คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : [บทนำ] วอทเชอร์ [รีไรท์ ครั้งที่ 2]
สัญชาตญาณของอับราฮัมบอกเขาว่ามีบางอย่างผิดปกติ
เป็นเวลาพักใหญ่แล้วที่เขายืนรออยู่ในซอกตึกมืดๆ นานๆทีจะมีแสงไฟจากรถยนต์สาดผ่านเข้ามา นอกเหนือจากนั้นก็มีเพียงไฟติดๆดับๆเหนือหัวกับปลายบุหรี่ราคาถูกที่เขาติดตัวไว้แก้เซ็งเท่านั้น ถึงรสชาติจะแค่พอใช้แต่กลิ่นของมันกลบกลิ่นปัสสาวะจางๆที่ล่องลอยในตรอกได้ชะงัด
ในฐานะหนึ่งในป่าคอนกรีตและกระจกที่ใหญ่สุดในโลก เงาจากตึกระฟ้านับร้อยนับพันของมหานครนิวยอร์คทำให้ท้องดำมืดยามรัตติกาลสว่างขึ้นจนมองไม่เห็นดวงดาวแต่กระนั้นแสงไฟนับล้านทั้งจากตึก ป้ายบิลบอร์ดและยานพาหนะนั้นไม่เพียงพอจะฉายไปทุกมุมของเมือง นั่นเป็นสิ่งหนึ่งที่นิวยอร์คยังคงไม่เปลี่ยนแปลง ที่นี่ยังมีมุมมืดๆเสมอ ซึ่งก็ดีสำหรับเขา
อารมณ์ของอับราฮัมนั้นมืดและขุ่นมัวไม่แพ้ท้องฟ้า ค่ำคืนนี้เป็นอีกค่ำคืนที่สำคัญของเขา ไม่สิ ต่อพรรคพวกของเขาด้วย คู่นัดพบขึ้นชื่อในเรื่องความไม่น่าไว้วางใจและมักใหญ่ใฝ่สูง มีชื่อเสียเป็นที่เกลียดชังของทุกคนที่เขารู้จัก แต่อับราฮัมไม่มีทางเลือก ถ้าไม่เข้าถ้ำเสือย่อมไม่มีทางได้ลูกเสือ ถึงไอ้เสือตัวที่ว่าจะน่ารังเกียจมากกว่าน่าเกรงขาม สาเหตุเดียวที่เขายอมทำตามข้อเสนอก็เพื่อให้หมดพันธะเท่านั้น
ควันบุหรี่ลอยอ้อยอิ่งราวกับล้อเลียนความร้อนรนในใจ เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอ่านข้อความอีกครั้ง มันคอยย้ำเตือนเสมอว่าในข่าวดีย่อมมีข่าวร้ายมาด้วย โดยเฉพาะในชีวิตของอับราฮัม
เอ.
เราได้มันมาแล้ว ไม่ใช่ง่ายๆเลยว่ะไอ้หนูแต่เราได้มันมาจนได้ ฉันเองก็ไม่อยากจะเชื่อนักว่าของระดับนี้จะมาซ่อนในที่แบบ---พิพิธภัณฑ์ ถ้าแกกำลังคิดมาก เราไม่ได้เสียใครไป ฉันเจ็บตัวนิดหน่อยก็เพราะอย่างที่บอกว่างานนี้มันไม่หมู เราจัดการพวกใส่สูทได้สอง เป็นเนคไทเหลืองทั้งหมดเลย ประมาทโคตรๆเลยแกว่ามั้ย?
ไม่ค่อยมีใครแตะมันตามที่แกบอก ขนาดปิดตาฉันยังรู้เลยว่าไอ้นี่มันอันตรายแค่ไหน มิน่าล่ะ ไอ้พวกนั้นมันถึงอยากได้นักหนา พวกมันรู้แล้วว่าพวกเราเป็นคนลงมือ แต่มันไม่มีทางตามกลิ่นเรามาแน่นอน ยกเว้นว่าทางแกจะมีใครทำพังซะเอง--ไม่ได้ว่านะ
แกอาจไม่ชอบแผนนี้แต่ไอ้ตัวแสบของเราเป็นคนเดียวที่พอจะผ่านเอาไอ้นี่ไปถึงมือแกได้ ฉันก็ไม่ไว้ใจมันแต่ตัวเลือกมันน้อย พวกวอทเชอร์ก็แฝงตัวอยู่ทุกที่ แกน่าจะเป็นคนบอกซินธ์เองเถอะว่างานนี้พวกเราซีเรียส
มันอาจเก็บของไว้เอง ฉันรู้ดี แต่มันขี้ขลาดจะตายถ้าเกิดมันรู้ว่าของที่มันเอาไปน่ะคืออะไร แต่ก็นั่นแหละ นี่เป็นภารกิจลับสุดยอด แค่มีไอ้ตัวแสบมาเป็นคนกลางก็ปวดหัวพอแล้ว แกจัดการเองแล้วกัน ฉันจะรอฟังข่าวดีจากแก
งานนี้พวกมันไม่อยู่เฉยๆแน่ ระวังตัวด้วย ศัตรูบางตัวสู้ไปก็ไม่คุ้ม
เอ็ม.
ซินธ์เป็นไอ้ตัวแสบที่สุดคนหนึ่งเท่าที่อับราฮัมรู้จัก เหตุผลเดียวที่ทำให้เขาลอยหน้าลอยตาอยู่ได้เพราะเขาเก่งเรื่องแทงข้างหลังและเหยียบหัวคนอื่น นอกจากนี้เขายังมีเส้นสายไปทั่ว ด้วยลิ้นสองแฉกทำให้เขาได้หลายๆอย่างตามต้องการ อับราฮัมคิดว่าซินธ์อาจส่งลิ่วล้อมาแทนทั้งที่กำชับว่าต้องมาด้วยตัวเอง
อับราฮัมใช้เท้าขยี้ก้นบุหรี่ตัวที่สองขณะที่หูของเขาได้ยินเสียงฝีเท้าจากด้านหน้า คนที่นัดมาก็ปรากฎตัวพอดี เขาเดาว่าซินธ์จงใจมาสายเพื่อปั่นหัวเล่น ชายหนุ่มถลกแขนเสื้อแจ็กเก็ตเพื่อดูนาฬิกา หน้าปัดแบบดิจิตอลนั้นเรืองแสงเป็นสีเขียวอ่อนในความมืด อับราฮัมหรี่ตาเล็กน้อย
01.39 น. 21 วินาที // 12 กรกฏาคม // 21 °C
สายไป 19 นาที ไอ้กร๊วกเอ๊ย
"แกมาสาย" อับราฮัมท้วงทั้งที่รู้ดีว่าไม่มีประโยชน์ เขาแปลกใจเล็กน้อยที่อีกฝ่ายทำตามข้อตกลงด้วยการมาด้วยตนเอง นึกว่าจะหมกตัวอยู่ในคลับเปลื้องผ้าที่เป็นเจ้าของเสียอีก
"ไอ้ของนี่ไม่ได้มาง่ายๆว่ะเพื่อน" คู่สนทนาเดินเข้ามาใกล้ๆพร้อมกระเป๋าในมือ เขาแต่งกายด้วยเสื้อผ้าหรูๆตามเคยซึ่งครั้งเป็นนี้เป็นสูทสีขาวล้วน ใบหน้าหล่อเหลาราวเหมือนพวกนายแบบบนนิตยสารบวกกับผมสีน้ำตาลช็อกโกแลตทำให้ไอ้หล่อนี่เหมือนหลุดมาจากพรมแดงของงานประกาศรางวัลสักแห่ง "โทษทีที่ให้รอ แกมาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่?"
เขาบุ้ยใบ้ไปที่ก้นบุหรี่สองตัวใกล้ๆเท้า
"โทษๆ" พ่อเทพบุตรเอ่ย อับราฮัมสังเกตว่าอีกฝ่ายพาคนมาด้วยกลุ่มหนึ่ง แต่ละคนแต่งตัวเนี้ยบพอๆกับเจ้านาย ซินธ์ก็ยังเป็นซินธ์วันยังค่ำ อับราฮัมแน่ใจไอ้พวกไก่อ่อนนี่ไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร เขารู้ว่าสามารถกำจัดพวกมันได้ในชั่วพริบตาถ้าเขาต้องการ แต่พวกมันไม่รู้และเขาต้องการให้เป็นแบบนั้นต่อไป
"ถ้าแกตาไม่บอด แกคงเห็นว่าตอนนี้เรายืนอยู่ในตรอกมืดๆในสลัมของนิวยอร์ค" แถมตอนนี้ยังมีศัตรูเต็มไปหมด อับราฮัมกอดอก "รีบทำให้จบๆกันดีกว่า ไหนๆเราก็ไม่อยากเห็นหน้ากันอยู่แล้วนี่"
"ไม่น่าเอาเพื่อน นี่ฉันอุตส่าห์ใส่ชุดเก่งถ่อมาหาแกถึงที่เลยนะ" ซินธ์แสยะยิ้ม รองเท้าหนังที่สวมส่งเสียงทุกครั้งที่มันแตะพื้นแฉะๆ "จะบอกให้ว่าแค่รองเท้าฉันก็แพงกว่าไอ้ที่แกใส่มาทั้งตัวแหง"
"จะดีมากถ้าแกช่วยบอกอะไรที่มันมีสาระหรือฉันสนใจ" อับราฮัมไม่รู้ว่ารองเท้าหนังนั่นแพงตามที่โม้หรือเปล่า แต่คนสวมคงไม่ชอบใจแน่ถ้ามันเกิดเลอะของเสียจากใครซักคน "แล้วแกเอา 'มัน' มาด้วยใช่มั้ย?"
"บ้าเอ๊ย" อับราฮัมจ้องกระเป๋าตาไม่กระพริบขณะที่อีกฝ่ายสบถพลางถูพื้นรองเท้ากับพื้นแห้งๆ ลิ่วล้อของซินธ์ยังหัวเราะเบาๆไม่ให้เจ้านายรู้ กระเป๋าธรรมดา ไม่มีเวทมนตร์ป้องกัน มีแค่ตัวล็อกโง่ๆสองตัวเท่านั้นเอง ต้องรีบแล้ว
"เลิกเล่นได้แล้ว" เขาตัดเข้าประเด็น "รีบๆส่งกระเป๋ามาได้แล้ว ทีนี้เราจะได้ไปไกลๆจากไอ้ตรอกเหม็นอ้วกนี่ซะที ส่วนแกจะได้หมดธุระ"
"ฉันส่งแน่" ซินธ์ดูเหมือนจะได้สติแล้ว "ขอไรหน่อยสิ? ทีนี้แกจะบอกได้หรือยังว่าไอ้ที่อยู่ในกระเป๋ามันอะไรกันแน่ ให้ตายเถอะฉันเป็นคนกลางแต่ไม่มีใครบอกอะไรเลย ฉันเกลียดความลับจะตาย แกรู้มั้ย?"
แปลกจริงๆที่มันไม่แอบเปิดดู แต่ก็ดีแล้ว "นั่นไม่ใช่เรื่องของแก ส่งมันมา เราตกลงกันแล้ว"
อับราฮัมไม่อยากเสียเวลานาน การที่พวกเขามารวมตัวกันจำนวนขนาดนี้เป็นเรื่องเสี่ยงพอแล้ว ยังไม่นับกับที่หนึ่งในนั้นถือเอาวัตถุอันทรงพลังมาด้วย จากที่เขาได้ยินมา ยิ่งใช้คนขนส่งมากก็จะยิ่งทำให้เจ้าวัตถุดึงดูดเหล่าบุคคลไม่พึงปรารถนาซึ่งความคิดดังกล่าวทำให้อับราฮัมเย็นวาบไปตามไขสันหลัง
ด้วยเหตุนี้เขาจึงเดินทางมารับของคนเดียว อับราฮัมยอมเสี่ยงโดนหักหลังมากกว่าเสี่ยงโดนถูกพบ
"แกฟังอยู่หรือเปล่าวะ?" ซินธ์ถาม "ฉันถามว่าแกรู้มั้ย?"
"ฉันจำได้ว่าบอกแกไปว่าใช้กำลังคนขนส่งให้น้อยที่สุด คนเดียวยิ่งดี" อับราฮัมพูดเรียบๆ ตอนนี้เขากำลังนับจำนวนพวกปลายแถวที่ซินธ์พามาด้วย สองคนยืนขนาบซ้ายขวา อีกสองถัดไปด้านหลัง แล้วก็อีกสองตรงปากทางเข้าตรอก หกคนพอดี "แล้วนี่อะไร?"
"เออๆ" ซินธ์เริ่มมีสีหน้าไม่พอใจที่ไม่ค่อยสมจริง "พวกเด็กๆมันอยากเห็นตำนานมีชีวิตอย่างท่านอับราฮัมผู้ยิ่งใหญ่ไง ฉันก็ไม่ใช่พวกใจดำ เลยสนองเด็กๆ..."
คืนนี้เขาเสียเวลามาพอแล้ว "ฟังนะไอ้หน้าอ่อน นี่ไม่ใช่เวลาที่จะมากวนตี---" อับราฮัมเดินตรงเข้าไปหาอีกฝ่าย แต่แล้วเขาก็ต้องหยุดชะงัก
"เฮ้ๆๆๆๆ" ซินธ์ยกมือขึ้นห้ามขณะที่อีกมือยกกระเป๋าขึ้นอย่างท้าทาย "โอเค ฉันรู้ว่าเด็กๆของฉันไม่ใช้คู่ต่อสู้แกหรอก แต่ให้ฉันเดาอะไร ไอ้ของในกระเป๋านี่ต้องเจ๋งแน่ๆ แล้วจากที่พวกนั้นบอกให้ฉันห้ามเปิดดู บอกว่ารุ่นเดอะอย่างแกถ่อมาเอง ระมัดระวังสุดขีดแถมกำชับว่าให้ส่งถึงมือแกคนเดียวอีก ให้ตายเถอะ ฉันดูหน้าแกก็พอรู้น่าว่าแกอยากได้มันแค่ไหน บางทีถ้าแกขอดีๆ..."
"ไม่ตลกว่ะ อาวุธนั่นอันตรายเกินกว่าจะ..." เขาพลาดจนได้
ไอ้หน้าหล่อหัวเราะ "กะแล้วว่ามันต้องเป็นอาวุธ ถ้าอาวุธนี่เจ๋งอย่างที่แกบอก ฉันก็มีเหตุผลพอที่จะเก็บมันไว้เองแล้วทีนี้พันธะโง่ๆนั่นจะได้จบกันซะที แต่ถ้าแกมีอะไรจะมาเสนอก็ฉันก็---อาจรับฟัง ได้ยินมั้ย? แค่อาจจะ"
แสงไฟด้านบนกระพริบถี่ขึ้น ขอให้เป็นแค่ไฟฟ้าขัดข้องทีเถอะ มือของอับราฮัมทั้งสองข้างกำเป็นหมัด "นี่ไม่ใช่เวลาจะมาเล่นตุกติกกับฉัน..."
ซินธ์ดูเหมือนจะพอใจ "โอ้ แกยังเหมือนเดิมแฮะ หัดอ่านวิธีตกลงทางธุรกิจบ้างนะ ไอ้โง่" ลิ่วล้อสี่ตัวเดินเข้ามาล้อมอับราฮัมไว้ "ในเมื่อแกไม่ยอมบอกว่ามันทำอะไรได้ ฉันดูเองก็ได้วะ" แล้วเขาก็เปิดกระเป๋านั่นออก
อย่า! แต่อับราฮัมได้แค่อ้าปากเท่านั้น
ในนั้นเป็นลูกทรงกลมอันหนึ่งถูกวางไว้ในหลุม ผิวของมันเป็นสีขาวเงินมันวาวยิ่งกว่าโลหะใดๆที่อับราฮัมเคยเห็น ขนาดของมันพอๆกับแอปเปิ้ลลูกโต แต่กระนั้นอับราฮัมรู้สึกถึงพลังงานมหาศาลอัดแน่นอยู่ในเจ้าลูกกลมลึกลับนี้ โชคร้ายที่อีกฝ่ายดูเหมือนจะไม่ได้รู้สึกเช่นนั้น เหมือนมีกระแสไฟฟ้าอ่อนๆลามเลียตั้งแต่หัวจรดเท้า เขายังมั่นใจว่าหูไม่ได้ฝาดเมื่อเขาได้ยินเสียงกระซิบเบาๆไม่ได้ศัพท์มาจากมัน เขาไม่เข้าใจว่าเสียงนั้นกำลังพูดอะไร เขาไม่อยากเข้าใจ
มีคนบอกเขาว่าเจ้าสิ่งนี้เป็นความหวังเดียวสำหรับความอยู่รอดของพรรคพวกเขา เป็นอาวุธที่แสนทรงอานุภาพที่รู้จักเพียงในชื่อ "ฟรุท" แต่กระนั้นอับราฮัมก็ยังไม่รู้ว่ามันใช้ยังไง อานุภาพที่ร้ายแรงตามคำบอกเล่าเหล่านั้นมันแค่ไหนกัน ตอนนี้เขาพอจะเดาออกแล้วว่าทำไม
ที่ไม่มีใครบอกได้อาจเป็นเพราะไม่เคยมีใครรอดชีวิตจากลูกทรงกลมนี้มาก่อน
"....งาม" ซินธ์อธิบายลูกทรงกลมในหนึ่งคำได้ดีทีเดียว ช่วงขณะนั้นเหมือนเวลาจะถูกหยุด เมื่อซินธ์หยิบมันขึ้นมา สิ่งที่เหมือนกับไข่มุกสีเงินดูจะมันวาวมากขึ้นเมื่อเขายกมันขึ้นมาอวด ชั่วขณะนั้นอับราฮัมสามารถใช้ความเร็วแย่งมันมาได้ถ้าเขาต้องการ แต่สัญชาตญานบอกเขาไม่ให้ทำอะไรโง่ๆ ตอนนี้เสียงกระซิบเหมือนอยู่ตรงท้ายทอยเขามากกว่าในมือซินธ์ มันกำลังพูดกับเรา---หรือใครบางคน
"พวกแกเห็นมั้ย!" ใบหน้าของซินธ์บ่งบอกถึงชัยชนะ "มันเลือกฉันเว้ย! แกเห็นมั้ยอับราฮัม---ไอ้นี่มันเลือกฉัน! อาวุธที่แกอยากได้นักหนาตอนนี้เป็นของฉันแล้ว ไอ้หน้าโง่เอ๊ย! คราวนี้แกจะทำยังไงฮะ ไอ้คนเก่ง! พอกันทีกับสัญญาโง่ๆที่ฉันต้องรับมาจากพ่อ ทีนี้ฉันจะ.." แต่แล้วรอยยิ้มก็ค่อยๆเลือนหายจากใบหน้าหล่อเหลาของซินธ์ แทนที่ด้วยสีหน้าหวาดกลัวสุดขีด ใบหน้าของซินธ์กลายเป็นสีเทาซีดภายใต้เงาของตรอก ตอนนั้นเองที่พวกลิ่วล้อต่างตาเหลือกร้องเสียงชวนขนลุก สองมือกุมหูเอาไว้
มีสิ่งที่คล้ายกับภาพโฮโลแกรมสีฟ้าปรากฎขึ้นรอบๆลูกทรงกลม เป็นอักขระที่เขาไม่คาดว่าจะเคยเห็นนอกเหนือจากตอนที่เขาเรียนเพื่ออ่านมันก่อนที่ตำรานั้นจะบอกให้เขาหลีกเลี่ยงอะไรก็ตามที่อักขระแบบนี้เขียนอยู่ นอกจากนี้ยังมีลวดลายดาวห้าแฉกในวงกลมประทับอยู่บนลูกทรงกลมซึ่งก่อนหน้านี้เขาแน่ใจว่ามันเป็นแค่ลูกทรงกลมผิวเรียบ ลวยลายเป็นเส้นคล้ายเขาวงกตแผ่ออกจากรอบๆรูปดาวเหมือนถูกแกะสลักขึ้นด้วยมือล่องหน เสียงกระซิบดังอื้ออึงในหูอับราฮัมจากทุกทิศทาง เขากำหมัดจนเล็บจิกเข้าไปในผิวหนัง พยายามอย่างสุดความสามารถที่จะไม่ยกมือขึ้นปิดหู มันดังจนอับราฮัมเกือบเข้าใจ
อะไรก็ตามที่อยู่ในฟรุท มันพยายามจะออกมา
ที่เลวร้ายที่สุดคือพลังงานที่อันแน่นอยู่เหมือนจะปะทุอยู่ภายในและรุนแรงขึ้นเรื่อยๆจนอับราฮัมรู้สึกหูอื้อ คราวนี้เขาไม่ได้รู้สึกอยู่ฝ่ายเดียว ซินธ์ฉลาดพอจะจับมันยัดกลับที่เดิมก่อนปิดกระเป๋า เขาถึงกับหอบหายใจ ใบหน้าไร้สีเลือด ดวงตาโปนด้วยความตื่นตระหนก
"พวกแก...." เขาพูดติดขัด ผมลู่ลงปรกใบหน้า "พวกแกมันบ้า....ถ้าฉันรู้ว่ามันเป็นของพรรค์นี้....เวรเอ๊ย! เราเกือบซวยแล้วมั้ยล่ะ ถ้าเกิดฉันช้ากว่านี้นิดเดียวล่ะก็ พวกเรามีหวัง....."
ตาย รวมถึงทุกชีวิตในนิวยอร์คด้วย
บางอย่างบอกเขาว่าซินธ์พูดผิด พวกเขาไม่ได้เกือบซวย.....อับราฮัมจำความรู้สึกเย็นที่ท้ายทอยและสันหลังแบบนี้ได้
ความเงียบผิดธรรมชาติเข้าปกคลุม ไม่มีเสียงยานพาหนะ ไม่มีเสียงหลอดไฟ----หรือควรจะพูดให้ถูกคือไม่มีเสียงอะไรเลย ทั้งๆที่เมื่อกี้เขายังได้ยินเสียงความวุ่นวายของนิวยอร์คอยู่ หลอดไฟใกล้พังด้านบนก็เกิดสว่างจ้าขึ้นมาราวกับจะระเบิดก่อนที่จะดับลง อากาศเย็นก็ลงอย่างฉับพลัน
"บ้าเอ๊ย! แกทำพังจนได้" อับราฮัมภาวนาให้สัญชาตญานเขาผิด แต่เขาไม่ได้โชคดีขนาดนั้น เมื่อไฟกลับมาติด เผยให้เห็นเงาสามร่างอยู่ตรงปากทางตรอกพอดี "วอทเชอร์..."
พวกมันเจอเราแล้ว
ปลายสุดของตรอกปรากฎร่างของฝันร้ายยามค่ำคืน ชายร่างสูงในชุดสูทสีดำสนิทและเนคไทสีแดง ทุกคนหวีผมเรียบ ริมฝีปากเม้มเป็นเส้นตรง แว่นเลนส์สีดำปกปิดแววตาเป็นสิ่งสุดท้ายที่เขาคาดหวังจะเห็นในตอนนี้ ภายใต้แว่นดำนั้นคือสิ่งมีชีวิตที่อันตราย,แข็งแกร่ง,โหดเหี้ยมที่สุดและเจ้าเล่ห์ที่สุดเท่าที่พี่น้องของเขาเคยพบ ไม่เคยมีใครสามารถกลับมาเล่าถึงความน่ากลัวของพวกมัน
"วอทเชอร์" หรือ ผู้สังเกตการณ์
อับราฮัมสามารถเอาตัวรอดจากพวกมันคนเดียวได้สบาย เป็นคู่ต่อสู้ให้ได้ด้วยซ้ำไป แต่นี่พวกมันมากันสามคน
สามคน
"สวัสดีท่านสุภาพบุรุษทั้งหลาย.....แล้วนั่นคงจะเป็นอับราฮัมคนดังสินะ" ชายชุดดำที่ยืนตรงกลางพูดขึ้น โหนกแก้มและกรามอันแข็งแกร่งดูขาวซีดใต้แสงไฟ มีรอยยิ้มเล็กๆที่มุมปาก เป็นหัวหน้ากลุ่มอย่างไม่ต้องสงสัย "เราไม่ได้มาขัดจังหวะการพบปะเล็กๆพวกคุณใช่มั้ย?"
อับราฮัมจ้องพวกชุดดำสลับกับกระเป๋าไปมา พวกนั้นแทบไม่ขยับ ซินธ์ตัวสั่นอย่างเห็นได้ชัด มือกำที่หิ้วกระเป๋าไว้เหมือนมันจะระเบิด
"จริงสิ" ชายคนเดิมพูด ไม่ได้ดังไปกว่าเสียงกระซิบแต่ด้วยความเงียบ เขาได้ยินมันอย่างชัดเจน "ดูเหมือนว่าในนั้น จะมี...ของสำคัญที่พวกคุณต้องการ--ไม่สิ พวกเราต้องการ แต่ก็มีใครสักคนใจกล้าพอที่จะฉกมันจากเราไปแบบใต้จมูกแท้ๆ จากที่เห็นเมื่อครู่นี่ก็คงเห็นแล้วว่านั่นไม่ใช่ของเด็กเล่น พวกคุณจะรู้มั้ยเราเสียเวลาไปเท่าไหร่เพื่อตามชิงมันคืน ซึ่งก็ขอบใจจริงๆที่เปิดใช้งานมันเมื่อสักครู่จนเราตามมาเจอ ช่างถือเป็นความร่วมมือที่หาได้ยากจากพวกคุณจริงๆ"
ชายชุดดำเดินเข้ามาอย่างใจเย็น ใบหน้าของพวกนั้นทุกคนมีรอยยิ้มมุมปากอย่างมั่นใจ เสียงส้นรองเท้าหนังสะท้อนไปตามตรอก ที่มือของคนที่อยู่ตรงกลางมีรอยเปื้อนของเหลวสีเข้มเป็นประกายพร้อมกลิ่นคาวจางๆ เลือด
"เข้าเรื่องเลยแล้วกัน ส่งมันมาซะ พวกเราไม่มีเวลาเล่นด้วยเท่าไหร่ บางทีผมอาจช่วยทำไม่รู้ไม่เห็นเกี่ยวกับการชุมนุมเล็กๆน้อยๆนี้ แต่ว่ากันตรงๆนะ พวกคุณตายไปไม่กี่คนคงไม่มีใครสนใจหรอก แค่วันสองวันก็คงมีคนหาใครมาแทนได้อยู่แล้ว"
ซินธ์และพรรคพวกดูเหมือนจะเสียการควบคุมไปแล้ว อับราฮัมต้องเลือกระหว่างว่าจะเสี่ยงรับมือกับวอทเชอร์สามคนหรือยอมให้พวกนั้นได้ลูกทรงกลมไป ซึ่งนั่นหมายถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่วางแผนกันมาต้องพังทลาย เขาจะยอมให้มันเกิดขึ้นไม่ได้เด็ดขาด
แต่สิ่งที่เหนือความคาดหมายคือ ซินธ์ดันตัดสินใจได้ก่อนเขา ไอ้สารเลววิ่งชนเขาจังหวะที่มันวิ่งหนี
เพียงพริบตาเดียว ซินธ์วิ่งไต่ผนังอาคารด้านหลังขึ้นสู่ดาดฟ้าก่อนจะหายไป ทิ้งไว้เพียงรอยคอนกรีตแตกๆเป็นแนวดิ่งและฝุ่นจางๆ
ซินธ์ไปพร้อมกระเป๋า
"น่าเสียดายจริงๆ" ชายชุดดำคนเดิมเอ่ยพลางยักไหล่ "ไหนใครอยากเป็นศพแรก?"
ไม่ใช่วันนี้เว้ย
หนึ่งในลิ่วล้อพยายามเหวี่ยงหมัดใส่เขา แต่อับราฮัมคว้าหมัดไว้ได้จะเอาคืนด้วยการแทงทะลุหน้าอกของหมอนั่นด้วยฝ่ามือ ใครอยากเป็นคนต่อไป เพื่อนของมันมีสีหน้าครั่นคร้ามปนสยดสยอง พวกมันสองคนวิ่งหนีไปทางวอทเชอร์ อับราฮัมไม่ต้องเสียเวลาคิดว่าพวกนั้นจะลงเอยแบบไหน พวกที่เหลือตัดสินใจล้วงเขาไปในเสื้อเพื่อควานหาอาวุธ อับราฮัมหมุนเตะก้านคอใส่คนที่อยู่ใกล้เขาที่สุดจนได้ยินเสียงกระดูกลั่น
"ตายซะ ไอ้เปรตเอ๊ย!" ลิ่วล้อคนสุดท้ายชักปืนออกมาได้และพยายามจะระเบิดสมองอับราฮัม แต่เขาไวกว่า ชายหนุ่มปัดปืนออกไปได้ทันและรู้สึกถึงกระสุนร้อนๆบินผ่านปลายเส้นผมบริเวณขมับซ้าย มือขวาของเขาประกบที่ปากและจมูกของลิ่วล้ออย่างแน่นหนา ไปลงนรกซะ เสียงตะโกนอู้อี้หายไปเมื่อไฟสีเขียวปะทุออกมาจากเบ้าตาและหูของมัน เมื่ออับราฮัมปล่อย ปากของลิ่วล้อชะตาขาดก็เป็นแค่รูบิดเบี้ยวไหม้เกรียมควันฉุย
"นั่นมันโหดจริงๆ แม้แต่สำหรับคุณก็เถอะ" บ้าชิบ เสียงของชายชุดดำมาจากด้านหลังนี่เอง อับราฮัมหมุนตัวเตะแต่ที่เขาสัมผัสนั้นมีแต่อากาศ ก่อนที่เท้าเขาจะถึงพื้น ฝ่ามือของวอทเชอร์ก็กระแทกเข้าที่หน้าอกของอับราฮัมอย่างจัง ความหนักของมันทำให้เขาจุกที่หน้าอกจนแทบไม่รู้สึกเลยว่าปลิวไปกระแทกกับอะไร เขาได้ยินวอทเชอร์พูดอะไรบางอย่างกับเพื่อนอีกสองคนของเขาอย่างแผ่วเบาและรวดเร็ว ที่เขาได้ยินมีเพียง "ตามมันไป"
"ถ้าเป็นคนอื่นคงจะเสร็จไปแล้ว แต่ผมรู้ว่าคุณมีดีกว่านั้น" วอทเชอร์หันมาสนใจเขา จากฝุ่นที่เขาสูดเข้าไปกับเสียงกระแทกทำให้อับราฮัมรู้ว่าเขาปลิวติดกำแพง เขายังได้รสเลือดในปากและอะไรเหนียวๆที่ไหลออกจากจมูก "เรามาทำตัวแบบผู้มีอารยะ ตอนนี้มีแค่คุณกับผมเท่านั้น แล้วเราก็รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าคุณคิดสู้"
ไม่ เราจะทำพลาดไม่ได้เด็ดขาด ไม่งั้นทุกอย่างที่เราทำมา... อับราฮัมลุกขึ้นพลางปัดฝุ่นออกจากตัว เขาสูดหายใจเข้าช้าๆ คิดสู้แล้วยังไง? ก็ลองดูสิ ฝ่ามือซ้ายของเขารู้สึกเจ็บเล็กน้อยเหมือนมีมีดมากรีด อับราฮัมกำมันเข้าก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองศัตรู "หลีกไป ฉันไม่มีเวลามายุ่งกับแก"
"คงต้อง...พวกมนุษย์ชอบพูดว่ายังไงนะ?....ใช่แล้ว" รอยยิ้มเยาะหายไปจากใบหน้าของชายชุดดำ เลนส์แว่นสะท้อนแสงเป็นสีขาว เขาจัดเนกไทให้เข้าที่ "ต้องข้ามศพผมไปก่อน....ถ้าคุณทำได้นะ"
อับราฮัมขยับตัวเท่าที่เขาจะเร็วได้ มือซ้ายของเขายังกำแน่นขณะพุ่งเข้าหาศัตรูที่กำลังทำแบบเดียวกัน วอทเชอร์เร็วกว่าเขามากแต่อับราฮัมเดาออกว่าอีกฝ่ายจะทำอะไร ทุกอย่างกลายเป็นภาพช้า วอทเชอร์เงื้อมือขวาขึ้นหมายปิดบัญชี สีหน้านั้นเรียบเฉยราวกับทำมันมาเป็นพันครั้ง
สมาธิและความแม่นยำคืออาวุธสำหรับโค่นทุกศัตรู อับราฮัมท่องที่แดเนียลสอนเขา เอานี่ไปกินซะ ไอ้ตัวประหลาด
อับราฮัมที่ง้างมือซ้ายรออยู่ก็เปิดฝ่ามือออก วอทเชอร์ถึงกับชะงักเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าอะไรอยู่ถูกกรีดอยู่บนนั้น แต่ก็สายไปเสียแล้วเมื่อชายหนุ่มตะบบเข้าที่ใบหน้าของเขา แล้วแสงสว่างจ้าบาดตาสีขาวที่ออกมาจากฝ่ามืออับราฮัมที่แสบเหมือนถูกไฟลวกก็กลืนกินทุกอย่างนอกจากเสียงคล้ายวัตถุขนาดใหญ่เคลื่อนผ่านอากาศด้วยความเร็วสูงเมื่อวงแหวนอาคมที่เขาแอบกรีดไว้ถูกใช้งาน
นั่นคงจะพอซื้อเวลาให้เขาได้ วอทเชอร์ได้หายไปแล้ว อับราฮัมไม่มีเวลาสำรวจฝ่ามือซึ่งกำลังแสบร้อน ตอนนี้วงแหวนอาคาที่เขาใช้คงจะไหม้และผิวหนังก็จะคืนสภาพเดิมในไม่ช้าแต่เขาไม่มีเวลาขนาดนั้น ไม่ต้องรอซ้ำสอง อับราฮัมวิ่งไต่อาคารขึ้นไปบนดาดฟ้าด้วยความเร็วสุดชีวิตตามไอ้ตัวแสบไป
ซินธ์อยู่ห่างจากเขาไปอีกหกดาดฟ้า อับราฮัมวิ่งสุดชีวิตจนเขาได้กลิ่นผงคอนกรีต ผงอิฐ ปนมากับกลิ่นเหม็นไหม้ของพื้นรองเท้า เขาพุ่งตัวทะลุป้ายโฆษณาเหมือนมันทำจากกระดาษเปียกๆ กระโดดข้ามช่วงตึก แผดเสียงร้องเป็นวัวกระทิง เขาไม่สนใจว่าใครข้างล่างจะได้ยิน ถ้าเกิดคืนนี้อับราฮัมกลับไปมือเปล่า--ทุกอย่างที่วางแผนกันมาก็พังหมด
ได้ตัวแกละ ไอ้เวร
"ซินธ์!" เขาตะโกนขณะที่ถีบตัวกระโดดสุดแรง ซินธ์หันมามองอย่างเสียขวัญ สายตาของอับราฮัมจับจ้องอยู่ที่กระเป๋า อับราฮัมกำหูหิ้วกระเป๋าไว้แน่นขณะที่รวบตัวซินธ์ไว้แบบนักอเมริกันฟุตบอล พวกเขาพุ่งกระแทกพื้นอย่างแรงซึ่งร่างของซินธ์ถูกใช้เป็นเหมือนเบาะรองกระแทก เขาคิดว่าได้ยินเสียงแตกของคอนกรีต
แต่แน่นอนว่าแค่นั้นไม่ทำให้ไอ้ตัวแสบบาดเจ็บหรอก
เขาคร่อมร่างซินธ์เอา มือข้างซ้ายที่ไม่ได้ถือกระเป๋ากำรอบคออีกฝ่ายไว้แน่นก่อนฉุดให้ลุกขึ้นเต็มแรง คราวนี้ไอ้ตัวแสบถึงกับร้องไม่ออก
"โอเค โอเค ยอมแล้วๆๆ!" ซินธ์ร้องลั่นขณะที่นิ้วของอับราฮัมจิกแน่น เท้าของเขาเริ่มเตะอากาศ
"ฉันขอโทษ คราวหน้าฉันจะไม่.."
"หุบปาก!" อับราฮัมตะคอก "ที่แกทำเมื่อกี้เกือบทำพวกเราต้องพังไปกับความงี่เง่าของแก ไอ้ปัญญาอ่อน! คราวนี้แกเข้าใจหรือยัง!"
"เข้าใจแล้วโว้ย!" ซินธ์ตะเบ็งเสียง ตอนนี้ตาขาวเขาเริ่มหายไปแล้ว ควันจางๆลอยออกมาจากซอกนิ้วของอับราฮัมที่กำรอบคอ "แกไม่ฆ่า---ไม่ฆ่าพี่น้องแกหรอกใช่มั้ย ? อับราฮัม แก....."
อับราฮัมขบกรามแน่น ก่อนเขาจะคลายมือปล่อยไอ้ตัวแสบร่วงลงกับพื้น ซินธ์นวดคอซึ่งเป็นรอยไหม้เป็นรูปมือพลางหอบหายใจอย่างทรมาน เขาเงยหน้าขึ้นมองด้วยสีหน้าโล่งอกปนหวาดกลัวพลางกระเถิบออกให้ห่างเท่าที่เขาจะทำได้ ไอ้ตัวแสบร้องลั่นเมื่อโดนเตะเข้าที่สีข้าง เพื่อให้แน่ใจว่าซินธ์จะไม่กล้าเล่นตุกติกกับเขาคราวหน้า อับราฮัมจึงยกเท้าขึ้นกระทืบที่หน้าแข้งซ้ายของไอ้ตัวแสบเต็มแรงจนเสียงกระดูกนั้นดังพอๆกับเสียงกรีดร้อง ยังไงคืนนี้แกก็ไม่ต้องวิ่งอีกแล้วนี่
อับราฮัมย่างสามขุมเข้าหาซินธ์ที่ร้องโอดโอยและกระเถิบหนีเท่าที่ขาข้างที่ไม่หักจะทำได้ ความโกรธแผดเผาอยู่ในหัวของเขา "ออกไปให้พ้น" เขาเค้นเสียงรอดไรฟัน "ฉันไม่มีเวลามากับเรื่องไร้สาระของแก"
ตาทั้งสองของซินธ์เบิกกว้าง ปากอ้าราวกับกรีดร้องอย่างไม่มีเสียง สีหน้าสยดสยองมีความหมายเดียวเท่านั้น แต่อับราฮัมก็ช้าไปเสียแล้ว
บางอย่างที่แหลมคม สีแดงฉานและเรืองแสงเสียบทะลุหน้าอกเขาง ความเจ็บปวดทรมานแผ่ซ่านราวพิษร้ายจากกลางหลังไปทั่วร่างกายพร้อมกับของเหลวอุ่นๆไหลอกมาจากหน้าอก ราวถูกแทงทั่วร่างพร้อมกันด้วยมีดเล็กๆเผาไฟและท่อนซุงเสียบเข้ากลางหลัง เขาพยายามอย่างมากเพื่อไม่ให้ร้องด้วยความเจ็บปวด ภาพที่เห็นกลับมีสีเพี้ยน ขาทั้งสองข้างเหมือนยางรั่วเมื่ออับราฮัมล้มคุกเข่าอย่างสิ้นแรง ใบมีดที่คมกริบเสียจนขอบของมันแทบจะกลืนไปกับอากาศกลายเป็นสิ่งเดียวที่เด่นชัดในแววตามืดมิด
มันไม่น่าจะฟื้นตัวได้เร็วขนาดนี้....ไม่...ไม่ใช่แบบนี้....ไม่ใช่ตอนนี้....
อับราฮัมคาดผิด เขาน่าจะรีบๆฆ่าไอ้ตัวแสบซะตอนที่ยังมีโอกาส
"สารภาพตามตรงว่าผมประมาทเอง" เสียงคุ้นหูดังขึ้นด้านหลัง "ถึงใจจริงอยากสู้กับคนดังอย่างคุณแบบแฟร์ๆ แต่ช่วยไม่ได้เพราะคุณเป็นฝ่ายเล่นทีเผลอก่อน แล้วในกระเป๋านั่นมันอยู่ผิดมือมานานแล้ว ถึงเวลาที่มันกลับไปอยู่ที่สมควรซะที---ไม่โกรธผมนะ เรามันคนทำงานเหมือนกัน"
อับราฮัมพยายามเกาะกุมกระเป๋าด้วยแรงที่เหลือ แต่มือที่แข็งแรงกว่าของวอทเชอร์อีกคนคว้ามันไปอย่างง่ายดาย เรี่ยวแรงและสติของเขาเหมือนถูกใบมีดดูดออกไปทางบาดแผลกลางหลังขณะที่ความเจ็บปวดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ร่างในชุดดำตรงเข้าตรึงซินธ์ไว้กับพื้นด้วยการเหยียบหน้าอก
"เฮ้...." ใบหน้าหล่อเหลาซีดเป็นกระดาษ สองมือกำขาของบุรุษชุดดำอย่างไร้หนทาง "สาบานได้ว่าฉันไม่รู้ว่าไอ้นั่นคืออะไร......ฉันติดหนี้พวกนั้น ฉันไม่เกี่ยว.....ฉันจะบอกทุกอย่าง! จริงๆนะ! ทุกอย่างเลย! รับรองว่าพวกแกต้องไม่เคยได้ยิน....ไม่---ไม่--ย---อย่าฆ่าฉัน ได้โปรด! อย่าทำ...." จู่ๆซินธ์ก็พูดไม่ออก ทุกอย่างพร่ามัวจนอับราฮัมเห็นแบบแถบสีเคลื่อนไหวเท่านั้น
"ผมเสียใจจริงๆที่ไม่อาจมอบความตายที่มีเกียรติกว่านี้ให้กับอับราฮัมผู้โด่งดัง" เสียงของวอทเชอร์เหมือนล่องลอยมาไกลแสนไกล อับราฮัมใช้แรงเฮือกสุดท้ายพยายามคว้าเอาดาบที่โผล่พ้นหน้าอก แต่แค่ฝ่ามือแตะมันทั้งแขนก็เจ็บปวดเหมือนถูกราดด้วยกรดและฝ่ามือเขาก็พองแดงส่งกลิ่นเหม็นไหม้ "คุณนี่หัวดื้อสมกับที่ได้ยินมาจริงๆ ยังไงก็ตาม....ถือเป็นเกียรติที่ได้ทำธุรกิจกับคุณนะ ลาก่อน"
ฝากด้วยนะ ลีอาห์
อับราฮัมสะท้านทั่วร่างเมื่ออีกฝ่ายดึงดาบออก เขารู้สึกถึงแรงกระชากที่หลังคอเสื้อเมื่อชายชุดดำเหวี่ยงเขาลงจากดาดฟ้า อากาศหวีดหวิวในหูขณะที่ร่างเขาลอยเป็นตุ๊กตาผ้าถูกโยนทิ้ง
สิ่งสุดท้ายที่เขารับรู้คือเสียงกรีดร้องของซินธ์และเปลวไฟสีขาวที่กลืนกินทุกอย่างในสายตา
ความคิดเห็น