ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    อาการแอบรัก #KrisYeol

    ลำดับตอนที่ #11 : EP11-สิ่งที่มันกำลังเกิด 100% อัพครบแล้วค่ะ

    • อัปเดตล่าสุด 12 มี.ค. 57






    เย็นวันนั้นคริสกลับบ้านไปด้วยหัวใจที่เจ็บปวด รถสปอร์ตคันหรูวิ่งไปด้วยความรวดเร็ว วันนี้คริสไม่ต้องการกลับบ้าน เขาต้องการไปสถานที่แห่งความทรงจำระหว่างเขากับชานยอลและมันอาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาจะมาที่นี่อีกหากชานยอลเลือกแล้วที่จะจบความสัมพันธ์ 8 ปี ระหว่างอู๋ฟานกับชานยอล




    "ฉันคิดไว้แล้วว่าต้องเป็นแบบนี้ ชานยอล นายอย่าเชื่อแบคฮยอนนะ อย่าหลงเล่นไปตามเกมส์ของมัน!!..." คยองซูเสียงกร้าวด้วยความโกรธ...




    "แต่รอยนั่น....." ดวงตากลมโตฉายแววเศร้าใจเมื่อนึกถึงภาพรอยแดงเป็นจ้ำที่ต้นคอของคริส




    "ก็คริสบอกแล้วไงว่าเขาโดนวางยา นี่ชานยอล คนที่นายควรจะเชื่อคือคนของนายนะ ไม่ใช่เชื่อคำพูดคนอื่น แบคฮยอนเป็นยังไงเราก็รู้กันดีอยู่" คยองซูต้องการพูดให้ชานยอลได้สติและไว้ใจคริสมากกว่านี้




    "คริสรอนายมา 8 ปีนะชานยอล คนที่มั่นคงกับความรักขนาดนี้หาไม่ได้ง่ายๆนะ" ฝ่ามือเล็กของคยองซูจับที่แขนของชานยอลไว้และพูดให้เขาได้คิด




    ที่สนามกีฬาหลังโรงเรียนในช่วงเย็น นักศึกษาค่อนข้างบางตาลงไปมากเนื่องจากตารางเรียนของแต่ละคณะที่ไม่ตรงกันและส่วนมากนักศึกษาจะมีเรียนช่วงบ่าย แบคฮยอนเดินหอบหนังสือเรียนเดินผ่านหน้าอาคารเรียนที่มีนักกีฬาบาสเกตบอลกำลังฝึกซ้อม แบคฮยอนรู้ดีว่าคริสไม่ได้มาซ้อมด้วย เพราะเห็นคริสขับรถออกไปด้วยความโมโหหลังจากเกิดเหตุการณ์นั้นขึ้น




    ระหว่างที่แบคฮยอนเดินผ่านล็อคเกอร์เพื่อเก็บอุปกรณ์การเรียนบางอย่าง ก็มีร่างสูงโปร่งของใครคนนึงฉุดกระชากเขาเข้าไปในห้องเรียนที่อยู่ไม่ไกลกันนัก มือหนาปิดปากของแบคฮยอนไว้ แต่ด้วยไหวพริบแบคฮยอนจึงใช้ปากของเขากัดไปที่มือนั้นอย่างแรง....




    "โอ๊ย!! ชอบความรุนแรงหรือไง" จื่อเทาสะบัดมือออกด้วยความเจ็บ...พร้อมน้ำเสียงที่เกรี้ยวกราด




    "นายจะทำอะไรจื่อเทา!! ไอ้บ้า!" ร่างเล็กเตรียมจะเดินออกจากห้องเรียนด้วยความโมโหแต่ก็ถูกแขนแกร่งของจื่อเทาดึงรั้งร่างเล็กนั้นไว้




    "แหม พอมีเป้าหมายใหม่ก็เขี่ยฉันทิ้งง่ายๆเลยเหรอที่รัก" จื่อเทาแกล้งโอบกอดแบคฮยอนจากทางด้านหลังพร้อมทั้งใช้ปลายจมูกโด่งซุกไซร้ไปตามไหล่และซอกคอเพื่อยั่วโมโหแบคฮยอน




    "ปล่อยฉันนะ!! ฉันไม่ได้ชอบนาย" แบคฮยอนออกแรงผลักไสจื่อเทาออกจากร่างแต่ก็ไม่เป็นผล




    "แบคฮยอน ถ้าคนตรงหน้านายเป็นคริส นายคงจะจูงมือฉันขึ้นเตียงเลยสินะ"




    "เรื่องของเราที่เกิดขึ้นในห้องน้ำครั้งนั้นมันคือเรื่องบังเอิญหรือนายแค่ร่านเท่านั้น?" จื่อเทากระชากข้อมือแบคฮยอนขึ้นมาพร้อมทั้งเขย่าร่างเล็กด้วยความโกรธ




    เขาเองไม่เคยรับรู้ความร้ายกาจของแบคฮยอนว่าจะมีมากมายขนาดนี้...ถึงขนาดแต่งเรื่องว่าตนเองได้เสียกับคริสและจื่อเทาก็รู้ดีว่ามันไม่ใช่ความจริง....ผู้ชายอย่างคริสอ่านเกมส์ได้ไม่ยาก...และคนอย่างแบคฮยอนที่จื่อเทาเคยรู้จักดีก็ทำให้การตัดสินใจที่จะเชื่ออะไรง่ายมากขึ้น




    "วันนี้ฉันจะมาขอร้องนายดีๆ แต่ถ้านายไม่ยินยอม ฉันก็คงต้องใช้ไม้แข็ง" ดวงตาคมจับจ้องไปที่ร่างเล็ก....จื่อเทาเจ็บปวดที่ตนเองถูกใช้เป็นเครื่องมือของแบคฮยอนและเขาก็เคยคิดว่าแบคฮยอนจะจริงจังกับเขาซึ่งในความเป็นจริงแล้วแบคฮยอนไม่ได้รักใครมากไปกว่าการรักตัวเอง




    "นี่นายพูดบ้าอะไร ปล่อยฉันนะจื่อเทา ไม่งั้นฉันจะร้อง!!" ฝ่ามือเล็กทุบไปที่หน้าอกของจื่อเทาด้วยโทสะ....ใบหน้าใสขึ้นสีแดงระเรื่อด้วยความโกรธสุดจะบรรยาย




    "เห้อ แบคฮยอน คนร่านๆอย่างนายมันก็เหมาะกับคนร้ายๆอย่างฉันน่ะแหละ ปกติฉันไม่ชอบฝืนใจใครนะ แต่วันนี้เป็นข้อยกเว้นละกัน" มือหนาเอื้อมไปบีบปากบางของแบคฮยอนให้เผยอออก...พร้อมกับบดขยี้ริมฝีปากนั้นด้วยความโกรธ




    ในเมื่อคุยกันดีๆไม่ได้ก็ต้องใช้กำลัง จื่อเทารั้งร่างบางเข้ามาในอ้อมกอดพร้อมกับซุกไซร้ไปที่ซอกคอขาวของแบคฮยอน ด้วยความว่องไวของเพลย์บอยอย่างจื่อเทา เขาก็สามารถปลดกระดุมเสื้อนักศึกษาของแบคฮยอนออกจนเผยให้เห็นร่างขาวเนียน.....แบคฮยอนยังคงดิ้นรนขัดขืนและทุบตีจื่อเทาด้วยความโมโห




    "จื่อเทา!!ปล่อยฉัน......ปล่อยสิ ไอ้บ้า!!" ริมฝีปากบางร้องห้ามจื่อเทาไว้ตลอด




    "รู้แล้วสินะแบคฮยอน ว่าการที่เราไม่ได้รักใครแล้วถูกฝืนใจมันเป็นยังไง เลิกวุ่นวายกับคริสและชานยอลได้แล้ว!!!ไม่งั้นฉันจะจัดการนายเอง" มือหนาจับคางของแบคฮยอนขึ้นมาเงยหน้าเพื่อให้สบสายตากับเขา ก่อนที่จะยกยิ้มและจูบสัมผัสไปที่ริมฝีปากเย้ายวนตรงหน้าอีกครั้งเพื่อยั่วโมโหแบคฮยอน จื่อเทาผลักร่างของแบคฮยอนจนเซล้มลงกับพื้นและเดินออกไปจากห้องเรียนโดยไม่เหลียวกลับมามองร่างเล็กนั้นอีก




    ไม่มีน้ำตาแห่งความเสียใจออกมาจากดวงตาของแบคฮยอน ปากบางขบเข้าหากันแน่นด้วยความแค้น คิดว่าตัวเองเป็นพระเอกหรือไงจื่อเทา... ที่ทำแบบนี้เพราะต้องการให้ฉันตัดใจจากพี่คริสและเลิกรังควานชานยอลเหรอ...ฉันเดินมาไกลเกินกว่าที่จะหันหลังกลับแล้วจื่อเทา....ดวงตาของแบคฮยอนฉายแววริษยาปะปนกับความโกรธสุดขีด....มือบางกำแน่นและทุบไปที่พื้นเพื่อระบายความโมโห ก่อนที่จะหยิบกองหนังสือที่กระจัดกระจายขึ้นมาและลุกเดินออกจากห้องไปด้วยแรงโทสะ






    ที่โรงเรียนเก่าของอี้ฟานและชานยอลดูทรุดโทรมไปมากหลังจากที่ผ่านมาหลายปี ร่างสูงโปร่งของคริสหย่อนกายลงช้าๆใต้ต้นไม้ต้นเดิมที่เก็บรวบรวมความหลังของเขาทั้งสองไว้ หัวใจของคริสบอบช้ำกับสิ่งที่เขาไม่ได้ทำและถูกป้ายสี...หนำซ้ำชานยอลคนรักก็ไม่เข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้น มือหนาคว้าก้อนหินที่อยู่ใต้ต้นไม้ปาออกไปด้วยความหงุดหงิด....จาก 1 ก้อนเป็น 2 และ 3 ก้อน..คริสสบถกับตัวเองด้วยความน้อยใจที่ชานยอลไม่สนใจเขาแม้เขาจะเจ็บตัวจากการชกต่อยกับจื่อเทา





    "ยังเหมือนเดิมนะ โมโหใครก็มาลงกับลูกบาส วันนี้ก็ก้อนหิน" เสียงที่คุ้นเคยของใครบางคนดังขึ้นที่ด้านหลัง คริสเหลียวกลับไปมองด้วยความประหลาดใจ




    "เวลาไม่สบายใจชอบมาที่นี่เหมือนฉันเลย" ร่างบางนั่งลงข้างๆคริสพร้อมทอดสายตามองไปข้างหน้า




    "ชานยอล รู้ได้ไงว่าฉันอยู่ที่นี่" ใบหน้าคมพยายามปั้นหน้าบึงตึงทั้งที่ใจจริงดีใจที่สุดที่เห็นชานยอลในเวลานี้




    "ฉันไม่ได้มาตามหานายซะหน่อย ฉันอยากมาที่นี่แค่นั้น มีคนชวนฉันมาแล้วเขาก็ไม่พามา" ดวงตากลมแสร้งมองไปยังใบหน้าหล่อเหลาของคนด้านข้าง




    "เชื่อใจฉันแล้วใช่ไหม......ชานยอล....." คริสคว้ามือบางมากอบกุมไว้ ลืมความน้อยเนื้อต่ำใจและความเสียใจที่มี....แต่ชานยอลก็แสร้งสะบัดมันออกและดึงมือมาวางไว้บนตักของตัวเอง




    "พิสูจน์สิว่าไม่มีอะไรกับแบคฮยอน นายมีรอยสักตรงไหนบ้าง แบคฮยอนจะตอบถูกไหม" ใบหน้าหวานใสกระเง้ากระงอดเมื่อนึกถึงคำพูดของแบคฮยอนเมื่อเช้านี้...




    "รอยสักด้านหลังมีแค่นายคนเดียวที่เห็นในห้องน้ำวันนั้น คืนนั้นที่ทะเลเราปิดไฟนายคงไม่เห็น ถ้าครั้งหน้าฉันจะเปิดไฟดีมะ?" มือหนาจับคางมนของชานยอลให้หันมามองใบหน้าคมของเขาพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์




    ใบหน้าหวานใสของชานยอลเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อขึ้นอีกครั้งด้วยความเขินอาย ริมฝีปากบางแสร้งเปลี่ยนเรื่องพูดเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของคริส




    "ถ้าฉันไม่มาหานายที่นี่ นายจะตามหาฉันไหมอู๋ฟาน นายจะยังรักฉันอยู่ไหม " ชานยอลตัดสินใจเอ่ยถามคริส เพราะชานยอลเชื่อในตัวของคริสรวมถึงคยองซูและจื่อเทาก็ได้ให้ความมั่นใจว่าคริสและแบคฮยอนไม่ได้มีอะไรกันตามแผนที่แบคฮยอนวางไว้ หากชานยอลไม่ยอมลดทิฐิในใจและเชื่อมั่นในความรัก เขาคงจะต้องเสียคริสไปโดยที่เขาไม่มีโอกาสทำอะไรเลย




    มือหนาโอบร่างของชานยอลมากอดไว้แทนคำตอบ จมูกโด่งเป็นสันซุกไปตรงซอกคอที่หอมกรุ่นของชานยอลด้วยความคิดถึง หลายวันแล้วที่ทั้งสองไม่เข้าใจกัน......ตลอดเวลาคริสพยายามจะปรับความเข้าใจกับชานยอล....มีแต่เพียงชานยอลที่ไม่เชื่อใจคริสและเจ็บปวดกับเรื่องราวในอดีตระหว่างจื่อเทาและแบคฮยอน




    "ปาร์คชานยอล 6 ปีที่เราไม่เจอกัน ฉันยังไม่ลดละที่จะตามหานาย ถ้านายหายไปอีก ไม่ว่าจะเป็นวัน เป็นเดือน หรือเป็นปี ฉันก็ยังจะตามหานายอย่างเคย" มือหนาลูบไปตามเส้นผมสีน้ำตาลที่บางเบา เปรียบเสมือนคำมั่นสัญญาระหว่างชานยอลและอู๋ฟาน




    "อู๋ฟาน.." ร่างบางโผเข้ากอดคริสพร้อมซุกตัวที่หน้าอกเพื่อหาไออุ่นนั้น สิ่งที่ชานยอลจะต้องมีคือความรักและความเชื่อใจกัน เขาจะต้องหนักแน่นให้มากกว่านี้






    ดวงตะวันกำลังจะตกดิน อากาศภายนอกค่อนข้างหนาวเหน็บ แม้จะไม่มีหิมะแต่ลมด้านนอกก็แรงสมกับฤดูหนาวของเกาหลี ชานยอลนั่งพิงไหล่คริสโดยที่แขนแกร่งก็โอบร่างของชานยอลไว้และเหม่อมองออกไปด้านหน้า.....ดวงอาทิตย์สีส้มอ่อนแสงลงจนเห็นเป็นเงาพาดผ่านกับต้นไม้ใหญ่ ร่างของคู่รักนั่งพิงต้นไม้ใหญ่และนั่งคุยกันถึงเรื่องราวในอดีต เสียงหัวเราะเกิดขึ้นบางช่วงเมื่อชานยอลแกล้งพูดถึงเด็กจีนตัวดำที่บ้าเล่นแต่ลูกบาสลูกกลมๆ ชีวิตวัยเด็กที่คริสต้องอยู่ที่แคนาดาถูกเรียงร้อยออกมาให้ชานยอลได้ฟัง




    "อยู่ที่แคนาดาไม่เคยมีแฟนเลยจริงเหรอ" ชานยอลเอ่ยถามคริสด้วยความสงสัย




    "ไม่มี ตอนไปแคนาดาไม่ได้เอาหัวใจไปด้วย หัวใจของฉันอยู่ที่นี่ แล้วจะไปรักใครที่นั่นได้ไง" ดวงตาคมสบสายตากับดวงตากลมโตของชานยอล.....อู๋ฟานคือคนบ้าที่ชอบหยอดคำรักใส่ชานยอลอยู่เรื่อยไป ยิ่งอยู่ใกล้อะดรีนารีนของร่างกายก็ทำงานหนักขึ้นเรื่อยๆ




    "อือ..ชานยอล ที่แคนาดาเขามีธรรมเนียมของคนรักด้วยนะ ฉันเคยเห็นเพื่อนทำแต่ไม่เคยทำกับใคร"




    "ทำยังไงล่ะ..." ชานยอลเลิ่กดวงตากลมโตขึ้นมาเพื่อทวนความต้องการของคริส....



    "อยู่นิ่งๆนะ" คริสจับไหล่ของชานยอลหันเข้าหาตัวเขา ปลายจมูกโด่งและริมฝีปากจูบสัมผัสไปที่หน้าผากของชานยอลอย่างแผ่วเบา



    "จูบที่หน้าผากหมายความว่าฉันอยากให้นายจดจำฉันตลอดไป" ริมฝีปากหนาของคริสเลื่อนมาจรดที่ปลายจมูกโด่งของชานยอลและจูบสัมผัสมันเบาๆ




    "จูบที่ปลายจมูกหมายความว่านายคือลมหายใจของฉัน"




    "และสุดท้าย..." มือหนาเอื้อมไปแตะริมฝีปากของชานยอลพร้อมกับจูบสัมผัสลงไปเบาๆ ชานยอลหลับตารอรับสัมผัสนั้นด้วยหัวใจที่สั่นระรัวด้วยความสุขและความตื่นเต้น....




    "จูบที่ริมฝีปากหมายความว่านายต้องเป็นของฉันคนเดียวทั้งกายและใจ"




    ชานยอลในตอนนี้ไม่เพียงแต่หน้าแดงไปด้วยความเขินอายแต่สีแดงระเรื่อได้ลามขึ้นไปที่ใบหูของเขาทั้งสองข้าง มือบางทุบไปเบาๆที่ไหล่ของคริสพร้อมสบถคำบ่นออกมา




    "แคนาดามีธรรมเนียมบ้าๆอย่างนี้ด้วยเหรอ...ฉันอยากเห็นหน้าคนคิดธรรมเนียมนี้จัง"




    "คนที่คิดก็ฉันไง..นั่งอยู่นี่" นิ้วมือเรียวยาวชี้เข้าหาตัวเองพร้อมเสียงหัวเราะ ชานยอลไม่รอช้า ยกฝ่ามือขึ้นฟาดไปที่แขนของคริสหลายครั้งจนเขาต้องวิ่งหนี ทั้งสองวิ่งไล่กันในสนามกีฬาของโรงเรียนเก่าพร้อมเสียงหัวเราะของความสุข...




    หากความรักคือความเชื่อใจกันชานยอลก็ได้ผ่านบททดสอบข้อที่ 1 ไปแล้ว ในอนาคตข้างหน้า ความรักของทั้งสองยังต้องผ่านอุปสรรคใดๆไปอีก....ความรักของทั้งสองจะสมหวังเมื่อไร ขึ้นอยู่กับความเข้มแข็งในจิตใจของคนทั้งสองคนเท่านั้น




    END 50% ------------------------------------------------------------------------------------------------

    อัพเพิ่มอีก 50% ค่ะ

                    
                   ช่วงอาทิตย์หน้า ชมรมบาสเกตบอลมีกิจกรรมสร้างสัมพันธไมตรีในทีมและพานักกีฬาทั้งหมดไปพักผ่อนเพื่อเตรียมตัวต่อการแข่งขันของนักศึกษาระดับหัวเมืองต่างๆ ทั้งคริสและจื่อเทามีรายชื่อที่ต้องร่วมเดินทางไปที่เกาะเชจู การจัดกิจกรรมของทางมหาลัยครั้งนี้มีการคัดเลือกนักศึกษาที่ทำชื่อเสียงให้แก่มหาลัย 2 ใน 10 คนนั้นคือ พยอนแบคฮยอน นักศึกษาเรียนดี และปาร์คชานยอล ที่มีความสามารถพิเศษทางด้านดนตรีล้นเหลือ

     

                    ปาร์คชานยอลและพยอนแบคฮยอนได้รับการแต่งตั้งจากอาจารย์ให้เป็นตัวแทนประธานเชียร์ เมื่อถึงวันแข่งขันบาสเกตบอลระดับมหาลัย ทั้งสองมีหน้าที่ในการดูแลทีมเชียร์และร่วมเดินทางไปพร้อมกับนักกีฬาทั้งหมด

     

                    “หลังจากไปเกาะเชจูอีกไม่นานก็ต้องลงแข่งแล้ว” ดวงตาคมเหลือบมองคนข้างๆ เขาเก็บอาการตื่นเต้นในหัวใจไว้เต็มอกจนต้องเปรยออกมา

     

                “ตื่นเต้นล่ะสิ จะได้ลงแข่งแล้ว” รอยยิ้มบางปรากฏบนใบหน้าของชานยอล

     

                    “ตื่นเต้นที่จะได้ไปเกาะเชจูกับนายต่างหาก” มือหนาเอื้อมจับมือบางขึ้นมากุมไว้เพื่อให้ความอบอุ่น

     

                    ใบหน้าสวยหวานขึ้นสีระเรื่อด้วยความเขินอาย เขาเองก็ดีใจไม่น้อยที่จะได้เป็นส่วนหนึ่งในการแข่งขันกีฬาของคริส ถึงจะไม่ได้เป็นทีมเชียร์แต่เขาก็เชียร์อู๋ฟานคนนี้สุดใจทุกครั้งที่มีการลงแข่งขัน

     

                    “ต้องนอนเต็นท์ด้วย ฉันกางเต็นท์ไม่เป็น ดึกๆจะมีตัวแมลงอะไรเข้ามาด้วยหรือเปล่าก็ไม่รู้” ร่างบางตัวสั่นสะท้านเมื่อคิดถึงแมลงตัวเล็กๆที่น่าขยะแขยงเพราะเขาเป็นคนกลัวแมลงมาก

     

                    “ให้นอนเป็นเพื่อนไหมล่ะ ฉันจะนั่งเฝ้า นายก็นอนไป ฉันจะคอยไล่แมลง” ใบหน้าคมยกยิ้มอย่างมีแผนการ มือบางตีเข้าไปที่ต้นแขนแกร่งพร้อมเสียงหัวเราะของคนทั้งสองที่กำลังนั่งเล่นหลังมหาลัยในช่วงเย็น

     

                    และแล้ววันเดินทางไปเกาะเชจูก็มาถึง กระเป๋าเป้ใบใหญ่ถูกสะพายไว้ด้านหลังของร่างบาง ใบหน้าหวานใสดูสดชื่น รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของชานยอล เขาช่วยนักกีฬาบาสเกตบอลหลายคนเก็บสัมภาระที่ด้านหลังรถ ร่างสูงเดินตรงเข้าไปและช่วยหยิบกระเป๋าจัดเรียงเพื่อความเรียบร้อย ในระหว่างที่ทั้งคริสและชานยอลช่วยกันเก็บของที่ด้านหลังรถ กระเป๋าใบเล็กใบหนึ่งก็ถูกเหวี่ยงเข้ามาที่มือของชานยอลอย่างจังจนเขาสะดุ้ง

     

                    “เดี๋ยวนี้มีหน้าที่เป็นเด็กขนกระเป๋าแล้วเหรอ ใบนี้มันราคาแพงมาก เก็บให้ดีล่ะ” เสียงเล็กของแบคฮยอนกำชับและออกคำสั่งกับชานยอล

     

                    มือหนาเอื้อมหยิบกระเป๋าสีดำขลับจากที่เก็บสัมภาระหลังรถโยนลงไปที่พื้นดังตุบ กระเป๋าราคาแพงหลายแสนวอนเลอะฝุ่นจากพื้นถนนจนดูไร้ราคา

     

                    “ชานยอลไม่ใช่เด็กเก็บกระเป๋า ถ้ามันแพงนักก็ถือขึ้นรถไปนอนกอดซะ!” คริสต่อว่าแบคฮยอน ร่างสูงกุมมือชานยอลเดินขึ้นรถบัสไปโดยทิ้งให้ร่างเล็กยืนโมโหตัวสั่นอยู่เพียงลำพัง

     

                    เสียงหัวเราะของใครคนหนึ่งดังมาจากทางด้านหลัง มือหนาแตะลงบนบ่าเล็กแลดูคล้ายกับการปลอบใจ ผิดตรงคำพูดที่ตรงกันข้ามกับการกระทำ

     

                    “กระเป๋าราคาแพงเลอะหมดเลย นี่ละนะของที่ไม่มีใครเห็นค่าก็จะถูกโยนทิ้งแบบนี้” จื่อเทาเดินยิ้มร่าขึ้นรถบัสไปด้วยความสะใจที่เห็นแบคฮยอนโดนตอกกลับจากคนถูกกระทำบ้าง

     

     

                    โซนที่นั่งในรถบัสถูกจัดตามลำดับการนั่ง คริสและจื่อเทาได้นั่งข้างกันโดยบังเอิญ แต่อย่างน้อยชานยอลก็ยังโชคดีที่ไม่ต้องนั่งข้างแบคฮยอน ทิวทัศน์ข้างทางเป็นภูเขาและต้นไม้เขียวขจี เสียงร้องรำทำเพลงในรถบัสทำให้หลายคนสนุกสนานไปกับมัน ดวงตาคมคอยเหลือบมองคนรักที่นั่งไม่ห่างจากเขานัก ร่างบางนั่งฟังเพลงจากหูฟังตั้งแต่เริ่มขึ้นรถ ศรีษะพิงกับกระจกและค่อยๆโงนเงนไปมา เขานั่งหลับเนื่องจากต้องตื่นแต่เช้ามาช่วยดูแลความเรียบร้อยในมหาลัย หน้าที่ของตัวแทนประธานเชียร์ไม่ได้มีไว้เก็บกระเป๋า เช็คชื่อ จัดที่นั่งให้นักกีฬาและเตรียมอาหารมื้อเช้า แต่ชานยอลก็รับทำมันแทบทุกอย่างด้วยใจ นี่คือความมีน้ำใจของเขาตั้งแต่ช่วงที่เขายังเป็นเด็กจนถึงปัจจุบัน

     

                    “ฉันเห็นนายนั่งมองชานยอลมาตลอดทาง มองตั้งแต่ยังไม่หลับจนจะถึงเกาะเชจู” เสียงเข้มเปรยขึ้นมาโดยที่ไม่ได้เหลือบมองคนข้างๆ

     

                    “รักชานยอลมากๆแบบนี้ดีแล้ว อย่าให้แบคฮยอนเข้ามาทำลายความสัมพันธ์ของนายสองคนได้ล่ะ” จื่อเทาพูดพลางเปลี่ยนเพลงในโทรศัพท์เล่น เขาดีใจกับชานยอลด้วยที่คริสเป็นคนดีอย่างที่เขาหวังไว้ แต่การเป็นคนดีมากเกินไปบางครั้งมันก็อาจย้อนกลับมาทำร้ายตัวเขาเองได้

     

                    คริสนิ่งเงียบ เขาไม่ตอบรับใดๆเนื่องจากเขาเองยังไม่ไว้ใจการกระทำของจื่อเทา เขาไม่มั่นใจว่าจื่อเทายังต้องการชานยอลอีกหรือไม่และเขากับจื่อเทาก็เคยมีปัญหากันมาหลายครั้ง

                   

                    ไม่นานรถบัสคันใหญ่ก็เดินทางมาถึงจุดหมายปลายทาง กระเป๋าสัมภาระถูกขนลงมาเพื่อวางกองไว้ นักศึกษาทั้งหมดจะต้องเข้าไปตั้งแคมป์ในป่าและสร้างสัมพันธไมตรีกัน ช่วยเหลือในการหุงหาอาหาร รวมถึงกิจกรรมต่างๆที่ถูกทางมหาลัยจัดเตรียมขึ้น

     

    ร่างบางค่อยๆลุกจากที่นั่ง เขาเดินผ่านแบคฮยอนเพื่อจะลงจากรถ รอยยิ้มร้ายวาดขึ้นที่ริมฝีปากคนตัวเล็ก ขาเรียวรีบยื่นออกไปจากเบาะที่นั่งเพื่อกลั่นแกล้งชานยอล ดวงตากลมโตเลิ่กลั่กเมื่อเขากำลังเซถลาล้ม มือหนาของจื่อเทาคว้าร่างของชานยอลไว้ได้ทัน ดวงตาคมของคริสจับจ้องไปที่ชานยอลและจื่อเทา แขนแกร่งโอบรอบเอวบางไว้หลวมๆ ร่างสูงรีบก้าวเข้ามาหาคนรักด้วยความเป็นห่วง ลึกๆแล้วเขาเองก็ยังหวาดระแวงในความสัมพันธ์ของชานยอลกับคนรักเก่า

     

                    “เป็นอะไรมากหรือเปล่า ฉันไม่อยู่ข้างๆซุ่มซ่ามตลอด” มือของคริสเอื้อมจับร่างบางเข้ามาประชิดตัว

                    
                    
    “ไม่เป็นอะไร แค่...สะดุดน่ะ” ดวงตากลมโตเหลือบไปมองดูแบคฮยอนที่นั่งอมยิ้มและสะใจในการกระทำของตนเอง

     

                    แบคฮยอนนั่งภูมิใจกับสิ่งที่ตนเองทำ ความคิดบางอย่างเกิดขึ้นในจิตใจ เมื่อพี่คริสไม่อยากจะเข้าใกล้ฉัน ฉันก็จะทำให้จื่อเทาอยากจะเข้าใกล้นายเอง...ปาร์คชานยอล

     

                    ช่วงเวลากลางวัน แต่ละทีมถูกจัดตั้งขึ้นเพื่อแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ตามภารกิจที่ได้รับมอบหมาย หน้าที่ของนักกีฬาก็คือการกางเต็นท์ ตระเตรียมที่พักให้เพื่อนและรุ่นน้องที่เข้าร่วมกิจกรรม ชานยอลและแบคฮยอนรับหน้าที่ทำอาหารและเตรียมของว่างให้กับเพื่อนๆและรุ่นพี่

     

                    มือบางหักกิ่งไม้กิ่งเล็กๆวางลงที่พื้น กองไฟถูกก่อขึ้นมาด้วยความยากลำบาก ชานยอลนั่งเป่าปากฟู่ๆใส่กองไฟและใช้ใบไม้ใบใหญ่ช่วยพัดให้ไฟติด กิ่งไม้กิ่งเล็กๆสีดำสนิทเริ่มไหม้และติดไฟ ใบหน้าสวยหวานยิ้มดีใจอยู่เงียบๆคนเดียว

     

                    “ก่อไฟเสร็จแล้วเหรอ เก่งนี่เราน่ะ” ร่างสูงนั่งลงข้างๆคนรักพร้อมรอยยิ้ม มือหนาใช้กิ่งไม้ช่วยเขี่ยฟืนให้ไฟติดมากยิ่งขึ้น

                    
                    
    “กว่าจะติดเล่นเอาเหนื่อยเลย” มือบางปาดเหงื่อเม็ดเล็กๆที่ผุดออกจากใบหน้า

     

                    ใบหน้าหวานใสมีรอยดำของฟืนจากกิ่งไม้ติดอยู่ข้างแก้ม คริสอมยิ้มขำๆเมื่อเหลือบมองและบังเอิญเห็นมันเข้า มือหนาเอื้อมไปแตะที่ข้างแก้มใส รอยยิ้มละมุนวาดขึ้นที่ริมฝีปากหนา

     

                    “แก้มใสๆของคุณหนูชานยอลเลอะหมดเลยครับ” นิ้วเรียวยาวเกลี่ยรอยดำที่แก้มออกอย่างแผ่วเบา


                    ริมฝีปากบางแย้มยิ้มด้วยความเขินอาย การกระทำทุกอย่างอยู่ในสายตาของแบคฮยอนที่ลอบมองมายังเขาทั้งสอง ความริษยาบ่งบอกทางสีหน้าที่บึ้งตึง ร่างเล็กเดินตรงเข้ามาด้วยความรวดเร็ว

     

                    “อาจารย์บอกว่าให้หาฟืนเผื่ออาหารมื้อเย็นด้วยนะชานยอล!” คนตัวเล็กยืนกอดอกและแผดเสียงเป็นคำสั่ง

     

    “ฉันไปหาให้เอง” คริสลุกขึ้นยืนจากพื้นดินและปัดกางเกงยีนส์ตัวเก่งที่เลอะเศษใบไม้

     

    “พี่คริสจะไปทำไม ไม่ใช่หน้าที่พี่ซะหน่อย...”

     

    “อู๋ฟาน ไม่ต้องหรอก” มือบางเอื้อมจับแขนแกร่งไว้ด้วยความเกรงใจ


                    
                     “นายรออยู่นี่แหละชานยอล เดี๋ยวฉันกลับมานะ” มือหนาลูบศรีษะคนรักเบาๆด้วยรอยยิ้ม

     

    ร่างสูงก้าวเดินเข้าไปในป่าอีกฝั่งโดยมีร่างของแบคฮยอนวิ่งตามไปติดๆ ร่างบางกำลังจะเดินตามคริสไปด้วยความเป็นห่วง แต่แล้วอาจารย์ที่คุมกิจกรรมการทำอาหารก็เดินเข้ามาสนทนากับชานยอลถึงเมนูอาหารมื้อเย็น ดวงตากลมโตได้มองตามแผ่นหลังกว้างของคริสที่เดินหายเข้าไปในป่าทีละน้อยจนลับตา

     

    กิ่งไม้ทั้งกิ่งเล็กและกิ่งใหญ่ถูกแขนแกร่งกอบกุมไว้ โดยมีแบคฮยอนช่วยเก็บเศษไม้เล็กๆอยู่ไม่ไกลจากร่างสูงนัก คริสไม่ต้องการให้ชานยอลเหนื่อยกับการหาฟืน เขารู้ดีว่าชานยอลบอบบางตั้งแต่ยังเด็ก เวลาเข้าค่ายทีไรเขามักจะได้รับบาดแผลกลับมาและชานยอลยังชอบพกยาพ่นกันแมลงติดกระเป๋ามาด้วยทุกครั้ง ใบหน้าคมอมยิ้มเมื่อนึกถึงคนรักที่กำลังทำอาหารอยู่ด้านนอก

     

    “นี่นายจะตามฉันมาทำไม เกะกะมากกว่าที่จะช่วยฉัน” เสียงเข้มบ่นคนตัวเล็กข้างๆ

     

    “ทำไมพี่ต้องคอยหลบผม เดินหนีผมตลอด ผมมันน่ารังเกียจมากสินะ” หน้าหวานใสกระเง้ากระงอดด้วยความน้อยใจ จะมีสักครั้งไหมที่คริสจะมอบคำพูดดีๆให้กับเขาบ้าง

     

    “ใช่ น่ารังเกียจ ในสมองมีแต่เรื่องสกปรกๆ” ร่างสูงเดินหนีไปอีกทางในขณะที่ก้มลงเก็บกิ่งไม้ใหญ่

     

    “พี่ไม่คิดบ้างเหรอว่าผมจะเสียใจแค่ไหนที่พี่พูดแบบนี้!” แบคฮยอนขว้างกิ่งไม้เล็กๆใส่ร่างสูงโปร่ง ดวงหน้าหวานเศร้าลงด้วยความน้อยใจ

     

    “นี่! หยุดนะ ฉันเจ็บ แบคฮยอน!” มือหนาชี้หน้าพร้อมกับเดินปรี่ตรงเข้ามาที่ร่างเล็ก

     

    “ผมไม่หยุด!” มือเล็กยังไม่หยุดขว้างปากิ่งไม้ เขาจับที่ข้อมือและผลักร่างเล็กให้หยุดการกระทำ แบคฮยอนเสียหลักล้มลงและโดนกิ่งไม้ใหญ่เกี่ยวที่ข้อเท้าจนเป็นแผลและเลือดก็ไหลซึมออกมาจากบาดแผลจำนวนมาก

     

    “โอ๊ยผมเจ็บ” สีหน้าบ่งบอกความเจ็บปวดจากบาดแผล มือเล็กเอื้อมจับที่ข้อเท้าและกุมมันไว้


                    “แบคฮยอน ฉันขอโทษ ฉัน ฉันไม่ได้ตั้งใจ” ร่างสูงรีบย่อตัวลงดูแผลที่ข้อเท้าของคนตัวเล็กกว่า สีหน้าของคริสกังวลใจเนื่องจากเขาเป็นคนทำให้แบคฮยอนเจ็บตัว

     

    “เดินไหวไหม” มือหนาช่วยพยุงร่างเล็กขึ้นมาจากพื้นด้วยความลำบาก

     

    ใบหน้าหวานส่ายศรีษะช้าๆ เขายังคงเจ็บแผลและข้อเท้าของเขาก็แพลง ร่างเล็กพยายามยันตัวเองลุกขึ้นมาแต่ก็ไม่สามารถฝืนทนความเจ็บปวดได้

     

    “รีบกลับไปทำแผลก่อนนะ” ร่างสูงช้อนร่างเล็กขึ้นอุ้มจากพื้นดินด้วยความเป็นห่วง

     

    ใบหน้าหวานใสจับจ้องคนตรงหน้าด้วยความรักและหลงใหล คริสเป็นผู้ชายที่หล่อเหลาราวเทพบุตรยังไม่พอ เขายังมีความเป็นสุภาพบุรุษ สิ่งนั้นยิ่งทำให้แบคฮยอนอยากได้ในตัวเขามากขึ้น แขนเล็กโอบรอบคอของคริสไว้ด้วยความสิเน่หา แม้แผลที่ขาของเขาจะเจ็บมากก็ไม่เท่าแผลที่จิตใจ เขาไม่เคยได้รับความสนใจจากคริสเลยจนกระทั่งวันนี้ที่ร่างสูงเหลียวมองเขาบ้างด้วยความห่วงใย


                     ใบหน้าคมยังคงมีสีหน้ากังวลเนื่องจากเขาเป็นต้นเหตุ ขายาวรีบก้าวเดินออกมาจากป่าลึกพร้อมกับอุ้มร่างเล็กไว้ในอ้อมแขน รอยยิ้มบางๆวาดขึ้นที่มุมปากของร่างเล็ก แม้ครั้งนี้จะมีโอกาสเพียงแค่ครั้งเดียว เขาก็ถือว่ามันคุ้มค่ากับการเจ็บตัว

     

    คริสอุ้มแบคฮยอนเดินตรงมายังเต็นท์ปฐมพยาบาลด้วยความเร่งรีบ นักศึกษาหลายคนยืนมุงดูกันด้วยความตกใจ ร่างบางยืนมองคนรักอยู่ห่างๆอีกมุมนึง เขาพยายามหักห้ามใจไม่ให้คิดมากแต่เขาก็ทำไม่ได้ เรื่องระหว่างคริสและแบคฮยอนยังคงตราตรึงในความรู้สึกของเขา ดวงหน้าหวานใสเศร้าลงเมื่อจับจ้องไปที่ใบหน้าคมที่มีสีหน้ากังวลกับแบคฮยอนอยู่ตลอดเวลา

     

    ชานยอลตัดสินใจเดินหลีกหนีภาพตรงหน้านั้นไปช้าๆ สองขาเรียวก้าวเดินเข้าไปในป่าอย่างไร้จุดหมาย...ดวงตากลมโตเศร้าสร้อยลง เขาหวังว่าสีเขียวของต้นไม้ใบหญ้าในป่าจะทำให้รู้สึกดีขึ้นบ้างไม่มากก็น้อย

     

    ผ่านมาไม่กี่ชั่วโมงในช่วงเวลาเย็นย่ำ ร่างสูงเดินตามหาคนรักทั้งในเต็นท์และโซนครัวที่จัดทำอาหาร แต่ก็ไม่มีใครพบเห็นชานยอล เมื่อจื่อเทาบังเอิญได้ยินเสียงของคริสเดินถามเพื่อนนักกีฬาด้วยกัน เขาจึงเอ่ยตอบกับร่างสูง

     

    “ฉันไม่เห็นชานยอลตั้งแต่บ่ายแล้ว เห็นครั้งสุดท้ายก็...” ใบหน้าเข้มมีสีหน้าครุ่นคิด

     

    “เห็นครั้งสุดท้ายตอนที่นายเดินอุ้มแบคฮยอนออกมาจากป่า!” จื่อเทารีบยืนขึ้นจากพื้นเต็มความสูงและเหลือบมองเข้าไปในป่าลึกที่ไม่ห่างไกลจากเต็นท์นัก

     

    “ปาร์คชานยอล!” สองเสียงตะโกนออกมาพร้อมกัน ร่างสูงโปร่งของคนทั้งสองวิ่งตรงเข้าไปในป่าด้วยความเป็นห่วง ... ขายาวของนักกีฬาบาสรีบออกวิ่งไปตามทาง โดยไม่สนใจสภาพแวดล้อมรอบข้างที่ดวงอาทิตย์ใกล้จะลับขอบฟ้าเต็มที "ปาร์คชานยอล รอฉันนะ ไม่ว่านายจะหายไปไหนอีกกี่ครั้ง ฉันก็จะตามหานาย" เสียงรำพึงในใจของอู๋ฟานเพื่อนรักวัยเด็กที่เปลี่ยนสถานะมาเป็นคนรักกำลังร่ำร้องในใจด้วยความกังวล...

     
    หากอยากสกรีมเชิญแทค #อาการแอบรัก ในทวิตได้เลยนะ หายไปนาน ขอโทษะนะจ๊ะรีดดดดด :)

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×