ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : EP3- คุณคือคนที่ผมตามหามาแสนนาน
อู๋ฟานตัดสินใจเก็บเรื่องราวที่ต้องเดินทางไปศึกษาต่อที่แคนาดาเป็นความลับ โดยในทุกๆวันเขายังคงเล่นสนุกกับชานยอลและปิดบังความรู้สึกเสียใจของตนเองไว้ลึกๆทุกครั้ง รอยยิ้มของชานยอลมันช่างสดใสนักเวลาที่ชานยอลมอบรอยยิ้มนั้นให้เขา...
และในวันสุดท้ายที่อู๋ฟานและชานยอลจะได้อยู่ด้วยกันก็มาถึง....เย็นวันนั้นทุกอย่างยังคงเป็นปกติ อู๋ฟานซ้อมกีฬาบาสโดยแอบชำเลืองมองชานยอลที่นั่งเล่นกีต้าร์ใต้ต้นไม้ใหญ่ต้นเดิม ....ดวงอาทิตย์เริ่มลับขอบฟ้า...วันนี้อู๋ฟานไม่มีทีท่าว่าอยากจะกลับบ้านจนเวลาล่วงเลยไปหลายชั่วโมง.....และก็ใกล้ถึงเวลาที่ชานยอลจะต้องเดินไปรอคนขับรถของที่บ้านในบริเวณเดิมทุกๆวัน...
"อู๋ฟาน...ฉันกลับก่อนนะ ..ทำไมวันนี้นายซ้อมนานกว่าปกติล่ะ ไม่รีบกลับบ้านเดี๋ยวก็ค่ำหรอก" ชานยอลเอ่ยทักอู๋ฟานที่กำลังยืนหอบตัวโยนอยู่หลังจากเขาชู้สลูกบาสลูกล่าสุดเข้าไปในห่วงสำเร็จ
"นายกลับไปก่อนเถอะชานยอล....เอ่อ...วันนี้..ตอนมืดๆฉันขอแวะไปหานายที่บ้านนะ" อู๋ฟานพูดพลางยกหลังมือขึ้นปาดเหงื่อที่ผุดพรายบนใบหน้าของเขา...สายตาที่เขามองมายังชานยอลฉายแววความเศร้าใจอยู่ลึกๆ
"มีอะไรหรือเปล่า...ช่วงนี้นายดูเงียบๆไป" ชานยอลถามอู๋ฟานด้วยความกังวลใจ เนื่องจากหลายวันมานี้อู๋ฟานไม่ร่าเริงและมีรอยยิ้มให้เขาเท่าไรนัก
"วันนี้ฉันจะไปหานายตอนสองทุ่ม...กลับบ้านดีๆนะ" อู๋ฟานเดินเข้าไปกอดไหล่ชานยอลไว้หลวมๆพร้อมกับใช้นิ้วมือเรียวยาวของเขาขยี้ลงไปบนผมสีน้ำตาลอ่อนของชานยอลอย่างอ่อนโยนจนชานยอลมีรอยยิ้มปรากฎบนใบหน้าพร้อมกับพยักหน้าตอบรับอู๋ฟานเบาๆ...
บรรยากาศรอบข้างค่ำมืดลงเรื่อยๆเด็กนักเรียนในโรงเรียนต่างทยอยเดินทางกันกลับบ้าน มีเพียงเด็กชายคนนึงเท่านั้นที่นั่งกอดเข่าใต้ต้นไม้มองเหม่อไปรอบๆบริเวณในโรงเรียนของเขา....วันพรุ่งนี้เขาก็จะไม่ได้กลับมาที่นี่อีกแล้ว...สนามบาส..ต้นไม้ต้นใหญ่...และเสียงหัวเราะของชานยอล คือสิ่งที่เขาต้องทิ้งไว้เบื้องหลัง
คืนนี้เขาต้องเดินทางไปแคนาดา...กระเป๋าเดินทางถูกจัดเตรียมไว้เรียบร้อยแล้วโดยญาติของอู๋ฟาน...ภาพในสมองของอู๋ฟานฉายซ้ำๆไปมาในวันแรกที่เขาเจอกับชานยอลลูกบาสกลมๆที่ลอยไปโดนศรีษะของชานยอลจนล้มลง นิ้วมือเล็กๆสีขาวที่คอยจับคอร์สกีต้าร์และปากอิ่มสีชมพูที่ขับกล่อมบทเพลงเบาๆทุกๆวันหลังเลิกเรียน
ภาพวันที่อู๋ฟานร้องไห้และกอดกับชานยอลใกล้กับโรงอาหาร....ทุกอย่างในความทรงจำของอู๋ฟานเขาจะไม่มีวันลืมเลือนมัน สิ่งที่อู๋ฟานสัญญากับตัวเองคือเขาจะกลับมาหาชานยอลอีกครั้ง...จะกลับมาแม้จะเป็นอีกกี่ปีก็ตาม....
ภายในบ้านหลังเล็กๆมีกระเป๋าจัดเรียงไว้ตรงหน้าบ้านหลายใบ...แม่ของอู๋ฟานกำลังตรวจข้าวของที่จะนำติดตัวไปว่าครบหรือไม่...ในขณะนั้นอู๋ฟานเองก็รีบแต่งตัวและคว้าจักรยานตัวโปรดของเขารีบปั่นออกไปในขณะที่มีเสียงของแม่เขาตะโกนไล่หลังมา
"อู๋ฟาน จะไปไหน...เรากำลังจะไปกันแล้วนะ!" ....
"เดี๋ยวผมกลับมาครับ ....ผมขอเวลาบอกลาใครคนนึงก่อน" อู๋ฟานตะโกนกลับมาเสียงดังและตั้งหน้าตั้งตาปั่นจักรยานไปตามเส้นทางของบ้านชานยอล
ใช้เวลาไม่นานนัก อู๋ฟานก็จอดจักรยานของเขาที่หน้าบ้านสีขาวหลังใหญ่ที่เปิดไฟสว่างทั้งบ้าน...ก้อนหินก้อนเล็กๆที่พื้นคือเครื่องมือสื่อสารในการเรียกชานยอลออกมาจากห้องนอนเพราะเขาไม่ต้องการส่งเสียงรบกวนคนในบ้านของชานยอลเท่าไรนัก....ก้อนหินก้อนเล็กๆกระทบกับเสียงหน้าต่างจนในที่สุดก็เรียกร้องความสนใจจากเจ้าของห้องให้เปิดออกมาดูในที่สุด...
ชานยอลในชุดนอนตามแบบฉบับคุณหนูชานยอลยืนอมยิ้มอยู่ตรงหน้าต่างและรีบวิ่งลงบันไดมาเมื่อเห็นว่าคนที่ปาก้อนหินคนนั้นคืออู๋ฟานเพื่อนสนิทของเขา
"ว่ายังไงอู๋ฟาน...เอ่อ...ว่าแต่...นายจะไปไหนน่ะ แต่งตัวซะเต็มยศเชียว"
ชานยอลเอ่ยทักอู๋ฟานพลางจ้องมองไปตามเครื่องแต่งกายของเพื่อนตัวสูงตรงหน้า เวลานี้คือเวลาที่ควรนอนหลับพักผ่อนแล้วสำหรับเด็กอายุเท่าเขาแต่อู๋ฟานแต่งตัวเหมือนกำลังจะเดินทางไกลไปที่ไหนซักที่...
"ชานยอล....ฉันจะมาบอกลานาย" แววตาที่เศร้าหมองของอู๋ฟานฉายแววขึ้นมาอีกครั้ง...อู๋ฟานเอื้อมมือของเขาไปสัมผัสเบาๆที่ฝ่ามือเล็กของชานยอลและกุมมันไว้ หากชานยอลสังเกตซักนิดก็คงจะรู้ดีว่ามือของอู๋ฟานสั่นเทาแค่ไหนในตอนนี้...
"มาลาฉันทำไมอู๋ฟาน นายจะไปไหน!!" .... ชานยอลพูดพร้อมกับเขย่าที่แขนของอู๋ฟานเพื่อทวนคำพูดของอู๋ฟานอีกครั้ง...ตอนนี้ชานยอลเองก็ตกใจไม่น้อยในสิ่งที่อู๋ฟานกำลังจะบอกเขา
"ฉัน...ฉัน..จะไปแคนาดา...ชานยอล..ฉันต้องไปเรียนต่อที่แคนาดา.." น้ำตาที่อู๋ฟานพยายามสะกดกลั้นไว้เริ่มเอ่อล้นลงมาตรงขอบตาเข้มของเขา
"ชานยอล ฉันไม่อยากไป...ฉันอยากอยู่ที่นี่ อยากอยู่โรงเรียนเดิม อยากอยู่กับนาย" อู๋ฟานคว้าร่างที่บอบบางของชานยอลมาสวมกอดไว้พร้อมกับน้ำตาที่กำลังเริ่มไหลลงมาช้าๆ
"ชานยอล...มีหลายอย่างที่ฉันอยากจะบอกกับนายและฉันก็รอให้ถึงเวลานั้น...แต่ตอนนี้ฉันคงไม่มีเวลานั้นอีกแล้ว"
น้ำตาของอู๋ฟานไหลรินลงมามากขึ้นพร้อมกับเริ่มสวมกอดชานยอลไว้ในอ้อมแขนแกร่งของเขาแน่นขึ้นไปอีก
"ทำไมนายต้องไปอีก อู๋ฟาน...ทำไม...นายเรียนที่นี่ไม่ได้เหรอ อยู่ด้วยกันเหมือนเดิม..."
ชานยอลเริ่มน้ำเสียงสั่นเครือด้วยความตกใจและรู้สึกหวาดหวั่นเมื่อต้องเสียเพื่อนรักของตนเองไป...ความกลัวตามประสาเด็ก ความกังวลใจในที่ๆอู๋ฟานกำลังจะไป...ชานยอลมีความรู้สึกสงสารอู๋ฟานเมื่อครั้งแรกที่พบกัน แม้ต้องจากกันครั้งนี้ความสงสารในตัวอู๋ฟานที่ชานยอลมีก็ยังคงเดิม...
"ฉันต้องไป ทั้งอาจารย์ใหญ่และครอบครัวฉันต้องการให้ฉันทำ.......ชานยอล ฉันสัญญาว่าฉันจะกลับมาหานายอีกครั้ง....ฉันจะกลับมาหานายไม่ว่าจะนานแค่ไหน...ปาร์คชานยอลนายคือคนเดียวที่ฉันจะกลับมาหา"
อู๋ฟานผละจากไหล่ของชานยอลทั้งน้ำตาและลูบไล้ไปตามเส้นผมของชานยอลด้วยความเป็นห่วง ใบหน้าขาวใสน่ารักของชานยอลที่ตอนนี้เริ่มมีน้ำตามาคลอหน่วงที่ดวงตากลมโต ดวงตาที่เคยฉายแววสดใสทุกครั้งที่อู๋ฟานมองมัน....
ขนตายาวของชานยอลตอนนี้ชุ่มไปด้วยน้ำตา เขาโผกอดอู๋ฟานด้วยความกังวล อ้อมกอดที่อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายของเพื่อนรักทั้งสอง...คนที่เคยเป็นเพื่อนเล่นหัวเราะด้วยกันทุกเย็นตลอดเกือบ 2 ปีที่ผ่านมา...รอยยิ้มเสียงหัวเราะที่มีให้กัน เหรียญทองของอู๋ฟานยังคงแขวนไว้ตรงหัวเตียงของชานยอล...เหรียญทองเหรียญแรกในชีวิตของชานยอลที่อู๋ฟานมอบให้...ทุกๆอย่างยังคงอยู่ในความทรงจำของเด็กทั้งสอง
อู๋ฟานถอนหายใจยาวเพื่อสะกดกลั้นน้ำตาของเขาพร้อมจับไหล่ทั้งสองข้างของชานยอลให้ผละจากตัวเขา...ร่างสูงโปร่งของอู๋ฟานเดินตรงไปที่จักรยานด้วยความอ่อนแรงเด็กหนุ่มตัวสูงไม่คิดจะหันหลังกลับมามองชานยอลแม้แต่น้อย ชานยอลกำลังยืนปาดน้ำตาออกจากดวงตากลมโตพร้อมสะอึกสะอื้นอยู่ตรงมุมมืด...
ขายาวของอู๋ฟานวางลงบนพักเท้าของจักรยานช้าๆและออกแรงปั่นให้เร็วที่สุดเพื่อจะหลีกหนีและทิ้งความเจ็บปวดไว้เบื้องหลัง...อู๋ฟานเหลือบมองกระจกข้างของจักรยานเพื่อจะจดจำภาพสุดท้ายของชานยอล....ชานยอลคนที่เป็นรักแรกของเขาในวัยเด็ก เพื่อนคนแรกของเขาในวันที่เขาไม่มีใคร
เด็กหนุ่มตัวขาวร่างบางในชุดนอนวิ่งตามจักรยานที่อู๋ฟานออกแรงปั่นพร้อมกับร้องไห้ ....เขาวิ่งจนรองเท้าแตะที่สวมใส่มาหลุดลงตรงกลางซอยแต่อู๋ฟานก็ยังคงออกแรงปั่นจักรยานอย่างไม่ลดละเพื่อหลีกหนีความจริงตรงนี้ให้เร็วที่สุด....ความจริงที่เขาต้องจากชานยอลและทิ้งความรู้สึกทั้งหมดของตนเองไว้ที่เกาหลี...
"อู๋ฟาน....นายต้องกลับมานะ!!!นายต้องกลับมา..." ประโยคสุดท้ายของชานยอลที่อู๋ฟานได้ยินมันก่อนที่อู๋ฟานจะปั่นจักรยานหายจนลับตาไป...
ทุกอย่างเงียบสงบ เหลือทิ้งไว้แค่เพียงรอยน้ำตาของชานยอลและของอู๋ฟานตรงหน้าบ้านหลังใหญ่สีขาว....เสียงลมพัดเบาๆและฝนที่เริ่มโปรยปรายลงมาช้าๆ...เปรียบเหมือนน้ำตาของเด็กหนุ่มทั้งสองที่กำลังชะล้างอดีตในวัยเด็กของเขาออกไป ในอนาคตข้างหน้าไม่มีใครสามารถตอบได้ว่าใช้เวลานานแค่ไหนจนกว่าอู๋ฟานจะกลับมาเพื่อตามหาหัวใจของเขาอีกครั้ง....5 ปี 10 ปี หรือจะไม่มีวันนั้นเลย...........
---------------- หกปีผ่านไป --------------------
::สนามบินอินชอน::
ผู้คนพลุกพล่านทั้งผู้โดยสารขาเข้าและขาออก....กระเป๋าสัมภาระมากมายถูกวางบนรถเข็นเพื่อลำเลียงส่งให้แก่ชาวต่างชาติและชาวเกาหลีที่กำลังเดินทางมาที่โซลเมืองหลวงของเกาหลี...เสียงโอเปอร์เรเตอร์ประกาศสายการบินเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าสายการบินที่จะเริ่มออกเดินทางในไฟล์ทต่อไปเป็นของสายการบินไหนและปลายทางที่ผู้โดยสารจะเดินทางไปคือประเทศอะไร....
เด็กสาวกลุ่มหนึ่งเดินหัวเราะพร้อมเข็นกระเป๋าสัมภาระออกมาบริเวณผู้โดยสารขาเข้าประเทศ...หนึ่งในนั้นเกิดพลาดท่าเข็นรถเข็นไปชนชายหนุ่มร่างสูงโปร่งคนหนึ่งเข้าแค่เพียงมองการแต่งกายของเขาจากด้านหลังก็บ่งบอกได้แล้วว่าชายผู้นี้มีรสนิยมในการเลือกเครื่องแต่งกายของตนเองมากแค่ไหน
เสื้อเชิ้ตสีขาวพร้อมกางเกงยีนส์เข้ารูป บวกกับหุ่นสูงโปร่งและท่าทางสง่าของเขา...แว่นกันแดดถูกสวมใส่บนใบหน้าคมคายรับกับปลายจมูกเรียวโด่งเป็นสันผมสีทองอ่อนถูกจัดแต่งให้เข้าทรงตามแนววัยรุ่นสมัยใหม่ เขากำลังง่วนกับการจัดสัมภาระในรถเข็นของตนเองอยู่...เขาไม่สะทกสะท้านกับแรงปะทะของรถเข็นแม้แต่น้อย เนื่องจากกีฬาบาสเกตบอลที่เขาถนัดมักได้รับแรงกระแทกกระทั้นมากกว่านี้ด้วยซ้ำ
"อุ๊ย...ขอโทษด้วยค่ะ" .... หญิงสาวกล่าวขอโทษเมื่อรถเข็นของเธอชนเข้ากับขาเรียวยาวที่ด้านหลังของชายหนุ่มสูงโปร่งผู้นั้นอย่างจัง
เขาหันกลับมามองเธอและกลุ่มเพื่อนช้าๆพร้อมกับโค้งศรีษะให้...
"ไม่เป็นไรครับ เล็กน้อย..." เขาพูดพลางยกยิ้มมุมปาก...
เธอและกลุ่มเพื่อนต่างอ้าปากค้างและตกตะลึงในความหล่อสมบูรณ์แบบของชายตรงหน้า....ยิ่งเวลาที่เขามอบรอยยิ้มกลับมากลุ่มหญิงสาวตรงหน้าแทบจะควบคุมสติของตนเองไม่อยู่...
"อ๊ายยยยย หล่อมากเลยยยยแกกกก... ขอโทษนะคะ คุณชื่ออะไรคะ...." หญิงสาวในกลุ่มนั้นตัดสินใจเสียมารยาทต่อหน้าเขาพร้อมกับเสียงหัวเราะที่ดังร่วนมาจากเพื่อนผู้หญิงข้างๆ...บางคนเขินอาย บางคนกระแซะตัวเข้าไปเพื่อต้องการใกล้ชายผู้นั้นมากขึ้น...
"เอ่อ...ผม..."
"เห้ยคริส....รอฉันนานป่ะวะ โทษทีห้องน้ำคนเยอะโคตร...." คิมจงอินเดินมาพร้อมกับตีที่ไหล่ของคริส เพื่อนของเขาที่กำลังถูกสาวๆรุมล้อม เสียงที่ตะโกนโหวกเหวกของจงอินทำให้ทุกคนในบริเวณนั้นชะงักไป
"อ่าว อะไรกันครับพวกคุณ นี่จะทำอะไรเพื่อนผมหรือเปล่าครับ" จงอินพูดพลางหัวเราะในขณะที่คริสยืนเกาท้ายทอยด้วยความเขินอายเมื่อถูกสาวๆตรงหน้ารุมถามชื่อ...และบางคนยังมีทีท่าแนบชิดกับเขาจนเขาต้องเดินถอยหลังไปยืนเกือบชิดรถเข็น
เมื่อได้จังหวะชิ่ง คริสรีบเดินคว้าแขนจงอินพร้อมกับโค้งศรีษะอย่างนอบน้อมก่อนที่กล่าวคำอำลาเพื่อเดินหนีสาวๆกลุ่มนั้นออกมา....
"ขอตัวก่อนนะครับ...พอดีผมมีธุระ" ประโยคสุดท้ายที่คริสกล่าวทิ้งท้ายก่อนจะเดินเข็นกระเป๋าสัมภาระเดินจากไป...สร้างเสียงกรี๊ดให้สาวๆกลุ่มนั้นจนทำให้ผู้โดยสารท่านอื่นต้องหันกลับไปมอง...
เมื่อเดินพ้นมาจากบริเวณนั้นสักพักคิมจงอินก็อดรนทนไม่ไหวในพฤติกรรมของเพื่อนสุดหล่อของเขา.....
"นายรีบเดินหนีมาทำไมวะคริส ฉันกำลังสนุก " จงอินพูดพร้อมรอยยิ้ม ...
"ฉันมาตามหาคนบางคน...ไม่มีเวลามาเล่นสนุกแบบนายนะจงอิน" แววตาของคริสมุ่งมั่นและฉายแววความสุขลึกๆเมื่อนึกถึงใครคนนึงคนที่เขาเฝ้ารอที่จะได้พบเจอมานานนับปี
คริสนักเรียนนอกที่เลือกเดินทางมาศึกษาต่อที่เกาหลีหลังจากประสบความสำเร็จทางด้านกีฬาบาสเกตบอล เขาสร้างชื่อเสียงให้กับทางมหาลัยของที่นั่นรวมถึงครอบครัวของเขาก็ประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจที่นั่นเช่นกัน....คริสตัดสินใจขอร้องแม่ของเขาว่าจะกลับมาเกาหลีอีกครั้ง หลังจากที่เขาจากที่นี่ไปนานหลายปี...เขาต้องการกลับมาศึกษาต่อที่เกาหลี เรื่องการปรับตัวให้เข้ากับสถานที่ใหม่ๆเขาเริ่มชินกับมันซะแล้ว ชีวิตการศึกษาของเขาคือการเดินทาง มีหลายครั้งที่เขาต้องเดินทางไปหลายประเทศเพื่อร่วมการแข่งขันกีฬาบาสเกตบอลและย้ายสถานศึกษาหลายครั้งเมื่อแต่ละมหาลัยต่างต้องการตัวเขาเพื่อสร้างชื่อเสียงในแก่สถานที่ศึกษาของตนเอง...เมื่อคริสถึงจุดสูงสุดในกีฬาสุดโปรดของเขาแล้ว เขาก็ตัดสินใจที่จะกลับมาเริ่มต้นที่นี่อีกครั้ง....แม่ของเขาอนุญาตในสิ่งที่เขาต้องการ รวมถึงเธอเองก็มีธุรกิจและเปิดสาขาใหม่ในเกาหลีด้วย
คฤหาสถ์หลังใหญ่ในย่านคังนัมคือสถานที่ตั้งของบ้านคริส ....หนุ่มหล่อวัย 22 ปีที่ดูจะเพียบพร้อมทุกอย่าง...จะขาดก็แค่ความรักที่เขาไม่เคยมอบหัวใจให้กับใครในตลอดวัยหนุ่มของเขาเพราะหัวใจของเขามันได้มอบให้กับเด็กน้อยหน้าใสคนนึงไปนานแล้ว....
"คริส...คนขับรถที่บ้านนายมารับหรือเปล่า" จงอินถามพลางช่วยยกกระเป๋าสัมภาระของตนเองใส่หลังรถแวนสีดำที่มีคนขับรถจอดรอเขาอยู่
"เปล่าน่ะ...แม่ฉันให้คนรถที่บ้านจอดรถทิ้งไว้ตรงนั้น ฉันจะขับเอง อยากขับรถกินลมซักหน่อย ดีที่รถมีจีพีเอส คงไม่หลง"
คริสเดินตรงไปยังรถเฟอร์รารี่สีแดงที่จอดสงบนิ่งอยู่ที่ลานจอดรถไม่ไกลจากรถของจงอินนัก...เขาหยิบกุญแจออกจากกระเป๋ากางเกงและกดรีโมทเพื่อเปิดรถและค่อยๆเปิดประทุนเพื่อรับอากาศของโซล หลังจากโยนสัมภาระไว้บนเบาะที่นั่งข้างคนขับ ไม่นานนักรถเฟอร์รารี่สีแดงก็ออกตัวขับเคลื่อนไปด้วยความเร็วโดยมีคริสเป็นผู้ควบคุมความเร็วหลังพวงมาลัยหนังที่เย็บปักด้วยงานฝีมือระดับโลก....
มือข้างนึงวางเท้าแขนไปบนขอบประตูข้างตัว รวมถึงอีกมือนึงก็จับพวงมาลัยขับเคลื่อนไปด้วยความมั่นใจ...ความเร็วของเฟอร์รารี่แทบจะทำให้คนที่มองมายังรถคันนั้นไม่สามารถมองตามคนขับได้....บรรยากาศข้างทางหลายอย่างก็เปลี่ยนไปมาก รวมถึงบางอย่างก็ยังคงเดิมในความรู้สึกของเขา...
ปลายทางที่คริสจะมุ่งหน้าไปไม่ใช่ย่านคังนัมสถานที่พักพิงของเขา...เขาตัดสินใจขับรถไปในที่ๆนึง...สถานที่ที่รวบรวมความทรงจำต่างๆของเขาไว้ในวัยเด็ก....
.....ป้ายโรงเรียนมงกูยังคงเด่นเป็นสง่า....แม้โรงเรียนจะดูทรุดโทรมไป..แต่หลายๆอย่างก็ยังคงเหมือนเดิม...คริสยิ้มออกมาเล็กน้อยเมื่อสายตาของเขามองไปยังโรงอาหารและโต๊ะอาหารที่เคยมีเด็กอ้วนร่างยักษ์ผลักหน้าอกเขาจนครั้งหนึ่งเกือบจะมีเรื่องกันในโรงอาหาร...ติดแค่เพียงว่ามีร่างเล็กๆของเด็กน้อยคนหนึ่งที่กำลังรวบรวมพละกำลังเพื่อดึงรั้งเอวของเขาไว้เพราะความเป็นห่วงเพื่อนตัวสูง....
เฟอร์รารี่สีแดงค่อยๆจอดลงช้าๆบริเวณสนามบาส...ต้นไม้ใหญ่ต้นเดิมยังคงอยู่ อายุของมันเก่าแก่มากแล้ว...โชคดีมากที่มันยังคงอยู่และไม่โดนทั้งแดดทั้งลมโค่นล้มลง...
คริสก้าวลงจากรถพร้อมกับปิดประตูเบาๆ...ขายาวพาร่างสูงโปร่งเดินตรงไปยังใต้ต้นไม้ต้นเดิม....เขาสุขใจระคนเศร้าใจอย่างบอกไม่ถูกที่ได้กลับมาที่นี่อีกครั้งคริสหย่อนกายลงช้าๆเพื่อนั่งลงใต้ต้นไม้ต้นนั้น สายตาคมเหม่อมองไปทางสนามบาสที่คุ้นเคย ภาพในวัยเด็กย้อนกลับมาอีกครั้งเมื่อนึกถึงเด็กตัวน้อยที่ล้มลงพร้อมกีต้าร์ตัวใหญ่และจับศรีษะที่เริ่มปูดโนของเขาจากแรงกระแทกของลูกบาส....
"ฉันคิดถึงนายจัง....ชานยอล" เสียงพูดลอยๆของคริสดังออกมาเมื่อนึกถึงภาพครั้งนั้น....เขาเอนกายพิงหลังลงบนต้นไม้ใหญ่..แต่ก็รู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่นูนๆและทิ่มหลังเขาจนทำให้เขาต้องมองไปที่เปลือกของต้นไม้ต้นนั้น...
บนเปลือกของต้นไม้....มีภาษาเกาหลีที่ถูกเขียนด้วยลายมือเด็กๆ...เปลือกไม้ที่แข็งทำให้ตัวหนังสือดูยึกยือไม่สวยงาม...ฉับพลันลายมือนั้นก็ดูคุ้นตาคริสนักเขาไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเอง แต่คำพูดบนเปลือกไม้นั้นก็สร้างรอยยิ้มแห่งความสุขให้เขาได้ไม่น้อย
"ฉันจะรอนาย กลับมาเร็วๆนะ"
คริสใช้นิ้วมือเรียวยาวของเขาจับและลูบตัวหนังสือเบาๆพร้อมรอยยิ้ม เขาคิดว่าต้องเป็นลายมือของคนที่เขารู้จักดีแน่ๆ...คริสไม่รอช้าที่จะหยิบก้อนหินก้อนเล็กๆข้างต้นไม้มาเขียนลงไปบนต้นไม้ต้นนั้น...เขาต่อท้ายคำพูดที่ต้นไม้นั้นด้วยรอยยิ้มแห่งความสุขอีกครั้ง...ความสุขในวัยเด็กที่เริ่มส่อเค้าลางว่ามันกำลังจะกลับมา
"อู๋ฟานVSชานยอล..ฉันกลับมาแล้วนะ"
ลายมือของคริสดูตลกนัก ยิ่งขีดเขียนลงบนพื้นที่ของต้นไม้ยิ่งทำให้ลายมือของเขาดูน่าขันมากกว่าเดิม...คริสยังคงมีรอยยิ้มในขณะที่เขาพยายามบรรจงเขียนมันขึ้นมา...สถานที่นี้คือสถานที่ของอู๋ฟานและชานยอล...ที่ที่เขาจะรู้กันแค่ 2 คน....สถานที่ที่สร้างรอยยิ้ม เสียงหัวเราะและน้ำตาของเขาทั้งสอง
"ปาร์คชานยอล....ฉันจะเริ่มตามหานายจากตรงไหนดี......"
คริสรำพึงในใจทุกๆอย่างคงเปลี่ยนไปมากแล้ว...เบอร์โทรศัพท์ของชานยอลที่เขาเคยบันทึกไว้ก็ไม่ใช่เบอร์เดิม รวมถึงบ้านของชานยอลที่เขาเคยรู้จักก็ไม่มีครอบครัวของชานยอลอยู่ที่นั่นแล้วหลังจากที่เขาพยายามหาทางติดต่อกับชานยอลก่อนที่จะเดินทางกลับมาที่เกาหลี....
"ฉันต้องนั่งรอนายที่ต้นไม้ต้นนี้ทุกวันมั้ย?" ......
คริสเอนกายลงเพื่อล้มตัวลงนอนบนสนามหญ้า มือข้างนึงก่ายหน้าผากเพื่อใช้ความคิดไตร่ตรองถึงสิ่งที่เขาต้องทำเป็นลำดับต่อไปก่อนที่จะเริ่มต้นติดต่อกับมหาลัยที่เขากำลังจะไปศึกษาต่อ...ขณะที่คริสกำลังใช้ความคิดและเหม่อลอยนั้น...เสียงริงโทนจากโทรศัพท์ก็ดังเข้ามาที่เครื่องเพื่อปลุกเขาจากภวังค์
-คิมจงอิน-
"อือ...ว่าไง" คริสตอบรับปลายสายไปด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
"เห้ยคริส พรุ่งนี้เราก็จะไปติดต่อที่มหาลัยด้วยกันแล้ว วันนี้เราไปปาร์ตี้กันหน่อยดีกว่า ฉันอยากจะพานายไปเจอคยองซูด้วย...คยองซูนัดกับฉันวันนี้ที่ผับแถวคังนัม ไปด้วยกันนะเว้ย"
คริสใช้เวลาไม่นานในการตัดสินใจก่อนจะตกลงใจรับปากคิมจงอินพร้อมกับวางสายไป...
"ปาร์คชานยอล.....ฉันต้องจ้างนักสืบตามหานายมั้ยนะ........."
ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งกอดเข่าพร้อมกับก้มศรีษะแนบลงไปบนขาเรียวยาวของเขา....ก่อนที่จะเผลอถอดถอนใจออกมาอีกครั้ง....
END EP3------------------
Writertalk .... มาอัพให้แล้วนะคะ อยากสครีมเชิญแทคในทวิต #อาการแอบรัก เราจะตามอ่าน ขอเม้นท์ให้กำลังใจด้วยนะ จุ๊บๆ ><
และในวันสุดท้ายที่อู๋ฟานและชานยอลจะได้อยู่ด้วยกันก็มาถึง....เย็นวันนั้นทุกอย่างยังคงเป็นปกติ อู๋ฟานซ้อมกีฬาบาสโดยแอบชำเลืองมองชานยอลที่นั่งเล่นกีต้าร์ใต้ต้นไม้ใหญ่ต้นเดิม ....ดวงอาทิตย์เริ่มลับขอบฟ้า...วันนี้อู๋ฟานไม่มีทีท่าว่าอยากจะกลับบ้านจนเวลาล่วงเลยไปหลายชั่วโมง.....และก็ใกล้ถึงเวลาที่ชานยอลจะต้องเดินไปรอคนขับรถของที่บ้านในบริเวณเดิมทุกๆวัน...
"อู๋ฟาน...ฉันกลับก่อนนะ ..ทำไมวันนี้นายซ้อมนานกว่าปกติล่ะ ไม่รีบกลับบ้านเดี๋ยวก็ค่ำหรอก" ชานยอลเอ่ยทักอู๋ฟานที่กำลังยืนหอบตัวโยนอยู่หลังจากเขาชู้สลูกบาสลูกล่าสุดเข้าไปในห่วงสำเร็จ
"นายกลับไปก่อนเถอะชานยอล....เอ่อ...วันนี้..ตอนมืดๆฉันขอแวะไปหานายที่บ้านนะ" อู๋ฟานพูดพลางยกหลังมือขึ้นปาดเหงื่อที่ผุดพรายบนใบหน้าของเขา...สายตาที่เขามองมายังชานยอลฉายแววความเศร้าใจอยู่ลึกๆ
"มีอะไรหรือเปล่า...ช่วงนี้นายดูเงียบๆไป" ชานยอลถามอู๋ฟานด้วยความกังวลใจ เนื่องจากหลายวันมานี้อู๋ฟานไม่ร่าเริงและมีรอยยิ้มให้เขาเท่าไรนัก
"วันนี้ฉันจะไปหานายตอนสองทุ่ม...กลับบ้านดีๆนะ" อู๋ฟานเดินเข้าไปกอดไหล่ชานยอลไว้หลวมๆพร้อมกับใช้นิ้วมือเรียวยาวของเขาขยี้ลงไปบนผมสีน้ำตาลอ่อนของชานยอลอย่างอ่อนโยนจนชานยอลมีรอยยิ้มปรากฎบนใบหน้าพร้อมกับพยักหน้าตอบรับอู๋ฟานเบาๆ...
บรรยากาศรอบข้างค่ำมืดลงเรื่อยๆเด็กนักเรียนในโรงเรียนต่างทยอยเดินทางกันกลับบ้าน มีเพียงเด็กชายคนนึงเท่านั้นที่นั่งกอดเข่าใต้ต้นไม้มองเหม่อไปรอบๆบริเวณในโรงเรียนของเขา....วันพรุ่งนี้เขาก็จะไม่ได้กลับมาที่นี่อีกแล้ว...สนามบาส..ต้นไม้ต้นใหญ่...และเสียงหัวเราะของชานยอล คือสิ่งที่เขาต้องทิ้งไว้เบื้องหลัง
คืนนี้เขาต้องเดินทางไปแคนาดา...กระเป๋าเดินทางถูกจัดเตรียมไว้เรียบร้อยแล้วโดยญาติของอู๋ฟาน...ภาพในสมองของอู๋ฟานฉายซ้ำๆไปมาในวันแรกที่เขาเจอกับชานยอลลูกบาสกลมๆที่ลอยไปโดนศรีษะของชานยอลจนล้มลง นิ้วมือเล็กๆสีขาวที่คอยจับคอร์สกีต้าร์และปากอิ่มสีชมพูที่ขับกล่อมบทเพลงเบาๆทุกๆวันหลังเลิกเรียน
ภาพวันที่อู๋ฟานร้องไห้และกอดกับชานยอลใกล้กับโรงอาหาร....ทุกอย่างในความทรงจำของอู๋ฟานเขาจะไม่มีวันลืมเลือนมัน สิ่งที่อู๋ฟานสัญญากับตัวเองคือเขาจะกลับมาหาชานยอลอีกครั้ง...จะกลับมาแม้จะเป็นอีกกี่ปีก็ตาม....
ภายในบ้านหลังเล็กๆมีกระเป๋าจัดเรียงไว้ตรงหน้าบ้านหลายใบ...แม่ของอู๋ฟานกำลังตรวจข้าวของที่จะนำติดตัวไปว่าครบหรือไม่...ในขณะนั้นอู๋ฟานเองก็รีบแต่งตัวและคว้าจักรยานตัวโปรดของเขารีบปั่นออกไปในขณะที่มีเสียงของแม่เขาตะโกนไล่หลังมา
"อู๋ฟาน จะไปไหน...เรากำลังจะไปกันแล้วนะ!" ....
"เดี๋ยวผมกลับมาครับ ....ผมขอเวลาบอกลาใครคนนึงก่อน" อู๋ฟานตะโกนกลับมาเสียงดังและตั้งหน้าตั้งตาปั่นจักรยานไปตามเส้นทางของบ้านชานยอล
ใช้เวลาไม่นานนัก อู๋ฟานก็จอดจักรยานของเขาที่หน้าบ้านสีขาวหลังใหญ่ที่เปิดไฟสว่างทั้งบ้าน...ก้อนหินก้อนเล็กๆที่พื้นคือเครื่องมือสื่อสารในการเรียกชานยอลออกมาจากห้องนอนเพราะเขาไม่ต้องการส่งเสียงรบกวนคนในบ้านของชานยอลเท่าไรนัก....ก้อนหินก้อนเล็กๆกระทบกับเสียงหน้าต่างจนในที่สุดก็เรียกร้องความสนใจจากเจ้าของห้องให้เปิดออกมาดูในที่สุด...
ชานยอลในชุดนอนตามแบบฉบับคุณหนูชานยอลยืนอมยิ้มอยู่ตรงหน้าต่างและรีบวิ่งลงบันไดมาเมื่อเห็นว่าคนที่ปาก้อนหินคนนั้นคืออู๋ฟานเพื่อนสนิทของเขา
"ว่ายังไงอู๋ฟาน...เอ่อ...ว่าแต่...นายจะไปไหนน่ะ แต่งตัวซะเต็มยศเชียว"
ชานยอลเอ่ยทักอู๋ฟานพลางจ้องมองไปตามเครื่องแต่งกายของเพื่อนตัวสูงตรงหน้า เวลานี้คือเวลาที่ควรนอนหลับพักผ่อนแล้วสำหรับเด็กอายุเท่าเขาแต่อู๋ฟานแต่งตัวเหมือนกำลังจะเดินทางไกลไปที่ไหนซักที่...
"ชานยอล....ฉันจะมาบอกลานาย" แววตาที่เศร้าหมองของอู๋ฟานฉายแววขึ้นมาอีกครั้ง...อู๋ฟานเอื้อมมือของเขาไปสัมผัสเบาๆที่ฝ่ามือเล็กของชานยอลและกุมมันไว้ หากชานยอลสังเกตซักนิดก็คงจะรู้ดีว่ามือของอู๋ฟานสั่นเทาแค่ไหนในตอนนี้...
"มาลาฉันทำไมอู๋ฟาน นายจะไปไหน!!" .... ชานยอลพูดพร้อมกับเขย่าที่แขนของอู๋ฟานเพื่อทวนคำพูดของอู๋ฟานอีกครั้ง...ตอนนี้ชานยอลเองก็ตกใจไม่น้อยในสิ่งที่อู๋ฟานกำลังจะบอกเขา
"ฉัน...ฉัน..จะไปแคนาดา...ชานยอล..ฉันต้องไปเรียนต่อที่แคนาดา.." น้ำตาที่อู๋ฟานพยายามสะกดกลั้นไว้เริ่มเอ่อล้นลงมาตรงขอบตาเข้มของเขา
"ชานยอล ฉันไม่อยากไป...ฉันอยากอยู่ที่นี่ อยากอยู่โรงเรียนเดิม อยากอยู่กับนาย" อู๋ฟานคว้าร่างที่บอบบางของชานยอลมาสวมกอดไว้พร้อมกับน้ำตาที่กำลังเริ่มไหลลงมาช้าๆ
"ชานยอล...มีหลายอย่างที่ฉันอยากจะบอกกับนายและฉันก็รอให้ถึงเวลานั้น...แต่ตอนนี้ฉันคงไม่มีเวลานั้นอีกแล้ว"
น้ำตาของอู๋ฟานไหลรินลงมามากขึ้นพร้อมกับเริ่มสวมกอดชานยอลไว้ในอ้อมแขนแกร่งของเขาแน่นขึ้นไปอีก
"ทำไมนายต้องไปอีก อู๋ฟาน...ทำไม...นายเรียนที่นี่ไม่ได้เหรอ อยู่ด้วยกันเหมือนเดิม..."
ชานยอลเริ่มน้ำเสียงสั่นเครือด้วยความตกใจและรู้สึกหวาดหวั่นเมื่อต้องเสียเพื่อนรักของตนเองไป...ความกลัวตามประสาเด็ก ความกังวลใจในที่ๆอู๋ฟานกำลังจะไป...ชานยอลมีความรู้สึกสงสารอู๋ฟานเมื่อครั้งแรกที่พบกัน แม้ต้องจากกันครั้งนี้ความสงสารในตัวอู๋ฟานที่ชานยอลมีก็ยังคงเดิม...
"ฉันต้องไป ทั้งอาจารย์ใหญ่และครอบครัวฉันต้องการให้ฉันทำ.......ชานยอล ฉันสัญญาว่าฉันจะกลับมาหานายอีกครั้ง....ฉันจะกลับมาหานายไม่ว่าจะนานแค่ไหน...ปาร์คชานยอลนายคือคนเดียวที่ฉันจะกลับมาหา"
อู๋ฟานผละจากไหล่ของชานยอลทั้งน้ำตาและลูบไล้ไปตามเส้นผมของชานยอลด้วยความเป็นห่วง ใบหน้าขาวใสน่ารักของชานยอลที่ตอนนี้เริ่มมีน้ำตามาคลอหน่วงที่ดวงตากลมโต ดวงตาที่เคยฉายแววสดใสทุกครั้งที่อู๋ฟานมองมัน....
ขนตายาวของชานยอลตอนนี้ชุ่มไปด้วยน้ำตา เขาโผกอดอู๋ฟานด้วยความกังวล อ้อมกอดที่อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายของเพื่อนรักทั้งสอง...คนที่เคยเป็นเพื่อนเล่นหัวเราะด้วยกันทุกเย็นตลอดเกือบ 2 ปีที่ผ่านมา...รอยยิ้มเสียงหัวเราะที่มีให้กัน เหรียญทองของอู๋ฟานยังคงแขวนไว้ตรงหัวเตียงของชานยอล...เหรียญทองเหรียญแรกในชีวิตของชานยอลที่อู๋ฟานมอบให้...ทุกๆอย่างยังคงอยู่ในความทรงจำของเด็กทั้งสอง
อู๋ฟานถอนหายใจยาวเพื่อสะกดกลั้นน้ำตาของเขาพร้อมจับไหล่ทั้งสองข้างของชานยอลให้ผละจากตัวเขา...ร่างสูงโปร่งของอู๋ฟานเดินตรงไปที่จักรยานด้วยความอ่อนแรงเด็กหนุ่มตัวสูงไม่คิดจะหันหลังกลับมามองชานยอลแม้แต่น้อย ชานยอลกำลังยืนปาดน้ำตาออกจากดวงตากลมโตพร้อมสะอึกสะอื้นอยู่ตรงมุมมืด...
ขายาวของอู๋ฟานวางลงบนพักเท้าของจักรยานช้าๆและออกแรงปั่นให้เร็วที่สุดเพื่อจะหลีกหนีและทิ้งความเจ็บปวดไว้เบื้องหลัง...อู๋ฟานเหลือบมองกระจกข้างของจักรยานเพื่อจะจดจำภาพสุดท้ายของชานยอล....ชานยอลคนที่เป็นรักแรกของเขาในวัยเด็ก เพื่อนคนแรกของเขาในวันที่เขาไม่มีใคร
เด็กหนุ่มตัวขาวร่างบางในชุดนอนวิ่งตามจักรยานที่อู๋ฟานออกแรงปั่นพร้อมกับร้องไห้ ....เขาวิ่งจนรองเท้าแตะที่สวมใส่มาหลุดลงตรงกลางซอยแต่อู๋ฟานก็ยังคงออกแรงปั่นจักรยานอย่างไม่ลดละเพื่อหลีกหนีความจริงตรงนี้ให้เร็วที่สุด....ความจริงที่เขาต้องจากชานยอลและทิ้งความรู้สึกทั้งหมดของตนเองไว้ที่เกาหลี...
"อู๋ฟาน....นายต้องกลับมานะ!!!นายต้องกลับมา..." ประโยคสุดท้ายของชานยอลที่อู๋ฟานได้ยินมันก่อนที่อู๋ฟานจะปั่นจักรยานหายจนลับตาไป...
ทุกอย่างเงียบสงบ เหลือทิ้งไว้แค่เพียงรอยน้ำตาของชานยอลและของอู๋ฟานตรงหน้าบ้านหลังใหญ่สีขาว....เสียงลมพัดเบาๆและฝนที่เริ่มโปรยปรายลงมาช้าๆ...เปรียบเหมือนน้ำตาของเด็กหนุ่มทั้งสองที่กำลังชะล้างอดีตในวัยเด็กของเขาออกไป ในอนาคตข้างหน้าไม่มีใครสามารถตอบได้ว่าใช้เวลานานแค่ไหนจนกว่าอู๋ฟานจะกลับมาเพื่อตามหาหัวใจของเขาอีกครั้ง....5 ปี 10 ปี หรือจะไม่มีวันนั้นเลย...........
---------------- หกปีผ่านไป --------------------
::สนามบินอินชอน::
ผู้คนพลุกพล่านทั้งผู้โดยสารขาเข้าและขาออก....กระเป๋าสัมภาระมากมายถูกวางบนรถเข็นเพื่อลำเลียงส่งให้แก่ชาวต่างชาติและชาวเกาหลีที่กำลังเดินทางมาที่โซลเมืองหลวงของเกาหลี...เสียงโอเปอร์เรเตอร์ประกาศสายการบินเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าสายการบินที่จะเริ่มออกเดินทางในไฟล์ทต่อไปเป็นของสายการบินไหนและปลายทางที่ผู้โดยสารจะเดินทางไปคือประเทศอะไร....
เด็กสาวกลุ่มหนึ่งเดินหัวเราะพร้อมเข็นกระเป๋าสัมภาระออกมาบริเวณผู้โดยสารขาเข้าประเทศ...หนึ่งในนั้นเกิดพลาดท่าเข็นรถเข็นไปชนชายหนุ่มร่างสูงโปร่งคนหนึ่งเข้าแค่เพียงมองการแต่งกายของเขาจากด้านหลังก็บ่งบอกได้แล้วว่าชายผู้นี้มีรสนิยมในการเลือกเครื่องแต่งกายของตนเองมากแค่ไหน
เสื้อเชิ้ตสีขาวพร้อมกางเกงยีนส์เข้ารูป บวกกับหุ่นสูงโปร่งและท่าทางสง่าของเขา...แว่นกันแดดถูกสวมใส่บนใบหน้าคมคายรับกับปลายจมูกเรียวโด่งเป็นสันผมสีทองอ่อนถูกจัดแต่งให้เข้าทรงตามแนววัยรุ่นสมัยใหม่ เขากำลังง่วนกับการจัดสัมภาระในรถเข็นของตนเองอยู่...เขาไม่สะทกสะท้านกับแรงปะทะของรถเข็นแม้แต่น้อย เนื่องจากกีฬาบาสเกตบอลที่เขาถนัดมักได้รับแรงกระแทกกระทั้นมากกว่านี้ด้วยซ้ำ
"อุ๊ย...ขอโทษด้วยค่ะ" .... หญิงสาวกล่าวขอโทษเมื่อรถเข็นของเธอชนเข้ากับขาเรียวยาวที่ด้านหลังของชายหนุ่มสูงโปร่งผู้นั้นอย่างจัง
เขาหันกลับมามองเธอและกลุ่มเพื่อนช้าๆพร้อมกับโค้งศรีษะให้...
"ไม่เป็นไรครับ เล็กน้อย..." เขาพูดพลางยกยิ้มมุมปาก...
เธอและกลุ่มเพื่อนต่างอ้าปากค้างและตกตะลึงในความหล่อสมบูรณ์แบบของชายตรงหน้า....ยิ่งเวลาที่เขามอบรอยยิ้มกลับมากลุ่มหญิงสาวตรงหน้าแทบจะควบคุมสติของตนเองไม่อยู่...
"อ๊ายยยยย หล่อมากเลยยยยแกกกก... ขอโทษนะคะ คุณชื่ออะไรคะ...." หญิงสาวในกลุ่มนั้นตัดสินใจเสียมารยาทต่อหน้าเขาพร้อมกับเสียงหัวเราะที่ดังร่วนมาจากเพื่อนผู้หญิงข้างๆ...บางคนเขินอาย บางคนกระแซะตัวเข้าไปเพื่อต้องการใกล้ชายผู้นั้นมากขึ้น...
"เอ่อ...ผม..."
"เห้ยคริส....รอฉันนานป่ะวะ โทษทีห้องน้ำคนเยอะโคตร...." คิมจงอินเดินมาพร้อมกับตีที่ไหล่ของคริส เพื่อนของเขาที่กำลังถูกสาวๆรุมล้อม เสียงที่ตะโกนโหวกเหวกของจงอินทำให้ทุกคนในบริเวณนั้นชะงักไป
"อ่าว อะไรกันครับพวกคุณ นี่จะทำอะไรเพื่อนผมหรือเปล่าครับ" จงอินพูดพลางหัวเราะในขณะที่คริสยืนเกาท้ายทอยด้วยความเขินอายเมื่อถูกสาวๆตรงหน้ารุมถามชื่อ...และบางคนยังมีทีท่าแนบชิดกับเขาจนเขาต้องเดินถอยหลังไปยืนเกือบชิดรถเข็น
เมื่อได้จังหวะชิ่ง คริสรีบเดินคว้าแขนจงอินพร้อมกับโค้งศรีษะอย่างนอบน้อมก่อนที่กล่าวคำอำลาเพื่อเดินหนีสาวๆกลุ่มนั้นออกมา....
"ขอตัวก่อนนะครับ...พอดีผมมีธุระ" ประโยคสุดท้ายที่คริสกล่าวทิ้งท้ายก่อนจะเดินเข็นกระเป๋าสัมภาระเดินจากไป...สร้างเสียงกรี๊ดให้สาวๆกลุ่มนั้นจนทำให้ผู้โดยสารท่านอื่นต้องหันกลับไปมอง...
เมื่อเดินพ้นมาจากบริเวณนั้นสักพักคิมจงอินก็อดรนทนไม่ไหวในพฤติกรรมของเพื่อนสุดหล่อของเขา.....
"นายรีบเดินหนีมาทำไมวะคริส ฉันกำลังสนุก " จงอินพูดพร้อมรอยยิ้ม ...
"ฉันมาตามหาคนบางคน...ไม่มีเวลามาเล่นสนุกแบบนายนะจงอิน" แววตาของคริสมุ่งมั่นและฉายแววความสุขลึกๆเมื่อนึกถึงใครคนนึงคนที่เขาเฝ้ารอที่จะได้พบเจอมานานนับปี
คริสนักเรียนนอกที่เลือกเดินทางมาศึกษาต่อที่เกาหลีหลังจากประสบความสำเร็จทางด้านกีฬาบาสเกตบอล เขาสร้างชื่อเสียงให้กับทางมหาลัยของที่นั่นรวมถึงครอบครัวของเขาก็ประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจที่นั่นเช่นกัน....คริสตัดสินใจขอร้องแม่ของเขาว่าจะกลับมาเกาหลีอีกครั้ง หลังจากที่เขาจากที่นี่ไปนานหลายปี...เขาต้องการกลับมาศึกษาต่อที่เกาหลี เรื่องการปรับตัวให้เข้ากับสถานที่ใหม่ๆเขาเริ่มชินกับมันซะแล้ว ชีวิตการศึกษาของเขาคือการเดินทาง มีหลายครั้งที่เขาต้องเดินทางไปหลายประเทศเพื่อร่วมการแข่งขันกีฬาบาสเกตบอลและย้ายสถานศึกษาหลายครั้งเมื่อแต่ละมหาลัยต่างต้องการตัวเขาเพื่อสร้างชื่อเสียงในแก่สถานที่ศึกษาของตนเอง...เมื่อคริสถึงจุดสูงสุดในกีฬาสุดโปรดของเขาแล้ว เขาก็ตัดสินใจที่จะกลับมาเริ่มต้นที่นี่อีกครั้ง....แม่ของเขาอนุญาตในสิ่งที่เขาต้องการ รวมถึงเธอเองก็มีธุรกิจและเปิดสาขาใหม่ในเกาหลีด้วย
คฤหาสถ์หลังใหญ่ในย่านคังนัมคือสถานที่ตั้งของบ้านคริส ....หนุ่มหล่อวัย 22 ปีที่ดูจะเพียบพร้อมทุกอย่าง...จะขาดก็แค่ความรักที่เขาไม่เคยมอบหัวใจให้กับใครในตลอดวัยหนุ่มของเขาเพราะหัวใจของเขามันได้มอบให้กับเด็กน้อยหน้าใสคนนึงไปนานแล้ว....
"คริส...คนขับรถที่บ้านนายมารับหรือเปล่า" จงอินถามพลางช่วยยกกระเป๋าสัมภาระของตนเองใส่หลังรถแวนสีดำที่มีคนขับรถจอดรอเขาอยู่
"เปล่าน่ะ...แม่ฉันให้คนรถที่บ้านจอดรถทิ้งไว้ตรงนั้น ฉันจะขับเอง อยากขับรถกินลมซักหน่อย ดีที่รถมีจีพีเอส คงไม่หลง"
คริสเดินตรงไปยังรถเฟอร์รารี่สีแดงที่จอดสงบนิ่งอยู่ที่ลานจอดรถไม่ไกลจากรถของจงอินนัก...เขาหยิบกุญแจออกจากกระเป๋ากางเกงและกดรีโมทเพื่อเปิดรถและค่อยๆเปิดประทุนเพื่อรับอากาศของโซล หลังจากโยนสัมภาระไว้บนเบาะที่นั่งข้างคนขับ ไม่นานนักรถเฟอร์รารี่สีแดงก็ออกตัวขับเคลื่อนไปด้วยความเร็วโดยมีคริสเป็นผู้ควบคุมความเร็วหลังพวงมาลัยหนังที่เย็บปักด้วยงานฝีมือระดับโลก....
มือข้างนึงวางเท้าแขนไปบนขอบประตูข้างตัว รวมถึงอีกมือนึงก็จับพวงมาลัยขับเคลื่อนไปด้วยความมั่นใจ...ความเร็วของเฟอร์รารี่แทบจะทำให้คนที่มองมายังรถคันนั้นไม่สามารถมองตามคนขับได้....บรรยากาศข้างทางหลายอย่างก็เปลี่ยนไปมาก รวมถึงบางอย่างก็ยังคงเดิมในความรู้สึกของเขา...
ปลายทางที่คริสจะมุ่งหน้าไปไม่ใช่ย่านคังนัมสถานที่พักพิงของเขา...เขาตัดสินใจขับรถไปในที่ๆนึง...สถานที่ที่รวบรวมความทรงจำต่างๆของเขาไว้ในวัยเด็ก....
.....ป้ายโรงเรียนมงกูยังคงเด่นเป็นสง่า....แม้โรงเรียนจะดูทรุดโทรมไป..แต่หลายๆอย่างก็ยังคงเหมือนเดิม...คริสยิ้มออกมาเล็กน้อยเมื่อสายตาของเขามองไปยังโรงอาหารและโต๊ะอาหารที่เคยมีเด็กอ้วนร่างยักษ์ผลักหน้าอกเขาจนครั้งหนึ่งเกือบจะมีเรื่องกันในโรงอาหาร...ติดแค่เพียงว่ามีร่างเล็กๆของเด็กน้อยคนหนึ่งที่กำลังรวบรวมพละกำลังเพื่อดึงรั้งเอวของเขาไว้เพราะความเป็นห่วงเพื่อนตัวสูง....
เฟอร์รารี่สีแดงค่อยๆจอดลงช้าๆบริเวณสนามบาส...ต้นไม้ใหญ่ต้นเดิมยังคงอยู่ อายุของมันเก่าแก่มากแล้ว...โชคดีมากที่มันยังคงอยู่และไม่โดนทั้งแดดทั้งลมโค่นล้มลง...
คริสก้าวลงจากรถพร้อมกับปิดประตูเบาๆ...ขายาวพาร่างสูงโปร่งเดินตรงไปยังใต้ต้นไม้ต้นเดิม....เขาสุขใจระคนเศร้าใจอย่างบอกไม่ถูกที่ได้กลับมาที่นี่อีกครั้งคริสหย่อนกายลงช้าๆเพื่อนั่งลงใต้ต้นไม้ต้นนั้น สายตาคมเหม่อมองไปทางสนามบาสที่คุ้นเคย ภาพในวัยเด็กย้อนกลับมาอีกครั้งเมื่อนึกถึงเด็กตัวน้อยที่ล้มลงพร้อมกีต้าร์ตัวใหญ่และจับศรีษะที่เริ่มปูดโนของเขาจากแรงกระแทกของลูกบาส....
"ฉันคิดถึงนายจัง....ชานยอล" เสียงพูดลอยๆของคริสดังออกมาเมื่อนึกถึงภาพครั้งนั้น....เขาเอนกายพิงหลังลงบนต้นไม้ใหญ่..แต่ก็รู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่นูนๆและทิ่มหลังเขาจนทำให้เขาต้องมองไปที่เปลือกของต้นไม้ต้นนั้น...
บนเปลือกของต้นไม้....มีภาษาเกาหลีที่ถูกเขียนด้วยลายมือเด็กๆ...เปลือกไม้ที่แข็งทำให้ตัวหนังสือดูยึกยือไม่สวยงาม...ฉับพลันลายมือนั้นก็ดูคุ้นตาคริสนักเขาไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเอง แต่คำพูดบนเปลือกไม้นั้นก็สร้างรอยยิ้มแห่งความสุขให้เขาได้ไม่น้อย
"ฉันจะรอนาย กลับมาเร็วๆนะ"
คริสใช้นิ้วมือเรียวยาวของเขาจับและลูบตัวหนังสือเบาๆพร้อมรอยยิ้ม เขาคิดว่าต้องเป็นลายมือของคนที่เขารู้จักดีแน่ๆ...คริสไม่รอช้าที่จะหยิบก้อนหินก้อนเล็กๆข้างต้นไม้มาเขียนลงไปบนต้นไม้ต้นนั้น...เขาต่อท้ายคำพูดที่ต้นไม้นั้นด้วยรอยยิ้มแห่งความสุขอีกครั้ง...ความสุขในวัยเด็กที่เริ่มส่อเค้าลางว่ามันกำลังจะกลับมา
"อู๋ฟานVSชานยอล..ฉันกลับมาแล้วนะ"
ลายมือของคริสดูตลกนัก ยิ่งขีดเขียนลงบนพื้นที่ของต้นไม้ยิ่งทำให้ลายมือของเขาดูน่าขันมากกว่าเดิม...คริสยังคงมีรอยยิ้มในขณะที่เขาพยายามบรรจงเขียนมันขึ้นมา...สถานที่นี้คือสถานที่ของอู๋ฟานและชานยอล...ที่ที่เขาจะรู้กันแค่ 2 คน....สถานที่ที่สร้างรอยยิ้ม เสียงหัวเราะและน้ำตาของเขาทั้งสอง
"ปาร์คชานยอล....ฉันจะเริ่มตามหานายจากตรงไหนดี......"
คริสรำพึงในใจทุกๆอย่างคงเปลี่ยนไปมากแล้ว...เบอร์โทรศัพท์ของชานยอลที่เขาเคยบันทึกไว้ก็ไม่ใช่เบอร์เดิม รวมถึงบ้านของชานยอลที่เขาเคยรู้จักก็ไม่มีครอบครัวของชานยอลอยู่ที่นั่นแล้วหลังจากที่เขาพยายามหาทางติดต่อกับชานยอลก่อนที่จะเดินทางกลับมาที่เกาหลี....
"ฉันต้องนั่งรอนายที่ต้นไม้ต้นนี้ทุกวันมั้ย?" ......
คริสเอนกายลงเพื่อล้มตัวลงนอนบนสนามหญ้า มือข้างนึงก่ายหน้าผากเพื่อใช้ความคิดไตร่ตรองถึงสิ่งที่เขาต้องทำเป็นลำดับต่อไปก่อนที่จะเริ่มต้นติดต่อกับมหาลัยที่เขากำลังจะไปศึกษาต่อ...ขณะที่คริสกำลังใช้ความคิดและเหม่อลอยนั้น...เสียงริงโทนจากโทรศัพท์ก็ดังเข้ามาที่เครื่องเพื่อปลุกเขาจากภวังค์
-คิมจงอิน-
"อือ...ว่าไง" คริสตอบรับปลายสายไปด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
"เห้ยคริส พรุ่งนี้เราก็จะไปติดต่อที่มหาลัยด้วยกันแล้ว วันนี้เราไปปาร์ตี้กันหน่อยดีกว่า ฉันอยากจะพานายไปเจอคยองซูด้วย...คยองซูนัดกับฉันวันนี้ที่ผับแถวคังนัม ไปด้วยกันนะเว้ย"
คริสใช้เวลาไม่นานในการตัดสินใจก่อนจะตกลงใจรับปากคิมจงอินพร้อมกับวางสายไป...
"ปาร์คชานยอล.....ฉันต้องจ้างนักสืบตามหานายมั้ยนะ........."
ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งกอดเข่าพร้อมกับก้มศรีษะแนบลงไปบนขาเรียวยาวของเขา....ก่อนที่จะเผลอถอดถอนใจออกมาอีกครั้ง....
END EP3------------------
Writertalk .... มาอัพให้แล้วนะคะ อยากสครีมเชิญแทคในทวิต #อาการแอบรัก เราจะตามอ่าน ขอเม้นท์ให้กำลังใจด้วยนะ จุ๊บๆ ><
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น