ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    อาการแอบรัก #KrisYeol

    ลำดับตอนที่ #2 : EP2- อนาคตของผมกับความรู้สึก

    • อัปเดตล่าสุด 11 ก.ย. 56


    หลังจากเหตุการณ์วันนั้นผ่านพ้นไป อู๋ฟานรู้สึกสนิทใจและรู้สึกดีกับปาร์คชานยอลขึ้นเรื่อยๆความรู้สึกบางอย่างที่เกิดขึ้นในใจจนยากจะอธิบายว่ามันคือความรู้สึกอะไร....ปาร์คชานยอลเพื่อนรักที่อู๋ฟานหวงแหนมากที่สุด..หรือปาร์คชานยอลคนที่อู๋ฟานหวงแหนและอยากดูแลมากที่สุด...


    ทุกๆวันของอู๋ฟานและชานยอลผ่านไปด้วยดี เพื่อนรักต่างวัยทั้งสองต่างมอบความรู้สึกดีๆให้แก่กันโดยที่ชานยอลเองก็ไม่เคยรู้เลยว่าอู๋ฟานเพื่อนที่สนิทที่สุดของเขาในตอนนี้กำลังคิดอย่างอื่นที่มันเกินเลยมากกว่านั้น....ความรู้สึกเหงา ว้าเหว่เมื่อต้องอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีเพียงชานยอลทำให้อู๋ฟานรู้สึกผูกพันกับชานยอลเป็นพิเศษและเกินจะหักห้ามใจไปกับความรู้สึกส่วนตัว....


    ทุกๆเย็นอู๋ฟานจะมาเล่นบาสตรงสนามกีฬากลางแจ้งและคอยมองรอชานยอลเดินผ่านมาที่ห้องซ้อมดนตรีทุกครั้ง อู๋ฟานอยากจะใช้เวลาช่วงเย็นหลังเลิกเรียนเพื่ออยู่เป็นเพื่อนเล่นกับชานยอล พูดคุย และใช้เวลาเพื่อใกล้ชิดชานยอลให้ได้มากที่สุด....


    และวันนี้ก็เช่นเคย..........เด็กหนุ่มคนนึงที่กำลังซ้อมเล่นบาสอย่างขะมักขเม้นโดยที่จิตใจไม่ได้จดจ่ออยู่ที่ลูกบาสกลมๆนั้นเลย...


    ปาร์คชานยอลเด็กชายร่างโปร่งสูงบางเดินถือกีต้าร์ตัวใหญ่เดินใกล้เข้ามาเรื่อยๆ..ซึ่งในบางครั้งบางคราขนาดของมันดูใหญ่กว่าตัวของเขาด้วยซ้ำ กระเป๋าหนังสือเรียนพร้อมของพะรุงพะรังเต็มไม้เต็มมือ...เมื่อสายตาของอู๋ฟานเหลือบไปเห็นเพื่อนคนเดียวของเขาที่เดินย่างกรายผ่านมาทางสนามบาส ก็เกิดรอยยิ้มบางๆขึ้นปรากฎบนใบหน้าของอู๋ฟาน...เขาวาดรอยยิ้มร่าเริงพร้อมกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปหาชานยอลที่กำลังเดินตรงเข้ามาด้วยความดีใจ...

    "ชานยอลลลล วันนี้นายมาช้าจัง...นั่งทำการบ้านอยู่ในห้องเหรอ"

    อู๋ฟานพูดพลางเอื้อมมือไปช่วยถือกระเป๋าเรียนให้ชานยอล....

    "วันนี้อาจารย์ประจำชั้นเรียกประชุมน่ะ ....อาทิตย์หน้าร.ร.เราจะมีงานกีฬาสีด้วยนะ นายรู้ยัง?"

    ชานยอลถามอู๋ฟานกลับ....พร้อมกับยื่นกระเป๋าเรียนให้อู๋ฟานช่วยถือเพราะกีต้าร์ในมือเขามันตัวใหญ่เกินไปและหลายครั้งที่เขาพยายามปฎิเสธอู๋ฟานเรื่องการถือกระเป๋าแต่ก็ไม่เคยเอาชนะอู๋ฟานที่ดื้อรั้นได้ซักที...

    "อ่อ รู้แล้ว ...ฉันลงแข่งบาสด้วยนะชานยอล" อู๋ฟานยิ้มเขินๆพร้อมกับใช้มือลูบบริเวณท้ายทอยของตนเอง มันเป็นครั้งแรกที่เขาจะได้โชว์ความสามารถทางด้านกีฬาบาสของเขาต่อหน้าคนเยอะๆและนักเรียนนับพันคน

    "โหยย เจ๋งไปเลยอู๋ฟาน !! ชนะให้ได้นะ ฉันจะคอยเชียร์นาย" ....ชานยอลพูดพร้อมกับเอื้อมฝ่ามือเล็กๆของเขาไปบีบที่บ่าของอู๋ฟานเบาๆ
    ...

    รอยยิ้มละมุนและการกระทำที่ชานยอลมอบให้อู๋ฟานเปรียบเสมือนกำลังใจให้อู๋ฟานในตอนนี้ เขายิ้มรับพร้อมกับพยักหน้าช้าๆ เขาได้รับการแต่งตั้งให้เป็นกัปตันทีมของชั้นและอู๋ฟานเองก็ตั้งใจที่จะนำชัยชนะมาให้ชานยอลเพื่อนที่เขารักมากที่สุดด้วย....

    เย็นวันนั้นทั้งอู๋ฟานและชานยอลยังคงนั่งเล่นหยอกล้อกันใต้ต้นไม้ใหญ่ต้นเดิมที่เขาทั้งสองเคยเจอกันครั้งแรก....เหมือนเช่นเคยที่อู๋ฟานซ้อมบาสโดยที่มีชานยอลนั่งเล่นกีต้าร์อยู่ในบริเวณนั้นไม่ห่างนักหลังจากเข้าคลาสซ้อมกีต้าร์เสร็จ...



    จากนาทีผ่านเป็นชั่วโมงที่อู๋ฟานตั้งใจซ้อมบาสกีฬาที่เขารักมากที่สุด.....ความเหนื่อยล้าจากการซ้อมหลายชม.เนื่องจากใกล้ถึงวันที่อู๋ฟานจะเข้าแข่งขันแล้วทำให้อู๋ฟานพลาดเสียหลักล้มลงขณะเทคตัวขึ้นไปเพื่อชู้สบาส...ร่างสูงของเขาล้มลงกระแทกพื้นสนามและหัวเข่าก็มีบาดแผลเกิดขึ้นจนเห็นเลือดซิบๆที่บาดแผลค่อยๆซึมออกมา...

    ชานยอลอุทานออกมาด้วยความตกใจขณะที่เห็นอู๋ฟานล้มลงที่สนามกีฬากลางแจ้งและรีบวิ่งออกไปจากใต้ต้นไม้ใหญ่ด้วยความเป็นห่วง...

    "อู๋ฟานนนน นายเป็นไงบ้าง เจ็บมากมั้ย" ชานยอลพูดพลางเอื้อมมือเรียวบางของตนเองไปพยุงอู๋ฟานขึ้นมาจากพื้น

    "อือ นิดหน่อย ไม่เป็นไรมากหรอก" เขาเอ่ยตอบชานยอลไปทั้งๆที่เริ่มเกิดอาการเจ็บแปลบที่บริเวณหัวเข่าเล็กน้อย

    มือเล็กๆของชานยอลจับแขนของอู๋ฟานที่มีเหงื่อซึมออกมาจากการเล่นกีฬาขึ้นพาดที่บ่าของเขา....ก่อนที่จะใช้มืออีกข้างโอบเอวอู๋ฟานและประคองเขาเดินเข้ามาหลบใต้ต้นไม้ใหญ่ที่ให้ร่มเงา.....


    อู๋ฟานเหลือบมองใบหน้าขาวใสที่มีเลือดฝาดของชานยอลที่อยู่ใกล้ๆด้วยเสียงหัวใจที่เต้นผิดจังหวะ...แม้ตอนนี้เขากำลังเจ็บแผลที่หัวเข่าแต่มันก็มีอาการบางอย่างที่ทำให้จุดสนใจของอู๋ฟานเปลี่ยนมาเป็นใบหน้าขาวใสของคนข้างๆเขาแทน.....

    "ไม่ต้องพยุงหรอกชานยอล......ฉัน...เดินเองได้" อู๋ฟานพยายามปรับสีหน้าและน้ำเสียงให้เรียบเฉยทั้งๆที่ความจริงแล้วเขาชอบการใกล้ชิดกับชานยอลแบบนี้...และก็บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าทำไมต้องตื่นเต้น...

    "นายจะเดินเองได้ยังไงล่ะ...อ่อ...ในกระเป๋าฉันมีพลาสเตอร์ยาอยู่ ฉันพกไว้เพราะบางทีฉันก็ซุ่มซ่ามบ่อยๆเหมือนกัน"

    ชานยอลยิ้มออกมาบางๆหลังจากนึกได้ว่าในกระเป๋าเขามีชุดปฐมพยาบาลชุดเล็กๆติดไว้ เนื่องจากบางทีชานยอลเองก็เจ็บที่ปลายนิ้วเวลาที่จับคอร์ดกีต้าร์นานๆรวมถึงอาจเกิดบาดแผลได้หากสายกีต้าร์ขาดขณะที่เขากำลังซ้อม...

    หลังจากชานยอลพาร่างของเพื่อนรักมาหลบพักใต้ต้นไม้ เขาก็หยิบขวดน้ำดื่มของเขาค่อยๆราดน้ำสะอาดไปบนแผลของอู๋ฟานก่อนที่จะเริ่มทำแผล...

    "โอ๊ย ! ฉันแสบ " อู๋ฟานพูดพร้อมกับคว้ามือเรียวบางของชานยอลมากุมไว้ด้วยสัญชาตญาณของความเจ็บ อุ้งมือเล็กๆสีขาวของชานยอลถูกมือหนาแกร่งสีเข้มของอู๋ฟานกุมไว้อย่างไม่ตั้งใจ.....

    ชานยอลยังคงใส่ใจกับการทำแผลตรงหน้ามากกว่าการสัมผัสจากฝ่ามือของอู๋ฟาน...

    "อู๋ฟาน...นายเป็นนักกีฬานะ!แค่นี้ทำเป็นเจ็บ" ชานยอลพูดพลางชักมือออกจากการเกาะกุมของอู๋ฟานและเอื้อมมือไปเปิดกระเป๋านักเรียนของเขาที่พกพลาสเตอร์ยาไว้และแกะมันออกช้าๆเพื่อนำมาปิดตรงบาดแผลให้อู๋ฟาน

    พลาสเตอร์ยาสีชมพูอ่อนลายการ์ตูนที่อยู่ในมือของชานยอลทำให้อู๋ฟานอดหัวเราะออกมาไม่ได้...อู๋ฟานพยายามใช้มือของเขาปัดป่ายการปิดพลาสเตอร์ยาของชานยอลเนื่องจากสีสวยหวานของมันหากอยู่บนสีผิวของอู๋ฟานคงดูตลกพิลึก

    "ชานยอลลล อย่านะ อย่าแปะมัน ฉันขำ ฮ่าๆๆ" อู๋ฟานพูดพร้อมกับผลักมือของชานยอลไปอีกทาง...

    "ขำตรงไหน มันช่วยรักษาแผลนายได้" ชานยอลพยายามดึงขาข้างที่อู๋ฟานเจ็บเข้ามาใกล้เขามากขึ้นและทำท่าจะแปะพลาสเตอร์ยาลงบนแผลอีกครั้ง

    "ก็นายเป็นเด็กตัวขาวๆ ดูน่ารัก ปิดพลาสเตอร์น่ารักๆแบบนี้มันก็ดูดี.....แต่ฉันดิ พอเหอะๆ ไม่เอาาาา" อู๋ฟานยังคงปัดป้องไปที่แผลบนหัวเข่าของเขาด้วยท่าทางจริงจัง....

    "ถ้านายไม่แปะพลาสเตอร์ยา ฉันจะไม่สนใจนายอีกเลย!!" สิ้นคำพูดของชานยอล สีหน้าของชานยอลก็บึ้งตึงเพราะความดื้อรั้นของอู๋ฟาน...เขาวางพลาสเตอร์ยาไว้ข้างๆเขาเพื่อรอคำตอบจากอู๋ฟานอีกครั้ง...

    อู๋ฟานเองก็นั่งนิ่งพร้อมกับมองไปที่ใบหน้าของชานยอลที่กำลังแกล้งมองไปทางอื่นทำท่าไม่สนใจคนที่นั่งขาเจ็บอยู่ตรงหน้า....

    อู๋ฟานเอื้อมมือหนาของเขาไปเขย่าแขนของชานยอลเบาๆเป็นเชิงเรียก....

    "อือ แปะก็ได้...น่าอายชะมัด" สีหน้าของอู๋ฟานดูอึดอัดที่ต้องแปะพลาสเตอร์ยาสีชมพูนี้แต่เขาก็ขัดไม่ได้เมื่อมันเป็นความต้องการของชานยอล

    ชานยอลอมยิ้มออกมาอย่างผู้ชนะ.....มือเรียวบางของชานยอลค่อยๆบรรจงแปะพลาสเตอร์ยาสีสวยให้กับอู๋ฟานพร้อมกับโน้มใบหน้าลงเพื่อเป่าแผลของอู๋ฟานเบาๆด้วยความตั้งใจ...

    "เดี๋ยวก็หายแล้ว เพราะฉันเป็นคนทำแผลให้ หายไวแน่นอน...." รอยยิ้มละมุนที่ปรากฎบนใบหน้าของชานยอลมันทำให้อู๋ฟานอดยิ้มตามไม่ได้เวลาที่อยู่ใกล้ชานยอลเขาเองก็รู้สึกดีอย่างประหลาด ชานยอลเองก็เช่นกัน เวลาที่เขาอยู่ข้างๆอู๋ฟานเขาก็รู้สึกอบอุ่นเหมือนอู๋ฟานเป็นพี่ชายที่แสนดีคนนึง...



    เย็นวันนั้นอู๋ฟานขี่จักรยานกลับบ้านพร้อมกับบาดแผลที่หัวเข่าและถูกปิดทับด้วยพลาสเตอร์ยาสีชมพู....ด้วยหัวใจที่ชุ่มชื่นเมื่อก้มลงไปมองพลาสเตอร์ยาของชานยอล....




    ไม่กี่นาทีต่อมา....รถที่บ้านของชานยอลเคลื่อนตัวช้าๆเพื่อมารับเขาที่หน้าร.ร.สถานที่เดิมอย่างทุกวันและมีพี่เลี้ยงติดรถมาด้วยทุกครั้ง เธออุทานออกมาด้วยความตกใจที่เห็นชานยอลเดินขึ้นมาบนรถ...


    "คุณหนูชานยอล ขาไปโดนอะไรมาคะ....ทำไมต้องปิดพลาสเตอร์ยา"

    "ไม่มีอะไรหรอกฮะ ผมสัญญากับเพื่อนไว้ว่าผมจะแปะพลาสเตอร์ยาสีชมพูนี้เป็นเพื่อนเขา เขาจะได้ไม่อาย" ชานยอลพูดพลางอมยิ้มให้กับพี่เลี้ยงที่นั่งในรถมาข้างๆ


    ---------------------------------------------


    และแล้ววันที่อู๋ฟานรอคอยก็มาถึง งานกีฬาสีของร.ร.มงกู....เช้านี้นักเรียนและผู้ปกครองแลดูพลุกพล่านกว่าทุกวัน เสื้อกีฬาของแต่ละสีถูกแบ่งออกเป็นสีชมพู สีส้ม สีเขียว สีแดง สีฟ้า ....นักเรียนแต่ละชั้นเรียนกระตือรือร้นต่อกิจกรรมของวันนี้เป็นพิเศษ....ชานยอลเองไม่ได้เข้าร่วมกิจกรรมอะไรเนื่องจากเขาเก่งทางด้านดนตรีมากกว่าและวันนี้ก็ไม่มีกิจกรรมทางด้านดนตรี เขาจึงเป็นนักเรียนที่คอยขึ้นแสตนเชียร์กีฬาและอาจจะมีเกมส์ให้ได้ร่วมสนุกเล็กๆน้อยๆ....1 ในเกมส์ที่ชานยอลต้องเล่นและเป็นตัวแทนในการแข่งขันคือเกมส์เปโปโร่ เกมส์ที่สร้างเสียงหัวเราะให้กับนักเรียนในร.ร.ได้เป็นอย่างมาก...

    ช่วงสายของวันมีการจัดการแข่งขันขึ้นโดยให้ตัวแทนแต่ละห้องเข้าร่วม ซึ่งกติกาของเกมส์ก็คือการคาบเปโปโร่ไว้ในปากและต้องกัด 1 คำเพื่อให้มันสั้นลงเรื่อยๆและส่งให้กับคนต่อไป...หากนักเรียนคนไหนที่คาบเปโปโร่และกัดมันจนไม่สามารถส่งต่อให้คนอื่นได้จะเป็นผู้แพ้....

    หลังจากฟังกติกาแล้วชานยอลก็นั่งหัวเราะกับเพื่อนๆในห้องด้วยความขบขัน...ส่วนอู๋ฟานเองยังอยู่ที่สนามกีฬาของอีกฝั่งเพื่อเตรียมตัวในการลงแข่งขันบาส

    เด็กนักเรียนตัวแทนของแต่ละห้องเข้าแถวยืนเรียงกันพร้อมกับเตรียมคาบเปโปโร่ไว้ในปากเพื่อส่งต่อให้เพื่อนนักเรียนอีกคน...

    อู๋ฟานนั่งมองชานยอลอยู่ห่างๆพร้อมรอยยิ้ม เขาไม่รู้ถึงรายละเอียดเกมส์ที่ชานยอลกำลังจะเล่นรู้แต่เพียงว่าชานยอลกำลังหัวเราะอย่างมีความสุขเมื่อเข้าสู่ช่วงเวลาของการแข่งขัน...

    สิ้นเสียงสัญญาณเป่านกหวีดจากคุณครูผู้ควบคุมเกมส์ ก็เกิดเสียงเชียร์ของเพื่อนในชั้น เสียงหัวเราะและเสียงปรบมือดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ...ชานยอลเล่นคาบเปโปโร่และส่งให้เพื่อนชายอีกคนที่ยืนต่อจากเขา...โชคดีที่ตำแหน่งที่ชานยอลอยู่เป็นตำแหน่งต้นแถวทำให้เปโปโร่ที่ชานยอลส่งต่อให้ไม่สั้นจนเกินไปแต่ภาพตรงหน้านั่นก็ทำให้อู๋ฟานเกิดความหงุดหงิดใจเมื่อเห็นชานยอลกำลังเล่นเกมส์ดังกล่าว และจากมุมที่เขานั่งอีกฝั่งมันทำให้เห็นว่าชานยอลกับเด็กนักเรียนชายอีกห้องนั้นกำลังจะแตะริมฝีปากกันหรือเรียกสั้นๆว่าจูบนั่นเอง....อู๋ฟานหวงเพื่อนรักคนนี้ของเขามาก...ริมฝีปากสีชมพูของชานยอลที่มักจะมีรอยยิ้มให้กับเขาเสมอและทุกครั้งกำลังสัมผัสกับริมฝีปากของคนอื่น...ความโมโหก่อตัวช้าๆ มันเกิดจากความรู้สึกอะไรอู๋ฟานก็ไม่สามารถอธิบายได้ เขารู้แต่เพียงว่าเขาไม่ชอบที่ชานยอลเล่นเกมส์แบบนี้กับคนอื่น....


    "บ้าจริง น่าหงุดหงิดชะมัด!!" อู๋ฟานสบถกับตัวเองพร้อมกับปาลูกบาสกลมๆลงไปที่พื้นอย่างแรงก่อนจะเดินไปด้านหลังเพื่อเตรียมตัวลงแข่งบาส....

    ก่อนที่เขาจะลงสนามเขาตัดสินใจคว้าโทรศัพท์มือถือมากดส่งข้อความไปหาชานยอลด้วยความรู้สึกในใจบางอย่าง...



    "ปาร์คชานยอล ฉันจะเอาชัยชนะวันนี้มาให้นายแล้วฉันจะขออะไรนายอย่างนึงนะ"

    ชานยอลได้รับข้อความในเวลาไม่นานและเขาก็เปิดอ่านมันพร้อมกับพิมพ์ข้อความตอบกลับไป....

    "จะขออะไร .....ฉันไม่เลี้ยงข้าวนายนะ ฮ่าๆ"

    "เดี๋ยวเย็นนี้ก็รู้........." -อู๋ฟาน

    อู๋ฟานส่งข้อความตอบกลับไปอีกครั้งก่อนที่จะกดวางโทรศัพท์และเก็บมันไว้ในกระเป๋าเป้สะพายดังเดิมและเขาก็พร้อมแล้วสำหรับการแข่งขัน...

    สนามกีฬาถูกจัดเตรียมเพื่อรองรับการแข่งขันกีฬาบาสเกสบอล อู๋ฟานอยู่ทีมสีน้ำเงินและรับหน้าที่เป็นกัปตันทีมเพราะเขามีความสามารถพิเศษในการเล่นกีฬาชนิดนี้อู๋ฟานวอร์มอัพร่างกายของเขาโดยการขยับแขนขาไปมาและยืดแข้งยืดขาเพื่อเรียกพละกำลังให้กับตนเอง

    ชัยชนะในวันนี้ที่เขาตั้งใจทำก็เพื่อชานยอล เพื่อนคนเดียวของเขาที่อยู่ข้างๆยามเขาไม่มีใคร...หากวันนี้มีทีมใดที่ชนะการแข่งขันจะได้รับเหรียญรางวัลซึ่งจะมีการมอบให้กับกัปตันทีมที่สามารถนำชัยชนะมาสู่ทีมได้ อู๋ฟานตั้งใจที่จะมอบเหรียญนั้นในกับชานยอลคนที่เป็นกำลังใจของเขาในตอนนี้....

    เสียงสัญญาณบ่งบอกเตือนให้ทราบดีว่าการแข่งขันเริ่มขึ้นแล้ว....เสียงเชียร์ของนักเรียนในสนามรวมถึงครูอาจารย์ที่อยู่รอบๆบริเวณดังกระหึ่มต่างคนต่างตะโกนเชียร์ทีมที่ตนเองคาดหวังไว้ รวมถึงชานยอลที่ตะโกนป้องปากเรียกชื่ออู๋ฟานอยู่เป็นระยะๆพร้อมกับรอยยิ้ม...

    "อู๋ฟาน สู้เค้านะะะะ !!!!!" เสียงร้องเรียกของชานยอลไม่ดังมากนักเนื่องจากเสียงกลองและเสียงดนตรีบริเวณรอบข้างส่งเสียงรบกวนเขาอยู่ไม่ห่าง

    แม้คนอื่นในทีมจะไม่ได้ยินเสียงของชานยอลแต่อู๋ฟานก็ได้ยินและลอบมองมาทางชานยอล......สายตาของอู๋ฟานรู้ดีว่าชานยอลกำลังจับจ้องมาที่เขา...พร้อมรอยยิ้มและเสียงเชียร์อยู่ตลอดเวลา

    ในช่วงที่อู๋ฟานกำลังแข่งขันบาสอย่างขะมักเขม้นนั้น ทีมของเขาตกเป็นรองเนื่องจากคะแนนของทีมสีแดงนำไป 3 แต้ม....เขาพยายามใช้ไหวพริบและปฎิภาณรวมถึงประสบการณ์และใจที่รักในด้านกีฬาบาสเกตบอลนี้จริงๆช่วงชิงเอาลูกบาสลูกกลมๆมาจากคู่แข่งขันได้อย่างว่องไว ....เมื่ออู๋ฟานเทคตัวสูงขึ้นจากพื้นเพื่อชู้สลูกบาสและบวกกับความสูงกว่าเด็กปกติทั่วไปของเขาก็ทำให้การทำคะแนนกลับคืนมานั้นไม่ยากจนเกินไป หลายคนทึ่งในลีลาการเล่นกีฬาบาสของเขา เด็กนักเรียนรวมถึงผู้ปกครอง ครูอาจารย์ไม่เคยเห็นภาพนั้นบางคนถึงกับส่งเสียงเชียร์ทีมของอู๋ฟานอย่างลืมตัว....

    ขณะที่อู๋ฟานกำลังวาดลวดลายการเล่นกีฬาที่โปรดปรานของเขาอยู่นั้น ฉับพลันก็มีสายตาคู่หนึ่งจับจ้องมาที่เขาพร้อมวาดรอยยิ้มออกมาด้วยความภูมิใจ....ชายวัยกลางคนยืนกระซิบกระซาบกับอาจารย์ใหญ่และมีแววตาที่บ่งบอกในความเชื่อมั่นในตัวของอู๋ฟาน....เด็กหนุ่มที่ดูไม่ธรรมดาคนนี้เล่นบาสได้ราวกับมีพรสวรรค์...เขาคิดอะไรบางอย่างได้ซึ่งน่าจะส่งผลดีต่อตัวของนักเรียนคนนี้และส่งผลต่อชื่อเสียงของโรงเรียนเช่นกัน....ชายวัยกลางคนยิ้มกริ่มเมื่อนึกถึงความสำเร็จที่กำลังจะเกิดขึ้นหากหนทางที่เขาคิดดำเนินไปในทางที่ดี...


    เสียงนกหวีดของอาจารย์ที่คุมการแข่งขันดังขึ้นเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าสิ้นสุดการแข่งขัน ..... อู๋ฟานเฮลั่นพร้อมกระโดดตัวลอยเมื่อรู้ว่าคะแนนของทีมที่ตัวเองเป็นกัปตันทีมนำห่างไปเยอะ ....วันนี้เขาทำได้แล้ว เขาคว้าชัยชนะให้ตนเองและชานยอลได้....ชานยอลเองก็มองดูอู๋ฟานด้วยความดีใจพร้อมปรบมือด้วยรอยยิ้มที่สดใส...อู๋ฟานหันมามองใบหน้าของชานยอลเพื่อนรุ่นน้องที่เขารักมากที่สุด....เขาทั้งสองยิ้มให้กันและกันรวมถึงชานยอลก็ชูนิ้วโป้งให้อู๋ฟานเพื่อชื่นชมเขาด้วย...


    "อู๋ฟานนนนน นายเก่งมากเลยอ่ะ ฉันเห็นนายเป็นคนทำคะแนนขึ้นมาตลอด ชู้สเข้าทุกลูก เยี่ยมมาก!!!" ชานยอลพูดพลางเข้าไปแสดงความยินดีกับอู๋ฟานหลังจากที่อู๋ฟานรับเหรียญรางวัลในฐานะกัปตันทีม...


    "นายอย่าลืมให้รางวัลฉันนะ ชานยอล..." อู๋ฟานพูดพร้อมกับรอยยิ้มบางๆของเขา..หลังสิ้นประโยคนั้นอู๋ฟานคว้าแขนของชานยอลเดินมุ่งตรงไปทางด้านหลังร.ร.ที่ที่พวกเขาทั้งสองคนชอบไปนั่งเล่นกันบ่อยๆ

    บรรยากาศด้านหลังร.ร.ค่อนข้างเงียบสงบเนื่องจากนักเรียนและครูอาจารย์ส่วนมากมักอยู่ในเกมส์การแข่งขันของกีฬาอื่นๆต่อ....รวมถึงทุกคนเองก็ใส่ใจกับกิจกรรมกีฬาสีมากกว่าสิ่งอื่นใดในตอนนี้...

    มือแกร่งของอู๋ฟานหยิบเชือกที่ร้อยเหรียญรางวัลและถอดมันออกจากพันธนาการรอบคอของเขา...พร้อมกับจับจ้องไปที่ใบหน้าของชานยอลด้วยแววตาที่อ่อนโยน

    "เหรียญนี้ฉันให้นาย...นายคือส่วนหนึ่งที่ทำให้ฉันมีวันนี้" อู๋ฟานค่อยๆคล้องเหรียญรางวัลสีทองลงที่ต้นคอขาวของชานยอลพร้อมทั้งแตะที่แก้มเนียนใสของชานยอลเบาๆสองครั้งในเชิงล้อเล่น...

    ชานยอลยิ้มออกมาด้วยความดีใจพร้อมกับก้มมองเหรียญกีฬาสีทองที่เขาไม่ได้เคยได้รับมันสักครั้งในชีวิต...

    "นายให้ฉันจริงๆเหรออู๋ฟาน...."

    "อืม" อู๋ฟานพยักหน้าเบาๆเพื่อให้ชานยอลรู้คำตอบของเขา...

    "เอ่อ แล้วที่นายอยากขอรางวัลจากฉันอ่ะ นายอยากได้อะไร ฉันไม่มีเงินเลี้ยงข้าวนายหรอกนะเผื่อนายอยากกินของแพง ฮ่าๆ" ชานยอลพูดพลางหัวเราะออกมาดวงตาของชานยอลกลมโตและสดใสทุกครั้งที่มีรอยยิ้มให้อู๋ฟาน...

    "ฉัน.....ฉัน...อยาก..อยากกินเปโปโร่" อู๋ฟานมีสีหน้าเขินเมื่อนึกถึงขนมแท่งยาวๆที่ชานยอลเล่นในเกมส์กับเพื่อนผู้ชายในขณะที่เขาทำได้แค่ยืนมอง

    "โธ่..ฉันก็นึกว่าอะไร....นี่ไง ฉันมีกล่องนึง...ยังไม่ได้แกะ" ชานยอลเอื้อมมือของเขาไปหยิบกล่องเปโปโร่รสช๊อคโกแลตในกระเป๋าเรียนออกมาเพื่อยื่นให้อู๋ฟาน..

    "ฉัน....ไม่ได้อยากกินแบบนั้น...ฉันอยากเล่นเหมือนกับที่นายเล่นกับคนอื่น ในเกมส์เมื่อกี้..." อู๋ฟานหลบสายตาไปทางอื่นเมื่อพูดจบ....เขาแค่อยากจะทำอย่างที่คนอื่นสามารถทำกับชานยอลบ้าง เขาอยากมีโอกาสแบบนั้นซักครั้ง...

    "เอาสิ แหม อยากเล่นเกมส์ก็ไม่บอก นายต้องแข่งบาสนี่นะ อดเล่นเกมส์แบบนี้เลย ..."

    ชานยอลแกะเปโปโร่ออกจากกล่องช้าๆโดยที่ไม่ได้คิดอะไร....เกมส์เด็กๆที่เด็กๆเล่นกันก็ไม่แปลกหากอู๋ฟานจะอยากเล่นบ้าง เพราะเขาไม่มีโอกาสที่จะเล่นเกมส์แบบนี้เนื่องจากต้องเข้าแข่งขันกีฬาบาสเกตบอล...

    "มา..อู๋ฟาน นายมางับเปโปโร่จากปากฉัน" ชานยอลพูดพร้อมกับคาบเปโปโร่ไว้ในปากและยื่นใบหน้าเข้ามาใกล้ๆอู๋ฟานและอมยิ้มขำๆ

    "ฉันเล่นได้จริงๆเหรอ" อู๋ฟานมีท่าทางลังเลเมื่อชานยอลกำลังยื่นใบหน้าขาวนวลเนียนมาหาเขาและมันกำลังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ...

    จังหวะการเต้นในหัวใจของอู๋ฟานแทบจะระเบิดออกมาเมื่อชานยอลหลับตาพริ้มพร้อมกับค่อยๆยื่นใบหน้าของเขาเข้ามา ...ขนตาหนายาวเป็นแพรของชานยอลทาบทับลงมาบนเปลือกตาคู่สวย...ดวงตากลมโตที่ฉายแววสดใสบัดนี้ปิดสนิท เพื่อรอรับการคาบเปโปโร่ออกจากปากของเขาตามเกมส์ที่ได้เล่นมา....

    อู๋ฟานสูดลมหายใจให้ลึกที่สุดก่อนที่จะยื่นใบหน้าของตนเข้าไปหาชานยอลเช่นกัน....เกมส์ตรงหน้ามันยากยิ่งกว่าการแข่งขันคว้าเหรียญแห่งชัยชนะของเขาซะอีก...ทั้งที่มันเป็นแค่เกมส์เด็กๆที่เล่นง่ายๆแต่ทำไมเขาถึงต้องตื่นเต้นมากมายขนาดนี้....

    ริมฝีปากสีชมพูได้รูปของชานยอลยังคงคาบเปโปโร่ไว้โดยที่มีอู๋ฟานค่อยๆโน้มใบหน้าของเขาลงมาเพื่อคาบเปโปโร่ในปากของชานยอล....อู๋ฟานใช้ริมฝีปากของเขาขบกัดเปโปโร่ให้ลึกที่สุดเท่าที่จะทำได้....จนริมฝีปากของชานยอลและของเขาสัมผัสกันเบาๆก่อนที่ชานยอลจะรู้สึกตัวและลืมตาช้าๆขึ้นมามองในขณะที่อู๋ฟานกำลังจะจูบเขาอยู่....

    ดวงตากลมโตของชานยอลเบิกกว้างหลังจากสบเข้ากับตาคมของอู๋ฟานตรงหน้า เขากระแอมไอออกมาเสียงดังเพราะความตกใจ...

    "อู๋ฟาน ...แค่ก ๆ ฉันขอโทษ...ฉัน...สำลักเปโปโร่" ..... ชานยอลยังคงกระแอมไอจนหน้าของเขาเริ่มแดงขึ้นเล็กน้อย...

    "เป็นอะไรมากหรือเปล่า" อู๋ฟานลูบหลังของชานยอลให้เขาหยุดไอ พร้อมกับหัวเราะออกมาเบาๆ

    เสียงหัวเราะกับเสียงไอของชานยอลปะปนกับเสียงหัวเราะของอู๋ฟานเมื่อเขายังคงสำลักเปโปโร่แท่งนั้น....เปโปโร่แท่งที่ทำให้เขาและอู๋ฟานใกล้ชิดกันมากที่สุดตั้งแต่รู้จักกันมา......เด็กทั้งสองคนมีรอยยิ้มที่ละมุนละไมให้กันโดยที่อู๋ฟานไม่รู้เลยว่าวันพรุ่งนี้ตัวเองกำลังจะได้พบเจอกับเหตุการณ์อะไร.......






    รุ่งเช้าวันนั้นทางโรงเรียนมีคำสั่งให้อู๋ฟานเข้าพบที่ห้องของอาจารย์ใหญ่เพื่อรับจดหมายฉบับหนึ่งนำไปให้ผู้ปกครอง....จดหมายที่อู๋ฟานไม่รู้เนื้อความข้างในนั้นว่าเป็นอย่างไร...จดหมายที่ทำให้ทั้งเขาและชานยอลต้องพลัดพรากจากกันไปไกลจนอาจจะไม่ได้กลับมาพบกันอีก....จดหมายส่งตัวที่ทำเพื่อพัฒนาทางด้านอนาคตในการเรียนและด้านกีฬาของอู๋ฟานและเป็นจดหมายที่ทำให้ความรักครั้งแรกในวัยเด็กของเขาต้องพังทลายและมลายหายไป.......อู๋ฟานต้องถูกส่งตัวไปประเทศแคนาดาที่ซึ่งเป็นโรงเรียนในเครือของร.ร.มงกู...สถานที่ที่มีนักเรียนทุนมีความสามารถทางด้านกีฬาโดดเด่นเพื่อสร้างชื่อเสียงให้กับทางร.ร.ที่แคนาดาและร.ร.มงกูที่เกาหลีแห่งนี้...



    หลังจากทางครอบครัวของอู๋ฟานทราบเนื้อความในจดหมายนั้นต่างก็พากันดีใจที่บุตรหลานของตนจะได้ไปเรียนต่อในประเทศแคนาดาโดยมีทุนการศึกษาและสถานที่พักให้แม่ของอู๋ฟานตัดสินใจที่จะเดินทางตามลูกชายไปด้วยเนื่องจากมีคนรู้จักที่นั่นและจะร่วมลงทุนธุรกิจด้วยกัน....ไม่ต้องถามถึงความรู้สึกของอู๋ฟานในตอนนี้...คำพูดเดียวที่เขาเปล่งเสียงออกมาก่อนที่จะรีบวิ่งไปในห้องนอนและนั่งร้องไห้เงียบๆบนเตียงเล็กๆของเขา.......


    "ไม่ครับ!!! ผมไม่ไป ผมจะอยู่ที่นี่ อยู่ที่เกาหลี...ผมไม่ไปแคนาดา!!!"......


    คำพูดในวัยเด็กของเด็กผู้ชายอายุ 15 ย่าง 16 ปีจะมีประโยชน์อะไรกับพวกผู้ใหญ่ที่วางรากฐานในการศึกษาของอู๋ฟานไว้แล้ว....อนาคตของอู๋ฟานสำคัญกว่าจิตใจของเขาเขาไม่สามารถต้านทานความต้องการของผู้ใหญ่ได้....อู๋ฟานได้แต่นั่งทบทวนความคิดของตนเองพร้อมยกหลังมือขึ้นมาปาดน้ำตาออกจากใบหน้าของตนเองอย่างลวกๆเขามาอยู่ที่เกาหลีได้ประมาณ 1 ปีก็ต้องเดินทางไปที่อื่นอีก...รอยยิ้มและเสียงหัวเราะของชานยอลค่อยๆผุดขึ้นมาในหัวสมองของอู๋ฟานในตอนที่เขาก้มหน้าหลับตาและร้องไห้...สิ่งแวดล้อมใหม่ๆที่เขาต้องปรับตัว สถานที่ใหม่ๆที่เขาต้องปรับตัว รวมถึงเพื่อนคนรู้ใจใหม่ๆที่เขาต้องพบเจอ...ใบหน้าของอู๋ฟานแนบชิดกับหัวเข่าและมีเสียงสะอื้นออกมาเบาๆยามที่เขากลัวกับสิ่งที่เขาต้องพบเจอมันอีกครั้ง....


    "ปาร์คชานยอล...ฉันจะทำยังไงดี....ฉันไม่อยากจากนายไปไหน...ฉันจะทำยังไง...."

    END----EP2


    Writer Talk หากอยากสครีมเชิญแทคในทวิตได้เลยนะคะ เราจะตามอ่าน >> #อาการแอบรัก ขอบคุณมากค่ะที่ติดตาม ไรท์มาอัพช้าเพราะติดภารกิจ TwT ปล.ตอนหน้าอู๋ฟานจะกลายเป็นคริส เควินวูที่หล่อเริ่ดล่ะ :"D
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×