ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    อาการแอบรัก #KrisYeol

    ลำดับตอนที่ #1 : EP1- เพื่อนคนแรกของอู๋อี้ฟาน

    • อัปเดตล่าสุด 20 ส.ค. 56


    โรงเรียนมัธยมมงกูเป็นสถานศึกษาชื่อดังของกรุงโซล....ผู้ปกครองในโซลส่วนมาก นิยมไว้ใจให้บุตรหลานเข้าศึกษาที่นี่เพราะศักยภาพของทั้งครูอาจารย์และเด็ก ที่จบออกมามักมีคุณภาพในการเรียนสมคำล่ำลือ....เด็กที่ได้รับทุนจากการเล่น กีฬารวมถึงความสามารถที่โดดเด่นทางดนตรีก็มักจะได้รับการสนับสนุนจาก โรงเรียนมัธยมแห่งนี้....


    อู๋อี้ฟานก็คือ 1 ในนั้นเช่นกัน เด็กหนุ่มเชื้อชาติจีนวัย 14 ย่าง 15 ปีจำเป็นต้องเดินทางมาศึกษาต่อที่สถานที่ที่เขาไม่คุ้นเคย...แต่เนื่องจาก ครอบครัวของเขาและเขาเองก็เชื่อฟังคำสั่งของแม่ที่แนะนำให้มาเรียนต่อกลาง เทอมช่วงเกรด 8 (เทียบเท่าม.2ของไทย) ลำพังเขาต้องเดินทางมาอาศัยอยู่กับญาติห่างๆในเกาหลีและต้องห่างแม่มาไกลก็ เศร้ามากพออยู่แล้วและในตอนนี้เขาต้องเข้าไปพบเจอกับเพื่อนคนรอบข้างและสิ่ง แวดล้อมใหม่ๆอีกด้านภาษาเกาหลีอู๋ฟานเรียนรู้มาบ้างแต่ยังไม่เก่งหรือคล่อง นักเพราะใช้เวลาเรียนรู้มาก่อนที่จะเดินทางมาที่นี่แค่เพียง 1 ปี ซึ่งนั้นก็สร้างความหนักใจให้เด็กอายุแค่ 14 อย่างเขามากพอแล้ว....


    อู๋ฟานเด็กที่มักใส่ใจกับกีฬาบาสมากกว่าสิ่งอื่นใด ผิวที่ดำคล้ำจากการตากแดดและซ้อมกีฬาทุกเย็นทำให้เขาเป็นเด็กที่ไม่มี ราศี....เด็กที่ย่างก้าวเข้าสู่วัยรุ่นทั่วไปมักจะใส่ใจในการดูแลตัวเอง เพื่อก้าวไปสู่วัยหนุ่มที่สมบูรณ์แบบ....แต่อู๋ฟานไม่ใช่เด็กแบบนั้นทุกเย็น หลังจากที่เขาซ้อมบาสเสร็จ(ตอนเรียนที่จีน)...เขาแทบจะไม่ได้เปลี่ยนเสื้อ ผ้าและมักจะใส่ชุดนั้นกลับบ้านเสมอ...เขาทำมันเป็นกิจวัตรประจำจนเรียกว่า การแต่งตัวมอมแมมของเขามันเป็นเอกลักษณ์ของเขาไปซะแล้ว....



    และแล้วเช้าวันแรกของการเรียนก็มาถึง.......เสียงกริ่งที่ร.ร.มัธยมมงกูดัง เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าเริ่มคาบแรกในการเข้าเรียน....อู๋ฟานเดินผ่านห้องของนัก เรียนเกรด 8 ห้อง Bไปโดยมีสายตาของคนในห้องลอบมองออกมาเป็นระยะๆเนื่องจากการแต่งกายที่ดูมอม แมมและผิวที่ดูคล้ำของเขามักจะไม่ค่อยได้พบเจอในสถานศึกษาที่นี่เท่าไร นัก...

    "ชานยอลๆ....นายดูเด็กคนนั้นสิ....เห็นบอกว่าย้ายเข้ามาใหม่ชื่ออู๋ฟาน แต่งตัวแย่จังนะ" เพื่อนที่นั่งข้างๆชานยอลสะกิดให้ดูอู๋ฟานที่กำลังเดินผ่านห้องของชานยอ ลไป...ชานยอลเองก็ได้ยินข่าวเหมือนกันว่าวันนี้จะมีนักเรียนจีนที่ได้ทุนการ ศึกษามาเรียนที่ห้อง A ซึ่งเป็นห้องที่รวบรวมนักเรียนทุนไว้หลายแขนง...

    ปาร์คชานยอลเป็นนักเรียนเรียนดีคนหนึ่งที่สามารถสอบเลื่อนชั้นขึ้นมาเทียบ เท่ารุ่นพี่ในอายุที่มากกว่าเขา 2 ปีได้....รวมถึงความสามารถทางด้านดนตรีของชานยอลก็ไม่เป็นสองรองใครเช่นกัน ...ทุกเย็นก่อนกลับบ้านชานยอลมักฝึกซ้อมดีดกีต้าร์กีฬาสุดโปรดของเขาบริเวณ ห้องซ้อมซึ่งไม่ห่างจากสนามบาสกลางแจ้งของทางร.ร.มากนัก...

    สายตาที่ชานยอลมองอู๋ฟานแตกต่างจากเพื่อนที่นั่งข้างๆเขา....มันไม่ใช่สายตาดูถูกอย่างที่เพื่อนเขากำลังมีให้อู๋ฟาน...แต่มันคือสายตาที่มองด้วยความสงสารที่อู๋ฟานต้องถูกเพื่อนข้างๆของเขาพูดถึง ในทางที่ไม่ดี....ชานยอลเลือกที่จะไม่ตอบอะไรออกไปและนั่งเรียนต่อไปเงียบๆ .....เด็กอย่างอู๋ฟานที่ต้องจากบ้านจากเมืองของตัวเองมาในสถานที่ที่ไม่คุ้น เคยแบบนี้น่าสงสารมากกว่าที่จะได้รับคำครหาเหล่านั้น....หากเป็นชานยอลเขาคง ทำใจไม่ได้แน่ที่ต้องจากครอบครัวมาไกลถึงเพียงนี้.....




    .....เวลาในการเรียนแต่ละชั่วโมงผ่านไปอย่างรวดเร็วจนย่างก้าวเข้าสู่ช่วง บ่าย......เสียงกริ่งบอกเวลาให้รับรู้ว่าถึงเวลาเลิกเรียน...เด็กนักเรียน หลายคนต่างวิ่งกรูออกมาจากห้องรวมถึง...มีร่างสูงของอู๋ฟานเดินออกมาจากห้อง เรียนพร้อมกระเป๋าหนังสือเรียนใบใหญ่จนดูท่าแล้วอู๋ฟานน่าจะถือมันได้อย่าง ยากลำบาก....

    ร่างของเด็กหนุ่มเดินตรงไปยังสนามบาสเกตบอลหลังร.ร.และวางกระเป๋าใบนั้นไว้ ใกล้ๆกับต้นไม้ต้นใหญ่ที่พอจะบังแดดบังลมให้กับเขาได้บ้าง.....


    เขาเดินไปหยิบลูกบาสสีส้มซึ่งเปรียบเหมือนความใฝ่ฝันที่สูงสุดของเขาสำหรับ การเป็นกัปตันทีมและร่วมเล่นกับ NBA .....แค่วันแรกที่มาที่ร.ร.แห่งนี้ อู๋ฟานก็ไม่มีเพื่อนแล้ว....แทบไม่มีใครอยากจะคุยกับเขาทั้งในด้านของภาษา และรูปลักษณ์ภายนอกเขานั่งเรียนไปตลอดหลายชม.โดยที่เพื่อนๆรอบข้างไม่คุยกับ เขาซักคำ.....

    ความกดดันกับสถานที่เรียนและการมาที่นี่โดยลำพังทำให้อู๋ฟานเอาอารมณ์ของ เด็กคนหนึ่งไปลงกับลูกบาส.....เขาเลี้ยงลูกบาสรอบสนามและวิ่งเข้าชู้สที่ ห่วงหลายครั้ง.....ไม่มีซักครั้งที่เขาจะทำมันพลาด.....แม้พื้นที่จากแป้นบา สจะห่างจากตัวเขาหลายเมตร...เขาก็สามารถชู้สมันลงห่วงได้อย่างง่ายดาย....

    แดดที่ร้อนจัดในฤดูนี้กำลังแผดเผาลงมาที่สนามกีฬากลางแจ้ง...แต่เขาหาได้ สนใจไม่...ยังคงตั้งใจชู้สบาสเล่นกีฬาสุดโปรดของตนเองไปเพียง ลำพัง..........

    วันเวลาผ่านไปสักพักอู๋ฟานก็เดินก้าวเท้าช้าๆพาร่างสูงกว่าเด็กปกติของเขามา นั่งพักอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่.....ความเบื่อ ความเซ็งกับการไม่มีเพื่อนอาการโฮมซิคคิดถึงครอบครัวเมื่อเขามาเรียนในวัน แรกทำให้อู๋ฟานปาลูกบาสไปที่พื้นอย่างแรงจนมันกระดอนขึ้นไปบนท้องฟ้าและตกลง มาช้าๆ...........แต่ก่อนที่ลูกบาสจะตกถึงพื้นก็มีศรีษะของใครคนนึงมารับมัน ไว้อย่างจัง.........


    "โอ๊ย!!!" ......... เด็กหนุ่มน้อยตัวขาว แต่งตัวดีสะอาดสะอ้านล้มลงนั่งที่พื้นพร้อมกับข้าวของที่กระจัด กระจาย....กระเป๋าหนังสือเรียนตกอยู่ไม่ไกลข้างตัวเขา....รวมถึงกีต้าร์ที่ เขาถือติดมือมาด้วยก็ตกลงข้างลำตัว.....

    ชานยอลยกมือเรียวบางของตนเองจับไปที่ศรีษะที่มันทำท่าเหมือนจะปูดขึ้นมาจาก แรงกระแทกของลูกบาส....ดวงตากลมโตของเขาหรี่ตาลงด้วยความเจ็บ.....อู๋ฟาน ตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นจึงรีบวิ่งไปดูเด็กหนุ่มที่นั่งทรุดกายลงที่สนามบา สข้างหน้าเขา....

    "เห้ย นายเป็นอะไรมากหรือเปล่า ฉันขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจ" ........ อู๋ฟานรีบเดินไปดูและนั่งลงข้างๆชานยอลด้วยความเป็นห่วงเขาเอื้อมมือหนาที่ ค่อนข้างแข็งกร้านจากการจับลูกบาสไปลูบที่ศรีษะของชานยอลเบาๆเพื่อปลอบเด็ก น้อยตรงหน้า...

    "อือ....ไม่เป็นไรมากหรอกแค่เจ็บๆนิดหน่อย...." ชานยอลยังคงเอามือของตนเองลูบไปที่ศรีษะของเขาเพื่อคลายความเจ็บปวด

    "กีต้าร์ กีต้าร์ฉัน ตายละ มันเป็นอะไรหรือเปล่า!" ชานยอลมองไปยังกีต้าร์ตัวเขื่องที่ตกอยู่ข้างๆเขาและรีบเอามือควานหา มัน...หากมันเสียหายหรือมีรอยถลอกแค่นิดเดียวเขาคงเสียใจ....

    อู๋ฟานยิ้มออกมาน้อยๆเมื่อเห็นเด็กหนุ่มอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเขาที่กำลังใส่ใจความเจ็บปวดของกีต้าร์มากกว่าตัวของเขาเอง

    "อือ งั้นนายไม่เจ็บใช่มะ....ฉันจะได้เล่นบาสต่อ" อู๋ฟานหยิบลูกบาสที่อยู่ข้างตัวของชานยอลเดินถือมันและตั้งท่าจะเดินห่างออกไป

    "เดี๋ยวก่อน!ช่วยฉันเก็บของก่อนสิ....นักเรียนจีนนี่เขาไม่มีน้ำใจเหรอไงนะ" .......ชานยอลแกล้งพูดตะโกนไล่หลังอู๋ฟานเนื่องจากเขายังมีอาการมึนศรีษะและข้าวของที่เขาถือมาต่างก็กระจัดกระจาย น้ำใจที่จะช่วยเขาเก็บของก่อนนี่จะไม่มีเลยหรือ

    อู๋ฟานหันกลับมามองตามเสียงนั้นอีกครั้ง เด็กหนุ่มน้อยหน้าใสดวงตากลมโตยังคงจับจ้องมาที่เขา....ใบหน้าที่ดูไม่มีพิษ มีภัยและไม่คิดจะเอาเรื่องกับคนที่ทำเขาเจ็บตัว....

    เขาทั้งสองคนช่วยกันก้มเก็บหนังสือเรียนที่กระเด็นกระดอนออกมาจากกระเป๋าของ ชานยอล.....อู๋ฟานค่อยๆช่วยพยุงชานยอลให้ลุกขึ้นจากที่พื้นช้าๆ....เนื่อง จากชานยอลยังคงมีอาการมึนศรีษะเล็กน้อยจากการที่ถูกลูกบาสกระแทก.....ชานยอ ลเดินพาร่างบางของตัวเองมาหลบนั่งพักอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่โดยมีอู๋ฟานเด็กบ้า กีฬาตัวดำเล่นชู้สบาสและเลี้ยงบาสอยู่บริเวณสนามกลางแจ้งอย่างท้าทายแสง แดด.....

    เวลาที่อู๋ฟานเล่นบาสเขาดูโดดเด่นกว่าเด็กทั่วไปอย่างเห็นได้ชัด......ชานยอ ลนั่งมองและชื่นชมความสามารถของอู๋ฟานอยู่เงียบๆเด็กผู้ชายที่ใส่ใจกีฬาที่ มีนิสัยคล้ายๆกับเขาที่ใส่ใจเกี่ยวกับเรื่องดนตรี.....

    "อู๋ฟานนนนน ไม่กลัวดำเหรอ แดดมันแรงนะ" ..... ชานยอลตะโกนออกไปสุดเสียงเมื่อเขานั่งดูอู๋ฟานเล่นบาสอยู่ใต้ต้นไม้สักพัก....

    "นายรู้ชื่อฉันด้วยเหรอ?? ฮ่าๆ"

    "ฉันไม่กลัวหรอก.... ถึงกลัวดำก็ไม่ทันแล้วววว" ..... เสียงอู๋ฟานตะโกนกลับมาพร้อมรอยยิ้มของเด็กทั้งสองที่กำลังหัวเราะให้กัน อย่างสนุกสนาน....



    .....เมื่อเข้าสู่ช่วงเวลาเย็นชานยอลก็นั่งเล่นกีต้าร์เบาๆพร้อมบรรเลงเพลง ที่เขาชื่นชอบ....อู๋ฟานนั่งฟังเสียงกีต้าร์ของชานยอลอยู่ข้างๆมันทำให้เขา ประหลาดใจมากที่เสียงกีต้าร์ของชานยอลไพเราะได้ขนาดนี้.....ทั้งเสียง กีต้าร์ของชานยอลและเสียงร้องของเขามันเหมือนมีมนต์สะกดทำให้อู๋ฟานต้องหยุด ฟังและเผลออมยิ้มออกมา........อู๋ฟานนั่งมองใบหน้าของชานยอลเพื่อนคนแรกของ เขาในโซล.....เพื่อนที่มีอะไรคล้ายๆกัน....ดวงตากลมโตสดใสที่ฉายแววมุ่งมั่น ขณะเล่นกีต้าร์...ปากเรียวบางที่กำลังขับกล่อมเสียงเพลงมันทำให้อู๋ฟานแอบ มองชานยอลอย่างลืมตัว.....ความอ่อนโยนของชานยอลทำให้อู๋ฟานรู้สึกอบอุ่นขึ้น มาช้าๆหลังจากใช้เวลานั่งคุยกันแค่ไม่กี่ชม.คงจะเป็นเพราะตอนนี้อู๋ฟานไม่มี ใครแม้กระทั่งครอบครัวหรือเพื่อน...แค่ได้รู้จักชานยอลตอนนี้เขาก็ดีใจมาก แล้ว....

    "อือ......อู๋ฟาน นายแก่กว่าฉัน 2 ปีอ่ะ ฉันต้องเรียกนายว่าพี่มั้ย ที่จีนเขาถือหรือเปล่า" ..... เสียงพูดของชานยอลทำให้อู๋ฟานหลุดออกมาจากภวังค์พร้อมกับสะดุ้งเล็กน้อย เพราะเขากำลังคิดอะไรเรื่อยเปื่อยอยู่....

    "อยากเรียกอะไรก็เรียกเถอะ...อย่าเรียกฉันว่าไอ้อู๋ฟานก็พอละ" เสียงพูดของอู๋ฟานทำให้ชานยอลอดขำไม่ได้สำเนียงที่พูดภาษาเกาหลีไม่ชัดและ ความกวนของเขาที่มีอยู่ลึกๆ.....บางทีคุยกับอู๋ฟานก็ดูสนุกดี...

    เขาทั้งสองต่างนั่งคุยกันเรื่องของประเทศเกาหลีและจีนรวมถึงความเป็นอยู่ว่ามีอะไรคล้ายคลึงกันบ้าง....แต่แล้วชานยอลก็พูดขัดขึ้นมา

    "อือ..อู๋ฟาน สอนฉันเล่นบาสบ้างสิ" ชานยอลพูดพลางเขย่าแขนอู๋ฟานด้วยความตื่นเต้นเพราะเขาเห็นอู๋ฟานเล่นแล้วมัน ดูเท่ห์มากบางทีถ้าเขาเล่นเขาอาจจะดูเท่ห์แบบนั้นบ้าง .....

    "บอบบางอย่างนายอย่าเล่นเลย เดี๋ยวผิวขาวๆแบบคุณหนูชานยอลจะดำหมด" ..... อู๋ฟานพูดพลางใช้นิ้วมือของเขาจิ้มไปที่แขนของชานยอลเบาๆ.....

    "เห้อ ก็จริง ฉันไม่อยากดำ ฮ่าๆๆ งั้นฉันสอนนายเล่นกีต้าร์เอง" ชานยอลพูดพร้อมกับขยับเข้าไปนั่งใกล้ๆกับอู๋ฟานมากขึ้นและเอากีต้าร์ของเขา ไปวางไว้บนตักอู๋ฟานแทน...

    มือที่เรียวบางของชานยอลจับไปที่นิ้วมือและฝ่ามือที่แข็งแกร่งของอู๋ฟานโดย ที่อู๋ฟานไม่ได้ร้องขอ.....แต่ก็ยินยอมกับการเป็นนักเรียนของชานยอล....คุณ ครูชานยอลกำลังจะสอนเขาเล่นกีต้าร์.....ชานยอลใช้นิ้วมือเล็กๆของเขาจับนิ้ว มือเรียวยาวของอู๋ฟานให้มาจับคอร์ทกีต้าร์รวมถึงลองดีดมันดูจนเกิดเสียง ดนตรีขึ้น....เด็กหนุ่มสองคนนั่งหัวเราะกันเบาๆใต้ต้นไม้ใหญ่ที่กำลังให้ร่ม เงา....

    หลายครั้งที่อู๋ฟานลอบมองใบหน้าและแววตาอ่อนโยนของชานยอลที่กำลังมอบให้ เขา....มันทำให้อู๋ฟานเกิดความรู้สึกแปลกๆขึ้นในใจซึ่งเขาเองก็ไม่รู้ว่ามัน คือความรู้สึกอะไร....รู้สึกแต่ว่ามีความสุขเมื่อได้อยู่ใกล้ๆเพื่อนตัวขาว หน้าใสของเขาคนนี้....


    เย็นวันนั้นทั้งอู๋ฟานและชานยอลนั่งเล่นกีต้าร์กันข้างสนามกีฬาบาสกลาง แจ้ง.....มันทำให้เขาทั้งสองสนิทกันได้ภายในวันเดียว....ความสัมพันธ์แบบพี่ น้องที่ชานยอลมอบให้....มันทำให้หัวใจของอู๋ฟานอบอุ่นขึ้นในตอนที่เขาไม่มี ใคร.....

    "ชานยอล นายกลับบ้านยังไงอ่ะ ให้ฉันไปส่งมั้ย" .....อู๋ฟานเอ่ยถามชานยอลด้วยความเป็นห่วงเพราะมันเป็นเวลาเย็นจนใกล้จะมืดค่ำแล้ว...

    "ที่บ้านมารับน่ะ เอ่อ อู๋ฟาน....ที่นี่โซลบ้านเกิดฉันนะ ไม่ใช่กวางโจวบ้านนาย ฮ่าๆ" ชานยอลตอบไปพร้อมกับรอยยิ้มขำๆ.....ซึ่งมันก็ทำให้อู๋ฟานคิดได้ว่าที่นี่ไม่ ใช่บ้านเกิดของเขานี่นา เขาต่างหากที่ยังไม่ชินทางมากนัก....

    วันแรกในการเรียนที่ร.ร.มงกูแม้จะดูไม่เลวร้ายมากนักในความรู้สึกของคริ สเพราะมีความโชคดีอย่างหนึ่งที่เขาพบเจอก็คือการได้รู้จักกับ"ปาร์คชานยอ ล"....ค่ำคืนนั้นอู๋ฟานเข้านอนด้วยรอยยิ้ม แม้เขาจะเหนื่อยจากการเล่นบาสแต่ก็มีความสุขในใจอย่างประหลาดมันทำให้อู๋ฟาน อยากไปร.ร.มากกว่าคืนก่อนๆที่ผ่านมา.........




    เช้าวันรุ่งขึ้นหลังจากตะวันโผล่พ้นขอบฟ้าไปไม่นาน......อู๋ฟานก็รีบอาบน้ำ แต่งตัวและปั่นจักรยานไปโรงเรียนมงกูด้วยความเร่งรีบเพราะเขาตื่นสายและ เมื่อคืนอู๋ฟานก็เอาแต่คิดถึงชานยอลเพื่อนเล่นคนเดียวของเขา.....

    หลังจากเขาเตะขาตั้งรถจักรยานเพื่อจอดใต้ตึกเรียนก็รีบวิ่งไปเต็มฝีเท้า เพื่อเข้าเรียน....ระยะทางที่อู๋ฟานต้องเดินไปห้องเรียนของเขาต้องผ่านห้อง B ห้องของชานยอล....อู๋ฟานแกล้งเดินผ่านช้าๆเพื่อมองหาชานยอลที่กำลังนั่ง เรียนในห้อง....ร่างโปร่งบางของเด็กหนุ่มตัวขาวหน้าใสกำลังเล่นกับเพื่อนที่นั่งข้างๆพร้อม เสียงหัวเราะ.....ใบหน้าของชานยอลดูน่ารักสดใสเวลาที่เขายิ้ม....มันทำให้คน รอบข้างเขาต่างมีความสุขไปด้วย.....อู๋ฟานลอบมองชานยอลด้วยความน้อยใจ นิดๆ....เขามีเพื่อนคือชานยอลคนเดียว...แต่ชานยอลมีเพื่อนมากมายอยู่รอบตัว เขา....แค่นี้เขาทั้งสองคนก็ดูแตกต่างกันมากแล้วทั้งการแต่งตัว รูปร่างหน้าตาและสภาพแวดล้อมรอบข้าง......

    เมื่อถึงเวลาพักกลางวัน....อู๋ฟานเก็บหนังสือและของใช้สำหรับการเรียนลงใน ลิ้นชักใต้โต๊ะและลงไปรับประทานอาหารกลางวันตามปกติที่โรงอาหารมีเด็ก นร.พลุกพล่านเต็มไปหมด โต๊ะทานอาหารแทบจะไม่เพียงพอกับเด็กนร.จำนวนมาก.........อู๋ฟานเดินหาโต๊ะ อาหารที่ว่างๆหลายโต๊ะซึ่งเขาก็พบมันและนั่งลงช้าๆที่โต๊ะนั้น....



    "โต๊ะนี้นั่งไม่ได้ พวกฉันจองไว้แล้ว!" .... เสียงเด็กอ้วนเจ้าถิ่นตะคอกใส่อู๋ฟานด้วยสีหน้าจริงจัง......อู๋ฟานยืนมอง ด้วยสีหน้าไม่พอใจเช่นกันเพราะเขาเดินหาโต๊ะว่างมาหลายโต๊ะแล้วแต่ก็ไม่มี โต๊ะไหนที่เขาสามารถนั่งมันได้เลย....

    "ฉันก็ไม่เห็นว่าจะมีใครจองไว้นี่" อู๋ฟานตอบกลับไปด้วยความสุดจะทนแต่เขาก็ยังคงพยายามรักษามารยาทของเขาไว้

    อู๋ฟานยังคงทำท่าตักอาหารตรงหน้าเข้าปาก...แต่แล้วเด็กอ้วนเจ้าถิ่นก็ใช้ฝ่า มือของตนตบไปตรงจานข้าวจนมันกระจัดกระจายเลอะเสื้อผ้าของอู๋ฟานหมดทั้ง ตัว.....

    เสียงในโรงอาหารเงียบกริบเมื่อเสียงจานของอู๋ฟานถูกตบกระแทกโต๊ะ สายตาของเด็กนักเรียนทั้งหมดในโรงอาหารต่างหันมามองบริเวณโต๊ะอาหารตัวนั้น เป็นตาเดียวกัน.....

    อู๋ฟานค่อยๆยืนขึ้นเต็มความสูงของเขาและกำหมัดด้วยความโกรธ ถึงแม้เขาจะเป็นนักเรียนจีนที่เพิ่งเข้ามาเรียนที่นี่ใหม่แต่เขาก็ไม่ควรได้ รับการต้อนรับแบบนี้.....มือหนาของอู๋ฟานตรงเข้ากระชากคอเสื้อของเด็กอ้วน ตรงหน้าพร้อมกับง้างหมัดออกและจงใจจะซัดลงไปตรงใบหน้าของเด็กคนนั้น....

    "อู๋ฟาน อย่า !!!!" เสียงชานยอลตะโกนเข้าห้ามปรามและพยายามดึงรั้งตัวของอู๋ฟานไว้ ชานยอลรู้ดีว่าหากมีเรื่องกันไป
    ไม่ส่งผลดีต่อตัวของอู๋ฟานแน่เนื่องจากเขาเป็นนักเรียนใหม่และอาจจะได้รับการถูกลงโทษ

    "ปล่อยฉันสิชานยอล!!" อู๋ฟานสะบัดแขนด้วยความโกรธและเดินตรงเข้าไปเพื่อจะทำร้ายร่างกายเด็กอ้วนตรงหน้าอีกครั้ง

    "อย่ามีเรื่องเลยนะ ฉันขอร้อง" ชานยอลกอดที่เอวของอู๋ฟานด้านหลังเพื่อใช้แรงทั้งหมดที่มีอยู่ของตัวเขาดึง อู๋ฟานไว้...และก็ต้องใช้แรงมากพอสมควรเนื่องจากอู๋ฟานเป็นนักกีฬาที่แรง ค่อนข้างเยอะซะด้วย...

    หลังจากที่ชานยอลใช้เวลายื้อยุดฉุดกระชากอู๋ฟานจากบริเวณนั้น......อู๋ฟานก็ ตัดสินใจหันหลังกลับเดินออกมาจากบริเวณโรงอาหารด้วยความโมโหสุดขีดโดยมีชาน ยอลวิ่งตามมาใกล้ๆ.....ชานยอลคว้าแขนของอู๋ฟานไว้และต้องการให้เขาสงบสติ อารมณ์ให้มากกว่านี้.....

    "อู๋ฟาน...นายใจเย็นๆสิ มีเรื่องไปเดี๋ยวนายก็ถูกทำโทษจากคุณครูนะ ไอ้อ้วนนั่นมันเป็นอย่างนี้อยู่แล้ว ใครมาใหม่มันก็จะแกล้งแบบนี้แหละ"

    ชานยอลพยายามพูดปลอบใจให้อู๋ฟานรู้สึกดีขึ้นแต่มันกลับไม่เป็นผลดีเลย กลับทำให้อู๋ฟานรู้สึกน้อยใจและเสียใจมากขึ้นที่เขาต้องมาอยู่ที่นี่และตก อยู่ในสภาพนี้.....

    "ปาร์คชานยอล! นายไม่รู้หรอกว่าเป็นฉันจะรู้สึกยังไง นายมีเพื่อนเยอะแยะ มีคนรอบข้างที่ดีกับนาย!แล้วฉันล่ะ ฉันล่ะมีใคร!"

    อู๋ฟานยืนมองเหม่อออกไปข้างหน้า.....น้ำตาของเขากำลังจะไหล เด็กอายุ 14 ที่ต้องมาอยู่ที่นี่เพียงลำพังเพราะการศึกษาเขาลำพังแค่ตัวคนเดียว ไม่มีแม้กระทั่งครอบครัวที่ตามมาด้วยรวมถึงเพื่อนหรือคนรู้ใจก็ไม่มี....

    "นายยังมีฉันไงอู๋ฟาน ฉันเป็นเพื่อนนายนะ....ฉันจะเป็นเพื่อนนายเอง" ชานยอลเดินเข้าไปประชิดด้านหลังอู๋ฟานพร้อมกับจับบ่าของเขาบีบเบาๆเพื่อให้ กำลังใจ....อู๋ฟานน่าสงสารกับการที่ต้องมาอยู่ที่นี่เพียงลำพังโดยปราศจาก ครอบครัวและเพื่อน.....ชานยอลเข้าใจความรู้สึกนั้นดี

    อู๋ฟานเงยหน้าของเขาขึ้นมองท้องฟ้าเพื่อไม่ต้องการให้ใครเห็นน้ำตาของ เขา....มันคือวิธีการที่เขาทำมันตั้งแต่เขายังเด็กๆแม้มันจะช่วยให้น้ำตาไหล ออกมาได้น้อยลงกว่าเดิมแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าน้ำตาจะไม่ไหลออกมาเลย....

    ชานยอลรู้ว่าอู๋ฟานกำลังร้องไห้....เขาลูบไหล่ของอู๋ฟานเพื่อเป็นการปลอบให้ อู๋ฟานหยุดร้อง...แผ่นหลังหนาใหญ่ของอู๋ฟานกำลังกลั้นสะอึกและกลั้นน้ำตาไว้ อย่างมากที่สุด....

    "อู๋ฟาน....ร้องไห้ออกมาเถอะ ถ้ามันทำให้นายดีขึ้น" ..... ชานยอลยังคงพูดปลอบอู๋ฟานเพื่อนต่างเชื้อชาติตรงหน้าของเขาด้วยความรู้สึก เป็นห่วง...

    อู๋ฟานใช้หลังมือของตนเองยกขึ้นปาดน้ำตาของเขาไว้.....พร้อมหันหลังกลับมา มองใบหน้าของชานยอลเพื่อนที่ทำให้เขายิ้มได้...ฝ่ามือหนาของอู๋ฟานดึงร่าง บางของชานยอลเข้ามากอดไว้แน่นพร้อมกับซุกใบหน้าของเขาที่กำลังอ่อนแอก้มลง ที่ไหล่ของชานยอลน้ำตาของเขาหยุดไหลแล้วเพราะเขาไม่ต้องการให้มันเปียกและ เลอะเสื้อที่สะอาดตาของชานยอล.....การกอดชานยอลครั้งนี้มันทำให้อู๋ฟาน รู้สึกอบอุ่นใจขึ้นมาได้บ้าง.....ไออุ่นจากอ้อมกอดของเพื่อนอย่างชานยอลคงจะ ช่วยอู๋ฟานได้ในยามที่เขาต้องการใครซักคน....

    ชานยอลยกมือของเขาโอบกอดไปที่ลำตัวของอู๋ฟานเช่นกันพร้อมกับลูบไปที่แผ่นหลังของเพื่อนตัวสูงของเขาเบาๆเพื่อเป็นการปลอบขวัญ....


    "อู๋ฟาน ฉันจะเป็นเพื่อนนายเอง ฉันจะอยู่ข้างๆนายเองนะ" ........

    ร่างเด็กหนุ่มสองร่างยืนกอดปลอบใจกัน....ความอบอุ่นจากใจของชานยอลพยายามที่ จะส่งผ่านไปถึงตัวของอู๋ฟาน ขอให้มันซึมลึกเข้าไปไม่มากก็น้อยเพื่อช่วยให้เพื่อนตัวสูงของเขารู้สึกดี ขึ้นมากกว่านี้ด้วยเถอะ.....อู๋อี้ฟาน อย่าร้องไห้นะ.....

    END EP1---------------------------------

    ใครอยากสครีมเชิญแทคในทวิต #อาการแอบรัก นะคะ ขอบคุณที่ติดตามค่ะ ><
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×