ลำดับตอนที่ #6
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : ทะเลทรายแสนหวาน 2
เมื่อพักจนหายเหนื่อยดีแล้ว การิมก็คิดว่าจะเดินทางต่อ แต่เมื่อมองออกไปที่ท้องฟ้าก็รู้สึกว่าแดดที่ออกมาเมื่อกี้เริ่มหายไปและลมที่พัดมาเบาๆ เริ่มที่จะแรงขึ้นตอนนั้นเองการิมเริ่มรู้สึกกังวลว่ามันจะมีพายุทรายแน่นอนเขาหันไปหาฟ้าใสแล้วก็เห็นฟ้าใสมองมากที่เขาด้วยท่าทีกังวล
“ ฟ้าใสไม่ต้องกลัวนะ ผมคิดว่าไม่มีอะไรมากหรอกแค่เราเจอพายุทะเลทรายเท่านั้นเอง คุณโชคดีนะที่มาเที่ยวครั้งนี้ได้เจอครบทุกรสเลย“ การิมยิ้มให้
“ ฟ้าไม่กลัวหรอกเพราะมีการิมอยู่ด้วย แล้วเราจะทำอย่างไรดีค่ะ “ หญิงสาวยิ้มให้แต่ทำให้การิมหัวใจพองโตไปแล้วตั้งแต่ได้ยินฟ้าใสพูด
“ ฟ้าไม่ต้องทำอะไรหรอกเดี๋ยวผมออกไปเอง คุณอยู่ตรงนี้ผมออกไปเดี๋ยวเดียว ผมต้องไปผูกม้า เพราะเดี๋ยวมันตื่นแล้วจะวิ่งหนีเราไปจะเดือดร้อนกันไปใหญ่ “ การิมยิ้มให้ฟ้าใสเล็กน้อยแล้วก็หันออกจากเต้นท์
เขาพาม้ามาอยู่ข้างเต้นท์เพื่อเต้นท์จะได้กันลมให้ม้าส่วนหนึ่ง แล้วให้มันนั่งลงผูกม้าไว้ให้แน่นขึ้นแล้วโยงไว้กับเต้นท์อีกหนึ่งแล้วปักเหล็กลงไปให้แน่น แล้วก็นำผ้ามาผูกตาม้า กันไม่ให้ทรายเข้าตาม้าและม้าจะได้ไม่ตกใจมาก
โชคดีที่เจ้าลัคกี้มันเป็นม้าคู่กายของการิมอยู่แล้วมันจึงไม่ต่อต้านมากนักและมันเองก็เจอเหตุการณ์แบบนี้บ่อยๆ เมื่อจัดการกับม้าเสร็จแล้วก็หันมาจัดการกับเต้นท์ต่อเพื่อเพิ่มความมั่นคงให้กับเต้นท์ ฟ้าใสเห็นการิมยังไม่เข้ามาที่เต้นท์สักทีก็เป็นห่วงตะโกนถามออกไปดังๆ
“ การิม......การิมเสร็จหรือยัง ลมแรงขึ้นแล้วนะ “
“ อีกเดี๋ยวก็เสร็จแล้ว จวนจะเสร็จแล้ว “
การิมตรวจสอบอีกครั้งเพื่อทดสอบความแข็งแรงดีแล้วก็เข้ามาที่เต้นท์ เสียงลมแรงขึ้น และเสียงเม็ดทรายกระทบกับเต้นท์แรงขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ฟ้าใสกลัวว่าผ้าเต้นท์จะขาด    การิมมองมาเห็นหญิงสาวขดตัวลงก็เลยมานั่งใกล้และก็โอบกอดหญิงสาวไว้
“ ไม่เป็นไรหรอก ผ้าเต้นท์ไม่ขาดหรอกเพราผ้ามันหนาแต่อาจจะถูกทรายกลบจนหมด จนเราหายใจไม่ออกก็เท่านั้นเอง “ การิมพูดเล่นยิ้มๆให้ฟ้าใส
ฟ้าใสหันมามองทำให้อดโมโหไม่ได้เลยเหน็บเข้าที่สีข้างทีหนึ่ง คนอะไรไม่รู้เวลาปกติเห็นทำเฉยๆ แต่พอเวลามีเรื่องก็มาทำตลกหน้าตายมันน่า มันน่าอะไรดีละ
“ โอ๊ย.....ผมเจ็บนะ คนอะไรตัวก็เล็กนิดเดียวแต่หยิกเจ็บเป็นบ้า “ พูดเสร็จก็ลูบตรงที่สีข้าง
“ ดี.....สมน้ำหน้าคนอะไรก็ไม่รู้ ฟ้ายิ่งกลัวอยู่พูดเป็นเล่นไปได้ “ หญิงสาวส่งค้อนให้อีกฝ่าย
“ ไหนบอกว่าไม่กลัว ก็บอกแล้วว่าไม่ต้องกลัวอยู่กับผมแล้วไม่มีอะไรหรอกเดี๋ยวพ่อมดการิมเสกแป๊บเดียวพายุก็ไปหมดแล้ว แต่ตอนนี้ไม่อยากเสกหรอกเดี๋ยว อดกอดสาวแย่เลย “ การิมยังทำทะเล้นไม่หาย
เขาคิดในใจว่าถ้า อาซัสกับอัสซันเห็นเขาเป็นอย่างนี้คงขำตายตัวเขาเองก็ไม่คิดเหมือนกันว่าจะเป็นแบบนี้ได้ แต่เขาก็อดไม่ได้ที่จะแหย่ฟ้าใสก็ดูซิ หน้าแดงใหญ่แล้ว แถมจะขยับหนีด้วยแต่มีหรือเขาจะปล่อยก็อยากจะกอดไว้อยากนี้ตลอดไปเลย
“ การิม...ปล่อยฟ้าได้แล้ว “ หญิงสาวเขินจนหน้าแดงไปหมด แต่ชายหนุ่มทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ หญิงสาวได้แต่นั่งตัวแข็งไม่รู้จะทำอย่างไร (ใจจริงก็ไม่อยากให้เขาปล่อยด้วยละ ) จนในที่สุดก็ต้องปล่อยตัวตามสบายก็มันเมื่อยนี้ การิมเห็นดังนั้นก็โอบหญิงสาวแน่นขึ้นแล้วขยับตัวให้สบายขึ้นจนหญิงสาวพิงกับอกของเขา
“ การิม....ฟ้าว่าต้องเป็นตัวนำความโชคร้ายมาให้คุณแน่เลยดูซิ “ การิมยินก็หัวเราะเบาๆ
“ ก็ไม่จริงหรือดูซิเราเจอกันครั้งแรกก็มีแต่เรื่องให้การิมปวดหัวและไหนจะมีเรื่องชกต่อยไหนจะทำให้คุณขี่ม้าเร็วยิ่งกว่าจรวดอีกแล้วดูซิตอนนี้เรามาเจอพายุทะเลทรายอีกอะไรกันกันหนา นี้ถ้าเป็นฟ้านะพอกลับเข้าเมืองได้นะคงจะต้องวิ่งหนีให้เร็วที่สุดเลยไม่เช่นนั้นอาจทำให้ถึงตายได้นะนี้ อุ๊ย.!!.” การิมรีบเอามือปิดปากคนช่างพูดไว้และกล่าวว่า
“ ฟ้าอย่างพูดอย่างนี้ซิ ผมถือว่าการเจอคุณเป็นโชคดีที่สุดของผมต่างหากและผมไม่เคยคิดว่าคุณเป็นคนนำโชคร้ายมาให้ผม สิ่งที่ผ่านมามันแค่เรื่องบังเอิญและผมก็เต็มใจที่ช่วยฟ้าขอให้คุณบอกผมเท่านั้นว่าคุณต้องการให้ผมช่วยเหลืออะไรไม่ว่ามันจะยากอย่างไรผมก็เต็มใจจะช่วยคุณและผมจะช่วยเหลือคุณตลอดไป ไม่ว่าจะเป็นวันนี้หรือวันต่อๆไป ตลอดชีวิตของเราเลย “ ชายหนุ่มตอบด้วยเสียงที่แน่วแน่น
เมื่อได้ยินดังนั้นฟ้าใสก็เงยหน้ามองปรากฏว่ามองเห็นแววตาที่เต็มไปด้วยคำสัญญา มั่งคง และอ่อนโยน จนหญิงสาวได้แต่ก้มหน้าลงทันทีไม่รู้ว่าตัวเองจะพูดอะไรไม่รู้ว่าจะทำอะไรอย่างไรดีเพราะเขินมากหน้าตาก็รู้สึกวู่วาบร้อนไปหมด
ชายหนุ่มเห็นดังนั้นก็เลยกอดกระชับขึ้นอีกเป็นสัญญาว่าสิ่งที่เขาพูดไปนั้นมันออกมาจากใจจริง อีกสักพักใหญ่เขาก็รู้สึกว่าร่างนั้นนิ่งไปจนเขาแปลกใจก็เลยก้มมองดูปรากฏว่าฟ้าใสได้หลับไปแล้ว การิมได้แต่หัวเราะเบาๆ ใช่เลยเด็กน้อย
ขนาดว่ากลัวขนาดนี้ยังหลับได้เลย ชายหนุ่มอดที่จะส่ายหน้าไม่ได้ แล้วก็ก้มลงแอบขโมยหอมแก้มนวลๆนั้นทีหนึ่ง ก่อนที่ตัวเขาเองจะหลับไปอีกคน การิมไม่รู้หลอกว่าที่ฟ้าใสหลับได้ในขณะที่กำลังมีปัญหาก็เพราอ้อมกอดของเขาเองนั้นเองที่มันมั่นคงเหมือนกำแพงหนาที่จะคอยคุ้มครองให้ ฟ้าใสรู้สึกปลอดภัยและอบอุ่น
เวลาผ่านไปนานมากจนบ่ายคล้อยการิมเริ่มรู้สึกตัวแต่คนในอ้อมแขนของเขายังไม่ตื่น การิมก็เลยค่อยผ่อนๆร่างของหญิงสาวลงเบา ส่วนตัวเองก็ฟังเสียงพายุซึ่งคงจะสงบลงแล้วเพราะเสียงลมสงบลงแล้วก็เลยค่อยออกไปเปิดเต้นท์ ออกมาข้างนอกเดินไปดูเจ้าลัคกี้ซึ่งนอนหมอบอยู่มีทรายเป็นตัวไปหมดก็ค่อยปัดเอาทรายออกให้ แล้วก็ปลดผ้าผูกตาของลัคกี้ออก
ม้าเมื่อมันมองเห็นได้อีกครั้งก็ร้องเสียงดังขึ้นอย่างดีใจ การิมปล่อยมันออก และก็หันไปดูรอบๆด้าน เขาคำนวณดูว่าตัวเองตอนนี้อยู่ที่ไหน เมื่อคำนวณหาเส้นทางดูแล้วก็มีความคิดว่าควรจะเดินทางต่อไปอีกนิดเพราะอยู่ไม่ไกลกับโอเอซิลอีกแห่งหนึ่ง
ต้องพาหญิงสาวไปก่อนจะมืด การิมคิดว่าควรจะไปหาแหล่งน้ำอันใหม่ก่อนจะเดินทางกลับไปในเมือง และเขาอยากอยู่กับหญิงสาวต่ออีกสักพักเพื่อจะได้เรียนรู้นิสัยของฟ้าใสอีกหน่อย
เมื่อคิดได้ดังนั้นก็เลยเข้าไปปลุกหญิงสาวให้ตื่นและอธิบายว่าต้องออกเดินทางแล้วเพราะเดี๋ยวจะมืดก่อนและจะทำให้เดินทางลำบากมากขึ้น เขาบอกหญิงสาวว่าเราคงจะตามกลุ่มทัวร์ไม่ทันแล้วเพราคิดว่าปานนี้ถ้านั้นคงจะรีบเดินทางไปที่ในเมืองเลยเพราะทางเขาคงรีบเดินทางก่อนเจอพายุแบบเราและเขารู้ว่าอย่างไรคุณอยู่กับผมคงไม่มีอะไร
แต่เราต้องเดินทางไปอีกทางหนึ่งเพราะเราต้องการน้ำก่อนจะเดินทางต่อไปไม่อย่างนั้นจะลำบาก หญิงสาวก็ไม่ได้ว่าอะไร รีบเก็บของและช่วยการิมเก็บเต็นท์
เมื่อเก็บข้างของเรียบร้อยแล้วการิมก็พาหญิงสาวขึ้นม้าตัวเดียวกันด้วยเขาให้การิมนั่งหน้าแล้วเขาก็นั่งข้างหลังและการิมก็โอบล้อมเอวหญิงสาวไว้ไม่ให้ตก การิมขี่ม้าไปเรื่อยๆเพราะอากาศหลังพายุทะเลมีอากาศที่สบายๆ ไม่แดดร้อนมากนักแต่จะมีฝุ่นมาก ชายหนุ่มก็ให้ผ้าพันหน้าหญิงสาวไว้เพื่อบรรเทาฝุ่นที่กระจายอยู่
“ การิมค่ะ คุณรู้ได้อย่างไรค่ะว่าเราจะต้องเดินทางไปทางไหน ฟ้าเห็นแต่ทรายทั้งนั้นไม่เห็นจะรู้เลยว่าเราจะต้องไปอย่างไร ถ้าเป็นฟ้าคงหลงอยู่ไม่ได้ไปไหนแน่เลยนอกจากนั่งรอคนมาช่วยหรือไม่ก็ตาย”
“ จุดที่สำคัญเราต้องมองที่ท้องฟ้าเราดูที่พระอาทิตย์เป็นหลัก เพราะตอนเช้าเราก็มองว่าพระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออกใช่ไหมพอเวลาเปลี่ยนไปพระอาทิตย์ก็จะเริ่มหันไปทางทิศตะวันตก เราก็จะสามารถเดาได้แล้วว่าตอนนี้เราอยู่ตรงไหนและที่สำคัญผมก็หากินอยู่ที่นานแล้วรู้จักแทบนี้ดี คุณไม่ต้องเป็นห่วง “
“ ฟ้าไม่ได้ห่วงฟ้ารู้ว่าการิมต้องพาฟ้ากลับบ้านได้แน่นอน แต่แค่สงสัยนะค่ะว่าเราใช้หลักอะไรในการเดินทางในทะเลทราย แต่ตอนนี้รู้แล้วแต่ก็ไปไม่ถูกอยู่ดี “ พูดแล้วก็หัวเราะเบาๆ ทั้งสองขี่ม้ากันไปเรื่อยๆไม่รีบร้อน
การิมพาฟ้าใสดูเนินทรายต่างๆ และกระบองเพชรแบบต่างๆ จนในที่สุดทั้งสองก็ถึงโอเอซิสแหล่งใหม่ที่ไม่ใช่เมื่อคืนนี้แต่ก็มีความสวยงามไม่แพ้กันเลย แต่ที่นี้ใหญ่และกว้างกว่า
เมื่อเห็นดังนั้นพอหญิงสาวลงจากม้าได้ก็วิ่งตรงไปที่แหล่งน้ำ ใช้น้ำลูบเนื้อลูบตัวและถอดรองเท้าเอาเท้าแช่ไปที่น้ำรู้สึกสบายอย่างบอกไม่ถูก เมื่อเห็นการิมอยู่ตรงม้าและผูกม้าไว้กับต้นไม้ใหญ่ ก็กวักมือเรียกการิม
แต่การิมส่ายหน้าตะโกนบอกว่า เขาจะเตรียมก้างเต้นท์และก่อไฟก่อนที่พระอาทิตย์จะตกเราต้องเตรียมให้พร้อมเพราะถ้าพระอาทิตย์ตกจะทำให้ไม่เห้นอะไรถ้าเราเตรียมของไม่เสร็จ ฟ้าใสก็เลยต้องมาช่วยอย่างเสียไม่ได้ ฟ้าใสไปเก็บพวกเศษไม้มาให้การิม การิมเมื่อก้างเต้นท์เรียบร้อยแล้วก็เดินไปที่ริมน้ำและเตรียมอุปกรณ์สำหรับตกปลา สักพักใหญ่ก็ได้ปลามาหลายตัว หญิงสาวตามมาสมทบเมื่อเห็นการิมจับปลาได้หลายตัวก็ตาโต
“ เก่งเหมือนเจ้าเงาะในพระสังข์ทองเลยตอนที่เรียกเนื้อเรียกปลา “ การิมทำหน้างง ฟ้าใสเลยหัวเราะ
“ มันเป็นนิทานพื้นบ้านของไทยนะ เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังตอนที่เราย่างปลากัน “ หญิงสาวบอกด้วยอารมณ์ดี
การิมพยักหน้าแล้วพาหญิงสาวกับไปที่เต้นท์ ส่วนตัวเองก็เตรียมก่อไฟและเริ่มย่างปลา หญิงสาวเข้ามานั่งใกล้ๆ และเริ่มเล่าเรื่องพระสังข์ให้การิมฟัง พอการิมฟังจบก็หัวเราะและบอกว่าเขาไม่ได้เป็นเจ้าเงาะซะหน่อยแต่ถ้าเป็นตอนถอดรูปก็ได้แต่ฟ้าใสต้องเป็นรจนาด้วยนะ
ฟ้าใสก็เลยหัวเราะแบบเขินๆทั้งสองคนกินปลากันจนอิ่มแล้วฟ้าก็ของตัวไปที่แม่น้ำ การิมบอกให้ระวังตัวด้วยแต่อาบน้ำไม่ได้นะเดี๋ยวไม่สบายลูบๆน้ำพอได้พรุ่งนี้ค่อยอาบเพราะถ้ามืดลงแล้วอากาศจะเย็นมาก หญิงสาวรับคำก็รีบไปที่แม่น้ำทันที
........................................................................................................................
“ ฟ้าใสไม่ต้องกลัวนะ ผมคิดว่าไม่มีอะไรมากหรอกแค่เราเจอพายุทะเลทรายเท่านั้นเอง คุณโชคดีนะที่มาเที่ยวครั้งนี้ได้เจอครบทุกรสเลย“ การิมยิ้มให้
“ ฟ้าไม่กลัวหรอกเพราะมีการิมอยู่ด้วย แล้วเราจะทำอย่างไรดีค่ะ “ หญิงสาวยิ้มให้แต่ทำให้การิมหัวใจพองโตไปแล้วตั้งแต่ได้ยินฟ้าใสพูด
“ ฟ้าไม่ต้องทำอะไรหรอกเดี๋ยวผมออกไปเอง คุณอยู่ตรงนี้ผมออกไปเดี๋ยวเดียว ผมต้องไปผูกม้า เพราะเดี๋ยวมันตื่นแล้วจะวิ่งหนีเราไปจะเดือดร้อนกันไปใหญ่ “ การิมยิ้มให้ฟ้าใสเล็กน้อยแล้วก็หันออกจากเต้นท์
เขาพาม้ามาอยู่ข้างเต้นท์เพื่อเต้นท์จะได้กันลมให้ม้าส่วนหนึ่ง แล้วให้มันนั่งลงผูกม้าไว้ให้แน่นขึ้นแล้วโยงไว้กับเต้นท์อีกหนึ่งแล้วปักเหล็กลงไปให้แน่น แล้วก็นำผ้ามาผูกตาม้า กันไม่ให้ทรายเข้าตาม้าและม้าจะได้ไม่ตกใจมาก
โชคดีที่เจ้าลัคกี้มันเป็นม้าคู่กายของการิมอยู่แล้วมันจึงไม่ต่อต้านมากนักและมันเองก็เจอเหตุการณ์แบบนี้บ่อยๆ เมื่อจัดการกับม้าเสร็จแล้วก็หันมาจัดการกับเต้นท์ต่อเพื่อเพิ่มความมั่นคงให้กับเต้นท์ ฟ้าใสเห็นการิมยังไม่เข้ามาที่เต้นท์สักทีก็เป็นห่วงตะโกนถามออกไปดังๆ
“ การิม......การิมเสร็จหรือยัง ลมแรงขึ้นแล้วนะ “
“ อีกเดี๋ยวก็เสร็จแล้ว จวนจะเสร็จแล้ว “
การิมตรวจสอบอีกครั้งเพื่อทดสอบความแข็งแรงดีแล้วก็เข้ามาที่เต้นท์ เสียงลมแรงขึ้น และเสียงเม็ดทรายกระทบกับเต้นท์แรงขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ฟ้าใสกลัวว่าผ้าเต้นท์จะขาด    การิมมองมาเห็นหญิงสาวขดตัวลงก็เลยมานั่งใกล้และก็โอบกอดหญิงสาวไว้
“ ไม่เป็นไรหรอก ผ้าเต้นท์ไม่ขาดหรอกเพราผ้ามันหนาแต่อาจจะถูกทรายกลบจนหมด จนเราหายใจไม่ออกก็เท่านั้นเอง “ การิมพูดเล่นยิ้มๆให้ฟ้าใส
ฟ้าใสหันมามองทำให้อดโมโหไม่ได้เลยเหน็บเข้าที่สีข้างทีหนึ่ง คนอะไรไม่รู้เวลาปกติเห็นทำเฉยๆ แต่พอเวลามีเรื่องก็มาทำตลกหน้าตายมันน่า มันน่าอะไรดีละ
“ โอ๊ย.....ผมเจ็บนะ คนอะไรตัวก็เล็กนิดเดียวแต่หยิกเจ็บเป็นบ้า “ พูดเสร็จก็ลูบตรงที่สีข้าง
“ ดี.....สมน้ำหน้าคนอะไรก็ไม่รู้ ฟ้ายิ่งกลัวอยู่พูดเป็นเล่นไปได้ “ หญิงสาวส่งค้อนให้อีกฝ่าย
“ ไหนบอกว่าไม่กลัว ก็บอกแล้วว่าไม่ต้องกลัวอยู่กับผมแล้วไม่มีอะไรหรอกเดี๋ยวพ่อมดการิมเสกแป๊บเดียวพายุก็ไปหมดแล้ว แต่ตอนนี้ไม่อยากเสกหรอกเดี๋ยว อดกอดสาวแย่เลย “ การิมยังทำทะเล้นไม่หาย
เขาคิดในใจว่าถ้า อาซัสกับอัสซันเห็นเขาเป็นอย่างนี้คงขำตายตัวเขาเองก็ไม่คิดเหมือนกันว่าจะเป็นแบบนี้ได้ แต่เขาก็อดไม่ได้ที่จะแหย่ฟ้าใสก็ดูซิ หน้าแดงใหญ่แล้ว แถมจะขยับหนีด้วยแต่มีหรือเขาจะปล่อยก็อยากจะกอดไว้อยากนี้ตลอดไปเลย
“ การิม...ปล่อยฟ้าได้แล้ว “ หญิงสาวเขินจนหน้าแดงไปหมด แต่ชายหนุ่มทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ หญิงสาวได้แต่นั่งตัวแข็งไม่รู้จะทำอย่างไร (ใจจริงก็ไม่อยากให้เขาปล่อยด้วยละ ) จนในที่สุดก็ต้องปล่อยตัวตามสบายก็มันเมื่อยนี้ การิมเห็นดังนั้นก็โอบหญิงสาวแน่นขึ้นแล้วขยับตัวให้สบายขึ้นจนหญิงสาวพิงกับอกของเขา
“ การิม....ฟ้าว่าต้องเป็นตัวนำความโชคร้ายมาให้คุณแน่เลยดูซิ “ การิมยินก็หัวเราะเบาๆ
“ ก็ไม่จริงหรือดูซิเราเจอกันครั้งแรกก็มีแต่เรื่องให้การิมปวดหัวและไหนจะมีเรื่องชกต่อยไหนจะทำให้คุณขี่ม้าเร็วยิ่งกว่าจรวดอีกแล้วดูซิตอนนี้เรามาเจอพายุทะเลทรายอีกอะไรกันกันหนา นี้ถ้าเป็นฟ้านะพอกลับเข้าเมืองได้นะคงจะต้องวิ่งหนีให้เร็วที่สุดเลยไม่เช่นนั้นอาจทำให้ถึงตายได้นะนี้ อุ๊ย.!!.” การิมรีบเอามือปิดปากคนช่างพูดไว้และกล่าวว่า
“ ฟ้าอย่างพูดอย่างนี้ซิ ผมถือว่าการเจอคุณเป็นโชคดีที่สุดของผมต่างหากและผมไม่เคยคิดว่าคุณเป็นคนนำโชคร้ายมาให้ผม สิ่งที่ผ่านมามันแค่เรื่องบังเอิญและผมก็เต็มใจที่ช่วยฟ้าขอให้คุณบอกผมเท่านั้นว่าคุณต้องการให้ผมช่วยเหลืออะไรไม่ว่ามันจะยากอย่างไรผมก็เต็มใจจะช่วยคุณและผมจะช่วยเหลือคุณตลอดไป ไม่ว่าจะเป็นวันนี้หรือวันต่อๆไป ตลอดชีวิตของเราเลย “ ชายหนุ่มตอบด้วยเสียงที่แน่วแน่น
เมื่อได้ยินดังนั้นฟ้าใสก็เงยหน้ามองปรากฏว่ามองเห็นแววตาที่เต็มไปด้วยคำสัญญา มั่งคง และอ่อนโยน จนหญิงสาวได้แต่ก้มหน้าลงทันทีไม่รู้ว่าตัวเองจะพูดอะไรไม่รู้ว่าจะทำอะไรอย่างไรดีเพราะเขินมากหน้าตาก็รู้สึกวู่วาบร้อนไปหมด
ชายหนุ่มเห็นดังนั้นก็เลยกอดกระชับขึ้นอีกเป็นสัญญาว่าสิ่งที่เขาพูดไปนั้นมันออกมาจากใจจริง อีกสักพักใหญ่เขาก็รู้สึกว่าร่างนั้นนิ่งไปจนเขาแปลกใจก็เลยก้มมองดูปรากฏว่าฟ้าใสได้หลับไปแล้ว การิมได้แต่หัวเราะเบาๆ ใช่เลยเด็กน้อย
ขนาดว่ากลัวขนาดนี้ยังหลับได้เลย ชายหนุ่มอดที่จะส่ายหน้าไม่ได้ แล้วก็ก้มลงแอบขโมยหอมแก้มนวลๆนั้นทีหนึ่ง ก่อนที่ตัวเขาเองจะหลับไปอีกคน การิมไม่รู้หลอกว่าที่ฟ้าใสหลับได้ในขณะที่กำลังมีปัญหาก็เพราอ้อมกอดของเขาเองนั้นเองที่มันมั่นคงเหมือนกำแพงหนาที่จะคอยคุ้มครองให้ ฟ้าใสรู้สึกปลอดภัยและอบอุ่น
เวลาผ่านไปนานมากจนบ่ายคล้อยการิมเริ่มรู้สึกตัวแต่คนในอ้อมแขนของเขายังไม่ตื่น การิมก็เลยค่อยผ่อนๆร่างของหญิงสาวลงเบา ส่วนตัวเองก็ฟังเสียงพายุซึ่งคงจะสงบลงแล้วเพราะเสียงลมสงบลงแล้วก็เลยค่อยออกไปเปิดเต้นท์ ออกมาข้างนอกเดินไปดูเจ้าลัคกี้ซึ่งนอนหมอบอยู่มีทรายเป็นตัวไปหมดก็ค่อยปัดเอาทรายออกให้ แล้วก็ปลดผ้าผูกตาของลัคกี้ออก
ม้าเมื่อมันมองเห็นได้อีกครั้งก็ร้องเสียงดังขึ้นอย่างดีใจ การิมปล่อยมันออก และก็หันไปดูรอบๆด้าน เขาคำนวณดูว่าตัวเองตอนนี้อยู่ที่ไหน เมื่อคำนวณหาเส้นทางดูแล้วก็มีความคิดว่าควรจะเดินทางต่อไปอีกนิดเพราะอยู่ไม่ไกลกับโอเอซิลอีกแห่งหนึ่ง
ต้องพาหญิงสาวไปก่อนจะมืด การิมคิดว่าควรจะไปหาแหล่งน้ำอันใหม่ก่อนจะเดินทางกลับไปในเมือง และเขาอยากอยู่กับหญิงสาวต่ออีกสักพักเพื่อจะได้เรียนรู้นิสัยของฟ้าใสอีกหน่อย
เมื่อคิดได้ดังนั้นก็เลยเข้าไปปลุกหญิงสาวให้ตื่นและอธิบายว่าต้องออกเดินทางแล้วเพราะเดี๋ยวจะมืดก่อนและจะทำให้เดินทางลำบากมากขึ้น เขาบอกหญิงสาวว่าเราคงจะตามกลุ่มทัวร์ไม่ทันแล้วเพราคิดว่าปานนี้ถ้านั้นคงจะรีบเดินทางไปที่ในเมืองเลยเพราะทางเขาคงรีบเดินทางก่อนเจอพายุแบบเราและเขารู้ว่าอย่างไรคุณอยู่กับผมคงไม่มีอะไร
แต่เราต้องเดินทางไปอีกทางหนึ่งเพราะเราต้องการน้ำก่อนจะเดินทางต่อไปไม่อย่างนั้นจะลำบาก หญิงสาวก็ไม่ได้ว่าอะไร รีบเก็บของและช่วยการิมเก็บเต็นท์
เมื่อเก็บข้างของเรียบร้อยแล้วการิมก็พาหญิงสาวขึ้นม้าตัวเดียวกันด้วยเขาให้การิมนั่งหน้าแล้วเขาก็นั่งข้างหลังและการิมก็โอบล้อมเอวหญิงสาวไว้ไม่ให้ตก การิมขี่ม้าไปเรื่อยๆเพราะอากาศหลังพายุทะเลมีอากาศที่สบายๆ ไม่แดดร้อนมากนักแต่จะมีฝุ่นมาก ชายหนุ่มก็ให้ผ้าพันหน้าหญิงสาวไว้เพื่อบรรเทาฝุ่นที่กระจายอยู่
“ การิมค่ะ คุณรู้ได้อย่างไรค่ะว่าเราจะต้องเดินทางไปทางไหน ฟ้าเห็นแต่ทรายทั้งนั้นไม่เห็นจะรู้เลยว่าเราจะต้องไปอย่างไร ถ้าเป็นฟ้าคงหลงอยู่ไม่ได้ไปไหนแน่เลยนอกจากนั่งรอคนมาช่วยหรือไม่ก็ตาย”
“ จุดที่สำคัญเราต้องมองที่ท้องฟ้าเราดูที่พระอาทิตย์เป็นหลัก เพราะตอนเช้าเราก็มองว่าพระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออกใช่ไหมพอเวลาเปลี่ยนไปพระอาทิตย์ก็จะเริ่มหันไปทางทิศตะวันตก เราก็จะสามารถเดาได้แล้วว่าตอนนี้เราอยู่ตรงไหนและที่สำคัญผมก็หากินอยู่ที่นานแล้วรู้จักแทบนี้ดี คุณไม่ต้องเป็นห่วง “
“ ฟ้าไม่ได้ห่วงฟ้ารู้ว่าการิมต้องพาฟ้ากลับบ้านได้แน่นอน แต่แค่สงสัยนะค่ะว่าเราใช้หลักอะไรในการเดินทางในทะเลทราย แต่ตอนนี้รู้แล้วแต่ก็ไปไม่ถูกอยู่ดี “ พูดแล้วก็หัวเราะเบาๆ ทั้งสองขี่ม้ากันไปเรื่อยๆไม่รีบร้อน
การิมพาฟ้าใสดูเนินทรายต่างๆ และกระบองเพชรแบบต่างๆ จนในที่สุดทั้งสองก็ถึงโอเอซิสแหล่งใหม่ที่ไม่ใช่เมื่อคืนนี้แต่ก็มีความสวยงามไม่แพ้กันเลย แต่ที่นี้ใหญ่และกว้างกว่า
เมื่อเห็นดังนั้นพอหญิงสาวลงจากม้าได้ก็วิ่งตรงไปที่แหล่งน้ำ ใช้น้ำลูบเนื้อลูบตัวและถอดรองเท้าเอาเท้าแช่ไปที่น้ำรู้สึกสบายอย่างบอกไม่ถูก เมื่อเห็นการิมอยู่ตรงม้าและผูกม้าไว้กับต้นไม้ใหญ่ ก็กวักมือเรียกการิม
แต่การิมส่ายหน้าตะโกนบอกว่า เขาจะเตรียมก้างเต้นท์และก่อไฟก่อนที่พระอาทิตย์จะตกเราต้องเตรียมให้พร้อมเพราะถ้าพระอาทิตย์ตกจะทำให้ไม่เห้นอะไรถ้าเราเตรียมของไม่เสร็จ ฟ้าใสก็เลยต้องมาช่วยอย่างเสียไม่ได้ ฟ้าใสไปเก็บพวกเศษไม้มาให้การิม การิมเมื่อก้างเต้นท์เรียบร้อยแล้วก็เดินไปที่ริมน้ำและเตรียมอุปกรณ์สำหรับตกปลา สักพักใหญ่ก็ได้ปลามาหลายตัว หญิงสาวตามมาสมทบเมื่อเห็นการิมจับปลาได้หลายตัวก็ตาโต
“ เก่งเหมือนเจ้าเงาะในพระสังข์ทองเลยตอนที่เรียกเนื้อเรียกปลา “ การิมทำหน้างง ฟ้าใสเลยหัวเราะ
“ มันเป็นนิทานพื้นบ้านของไทยนะ เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังตอนที่เราย่างปลากัน “ หญิงสาวบอกด้วยอารมณ์ดี
การิมพยักหน้าแล้วพาหญิงสาวกับไปที่เต้นท์ ส่วนตัวเองก็เตรียมก่อไฟและเริ่มย่างปลา หญิงสาวเข้ามานั่งใกล้ๆ และเริ่มเล่าเรื่องพระสังข์ให้การิมฟัง พอการิมฟังจบก็หัวเราะและบอกว่าเขาไม่ได้เป็นเจ้าเงาะซะหน่อยแต่ถ้าเป็นตอนถอดรูปก็ได้แต่ฟ้าใสต้องเป็นรจนาด้วยนะ
ฟ้าใสก็เลยหัวเราะแบบเขินๆทั้งสองคนกินปลากันจนอิ่มแล้วฟ้าก็ของตัวไปที่แม่น้ำ การิมบอกให้ระวังตัวด้วยแต่อาบน้ำไม่ได้นะเดี๋ยวไม่สบายลูบๆน้ำพอได้พรุ่งนี้ค่อยอาบเพราะถ้ามืดลงแล้วอากาศจะเย็นมาก หญิงสาวรับคำก็รีบไปที่แม่น้ำทันที
........................................................................................................................
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น