ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Sleepy Girl and Crying Boy : ยัยขี้เซากับนายขี้แย

    ลำดับตอนที่ #2 : เวลาของความรักที่ได้เดินหน้าอีกครั้ง

    • อัปเดตล่าสุด 26 ส.ค. 56


              (นิว Route.)

              หลังจากนั้นก็ผ่านมาได้ประมาณราว ๆ  3 เดือนเศษแล้ว

              ที่ฉันและปลัน  ได้นัดพบกัน  และได้เลิกรากันไปเพราะเพื่อนฉันบังคับ

              ใช่

              ในตอนนั้นที่ฉันและพวกเพื่อน ๆ  แยกตัวกันออกมาจากปลัน  ปิงก็มาขอโทรศัพท์ของฉันพร้อมถามถึงเบอร์ของเขา  ทีแรกฉันเองก็ไม่เข้าใจว่าเพื่อนของฉันกำลังทำอะไร  จึงให้ไปอย่างว่าง่าย  และได้มารู้ทีหลังว่าปิงสวมรอยเป็นฉันเพราะพอไปเปิดสเตตัสของปลันดูใน SNS ก็พบว่า  ปลันได้โพสต์ข้อความทิ้งไว้บนหน้ากระดานว่า

              โดนแฟนคนที่ 10 บอกเลิกอีกแล้ว อกของฉันมันชาเหลือเกิน

              Makuro.

              จนป่านนี้ฉันก็ยัง...  งื้อออ  ยังทำใจไม่สงบอ่ะ =__=’’

              เหมือนยังรู้จักเค้าไม่ดีพอยังไงก็ไม่รู้  ถึงหน้าตาเค้าจะดูโหด ๆ  ไปหน่อยก็เหอะ  แต่ว่าเวลาฉันอยู่ใกล้ ๆ  ฉันรู้สึกปลอดภัยนะ  ไม่เห็นจะทำอะไรแปลก ๆ  เลย  ถึงจะเคยขอจับมือก็เหอะ  แต่ตอนนั้นฉันประหม่ามาก  แถมเหงื่อก็ออกที่มือด้วย  ที่จริงมันมันไหลออกมาจนชุ่มมือไม่ใช่ความกลัวที่จะได้สัมผัสกับเค้านะ  แต่มันเป็นโรคกรรมพันธุ์ที่ติดมาจากแม่ต่างหาก

              รู้สึกผิดจังเลย =__=’’

              ขณะที่ฉันคิดเรื่องนี้อยู่  ฉันก็กำลังจะกลับบ้านของตัวเอง

              คิดนู่นนี่ไปเรื่อย  ตอนแรกก็คิดถึงเรื่องที่จะสอบวัดระดับความรู้ของปลายภาคอยู่หรอกนะ  เพราะปีนี้ฉันก็จะจบ ม.6 แล้ว  ไม่รู้คิดไปคิดมาอีท่าไหน  ถึงได้มาคิดถึงเรื่องของปลันก็ไม่รู้

              กริ๊งง~~.

              “ว้าย =A=!!  อ๊ะ  อ้าว  โธ่เอ๊ย  แค่โทรศัพท์ดังทำเป็นตกใจไปได้  ยัยบ๊องเอ๊ย”

              ฉันบ่นพึมพำกับตัวเองแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา

              “อืม...เบอร์ใครเนี่ย  คุ้น ๆ  แฮะ”

              แต่ฉันก็ไม่ได้เอะใจอะไร  จึงกดรับสายและเดินต่อแล้วพูดใส่โทรศัพท์ตามปกติ

              “ฮัลโหล”

              (สวัสดีค่า~)

              พรวดดด!  ฉันเกือบหน้าทึ่มเมื่อได้ยินเสียงจากปลายสาย  เสียงใครล่ะเนี่ยไม่คุ้นเลย  รึว่าเป็นเพื่อนที่จะจงใจมาแกล้งกันอะ =__=’’

              “เอ่อ  นั่นใครคะ” ฉันถามโดยที่ยังยืนเอ๋อ ๆ  อยู่

              (เอ๋  จำเราไม่ได้เหรอคะ  นี่ ๆ  เราเองไง)

              แล้วใครมันจะจำได้เล่า~~!  ใครอะ  เพื่อนตอน ม.ต้น เหรอ  ไม่รู้จริง ๆ  อะว่าเธอเป็นใคร -*-

              “อ่า...  ขอโทษนะ  เราจำเธอไม่ได้อะ  บอกชื่อได้มั้ย”

              (เห้อ  ไม่ไหวเล้ย  แล้วถ้าแบบนี้ล่ะ)

              เสียงในสายเงียบไปราว ๆ  5 วิฯ แล้วพูดขึ้น

              (หวัดดีตอนเย็นนะ  ไม่ได้คุยกันนานเลย)

              เสียงเปลี่ยนกลับมาเป็นเสียงผู้ชาย  และเสียงก็คุ้น ๆ  มาเลยด้วย *0*!

              “หะ!  เอ  รึว่าเธอ..”

              (เราเองนะ  มาคุโร่ไง  ไม่สิ  เราปลันเอง)

              “หา!!!

              ฉันตะโกนซะลั่นเสียจนวินฯ มอเตอร์ไซค์หน้าปากซอยหันมามองอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา  โอ้  เอ่อ...มองไปทางอื่นก็ได้ค่ะคุณวินฯ ทั้งหลาย  ฉันอายค่ะ - -

              “เอ่อ  ขะ  ขอเวลาแป๊บนึงนะ”

              ฉันรีบเดินจ้ำอ้าวขึ้นแมนชั่นขนาด 5 ชั้น  ซึ่งห้องของฉันอยู่ชั้น 4 และปิดประตูดังปัง  ด้วยความตกใจที่เค้าโทรมาไม่หาย  แถมยังทำตัวโก๊ะ ๆ  ให้อายชาวบ้านอีก = =’’

              “เอ่อ ละ  แล้วโทรมาได้ยังไงเนี่ย” ฉันทิ้งตัวลงนอนบนฟูกอย่างเหนื่อยล้า  พูดทั้ง ๆ  ที่ยังหายใจขัด ๆ  อยู่

              (ก็เธอให้เบอร์ฉันไว้เองนี่นา  เอ..รบกวนหรือเปล่า)

              “มะ  ไม่เป็นไร  ตอนนี้คุยได้  พอดีฉันเพิ่งถึงบ้านน่ะ”

              (อื้ม ๆ  โทษที ๆ  ที่ยังอุตส่าห์โทรมารบกวนอีก  ทั้ง ๆ  ที่ผมเองควรน่าจะลบเบอร์เธอทิ้งไปแล้ว  เพราะดูจากเมื่อกี๊ที่เธอรับสายผม  คงน่าจะจำผมไม่ได้สินะ)

              “เอ๋  ก็เธอดันดัดเสียงผู้หญิงนี่นา  ฉันก็เลยไม่รู้ว่าเป็นใคร  ตอนแรก  ฉันก็คิดว่าเพื่อนใช้เบอร์แปลก ๆ  โทรมาหาฉันซะอีก”

              (นั่นไง  เธอลบเบอร์ผมออกจริง ๆ  ด้วยอะ  ง่า..)

              “แหะ ๆ  โทษที ๆ” ฉันหัวเราะออกมาแบบเฝื่อน ๆ  เล็กน้อย  เพราะรู้สึกจี๊ด ๆ  ในอกยังไงชอบกล

              เพราะถึงเค้าจะพูดเหมือนเป็นเรื่องตลก  แต่ฉันกลับรู้สึกผิดที่ลบเบอร์ของเขาออกไป

              ลบออกไป  ตั้งแต่เหตุการณ์เมื่อ 3 เดือนก่อนนั่น

              (ผมไม่ลบเบอร์เธอหรอกน่า  ตอนนี้ยังจำได้ขึ้นใจเลยด้วย  อ๊ะ  ไม่เชื่อกันสินะ  ให้ฉันท่องเบอร์เธอให้ฟังมั้ยล่ะ)

              ยิ่งเค้าพูดแบบนี้ออกมาด้วยน้ำเสียงร่าเริงแล้ว  ฉันที่นอนอยู่ยิ่งรู้สึกผิดเข้าไปใหญ่  มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์  ส่วนอีกข้างก็จิกฟูกที่นอนจนยุบ  เป็นความรู้สึกกระวนกระวายใจที่ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยสัมผัสมาก่อน

              “ฉันขอโทษนะ”

              (เอ๋  ขอโทษ?  ขอโทษทำไม  เธอยังไม่ทำอะไรเลยนะ  ฉันเพิ่งโทรมาเอง)

              “ขอโทษนะ  เรื่องในตอนนั้น”

              ในที่สุดฉันก็พูดออกไป

              ดูเหมือนปลันจะเข้าใจในความหมายที่ฉันสื่อ  เขาจึงเงียบจากในสายไปครู่หนึ่ง  แล้วตอบกลับมา

              (อื้อ  ไม่เป็นไรหรอกน่า  เรื่องมันก็ผ่านมานานแล้วนี่  ช่างมันเถอะ)

              คำว่าไม่เป็นไรของเขากลับทำให้ฉันรู้สึกผิดมากขึ้น

              “ยังไงฉันก็รู้สึกผิดอยู่ดี  ยังไงก็ยังอยากขอโทษ  ฉันไม่น่าทำอะไรแบบนั้นลงไปเลย”

              ยิ่งพูด  นิ้วของฉันก็ยิ่งจิกฟูกแรงขึ้นเรื่อย ๆ 

              (เธอไม่ได้ทำซักหน่อยนี่นา  เธอไม่ได้บอกเลิกฉันเอง  ฉันรู้ดี  วันนั้นคงเป็นเสียงของเพื่อนเธอคนใดคนหนึ่งละมั้ง)

              “เอ๋” มือฉันที่จิกฟูกแบออกทันควันและเริ่มทำหน้าประหลาดใจ “เธอรู้ด้วยเหรอ 0.o

              (อื้ม  ตอนแรกตอนที่เธอบอกเลิกน่ะ  ฉันร้องไห้อยู่  แต่ก็รู้สึกเสียงที่บอกเลิกมันแปลก ๆ  ตอนแรกก็นึกว่าเธอดัดเสียง  แต่พอหยุดร้องและคิดทบทวนอีกที  ฉันว่าเสียงนั้นไม่ใช่เสียงเธอแน่  เพราะว่าฉันจำเสียงเธอได้นี่นา)

              เอ๋  นี่ฉันทำเค้าร้องไห้ด้วยเหรอ  อะไรกัน  งื้อออ  อย่าพูดให้ฉันรู้สึกผิดมากขึ้นเซ่ =A=’’

              “นี่  มาคุ...เอ่อ  ปลัน  ฉันขอโทษจริง ๆ  นะ”

              (ขอโทษทำไมหลายรอบเนี่ย  ฮะ ๆๆ  ก็บอกแล้วนี่นาว่าไม่เป็นไร)

              “อะ  อื้อ”

              ฉันรู้สึกเหมือนโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก  ผ่อนคลายในคำตอบของเขาที่ส่งมาตามสาย  แต่ปลันก็เริ่มเปิดประเด็นถามขึ้น

              ซึ่งฉันคิดว่าการเปิดประเด็นครั้งนี้  เป็นเหมือนการรีสตาร์ทเส้นทางใหม่ในชีวิตฉันไปตลอดกาล

              (แล้วตอนนี้นิวมีแฟนรึเปล่า)

              “ก็ไม่มีหรอก  ช่วงนี้ใกล้สอบด้วย  คงไม่มีเวลาไปคิดเรื่องนั้นน่ะ  แค่นี้หัวก็ยุ่งจนฟูฟ่องอร่ามงามตาหมดแล้วอะ T T” ฉันตอบแบบไม่คิดอะไรมากมาย

              (อืม..งั้นก็สู้ ๆ  นะ  เราเป็นกำลังใจให้ ^^)

              หัวใจของฉันรู้สึกพองขึ้นเรื่อย ๆ 

              “แหงล่ะ  ก็ต้องทำให้ได้นี่นา” ฉันพูดออกมาอย่างมั่นใจ

              (คร้าบ ๆ) ปลันหัวเราะคิกคักลอดสายออกมาเล็กน้อยจนฉันเริ่มรู้สึกเขิน ๆ  แต่ก่อนที่ฉันจะได้พูดขัดคออะไร  เขาก็ชิงพูดขึ้นเสียก่อน (ดีจังเลย  ตอนแรกฉันนึกว่าถ้าโทรมาแล้วอาจจะตัดสายทิ้งหรือพูดแบบไร้เยื่อใยซะอีก  ดีจัง)

              น้ำเสียงเหมือนโล่งอก  ปลันถอนหายใจออกมาฟู่ใหญ่ใส่หูโทรศัพท์  ฉันรู้สึกจั๊กจี้เหมือนเขามาเป่าใกล้ฉันจริง ๆ

              (โอเค  งั้นไม่รบกวนเธอดีกว่า  อ่านหนังสือไปเหอะ  ตั้งใจนะ)

              “อะ  อื้อ  เธอก็เหมือนกันนะมาคุโร่”  ตายละ  ดันเผลออมยิ้มกับเสียงถอนหายใจของเขาซะได้ = =’’

              (แล้วเจอกันนะ  ฝันดีล่วงหน้า  ปิ๊บ!)

              บทสนทนาของเราสองคนจบลงแค่นั้น

              รู้สึกเหมือนได้กลับมาคุยอย่างสนิทอีกครั้ง  ความรู้สึกอบอุ่นในตอนที่ได้เดินกับเขามันเข้ามาโอบล้อมตัวฉันเรื่อย ๆ  จนเบิกบาน

              จะลองเริ่มใหม่กับเค้าอีกซักครั้งดีมั้ยน้า... -..-

              ฉันขยับตำแหน่งมือถือออกจากหูมาจ่อที่หน้าของตัวเอง  แล้วจ้องมันอยู่ซักพัก

              “เอาล่ะ  ฮึบ”

              ฉันผงกหัวขึ้นมานั่ง  แล้วพิมพ์ข้อความบางอย่างส่งไปให้ปลัน

              ปิ๊บ!

              “อืม...เท่านี้ก็เรียบร้อย”

              ฉันแอบยิ้มมุมปากเล็กน้อยพลางจ้องหน้าโทรศัพท์ซักพัก  แล้ววางลงบนเตียงใกล้หัวนอน  จากนั้นก็เตรียมหยิบผ้าขนหนูไปอาบน้ำเตรียมอ่านหนังสือสอบ

     

              ฮิ ๆ  ถ้าปลันเห็นข้อความที่ส่งไป  คงตกใจแน่เลย

     

              (ปลัน Route.)

              หลังจากผมวางสายนิว  ผมก็หยิบหนังสือเรียนมานอนอ่าน  ไหนก็เชียร์ให้เค้าสอบได้ทั้งที  ตัวเองจะมานั่งเฉย ๆ  ก็กระไรอยู่  จริงมั้ย

              ดีใจจัง  ยังพูดดีเหมือนเดิมเลย  เป็นนิวคนเดิมเหมือนตอนที่เราเคยคุยกันครั้งแรก  ไม่ถือตัว  ดีใจชะมัดเลย

              คิดแค่นี้ก็ฟินจนแทบจะนอนกลิ้งดิ้น ๆๆ  ได้แล้วนะเนี่ย ><

              วืด!!

              เสียงสั่นข้อความเข้าดังขึ้น  ผมจึงละสายตาจากหนังสือเหลือบไปมองโทรศัพท์นั่งวางไว้ข้าง ๆ

              คุณได้รับ 1 ข้อความจากนิว.

              พรวดด!!

              ผมตาถลึงและกลิ้งตัวมาหยิบโทรศัพท์แล้วเปิดข้อความดู

              “อ๊ะ  หา!!  เอาจริงดิ  วู้ว  ไชโย  ฮ่า ๆๆๆ ^0^

              ผมกระโดดโลดเต้นไปรอบห้อง  ตะโกนเย้ว ๆ  หยั่งกับถูกหวย

              เพราะอะไรน่ะเหรอ

              ก็ข้อความที่นิวส่งมาน่ะสิ  มันทำให้ผมดีใจ  สุขใจ  ปลาบปลื้มใจ  สารพัดใจที่อธิบายไม่หมด  เป็นข้อความสั้น ๆ  แต่กินใจที่ว่างเปล่าของผมอย่างเต็มปากเต็มคำไปในเสี้ยววินาที

              เราลองมาเริ่มต้นกันใหม่อีกครั้งเถอะ.

              เธอพิมพ์มาแค่นั้น

              “อึ๊ย ๆๆๆๆๆ >w<”

              และแล้วก็นอนกลิ้งเป็นคนบ้า  แน่นอนว่าหนังสือไม่ได้แตะหลังจากอ่านข้อความ  ก็ตอนนี้มันตื๊อไปหมดแล้วนี่ =///=

     

              ครั้งนี้ผมจะต้องรักษาโอกาสที่เธอให้ไว้ให้ได้  จะไม่มีทางปล่อยเด็ดขาด

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×