ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ใต้ฟ้าสีเลือด (Crimson Sky)

    ลำดับตอนที่ #3 : มายาราตรี

    • อัปเดตล่าสุด 13 เม.ย. 50


              ผ่านทุ่งกว้างสีทองด้วยแสงอ่อนแรงของอาทิตย์ยามเย็น ม้าทั้งสองก้าวควบทะยานผ่าสายลมที่โหมพัดอย่างไม่หยุดยั้ง ลิเลียนเพิ่งจะเคยได้สัมผัสม้าในครั้งแรก แต่ด้วยทักษะที่ถูกสร้างมาพร้อมกับร่าง ทำให้เธอปรับตัวได้ไม่ยากนัก

              ว่ากันว่า เวลาที่สวยที่สุดของวัน คือยามพระอาทิตย์ทอแสงขึ้นจากฟ้า และลาลับลงสู่นิทรารมย์ แต่เวลาเหล่านั้น มักอยู่เพียงชั่วประเดี๋ยวประด๋าว

              เพียงไม่ถึงชั่วโมงท้องฟ้าสีทองก็เปลี่ยนเป็นสีชมพูเข้ม สีน้ำเงินได้เริ่มทาบทามาจากทางท้องฟ้าทิศตะวันออก บัดนี้ราตรีได้กางปีกกำมะหยี่ประดับเพชรของเธอ เข้าครอบคลุมท้องนภาเสียแล้ว

              โชคดีที่คืนนี้เป็นคืนเดือนเพ็ญ ดวงจันทร์สีเงินทอแสงสีนวลยวนตาส่องนำทางสว่างเย็นให้ทั้งสอง

              เซเรน่าชักม้าให้ช้าลงจากควบเป็นเดิน ลิเลียนดึงม้าให้ช้าลงตาม เธอหันไปบอกลิเลียนที่ขี่ตามมาอย่างเว้นระยะ "เราต้องช้าลงในเวลากลางคืนนะ มันอันตราย"

              ลิเลียนพยักหน้ารับคำแทนการตอบ พร้อมชักชาโดวไลท์ให้เดินเคียงคู่ไปกับ คุกกี้ดอท

              ลมหนาวเย็นยังพัดหวืดหวือ ลิเลียนยังนึกถึงความฝันที่มักจะฝันเห็นบ่อยๆ อย่างช่วยไม่ได้ แม้นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอเห็นพระจันทร์ในฟ้าสีน้ำเงินเข้ม แต่เธอไม่เคยเดินทางในบรรยากาศเช่นนี้มาก่อน

              พระจันทร์ในฟ้าสีน้ำเงิน ทำให้เธอนึกถึงการฝึกในลิเบอริน นึกถึงเหล่าผองเพื่อนที่คอยให้ความช่วยเหลือในนั้น เธอไม่รู้เลยว่า พวกเขาจะได้ออกมาจากลิเบอรินหรือเปล่า หรือว่ายังวนเวียนต่อสู้อยู่ในโลกแห่งนั้น

              เสียงจิ้งหรีดกรีดร้องดังระงมทั่วท้องทุ่งราวกับจะพูดจากับสองนักเดินทางที่เดินทางยามวิกาลเยี่ยงนี้ ลิเลียนพยายามเงี่ยหูฟังเสียงจิ้งหรีด เธอนึกถึง 'ไซเรน' จิ้งหรีดที่เธอเคยเลี้ยงในโลกลิเบอรินอย่างช่วยไม่ได้

              หลังจากออกมาจากลิเบอรินแล้ว สิ่งหนึ่งที่ยังคงดำเนินต่อไปอย่างต่อเนื่อง คือความฝันของเธอ ฝันที่ต้องย่ำฝ่าดงซากหนามกุหลาบ คอยเดินตามการโคจรของพระจันทร์แก้วใสอย่างไม่รู้จักจบสิ้น

              แม้การเดินทางในท้องฟ้าสีเลือดนั้น มันยาวนานราวกับไม่มีวัสิ้นสุด แต่การเดินทางครั้งนี้ เป้าหมายของเธอคือพิกัด 145 S, 23 W

              "เซเรน่า พิกัด 145 S, 23 W นี่ มันคือที่ไหนเหรอ" ลิเลียนหันไปถามเซเรน่าด้วยน้ำเสียงห้วนเรียบ ใบหน้าเรียวขาวที่สะท้อนแสงดวงจันทร์ยังคงเรียบราวปูนปั้น

              เซเรน่าหันมามองด้วยดวงตากลมแป๋ว "เฮล์ม พรีวู๊ด หน่ะ" ลิเลียนไม่ได้ถามต่อ แต่จ้องมองเซเรน่าราวคาดหวังว่าเธอจะอธิบายต่อ ซึ่งก็เหมือนเซเรน่าจะเข้าใจดี

              "เฮล์ม พรีวู๊ด อยู่ถัดจากนี้ราวๆ หนึ่งวันถ้าเดินทางด้วยม้า ลักษณะของเมืองมีรูปร่างคล้ายดวงดาว เรน่าคิดว่าลินคงเคยเห็นในแผนที่" ลิเลียนพยักหน้าเป็นการตอบรับอีกหนึ่งที

              "เมืองนี้ เป็นหนึ่งในที่อยู่อาศัยของชนเผ่าเฮอมิทที่อพยพมาจากพรีวู๊ด หลังจากที่พวกเดม่อนออกจากประตูนรกมาได้ เหล่าเฮอมิทเป็นกลุ่มแรกที่เดือดร้อน เพราะประตูนรกในป่าพรีวู๊ดนั้น เป็นที่แรกที่เปิดออก และถูกรุกราน" เซเรน่าอธิบายต่อ

              "เราไม่เคยเห็นเผ่าเฮอมิทมาก่อนเลย พวกนี้เป็นยังไงเหรอ? เหมือนพวกเราๆ มั้ย?" ลิเลียนถามต่อด้วยความสงสัย

              เซเรน่าเลิกผ้าคลุมหัวลงก่อนจะยิ้มอย่างสดใส "ก็เรน่านี่แหละ เฮมิท อิอิ" ลิเลียนนัยน์ตาเบิกกว้าง "เซเรน่าไม่ใช่น้องท่านเครชหรอกหรอ!"

              เซเรน่ายิ้มและเล่าต่อ "ไม่ใช่หรอก จริงๆ จะว่าไป เรน่าก็ไม่ใช่เฮอมิทเต็มร้อยหรอกนะ ท่านแม่ของเรน่าเป็นเฮมิท และท่านพ่อเป็นผู้ที่ร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับ ท่านพ่อของพี่เครช"

              ลิเลียนฟังอย่างตั้งใจ ประวัติของผู้อื่นนั้นน่าสนใจเสมอ เพราะลิเลียนเอง อดอิจฉาไม่ได้ที่เซเรน่ามีประวัติอันน่าสนใจ แต่เธอไม่มีแม้แต่ความทรงจำอะไรนอกจากลิเบอริน

              "อย่าน้อยใจไปเลยน่า ลินเองก็มีประวัติ และความทรงจำนะ แต่มันเริ่มตอนอายุ 14" เซเรน่าพูดอย่างขำๆ ลิเลียนเองได้แต่ทำหน้างง จ้องหน้าเซเรน่านัยน์ตาปริบๆ

              "ไม่ต้องงงหรอกน่า เฮอมิทนะ แม้จะใช้ชีวิตเรียบง่าย สงบนิ่ง แต่ก็จะเกิดมาพร้อมพรสวรรค์นะ" ลิเลียนทำหน้าตื่นใจกับสิ่งที่ได้รับฟัง เซเรน่าก็ยิ่งขำ

              "ไม่ทั้งหมดหรอกน่า แต่ก็พอจะรู้แหละ ว่าใครคิดอะไรยังไง เรน่าก็แค่ลูกครึ่งนินา และพรสวรรค์ของเรน่าก็ไม่ใช่อ่านใจได้" เซเรน่าทำหน้าทะเล้นใส่ลิเลียน

              ลิเลียนอดยิ้มน้อยๆ ไม่ได้กับผู้ที่เธอต้องปกป้อง 'จริงๆ เซเรน่า น่าจะเป็นน้องสาวลิเลียนมากกว่านะ' ลิเลียนคิดเบาๆ ในใจ แต่ดูเหมือนว่าคราวนี้เซเรน่าจะไม่ได้ยิน เพราะเธอหันไปสนใจอย่างอื่นเสียแล้ว

              เบื้องหน้าทั้งสองเป็นป่าทึบหนาแน่น ต้นไม้ต้นสูงใหญ่ดำทะมึนขึ้นซ้อนกันเป็นแนวยาวราวกับกำแพงที่หาขอบเขตมิได้

              "ป่าคีราชใช่รึเปล่า" ลิเลียนดึงม้าให้หยุด แล้วมองกำแพงป่าที่แทบจะดำสนิทอย่างสำรวจ

              "อื้อ นี่แหละ" เซเรน่าชะลอม้าตาม เธออดที่จะมองป่าดำที่น่าพรั่นพรึงตามลิเลียนไปไม่ได้

              ถึงแม้นี่ไม่ใช่ครั้งแรกของเซเรน่าที่เดินทางผ่านป่านี้ แต่ก็ไม่ใช่ยามวิกาล และเดินทางกันตามลำพังสองคน

              เซเรน่าชักม้านำให้เดินเข้าไปใน 'คีราช' ก่อน แล้วลิเลียนจึงชักม้าตาม แม้ในป่าจะมืดทึบ แต่ม้าทั้งสองก็ดูจะคุ้นทาง พวกมันไม่ได้แสดงท่าทีหวาดกลัวในความมืด และเดินต่อไปอย่างสม่ำเสมอ

              แสงจันทร์ในท้องทุ่งที่สาดเข้ามาในป่าทึบเริ่มมืดลงไปเรื่อยๆ ยิ่งเข้าไปลึกเท่าไหร่ ความมืดเริ่มครอบงำเข้าไปทุกที บัดนี้ทั้งสองได้แต่เพียงปล่อยให้ม้าผู้ซื่อสัตย์เดินไปอย่างที่พวกมันคุ้นเคย

              "เซเรน่า ในป่านี้ มีประวัติอะไรมั้ย" ลิเลียนถามเบาๆ ในความมืด

              "ไม่นะ ป่านี้ค่อนข้างปลอดภัย แต่กลางคืนแบบนี้ เรน่าก็ไม่เคย... อุบส์!" จู่ๆ คุกกี้ดอทก็หยุดกึก อย่างไม่มีปี่มีขลุย ชาโดวไลท์เองก็เช่นกัน ไม่ว่าจะทำเช่นไรม้าทั้งสองก็ไม่มีทีท่าว่าจะเดินต่อ

              ลิเลียนกำชับบังเหียนในมือมั่น พร้อมระแวงภัยรอบด้านให้ทั้งตัวเอง และเซเรน่า เธอบังคับม้าทั้งสองให้เบียดชิดกันเพื่อความปลอดภัย

              "ลิเลียน.. มืดจัง" เซเรน่ากระซิบเบาๆ ลิเลียนปล่อยบังเหียนมือซ้าย และนำมากุมมือของเซเรน่าแทน

              ความเงียบเข้าครอบคลุมทุกพื้นที่ แม้แต่เสียงหายใจของม้าทั้งสองก็เงียบกว่าที่ควรจะเป็น แต่เสียงหัวใจทั้งสองดวงของเด็กสาวนั้นกลับเต้นรัวในอกจนแทบจะกึกก้องในโสตประสาท

              กิ๊ง... เสียงระฆังแก้วใสดังขึ้นจากไร้ทิศทาง กิ๊ง กิ่ง กิง..... เสียงอื่นๆ ตามขึ้นตามมาไม่ขาดสาย

              ดวงแสงเรืองรองดวงเล็กๆ เริ่มปรากฏขึ้นจากปลายพุ่มไม้ เสียงระฆังแก้วโทนเสียงต่างกัน เริ่มเรียงต่อกันเป็นทำนองไพเราะ ดวงแสงหลากสีเริ่มสว่างระยิบระยับจนสว่างสกาวไปทั่วป่าทึบ

              "นี่มันอะไรกันนี่!!" ลิเลียนอุทาน เธอตัดสินใจไม่ถูกว่าเธอควรจะเพลิดเพลินกับมันดี หรือจะระแวดระวังมันดี แล้วถ้าจะระแวดระวัง เธอก็ไม่รู้จะโจมตีอะไร

              เซเรน่าบีบมือลิเลียนแน่น ลิเลียนเดาไม่ถูกว่าอาการนั้น เซเรน่าตื่นเต้น ดีใจหรือ กลัวกันแน่

              แสงดวงสีเงินปนฟ้าที่สว่างกว่าแสงปกติลอยเข้ามาใกล้เซเรน่ามากขึ้นเรื่อยๆ ลิเลียนที่ตกตะลึงอยู่รีบยกมือขึ้นปัดแสงนั้น แต่เซเรน่ากลับดึงมือลิเลียนหลบไปก่อน

              "ชวาลเซนติ" เซเรน่ากล่าวขึ้นอย่างปิติยินดีกับแสงเรืองรองนั้น แสงสีเงินนั่นค่อยๆ หรี่แสงลงปรากฏให้เห็นเป็นหญิงสาวนัยน์ตาสีน้ำเงิน ผมสีขาวบริสุทธิ์ ขนาดเพียงหนึ่งคืบ และมีปีกผีเสื้อสีเงินด้านหลัง

              "ยินดีที่ได้พบพระองค์เพคะ แฟรี่ควีนส์" เซเรน่าเอามือทาบอก แล้วก้มหัวลงอย่างอ่อนน้อม

              แฟรี่ควีนส์บินเคลื่อนกายเข้ามาใกล้ เชยคางของเซเรน่าขึ้นเล็กน้อย "เหมือนจริงๆ..." แฟรี่ควีนส์พึมพำกับตัวเอง ก่อนที่จะกล่าวทักทายกลับ "ยินดีที่ได้พบเธอ สาวน้อย" เซเรน่ายิ้มให้อย่างสุภาพและนอบน้อมที่สุดเท่าที่เธอจะทำได้

              ลิเลียนยังคงในตาเบิกกว้าง อ้าปากหวอราวเด็กไร้เดียงสาพบเห็นสิ่งมหัศจรรย์ ในสมองของเธอว่างเปล่า เธอไม่คบพบสิ่งสวยงามอะไรเช่นนี้มาก่อน

              แฟรี่ควีนเคลื่อนกายอย่างสง่าผ่าเผยมาทางลิเลียน เธอยิ้มให้อย่างสุขุม "ชวาลเซ็นติจ๊ะ"

              ลิเลียนทำท่าเลิกลัก ก่อนจะพยายามทำท่านอบน้อมเอามือแนบอกแบบเซเรน่า แต่สิ่งที่เธอทำกลับดูเก้งก้างจนเซเรน่าขำ

              "บุตรีผู้สืบทอดเชื้อสายผู้ถือคทาแฟรี่ เจ้ามาทำอะไรในคีราชยามวิกาลเยี่ยงนี้หรือ" แฟรี่ควีนถามด้วยน้ำเสียงเมตตา

              ถึงแม้แฟรี่ควีนส์จะเป็นผู้ที่สนิทกับมารดาของตน และมียศสูงศักดิ์ เซเรน่าเลือกที่จะปิดบังในหน้าที่

              เซเรน่าทำสายตาสลดก่อนที่จะตอบ "เรน่ามีปากเสียงกับพี่เฮล์มเพคะ เรน่าจึงพาลิเลียน สาวใช้ของเรน่าออกจากปราสาทมา"

              แฟรี่ควีนส์ทำสีหน้าแปลกใจ "แล้วจะไปที่ไหนล่ะ" น้ำเสียงของเธอแปร่งไปเล็กน้อย

              เซเรน่ายังทำดวงหน้าเศร้า ท่าทางและนัยตาของเธอมีเสน่ห์อย่างประหลาดที่ทำให้ลิเลียนผู้จ้องมองอยู่ อดรู้สึกโศกเศร้าตามเธอไปไม่ได้

              "ไม่มีเพคะ" เซเรน่าทำตาใสน้ำตาคลอเบ้า น่าแปลกที่แฟรี่ควีนส์ไม่มาลูบหัวของเธออย่างเคย เช่นที่ทำตอนเด็กๆ หรือว่าตอนนี้ ท่านจะเห็นว่าเซเรน่าเป็นผู้ใหญ่แล้วก็ได้

              "ถ้าไม่มีที่ไป เช่นนั้นก็ตามข้ามาเถิด" แฟรี่ควีนกล่าวเชิญชวน น้ำเสียงของเธอเริ่มแห้งผาด

              เซเรน่าเริ่มสงสัย เพราะปรกติแล้ว เหล่าแฟรี่จะไม่ออกจากโลกของตน ยกเว้นแต่ผู้เป็นมารดาของเธอเชิญออกมา

              "แล้วพระองค์จะเสด็จไปที่ไหนหรือเพคะ" เธอยังคงความนอบน้อมไว้อย่างต่อเนื่อง แฟรี่ควีนส์เริ่มสีหน้าไม่สู้ดีนัก

              "ตามข้ามาเถอะ เร็ว!.." แฟรี่ควีนส์ผู้ใจดี บัดนี้สีหน้าเริ่มเหี่ยวแห้งและเปลี่ยนไป น้ำเสียงคำสุดท้ายกลับแปร่งปร่าคลายเป็นเสียงแหบแหลม และเยือกเย็น

              "เซเรน่าระวัง!!" ลิเลียนสัมผัสถึงความผิดปกติได้ภายในเสียววินาที และรีบปัดร่างที่เสื่อมไปของแฟรี่ควีนส์ พลันร่างนั้นกลายเป็นละอองผง

              ลิเลียนกระทุ้งท้องชาโดวไลท์อย่างแรงและดึงคุกกี้ดอทให้ออกวิ่งด้วย เซเรน่าที่ยังมึนงง ตาแป๋วอยู่นั้น เมื่อตั้งสติได้ กลับตะโกนอย่างดัง "หยุด! ลิเลียน"

              ลิเลียนตกใจในคำสั่งของเซเรน่า ก่อนจะกระจ่างชัดขึ้นเมื่อเซเรน่าสั่งต่อ "กลับไปฆ่ามัน มันคือมายา"

              ลิเลียนหันควับกลับไปยังดงแฟรี่นั่น บัดนี้กลายเป็นดวงไฟสีแดงฉานนับพันหมุนรอบเงาดำทะมึนที่ส่งเสียงคำรามตลอดเวลา

              ด้วยความเร็วราวแสง ลิเลียนทะยานพุ่งออกจากหลังม้า เข้าสู่กลุ่มดวงไฟ และเงาดำนั่น แต่ด้วยความเร็วเช่นกัน เงานั้นกลับแตกสลายไป ดวงไฟปลิวว่อนไปทั่วติดลุกไหม้ตามกิ่งไม้และใบไม้แห้งของคีราช

              "ฮึ!" ลิเลียนอุทานเบาๆ ก่อนพยายามจะจับทิศทางของเงานั่น ดวงไฟหายไปหมดแล้ว กลายเป็นทะเลเพลิง พลันนกไฟตัวใหญ่ยิ่งกว่าพญาเหยี่ยวได้โฉบออกจากกองเพลิงกองใหญ่ตรงหน้า

              "กว๊าซ................" มันคำรามกึกก้องก่อนถลาพุ่งเข้าโจมตีละเลียน

              ด้วยสัญชาติญาณ ลิเลียนยกแขนซ้ายขึ้นปัดป้อง และใช้มือขวาพุ่งตรงเข้าไปในดวงไฟนั่น

              ร้อนจนมือแทบละลาย ลิเลียนทนความร้อนนั่นแล้วควานหาร่างต้น แต่เพียงวูบเดียวดวงไฟนั่นกลับว่างเปล่า

              "ไม่ใช่!" เธออุทานอย่างหัวเสีย เส้นเลือดสีเขียวหม่นเริ่มขึ้นตามลำแขน และท่อนขาขาวเรียวของเธอ นัยน์ตาดำของเธอขยายกว้างราวปีศาจ

              "คิก คิกๆๆ" เสียงหัวเราะแหบแหลม ยังดังหลอกหลอนก้องอยู่ทุกหนทุกแห่ง บางครั้งก็ดังจากทางซ้าย บางครั้งก็ดังจากทางขวา

              'แหมะ' ของเหลวหนืดบางอย่างตกลงบนแก้มขวาของลิเลียน เธอปาดมันออก.. เลือดสด!

              'แหมะ แหมะ แหมะ' เลือดนั้นหยดเป็นทางรอบตัวเธอ

              "ลิน!! บนหัว!!"  เซเรน่าร้องเตือน ลิเลียนเงยหน้าขึ้นไปมอง ภาพที่เห็นคือพังผืดขนาดใหญ่ มีลักษณะคล้ายปากที่อ้าออก คล้ายจะก้มลงดูดกลืนเธอ

              ลิเลียนกำลังจะพุ่งทะยานขึ้นโจมตีปากนั่นอย่างไม่เกรงกลัว แต่เธอหยุดชะงัก เมื่อได้ยินเสียง "กรี๊ดด!" เซเรน่ากรีดร้องอย่างตกใจ

              ภาพที่ลิเลียนเห็นคือ สิ่งมีชีวิตทรงกลมเหี่ยวแห้ง ขาแขนยาวแก้งก้างสีน้ำตาลแห้งเหี่ยวเหมือนศพ บนตัวมีในตาสีเหลืองทองสว่างสามตาวางอยู่ไม่เป็นระเบียบ ปากไร้เขี้ยวฟันและริมฝีปาก อ้าหัวเราะออกอย่างสะใจ

              แขนขาของมันเกี่ยวยึดคอเซเรน่าไว้ เซเรน่าพยามดิ้นสลัด แต่ตัวประหลาดนั่นไม่มีท่าทางว่าจะหลุดออก

              ขณะที่ลิเลียนตกใจเสียสมาธินั้นเอง พังผืดด้านบนได้พุ่งระยางชุ่มเลือดลงมามัดลิเลียนอย่างแน่นหนา

              "ลิเลียน!!" เซเรน่าตะโกนดังลั่น แต่ไม่ทันแล้ว ระยางนั่นพยายามดึงร่างเล็กๆ ของลิเลียนเข้าสู่ปากของมัน ลิเลียนดิ้นอย่างสุดกำลัง แต่ไม่มีทีท่าว่าจะหลุดได้ คาวเลือดและเมือกเหนียวติดหนืดไปทั่วตัว

              เปลวเพลิงรอบข้างยิ่งท่วมสูง ม้าทั้งสองเริ่มทนความร้อนไม่ได้ เซเรน่าโดนมายารูปร่างน่าเกลียดพันธนาการไม่ปล่อย

              "ลิเลียน ใช้พลังสิ!!" เซเรน่าพยายามตะโกนทั้งๆ ที่โดนแขนขาของมายารัดคอและพยายามปิดปาก

              ลิเลียนตั้งสติได้ เธอมองขึ้นไปยังปากกว้างนั่น เขี้ยวคม และเมือกเหนียวดูน่าสยดสยอง นัยน์ตาของลิเลียนกลายเป็นสีดำสนิททั้งตาดำตาขาว เธอเลิกดิ้นโดยสิ้นเชิง

              รยางค์นั่นดึงเธอเข้าไปอย่างรวดเร็ว เซเรน่ากรีดร้องสุดเสียง ด้วยความกลัวและตกใจ "ลิเลี๊ยนนนนนนนนนนน......."

              พลันภาพที่เซเรน่าคาดไม่ถึงก็ปรากฏขึ้น ด้วยพลังและอำนาจอันลึกลับของลิเลียน รยางค์นั้นได้เหี่ยวแห้งลง พร้อมทั้งมายาที่เกาะเธออยู่ก็อ่อนแรงลงด้วย

              ในไม่ช้าพังผืดที่เห็นด้านหน้าก็สูบซีดจนกลายเป็นหนังเหี่ยวๆ ที่รัดเป็นร่างลิเลียน ก่อนที่มันจะถูกระเบิดออกเป็นเศษเนื้อชิ้นเล็กๆ ไหม้เป็นก้อนเนื้อดำเกรียมในกองไฟ

              มายาลงไปดิ้นเร่าๆ กับพื้น กรีดร้องด้วยเสียงแหบแห้งทรมาน "อย่า.. อย่าฆ่าฉัน อย่า"

              ลิเลียนยืนมองอย่างผู้ชนะ สายตาเรียวดำมองมายาอย่างเหยียดหยาม เธอยื่นมือออกมาจับลำตัวของมายา ก่อนจะสูบพลังจากมายามาเป็นของตน

              นัยน์ตาลิเลียนยังคงดำขลับหากมีเส้นแดงเรืองแสงเปล่งประกายราวกับอัญมณีจากขุมนรก ร่างมายายังดิ้นเราๆ พลางเหี่ยวลงเรื่อยๆ

              "พอก่อนลิเลียน!" เซเรน่าสั่ง ลิเลียนหยุดและมองเซเรน่าอย่างขัดใจ

              "ใจอ่อนไม่ได้นะเรน่า" ลิเลียนหันไปพูดเชิงตำหนิ

              "เปล่า ทำลายดวงตามันซะ มันคือที่บรรจุความทรงจำของมายา"เซเรน่ากล่าวเชิงสั่ง ลิเลียนยิ้มมุมปากเป็นเชิงตอบรับ ก่อนจะใช้มือเปล่าควักดวงตาทั้งสามขยี้ให้แหลก แล้วโยนเข้ากองไฟ

              มายากรีดร้องอย่างทรมาน เลือดสดๆ สีแดงแต่ใส ไหลออกจากเบ้าตาที่ปราศจากนัยน์ตาทั้งสาม ราวกับน้ำตาร้องขอชีวิต

              'ฟุบ!' ลิเลียนเปลี่ยนพลังงานโดยรอบ จุดเป็นประกายไฟจากมือของเธอ เผาร่างเหี่ยวแห้งไร้ศักยภาพของมายา เธอวางมันลงกับพื้นและเฝ้ามองวาระสุดท้ายของมันอย่างพอใจ

              'เปรี๊ยะ!' เสียงกิ่งไม้ที่โดนไฟแตกปะทุ ชาโดว์ไลท์เริ่มสับเท้าไม่เป็นสุข

              "รีบไปกันเถอะลิเลียน" เซเรน่ากล่าวบอก ลิเลียนกระโดดขึ้นหลังชาโดวไลท์ แล้วหันไปยิ้มมุมปากเย็นๆ ให้เซเรน่าอย่างผู้ชนะ เซเรน่ายิ้มหวานสดใสให้ลิเลียนก่อนจะชูสองนิ้วอย่างเด็กๆ เป็นการตอบกลับ

              คำถามมากมายอยู่ในหัวของลิเลียน แต่ในอารมณ์นี้ เธอกลับอยากจะยิ้มเงียบๆ และเคียงข้างเซเรน่าไปก่อน เพื่อเสพรสชาติของผู้ชนะในการต่อสู้ครั้งแรกของเธออย่างชุ่มปอด

              ทั้งสองขับม้าทะยานออกจากป่าเพลิงบริเวณนั้น มุ่งสู่ "เฮล์ม พรีวู๊ด" อย่างไม่คิดจะหยุดพักอีกต่อไป

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×