ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Manifold Flashpoint จุดประกายหายนะ

    ลำดับตอนที่ #2 : [ทรอย] บทที่ 1 - วันใหม่

    • อัปเดตล่าสุด 30 ก.ย. 60


    A New Day


     

         “กว้างเหมือนกันแฮะ”

         “อยู่ไปซักพักแกจะคิดว่ามันแคบ เชื่อฉันสิ” 

         ทรอยก้าวเข้าไปในห้องหรือจะพูดให้ถูกคือบ้านใหม่ของเขาใจกลางเมืองซานฟรานซิสโก คลินท์เป็นคนแนะนำที่นี่ให้เขาเอง ของใช้ สัมภาระ ทุกอย่างที่เป็นของทรอยตอนนี้อยู่ในลังขนาดใหญ่ที่ทางบริษัทส่งของนำขึ้นมาไว้ให้ เท่าที่มองจากห้องรับแขกเล็กๆ ที่นี่มีหนึ่งห้องนอนอีกหนึ่งห้องน้ำ อีกด้านของห้องรับแขกมีระเบียงอยู่ คลินท์เคยอยู่ที่นี่ก่อนเขาจะยกให้ทรอย เขาพักอยู่ได้แค่ไม่กี่ปีเพราะใช้เวลาส่วนใหญ่ที่ต่างประเทศ

         “ห้องเปิดได้ด้วยลายนิ้วมือถ้าเกิดกุญแจหรือคียการ์ดหาย ทุกอย่างในห้องสั่งการได้ด้วยเสียง ทีวี เครื่องปรับอากาศ ฝักบัว น้ำอุ่น แล้วก็ผ้าม่านด้วย แต่ฉันแนะนำให้แกใช้มือดีกว่า ถ้าแกอยากได้ผ้าม่านสีไหนก็กดเอาเลย ซักสามสี่วิก็เปลี่ยนให้แล้ว” คลินท์ตามหลังเข้ามา เขายังเหมือนเดิม—ยกเว้นว่าตอนนี้ไม่ได้ตัดผมทรงสกินเฮดอีกต่อไปแล้วแถมตอนนี้ก็เป็นทรอยที่ตัวสูงกว่าเล็กน้อย คลินท์เป็นหนุ่มโสดวัยเกือบสามสิบ ตาสีฟ้าเข้มเหมือนน้ำทะเลในวันฟ้าเปิด ได้ผมสีน้ำตาลอ่อนเหมือนทรายมาจากแม่ของเขา ไหล่กว้าง รูปร่างบึกบึนและยังคงสไตล์การแต่งตัวแบบเดิมๆ เสื้อยืด แจ็กเก็ตหนังสีเข้ม กางเกงยีนส์และรองเท้าผ้าใบ เป็นแฟชั่นเมื่อเกือบ 50 ปีที่แล้วแต่กลับใช้ได้จนถึงตอนนี้

         “เจ๋งโคตร…” ทรอยพูดเบาๆ  ขณะตรวจดูซอกมุม ในห้องน้ำมีกระจกพอดีซึ่งตอนนี้ผมของเขากลายเป็นทรงแปลกๆหลังจากหลับบนรถเป็นชั่วโมง สำหรับคนผมหยักศกอย่างเขาแล้ว มันดูยุ่งเหยิงพอๆกับทรงผมตอนเพิ่งตื่นทีเดียว ทรอยขยับไปใกล้กระจกพลางขยี้ตาเพื่อทำความสะอาดก่อนนึกบางอย่างได้ “แล้ว


         “อินเทอร์เน็ต? ใช่” คลินท์มองหน้าเขาอย่างรู้ทัน “แต่ละห้องใช้ใครใช้มันว่ะ ถามว่าเร็วมั้ย? น่าจะเร็วนรกแตกเหมือนเดิม แต่เร็วของฉันกับของแกมันอาจไม่เท่ากันก็ได้”

         แค่จัดของเข้าไป ห้องนี้ก็เป็นสวรรค์แล้ว

         “เห็นแผงควบคุมข้างๆประตูมั้ย?” คลินท์ชี้ “หน้าจอจะให้แกเห็นว่าใครมาเคาะ ส่วนปุ่มข้างล่างนั่นก็….ขอนึกแปบนึง……เออใช่ ซ้ายสุดเรียกแม่บ้านแต่บางทีเขาจะส่งหุ่นทำความสะอาดมาแทน ซ้ายมาหน่อยเรียกช่าง อันขวาเปิดให้เรียกหมอ--เผื่อฉุกเฉินน่ะ ขวาสุดเรียกตำรวจ บอกเพื่อนๆแกด้วยถ้าเกิดใครมันจะเล่นพิเรนท์ตอนงานปาร์ตี้”

         สีหน้าจริงจังของคลินท์ทำให้ทรอยหัวเราะ

         “นี่ฉันซีเรียสนะเว้ย เพื่อนแกแต่ละคนแสบๆทั้งนั้น โดยเฉพาะไอ้หัวทองที่ชื่อ---ช่างมันเถอะ” คงหมายถึงออลลี่สินะ คลินท์หยิบห่อหมากฝรั่งสีชมพูขึ้นมาแกะ “ตำรวจที่นี่เขาไม่ได้เก่งแค่จับโจรวิ่งราวหรือว่าขี้ยาด้วย ถึงแกไม่ใช่ทั้งสองก็อย่าไปแหย่ล่ะ ตอนที่แกหลับบนรถฉันเห็นพวกนั้นขับซุเปอร์คาร์ด้วย นึกว่าจะเห็นแค่ในหนังรุ่นพ่อซะอีก” ทำผิดกฏหมาย? ฉันเนี่ยนะ? เตือนตัวเองเถอะ จากรอยยิ้มเจ้าเล่ห์บนหน้าของเขา คลินท์ไม่น่าจะจริงจังอะไร

     

         ทรอยทิ้งตัวลงบนโซฟา ซึ่งนุ่มจนเขาคิดว่าตัวจมลงไปไม่ต่ำกว่า 3 นิ้ว คลินท์นั่งลงใกล้ๆพลางยื่นห่อหมากฝรั่งให้

         “ไม่เป็นไรคลินท์ ช่วงนี้ฉันงดของหวาน” ซึ่งตรงนี้ทำเอาคลินท์หัวเราะหึๆ  “ยังไงก็ต้องขอบใจนายมากนะที่อุตส่าห์พาฉันมา ที่นี้มัน….ไม่รู้สิ…..เจ๋งเป็นบ้า ถึงจะไกลจากลุงป้าแล้วก็เอมี่ก็เถอะ”

         “พูดถึงเอมี่ ชักคิดถึงแล้วสิ” คลินท์โยนหมากฝรั่งเข้าปาก “น้องโทรหาฉันบ่อยกว่าพ่อกับแม่ซะอีก แม่ฉันก็ออกจะแม่บ้านแม่เรือน ไหงเอมี่กลายเป็นทอม—สาวห้าวไปได้ แกแน่ใจนะว่าไม่ใช่สอนอะไรน้องไว้”

         ลุงไซม่อนกับป้าโจดี้ พ่อแม่ของคลินท์รับทรอยกับเอมี่มาเลี้ยงตอนแม่เสียซึ่งตอนนั้นทรอยอายุได้ไม่กี่ขวบโดยลุงไซม่อนเป็นพี่ชายคนโตของแม่ ลุงบอกเขาบ่อยๆว่าทั้งลุงทั้งป้าอยากมีลูกหลายคนมาโดยตลอดแต่ด้วยสุขภาพทำให้ป้ามีคลินท์ได้แค่คนเดียว แม้หลายปีต่อมาจะมีเทคโนโลยีที่ช่วยเรื่องมีลูกแต่ทั้งลุงป้าก็อายุมากเกินไปแล้ว

         พูดถึงแม่…..ทรอยจำได้แค่ชื่อกับใบหน้าของแม่ได้เท่านั้น อย่างน้อยก็เป็นใบหน้าก่อนที่แม่จะป่วย รูปถ่ายของแม่ใบเดียวเขาก็เอาให้เอมี่เพราะเธอยังจำความไม่ได้ตอนแม่เสีย

         “เปล่านี่” ทรอยตอบพลางเหยียดแขนขึ้นในท่าบิดขี้เกียจ ก่อนลดมือลงมาขยี้ผมตัวเองเบาๆทั้งที่ไม่รู้สึกคัน เอมี่มักจะทักว่าเขาทำจนติดเป็นนิสัย “ล่าสุดฉันเห็นเอมี่มีเพื่อนผู้หญิงอยู่เลย เยอะด้วย ฉันกล้าสาบานเลยว่ามีคนมาตามจีบน้องเหมือนกัน แต่ก็อย่างที่นายบอก เอมี่ไม่ค่อยจะปลื้มพวกนั้นเท่าไหร่”

         “ไอ้พวกน่าสงสาร” คลินท์หัวเราะ “ฉันว่าฉันรู้แล้วว่า ‘พวกน่ารำคาญในอีเมล์ล่าสุดที่เอมี่ส่งมาหมายถึงใคร ทางบ้านต้องมีเรื่องสนุกๆเยอะแหงๆ….แล้วแน่ใจนะว่าไม่เหงา? พอดีลงไปอีกชั้นหนึ่งมี….

         “นายก็รู้จักเพื่อนฉันนี่คลินท์” ทรอยยิ้มเล็กน้อย เขาสงสัยพวกวงดนตรีเก่าของเขาหรือพวกแก๊งหมาป่าจะโผล่มาก่อนกันเมื่อรู้ว่าตอนนี้เขาอยู่อพาร์ทเมนท์คนเดียว “แค่โทรกริ๊งเดียว ยิ่งตอนนี้ฉันอยู่ห้องคนเดียว เอาเป็นว่าไม่ต้องห่วงฉันหรอก ซักพักเดี๋ยวก็ชิน นายเองก็เคยอยู่นี่คนเดียวไม่ใช่เหรอ”

         “ยังไงก็เถอะ เอดส์มันไม่น่ากลัวเท่าทำหญิงป่องไม่ตั้งใจ ข้างล่างมีถุงขายด้วยนะเผื่อแกยังไม่รู้” พี่ชายตัวแสบพูดทีเล่นทีจริง แต่คลินท์นี่แหละเป็นคนแนะนำเรื่องการเข้าหาผู้หญิงตอนที่ทรอยมีแฟนเป็นเชียร์ลีดเดอร์ในไฮสคูล แต่ได้ปีเดียวก็เลิกกันเพราะเลกซีย์ต้องย้ายบ้านไปอยู่อีกรัฐหนึ่ง อย่างน้อยก็จบด้วยดีล่ะน่า เขาบอกตัวเองบ่อยๆ


         “โอเค ฉันยอมรับว่าแกน่ะสุภาพบุรุษกว่าฉันเยอะเลย ฉันไว้ใจแกว่าไม่ทำไรโง่ๆแน่” คลินท์ยกมือเป็นเชิงขอโทษอย่างไม่สมจริง “จะให้ฉันอยู่ช่วยจัดของมั้ย? ขับรถนานปวดก้นชิบเป๋ง จะได้ยืดเส้นยืดสายหน่อย

         “ไม่ล่ะคลินท์ ยังไงก็ขอบใจนะ” ทรอยตอบ แค่นี้ก็ซึ้งแล้วไอ้พี่บ้า จะโชว์แมนไปถึงไหน

         คลินท์ทำหน้าบึ้งแบบล้อเลียนก่อนจะยักไหล่เป็นเชิงประชด “ก็ได้ แค่จะทำตัวพระเอกๆหน่อย”

         ทรอยลุกขึ้นไปแง้มๆกล่องสัมภาระ ถือว่าบริษัทส่งของทำงานได้เนี้ยบทีเดียว แม้แต่ฟิกเกอร์ตั้งโต๊ะก็ถูกเก็บไว้ในกล่องพร้อมเม็ดโฟมกันกระแทก เท่าที่เขาดูๆทุกอย่างดูเป็นระเบียบจนน่ากลัวแบบที่ทรอยไม่คิดว่าตัวเองจะจัดได้ ยังไม่มีอะไรแตกหัก อย่างน้อยก็เท่าที่เห็น 

         “ยังไงก็ขอบใจมากนะ คลินท์ ฉันไม่รู้จะพูดยังไงดี…

         “ไม่จำเป็นหรอก” คลินท์หลิ่วตาพลางคลี่ยิ้ม “เรื่องแค่นี้ แถมเจ้าของที่นี้ซี้กับฉันจะตาย อ้อ พอดีต่อจากนี้ไปฉันจะไม่ค่อยได้ใช้รถส่วนตัว แถมลากูน่าที่ฉันเคยขับอยู่ก็กำลังฟิต ฉันว่า…..

         “จริงๆนะคลินท์ นายเป็นพี่ที่โคตรเจ๋ง แต่ขอเถอะ….ฉันรับจากนายมามากเกินไปแล้ว ทั้งที่จริงแล้วเราเป็นแค่….

         “โอเค...โอเค” สีหน้าแบบนั้นยังทำให้ทรอยอดหมั่นไส้ไม่ได้ คลินท์มีรอยยิ้มที่ดูอวดดีและเจ้าเล่ห์มาตั้งแต่เด็กๆแต่ใครจะไปรู้ว่าจริงๆแล้วเขาเป็นคนใจดีมากคนหนึ่ง “ถ้างั้นฉันจะเอาไปจอดไว้ที่บ้านแล้วกัน กลับไปเมื่อไหร่แกก็ขอกุญแจจากพ่อฉันได้เลย พยายามอย่าให้เป็นรอยล่ะ”

         “ฉันรู้ว่านายหวังดี แต่…..นายเข้าใจฉันใช่มั้ย?

         “ต้องเข้าใจสิ” พี่ชายกอดอก “ฉันอยากพูดคำนี้กับแกนานแล้ว รู้มั้ย....ยังไงก็ขอให้สนุกกับชีวิตจบมัธยมนะเว้ย อายุเท่าแกยังทำอะไรได้เยอะแยะ แล้วก็อย่าลืมที่บอกล่ะ”

         “คร้าบพ่อ” ทรอยคลี่ยิ้ม

         คลินท์กางแขนเล็กน้อย ทรอยเข้าสวมกอดลูกพี่ลูกน้องที่ดูแลเขาไม่ต่างจากน้องชายแท้ๆคนหนึ่ง คลินท์ตบหลังเขาเบาๆก่อนแยกออกมา

         “รักษาตัวด้วยคลินท์” ทรอยโบกมือให้พี่ชาย “อย่าลืมติดต่อหาเอมี่ด้วยล่ะ เผื่อน้องอยากเรียนวิธีแขนหักคนจากนาย”

         คลินท์ไม่ตอบแต่หลิ่วตาให้แบบที่ทำบ่อยๆก่อนเดินออกไป เขาชอบพูดว่า ตระกูลเราแค่มองตาก็รู้ใจกันแล้ว 

         เอาล่ะ ทรอยปิดประตู คราวนี้ฉันจะเอาอะไรไว้ตรงไหนดี จัดโต๊ะทำงานหรือจัดห้องนั่งเล่นก่อนดีนะ? 

         ทรอยเดินออกไปที่ระเบียง อพาร์ทเม้นท์ที่เขาอยู่ค่อนข้างสูงรายล้อมด้วยตึกสูงหลากรูปร่างตั้งแต่รูปลิ่มไปจนถึงรูปวงรีเหมือนไข่ตั้งพื้น วันนี้ท้องฟ้าสดใสทีเดียว  เมื่อมองลงไปผู้คนข้างล่างกลายเป็นจุดเล็กแทบมองไม่เห็นเคลื่อนที่ไปมา รถยนต์ยวดยานต่างๆใหญ่ขึ้นมาเล็กน้อย รถรางไฟฟ้าเคลื่อนเร็วจนเห็นเป็นแถบสีไกลๆ โดรนลอยฟ้าติดจอแสดงภาพโฆษณาของบริษัทต่างลอยอยู่ในระดับเดียวกับระเบียงของทรอย เขาพึ่งมาสังเกตว่าตรงขอบระเบียงใกล้มือเขามีหน้าจอโฮโลแกรมเรืองแสงเล็กๆติดอยู่

         อากาศปกติ ท้องฟ้าโปร่งไม่มีเมฆ แต่อาจค่อนข้างร้อน / วันที่ 14 กรกฎาคม / เวลา 10.23 .

         นับว่าไม่เลวทีเดียวสำหรับบ้านใหม่ ทรอยได้แต่สงสัยว่าพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×