ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ใต้ฟ้าสีเลือด (Crimson Sky)

    ลำดับตอนที่ #1 : ก้าวข้ามความฝัน

    • อัปเดตล่าสุด 11 เม.ย. 50



    Cold touch of blade  wind
    Kisses of Glass moon shine
    across the death rose field
    Trail under the
    crimson sky

    ลมยะเยือกเย็นผาดพัดบาดแก้ม

    จันทร์แก้วแจ่มจรัสจ้ากลางฟ้าหมอง
    ข้ามทะเลซากกุหลาบอาบเลือดนอง
    ตามครรลองนักฆ่าใต้ฟ้าแดง


    Song of Holy.. Song of cry
    Song of love  and envy eyes
    Song of Glory, song of pride
    Sweetest Song of 
    crimson sky

    วิเวกหวานปานมธุทุกสะอื้น

    ทั้งรักชื่นริษยาอาฆาตหมาย
    เกียรติยศ ค้ำแค้น แม้นตัวตาย
    ลงบทร่ายชีพชื่นผืนฟ้าแดง

    Blood means life, Tear means heart.
    Weakness make hope, Strength make last.
    Walk, Walk, to the glass moon shine...
    Trail under the crimson sky


    น้ำตาร่วงโลหิตหลั่งดั่งธารชีพ
    โรยด้วยกลีบความอ่อนแอแลความหวัง
    สร้างนิรันดร์ศรัทธาด้วยพลัง
    ก้าวไม่ยั้งมุ่งหน้าสู่ฟ้าแดง
    -------------



    ---------

                ท่วงทำนองของเพลงกล่อมเด็กที่คุ้นเคยพัดแผ่วเบา... พระจันทร์แก้วสีขาวสว่างจ้ากลางฟ้าสีเลือดยังชัดเจนในห้วงสำนึก...
              
               ชั่วเวลาไม่นาน ผืนฟ้าพลันบิดเบี้ยวกลับตาลปัดราวถูกกวนด้วยพลังแม่เหล็ก บริเวณรอบข้างดูเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว

              จากทุ่งหนามกุหลาบสีดำ กลับกลายเป็นห้องที่เต็มไปด้วยกระจกเงานับร้อยบาน ทุกๆ บานสะท้อนภาพหญิงสาวในชุดขาว ร่างกายซูบซีด อ่อนระโหย และในตาหิวกระหาย
     หญิงสาวนั่น! ใครกันนะ! ช่างดูอ่อนแรง 
    และไร้วิญญาณ...

               ของเหลวบางอย่างเปื้อนที่ฝ่าเท้า...นี่มันคืออะไรกัน ของเหลวหนืดสีแดงข้น มีกลิ่นคาวคละคลุ้งของธาตุเหล็ก และชีวิต...

              มันคืออะไร "ลิเลียน" ไม่รู้หรอก แต่ที่แน่ๆ กลิ่นและสัมผัสของมัน สร้างพลัง และความคึกคักอย่างประหลาดในทุกอณูในร่างเธอ...

              ภาพต่างๆ ได้เปลี่ยนไปเร็วราวกับความเร็วแสง เสียงกรีดร้องโหยหวน ของเหลวสีแดงซัดสาดไปทั่ว
     ใบหน้าที่หวาดกลัวของเหยื่อ ใบหน้ายิ้มพอใจของใครบางคน กลิ่นไหม้ของควันไฟ รอยยิ้มอันสดใสของสาวน้อยผมหยักศก ภาพความห่วงใยของผองเพื่อน ภาพแวมไพร์ มนุษย์หมาป่า และสุดท้าย... ภาพร่างไร้ชีวิตของหญิงสาวที่หน้าตาคล้ายกับหญิงในกระจกนอนราบแทบเท้าเธอ...


             "ลิเลียน" เสียงใสๆ และเป็นมิตรเรียกเธออยู่ข้างเตียง ใช่แล้ว สาวน้อยผมหยักศกในความฝัน "เซเรน่า?" เธอคนนั้นยิ้มนิดๆ พร้อมพยักหน้า  "อิอิ ยินดีต้อนรับสู่โลกของจริงนะ ลินจำเรน่าได้ด้วย เรน่าต่างกับในลิเบอรินมากมั้ย?"

             เซเรน่า... คนที่ดูแลเธอในโลกของความฝัน หรือที่เรียกกันว่า ลิเบอริน เซเรน่าเป็นเพื่อนแท้คนแรก และผุ้ที่สอนให้เธอรู้จักการใช้ชีวิตแบบมนุษย์ในโลกของจินตนาการ

            "อื้อ... เหมือนเลยแหละ" ลิเลียนพยายามมองทุกอณูของเซเรน่าหาความแตกต่าง นัยน์ตาสนุกสนาน รอยยิ้มที่เปี่ยมด้วยเสน่ห์และความสดใส ท่าทางกระตือรือร้น ทุกอย่างช่างเหมือนกันโดยไม่มีที่ติ

            ไม่ใช่แค่เซเรน่าที่เหมือนกัน แต่ทุกอย่าง บรรยากาศ อากาศธาตุ ลักษณะห้อง ม่านสีขาว เตียง ตู้ โต๊ะ ที่ทำจากไม้มะฮอกกานีสีน้ำตาลเข้ม ฝาผนังสีครีม ทุกอย่าง ล้วนแล้วแต่มีสภาพเหมือนกัน 

            "แล้วไซเรนล่ะ!" ลิเลียนถามหาถึงสัตว์เลี้ยงของเธอในโลกความฝัน เซเรน่าส่ายหน้าเบาๆ ก่อนยิ้มเล็กๆ พร้อมกุมมือลิเลียนไว้ "ไซเรนเป็นแค่ภาพที่สร้างขึ้นในลิเบอรินแค่นั้นแหละ" ลิเลียนทำหน้าสลดเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้าเข้าใจ

            ไม่ใช่เรื่องแปลกที่เด็กสาวอายุ 14 ปี จะมีนิสัยติดสัตว์เลี้ยง แต่คงจะเป็นเรื่องแปลกที่เด็กสาวอายุ 14 จะรับการเปลี่ยนแปลงต่างๆ อย่างรวดเร็วได้ง่ายนัก 

            ลิเลียนพยายามลำดับภาพความทรงจำในลิเบอริน "เซเรน่า เรามีเรื่องจะถาม"
            "หือ
    ?" เซเรน่ารับคำ
            "อะไรในลิเบอรินที่เป็นจริงบ้าง นอกจากเราเอง..."

            เซเรน่ายิ้มก่อนตอบ "พูดยากนะ บางอย่างเคยมีจริง บางอย่างกำลังจะเป็นจริง บางอย่างไม่เคยมีจริง แต่ทุกอย่างล้วนแล้วเกิดขึ้น เอาเป็นว่า ถ้าเธออยู่ที่นี่ซักพัก แล้วเธอจะเริ่มเข้าใจ แต่ที่แน่ๆ อย่างเรน่าหน่ะ ของจริง ก้าวเข้าไปในลิเบอลินเพื่อทำความรู้จักลิเลียนโดยเฉพาะเลยนะ อิอิ"

            เซเรน่า เล่าพลางนึกพลาง ท่าที่สดใสเหล่านั้น ทำให้ลิเลียนที่กำลังงงอยู่ผ่อนคลายไปได้บ้าง
    "แล้วเราต้องทำอะไรบ้างเหรอ?" ลิเลียนถามอย่างตรงไปตรงมา เพราะตอนนี้เธอไม่รู้จะเริ่มต้นจากอะไร ในโลกที่เหมือนเดิมแต่ไม่คุ้นเคย...

            เซเรน่ายิ้มกว้างจนเห็นฟันขาวๆ ก่อนจะคว้าข้อมือลิเลียนให้ลุกจากเตียง

            "ไปกินไอติมกันดีกว่า!! เรน่าทำไว้ จำได้ว่าลินชอบนี่!" ว่าแล้วเธอก็ลากลิเลียนที่กำลังงงลิ่วๆ เดินตัวปลิวจน ลิเลียนตามแทบไม่ทัน

           
    ระหว่างที่ลากไปนั้น ลิเลียนพยายามมองรอบๆ โลกใบใหม่ของเธอ แต่ดูเหมือนจะไม่สามารถทำได้เท่าไรนัก เพราะความทุลักทุเลในการลากของเซเรน่า สองหูเธอยังได้ยินแต่เสียงเซเรน่าพร่ำถึงไอศกรีมของเธอ "เรน่าทดลองทำรสคาราเมล พีนัทบัตเตอ กล้วยหอม แล้วก็กาแฟผสมกัน... ใส่วอลนัทด้วยนะ แล้วอีกรสนึงนี่เป็นรส ทับทิมกับซิลเวอร์เบอรี่ สีสวยดี แต่ไม่รู้จะอร่อยรึเปล่า ส่วนอีกอันเรน่าว่ารสชาติมันต้องกินไม่ได้แน่ๆ แต่เห็นว่าสีมันสด เลยทำเล่นๆ แต่อันนั้นต้องอร่อยแน่ๆ เลย!!" 
            
            ลิเลียนที่กำลังมึนงงนั้น ถูกลากไปพลางจินตนาการถึงห้องอาหารเช้าไปว่า คงจะมีไอศกรีมเป็นร้อยถ้วยแน่ๆ 

                                                                 --------------

    "อันนี้เรียกครีม บูเล่... ส่วนอันนี้คล้ายกัน ครีมคาราเมล แต่เรน่าใส่รสส้ม ตัดความหวานเลี่ยน ส่วนอันนั้น เป็น แองเจิ้ล ฟรุ๊ตสลัดในซอสซาบายอง ใส่แชมเปนหมักอย่างดีจากโรงบ่มของเมืองฟรายอง..."

              เสียงใสๆ เจื้อยแจ้วเซเรน่ายังผ่านไปผ่านมาในหูของลิเลียน เธอมองขนมนับสิบชนิดเรียงรายอยู่บนโต๊ะ มันคงจะน่ากินมาก ถ้าเธอได้กินวันละนิด แต่นี่ก็สองวันผ่านไปแล้ว เธอไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากยืนดู และทานขนมชนิดต่างๆ ที่เซเรน่าทะยอยทำออกมาไม่ขาดสาย

              สิ่งที่ลิเลียนคิดถึงตอนนี้คือกลิ่นคาวของเนื้อสัตว์  ลิเลียนมองเซเรน่าด้วยสายตาเรียบเฉย  กริยาของเธอยังนิ่งเงียบ แต่ในใจกลับคิด
    "เฮ้อเธอไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อยบ้างหรือไงนะ"

    ลิเลียนใช้ช้อนเขี่ยชิ้นผลไม้รสเปรี้ยว ในซอสซาบายองรสหวาน นุ่ม ละมุน ที่บรรจุอยุ่ในชามแก้วคริสตัล ถ้าเป็นเมื่อก่อนเธอคงชอบมันมาก แต่ตอนนี้เธอรู้สึกเบื่อ และเอียนอย่างบอกไม่ถูก

             สิ่งที่ลิเลียนปรารถนามากที่สุดคืออยากออกไปยืดเส้นยืดสาย รับลมเย็นๆ ใช้ความคิดเงียบๆ ปราศจากเสียงเจื้อยแจ้วของเซเรน่า ไม่น่าเชื่อว่าเพียงสองวัน เธอจะเบื่อและกดดันได้ขนาดนี้

             "เซเรน่า สรุป เราต้องทำอะไรเหรอ?" ลิเลียนถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง จนเซเรน่าที่กำลังเพลิดเพลินกับการบรรยายขนมต่างๆ หยุดกึก...  ลิเลียนถามย้ำ "บอกเราได้หรือยัง ว่าเอาเราออกมาจากลิเบอรินแล้ว จะให้เราทำอะไรเหรอ"

             เซเรน่าหันมามองลิเลียน ถึงแม้เธอพยายามจะซ่อนความรู้สึกไว้ แต่เซเรน่าก็ยังสัมผัสได้กับใจที่สะท้าน และหวาดหวั่นกับบางสิ่งบางอย่าง
    "หน้าที่ของลิน คือดูแล และปกป้องเรน่า..." เสียงของเซเรน่าเรียบ และอ่อนลงจนลิเลียนแปลกใจ

            ลิเลียนเริ่มต้นเถียง
    "แต่เธอก็อยู่แต่ในครัว ไม่เห็นจะทำอะไร ตั้งแต่หัวจรดเท้ามีแค่รอยมีดบาดกับรอยไฟลวก จะใช้ให้เราไปเชือดหมู เก็บเบอรี่หรือยังไง?" ลิเลียนพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด เนื่องจากทนอัดอึดมาข้ามวันแล้ว

            ผู้ที่เคยชินกับบรรยากาศโปร่งโล่ง และถูกฝึกมาให้เป็นเอเจนนั้น คงไม่เหมาะกับสภาพแม่บ้านอย่างที่เซเรน่าทำจริงๆ

            เซเรน่าถอนหายใจ และพูดอย่างใจเย็น
    "เปล่านะ แค่เรน่ายังไม่อยากนึกถึง ข้างนอกนั่น อย่างน้อย ตอนนี้ เรน่าแค่อยากทำในสิ่งที่ตัวเองชอบให้ได้มากที่สุดแค่นั้น"

            ลิเลียนสัมผัสได้ถึงความหนักใจจากน้ำเสียงมันคงต้องมีอะไรแน่ๆ ลิเลียนเชื่อเช่นนั้น เบื้องหลังความสดใส ร่าเริงของเซเรน่ามันคืออะไรกันนะ


            หลังจากมื้อขนมมื้อที่เท่าไหร่ไม่รู้ของวัน ลิเลียนปลีกตัวออกจากเซเรน่า เพื่อหาความสงบส่วนตัวในสวนเรือนกระจก แสงแดดสีขาวที่สาดส่องเข้ามา ช่วยทำให้ความคิด และอารมณ์ของเธอโปร่งขึ้น 

            ลิเลียนคิดถึงทุ่งกว้าง ณ เกาะล้าง และลิเบอลิน ถึงแม้มันจะเต็มไปด้วยหมาป่า แวมไพร์ และ แวร์วูฟที่กรีดร้องในยามค่ำคืน แต่มันก็ยังปลอดโปร่งกว่าคฤหาสน์สุดหรู ที่ประกอบไปด้วยไม้และหินอ่อนแห่งนี้

              ลิเลียนครุ่นคิดเกี่ยวกับผู้ที่เธอต้องปกป้อง แม่ครัว
    ? กับสงคราม? มันเกี่ยวอะไรกันด้วย ทำไมต้องให้ผู้ที่ผ่านการฝึกมาอย่างลิเลียน มาปกป้องดูแลเธอ ลิเลียนหงุดหงิดกับความเป็นคุณหนูน่ารักของเซเรน่า

             
    'เปล่าประโยชน์' เป็นคำเดียวที่ลิเลียนนึกออกตอนนี้ เธอผิดหวังเล็กน้อยกับหน้าที่ๆ ท่าน เครชเชนโด ซานเช่ ผู้เปรียบเสมือนหัวหน้าของทุกคนในองกรนี้ ได้มอบให้กับเธอ 'ดูแลน้องสาวสุดที่รัก?'

              เธอยอมรับว่าในวันที่เธอบาดเจ็บในลิเบอลินนั่น เซเรน่าเป็นผู้เดียวที่ทำให้เธอสบายใจ คอยดูแลเอาใจใส่ คอยสอนสิ่งต่างๆ ที่มนุษย์ควรจะเป็นให้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง

              ในวันนี้เธอก็ไม่ได้เปลี่ยนไป แต่อะไรบางอย่างข้างใน ทำให้อดที่จะรู้สึกหมั่นไส้ในท่าทาง
    'คุณหนู เพียบพร้อม' ของเธอไม่ได้

             
    พูดถึงเครชเชนโด้ บุรุษผู้ท่าทางงามสง่าและใจดี อ่อนโยนและสุภาพ ลิเลียนคิดพลางตั้งคำถามให้กับตัวเอง 'เราจะมีโอกาสได้พบกับท่านอีกหรือไม่นะ' 

            
    "นี่สินะ หมายเลขเจ็ด มาถึงแล้วหรอ" เสียงชายหนุ่มที่คมเข้ม ลิเลียนหันไปอย่างรวดเร็วพร้อมตั้งท่าระแวงภัย ดวงตาดำขลับยาวเรียวของเธอจ้องมองไปที่ชายผู้นั้นอย่างเฉียบคมราวนางเสือจ้องมองเหยื่อ

            
    "ผมตรงยาว ผิวขาวเหมือนน้ำนม ผอมบาง ในร่างของเด็กอายุ 14 ใช่เธอแน่ๆ ยินดีต้อนรับสู่คฤหาสเครชเชนโด้นะ ลิเลียน"  ชายแปลกหน้า บุคลิกขึงขังยิ้มให้อย่างเป็นมิตร 


             ลิเลียนมองชายหนุ่มตรงหน้าอย่างพินิจพิเคราะห์ แม้เขาจะดูดุดัน ไม่อ่อนโยนเหมือนเครชเชนโด้ แต่ก็ไว้ใจได้ตรงไปตรงมา ดวงหน้าไม่คล้ายเครชเชนโด้ แต่กลับคล้ายท่านแอนเท็ม ลูกพี่ลูกน้องของเขา

            
    "แอนเทม? ทำไมท่านถึงได้ดูต่างไป..." ลิเลียนทิ้งความระแวดระวัง และยืนอยู่ในท่าสำรวมแทน

            
    "ฮ่าๆ ใช่ที่ไหนเล่า! อุตส่าห์ฝึกในลิเบอรินตั้งนาน แต่ก็ใกล้เคียงล่ะ ชั้นคือฮีล์ม พี่ชายของเจ้านั่นตาหากละ ฮะฮ่า" เขาหัวเราะในลำคอ แม้จะเบา แต่กึกก้อง


             ลิเลียนจ้องมองฮีล์ม พลางเอียงคอเล็กน้อย ท่านแอนเท็ม ผู้สร้างชีวิตของเธอขึ้นมา ทำไมถึงไม่เคยได้บอกเลยนะ ว่ามีพี่ชายด้วย

            
    "พร้อมรึยังล่ะ ฮึ?" ฮีล์มเดินเข้ามาใกล้ นัยตาดุดันที่กำลังยิ้มสีน้ำตาลเข้มคู่นั้น จ้องมองหาความมั่นใจจากสายตาดำขลับของลิเลียน 

             "พร้อม? สำหรับอะไรคะ" ลิเลียนทำเสียงแปลกใจ แต่ฮีล์มแปลกใจกว่า กับความไม่รู้เรื่องของลิเลียน "อ้าวเฮ้ย มาสองวันแล้ว ยังไม่ได้เตรียมอะไรเลยเหรอเนี่ย ยัยเรน่าไม่ได้บอกหรอว่า...."

             ก่อนที่ฮีล์มจะหลุดอะไรออกจากปากไปมากกว่านี้เสียงเล็กใสก็ดังขึ้น "พี่ฮีล์มคะ" เธอหยุดพูดใช้สายตากลมโตช้อนมองฮีล์มอย่างอ่อนหวานพร้อมยิ้มเล็กๆ "ขอเรน่าจัดการเองนะคะ"

             แม้ใบหน้าจะแย้มยิ้มอ่อนหวาน แต่เสียงดันเฉียบขาดพอที่คนใกล้ชิดอ่างฮีล์มจะเข้าใจได้
    "เอ๊า! เอายังไงก็ได้ เอเจนคนนี้ เครชมันยกให้เธอนี่นะ อย่าทำพลาดล่ะ ไม่อย่างนั้น ชั้นก็คงทำตามวิธีของชั้น เห็นว่าคนนี้มาสเตอร์พีซ.. ใช้ให้คุ้มหน่อยละกัน" เซเรน่ายิ้มรับอย่างซนๆ "เจ้าค่ะ พี่ฮีล์ม อิอิ"


              เมื่อฮีล์มจากไปแล้ว เซเรน่าหันมามองลิเลียนที่กำลังยืนงงกับบทสนทนา แม้จะเข้าใจง่ายในคำพูด แต่อารมณ์ขอคู่สนทนานั้นหาได้กระจ่างชัดไม่ ฮีล์มอาจจะดูตรงไปตรงมา แต่เซเรน่ากลับมีอะไรแอบแฝงที่เธอไม่เข้าใจอยู่ 

              "ลิเลียน~ พรุ่งนี้เราจะเดินทางไปนาสเตรียกัน" เซเรน่าพูดกับลิเลียนด้วยน้ำเสียงสดใสราวกับว่าจะไปเที่ยว แต่ลิเลียนเองกลับนิ่งงันหนักกว่าเก่า

             
    'นาสเตรีย' เมืองที่ตกเป็นเมืองขึ้นของกลุ่มเดม่อน แม้ประชากรส่วนมากจะเป็นมนุษย์ธรรมดา แต่ทหารมนุษย์ที่ฝึกวิชาฝั่งเดม่อนก็หาได้อ่อนด้อยไม่ ที่สำคัญกลุ่มเดม่อนนั้น คือกลุ่มที่ท่านเครชทำสงครามอยู่!

               "เรน่า! อย่าบอกนะ ว่าเราจะไปนาสเตรียทั้งๆ ที่ไม่ได้เตรียมตัวอะไรกันเลย แล้วคนอื่นละ มีกองกำลังหนุนกี่คน แล้วเธอเนี่ยนะ จะเป็นแม่ทัพ?"

               ลิเลียนทำสีหน้าร้อนใจ เพราะเริ่มคิดหนักกับภารกิจแรกและผู้นำของเธอที่แสนจะ 'คุณหนู' เสียขนาดนั้น

              เซเรน่าหัวเราะเบาๆ ในท่าทางตื่นตระหนกของลิเลียน
    "ลิน ใจเย็น ไม่มีกองทัพ และเรน่าก็ไม่ใช่แม่ทัพ"

              ดวงตาเรียวคมของลิเลียนเบิกกว้างขึ้นกว่าเก่า แต่เซเรน่าไม่เปิดช่องว่างให้ลิเลียนพูดต่อ
    "เรน่าไปเป็นแม่ครัวในปราสาทนาสเตรียตาหากล่ะ"

              ลิเลียนเริ่มจับต้นชนปลายไม่ถูก
    "นาสเตรียเป็นเมืองของพวกเดม่อนนี่นา แล้ว..."

              เซเรน่าทำปาก ชูวว์... อมยิ้มกับท่าทางที่สับสนอย่างเปิดเผยของลิเลียน
    "เค้าเรียกว่าปลอมตัวไงเล่า ถ้าอยากรู้รายละเอียดมากกว่านี้ละก็ ตามมาที่ห้องทดลองตอนบ่ายสองนะ เดี๋ยวเรน่าจะให้พี่ฮีล์ม ไม่ก็พี่เครชมาอธิบาย ไม่รู้ว่าบ่ายนี้จะมีใครอยู่บ้าง"


              ใจของลิเลียนเต้นตึกตักเมื่อได้ยินคำว่า
    'พี่เครช' หรือวันนี้จะเป็นอีกครั้งที่ ลิเลียนจะได้พบกับเครชเชนโด ซานเช่ ผู้ที่เป็นเจ้าของชีวิต และความภักดีของเธอ หรือถ้าจะเรียกให้ถูกอีกอย่างหนึ่งก็คือ "เจ้านาย" นั่นเอง

     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×