ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Manifold Flashpoint จุดประกายหายนะ

    ลำดับตอนที่ #6 : [ทรอย] บทที่ 5 - ไวรัล

    • อัปเดตล่าสุด 11 ก.พ. 61


    Viral


         เกือบห้าทุ่มแล้วทรอยยังคงนั่งอยู่หน้าแล็ปท็อป ซึ่งจริงๆแล้วไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่เท่าไหร่

         ช่วงเย็นที่ผ่านมา เขาเพิ่งส่งคำตอบไปยังธนาคารแห่งหนึ่งที่ขอให้เขาลองเช็กระบบป้องกันรายชื่อลูกค้า ซึ่งออกมาค่อนข้างน่าพอใจ เขาสามารถเข้าระบบได้ถึงห้านาทีก่อนที่จะถูกตัด ถึงจะเข้าถึงได้แต่ระบบป้องกันการดาวน์โหลดยังทำงานได้ปกติ ฝ่ายความปลอดภัยคงจะมีงานทำเร็วๆนี้ในขณะที่ทรอยได้ค่าเสียเวลาและค่ารักษาความลับถึงแม้เขาจะมืออาชีพพอที่จะไม่เปิดอะไรดู

         ซักพักหลังงานฝ่ายรักษาความปลอดภัยได้ข้อมูลแล้วก็มีข้อความมาถึงเขาว่าค่าจ้างถูกโอนแล้ว ซึ่งพอทรอยเช็คดูก็พบว่าเขาเสร็จงานแล้ว เขาถอดแว่นออกมาเช็ดอย่างรู้สึกสบายใจ

         พอไม่มีอะไรดูแล้วทรอยรู้สึกเบื่อๆอย่างบอกไม่ถูก เอมี่ก็ไม่ค่อยใช้โปรแกรมแชทและเธอไม่ใช่เด็กสาวแบบที่จะมานั่งบ่นทุกเรื่องให้คนอื่นฟัง แต่เขาจำได้ว่ามีนานๆครั้งที่เอมี่จะบ่นเรื่องพวกเพื่อนชาย “จอมงี่เง่า” ให้เขาฟัง ซึ่งถ้าคลินท์อยู่ด้วยเขาก็จะถูกเอมี่ลากมาฟังเช่นกัน ซึ่งเขาชอบแซวเรื่องที่เอมี่ไม่ค่อยคิดเรื่องออกเดท แถมเธอเสยคากเด็กผู้ชายคนล่าสุดที่พยายามขอเธอเป็นแฟน

         “ฉันว่าก็ดีอย่างนึงนะที่น้องไม่ได้คบกับใครเพียงเพราะไอ้หมอนั่นชมว่าเธอสวย” คลินท์เคยพูดกับทรอย “แต่บางทีก็อดคิดไม่ได้ว่ะว่าเอมี่ชอบตีฉิ่ง แกคิดว่าไง?”

         “ฉันว่าเอมี่ชอบผู้ชายนะ แค่พวกที่เธอเจอน่ะคิดแค่เรื่องว่าจะเอากับใครดีก่อนเรียนจบ เธอเลยไม่ชอบ” ทรอยตอบเขาไป “เอมี่น่ะฉลาดจะตาย”

         พูดถึงคลินท์ เขาไม่ได้ติดต่อมาอีกเลย แต่คงไม่มีอะไรผิดปกติ

         อินเทอร์เน็ตวันนี้ก็เหมือนเดิมที่มีทั้งเรื่องเป็นเรื่องและไม่เป็นเรื่อง คลิปไวรัลอยู่เต็มเว็บโซเชียล มีการแชร์เรื่องเกี่ยวกับคดีปริศนาที่นิวยอร์ค ซึ่งวันนี้มีคนเล่นมุกอิลูมานาติอีกเช่นเคย ของใหม่คงจะเป็นทฤษฎีสมคบคิดของรัฐบาลซึ่งแน่นอนว่าทรอยไม่ได้เสียเวลาอ่าน

         เขาเคยอ่านผ่านๆถึงเรื่องทำนองนี้มาก่อน ซึ่งส่วนใหญ่ร่างของเหยื่อที่ลุกเป็นไฟเองมักจะเหลืออวัยวะบางส่วนเช่นแขนหรือขา แต่ก็กรณีที่นิวยอร์ค รายงานข่าวบอกว่าร่างเหยื่อไหม้เป็นเถ้าถ่านจนหมด ก็ฟังดูน่าสนใจ แต่ที่นี่มันคืออเมริกา ซักพักเรื่องคงเงียบไปเองถ้าเกิดยังสืบต่อไม่เจอ

         ทรอยกำลังจะลุกไปเติมน้ำ จู่ๆก็มีคนชวนเขาเข้าร่วมห้องแชท

         “จอน ?” จะว่าไปแล้ว ทรอยไม่ได้คุยกับเพื่อนคนนี้มาพักใหญ่เหมือนกัน จอนหรือโจนาธานหายหน้าไปจากอินเทอร์เน็ตและโทรศัพท์ไปเกือบเดือนเต็มๆ ทั้งที่ก่อนหน้าที่เขามีแล็ปท็อปเป็นเงาตามตัวตลอด

         ห้องแชทนี้มันก็คือปาร์ตี้คืนสู่เหย้าดีๆนี่เอง ทรอยเปิดกล้องหลังจากเห็นว่าทุกคนให้ห้องแชทเปิดเป็นแชทแบบเห็นหน้า

         “หวัดดี ทรอย ฉันไม่ได้รบกวนนายใช่มั้ย ?” จอนเป็นฝ่ายทักทายขณะที่ทรอยทดสอบเสียงไมค์

         “เปล่าๆ ได้ยินมั้ยจอน? มีใครไม่ได้ยินมั่ง?” ทรอยพูดพลางไล่ดูหน้าทุกคน เห็นได้ชัดว่าพวกนี้คุยกันได้ซักพักแล้วก่อนจะชวนเขาเข้ามา

         ทางนี้ได้ยินอยู่จอนตอบ

         “ชัดแจ๋ว” ออลลี่

         “เออ” เท็ด

          “จัดห้องใหม่เหรอวะ? ทำไมไม่คุ้นเลย” ดีแลน

         “หายใจเบาๆหน่อยพวก” คีธ

         ทรอยยิ้มทักทายเพื่อนๆ สงสัยเหมือนกันว่าไอ้พวกนี้หลังจบไฮสคูลแล้วไปทำอะไรกัน

         เริ่มจากคนแรก จอนเป็นหนุ่มร่างผอม ผมสีน้ำตาลอ่อนเหมือนขนหนู ใบหน้ามีรอยสิวเล็กน้อย สวมแว่นตา เขาดูมีเนื้อมีหนังมากขึ้นแต่ยังถือว่าผอมอยู่ดี แต่คราวนี้จอนไม่ได้หวีผมเรียบๆอีกแล้วซึ่งทรอยคิดว่าคงไม่มีใครโดยเฉพาะผู้ชายมานั่งหวีผมตอนดึกๆ เขายังสวมชุดนอนลายทางสีน้ำตาลสลับขาว แว่นที่เขาสวมก็ไม่ใช่อันเดิม 

         “ว่าไงจอน ?” ทรอยทักทาย “นั่นแว่นใหม่เหรอ?

         จอนเอื้อมมือแตะที่แว่นราวกับลืมตัว “อ่อ ช่าย คือต้องให้รางวัลกับตัวเองหน่อย นี่ก็ไม่ใช่ถูกๆนะ”

         “รางวัลอะไร?

         “บอกเขาหน่อยสิ จอน” เท็ดว่า

         “คือ….เอ็มไอที เขารับฉันเข้าแล้วว่ะ” จอนยิ้มกว้างราวกับจะดูปฏิกิริยาทุกคน

         “เฮ้! เจ๋งดีนี่ ดีใจด้วยนะเพื่อน” ทรอยตอบ เขาบอกไม่ถูกเหมือนกัน นี่เป็นเรื่องน่ายินดีแต่มันก็ไม่ใช่เรื่องเหนือความคาดหมาย เพราะทรอยจำได้ว่าจอนเคยเปรยๆให้ฟังว่าเขาสมัครชิงทุนจากบริษัทแม็กนัสฯเพื่อเข้่าศึกษาต่อ จอนเป็นคนเดียวในกลุ่มที่จริงจังกับการเรียนต่อในมหาวิทยาลัยและเอ็มไอทีก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วย ด้วยผลการเรียนแล้วจึงเดาได้ไม่อยากว่าจอนนั้นมีลุ้นแน่ๆ

         แต่ถึงอย่างนั้นทรอยก็แกล้งทำหน้าเฉยๆ คนอื่นๆก็ดูจะเล่นตามเกม

         “พวกนายไม่ประหลาดใจหน่อยเหรอ” จอนมีสีหน้าผิดหวัง ทำเอาทุกคนในห้องแชทรวมถึงทรอยพากันขำกลิ้ง สีหน้าของจอนจึงเปลี่ยนจากผิดหวังเป็นงุนงงในชั่ววินาที

         “ฟังนะเว้ย” เท็ด เจ้าของทรงผมสกินเฮดพยายามทำให้ตัวเองหยุดหัวเราะ “ถ้าใครในกลุ่มพวกเราจะไปเรียนต่อหรือกลายเป็นโคตรพ่อโคตรแม่อัจฉริยะสะท้านโลกอะไรแบบนั้นล่ะก็ มีแต่แกเท่านั้นแหละจอน แกน่ะอนาคตไกลที่สุดในกลุ่มพวกเราแล้วเว้ย”

         “…..จริงเหรอ”

         “จะถือว่านั่นแปลว่า “ขอบใจ” ละกัน แล้วก็แว่นแกสวยดีนะ เอาเป็นว่าที่เคยบอกว่าแกใส่แว่นแล้วหน้าเห่ยน่ะฉันพูดผิดละกัน” เท็ดหยิบมันฝรั่งกรอบเข้าปาก ทรอยสังเกตว่าเขามีรอยสักที่หลังมือ สมัยเรียน เท็ดเป็นเหมือนหัวหน้ากลุ่ม เขาเป็นคนสอนทรอยเล่นกีต้าร์(ซึ่งทุกวันนี้เขายังหยิบๆมาเล่นตอนเบื่อๆหรือเจอเพลงที่อยากเล่นเป็น) เป็นคนพาหนุ่มๆในฉันไปรู้จักกับสาวๆและเป็นคนไกล่เกลี่ยเวลามีเรื่อง ทรอยเคยได้ยินว่าเพราะว่าเท็ดนี่แหละ จอนถึงได้มีโอกาสได้แอ้มสาวก่อนเรียนจบ

         “ว่าแต่แกเหอะ เท็ด สักลายอะไรของแกวะ”

         “เขาเรียกว่าศิลปะเว้ย” เท็ดยกมือขวาขึ้นมาอวด เขาสักที่นิ้วเป็นตัวอักษรเรียงกันอ่านได้ว่า “เท็ดดี้” ที่หลังมือนั้นเป็นรูปตุ๊กตาหมีตัวอ้วนๆหน้าตาดุร้าย

         “หมีเท็ดดี้หรือหมาบูลด็อกถูกข่มขืนวะนั่น” ออลลี่แซว

         “กัดลิ้นตัวเองเลย ไอ้หัวทอง” เท็ดตอกกลับ ขณะที่อีกฝ่ายชูนิ้วกลางเป็นการโต้ตอบ โอลิเวอร์หรือออลลี่เป็นหนุ่มหัวทองผมตั้งคล้ายๆกับตัวการ์ตูนสมัยก่อน ผิวสีแทนจากการอาบแดด จนถึงวันนี้ทรอยยังไม่คุ้นเคยเวลาที่ออลลี่ไม่ได้สวมฮู้ดหรือหมวก เขากลายเป็นคนดังสมัยเรียนจากการที่เป็นหนุ่มคนแรกในชั้นที่เสียความบริสุทธิ์ แถมยังเสียให้สาวสวยที่ฮาวาย ถ้าทรอยจำไม่ผิด ทุกคนเชื่อเพราะออลลี่ดันเล่นพิเรนท์ถ่ายรูปมาอวด

         “โย่ว ทรอย” ออลลี่หันมาทัก “ได้ข่าวว่าย้ายไปซานฟรานฯ  อากาศดีมั้ยพวก?

         “อากาศก็ดี แต่อยู่คนเดียวก็รู้สึกแปลกๆว่ะ” ทรอยเกาหัว “ก็มาทำงานนี่หว่า”

         “เหงา?” ออลลี่ทำหน้าล้อเลียน “อย่าบอกนะว่าตั้งแต่ถึงซานฟรานฯ แกยังไม่ได้เห็นแม้แต่สายยกทรง

         “เงียบเลย ไอ้ลามก” ทรอยตอบพลางนึกขำในใจ “ก็บอกแล้วไงมาทำงานหาเงิน ถ้าว่างนักก็ไปขัดจรวดเหอะ”

         “ขัดจรวดทำไมวะ ในเมื่อฉันมี

         “ไม่เอาน่าพวก เรามารวมก็เพื่อพูดเรื่องใต้สะดือเนี่ยนะ ?” จอนผู้น่าสงสารท้วงขึ้นมา

         ออลลี่ยกมือขึ้นเป็นท่ายอมแพ้ แต่รอยยิ้มชั่วร้ายยังคงอยู่บนใบหน้า

         “เอาเป็นว่าถ้าเกิดฉันเลิกกับแฟนเมื่อไหร่ จะติดต่อแกคนแรกเลยเพื่อน” คีธพยายามเล่นด้วย

         “ด้วยความยินดี” หนุ่มผมทองว่า

         “เกือบลืมน่ะ คืองี้นะทรอย” คีธพูดพลางขยับกล้อง ทุกคนในกลุ่มยอมรับอย่างไม่เต็มใจว่าเขาเป็นคนหน้าตาดีที่สุด ผมสีน้ำตาลเข้ม ตาสีเทา ใบหน้าได้รูป แถมฐานะร่ำรวย ทำให้เขาเป็นหนุ่มที่ฮอตที่สุดในรุ่น “พ่อฉันมีบ้านพักที่ซานฟรานฯ เราเลยจะแวะไปที่นั่นซักสี่ห้าวัน ว่าจะไปหาแกหน่อย จะได้แนะนำให้รู้จักเพื่อนใหม่ด้วย ว่าไง”

         “ไหงไม่ชวนฉันด้วยวะ” ออลลี่ประท้วง

         “แกบอกเองนี่หว่าว่าพรุ่งนี้แกบินไปที่ประเทศไทย” อีกฝ่ายท้วง “เท่าที่รู้ แกเที่ยวแต่ละที่เป็นสัปดาห์ด้วย แถมคราวนี้เป็นที่พัทยา”

         “พัทยา” เท็ดเบ้ปากก่อนพยักหน้า “พกถุงหน่อยนะพวก---เยอะๆเลย เดินทางปลอดภัยล่ะ”

         “โทษนะ ที่ไม่ได้ชวน” ออลลี่ยิงฟันเป็นเชิงขอโทษ “คราวหน้าสัญญาว่าจะพาแกไปด้วยนะจอน”

         “ไม่เป็นไร” จอนเหมือนจะรู้ว่าที่นั่นมีอะไร

         “โอเค คราวนี้ตาฉันมั่ง แกยังไม่ได้ตอบฉันเลย” ดีแลนโบกมือ เขาเป็นหนุ่มผิวสีหัวฟูตัวโย่งอดีตนักบาสโรงเรียน ครั้งสุดท้ายที่ทรอยได้ยินเกี่ยวกับเขาคือพยายามหาทีมในลีกส์ “แกไปได้ห้องมาจากไหนวะทรอย ไหนแกบอกวะว่าเป็นอพาร์ทเมนท์เก่าของพี่แก”

         “ก็นี่แหละ อพาร์ทเมนท์เก่า” ทรอยตอบ “คิดว่าจะเป็นรูหนูรกๆแคบๆหรือไง?

         “พี่แกท่าจะกระเป๋าหนักว่ะ แถมต้องสปอร์ตด้วย” ดีแลนถูจมูก “ทำงานอะไรวะ พี่แกน่ะ?

         “ลูกจ้างของแม็กนัสฯน่ะ เหมือนเคยว่าเบื่อผู้หมวดที่กองร้อยเลยลาออกไปทำงานเอกชน” ทรอยใช้ความคิด เขาไม่แน่ใจเรื่องสาเหตุที่คลินท์ออกจากกองทัพ “ไม่มีตัวหารเลยเงินเยอะหน่อย ก็อาชีพเสี่ยงตายนี่หว่า รักษาความปลอดภัย” จะว่าไปแล้ว ทรอยไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่ที่คลินท์เลือกงานสายนี้ แต่หมอนั่นเขาบ้าระห่ำ แถมคลินท์เปรยๆว่าตัวเขาไม่เก่งพอจะเรียนมหาวิทยาลัยถึงแม้ว่าเขาจะเรียนต่อจากทุนกองทัพ ฉันอยากเข้าแม็คโดนัลในฐานะลูกค้า ไม่ใช่เด็กเสิร์ฟ เขาบอก 


         “ว้า นึกว่าจะเป็นวิศวกรหรืออะไรพวกนั้นซะอีก” จอนพูดค่อยๆ “ใครก็รู้ว่าทีมวิศวะของแม็กนัสน่ะโคตรเจ๋ง ฉันล่ะอยากไปทัวร์โรงงานของพวกเขาจัง”

         “ไม่ยักกะรู้ว่าแกเป็นแฟนอาวุธสงคราม” คีธเลิกคิ้ว

         “อวัยวะเทียมกับหุ่นยนต์ต่างหาก จริงๆไม่ได้มีแค่นี้นะ” หนุ่มเนิร์ดพูดเสียงเคลิ้ม "แล้วก็ยานอวกาศ...เจ๋งๆทั้งนั้น แล้วทุนฉันก็มาจากเน็ด แลงดอนอีก...."

         “ความรู้ใหม่นะเนี่ย” คีธพูดเสียงเบา

         “เฮ้” เท็ดโพล่งขึ้นมา สายตาของไม่ได้จ้องมาที่กล้อง “พวกแกคนไหนตามข่าวเรื่องไฟไหม้ที่นิวยอร์คบ้าง? ในอินเทอร์เน็ตเขาแชร์ไอ้นี่กันให้ว่อนเลยว่ะ มีมือดีสอยมาได้จากไหนไม่รู้ ฝีมือแกหรือเปล่าวะทรอย?

         “พูดบ้าๆ” ทรอยตอบ ที่กล่องข้อความดูเหมือนว่าเท็ดจะแชร์ลิงค์อะไรซักอย่างมาให้

         “ไหนดูสิ” ทุกคนเหมือนจะได้ลิงค์อันเดียวกัน เพื่อนๆของทรอยพากันละสายตาจากกล้องไปที่หน้าจอคอมพิวเตอร์

         แรกๆทุกคนมีสีหน้าแตกต่างกัน จอนกับเท็ดมีสีหน้าเหมือนกำลังดูภาพยนตร์ระทึกขวัญ มีจุดหนึ่งที่ทั้งสองสะดุ้งขึ้นมา ออลลี่มีสีหน้าแปลกพลางพึมพำว่าปลอมๆ ส่วนคีธมีท่าทางแปลกใจเช่นเดียวกับดีแลน เขาอ้าปากค้างเล็กน้อยจังหวะที่จอนและเท็ดสะดุ้ง

         มาถึงจุดหนึ่ง ทั้งหมดมีปฏิกิริยาคล้ายๆกัน

         “เฮ้ย!

         “พระเจ้า

         “โว้!

         “ห๊ะ

         ทั้งหมดนั่งตาค้างอยู่หลายวินาที ก่อนที่คีธจะเป็นฝ่ายทำลายความเงียบ

         “แกเห็นนั่นใช่มั้ย? ยังกะในหนังเลย..

         ออลลี่เกาหัวแรงๆ “แกว่าปลอมมั้ย? ไอ้นั้นน่ะ”

         “จากแสงสะท้อนแล้ว คิดว่าไม่น่าปลอมว่ะ” เท็ดตอบพลางป้ายจมูก “เวรเอ๊ย ถ้าปลอมนะ ฮอลลีวูดนี่กลายเป็นร้านล้างรูปเลย”

         “คิดว่าเพราะงี้หรือเปล่าวะ รัฐบาลถึงบอกว่าไม่มีอะไรในกอไผ่” ดีแลนถาม

         “ไม่รู้เว้ย” ออลลี่กลืนน้ำลาย “ฝีมือเอเลี่ยนงั้นเหรอ นี่มันยุคไหนแล้ว? มุกเอเลี่ยนน่ะมันโคตรเชยเลย”

         จอนถอดแว่นออกมาเช็ด “เอเลี่ยนกลายนิวยอร์คเหรอ? อันนี้ทั้งเชยทั้งสิ้นคิดเลยนะถ้าถามฉัน เกลียดชะมัดเวลาที่มีคนเหมาว่าสิ่งมีชีวิตทรงภูมิจะเป็นพวกบ้าชอบฆ่าคน

         “พวก?” ทรอยพยายามเรียกสติพวกนั้น “เฮ้ เกิดอะไรขึ้น?

         “ฉันว่าฉันไปนอนดีกว่า” จู่ๆออลลี่ก็โพล่งขึ้น “พอกันทีอินเทอร์เน็ต....แล้วเจอกัน ทรอย”

         ไอ้ออลลี่นอนก่อนเที่ยงคืน? วันนี้พระอาทิตย์จะขึ้นทางตะวันตกหรือไง

         ไม่ใช่แค่ออลลี่ ทุกคนต่างบอกลากันหมด(จอนนั่งเป็นเพื่อนเขาอยู่สองสามนาทีก่อนจะขอตัวไป) เหลือเพียงทรอยที่นั่งบื้ออยู่คนเดียว

         อะไรวะ….

         เขาถอนหายใจก่อนเลื่อนเมาส์ไปที่ปุ่มกากบาท แต่ยังไม่ทันกด ตาของเขาก็ดันไปเห็นลิงค์เจ้ากรรมที่เท็ดแชร์มาให้

         ทรอยรู้สึกแปลกๆ ความอยากรู้อยากเห็นกำลังเข้าแทนที่ความรู้สึกเซ็ง เมาส์วางอยู่บนลิงค์ สองจิตสองใจว่าเปิดดูหรือปล่อยเรื่องไร้สาระนี่ไว้แล้วไปนอนตามเพื่อนๆซะ เขาเคาะนิ้วอย่างใจลอยก่อนจะส่ายหัว ความอยากรู้อยากเห็นเป็นฝ่ายชนะ

         เวรเอ๊ย ดูหน่อยก็ได้วะ

         ลิงค์นี่ไปถึงคลิปวิดีโอบนเว็บที่ทรอยไม่รู้จัก ชื่อคลิปเป็นภาษาจีน มีภาษาอังกฤษเขียนคำเดียวว่า “นิวยอร์ค” ยอดเข้าชมใกล้ถึงหลักแสน เทียบกับวันอัพโหลดแล้วคลิปนี่เพิ่งอัพได้ไม่นาน

         ส่วนตัววิดีโอ จากคุณภาพและองค์ประกอบเห็นได้ชัดว่าเป็นภาพจากกล้องวงจรปิดที่สี่แยกแห่งหนึ่ง มีรถจอดรอสัญญานไฟอยู่พอสมควร ริมฟุตบาทน่าจะมีผู้คนอยู่เช่นกัน ภาพไม่ได้คมชัดมากทรอยจึงมองอยู่ที่รถคันที่เขาเห็นชัดที่สุด เป็นรถแท็กซี่คันหนึ่ง เหมือนเป็นภาพกล้องวงจรปิดทั่วไป

         แล้วเขาก็เข้าใจว่าทำไมเท็ดและจอนถึงได้สะดุ้ง เพราะทรอยเองก็สะดุ้งเล็กน้อย เมื่อจู่ๆมีอะไรบางอย่างร่วงลงมาใส่กระโปรงรถคันสีแดงถัดจากรถแท็กซี่ที่เขากำลังมองอยู่ ทรอยย้อนกลับไปดูอยู่หลายรอบจนเขาแน่ใจว่าที่เห็นนั่นเป็นร่างของคนที่ร่วงลงมาราวกับฉากในหนังสยองขวัญ ด้านหน้าตรงกระโปรงรถนั้นยุบลงไปและพังยับ ทรอยคิดว่าเขาเห็นเศษพลาสติกและโลหะปลิวออกมาตามแรงกระแทก ด้านหลังรถยังถึงกับกระดอนขึ้นเล็กน้อย

         วินาทีถัดมา มีคนออกมาจากรถคันดังกล่าว ผู้โชคร้ายมีด้วยกันสองคนน่าจะเป็นสามีภรรยา รถคันใกล้เคียงพา    กันออกมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น คนที่นั่งด้านคนขับของรถโชคร้ายถึงกับยกมือปิดปากเมื่อเห็นว่าเกิดอะไรขึ้น คนในภาพหลายคนล้วงหาอะไรในกระเป๋า คงเป็นโทรศัพท์ แต่สิ่งต่อมาทำให้ทุกคนถึงกับผงะ

         ทรอยเห็นร่างของคนที่ตกลงมาไม่ชัด แต่จุดที่ร่างนั้นนอนอยู่เกิดมีไฟลุกขึ้นมา-ไฟสีฟ้าอมขาว แบบที่เขาไม่เคยเห็น ทรอยเคยเห็นไฟหลายสีในรายการโทรทัศน์และในคาบเคมี แต่ไม่เคยเห็นแบบนี้ ไฟสีฟ้าขาวสว่างสไวที่ติดขึ้นมาเป็นเปลวไฟขนาดใหญ่ในเวลาไม่กี่วินาที วิดีโอจบลงหลังจากไฟนั้นลุกสูงขึ้นราวกองไฟในพิธีอะไรซักอย่าง แต่ทรอยยังคงนั่งนิ่งอยู่หน้าจอ หลายวินาทีกว่าเขาจะรู้ตัวว่าคลิปจบแล้ว

         มันเป็นการกลืนน้ำลายที่ลำบากที่สุดในชีวิตของเขาเลย

         เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ทรอยรู้สึกว่าการลากเมาส์ไปยังปุ่มกากบาทมันยากเหลือเกิน เขาปิดแล็ปท็อปอย่างใจลอย ในหูมีเพียงเสียงหัวใจตัวเองเต้นเท่านั้น เขาเองอธิบายไม่ได้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น ไฟสีฟ้าขาวนั่นดูสว่างสวยงามก็จริง แต่เขาไม่เข้าใจว่าทำไมมันกลับทำให้เขารู้สึกเย็นวูบตามไขสันหลังด้วย

         คงพอแล้วสำหรับอินเทอร์เน็ตวันนี้

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×