ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Manifold Flashpoint จุดประกายหายนะ

    ลำดับตอนที่ #15 : [ทรอย] บทที่ 14 - รหัสเงิน

    • อัปเดตล่าสุด 22 ก.ย. 60


    Code Silver



         ทรอยไม่รู้จะกลัวหรือโล่งใจดี 

         เขาอยู่ในห้องกับศพสองศพซึ่งหนึ่งในนั้นนอนลืมตาและมีรูกระสุนกลางหน้าผาก ทั้งสองศพพยายามจะฆ่าเขาก่อนที่ชายลึกลับสวมหน้ากากหมีจะโผล่มาแล้วก็ฆ่าทั้งคู่ในไม่กี่อึดใจ

         กลิ่นกรดไหม้นั่นดูเหมือนจะแรงขึ้น แต่ “เจอโรม” ไม่มีท่าทีเดือดร้อน เขาพึมพำอะไรซักอย่างซึ่งทรอยฟังไม่รู้เรื่อง      หมอนี่เว้นระยะแล้วก็พยักหน้าเหมือนกำลังคุยกับใครอีกคนอยู่ ทรอยเลื่อนมือช้าๆไปที่ปุ่มควบคุมรถเข็นตรงที่วางแขนด้านซ้ายเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้สนใจเขา แต่แล้วก็ต้องเปลี่ยนใจเมื่อเห็นปืนในมือของเจอโรมและศพของชายที่ชื่อเวสต์ แน่นอนว่าทรอยต้องตาฝาดแน่ๆเพราะรูบนหน้าผากของศพมีควันสายจางๆสีออกเหลืองโชยออกมา บางอย่างบอกเขาว่าเจ้าควันนี่เป็นที่มาของกลิ่นแสบจมูก

         “เพื่อน” ทรอยสะดุ้งเมื่อถูกเรียก เขาอยากจะหลอกตัวเองว่าเพื่อนไม่ได้หมายถึงเขา แต่ทั้งห้องมีแค่คนสองคน ตายแน่

         “คืองี้นะ” เจอโรมพูดด้วยสำเนียงรัสเซียเหมือนเดิมพลางยกมือทั้งสองข้างขึ้นเหมือนเป็นท่ายอมแพ้ ตอนนี้เขาไม่มีปืนแล้ว “ฉันเห็นสภาพนายแล้วใจไม่ค่อยดีเลยว่ะ พอต่อสายหามือโปรเรื่องพวกนี้เขาก็บอกว่านายอาจโดนอะไรเข้าไป เพราะงั้นขอความร่วมมือหน่อยนิดส์นึง”

         เดี๋ยวๆๆ ถ้าเขามีเสียง ทรอยคงจะร้องลั่นขอความช่วยเหลือหรือประท้วง แต่ทุกอย่างจุกอยู่ในลำคอเขาหมดเมื่อพี่หมีรัสเซียจับเขาแหงนเข้าขึ้นจากตรงคาง ดวงตาสีเขียวของหน้ากากหมีแยกเขี้ยวนั้นสว่างขึ้นเหมือนไฟฉายอันเล็กๆ แต่ที่ทรอยคาดไม่ถึงคือเขาเบามือมาก  

         เจอโรมจับหน้าทรอยหันไปหันมาและทำเสียงครางในลำคอเหมือนเป็นหมอ  

         “ข่าวร้ายว่ะ สหายอเมริกัน” เจอโรมล้วงกระเป๋ากางเกงเหมือนพยายามหาอะไร “นายโดนฉีดด้วยนิวโรท็อกซิน สูตรนี้ไม่ถึงตายแต่ทั้งตัวนายจะแหยะเป็นไข่ตุ๋นเลย แต่ตะกี้ฉันเห็นนายขยับตัวได้นิดหน่อยเก่งดีนี่ ส่วนข่าวดีน่ะเหรอ? ฉันเตรียมตัวมาดี รอแปบ...”

         เจอโรมล้วงบางอย่างออกมาจากกระเป๋า เป็นกระบอกใส่ขนาดเท่าปากกาและปิดผนึกอย่างดี ในนั้นเป็นของเหลวใสสีน้ำเงินเข้มที่เหมือนจะเรืองแสงได้ในความมืด

         “รสชาติห่วยแตกสุดๆ แต่ถ้านายซดให้เกลี้ยงมันจะชาร์จแบตให้นายได้ซักชั่วโมง----กลั้นหายใจหน่อยก็ดีนะ”

         ทรอยไม่มีทางเลือก เขาต้องยอมให้ชายแปลกหน้านี้ป้อนน้ำสีน้ำเงินนี่เข้าปาก เจอโรมหมุนคลายตัวผนึกที่ฝากระบอกก่อนจะป้อนทรอยอย่างเบามือ สัมผัสแรกนั้นให้ความรู้สึกเย็นไปทั้งตัว ส่วนรสชาตินั้นไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิดเหมือนกับว่ามันเป็นน้ำที่คั้นมาจากอบเชย อย่างไรก็ตาม ของเหลวนี่ทำให้ทรอยรู้ว่าเขากระหายน้ำแค่ไหน

         ความรู้สึกเย็นๆนั้นแผ่จากท้องไปสู่หน้าอกและกระจายไปทั้งร่างเหมือนถูกเอาน้ำเย็นสาด ทรอยหายใจอย่างตื่นเต้นเมื่ออาการขยับตัวไม่ได้นั้นค่อยๆหายไปแต่เขาก็ไม่ได้มีเรี่ยวแรงขึ้นมามากนัก ที่แน่ๆประสาทเขาตื่นตัวขึ้นราวกับเพิ่งกระดกกาแฟเอสเพรซโซไปแก้วใหญ่

         “เครื่องติดเลยใช่มั้ย?

         ทรอยว่าจะพูดขอบใจ แต่ที่ออกจากปากเขากลับเป็น “ฉันอยู่ที่ไหน?” เสียงเขาไม่ได้แหบอีกแล้ว

         “ก็” เจอโรมทำท่าเกาหัว “จะพูดไงดีล่ะทั้งเตียง ทั้งรถเข็น แล้วก็ศพ เราอยู่ในโรงบาลไง”

         ทรอยกลืนน้ำลาย “คุณเพิ่งฆ่า

         “ตรงหว่างคิ้วเลย! นายเห็นใช่มั้ย?” เจอโรมพูดเหมือนเป็นเรื่องตื่นเต้นและก่อนที่ทรอยจะรู้ตัว เขาก็ไปอยู่ข้างหลังรถเข็นแล้ว “เดาว่ากลิ่นคงกำลังใช้ได้เลย ลูกปืนเกรดบีก็อย่างนี้แหละ รีบออกจากห้องนี้ดีกว่า” และเช่นเคย ทรอยไม่มีทางเลือกนอกจากยอมให้ชายหน้ากากหมีเข็นเขาออกไปนอกห้องเลี้ยวเข้าทางเดินไปสู่ลิฟต์

         เจอโรมกดลิฟต์ “ฉันพอจะรู้นะว่านายคงสงสัยอะไรเยอะเลย อย่างไอ้ปรสิตสองตัวที่ฉันเป่าไปเมื่อตะกี้มันมาทำอะไรที่นี่”

         “ปรสิต?” ทรอยทวนคำเสียงสั่นพลางทำตัวลีบให้ติดกับรถเข็นเท่าที่จะทำได้

         “ใช่ นั่นนะเป็นปรสิต ตามที่ฉันพูดเลย นายคงไม่ลืมกลิ่นฉี่อูฐนั่นหรอกใช่มั้ย? นั่นมันกลิ่นปรสิตตาย ไม่มีคนธรรมดาที่ไหนกลิ่นแบบนั้นหรอก ถ้าให้ฉันเดานะ ในตึกนี่คงมีไอ้พวกนี้อยู่เป็น--

         จู่ๆก็มีเสียงกระจกแตกดังมาจากที่ไหนซักแห่ง ตามด้วยเสียงคนกรีดร้องที่ค่อยๆหายไปซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่ลิฟต์มาพอดี

         “ลีอาห์?----ใช่ ได้ยินเมื่อตะกี้นี่เอง” เจอโรมเริ่มพูดคนเดียวอีกเมื่อทั้งคู่เข้าไปในลิฟต์ “งานนี้มันเริ่มสนุกขึ้นเรื่อยๆแฮะ----โอเค ไม่สนุกก็ได้ ฉันจะระวังเป็นสองเท่าเลย---ได้ๆ”

         ความเย็นระลอกใหม่ไหลไปตามร่างกายของทรอยซึ่งทำให้เขาตื่นตัวมากกว่าจะทำให้หนาว เขาพ่นลมออกทางปากด้วยความไม่สบายใจ ถึงตอนนี้เขาค่อนข้างเชื่อแล้วว่าภารโรงเจอโรมนี่ไม่ได้มาร้าย แต่เขาก็อดไม่ได้ที่จะกลัวโดยเฉพาะหลังจากที่ชายคนนี้เพิ่งยิงคนตายไปสองคนต่อหน้าต่อตา--ถึงสองคนที่ว่าจะพยายามฆ่าทรอยก็เถอะ

         ถึงจะสวมหน้ากาก ที่ทรอยพอมองออกว่าเจอโรมหันมาสนใจเขาอีกแล้ว “มีแขกไม่ได้รับเชิญว่ะ นายคงได้ยินเสียงคนกำลังดิ่งพสุธาตอนที่ลิฟต์มาถึง นั่นแหละแขกของเรา ลีอาห์เลยกำชับว่าหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า--อีกหน่อยนายก็จะเจอเธอเอง”

         “คุณคุณเป็นใคร?

         “ฉันเหรอ? ฉันชื่ออิลยา แล้วก็ไม่ต้องมาคงมาคุณอะไรหรอก เราอยู่ข้างเดียวกัน” เจอโรมแนะนำตัว “พวกเขาส่งฉันมาเพื่อชิงตัวนายก่อนที่ไอ้พวกปรสิตจะได้ไป ที่เห็นเนี่ยพวกมันไม่ใช่คนหรอก”

         นั่นยังฟังดูไม่รู้เรื่องอยู่ดีแถมยังฟังดูเหมือนว่าทรอยกำลังจะมีปัญหา

         “สองคนเมื่อกี้---พวกนั้น”

         “ฟีดเดอร์” เจอโรม--ไม่สิ อิลยาชิงตอบก่อนเหมือนรู้ว่าทรอยจะถามอะไร “หรือปรสิต ตอนนี้นายอาจยังไม่เข้าใจคอนเซ็ปที่ฉันจะพูดเอาเป็นว่านั่นมันมันเป็นไอ้พวกตัวร้าย เจอพวกนั้นที่ไหนต้องมีเรื่องซวยเกิด พักนี้พวกมันยิ่งทำตัวเป็นปัญหาอยู่ด้วย---เพ่นพ่านเต็มไปหมด ว่าแต่พวกมันพูดอะไรกับนายเหรอเปล่า”

         ทรอยตัวสั่น “ผมฉันฟื้นขึ้นมา จู่ๆพวกนั้นก็มาจากไหนไม่รู้ บอกว่าจะเอาตัวฉันไป--

         “นายฟื้นขึ้นมาตอนนั้นเหรอ? บังเอิญไปมั้ง”

         ทรอยพยักหน้าก่อนจ้องมือขวาที่พันผ้าเอาไว้ เขายังจำได้ว่าเกิดอะไรขึ้นในฝันก่อนที่เขาจะตื่น โดยเฉพาะชายที่ชื่อว่าโจชัวกับสิ่งของที่เขากล่าวหาว่าทรอยขโมยมันไป

         ผมจะไม่โกหกว่าตอนนี้มีคนเยอะแค่ไหนที่อยากให้คุณตาย ผม..…แน่นอนว่านั่นเป็นหนึ่งนั้น แค่นึกถึงก็เพียงพอจะทำให้ทรอยไม่สบายตัวและใจ มันเป็นแค่ความฝันก็จริงแต่บางอย่างทำให้ทรอยรู้สึกว่าโจชัวคนนั้นมาเยี่ยมเขาจริงๆในความฝัน

         “เกิดอะไรขึ้นกับฉัน” ทรอยกระซิบ ไม่แน่ใจว่าเขากำลังถามอิลยาหรือถามตัวเองกันแน่

          ดูเหมือนว่าอิลยาจะได้ยิน “ถามผิดคนแล้วพวก---”

         ตอนนั้นเองที่ลิฟต์เปิด อะไรบางอย่างที่เขามองไม่ทันก็เข้ามาพุ่งชนทรอยจนเขาตกลงจากรถเข็นซึ่งทำเอาปวดไปเกือบทั้งตัว หัวเขากระแทกกับผนังจนรู้สึกมึนและสายตาพร่า ในหูเขาได้ยินเสียงปึงปังเหมือนมีใครเอาอะไรมากระแทกกับลิฟต์ 

         พอเขาเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นว่าเกิดอะไรขึ้น

         อิลยากำลังล็อกคอชายคนหนึ่งที่แต่งตัวด้วยชุดทหารแบบเดียวกับเวสต์ที่ห้องของทรอย แต่ดวงตาของเขา---มันเป็นสีส้มสว่างจ้าเหมือนหลอดไฟดวงเล็กๆที่แขวนบนต้นคริสต์มาส มันโปนถลนอย่างน่ากลัวและจ้องหน้าทรอยอย่างกินเลือดกินเนื้อ สองมือพยายามแกะแขนของอิลยาที่รัดแน่นรอบคอ พริบตาหนึ่งที่ทรอยยกแขนขึ้นบังตัวเองเมื่อเห็นว่าชายคนนี้กำลังจะหลุด แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกลับเป็นเสียง “กร๊อบ” ที่ฟังดูบาดลึกและสยดสยอง เมื่อทรอยลดแขนลง ชายคนนั้นก็คุกเข่าก่อนจะล้มฟาดลงตรงพื้นข้างๆทรอย ปากของเขาเปิดออกเล็กน้อยและดวงตาเป็นสีเทาปลอด

         “อ๊ากก!” ทรอยร้องลั่นพลางขยับถอยหลังหนีจากศพนี่ไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้ จนมือของเขาไปโดนกับอะไรเหนียวๆบนพื้นเขา พอเอามือมาดูก็พบว่าฝ่ามือเขาเลอะด้วยของเหลวสีดำแดงส่งกลิ่นคาว

         อย่า หัน ไป เขาบอกตัวเอง 

         แต่สุดท้ายทรอยก็กลืนน้ำลายก่อนค่อยๆหันหลัง เขากำลังนั่งอยู่กลางทางเดินของโรงพยาบาลที่มีประตูห้องผู้ป่วยอยู่ทั้งสองข้าง แต่มันไม่ได้มีแต่ป้ายทางหนีไฟและตู้กดน้ำที่อยู่นี่ ห่างจากตัวเขาไม่กี่ฟุตมีร่างชายตัวใหญ่ในชุดทหารนอนคว่ำหน้าจมกองเลือดอยู่ ถัดไปมีร่างอย่างน้อยสี่กระจัดกระจายอยู่ตามทาง มีร่างหนึ่งที่นั่งคอตกพิงกับพนังและมีรอยเลือดลากลงมาจากเหนือจุดที่นั่งอยู่ ถ้าเขาตาไม่ได้ฝาด---สิ่งที่อยู่ปักบนหัวของร่างที่อยู่ไกลสุดน่าจะเป็น...

         ก่อนที่ทรอยจะเก็บรายละเอียดได้ทั้งหมด เขาก็มาอยู่ในท่าคลาน ท้องใส้ปั่นป่วนเหมือนจะขย้อนเอากระเพาะเปล่าๆของเขาออกมา ใครบางคนตบหลังเขาเบาๆตอนที่ทรอยสำลักกรดกับน้ำลายตัวเองแถมยังพูดอะไรบางอย่างที่ทรอยไม่เข้าใจ

         “หน้านายซีดแล้ว ยืนไหวมั้ย?” อิลยาพยุงเขาขึ้นมา สำหรับคนที่หักคอผู้ชายตัวโตๆได้ด้วยมือเปล่า หมอนี่ค่อนข้างมือเบาที่เดียว ทรอยพยายามทรงตัวขึ้นและหันหลังให้กับทางเดินนั่น ลิฟต์ตัวที่เขาออกมายังมีร่างคนนอนอยู่ ด้านหน้ามีทางแยก แถวนี้เปิดไฟไว้ให้พอมองเห็นแบบสลัวเท่านั้น

         “ฉฉัน--ฉันยืนได้” ทรอยรู้สึกตัวเบาถึงแม้เขาจะแข็งแรงพอจะยืนโดยไม่ปวดตัวแล้วถึงจะยืนได้ตัวไม่ค่อยตรงก็เถอะ คงเป็นเพราะน้ำยาที่เขากินไป เขาไม่สนแล้วว่าชายในหน้ากากหมีนี้จะเป็นใคร ทรอยยินดีที่จะตามเขาไปถ้านั่นทำให้เขาออกไปจากที่นี่และมีชีวิตรอด “ช่วยพาฉันออกไปที ขอร้องล่ะ”

         “ไม่มีปัญหา แต่คงใช้ลิฟต์ไม่ได้แล้ว” อิลยาพูดเสียงอู้อี้ขณะจัดหน้ากากให้เข้าที่ก่อนจะควักปืนออกมา “อีกแค่สี่ชั้น ตามฉันมา” แล้วทั้งคู่ก็เลี้ยวไปทางซ้าย ซึ่งอิลยาเดินเลียบผนังด้านซ้ายพร้อมปืนในท่าเตรียมพร้อม ทรอยเดินค้อมตัวตามเขาไปติดๆ สองมือซุกใต้รักแร้ไว้เพื่อไม่ให้มันสั่น

         “ตะกี้นี้มัน

         “ไม่ใช่ฝีมือฉันนะ” อิลยาพูดขึ้นมาอย่างรวดเร็วเหมือนกับเด็กที่ทำผิดแล้วถูกจับได้ “จริงๆนะพวก ฉันชอบฆ่าพวกฟีดเดอร์ก็จริงแต่นั่นน่ะไม่ใช่ฝีมือฉัน กะแล้วว่าทำไมลีอาห์เตือนเรื่องมือที่สาม”

         “ใครคือลีอาห์?

         “เธอคุยกับฉันผ่านวิทยุในหน้ากากนี่ คอยบอกเส้นทางกับเรื่องเซอร์ไพรซ์ที่เธอเห็นในกล้องวงจรปิด”

         “เธอ?” ทรอยเลิกคิ้ว

         “ลีอาห์ก็เป็นชื่อผู้หญิงนี่เพื่อน น่าเสียดายที่เธอไม่ค่อยชอบผู้ชายมีรอย--” จู่ๆเขาก็ยกมือขึ้นเหมือนบอกให้หยุด “ฟังสิ” ทรอยทำตาม เขาได้ยินเสียงใบพัดเฮลิคอปเตอร์มาจากที่ไหนซักแห่ง แล้วก็เสียงเหมือนคนตะโกนกรีดร้อง

         “พวกมันเอาจริงเว้ย ท่าทางอยากได้ตัวนายจริงๆ” อิลยาทำท่าบอกให้ทรอยตามมา “ถ้าให้ฆ่าคนทั้งโรงบาลเพื่อให้ถึงตัวนายพวกมันก็คงจะทำแหงๆ”

         “อะไรนะ?” ทรอยถามเสียงแหลม

         “บอกแล้วว่ามันไม่ใช่คน ในตึกนี่คงมีกันเป็นร้อย” เขาหยุดพูดไปพักหนึ่งเพื่อชะโงกไปดูลาดเลา “ลีอาห์เพิ่งบอกว่ามีฮอสองลำบินฉายไฟอยู่ข้างนอก พูดถึงลีอาห์ฉันก็เกือบลืม เอานี่ไปใส่ซะ”

         อิลยาล้วงกระเป๋าก่อนจะส่งอะไรบางอย่างให้ทรอย มันเป็นหูฟังไร้สายแบบข้างเดียว

         “ทำไมถึงมีคนอยากได้ตัวฉัน?” ทรอยถามขณะที่ทั้งคู่มาถึงบันไดวน เขาค่อนข้างแปลกใจที่เดียวที่บันไดวนยังมีอยู่ในตึกโรงพยาบาลสมัยนี้ ตามบันไดมีหน้าต่างสำหรับรับแสงพอให้เห็นทางถึงแม้จะไม่มีหลอดไฟ เมื่อทรอยแหงนหน้าขึ้นไปก็เห็นเหมือนไฟสปอร์ตไลท์ส่องเข้ามาในตัวตึกแล้วก็เสียงเฮลิคอปเตอร์ที่ดังกว่าตอนแรกเล็กน้อย

         “ไม่เคยถาม รู้แค่ว่าพวกเราเฝ้าดูนายมาเป็นเดือนแล้ว แต่คืนนี้ไม่รู้ทำไมถึงสั่งให้ฉันมาเอาตัวนายออกมา” อิลยาก้มลงมองด้านล่างบันได “ตอนนี้รู้แล้ว ฟีดเดอร์เพ่นพ่านเต็มไปหมด แล้วก็สเปคเตอร์อีกตั้งคนหนึ่ง”

         “สเปคเตอร์?

         “จำพวกฟีดเดอร์ตรงลิฟต์ได้มั้ย ไอ้ตัวที่เหินฟ้าลงไปข้างล่างน่ะ นั่นแหละฝีมือมัน มือที่สามที่ฉันพูดถึง โหดที่สุดของโคตรโหด โชคดีมากที่มันโผล่มาอ้อ แล้วก็บันไดทางสะดวก ไม่มีใครดักรอเรา”

         ทรอยรู้สึกเหมือนอยากจะอาเจียนอีกรอบ แต่คราวนี้เขาแค่สูดหายใจลึกๆแล้วตามอิลยาลงไป มือจับราวบันไดไว้แน่นราวกับบันไดจะสลัดเขาให้ตกลงไปเมื่อใดก็ได้ น้ำเสียงของอิลยาฟังดูไม่ได้นักตอนพูดถึง “สเปคเตอร์” ถึงเขาจะบอกว่าโชคดีก็เถอะ

         อิลยาเสียงผู้หญิงดังมาจากหูฟังที่เขาสวม “ได้ยินฉันมั้ย?

         “ใครน่ะ?” ทรอยถาม ซึ่งวินาทีต่อมาเขาก็เดาออกว่าเธอเป็นใคร ลีอาห์

         มัลลิแกนสินะเธอฟังดูไม่ประหลาดใจ “ฉันชื่อลีอาห์ เรากำลังจะพานายออกไปจากทีนี้”

         “ขขอบใจ แล้วแล้วก็ ยินดีที่รู้จักนะ”

         “เอาไว้ทีหลังเถอะ” ลีอาห์ตัดบท “อิเล็กโทรไลต์ที่นายดื่มไปคงจะออกฤทธิ์แล้วใช่มั้ย”

         “ผมผม--เดินได้แล้ว” ทรอยตอบ

         “ดี อะไรๆมันจะได้ง่ายขึ้น” แล้วเธอก็กลับไปพูดกับอิลยาอีกครั้ง “อิลยาฟังฉันนะ อย่าลืมส่งสัญญาณหลังจากได้พาหนะ แล้วนายคงรู้แล้วว่ามีสเปคเตอร์หนึ่งคนอยู่ในตึกนี้กับนาย ปล่อยให้พวกฟีดเดอร์รับมือกับมันไป นายมีหน้าที่พาเป้าหมายออกจากจากเขตโรงพยาบาล ฆ่าฟีดเดอร์หรืออะไรก็ตามที่ขวางทางได้ แต่หลีกเลี่ยงสเปคเตอร์ ขอย้ำ หลีก--เลี่ยง--สเปคเตอร์”

         “แต่--

         “ฉันคิดว่าฉันพูดชัดแล้วนะ”

         ทรอยได้ยินเสียงถอนหายใจมาจากใต้หน้ากาก “เข้าใจแล้ว” อิลยาพูดเสียงอ่อนเหมือนเด็กๆซึ่งไม่เข้ากับหน้ากากหมีขั้วโลกหน้าตาดุร้ายเอาเสียเลย “โอเค ตามมาเลยเพื่อน ถ้าฉันยังอยู่ไม่มีหน้าไหนได้ทำนายเจ็บตัวแน่”

         “ข--ขอบใจ” ทรอยพูดจากใจ

         ทั้งอิลยาทั้งทรอยต่างมองขึ้นไปด้านบนเป็นระยะๆเพื่อให้แน่ใจว่าแสงสปอร์ตไลท์ยังตามไม่ทัน หัวใจทรอยแทบจะเต้นเป็นจังหวะเดียวไปใบพัดเฮลิคอปเตอร์ขณะที่เขาเดินลงมาเรื่อยๆ มือที่กำราวบันไดนั้นก็ลื่นและเหนียวไปด้วยเหงื่อ เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกเหนื่อยจากการเดินลงบันได

         และแล้วบันได้ก็สิ้นสุดลงกับทางแยกสองทางอีกครั้งซึ่งทั้งสองทางมีประตูสีเขียวเข้มบานใหญ่ โดยทางขวามีป้ายบอกทางเขียนว่า “ล็อบบี้” แต่อิลยากลับเดินไปหลบตรงมุมทางเดินด้านขวา ทรอยจึงต้องตามไป

         “ฉันได้ยินเสียงฝีเท้า น่าจะสองคน” เขาพูดกับทรอยผ่านทางหูฟังแทน ปืนพกเก็บเสียงในมืออยู่ในท่าเตรียมพร้อม ทรอยเองก็ได้ยินเช่นกัน เสียงดังขึ้นเรื่อยๆจนมาหยุดที่หลังประตูสีเขียวบานใกล้ๆ หัวใจทรอยเต้นแรงมากจนเขากลัวว่าทั้งโรงพยาบาลจะได้ยินและแทบจะหยุดหายใจเมื่อประตูเปิดออกช้าๆ สิ่งที่ดูเหมือนปลายกระบอกปืนนั้นโผล่ออกมาให้เห็น

         ราวกับเป็นภาพช้าตอนที่อิลยาขยับเข้าประชิดตัวฟีดเดอร์ทั้งสองคนก่อนที่ทุกอย่างจะกลับเป็นความเร็วปกติ เขากดปากกระบอกปืนของฟีดเดอร์คนแรกลงก่อนจะถีบที่เข่าจนอีกฝ่ายเสียหลัก คนที่อยู่ด้านหลังพยายามยกปืนขึ้นยิงสวนแต่อิลยาลั่นไกได้ก่อน เลือดกระจายโดนผนังด้านหลัง ฟีดเดอร์คนที่โดนคว้าปืนไว้พยายามจะชักปืนพกออกมาจากเอวแต่โดนถีบเข้าจนหงายหลัง หมอนั่นไม่มีโอกาสได้ลุกอีกเมื่ออิลยายิงซ้ำที่กลางผากตอนที่พยายามผงกหัวขึ้น

         ให้ตาย….

         “เรียบร้อย” อิลยาเอาเท้าเขี่ยศพฟีดเดอร์ให้พ้นทางก่อนจะกลับมาหาทรอยที่รู้สึกคลื่นใส้เป็นรอบที่สาม กลิ่นกรดไหม้ๆนั่นกลับมาอีกรอบซึ่งแน่นอนว่าไม่ได้ช่วยอะไรเลย ที่ทำได้คือพยายามกลั้นหายใจและเดินตามอิลยาไปโดยไม่ให้สะดุดกับอะไรเข้าหรือเหยียบโดนเลือดเพราะเขาไม่มีรองเท้า

         “อีกคนข้างหน้า!” ทรอยแหงนหน้ากะทันหันเมื่ออิลยากระซิบเสียงดัง เขาทันมองเห็นฟีดเดอร์คนหนึ่งทำปืนหล่น สองมือกำรอบคอตัวเองที่มีเลือดไหลออกมาพร้อมกับควันจางๆ ตาของเขาส่องแสงขึ้นมาและแทบจะดับลงในทันทีขณะที่ยืนโซเซ เสียงขลุกขลักในลำคอในค่อยๆเบาลงก่อนที่เขาจะล้มลงด้านข้าง ส่วนอิลยาค่อยๆลดปืนลงดูผลงาน

         ไม่ไหวแล้วเว้ย ทรอยอาเจียนเอาน้ำลายกับน้ำย่อยออกมาอีกครั้ง อิลยาถึงกับพยุงตัวเขาขึ้นมาพลางพูดอะไรบางอย่างน่าจะเป็นภาษารัสเซีย

         “อิลยา! มัลลิแกน! พวกนายได้ยินมั้ย?” ลีอาห์ถามเสียงเครียด

         “ได้ยิน” อิลยาตอบ “มัลลิแกน---เขาอ้วก!”

         “ฉันตกใจหมดตอนที่ได้ยินเสียงคนสำลัก ฟังนะ--ในล็อบบี้มีพวกมันอยู่เป็นสิบ แต่นั่นเป็นทางเดียวของพวกนาย ระวังตัวด้วยล่ะ ตอนนี้ทั้งรถพยาบาลทั้งตำรวจกำลังแห่กันมา พวกนายไม่อยากอยู่อธิบายเรื่องศพหรอก เร็วเข้า”

         ทรอยแทบไม่ได้ยินที่เหลือ ตอนนี้หูเขาอื้อไปหมด เขาปล่อยให้อิลยาหิ้วปีกไปเพราะเขาเริ่มหมดแรง สายตาตอนนี้ก็พร่ามัวจนแทบมองอะไรไม่เห็น ความรู้สึกเย็นๆในท้องหายไปแล้ว มือก็ยังสั่นตอนที่เขายกมันขึ้นมาเช็ดปาก

         “เบลี๊ยท! แข็งใจไว้” อิลยาสบถ “ฉันรู้สึกไม่ค่อยดีเลยว่ะเพื่อน นายไม่น่าอ้วกเอายาออกมาเลย”

         พยายามอยู่ ทรอยพอจับใจความได้ว่าอิลยาพูดอะไร น้ำลายย้อยมาถึงคางอย่างช่วยไม่ได้

         อิลยาหิ้วเขามาถึงประตูเลื่อนสีเงินบานใหญ่ ตามทางที่เดินมานั้นไม่มีห้องคนป่วยแล้วแต่มีประตูก็มีป้าย “เฉพาะพนักงาน” ติดอยู่ เหนือประตูเลื่อนนั้นมีป้ายส่องแสงเขียนไว้ว่า “ล็อบบี้”

         “ฉฉัน--ฉันยินไหวแล้ว” ทรอยเอาตัวพิงผนังแข็งๆ หูยังคงอื้อ “ขอบใจ”

         “ไม่ต้องพูดถึงมันหรอก” อิลยาพูดเบาๆ หน้ากากหมีของเขานั้นดูเหมือนจะมีชีวิตขึ้นมาภายใต้แสงสลัวๆ เขาหยิบปืนขึ้นมาเปลี่ยนแม็กกาซีนอย่างคล่องมือ

         “เราเจอพวกฟีดเดอร์แค่ไม่กี่คนตอนลงมานี่” ดูเหมือนอิลยาจะคุยกับลีอาห์ “มีอะไรผิดปกติหรือเปล่า”

         “ไม่มี” ปลายทางตอบ “นายใกล้ถึงห้องล็อบบี้แล้วใช่มั้ย”

         “ใช่ แล้วสเปคเตอร์ล่ะ?

         “เขาหายไปเฉยๆ ทิ้งแค่ศพพวกฟีดเดอร์ไว้ให้ดู ระวังข้างหลังด้วยล่ะ” แต่ทรอยไม่ได้ยินแล้วว่าลีอาห์พูดอะไรกับเขาบ้าง ในหูของเขาตอนนี้มีแค่เสียงวิ้งเหมือนกับหูดับ บ้าเอ๊ย! เขาสบถในใจพลางเอาสองมือกุมหูไว้ อิลยาไม่สิ เหมือนทุกอย่างรอบตัวทรอยกลายเป็นภาพช้า ฉันเป็นบ้าอะไรวะ

         จู่ๆ ก็เหมือนมีคนพูดอยู่ด้านหลังเขา “เขารู้แล้วว่าคุณอยู่ที่นี่ คุณต้องรีบแล้ว”

         “ใครน่ะ?” ทรอยแทบจะตะโกนด้วยความตกใจ พอหันไปดูข้างหลังก็มีแต่ผนังว่างๆ

         “ผมเป็นเพื่อน” เสียงนั้นฟังดูคุ้นหู “เขากำลังตามหาคุณตามหาเรา ถ้าคุณไม่รีบซะตอนนี้มันก็ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้นที่คุณจะถูกพบเข้า”

         “ผผมผมไม่--

         “เฮ้ๆๆ” ทรอยรู้สึกว่าตัวเขาโยกไปมา พอสายตาเขาปรับระยะได้ก็ดูเหมือนว่าอิลยาพยายามเขย่าตัวเขา “นายโอเคมั้ยเพื่อน” หูเขาหายอื้อแล้ว แต่อาการปวดตามตัวนั้นยังอยู่

         “นายได้ยินมั้ยว่าเมื่อกี้ใครพูดกับฉัน” เขาถามอย่างรวดเร็วจนลิ้นแทบพันกันแถมฟองน้ำลายเล็กๆกระเด็นออกมาอย่างไม่ตั้งใจ

         “ห๊ะ?” เนื่องจากเขาใส่หน้ากาก ทรอยจึงมองไม่เห็นหน้าของอิลยาแต่ก็พอจะเดาออกได้ว่าเขามีสีหน้าอย่างไร “นายหมายความว่าไง?

         “แต่เมื่อกี้สงสัยฉันคงหูแว่ว” ทรอยเกาหัวแรงๆ ถ้าคุณไม่รีบซะตอนนี้มันก็ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้นที่คุณจะถูกพบเข้า “เรารีบไปจากที่นี้ดีกว่า ฉันรู้สึกไม่ดีเท่าไหร่”

         “โอเค มาหลบข้างหลัง ฉันจะเปิดประตูละ ก้มตัวต่ำไว้ด้วย---นับสามนะ….” อิลยายกนิ้วขึ้นสามนิ้วก่อนจะค่อยๆลดนิ้วลงทีละนิ้ว เขาจึงแง้มประตูออกช้าๆโดยปืนเล็งออกมาตามทิศทางของประตู พอได้ช่องพอที่จะแทรกตัวไปได้ เขาจึงค่อยๆย่องออกไปพลางกวักมือให้ทรอยเห็น

         “ฟีดเดอร์อยู่ข้างล่าง.....มันยังไม่เห็นเรา” เขากระซิบ

         ทรอยชะโงกตัวเล็กน้อยเพื่อออกไปมอง เขากับอิลยาอยู่บนระเบียงชั้นสองซึ่งบันไดลงไปยังล็อบบี้อยู่ข้างหน้านี่เอง ห้องล็อบบี้ของโรงพยาบาลนี้กว้างทีเดียว พูดตรงๆแล้วมันเหมือนกับล็อบบี้โรงแรมมากกว่าของโรงพยาบาล พื้นเป็นสีขาวล้วน เก้าอี้นวมที่ดูหรูหราวางอยู่เป็นชุดๆ ผนังด้านบนนั้นมีช่องกระจกกลมๆขนาดใหญ่ซึ่งมีแสงสปอร์ตไลท์ส่องลงมา ผนังกระจกตรงทางเข้าเผยให้เห็นรถตู้คันใหญ่หลายคัน เสียงเฮลิคอปเตอร์นั้นก็ดังราวกับมันบินอยู่เหนือช่องกระจกนี่เอง และอิลยาพูดถูก ตามล็อบบี้นั้นมีพวกฟีดเดอร์เต็มไปหมดเป็นสิบคน แต่ละคนมีปืนและชุดกันกระสุน

         ไม่เอา---ฉันยังไม่อยากตาย แม้แต่เสียงตัวเองในหัวยังสั่น ทรอยกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก

         “สิบหกตัว อาวุธครบมือ ระเบิดมือ,ไรเฟิล,เคฟลาร์” อิลยาพูดค่อยๆ “ไม่ใช่ของเกรดจีนแดงด้วย ถ้าเราลงบันไดนี่ไปได้จ๊ะเอ๋กับมันแน่ๆ ไม่ได้กลัวหรอกแต่ฉันมีแค่ปืนนี่กับวิชานินจาแล้วก็กังฟูนิดหน่อย---แล้วก็นาย----ไม่ได้ว่านะ”

         “นายมีแผนใช่มั้ย?” ทรอยกำแขนเสื้ออีกฝ่าย

         “มองตาฉันแล้วบอกทีซิว่าหน้าฉันเหมือนคนมีแผน” ไอ้หมอนี่เหมือนจะลืมว่าตัวเองใส่หน้ากาก “ลีอาห์จ๋า ต้องให้เธอช่วยแล้วล่ะ”

         “กำลังทำอยู่” ลีอาห์ตอบ มีเสียงซ่าเป็นระยะ “เดี๋ยวนะ…..เจอแล้ว”

         “เจออะไร?

         “เพื่อนเราไง กำลังเดินอยู่บนชั้นสาม” สัญญาณของลีอาห์เริ่มดีขึ้น “ถ้าฉันเปิดไฟตรงนั้นพร้อมๆกับสัญญาณดับเพลิง พวกข้างล่างกับฮอนั่นคงลืมพวกนายได้ซักพัก”

         “เพื่อนเรานี่มันใครกัน?” ทรอยถาม

         “ศัตรูของศัตรูน่ะถือเป็นเพื่อน” เธอพูด “ฉันหมายถึงสเปคเตอร์คนที่กำลังตามล่านายอยู่”

         “ว่าไงนะ?” ทรอยมองไปรอบๆอย่างตกใจ

         “อิลยาเตรียมตัวซะ ตอนนี้ฉันจะเริ่ม….” จู่ๆเธอก็หยุดพูดไปเฉยๆ แต่สัญญาณยังไม่ขาด

         “เริ่มอะไร? ลีอาห์?

         “พาเขาออกมาจากตรงนั้นเร็ว!” ลีอาห์ตะคอกใส่หูฟัง “วอทเชอร์!

         ตอนนั้นเองที่ทรอยได้ยินเสียงเหมือนอะไรชนกันดังสนั่นมาจากด้านบน วินาทีต่อมาเฮลิคอปเตอร์ลำหนึ่งก็ทะลุช่องกระจกนั้นลงมา เขาทันได้เห็นสภาพของมัน---ด้านหนึ่งของเจ้าแมลงปอโลหะนั้นยุบเข้าไปเหมือนโดนต่อยด้วยมือยักษ์ สะเก็ดไฟกระเด็นไปแทบทุกทิศพร้อมเสียงครูดที่ดังพอให้แสบแก้วหูเมื่อใบพัดเฮลิคอปเตอร์นั้นโดนพื้น แล้วมันก็ระเบิดเป็นลูกไฟขนาดใหญ่

         “ระวัง!” อิลยาร้องลั่นพลางกดตัวทรอยลง ชิ้นส่วนเฮลิคอปเตอร์ชิ้นหนึ่งกระเด็นมาปักตรงผนังเหนือจุดที่ทรอยอยู่ ตอนนี้ทั้งล็อบบี้ปกคลุมด้วยแสงไฟจากซากเฮลิคอปเตอร์และเงาไหววูบ

         “ขขอบ--ขอบใจ” ตาเขาเบิกค้าง หัวใจเต้นโครมครามเหมือนจะออกมาจากหน้าอกของทรอยให้ได้

         “ไม่เป็นไร” อิลยาตอบ “รีบเผ่นก่อนที่จะ--

         มีเสียงเอะอะโวยวายมาจากด้านล่างผสมกับเสียงขู่คำรามและฝีเท้า อิลยาชะโงกข้ามระเบียงเพื่อมองดูว่าเกิดอะไรขึ้น ทรอยคิดว่าเขากำลังสบถหรืออุทานอะไรซักอย่างน่าจะเป็นภาษารัสเซีย

         “ม---เมื่อกี้---เมื่อกี้มันใช่ระเบิ--” ไม่ทันที่ทรอยจะได้คำตอบ เสียงเหมือนปืนใหญ่ก็ดังขึ้นจนเขาสะดุ้ง และตอนนั้นเองที่เขาเจ็บจี๊ดขึ้นมาที่มือขวา ในหูมีแต่เสียงวิ้งเหมือนมีใครเอาเตาไมโครเวฟมาครอบหัวเขาไว้ มันเจ็บเหมือนมือเขาลุกเป็นไฟและหัวกำลังจะระเบิด ตาเขาเหลือกไปมา

         ชั่วขณะหนึ่งที่ทรอยขอให้ตัวเองกลับไปหมดสติ----ขอให้เขาตายไปเลยก็ได้ ถ้านั่นทำให้เขาไม่เจ็บอีก

         “เขาเจอเราแล้ว” เสียงผู้ชายคนนั้นกลับมาอีกแล้ว ทรอยได้ยินมันอย่างชัดเจน

         ช่วยผมด้วยทำให้มันจบที---ฆ่าผมให้ตายๆไปก็ได้

         “ทรอย ผมขอโทษ เขาเจอเราเพราะผมเอง” เสียงนั้นฟังดูเศร้าใจ “เขาจะใช้ผมทำร้ายคุณ ทรมานคุณ รีดเอาวิญญาณคุณไปช้าๆ เรา---ผมยอมให้มันเกิดขึ้นไม่ได้”

         อะไรนะ?!

         แล้วความเจ็บปวดก็หายไป แต่ทรอยยังคงหอบหายใจอย่างทรมาน

         “เพื่อน” ทรอยลืมอิลยาไปเสียสนิท “มือนาย---ตะกี้นายเป็นอะไรไป?

         “มันเจ็บ” เขาตอบไปตามความจริง  “ฉันไม่รู้ว่าเพราะอะไร”

         “มัลลิแกน?” ดูเหมือนหูฟังจะยังไม่หลุด “มือนายกำเริบขึ้นมาอีกแล้วเหรอ?

         “มือ?---หมายความว่ายังไง ลีอาห์?

         “เอาไว้นายออกมาเมื่อไหร่ ฉันจะอธิบายเอง” เธอตัดบท “อิลยา เอาตัวเขาออกมาเดี๋ยวนี้เลย”

         “โอเค” รู้ตัวอีกที อิลยาก็แบกทรอยขึ้นในท่านักผจญเพลิง “เกาะแน่นๆนะ”

         “นายจะทำอะไร?

         อิลยาไม่ตอบ เขากระโจนลงจากระเบียงลงไปห้องล็อบบี้ด้านล่างซึ่งระเบียงนี่สูงกว่าที่ทรอยคิด เขาหลับตาไว้แน่น อิลยาลงพื้นได้นุ่มนวลกว่าที่คิดและเป็นจังหวะเดียวกับที่เสียงเหมือนปืนใหญ่ดังเป็นรอบที่สอง คราวนี้ตามด้วยเสียงโลหะกระแทกพื้นเหมือนมีชิ้นส่วนเฮลิคอปเตอร์กระเด็นออกมา ทรอยเห็นอะไรไม่ชัดมากเพราะตัวของอิลยาบังไว้แถมหมอนี่วิ่งเร็วมากเหมือนเป็นนักกีฬาโอลิมปิก

         “วอทเชอร์!” ใครคนหนึ่งตะโกนขึ้นมา ก่อนที่ทั้งล็อบบี้จะเต็มไปด้วยเสียงปืนราวกับว่าโรงพยาบาลนี้กลายเป็นสงครามย่อมๆ

         “ถอย!

         “เวรเอ๊ย วอทเชอร์!

         “ระเบิด!

         “อย่า---อ๊ากกกก!แล้วก็มีเสียงระเบิดดังสนั่นจนทรอยได้ยินเสียงวิ้งในหู

         อิลยาเร่งฝีเท้าขึ้น เขาคว้าปืนออกมายิงอะไรซักอย่างที่อยู่ข้างหน้า วินาทีต่อมาเขาอุ้มทรอยวิ่งทะลุผนังกระจกออกมาด้านนอกแต่เสียงกระจกแตกนั้นเทียบไม่ได้กับเสียงสงครามเล็กๆด้านหลัง พื้นที่เขาเห็นไม่ได้เป็นพื้นกระเบื้องสีขาวอีกแล้ว แต่เป็นพื้นถนนสีเทา---แปลว่าเขาออกมาข้างนอกแล้ว

         “นั่นไงรถเรา!” อิลยาบอก เมื่อทรอยเงยหน้าขึ้นก็เห็นรถพยาบาลคันหนึ่งจอดอยู่ไม่ไกล เมื่อไปถึงอิลยาเปิดประตูอย่างรวดเร็วก่อนวางทรอยลงบนเบาะข้างคนขับแถมรัดเข็มขัดนิรภัยให้เขาด้วย ตอนนี้เสียงปืนเริ่มเบาลงบ้างแล้วแต่มีเสียงคนกรีดร้องอย่างสยดสยองแทรกขึ้นมาแทน

         “ไปเลย!” อิลยาเสียบกุญแจ(ซึ่งเขาเอามาจากที่ไหนซักแห่ง) ก่อนสตาร์ทรถและเหยียบคันเร่งจนทรอยมั่นใจว่าถ้าไม่รัดเข็มขัดเขาได้หัวทิ่มแน่นอน เมื่อมองที่กระจกข้าง ทรอยยังคงเห็นล็อบบี้ที่มีซากเฮลิคอปเตอร์ติดไฟอยู่ข้างใน มันค่อยๆห่างออกไปเรื่อยๆ

         “ร---เรา---เรารอดแล้วใช่มั้ย” ทรอยกลืนน้ำลายขณะที่รถผ่านรูปปั้นม้าขนาดใหญ่ออกสู่ถนน สองข้างทางนั่นเป็นทุ่งโล่งๆและเนินซึ่งมองเห็นรางๆในความมืด

         “แหงสิพวก เรารอดแล้ว โคตรสะใจเลยใช่มั้ย?” อิลยาหัวเราะเสียงดัง “ลีอาห์?

         “ไม่อยากจะเชื่อเลย” ลีอาห์พูดค่อยๆ

         “เฮ้ ว่าไงนะ?

         “ฉันไม่ได้หมายความอย่างที่นายคิด อิลยา….ฉันหมายถึง วอทเชอร์” เสียงของเธอฟังดูคล้ายเสียงกระซิบ แผ่วเบาแต่ชัดเจน “ฉันคิดไม่ถึงเลย---จริงๆแล้วฉันน่าจะเชื่อแดเนียล---เราประมาทไม่ได้อีกแล้วตั้งแต่เสียอับราฮัมไป---ว่าแต่นายเป็นยังไงบ้าง มัลลิแกน?

         “ผผมไม่เป็นอะไร ขอบใจที่เป็นห่วงผม” ทรอยหายใจลึกๆ เขายังไม่หายตื่นเต้น โรงพยาบาลเริ่มลับจากกระจกข้าง “ผผมผมผมยังไม่เข้าใจอยู่ดี มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? แล้วเมื่อกี้มัน---

         “ฉันรู้ มันทำใจยาก” ลีอาห์ตอบ “ยังไงซะ เราพานายออกมาจากนรกนั่นได้แล้ว ไว้พอ--

         จู่ๆเหมือนรถชนกับอะไรเข้าอย่างจัง โลกทั้งใบหมุนขณะที่กระจกรถแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย หัวเขารู้สึกเหมือนโดนกระแทกจนมึนงง ตัวเหมือนถูกเหวี่ยงและบดขยี้ แต่กระนั้นเขายังมีสติอยู่

         อะไรอีกวะ!  ถ้าทำได้ทรอยอาจทึ้งผมตัวเอง ตอนนี้โลกทั้งใบกลับหัวซึ่งแปลว่ารถคว่ำ เศษกระจกรถชิ้นเล็กๆเต็มไปหมด ไฟหน้ายังทำงาน เข็มขัดนิรภัยตรึงตัวเขาไว้กับที่นั่ง พอหันไปดูที่นั่งคนขับ….อิลยาไม่อยู่ตรงนั้นแล้ว

         “เฮ้!---อิลยา!----ใครก็ได้ช่วยผมด้วย!” ไม่มีใครตอบ

         ทรอยกัดฟันก่อนปลดเข็มขัดนิรภัย นั่นอาจเป็นความคิดที่ไม่เลว

         “โอ๊ย!” เขาหล่นลงมาจากที่นั่งซึ่งทำให้รู้สึกเจ็บทีเดียว มือคลำสะเปะสะปะไปยังที่เปิดประตูก่อนดึงมันแต่ไม่ได้ผล ทรอบสบถเบาๆก่อนตัดสินใจลากตัวเองออกมาทางกระจกหน้าอย่างทุลักทุเล แขนเขาสัมผัสโดนเศษกระจกที่เป็นเม็ดๆแต่มันไม่ได้บาดเขา

         ทรอยขนลุกไปทั้งตัวเมื่อลุกยืนขึ้นได้สำเร็จ นอกจากซากรถพยาบาลนี่แล้วก็มีแค่เขาคนเดียวในถนนนี่ เขามองไปรอบๆอย่างร้อนรนก็เจอกับอะไรบางอย่างอยู่ข้างรถ

         หน้ากากหมีแยกเขี้ยวของอิลยานั่นเองมันมีรอยเปื้อนสีดำๆ หูข้างขวาหายไป แถมตาซ้ายมีรอยร้าว ทรอยค่อยๆหยิบมันขึ้นมา

         “จะไปไหนเหรอ ไอ้หนุ่ม?

         ทรอยทำหน้ากากหล่นขณะหันกลับไปด้านหลังอย่างตกใจ เจ้าของเสียงเป็นชายหนุ่มหน้าตาดีผมบลอนด์ในชุดสูทสีขาวไม่มีเนกไทซึ่งเปื้อนเลือดเป็นดวงๆ เขาแสยะยิ้มอย่างไม่น่าดูและบ่งบอกชัดเจนว่าไม่ได้มาดี จู่ๆคำพูดของอิลยาก็เข้ามาในหัว ที่เห็นเนี่ยพวกมันไม่ใช่คนหรอก หมอนี่ยืนอยู่บริเวณหน้ารถซึ่งก่อนหน้านั้นมีแค่เศษกระจกอยู่ตรงนั้น

         “ก--แกเป็นใคร?” ทรอยค่อยๆถอยหลัง มือคลำดูที่หูก็พบว่าหูฟังไม่อยู่แล้วเท่ากับว่าเขาไม่มีคนช่วย ขอให้รถตำรวจผ่านมาแถวนี้ทีเถอะ ต้องมีใครซักคนที่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

         “เรียกฉันว่าเซ็บก็ได้” อีกฝ่ายพูดเสียงเบาพลางเดินบดเศษกระจกมาใกล้ๆ “เกือบปล่อยให้รอดไปแล้วสิ เสียดายจริงๆ รอดมาได้ทั้งสเปอเตอร์แล้วก็วอทเชอร์ แต่สุดท้ายก็เหมือนเดิม จริงๆนะ นึกว่าจะต้องนั่งรอเก้อแล้วซะอีก”

         “ต้องการอะไร” ตอนนี้ทรอยเตรียมตัวจะวิ่งแล้ว ถึงเขาจะไปค่อยมีแรงแถมยังไม่มีรองเท้าก็เถอะ

         “นี่ถามจริงเหรอ?

    “ย------อย่าเข้ามานะ” ตอนนี้ลมหายใจเขาเริ่มไม่เป็นจังหวะแล้ว

         เซ็บหัวเราะเสียงแหลมที่บาดลึกไปถึงหัวขั้วใจ “แกจะทำอะไรฉันได้วะ ไอ้ไก่อ่อน? คิดว่าถ้ากินฟรุทเข้าไปแล้วแล้วจะสู้ฉันได้เหรอ?

         “กิน?---แกพูดอะไรของแกวะ?” ทรอยเลิกคิ้ว ทำไมคนที่เขาเจอช่วงนี้มีแต่คนพูดเรื่องที่เขาไม่เข้าใจ ถึงแม้ว่าอิลยาจะเป็นมิตรแต่ทรอยยังไม่เข้าใจที่เขาพูดอยู่ดี

         “พูดมากน่ารำคาญ แกทำฉันเสียเวลาพอแล้ว” รู้ตัวอีกทีทรอยก็ถูกบีบคอด้วยมือข้างเดียว ซึ่งทรอยแทบจะมีแรงแม้แต่จะดิ้นรน “ไว้เสร็จธุระกับแกแล้ว น้องสาวแกได้เป็นรายต่อไปแน่ บางทีฉันอาจแค่เล่นสนุกกับหล่อนแบบไม่ถึงตายก็ได้ หรือไม่งั้นแกคิดว่าไงถ้าฉันจะเอาทั้งชีวิตทั้งความบริสุทธิ์ของน้องแกไปด้วย”

         ไอ้สารเลว! ทรอยขนลุกตั้งชันไปทั้งตัว เขาไม่ได้แค่กำลังขาดอากาศ เขารู้สึกเจ็บไปทั่วร่าง ทั้งตัวนั้นสั่นกระตุกอย่างควบคุมไม่ได้ หูอื้อได้ยินแต่เสียงเหมือนไฟฟ้า--- เขากำลังถูกช็อต ชุดคนป่วยที่สวมนั้นมีควันลอยออกมา ผ้าพันแผลที่มือขวานั้นถึงกับติดไฟ ตามตัวของทรอยมีประกายสีฟ้าๆและสีม่วงของไฟฟ้าซึ่งมันก็สวยดี---แต่เขากำลังจะตาย โดยไอ้เลวที่ฆ่าเขาบอกว่าเอมี่จะเป็นรายต่อไป

         "การปรับสภาพ---อยู่ที่ 26 เปอร์เซ็นต์" เสียงผู้ชายคนเดิมที่ตอนนี้ชัดขึ้นกว่าเดิม----ทรอยเริ่มหูแว่วอีกแล้ว

         เขาเคยได้ยินหลายๆครั้ง ส่วนใหญ่เป็นคำพูดเท่ๆของตัวละครในหนัง,นิยายที่ว่าความตายนั้นไม่เจ็บปวด ดูเหมือนจะเป็นเช่นนั้นเพราะความรู้สึกแสบระคายไปทั้งตัวนั้นเริ่มลดลง---แต่ขณะเดียวกัน เขาก็รู้สึกแข็งแรงขึ้น ทรอยคว้ามือของเซ็บที่กำรอบคอเขาด้วยมือขวาที่ส่งเสียงเปรี๊ยะๆเหมือนกระแสไฟฟ้า

         "67 เปอร์เซ็นต์"

         ตอนแรกเขารู้สึกกลัว---แกคิดว่าไงถ้าฉันจะเอาทั้งชีวิตทั้งความบริสุทธิ์ของน้องแกไปด้วย ตอนนี้ความโกรธที่พุ่งขึ้นมามันปะทุแรงยิ่งกว่าสายฟ้า ทรอยกัดฟันก่อนกระชากเอามือของไอ้เลวตรงหน้าออกไป

         "99 เปอร์เซ็นต์"

         เกิดเสียงระเบิดเหมือนฟ้าฝ่า เซ็บกระเด็นออกจากตัวทรอยไปหลายฟุตขณะที่ทรอยมองมือขวาอย่างตกตะลึง ผ้าพันแผลที่มือไหม้หมดแล้ว แต่มือของเขา---ราวกับว่าใต้ผิวหนังตรงมือและท่อนแขนขวานั้นมีพลังงานไฟฟ้าอันแน่นอยู่ มันทั้งส่งเสียงชี่ๆและกระพริบอย่างเปี่ยมพลัง โดยเฉพาะตรงกลางฝ่ามือที่มีสายฟ้าเล็กๆประทุออกมาเหมือนมีขดลวดเทสล่าอยู่ตรงนั้น ส่วนเซ็บมองดูมือตัวเองอย่างไม่อยากเชื่อ---มันไหม้และมีควันขึ้น แถมตัวเขาส่งกลิ่นเหมือนสารเคมีอะไรซักอย่าง

         “การปรับสภาพเสร็จสมบูรณ์” พอฟังดูดีๆ เสียงผู้ชายคนเดิมเหมือนมาจากในหัวเขาเองมากกว่า แต่ทรอยไม่ได้สนใจ เพราะเขาจ้องเซ็บที่กำลังตะเกียดตะกายลุกขึ้น 

    “ไอ้เลวนี่มันบอกว่าจะฆ่าเอมี่” สายฟ้าที่มือประทุแรงขึ้นเหมือนตอนนี้ที่ทั้งตัวทรอยร้อนผ่าวด้วยความโกรธและเกลียดชัง

         “ผมคิดว่าคุณรู้ว่าต้องทำยังไง”

         ได้เลย จะลองดู ไอ้ตัวประหลาดมีท่าทางตกใจแต่ยังพยายามเดินเข้ามาหาทรอย---ด้วยท่าทางหวาดๆ ทรอยยกมือขึ้น

         สายฟ้าเป็นลำพุ่งจากมือขวาไปหาเซ็บ ซึ่งส่งเสียงร้องอย่างทรมาน ทรอยหรี่ตาเพราะแสงและประกายไฟนั้นสว่างเหลือเกิน ทรอยรู้สึกร้อนๆที่มือแต่เขาไม่สนใจ ความโกรธกับความเกลียดที่พุ่งพล่านนั้นบอกให้เขาอย่าลดมือลงจนกว่าไอ้สารเลวจะตายหรือขอความเมตตา แต่ที่เขาได้ยินมีแค่เสียงกรีดร้องกับสายฟ้าประทุ ตายซะ เสียงกรีดร้องของไอ้เลวนี่เหมือนออกมาจากเหวลึกมากกว่าออกมากจากปากคนที่อยู่ห่างกันไม่น่าเกิน 15 ฟุต ซึ่งทำให้ทรอยอดรู้สึกสยองไม่ได้

         ใบหน้าของเซ็บโดยเฉพาะดวงตาที่เบิกกว้างนั้นลุกโชนขึ้นมาราวกับถ่านในเตาผิง ทรอยลดมือลง แขนขาเขาก็อ่อนลงเช่นกันจนทรอยทรุดลงคุกเข่า จู่ๆเขาก็หมดแรงขึ้นมาเฉยๆ

         “พพอพอแล้ว ฉ---ฉัน---ฉันขอ--โทษ” เซ็บหอบหายใจ ตามตัวเขามีรอยไหม้ เส้นผมบนหัวตั้งชันและหายไปเป็นหย่อมๆ ฉันไม่---”

         เหมือนมีอะไรบางอย่างพุ่งตัดอากาศข้ามหัวทรอยไป---หัวของเซ็บสะบัดไปทางด้านหลัง มีอะไรบางอย่างปักอยู่กลางหน้าผาก มีแท่งอะไรซักอย่างขนาดน่าจะพอๆกับดินสอแต่มันเป็นโลหะสีเทาเข้ม ตาและปากของไอ้เลวเปิดกว้างเหมือนคนถูกทรมานแต่ไม่มีเสียง ควันสีออกเหลืองๆเริ่มออกมาจากตา,หูและปากพร้อมกลิ่นเหมือนกำมะถัน

         สิ่งสุดท้ายทรอยที่จำได้คือเขาล้มลงนอนหน้าแนบกับพื้นถนน หน้ากากหมีของอิลยาวางห่างจากใบหน้าเขาไม่ถึงฟุต

         เสี้ยววินาทีก่อนที่จะหมดสติ ใครคนหนึ่งก็หยิบมันไป

         “ซูกา” คนคนนั้นสบถเป็นภาษารัสเซีย “โดนเล่นทีเผลอเองบ้างแล้วรู้สึกยังไงบ้าง ไอ้ปีศาจ”

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×