คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : เวลาของความรักที่ได้เดินหน้าอีกครั้ง
(นิว Route.)
หลังจากนั้นก็ผ่านมาได้ประมาณราว ๆ 3 เดือนเศษแล้ว
ที่ฉันและปลัน ได้นัดพบกัน และได้เลิกรากันไปเพราะเพื่อนฉันบังคับ
ใช่
ในตอนนั้นที่ฉันและพวกเพื่อน ๆ แยกตัวกันออกมาจากปลัน ปิงก็มาขอโทรศัพท์ของฉันพร้อมถามถึงเบอร์ของเขา ทีแรกฉันเองก็ไม่เข้าใจว่าเพื่อนของฉันกำลังทำอะไร จึงให้ไปอย่างว่าง่าย และได้มารู้ทีหลังว่าปิงสวมรอยเป็นฉันเพราะพอไปเปิดสเตตัสของปลันดูใน SNS ก็พบว่า ปลันได้โพสต์ข้อความทิ้งไว้บนหน้ากระดานว่า
โดนแฟนคนที่ 10 บอกเลิกอีกแล้ว อกของฉันมันชาเหลือเกิน
Makuro.
จนป่านนี้ฉันก็ยัง... งื้อออ ยังทำใจไม่สงบอ่ะ =__=’’
เหมือนยังรู้จักเค้าไม่ดีพอยังไงก็ไม่รู้ ถึงหน้าตาเค้าจะดูโหด ๆ ไปหน่อยก็เหอะ แต่ว่าเวลาฉันอยู่ใกล้ ๆ ฉันรู้สึกปลอดภัยนะ ไม่เห็นจะทำอะไรแปลก ๆ เลย ถึงจะเคยขอจับมือก็เหอะ แต่ตอนนั้นฉันประหม่ามาก แถมเหงื่อก็ออกที่มือด้วย ที่จริงมันมันไหลออกมาจนชุ่มมือไม่ใช่ความกลัวที่จะได้สัมผัสกับเค้านะ แต่มันเป็นโรคกรรมพันธุ์ที่ติดมาจากแม่ต่างหาก
รู้สึกผิดจังเลย =__=’’
ขณะที่ฉันคิดเรื่องนี้อยู่ ฉันก็กำลังจะกลับบ้านของตัวเอง
คิดนู่นนี่ไปเรื่อย ตอนแรกก็คิดถึงเรื่องที่จะสอบวัดระดับความรู้ของปลายภาคอยู่หรอกนะ เพราะปีนี้ฉันก็จะจบ ม.6 แล้ว ไม่รู้คิดไปคิดมาอีท่าไหน ถึงได้มาคิดถึงเรื่องของปลันก็ไม่รู้
กริ๊งง~~.
“ว้าย =A=!! อ๊ะ อ้าว โธ่เอ๊ย แค่โทรศัพท์ดังทำเป็นตกใจไปได้ ยัยบ๊องเอ๊ย”
ฉันบ่นพึมพำกับตัวเองแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา
“อืม...เบอร์ใครเนี่ย คุ้น ๆ แฮะ”
แต่ฉันก็ไม่ได้เอะใจอะไร จึงกดรับสายและเดินต่อแล้วพูดใส่โทรศัพท์ตามปกติ
“ฮัลโหล”
(สวัสดีค่า~)
พรวดดด! ฉันเกือบหน้าทึ่มเมื่อได้ยินเสียงจากปลายสาย เสียงใครล่ะเนี่ยไม่คุ้นเลย รึว่าเป็นเพื่อนที่จะจงใจมาแกล้งกันอะ =__=’’
“เอ่อ นั่นใครคะ” ฉันถามโดยที่ยังยืนเอ๋อ ๆ อยู่
(เอ๋ จำเราไม่ได้เหรอคะ นี่ ๆ เราเองไง)
แล้วใครมันจะจำได้เล่า~~! ใครอะ เพื่อนตอน ม.ต้น เหรอ ไม่รู้จริง ๆ อะว่าเธอเป็นใคร -*-
“อ่า... ขอโทษนะ เราจำเธอไม่ได้อะ บอกชื่อได้มั้ย”
(เห้อ ไม่ไหวเล้ย แล้วถ้าแบบนี้ล่ะ)
เสียงในสายเงียบไปราว ๆ 5 วิฯ แล้วพูดขึ้น
(หวัดดีตอนเย็นนะ ไม่ได้คุยกันนานเลย)
เสียงเปลี่ยนกลับมาเป็นเสียงผู้ชาย และเสียงก็คุ้น ๆ มาเลยด้วย *0*!
“หะ! เอ รึว่าเธอ..”
(เราเองนะ มาคุโร่ไง ไม่สิ เราปลันเอง)
“หา!!!”
ฉันตะโกนซะลั่นเสียจนวินฯ มอเตอร์ไซค์หน้าปากซอยหันมามองอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา โอ้ เอ่อ...มองไปทางอื่นก็ได้ค่ะคุณวินฯ ทั้งหลาย ฉันอายค่ะ - -“
“เอ่อ ขะ ขอเวลาแป๊บนึงนะ”
ฉันรีบเดินจ้ำอ้าวขึ้นแมนชั่นขนาด 5 ชั้น ซึ่งห้องของฉันอยู่ชั้น 4 และปิดประตูดังปัง ด้วยความตกใจที่เค้าโทรมาไม่หาย แถมยังทำตัวโก๊ะ ๆ ให้อายชาวบ้านอีก = =’’
“เอ่อ ละ แล้วโทรมาได้ยังไงเนี่ย” ฉันทิ้งตัวลงนอนบนฟูกอย่างเหนื่อยล้า พูดทั้ง ๆ ที่ยังหายใจขัด ๆ อยู่
(ก็เธอให้เบอร์ฉันไว้เองนี่นา เอ..รบกวนหรือเปล่า)
“มะ ไม่เป็นไร ตอนนี้คุยได้ พอดีฉันเพิ่งถึงบ้านน่ะ”
(อื้ม ๆ โทษที ๆ ที่ยังอุตส่าห์โทรมารบกวนอีก ทั้ง ๆ ที่ผมเองควรน่าจะลบเบอร์เธอทิ้งไปแล้ว เพราะดูจากเมื่อกี๊ที่เธอรับสายผม คงน่าจะจำผมไม่ได้สินะ)
“เอ๋ ก็เธอดันดัดเสียงผู้หญิงนี่นา ฉันก็เลยไม่รู้ว่าเป็นใคร ตอนแรก ฉันก็คิดว่าเพื่อนใช้เบอร์แปลก ๆ โทรมาหาฉันซะอีก”
(นั่นไง เธอลบเบอร์ผมออกจริง ๆ ด้วยอะ ง่า..)
“แหะ ๆ โทษที ๆ” ฉันหัวเราะออกมาแบบเฝื่อน ๆ เล็กน้อย เพราะรู้สึกจี๊ด ๆ ในอกยังไงชอบกล
เพราะถึงเค้าจะพูดเหมือนเป็นเรื่องตลก แต่ฉันกลับรู้สึกผิดที่ลบเบอร์ของเขาออกไป
ลบออกไป ตั้งแต่เหตุการณ์เมื่อ 3 เดือนก่อนนั่น
(ผมไม่ลบเบอร์เธอหรอกน่า ตอนนี้ยังจำได้ขึ้นใจเลยด้วย อ๊ะ ไม่เชื่อกันสินะ ให้ฉันท่องเบอร์เธอให้ฟังมั้ยล่ะ)
ยิ่งเค้าพูดแบบนี้ออกมาด้วยน้ำเสียงร่าเริงแล้ว ฉันที่นอนอยู่ยิ่งรู้สึกผิดเข้าไปใหญ่ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ ส่วนอีกข้างก็จิกฟูกที่นอนจนยุบ เป็นความรู้สึกกระวนกระวายใจที่ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยสัมผัสมาก่อน
“ฉันขอโทษนะ”
(เอ๋ ขอโทษ? ขอโทษทำไม เธอยังไม่ทำอะไรเลยนะ ฉันเพิ่งโทรมาเอง)
“ขอโทษนะ เรื่องในตอนนั้น”
ในที่สุดฉันก็พูดออกไป
ดูเหมือนปลันจะเข้าใจในความหมายที่ฉันสื่อ เขาจึงเงียบจากในสายไปครู่หนึ่ง แล้วตอบกลับมา
(อื้อ ไม่เป็นไรหรอกน่า เรื่องมันก็ผ่านมานานแล้วนี่ ช่างมันเถอะ)
คำว่าไม่เป็นไรของเขากลับทำให้ฉันรู้สึกผิดมากขึ้น
“ยังไงฉันก็รู้สึกผิดอยู่ดี ยังไงก็ยังอยากขอโทษ ฉันไม่น่าทำอะไรแบบนั้นลงไปเลย”
ยิ่งพูด นิ้วของฉันก็ยิ่งจิกฟูกแรงขึ้นเรื่อย ๆ
(เธอไม่ได้ทำซักหน่อยนี่นา เธอไม่ได้บอกเลิกฉันเอง ฉันรู้ดี วันนั้นคงเป็นเสียงของเพื่อนเธอคนใดคนหนึ่งละมั้ง)
“เอ๋” มือฉันที่จิกฟูกแบออกทันควันและเริ่มทำหน้าประหลาดใจ “เธอรู้ด้วยเหรอ 0.o”
(อื้ม ตอนแรกตอนที่เธอบอกเลิกน่ะ ฉันร้องไห้อยู่ แต่ก็รู้สึกเสียงที่บอกเลิกมันแปลก ๆ ตอนแรกก็นึกว่าเธอดัดเสียง แต่พอหยุดร้องและคิดทบทวนอีกที ฉันว่าเสียงนั้นไม่ใช่เสียงเธอแน่ เพราะว่าฉันจำเสียงเธอได้นี่นา)
เอ๋ นี่ฉันทำเค้าร้องไห้ด้วยเหรอ อะไรกัน งื้อออ อย่าพูดให้ฉันรู้สึกผิดมากขึ้นเซ่ =A=’’
“นี่ มาคุ...เอ่อ ปลัน ฉันขอโทษจริง ๆ นะ”
(ขอโทษทำไมหลายรอบเนี่ย ฮะ ๆๆ ก็บอกแล้วนี่นาว่าไม่เป็นไร)
“อะ อื้อ”
ฉันรู้สึกเหมือนโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก ผ่อนคลายในคำตอบของเขาที่ส่งมาตามสาย แต่ปลันก็เริ่มเปิดประเด็นถามขึ้น
ซึ่งฉันคิดว่าการเปิดประเด็นครั้งนี้ เป็นเหมือนการรีสตาร์ทเส้นทางใหม่ในชีวิตฉันไปตลอดกาล
(แล้วตอนนี้นิวมีแฟนรึเปล่า)
“ก็ไม่มีหรอก ช่วงนี้ใกล้สอบด้วย คงไม่มีเวลาไปคิดเรื่องนั้นน่ะ แค่นี้หัวก็ยุ่งจนฟูฟ่องอร่ามงามตาหมดแล้วอะ T T” ฉันตอบแบบไม่คิดอะไรมากมาย
(อืม..งั้นก็สู้ ๆ นะ เราเป็นกำลังใจให้ ^^)
หัวใจของฉันรู้สึกพองขึ้นเรื่อย ๆ
“แหงล่ะ ก็ต้องทำให้ได้นี่นา” ฉันพูดออกมาอย่างมั่นใจ
(คร้าบ ๆ) ปลันหัวเราะคิกคักลอดสายออกมาเล็กน้อยจนฉันเริ่มรู้สึกเขิน ๆ แต่ก่อนที่ฉันจะได้พูดขัดคออะไร เขาก็ชิงพูดขึ้นเสียก่อน (ดีจังเลย ตอนแรกฉันนึกว่าถ้าโทรมาแล้วอาจจะตัดสายทิ้งหรือพูดแบบไร้เยื่อใยซะอีก ดีจัง)
น้ำเสียงเหมือนโล่งอก ปลันถอนหายใจออกมาฟู่ใหญ่ใส่หูโทรศัพท์ ฉันรู้สึกจั๊กจี้เหมือนเขามาเป่าใกล้ฉันจริง ๆ
(โอเค งั้นไม่รบกวนเธอดีกว่า อ่านหนังสือไปเหอะ ตั้งใจนะ)
“อะ อื้อ เธอก็เหมือนกันนะมาคุโร่” ตายละ ดันเผลออมยิ้มกับเสียงถอนหายใจของเขาซะได้ = =’’
(แล้วเจอกันนะ ฝันดีล่วงหน้า ปิ๊บ!)
บทสนทนาของเราสองคนจบลงแค่นั้น
รู้สึกเหมือนได้กลับมาคุยอย่างสนิทอีกครั้ง ความรู้สึกอบอุ่นในตอนที่ได้เดินกับเขามันเข้ามาโอบล้อมตัวฉันเรื่อย ๆ จนเบิกบาน
จะลองเริ่มใหม่กับเค้าอีกซักครั้งดีมั้ยน้า... -..-
ฉันขยับตำแหน่งมือถือออกจากหูมาจ่อที่หน้าของตัวเอง แล้วจ้องมันอยู่ซักพัก
“เอาล่ะ ฮึบ”
ฉันผงกหัวขึ้นมานั่ง แล้วพิมพ์ข้อความบางอย่างส่งไปให้ปลัน
ปิ๊บ!
“อืม...เท่านี้ก็เรียบร้อย”
ฉันแอบยิ้มมุมปากเล็กน้อยพลางจ้องหน้าโทรศัพท์ซักพัก แล้ววางลงบนเตียงใกล้หัวนอน จากนั้นก็เตรียมหยิบผ้าขนหนูไปอาบน้ำเตรียมอ่านหนังสือสอบ
ฮิ ๆ ถ้าปลันเห็นข้อความที่ส่งไป คงตกใจแน่เลย
(ปลัน Route.)
หลังจากผมวางสายนิว ผมก็หยิบหนังสือเรียนมานอนอ่าน ไหนก็เชียร์ให้เค้าสอบได้ทั้งที ตัวเองจะมานั่งเฉย ๆ ก็กระไรอยู่ จริงมั้ย
ดีใจจัง ยังพูดดีเหมือนเดิมเลย เป็นนิวคนเดิมเหมือนตอนที่เราเคยคุยกันครั้งแรก ไม่ถือตัว ดีใจชะมัดเลย
คิดแค่นี้ก็ฟินจนแทบจะนอนกลิ้งดิ้น ๆๆ ได้แล้วนะเนี่ย ><
วืด!!
เสียงสั่นข้อความเข้าดังขึ้น ผมจึงละสายตาจากหนังสือเหลือบไปมองโทรศัพท์นั่งวางไว้ข้าง ๆ
คุณได้รับ 1 ข้อความจากนิว.
พรวดด!!
ผมตาถลึงและกลิ้งตัวมาหยิบโทรศัพท์แล้วเปิดข้อความดู
“อ๊ะ หา!! เอาจริงดิ วู้ว ไชโย ฮ่า ๆๆๆ ^0^”
ผมกระโดดโลดเต้นไปรอบห้อง ตะโกนเย้ว ๆ หยั่งกับถูกหวย
เพราะอะไรน่ะเหรอ
ก็ข้อความที่นิวส่งมาน่ะสิ มันทำให้ผมดีใจ สุขใจ ปลาบปลื้มใจ สารพัดใจที่อธิบายไม่หมด เป็นข้อความสั้น ๆ แต่กินใจที่ว่างเปล่าของผมอย่างเต็มปากเต็มคำไปในเสี้ยววินาที
เราลองมาเริ่มต้นกันใหม่อีกครั้งเถอะ.
เธอพิมพ์มาแค่นั้น
“อึ๊ย ๆๆๆๆๆ >w<”
และแล้วก็นอนกลิ้งเป็นคนบ้า แน่นอนว่าหนังสือไม่ได้แตะหลังจากอ่านข้อความ ก็ตอนนี้มันตื๊อไปหมดแล้วนี่ =///=
ครั้งนี้ผมจะต้องรักษาโอกาสที่เธอให้ไว้ให้ได้ จะไม่มีทางปล่อยเด็ดขาด
ความคิดเห็น