คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : เวลาของความรักที่หยุดเดิน
ปลัน Route.
12 ตุลาคม
ณ ห้างสรรพสินค้าแถบชานเมือง ที่แม้วันธรรมดาช่วงบ่าย ๆ เช่นนี้ก็ยังมีคนเดินขวักไขว่อยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะเด็กนักเรียนที่น่าจะเพิ่งเลิกเรียกเพื่อมาเดินเที่ยวนั้น มีให้เห็นพอสมควร
อันที่จริงผมก็เป็นนักเรียนนะ แต่พอดีว่าวันนี้เลิกเรียนครึ่งวันเลยว่างมาเดินเล่นที่นี่ได้
แถมยังมีนัดบอดสำคัญกับผู้หญิงคนหนึ่งอีกด้วย > < ///
และตอนนี้ผมกำลังยืนรอผู้หญิงคนนั้นอยู่ตรงหน้าร้านหนังสือในห้าง
ผมรู้จักกับเธอผ่านทางโซเชียลเน็ตเวิร์ก และแลกเปลี่ยนเบอร์มาคุยกันได้สักพักใหญ่แล้ว และวันนี้เธอก็ว่างเหมือนกัน ก็เลยนัดออกมาพบปะกันอย่างที่ได้ว่ามา
ผมเรียนที่วิทยาลัยวารุเชษ ในตัวเมืองสมุทรสาครชั้นปวช. 2 ส่วนเธอเรียนสายสามัญที่โรงเรียนบุศรินทร์อยู่ชั้น ม.6 ในแถบชานเมืองของกรุงเทพ ฯ
อึก! บ้าจริงแฮะ ทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้เจอหน้ากัน แต่ไหงเริ่มรู้สึกตื่นเต้นแปลก ๆ ล่ะ -__-‘’
ว่าแต่... ตอนนี้เธอถึงไหนแล้วนะ
ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา กดเบอร์ของเธอแล้วโทรออกผมรอสัญญาณประมาณ 2 วิฯ เธอจึงรับ
(คะ)
“เอ่อ ตอนนี้อยู่ไหนเหรอครับ”
ถึงผมจะเป็นคนออกรั่ว ๆ ไปบ้าง เวลาคุยกับเธอก่อนจะถึงวันนี้ผมก็รีแลกซ์คุยกับเธอสบาย ๆ แต่พอถึงวันนี้กลับ
(หือ เป็นอะไร พูดซะเป็นทางการเชียว ฮะ ๆๆ)
นั่นไง เธอยังฟังออกเลย =__=’’
(ขึ้นมาด้านบนตรงด้านบน อยู่ตรงหน้าร้านหนังสือแล้วแหละ อ๊ะ!)
ผมรู้สึกว่าเสียง ‘อ๊ะ’ ของเธอมันยังอยู่แถว ๆ สะท้อนอยู่ข้างหลังผมจังหันหลังไปดู
เธอทำให้ผมประหลาดใจอย่างมาก 0.o!!
ใบหน้าเรียวกลม ดวงตาที่เรียวเล็กแต่ดึงดูดคนที่สบตาได้ แก้มขาวผ่องก็อิ่มเติบได้ที่ ริมฝีปากบางแลดูสดใส มัดผมหางม้า ใส่ชุดนักเรียน ม. ปลาย ดูท่าทางเรียบร้อยมองมาทางผม อีกทั้งยังถือโทรศัพท์แนบหูไว้อีก
แทบไม่ต้องอธิบายอะไรมาก เธอคือคนผมที่นัดบอดเอาไว้นั่นเอง
ที่จริงผมก็เคยเห็นรูปถ่ายเธอนะ แต่ไม่เคยคิดว่าตัวจริงจะ...
สวยอะไรอย่างนี้ อา... ชักประหม่าซะแล้ว -///-
“อะ เอ่อ นิวใช่มั้ยครับ” โอย...ปากเกร็งไปหมดเลยแฮะ
“ค่ะ นี่มาคุโร่ ไม่สิ ปลันใช่มั้ยเอ่ย”
เอ่อ ขอบอกไว้ก่อนว่า ชื่อที่เธอเรียกผม ชื่อแรก เป็นนามแฝงที่ผมใช้ใน SNS แต่ชื่อหลังนั้นเป็นชื่อเล่นจริง ๆ ที่บอกกับเธอในภายหลัง ซึ่งปกติเธอจะเรียกผมว่ามาคุโร่ แต่วันนี้เธอเธอพูดชื่อเล่นจริงผมให้ฟังครั้งแรก เลยยิ่งอึ้งกว่าเดิม โอย เริ่มหน้ามืด = =’’
“ใช่ครับ ยินดีที่ได้รู้จักอีกครั้งนะครับ แหะ ๆ” ผมพูดพลางเกาหัวแก้เขิน
“เอ๋ หมอนี่เหรอที่บอกว่าจะมาเจอน่ะ”
อยู่ดี ๆ ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งพูดโพล่งมาจากด้านหลังของนิว ท่าทางจะเป็นเพื่อนของเธอละมั้ง
“เอาจริงดินิว” อีกคนนึงพูดเสริม
“เอ่อ...” และมีอีกคนครางพึมพำปิดท้าย เหมือนแอบรังเกียจ นี่ ๆ จะด่าว่ากันก็ได้นะ - -
“ฉันจะแนะนำให้รู้จักนะ นี่ปิง ดรีม แชร์ ทุกคน นี่มาคุ... เอ๊ย! ปลันจ้ะ ^^///”
เธอแนะนำให้ให้รู้จักกับทั้งสามคน ปิงคือคนที่ผิวคล้ำ ๆ ไว้ผมยาว ดรีมเป็นคนที่หน้าตาดีระดับหนึ่งมัดผมหางม้า และแชร์ คือคนที่หน้าตากลาง ๆ ไว้ผมสั้นประบ่า ทั้ง 3 คนต่างส่งสายตาที่มีลักษณะแบบเดียวกันมาทางผม
ใช่ มันคือสายตาที่ดูรังเกียจผมอย่างเยือกเย็น
โอ้ว บร๊ะเจ้า ทำไมเธอต้องเอาเพื่อนมาด้วยเนี่ย นี่เธอไม่ไว้ใจผมขนาดนั้นเลยเหรอ T^T
แต่มันก็น่าอยู่หรอก เพราะผมเองหน้าตาก็ใช่ว่าดี อยู่ในระดับกลาง ๆ ที่ไม่มีจุดสนใจเป็นพิเศษ แถมยังออกโหด ๆ ด้วยซ้ำ แต่ถ้าใครรู้นิสัยผมนะ จะรู้เลยว่ามันช่างแตกต่างจากไอ้ใบหน้าโหด ๆ นี่โดยสิ้นเชิง เพราะผมทั้งบ้าทั้งรั่วเลยล่ะ
และที่สำคัญ ถ้าหากผมรักใครสักคน ผมก็จะทั้งรักทั้งอ้อนเป็นแมวเชื่อง ๆ ไปเลยแหละ
แต่ให้เล่นมาเจอแบบนี้ มันก็ไม่ใช่นัดบอดแล้วน่ะสิ อารมณ์เหมือนให้มาดูตัวกันชัด ๆ แถมยังตั้ง 3 คนแน่ะ โอ๊ย อยากเอาหัวแทรกมุดดินชะมัดเลย T^T
“เอ่อ... พวกเธอไปไปที่อื่นกันก่อนก็ได้ ฉันขอเดินเล่นกับปลันนี่แหละ ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันดูแลตัวเองได้”
เดี๋ยวสินิว พูดงี้หมายความว่าไงเนี่ย เหมือนจะบอกว่าเธอก็ไม่เชื่อใจผมเรอะ นี่เธอกังวลว่าผมจะทำมิดีมิร้ายเธอเหรอเนี่ย หน้าตาฉันมันเหมือนพวกโรคจิตงั้นสินะ อ๊ากกก อยากเอาหัวโขกเสา T^T~
“งั้นก็... ระวังตัวด้วยล่ะ ไปกันเถอะพวกเรา”
และแล้วยัยผู้หญิงผิวคล้ำที่ชื่อว่าปิงชัดชวนเพื่อนอีกสองคนเดินออกห่างจากผมกับนิวไป ชักรู้สึกไม่ถูกชะตากับพวกนั้นอย่างแปลก ๆ แฮะ และดูเหมือนทุกคนจะระแวง ไม่สิ
รังเกียจผมเลยแหละ...
เฮ้อ จะเอายังไงต่อไปดีเนี่ย
“เอ่อ ปลัน”
จู่ ๆ นิวก็เรียกผม
“อะไรเหรอ” ผมถามด้วยท่าทางเกร็ง ๆ = =’’
“ไปเดินเที่ยวกันเถอะ =__=’’ ”
ประหม่าทั้งคู่สินะ มันจะล่มมั้ยครับเนี่ยยย
“เอ่อ เห็นในโทรศัพท์เสียงร่าเริงนี่นา แล้วทำไมคอนนี้ถึงเงียบ ๆ ล่ะ”
อึก! ยิงคำถามได้แทบกระอักเลือดมาก
“ก็...มันยังไม่ชินนี่นา แถมผมเอง ก็เพิ่งเคยเจอนิวครั้งแรกด้วย -///- ”
“อือ นั่นสิ ไม่ต่างกันเลยเนอะ ฮะ ๆๆ ^^’’ ”
“เอ่อ แล้วจะไม่เดินเที่ยวเหรอ” ผมจึงถามกลับมั่ง
“อ๊ะ เออแฮะ นั่นสินะ ฉันนี่ทึ่มใหญ่และ อุตส่าห์ชวนเธอก่อนแท้ ๆ ฮะ ๆๆ =w=” ’’
หลังจากนั้นผมกับนิวก็เดินรอบห้างกัน ตัวเธอนั้นบอกผมว่าไม่ค่อยได้มาเดินห้างแห่งนี้สักเท่าไหร่ แต่ก็มีร้านที่ชอบและพอจำได้เธอก็ไปดูร้านที่เธอแวะมาบ่อย ๆ ส่วนผมก็พาเธอมาเล่นเกมเซ็นเตอร์กัน แต่เธอบอกว่าเล่นไม่เป็น ผมจึงเล่นอยู่คนเดียวแล้วให้นิวยืนมอง เธอก็ยืนจ้องผมตาไม่กระพริบต่อความเทพของผม (ขอบอกว่าผมเองก็เป็นเซียนเกมเหมือนกัน หึ ๆ) เราสองคนเดินไปเดินมาจนกระทั่ง...
“เอ๊ะ ป่านนี้แล้วเหรอ ต้องกลับแล้วล่ะปลัน เดี๋ยวขอโทรเรียกเพื่อนก่อนนะ”
ขอบอกไว้ก่อนเลยว่า ตลอดเวลาที่เดินด้วยกัน ผมรู้สึกเหมือนตื่นเต้นตลอด หัวตื้อไปหมด เวลาที่เธอยิ้มน้อย ๆ ออกมา เหมือนมันสดใสไปหมด และยังมีอะไรอีกหลาย ๆ อย่างที่ผมอธิบายเป็นคำพูดไม่ถูก
ไม่แน่ว่า ผมอาจจะเริ่มชอบเธอแล้วก็ได้
เอาล่ะ ผมรวมรวมสติที่กำลังจะขอสิ่ง ๆ หนึ่งจากเธอ
“นิว”
“หืม อะไรเหรอ?” เธอถือโทรศัพท์แล้วหันมามองอย่างงง ๆ
“คือ...ผม ขอจับมือ ได้มั้ย”
เธอเผลอทำโทรศัพท์ร่วงออกจากมือ
“เหวออออ *0* ” ผมคว้าโทรศัพท์ไว้ได้ทันหวุดหวิดก่อนที่จะถึงพื้น
“เอ่อ...นี่ = =’’ ” ผมยื่นโทรศัพท์ให้เธอ
“ขะ ขอบใจ ;__;”
เธอรับโทรศัพท์จากผมไป โดยไม่ได้แตะแม้แต่ปลายก้อย
“เอ่อ ได้มั้ย” ผมทวนคำถามอีกครั้ง แต่ก็เริ่มรู้สึกเหมือนกันแล้วแฮะ -///-
“มะ มาขอกันแบบนี้เนี่ยนะ *//0//* ”
“ไม่สะดวกก็ไม่เป็นไรนะ = =\\\”
“ไม่หรอก ก็...เอาสิ -//..//-”
หน้าของเธอแดงระเรื่อเล็กน้อย ส่วนผมเหรอ ลอยไปตั้งแต่เธอบอกว่า ‘เอาสิ’ แล้วล่ะ เธอยื่นมือขาวอมชมพูมาให้ผม ใจผมเต้นรัวเป็นกลองเปิงมาง มือของเราสองคนกำลังจะประสานกัน
ทว่า
เธอค่อย ๆ ชักมือเข้าหาตัวเอง ยิ่งมือของผมเข้าไปใกล้มากเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งหดมือจนผมท้อที่จะไล่ตาม ผมจึงหดมือกลับ เช่นเดียวกับนิวที่เอามือกลับไปแนบลำตัวเรียบร้อยแล้ว
“ขะ ขอโทษนะ”
นิวตอบผม เสียงของเธอสั่นไปหมด มือของเธอ จากผิวสีขาวอมชมพูเปลี่ยนเป็นสีแดงอย่างชัดเจนและชุ่มเหงื่ออย่างเห็นได้ชัด
“ไม่เป็นไรหรอก”
ถึงผมจะตอบไปแบบนั้น แต่ในใจผมปวดร้าวเป็นอย่างมาก
เธอเองก็คง กลัวผมเหมือนกันสินะ
“อ้าวนิว ทางนี้ ๆ
ผมกับนิวหันขวับไปมอง
“อ้าว ปิง ดรีม แชร์”
นิวพูดด้วยเสียงเริงร่า เหมือนกับเมื่อครู่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“จะกลับยัง” ดรีมถามนิว
“อื้อ ๆ กลับแล้ว ๆ ไป ๆๆ”
นิวเดินเข้าไปหากลุ่มเพื่อนของตัวเอง ด้วยท่าทางปกติ ผมถึงกับพูดอะไรไม่ออกที่เห็นเธอทำท่าทางแบบนั้น
แต่พอเดินไม่ถึง 3 ก้าว เธอก็หันกลับมา
“วันนี้สนุกมากเลยนะปลัน ขอบคุณนะ อย่างน้อย ฉันก็รู้ว่าเธอเป็นคนดี”
เธอพูดให้ผมด้วยรอยยิ้ม ถึงไม่รู้ว่ามันจะเสแสร้งหรือเปล่า แต่มันก็ทำให้ผมมีกำลังใจมากขึ้น
และรู้สึก ชอบเธอมากขึ้นเหมือนกัน
“อื้ม ถ้าเป็นไปได้ ไว้เจอกันอีกนะ”
เธอไม่ตอบอะไรกลับมา เพียงแค่ยิ้มให้ และโบกมือให้ผมด้วยรอยยิ้มก่อนจะเดินไปกับกลุ่มเพื่อนและหายไปในกลุ่มคนที่รอรถตรงหน้าห้างฯ
ผมนั่งอยู่บนรถเมล์ปรับอากาศพร้อมกับใจที่เต้นระรัว
ผมสัญญากับตัวเองไว้แล้ว ว่าผมจะลองทำทุกอย่างให้เธอเห็น และให้เธอยอมรับผม ถึงแม้ว่าถ้าทำถึงขนาดนั้นแล้วเธอจะยังไม่ชอบก็ตาม ผมก็ถือว่าคุ้มแล้วที่ได้ทำลงไป
ทว่า
นับจากวินาทีนี้ไป สิ่งที่ผมคาดหวังไว้ กลับพังทลายลง
กริ๊งงง
โทรศัพท์ของผมดังขึ้น ผมหยิบขึ้นมาดู เบอร์ที่โชว์อยู่เป็นเบอร์ของนิว ผมจึงกดรับทันทีอย่างไม่ลังเล
“ฮัลโหลมีอะไรเหรอ”
(เธอ เรามีอะไรจะบอก)
หะ!! อะไร จะบอกอะไร ใจผมเต้นระรัวไปหมด
“เอ่อ มีอะไรก็ว่ามาสิ”
(เธอมันไม่ใช่สำหรับเราอะ เป็นแค่เพื่อนกันเหอะ)
ใจผมเหมือนโดนบีบอย่างทรมาณเมื่อผมได้ยินคำนั้นผ่านทางโทรศัพท์
เผาะ...เผาะ... ผมหลั่งน้ำตาออกมาโดยไม่รู้ตัว และไม่แคร์สายตาคนรอบข้างที่อยู่บนรถ
น้ำเสียงของเธอเหมือนตัดเยื่อใยจากผม แต่มันฟังดูแปร่ง ๆ ชอบกล เหมือนไม่ใช่เสียงปกติของเธอ
“ฮึก...ทำไมกันล่ะ ผมเอง ฮึก ขอโอกาสหน่อยไม่ได้เหรอ”
(โอกาสเหรอ... เฮอะ ไม่มีให้หรอก ถ้ายังคิดแบบนั้นอยู่ ฉันก็คงไม่มีอะไรจะพูด ถ้าเป็นแค่เพื่อนกันไม่ได้ ก็ไม่ต้องมายุ่งกันอีก!)
ตึ๊ด และแล้วเธอก็ตัดสายไป
น้ำเสียงของเธอกระแทกกระทั้นสร้างแผลไว้ในใจของผมเป็นบริเวณกว้างมาก น้ำตายิ่งไหลท่วมมากขึ้น ๆ ไม่ยอมหยุด แต่ผมก็พยายามไม่สะอื้นออกมาเพราะเกรงใจคนรอบข้าง
อีกแล้ว
เอาอีกแล้วเหรอครั้งนี้
ความรักของฉันมันจะไม่มีวันสมหวังเลยใช่มั้ย
ก็ได้...
จนกว่าจะถึงปีใหม่ ฉันจะไม่มีใคร แล้วจะโทรไปหาเธออีกครั้ง ถ้าหากถึงตอนนั้นเธอยังพูดคำเดิมอีก ผมก็จะถอดใจอย่างสมบูรณ์
ต้องทำให้ได้ ไม่สิ จะทำให้ดู ฉันจะพิสูจน์ให้เธอเห็นเองว่าฉันชอบเธอแค่ไหน
ความคิดเห็น