ  เมืองๆนี้ดูจะแบ่งเป็นสองฝั่งสองฝ่ายอย่างไรชอบกล  อย่างเช่นเขตที่อยู่อาศัยก็จะมีรั้วไม้ที่สร้างเป็นแนวยาวตลอดหลายกิโลเมตรที่จะแบ่งที่อยู่อาศัยเป็นฟากเหนือกับฟากใต้  และร้านรวงต่างๆก็ยังแบ่งเป็นฟากเหนือกับฟากใต้โดยมีสถานที่ราชการตั้งอยู่ตรงกลางเป็นเสมือนพื้นที่ส่วนรวมและเขตแบ่งพื้นที่ในสิ่งเดียวกัน  ถึงจะบอกว่าฟาร์คัสพาผมไปดูทั้งเมือง  แต่จริงๆแล้วเขาพาผมไปดูทั้งเมืองที่อยู่ในเขตฟากใต่เท่านั้น  โดยเหตุผลอะไรสักอย่างที่เขาไม่ยอมบอกผมอีกเหมือนเดิม  เพราะฉะนั้นเท่าที่ผมสังเกตตอนนี้ก็สรุปได้ว่าง่ายๆว่าเมืองนี้มีสองขั่วอำนาจโดยใช้อะไรสักอย่างในการแบ่ง  อะไรสักอย่างที่ตอนนี้ผมยังไม่รู้และคิดว่าอีกไม่นานก็คงจะได้รู้    

     

    ผมถอดผ้ากันเปื้อนประจำตัวออกแล้วแขวนมันไว้ที่ตะปูข้างวงกบประตูครัวก่อนที่จะหันมายกแก้วนมจืดขึ้นดื่มเป็นขณะเดียวกับที่แม่ลงมาจากชั้นสองของบ้านในชุดที่พร้อมจะออกไปทำธุระนอกบ้าน  ส่วนผมก็อยู่ในชุดที่ค่อนข้างจะเรียบร้อยอยู่สักหน่อยและยังรวบผมลวกๆอีกด้วยเพราะวันนี้เป็นวันแรกในรั้วโรงเรียนใหม่  แน่นอนว่าคนที่รับผิดชอบการไปโรงเรียนวันแรกของผมก็คงจะไม่พ้นฟาร์คัส  ให้ตายเถอะ!  นี่ทำให้ผมรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองกำลังจะไปเรียนเกรดหนึ่งวันแรก

     

    "หน้ายุ่งแต่เช้าเลยนะลูก... ฟาร์คัสยังไม่มาอีกหรือ?  เสียดายจริง วันนี้แม่ต้องออกไปทำธุระกับมาร์คัสทั้งวัน  เลยไม่ได้ไปส่งลูกที่โรงเรียนด้วยตัวเอง"  แม่พูดด้วยสีหน้าเสียดาย  จนผมได้แต่ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่  แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรตอบไป  ไม่นานหลังจากนั้นเสียงบีบแตรรถก็ดังขึ้นทางหน้าบ้าน  ผมจึงตัดสินใจยกแก้วนมขึ้นดื่มอีกอึกก่อนจะคว้าเป้สะพายแล้วเดินตามแม่ออกไป 

     

    คุณมาร์คัสกับลูกชายของเขายืนรอเราอยู่ที่รถเบนซ์สีดำรุ่นเก่าแต่สะอาดเป็นเงาวับคันที่ผมเคยเห็นเมื่อสามวันก่อนตอนที่มาถึงเมืองนี้วันแรก  แม่ผมเดินเข้าไปกอดทักทายคุณมาร์คัส  ส่วนลูกชายของเขาก็ยืนฉีกยิ้มให้ผมอยู่อีกฝั่งของรถ  ผมทำเพียงพยักหน้าให้เขาเฉยๆเท่านั้น  คุณมาร์คัสตัดสินใจให้เราทั้งหมดเดินทางไปรถคันของเขา  โดยที่เขาจะพาฟาร์คัสและผมไปส่งที่โรงเรียนก่อนโดยที่เขาไม่สนใจเสียงโวยอย่างไม่พอใจของฟาร์คัส  ซึ่งผมก็ว่าดีเหมือนกันเพราะผมรู้สึกว่าสองวันที่ผ่านมาฟาร์คัสดูจะชอบทำตัวติดกับผมแปลกๆ  และมันน่าอึดอัดสำหรับคนที่รักความเป็นส่วนตัวอย่างผมน่ะสิ

     

    ผมมองวิวข้างทางไปเรื่อยๆ มีบ้างที่พยักหน้ารับหรือส่ายหน้าปฏิเสธกับสิ่งที่ฟาร์คัสถาม  อย่างหนึ่งที่ผมรู้สึกนับถือฟาร์คัสที่นั่งอยู่เบาะหลังข้างๆผมคือ  เขาเป็นคนที่มีความอดทนอย่างสูงในการชวนผมคุย  แต่ส่วนใหญ่คนที่ตอบก็จะเป็นแม่ของผม  โดยมีผมส่ายหน้าหรือพยักน้อยรับคำตอบของแม่เท่านั้น  วิวข้างทางที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆ โรงเรียนที่เรากำลังไปเป็นโรงเรียนเพียงแห่งเดียวของเมืองคูปท์  และไม่ได้อยู่ภายในตัวเมืองคูปท์อย่างเช่นสถานที่ราชการอย่างอื่น  แต่อยู่ไกลออกมาจากตัวเมืองถึงห้ากิโลเมตรทางทิศตะวันตกของเมือง  เพียงไม่นานรถของคุณสาร์คัสก็จอดลงหน้ารั้วเก่าๆที่เหมือนกับรั้วของคฤหาสน์โบราณๆ แบบในหนัง  แม่หอมแก้มผมอย่างที่มักจะทำทุกครั้งก่อนที่ผมจะไปเรียน  ก่อนที่รถจะเคลื่อนตัวออกไปทิ้งผมกับฟาร์คัสไว้เบื้องหลัง

     

    "มาเถอะซินเซียร์ นายต้องไปห้องทะเบียนก่อน" ฟาร์คัสพูดแล้วส่งยิ้มให้ผมอย่างเคย

     

    "ฉันจะขอบใจนายนะฟาร์คัส  ถ้านายจะเรียกฉันง่ายๆสั้นๆแค่ 'ซิน' "

     

    ผมพูดอย่างหงุดหงิดส่วนฟาร์คัสกลับหัวเราะอย่างอารมณ์ดี  ให้ตายเหอะ!  พ่อลูกคู่นี้ดื้อเหมือนกันชะมัด  แต่สุดท้ายแล้วผมก็ต้องเดินตามคนอารมณ์ดีเข้าไปในโรงเรียน  จากประตูรั้วเข้ามาประมาณสามร้อยเมตรเป็นทางเดินปูด้วยอิฐและแผ่นหินสลับกัน  สองข้างทางเป็นป่าสนสุดลูกหูลูกตา  ผมไม่รู้ว่ารั้วของโรงเรียนยาวแค่เท่าไหร่  ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทั้งโรงเรียนมีนักเรียนมากน้อยแค่ไหน  แต่ตลอดทางที่เดินมาผมยังไม่เห็นนักเรียนคนอื่นๆเลยสักคน  จนกระทั้งเราเดินพ้นป่าสนเข้าสู่ตัวโรงเรียนที่เป็นอาคารเก่าๆสูงสี่ชั้นและยังมีอาคารที่สูงสองชั้นอยู่อีกหลายอาคารที่อยู่รายล้อมสนามบอลกว้างๆที่หญ้าถูกตัดจนเรียบสม่ำเสมอ  ฟาร์คัสพาผมไปที่ห้องทะเบียนที่อยู่บนอาคารสี่ชั้นเพื่อพบอาจารย์และทำเรื่องการย้ายอะไรต่อมิอะไรให้เรียบร้อย  ก้มลงมองนาฬิกาบนข้อมือก็พบว่าเป็นเวลาเกือบจะแปดโมงแล้ว 

     

    ผมอยู่เกรดสิบสองห้องบี  ฟาร์คัสหัวเสียทันที่ที่อาจารย์บอกพวกเรา  เขาอยากให้ผมอยู่ห้องซีซึ่งเป็นห้องเดียวกับเขา  แต่อาจารย์ไม่ยอมเขาจึงทำได้แค่ฮึดฮัดอยู่กับตัวเอง  ก่อนที่จะพาผมไปส่งที่ห้องทั้งที่เขายังดูหงุดหงิดอยู่มาก  สังเกตได้จากที่เขาไม่ค่อยพูดค่อยจาเหมือนปกติ  ผมเองก็เดินตามเงียบๆตามนิสัยส่วนตัว  รู้สึกสงสัยอยู่เหมือนกันว่าทำไมเขาถึงอยากให้ผมตัวติดกับเขานัก  ผมเดินตามฟาร์คัสขึ้นบันได(ที่นี่ไม่มีลิฟท์)ไปที่ชั้นสามแล้วเลี้ยวซ้ายไปอีกสองห้องก็ถึงหน้าห้องที่เขียนว่า 12B

     

    "นายอยู่ห้องนี้.. ฟังนะซินเซียร์ห้องของฉันอยู่ที่อาคารสอง  ขึ้นไปที่ชั้นสองเลี้ยวซ้ายไปจนสุดทางเดิน  ถ้านายมีปั--"

     

    "ฟังนะฟาร์คัส  ฉันอายุเท่านายถ้านายจะจำได้!" ผมพูดตัดบทฟาร์คัสที่ตีหน้าเคร่งราวกับพ่อที่มาส่งลูกเข้าเรียนเกรดหนึ่งจนผมเริ่มฟิวส์ขาด

     

    "เฮ้อ!  ..โอเคๆ  แต่มีอย่างนึงที่ฉันอยากจะขอนาย  ไม่ว่าจะเกิดอะไร  อย่าขึ้นไปชั้นสี่!  อย่ายุ่งกับพวกนั้น ตกลงไหม?"

     

    คำขอที่ดูจะไม่มีที่มาที่ไปของฟาร์คัสทำให้ผมขมวดคิ้ว  แต่สีหน้าเคร่งเครียดของเขามันก็เป็นสิ่งที่ทำให้ผมพยักหน้าให้เขาอย่างตัดรำคาญ  คนตรงหน้ามองหน้าผมเล็กน้อยแล้วมองเขาไปในห้องเรียนที่มีเด็กนักเรียนอยู่จำนวนหนึ่ง  และบางส่วนในจำนวนนั้นรีบหลบสายตาทันทีที่ฟาร์คัสมองไป  ฟาร์คัสหันมามองผมอีกครั้งก่อนจะตัดสินใจหมุนตัวเดินกลับลงบันไดตึกไป  ส่วนผมก็เดินเข้าไปในห้องที่จะต้องใช้เป็นห้องเรียนของตัวเองไปอีกหนึ่งปี

     

    กึกๆ  ทั้งห้องเงียบจนผมได้ยินเสียงบูตตัวเองกระทบกับพื้นห้อง  มันไม่เหมือนกับในการ์ตูนญี่ปุ่นที่เด็กนักเรียนใหม่จะได้รับการต้อนรับที่อบอุ่นจากเพื่อนในห้องและอาจารย์ประจำชั้น  สำหรับผมได้รับเพียงความเงียบ  และที่แย่ไปกว่านั้น  บางคนหันหน้าหนีผมราวกับหวาดกลัวเสียด้วยซ้ำ  ผมมองหาโต๊ะว่างสำหรับตัวเอง นักเรียนชายคนหนึ่งนั่งหลับฟุบหน้าอยู่กับโต๊ะ  และโต๊ะข้างๆโต๊ะของเขาเป็นตัวเดียวที่ว่างอยู่  ผมจึงเดินตรงไปทันที

     

    "ฉันนั่งโต๊ะนี้ได้หรือเปล่า?" ผมสะกิดถามคนที่ฟุบหน้าอยู่กับโต๊ะ  เขาเงยหน้าสะลึมสะลือขึ้นมามองผมก่อนจะพยักหน้าแล้วส่งยิ้มเป็นมิตรให้ผม  อะไรบางอย่างในตัวของผู้ชายคนนี้ทำให้ผมรู้สึกคุ้นเคยประหลาด  เป็นความรู้สึกเดียวกับที่ผมรู้สึกกับหมาป่าตัวนั้น !!

     

    "สวัสดี.. (กลับ)มาแล้วหรือ?"

     

    !!!


    ##############################################################################
    ⒸQUERIDO theme
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×