ลำดับตอนที่ #5
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : ทะเลทรายแสนหวาน
ฟ้าใสเดินกลับมาที่เต้นท์ก็เห็นเจนนอนหลับอยู่ ก็เลยเข้าไปนอนเงียบและคิดถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา รู้สึกขนลุกและทำให้กลัว พยายามจะลืม
แต่แล้วใบหน้าของการิมก็ลอยขึ้นมาแล้วยังแววตาที่ระยิบระยับ ที่เหมือนมีดวงดาวเข้าไปอยู่ในนั้นเป็นล้านๆดวงที่ส่งประกายออกมา แล้วยังคำถามของเขาอีกมันทำให้หญิงสาวรู้สึกอบอุ่นหัวใจอย่างบอกไม่ถูก
ใจอยากจะถามคำถามเดี๋ยวกันว่าว่าเขาเจอหรือยังแต่ไม่แน่นะเขาอาจจะถามผู้หญิงมาเป็นร้อยคนแล้วก็ได้ เมื่อคิดได้ดังนั้นทำไมหัวใจมันจึงเจ็บๆแปล็บๆขึ้นมา
ก็รีบบอกตัวเองว่าเขาจะมีใครก็ไม่ใช่เรื่องของเธอทำไมต้องไม่ยุ่งด้วย ยังไม่เข็ดอีกใช่ไหม ถามตัวเองก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา กว่าจะหลับได้ก็มีใบหน้าของ การิมวิ่งไปวิ่งมาผ่านหน้าไม่รู้กี่ครั้ง พอได้สติก็รีบไล่หนีแต่พอเผลอเมื่อไรก็เห็นหน้าของ การิมอีกทำให้รู้สึกทั้งขุ่นใจตัวเอง รู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยเมื่อนึกถึงอ้อมกอดของเขา
ตอนเช้าก็เกิดโกลาหนขึ้นเล็กน้อย เพราะเพื่อนของโจถามหาโจกันให้วุ่นวาย จนทางฝ่ายไกด์มาอธิบายว่าโจเกิดปวดท้องกระทันหันตอนกาลางคืน ทางฝ่ายไกด์ได้ให้คนไปส่งที่ในเมืองแล้วไม่ต้องเป็นห่วง
แต่เมื่อถามกันเองแล้วก็รู้ความจริงเพราะอัสซันเข้าไปบอกเพื่อนของโจที่ชื่อพอลว่าเรื่องจริงเป็นอย่างไรและโจจะถูกส่งกลับอาเมริกาทันทีที่ถึงในเมือง และเพื่อนของโจเข้ามาขอโทษฟ้าใสกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ฟ้าใสมองหาการิมเพราะไม่สบายใจว่าการิมทำอะไรโจร้ายแรงหรือเปล่าเพราะไม่อยากให้การิมเดือดร้อนถ้าโจเป็นอะไรไปเมื่อหาการิมเจอก็รีบวิ่งเข้าไปหา การิม
“ การิม....การิมทำอะไรโจรุนแรงหรือเปล่า “ สีหน้าของฟ้าใสมีความวิตก
แต่สีหน้าและแววตาของคนฟังนั้นน่ากลัวมากโดยเฉพาะแววตามันเหมือนมีเปลวไฟลุกอยู่ตรงนั้น ถ้ามีฟางสักเส้นอยู่ตรงนั้นคงไหม้หมดแล้วและช่วงเวลานิดเดียวที่ฟ้าใสเห็นมันเต็มไปด้วยความน้อยใจและแววตานั้นก็ลุกเป็นไฟอีกครั้งจนไม่แน่ใจว่าที่เห็นนั้นจริงหรือเปล่า
“ยังไม่ตายหรอก ไม่ต้องเป็นห่วง “ การิมตอบด้วยน้ำเสียงที่แข็งกร้าว สีหน้าของฟ้าซีด ขาว ลงอย่างเห็นได้ชัดและรีบอธิบายให้การิมเข้าใจ
“ การิม ฟ้าได้เป็นห่วงโจนะ แต่ฟ้ากลัวว่าการิมจะเดือดร้อนเพราะฟ้า ถ้าโจเป็นอะไรไปการิมอาจติดคุกได้หรือไม่ก็ได้รับโทษที่รุนแรง ”
สีหน้าคนฟังเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือเลยทีเดียว แววตาที่กร้าวร้าว ดุดัน กลายเป็นแจ่มใส แววตาตามีประกายขึ้นและอ่อนโยนลง และมีรอยยิ้มปรากฏขึ้นที่ริมฝีปากบางๆฟ้าใสเลยก้มหน้าลงเขินๆ (คนอะไรสามารถเปลี่ยนสีหน้าได้เร็วยิ่งกว่าจิ้งจกเปลี่ยนสี)
“ ฟ้าเป็นห่วงผมจริงหรือ แต่ไม่มีอะไรหรอกแค่คงเดินไม่สะดวกสักเดือน 2 เดือนเท่านั้นเอง อัสซันไปส่งด้วยตัวเอง (แต่ไม่บอกหรอกว่าถูกมัดไปแล้วก็จะไม่ให้กินน้ำ กินอาหารจนกว่าจะส่งขึ้นเครื่องกลับประเทศ)
เพราะโทษของการข่มขืนที่นี่รุนแรงมากถ้าเป็นคนในประเทศก็จะถูกประหารทันทีแต่ถ้าเป็นชาวต่างชาติก็จะถูกส่งกลับทันทีและไม่มีโอกาสกลับมาที่ธีบิสอีกเลย ฟ้าแล้วคุณเป็นอย่างไรบ้างวันนี้ เมื่อคืนนอนหลับหรือเปล่าหรือยังกลัวอยู่
“ การิมถามออกมาด้วยน้ำเสียงที่ทำให้คนฟังรู้สึกอบอุ่นและรู้สึกปลอดภัย และยังแววตาที่มองลงมามันอ่อนโยนและแฝงไปด้วยความห่วงใย ทำให้คนฟังได้แต่เขินๆ
“ ไม่เป็นอะไรแล้วค่ะ แค่รู้สึกขัดๆนิดหน่อยอีกสักพักก็คงจะดีขึ้น ฟ้าขอบคุณการิมมากเลยนะค่ะถ้าการิมไม่มาช่วยฟ้าไม่รู้ว่าปานนี้ฟ้าจะเป็นอย่างไรบ้างก็ไม่รู้ “ ฟ้าใสกล่าวขอบคุณอย่างจริงใจ
แต่ไม่บอกหรอกว่าเมื่อคืนกว่าจะนอนหลับได้ลำบากแค่ไหนเพราะต้องคอยปัดหน้าใครบางคนและคำถามที่ยังติดค้างอยู่ในความทรงจำและอยากรู้ว่าการิมเจอคนที่เป็นครึ่งหนึ่งของตัวเองหรือยัง มันทั้งอยากรู้คำตอบและไม่อยากรู้คำตอบคิดแล้วก็รู้สึกหน้าร้อนๆขึ้น
การิมเห็นก็รู้ว่าฟ้าใสคิดอะไรอยู่เขาก็ยิ้มออกมาทางแววตา ซึ่งเมื่อฟ้าเห็นก็ยิ่งหน้าแดงขึ้นอีกแล้วกล่าวขอตัวก่อนเพราะต้องไปเก็บของ
เมื่อฟ้าใสเดินไปการิมได้แต่ยิ้มตั้งแต่เจอฟ้าใสเขารู้สึกว่าได้ยิ้มบ่อยๆ อารมณ์ของเขาก็ดีขึ้นมากจนทำให้อาซัสกับอัสซันล้ออยู่ประจำ
เมื่อทุกคนเก็บของเรียบร้อยแล้วก็จัดกระบวนแบบเมื่อวาน ฟ้าใสก็เป็นคนสุดท้ายของกลุ่มเหมือนเดิม การเดินทางในช่วงแรกก็ยังไม่มีอะไร
พอสายหน่อย ม้าของฟ้าใสเกิดตกใจมากเพราะมีงูเห่าทะเลทรายตัวหนึ่งซึ่งมาจากไหนไม่รู้เกิดเลื้อยตัดหน้าม้าทำให้ม้าของฟ้าใสตกใจและวิ่งตเลิดไปอีกทางหนึ่งแล้วฟ้าใสซึ่งขี่ม้าไม่ค่อยเป็นก็ไม่สามารถบังคับม้าได้และปล่อยมือจากบังเ^_^ยนเปลี่ยนมากอดคอม้าแน่นขึ้นมันเลยยิ่งทำให้ม้าตกใจเพราะมันรู้ว่าคนบังคับมันไม่ได้มันยิ่งวิ่งเร็วขึ้น
ม้าของการิมก็ตกใจงูเหมือนกันแต่การิมสามารถบังคับให้มันอยู่นิ่งๆได้ เมื่อมันเริ่มสงบการิมก็รีบพาม้าวิ่งไปทางฟ้าใสอย่างเร็ว แต่ม้าของฟ้าใสวิ่งเร็วมากเพราะกำลังตกใจกว่าที่ม้าของการิมจะตามทันก็ทำให้ไกลจากคณะทัวร์มากอยู่เหมือนกัน
ตลอดเวลาที่ม้าของฟ้าใสวิ่งหนีไปหัวใจของการิมแทบจะหยุดเต้น การิมกลัวว่าฟ้าใสจะถูกสลัดตกจากหลังม้า แต่เมื่อเข้ามาใกล้แล้วเขาค่อยรู้สึกหายใจได้เพิ่มขึ้นหน่อยเพราะการิมเห็นฟ้าใสยังไม่ได้ตกจากหลังม้า เลยตะโกนบอกฟ้าใสว่าเขากำลังจะมาช่วยแล้วไม่ต้องกลัว
“ ฟ้าใส....ฟ้าใสได้ยินผมไหม คุณต้องปล่อยมือจากคอม้านะถ้าผมบอกให้ปล่อยได้ยินไหม ถ้าคุณไม่ปล่อยผมก็คว้าคุณขึ้นมาไม่ได้ ได้ยินที่ผมพูดไหม” เขาตะโกนสุดเสียง
“ การิม..ฟ้าได้ยินแล้วแต่ฟ้ากลัว “ ฟ้าใสตะโกนบอกมาแต่มือยังกอกคอม้าแน่น
“ ฟ้าใสไม่ต้องกลัวนะ ผมอยู่ที่นี้แล้ว ไม่มีอะไรที่จะทำลายคุณได้ถ้าผมอยู่ตรงนี้ เชื่อใจผมนะคนดี ผมไม่ยอมให้คุณเป็นอะไรแน่นอน ผมสัญญา ไว้ใจผมนะ“
ฟ้าใสเงียบไปนาน จนการิมกลัวว่าฟ้าใสจะไม่ยอมปล่อยมือและอาจจะทำให้ตัวเองหมดแรงแล้วตกลงมาได้
“ ฟ้าใส....นะคนดีเชื่อใจผมนะ “
“ ค่ะ ฟ้าไว้ใจคุณ “ เสียงของฟ้าใสตะโกนออกมา ทำให้หัวใจของการิมพองโตด้วยความดีใจ
“ ไม่ต้องกลัวนะคนดี ผมไม่ทำให้คุณผิดหวังแน่นอน พอผมบอกให้คุณปล่อยมือผมจะนับ 1ถึงสามพอถึงสามคุณก็ค่อยปล่อยนะแล้วผมจะคว้าตัวคุณเอง “ การิมมองมาที่หญิงสาวแน่วแน่น
พอถึงจังหวะเหมาะ เค้าก็นับเสียงดัง พอถึง3 เขาก็คว้าเอวของหญิงสาวได้ได้พอดี พร้อมกับดึงร่างของหญิงสาวโดยแรงจนมานั่งอยู่บนม้าตัวเดียวกับเขา
เมื่อฟ้าใสมานั่งม้าตัวเดียวกับการิมแล้วก็กอดการิมไว้แน่นรู้สึกตัวเองปลอดภัยจากอันตรายใดๆก็ตามที่มันมีอยู่ในโลก รู้สึกว่าตัวเองได้มาอยู่ในที่ ที่เป็นของตัวเองอย่างแท้จริงและทำให้ไม่กลัวอะไรเลยถ้าได้อยู่ในอ้อมกอดนี้
การิมก็ค่อยๆบังคับม้าให้วิ่งช้าลงและหยุดในที่สุด น้ำตาที่หญิงสาวเก็บไว้หลังไหลเป็นสายธารจนเปียกชุ่มอกของชายหนุ่ม ชายหนุ่มก็กอดตอบแน่นเหมือนกัน
ภาพของฟ้าใสที่นั่งอยู่บนม้าที่ตื่นกลัวและวิ่งเร็วขนาดนั้นทำให้ชายหนุ่มกลัวเป็นที่สุดถ้าฟ้าใสตกลงมาอาจตายได้ยิ่งคิดยิ่งกลัว
“ ฟ้าใส....ไม่เป็นอะไรแล้วอยู่กับผมแล้ว ผมได้ตัวคุณแล้วรับรองไม่มีอะไรอีกแล้ว “ เสียงของการิมแหบพร่าแต่แฝงไปด้วยความอ่อนโยน อ่อนหวานและแข็งแรง ปกป้องและห่วงแหทำให้หญิงสาวรู้สึกถึงความปลอดภัยและอบอุ่น
สักพักหลังจากน้ำตาลหยุดไหลก็เงยหน้ามองดูการิมพบว่าใบหน้านั้นมีหลายอารมณ์เหลือเกินมีทั้งห่วงใยและปลอบโยน พอเห็นดังนั้นใบหน้าที่ตอนแรกไม่มีสีเลือดเลย
บัดนี้กับเต็มไปด้วยเลือดฝาดที่ฉีดขึ้นมามากมายจนรู้สึกว่าหน้ามันร้อนวู่วาบไปหมด แล้วก็ค่อยดันตัวออกจากเขาเบาๆ แล้วกล่าวขอบคุณเบาๆอย่างเขินๆ ว่าไม่เป็นไรแล้วตอนนี้ของลงจากม้าได้หรือยังเพราะรู้สึกไม่ค่อยดีเลย การิมเห็นหน้าฟ้าใสแล้วก็เลยยิ้มน้อยๆ แต่ที่ดวงตาระยิบระยับคล้ายกับว่าอยากหัวเราะเต็มที่
ฟ้าใสเห็นดังนั้นก็งมหน้างุดเลยที่เดี๋ยว การิมค่อยๆลงจาก หลังม้า และรับหญิงสาวให้ลงมา ฟ้าใสกล่าวขอบคุณอีกครั้ง
“ การิมฟ้าไม่รู้ว่าจะขอบคุณคุณอย่างไรแล้ว แค่เรารู้จักกันไม่กี่วันฟ้าก็เป็นหนี้บุญคุณการิมไม่รู้กี่ครั้งแล้ว “
“ ไม่เป็นไรหรอก ฟ้าผมช่วยคุณเพราะผมอยากช่วย ผมไม่ได้อยากได้รางวัลอะไรเป็นการตอบแทน “ น้ำเสียงของเขาจริงจังแววตามั่นคง จนทำให้หัวใจของฟ้าใสเต้นรัว แล้วก็รีบเปลี่ยนเรื่องเพราะแดดเริ่มร้อนขึ้นเรื่อยๆ
“ จะทำอะไรต่อไปนี้ละการิมม้าของฟ้าก็วิ่งไปไหนแล้วก็ไม่รู้ เราจะกลับกันได้อย่างไรและแดดก็ร้อนขึ้นแล้วด้วย มองไปทางไหนก็มีแต่ทรายทั้งนั้น ไม่มีที่ให้หลบแดดได้เลย แต่ถ้าให้ฟ้าเดินทางตอนนี้คงยังไม่ไหวแต่ถ้าได้พักสักครู่ก็คงจะไปต่อได้ “
หญิงสาวมองไปรอบๆแต่ไม่มีความกลัวเลยเพราะหญิงสาวมั่นใจว่าเมื่ออยู่กับการิมแล้วเขาจะดูแลเธอได้อย่างแน่นอน
“ ไม่เป็นไรหรอกฟ้าเดี๋ยวค่อยไปก็ได้ ผมจะก้างเต็นท์ให้คุณเดี๋ยวเดียวก็เสร็จรอนิดนะจ๊ะคนดี ตอนนี้คุณใช้ผ้าคลุมของผมก่อนนะ “
การิมปลดผ้าคลุมของเขาออกและเอามาคลุมร่างบางก่อนที่จะเดินไปที่ม้าของเขาแล้วเอาเต้นท์ออกมาก้าง สักพักก็เรียบร้อยแล้วจึงเรียกฟ้าใสให้เข้าไปนั่ง แต่ตัวเองเดินกับไปที่ม้าอีกแต่คราวนี้หยิบเอาอาหารแห้งและน้ำมาด้วย
“ การิม คุณต้องเป็นพ่อมดแน่เลยดูซิเผลอเดี๋ยวเดียวก็มีที่พักให้มีอาหารและน้ำให้กินอีกโอ๊ยวิเศษ” หญิงสาวยิ้มอย่างแจ่มใส
การิมได้แต่ส่ายหน้าจะไม่ให้เขาส่ายหน้าได้อย่างไรก็เมื้อกี้ยังร้องไห้อยู่เลยเผลอ แปล็บเดียวคุณเธอก็หัวเราะได้อีกแล้ว
“ ผมไม่ได้เป็นพ่อมด แต่คนในทะเลทรายทุกคนจะต้องเตรียมพร้อมเสมอเพราะเราไม่อาจรู้ได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเวลาเราออกทะเลทรายมันมีเรื่องเกิดขึ้นได้เสมอ แล้วที่ทะเลทรายไม่มีซุปเปอร์มาเก็ตหรือตลาดสดไว้ให้เราซื้อได้ “
การิมตอบด้วยเสียงที่คล้ายตำหนิแต่แววตากับมีแววหัวเราะอยู่ด้วยหญิงสาวได้แต่หน้างอแล้วก็ส่งค้อนให้ แต่แล้วเมื่อเห็นแววตาของการิมก็เลยหัวเราะ
“ ดีละว่าดีนักไม่ต้องกินขนมปังก็แล้วกัน “ พูดจบก็รีบคว้าขนมปังและอาหารอย่างอื่นขึ้นจากพื้น
“ อะไรนั้นมันของผมนะ” การิมทำเป็นร้องเสียงหลง
“ ไม่รู้ตอนนี้มันอยู่ที่ฟ้าแล้วมันก็ต้องเป็นของฟ้า ไม่ให้กินแล้ว      การิมก็ไปหาซื้อที่ซุปเปอร์มาเก็ตก็แล้วกัน “ ฟ้าใสทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้
“ โอ๊ย...คนใจร้าย คุณฟ้าใสครับใจคอจะไม่ให้ผมกินจริงๆหรือ งั้นผมก็ไม่ให้ผมกินน้ำนะ เพราะน้ำก็อยู่ในมือของผมเหมือนกัน “ ฟ้าใสเห็นท่าทางของการิมก็อดหัวเราะไม่ได้เธอไม่คิดว่าคนอย่างเขาก็สามารถทำอะไรบ็องๆได้เหมือนกัน
“ ก็ได้...ฟ้าแบ่งให้ก็ได้แต่การิมต้องให้น้ำฟ้ากินด้วยนะ การิมคนดีคนดี “ หญิงสาวทำหน้าทะเล้น
เมื่อทั้งสองมองหน้ากันก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้ ฟ้าใสทำตาโตเพราไม่เคยเห็นเขาหัวเราะอย่างนี้มาก่อนก็คนที่ทำหน้าบึ้งอยู่ตลอดเวลาก็หัวเราะเป็นเหมือนกัน เมื่อคิดได้ดังนั้นก็หัวเราะอีก ความกลัวและความกังวลก่อนหน้านั้นได้สลายหายไปหมดเมื่อมีเขาอยู่ใกล้ฟ้าใสคิดในใจ
แต่แล้วใบหน้าของการิมก็ลอยขึ้นมาแล้วยังแววตาที่ระยิบระยับ ที่เหมือนมีดวงดาวเข้าไปอยู่ในนั้นเป็นล้านๆดวงที่ส่งประกายออกมา แล้วยังคำถามของเขาอีกมันทำให้หญิงสาวรู้สึกอบอุ่นหัวใจอย่างบอกไม่ถูก
ใจอยากจะถามคำถามเดี๋ยวกันว่าว่าเขาเจอหรือยังแต่ไม่แน่นะเขาอาจจะถามผู้หญิงมาเป็นร้อยคนแล้วก็ได้ เมื่อคิดได้ดังนั้นทำไมหัวใจมันจึงเจ็บๆแปล็บๆขึ้นมา
ก็รีบบอกตัวเองว่าเขาจะมีใครก็ไม่ใช่เรื่องของเธอทำไมต้องไม่ยุ่งด้วย ยังไม่เข็ดอีกใช่ไหม ถามตัวเองก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา กว่าจะหลับได้ก็มีใบหน้าของ การิมวิ่งไปวิ่งมาผ่านหน้าไม่รู้กี่ครั้ง พอได้สติก็รีบไล่หนีแต่พอเผลอเมื่อไรก็เห็นหน้าของ การิมอีกทำให้รู้สึกทั้งขุ่นใจตัวเอง รู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยเมื่อนึกถึงอ้อมกอดของเขา
ตอนเช้าก็เกิดโกลาหนขึ้นเล็กน้อย เพราะเพื่อนของโจถามหาโจกันให้วุ่นวาย จนทางฝ่ายไกด์มาอธิบายว่าโจเกิดปวดท้องกระทันหันตอนกาลางคืน ทางฝ่ายไกด์ได้ให้คนไปส่งที่ในเมืองแล้วไม่ต้องเป็นห่วง
แต่เมื่อถามกันเองแล้วก็รู้ความจริงเพราะอัสซันเข้าไปบอกเพื่อนของโจที่ชื่อพอลว่าเรื่องจริงเป็นอย่างไรและโจจะถูกส่งกลับอาเมริกาทันทีที่ถึงในเมือง และเพื่อนของโจเข้ามาขอโทษฟ้าใสกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ฟ้าใสมองหาการิมเพราะไม่สบายใจว่าการิมทำอะไรโจร้ายแรงหรือเปล่าเพราะไม่อยากให้การิมเดือดร้อนถ้าโจเป็นอะไรไปเมื่อหาการิมเจอก็รีบวิ่งเข้าไปหา การิม
“ การิม....การิมทำอะไรโจรุนแรงหรือเปล่า “ สีหน้าของฟ้าใสมีความวิตก
แต่สีหน้าและแววตาของคนฟังนั้นน่ากลัวมากโดยเฉพาะแววตามันเหมือนมีเปลวไฟลุกอยู่ตรงนั้น ถ้ามีฟางสักเส้นอยู่ตรงนั้นคงไหม้หมดแล้วและช่วงเวลานิดเดียวที่ฟ้าใสเห็นมันเต็มไปด้วยความน้อยใจและแววตานั้นก็ลุกเป็นไฟอีกครั้งจนไม่แน่ใจว่าที่เห็นนั้นจริงหรือเปล่า
“ยังไม่ตายหรอก ไม่ต้องเป็นห่วง “ การิมตอบด้วยน้ำเสียงที่แข็งกร้าว สีหน้าของฟ้าซีด ขาว ลงอย่างเห็นได้ชัดและรีบอธิบายให้การิมเข้าใจ
“ การิม ฟ้าได้เป็นห่วงโจนะ แต่ฟ้ากลัวว่าการิมจะเดือดร้อนเพราะฟ้า ถ้าโจเป็นอะไรไปการิมอาจติดคุกได้หรือไม่ก็ได้รับโทษที่รุนแรง ”
สีหน้าคนฟังเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือเลยทีเดียว แววตาที่กร้าวร้าว ดุดัน กลายเป็นแจ่มใส แววตาตามีประกายขึ้นและอ่อนโยนลง และมีรอยยิ้มปรากฏขึ้นที่ริมฝีปากบางๆฟ้าใสเลยก้มหน้าลงเขินๆ (คนอะไรสามารถเปลี่ยนสีหน้าได้เร็วยิ่งกว่าจิ้งจกเปลี่ยนสี)
“ ฟ้าเป็นห่วงผมจริงหรือ แต่ไม่มีอะไรหรอกแค่คงเดินไม่สะดวกสักเดือน 2 เดือนเท่านั้นเอง อัสซันไปส่งด้วยตัวเอง (แต่ไม่บอกหรอกว่าถูกมัดไปแล้วก็จะไม่ให้กินน้ำ กินอาหารจนกว่าจะส่งขึ้นเครื่องกลับประเทศ)
เพราะโทษของการข่มขืนที่นี่รุนแรงมากถ้าเป็นคนในประเทศก็จะถูกประหารทันทีแต่ถ้าเป็นชาวต่างชาติก็จะถูกส่งกลับทันทีและไม่มีโอกาสกลับมาที่ธีบิสอีกเลย ฟ้าแล้วคุณเป็นอย่างไรบ้างวันนี้ เมื่อคืนนอนหลับหรือเปล่าหรือยังกลัวอยู่
“ การิมถามออกมาด้วยน้ำเสียงที่ทำให้คนฟังรู้สึกอบอุ่นและรู้สึกปลอดภัย และยังแววตาที่มองลงมามันอ่อนโยนและแฝงไปด้วยความห่วงใย ทำให้คนฟังได้แต่เขินๆ
“ ไม่เป็นอะไรแล้วค่ะ แค่รู้สึกขัดๆนิดหน่อยอีกสักพักก็คงจะดีขึ้น ฟ้าขอบคุณการิมมากเลยนะค่ะถ้าการิมไม่มาช่วยฟ้าไม่รู้ว่าปานนี้ฟ้าจะเป็นอย่างไรบ้างก็ไม่รู้ “ ฟ้าใสกล่าวขอบคุณอย่างจริงใจ
แต่ไม่บอกหรอกว่าเมื่อคืนกว่าจะนอนหลับได้ลำบากแค่ไหนเพราะต้องคอยปัดหน้าใครบางคนและคำถามที่ยังติดค้างอยู่ในความทรงจำและอยากรู้ว่าการิมเจอคนที่เป็นครึ่งหนึ่งของตัวเองหรือยัง มันทั้งอยากรู้คำตอบและไม่อยากรู้คำตอบคิดแล้วก็รู้สึกหน้าร้อนๆขึ้น
การิมเห็นก็รู้ว่าฟ้าใสคิดอะไรอยู่เขาก็ยิ้มออกมาทางแววตา ซึ่งเมื่อฟ้าเห็นก็ยิ่งหน้าแดงขึ้นอีกแล้วกล่าวขอตัวก่อนเพราะต้องไปเก็บของ
เมื่อฟ้าใสเดินไปการิมได้แต่ยิ้มตั้งแต่เจอฟ้าใสเขารู้สึกว่าได้ยิ้มบ่อยๆ อารมณ์ของเขาก็ดีขึ้นมากจนทำให้อาซัสกับอัสซันล้ออยู่ประจำ
เมื่อทุกคนเก็บของเรียบร้อยแล้วก็จัดกระบวนแบบเมื่อวาน ฟ้าใสก็เป็นคนสุดท้ายของกลุ่มเหมือนเดิม การเดินทางในช่วงแรกก็ยังไม่มีอะไร
พอสายหน่อย ม้าของฟ้าใสเกิดตกใจมากเพราะมีงูเห่าทะเลทรายตัวหนึ่งซึ่งมาจากไหนไม่รู้เกิดเลื้อยตัดหน้าม้าทำให้ม้าของฟ้าใสตกใจและวิ่งตเลิดไปอีกทางหนึ่งแล้วฟ้าใสซึ่งขี่ม้าไม่ค่อยเป็นก็ไม่สามารถบังคับม้าได้และปล่อยมือจากบังเ^_^ยนเปลี่ยนมากอดคอม้าแน่นขึ้นมันเลยยิ่งทำให้ม้าตกใจเพราะมันรู้ว่าคนบังคับมันไม่ได้มันยิ่งวิ่งเร็วขึ้น
ม้าของการิมก็ตกใจงูเหมือนกันแต่การิมสามารถบังคับให้มันอยู่นิ่งๆได้ เมื่อมันเริ่มสงบการิมก็รีบพาม้าวิ่งไปทางฟ้าใสอย่างเร็ว แต่ม้าของฟ้าใสวิ่งเร็วมากเพราะกำลังตกใจกว่าที่ม้าของการิมจะตามทันก็ทำให้ไกลจากคณะทัวร์มากอยู่เหมือนกัน
ตลอดเวลาที่ม้าของฟ้าใสวิ่งหนีไปหัวใจของการิมแทบจะหยุดเต้น การิมกลัวว่าฟ้าใสจะถูกสลัดตกจากหลังม้า แต่เมื่อเข้ามาใกล้แล้วเขาค่อยรู้สึกหายใจได้เพิ่มขึ้นหน่อยเพราะการิมเห็นฟ้าใสยังไม่ได้ตกจากหลังม้า เลยตะโกนบอกฟ้าใสว่าเขากำลังจะมาช่วยแล้วไม่ต้องกลัว
“ ฟ้าใส....ฟ้าใสได้ยินผมไหม คุณต้องปล่อยมือจากคอม้านะถ้าผมบอกให้ปล่อยได้ยินไหม ถ้าคุณไม่ปล่อยผมก็คว้าคุณขึ้นมาไม่ได้ ได้ยินที่ผมพูดไหม” เขาตะโกนสุดเสียง
“ การิม..ฟ้าได้ยินแล้วแต่ฟ้ากลัว “ ฟ้าใสตะโกนบอกมาแต่มือยังกอกคอม้าแน่น
“ ฟ้าใสไม่ต้องกลัวนะ ผมอยู่ที่นี้แล้ว ไม่มีอะไรที่จะทำลายคุณได้ถ้าผมอยู่ตรงนี้ เชื่อใจผมนะคนดี ผมไม่ยอมให้คุณเป็นอะไรแน่นอน ผมสัญญา ไว้ใจผมนะ“
ฟ้าใสเงียบไปนาน จนการิมกลัวว่าฟ้าใสจะไม่ยอมปล่อยมือและอาจจะทำให้ตัวเองหมดแรงแล้วตกลงมาได้
“ ฟ้าใส....นะคนดีเชื่อใจผมนะ “
“ ค่ะ ฟ้าไว้ใจคุณ “ เสียงของฟ้าใสตะโกนออกมา ทำให้หัวใจของการิมพองโตด้วยความดีใจ
“ ไม่ต้องกลัวนะคนดี ผมไม่ทำให้คุณผิดหวังแน่นอน พอผมบอกให้คุณปล่อยมือผมจะนับ 1ถึงสามพอถึงสามคุณก็ค่อยปล่อยนะแล้วผมจะคว้าตัวคุณเอง “ การิมมองมาที่หญิงสาวแน่วแน่น
พอถึงจังหวะเหมาะ เค้าก็นับเสียงดัง พอถึง3 เขาก็คว้าเอวของหญิงสาวได้ได้พอดี พร้อมกับดึงร่างของหญิงสาวโดยแรงจนมานั่งอยู่บนม้าตัวเดียวกับเขา
เมื่อฟ้าใสมานั่งม้าตัวเดียวกับการิมแล้วก็กอดการิมไว้แน่นรู้สึกตัวเองปลอดภัยจากอันตรายใดๆก็ตามที่มันมีอยู่ในโลก รู้สึกว่าตัวเองได้มาอยู่ในที่ ที่เป็นของตัวเองอย่างแท้จริงและทำให้ไม่กลัวอะไรเลยถ้าได้อยู่ในอ้อมกอดนี้
การิมก็ค่อยๆบังคับม้าให้วิ่งช้าลงและหยุดในที่สุด น้ำตาที่หญิงสาวเก็บไว้หลังไหลเป็นสายธารจนเปียกชุ่มอกของชายหนุ่ม ชายหนุ่มก็กอดตอบแน่นเหมือนกัน
ภาพของฟ้าใสที่นั่งอยู่บนม้าที่ตื่นกลัวและวิ่งเร็วขนาดนั้นทำให้ชายหนุ่มกลัวเป็นที่สุดถ้าฟ้าใสตกลงมาอาจตายได้ยิ่งคิดยิ่งกลัว
“ ฟ้าใส....ไม่เป็นอะไรแล้วอยู่กับผมแล้ว ผมได้ตัวคุณแล้วรับรองไม่มีอะไรอีกแล้ว “ เสียงของการิมแหบพร่าแต่แฝงไปด้วยความอ่อนโยน อ่อนหวานและแข็งแรง ปกป้องและห่วงแหทำให้หญิงสาวรู้สึกถึงความปลอดภัยและอบอุ่น
สักพักหลังจากน้ำตาลหยุดไหลก็เงยหน้ามองดูการิมพบว่าใบหน้านั้นมีหลายอารมณ์เหลือเกินมีทั้งห่วงใยและปลอบโยน พอเห็นดังนั้นใบหน้าที่ตอนแรกไม่มีสีเลือดเลย
บัดนี้กับเต็มไปด้วยเลือดฝาดที่ฉีดขึ้นมามากมายจนรู้สึกว่าหน้ามันร้อนวู่วาบไปหมด แล้วก็ค่อยดันตัวออกจากเขาเบาๆ แล้วกล่าวขอบคุณเบาๆอย่างเขินๆ ว่าไม่เป็นไรแล้วตอนนี้ของลงจากม้าได้หรือยังเพราะรู้สึกไม่ค่อยดีเลย การิมเห็นหน้าฟ้าใสแล้วก็เลยยิ้มน้อยๆ แต่ที่ดวงตาระยิบระยับคล้ายกับว่าอยากหัวเราะเต็มที่
ฟ้าใสเห็นดังนั้นก็งมหน้างุดเลยที่เดี๋ยว การิมค่อยๆลงจาก หลังม้า และรับหญิงสาวให้ลงมา ฟ้าใสกล่าวขอบคุณอีกครั้ง
“ การิมฟ้าไม่รู้ว่าจะขอบคุณคุณอย่างไรแล้ว แค่เรารู้จักกันไม่กี่วันฟ้าก็เป็นหนี้บุญคุณการิมไม่รู้กี่ครั้งแล้ว “
“ ไม่เป็นไรหรอก ฟ้าผมช่วยคุณเพราะผมอยากช่วย ผมไม่ได้อยากได้รางวัลอะไรเป็นการตอบแทน “ น้ำเสียงของเขาจริงจังแววตามั่นคง จนทำให้หัวใจของฟ้าใสเต้นรัว แล้วก็รีบเปลี่ยนเรื่องเพราะแดดเริ่มร้อนขึ้นเรื่อยๆ
“ จะทำอะไรต่อไปนี้ละการิมม้าของฟ้าก็วิ่งไปไหนแล้วก็ไม่รู้ เราจะกลับกันได้อย่างไรและแดดก็ร้อนขึ้นแล้วด้วย มองไปทางไหนก็มีแต่ทรายทั้งนั้น ไม่มีที่ให้หลบแดดได้เลย แต่ถ้าให้ฟ้าเดินทางตอนนี้คงยังไม่ไหวแต่ถ้าได้พักสักครู่ก็คงจะไปต่อได้ “
หญิงสาวมองไปรอบๆแต่ไม่มีความกลัวเลยเพราะหญิงสาวมั่นใจว่าเมื่ออยู่กับการิมแล้วเขาจะดูแลเธอได้อย่างแน่นอน
“ ไม่เป็นไรหรอกฟ้าเดี๋ยวค่อยไปก็ได้ ผมจะก้างเต็นท์ให้คุณเดี๋ยวเดียวก็เสร็จรอนิดนะจ๊ะคนดี ตอนนี้คุณใช้ผ้าคลุมของผมก่อนนะ “
การิมปลดผ้าคลุมของเขาออกและเอามาคลุมร่างบางก่อนที่จะเดินไปที่ม้าของเขาแล้วเอาเต้นท์ออกมาก้าง สักพักก็เรียบร้อยแล้วจึงเรียกฟ้าใสให้เข้าไปนั่ง แต่ตัวเองเดินกับไปที่ม้าอีกแต่คราวนี้หยิบเอาอาหารแห้งและน้ำมาด้วย
“ การิม คุณต้องเป็นพ่อมดแน่เลยดูซิเผลอเดี๋ยวเดียวก็มีที่พักให้มีอาหารและน้ำให้กินอีกโอ๊ยวิเศษ” หญิงสาวยิ้มอย่างแจ่มใส
การิมได้แต่ส่ายหน้าจะไม่ให้เขาส่ายหน้าได้อย่างไรก็เมื้อกี้ยังร้องไห้อยู่เลยเผลอ แปล็บเดียวคุณเธอก็หัวเราะได้อีกแล้ว
“ ผมไม่ได้เป็นพ่อมด แต่คนในทะเลทรายทุกคนจะต้องเตรียมพร้อมเสมอเพราะเราไม่อาจรู้ได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเวลาเราออกทะเลทรายมันมีเรื่องเกิดขึ้นได้เสมอ แล้วที่ทะเลทรายไม่มีซุปเปอร์มาเก็ตหรือตลาดสดไว้ให้เราซื้อได้ “
การิมตอบด้วยเสียงที่คล้ายตำหนิแต่แววตากับมีแววหัวเราะอยู่ด้วยหญิงสาวได้แต่หน้างอแล้วก็ส่งค้อนให้ แต่แล้วเมื่อเห็นแววตาของการิมก็เลยหัวเราะ
“ ดีละว่าดีนักไม่ต้องกินขนมปังก็แล้วกัน “ พูดจบก็รีบคว้าขนมปังและอาหารอย่างอื่นขึ้นจากพื้น
“ อะไรนั้นมันของผมนะ” การิมทำเป็นร้องเสียงหลง
“ ไม่รู้ตอนนี้มันอยู่ที่ฟ้าแล้วมันก็ต้องเป็นของฟ้า ไม่ให้กินแล้ว      การิมก็ไปหาซื้อที่ซุปเปอร์มาเก็ตก็แล้วกัน “ ฟ้าใสทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้
“ โอ๊ย...คนใจร้าย คุณฟ้าใสครับใจคอจะไม่ให้ผมกินจริงๆหรือ งั้นผมก็ไม่ให้ผมกินน้ำนะ เพราะน้ำก็อยู่ในมือของผมเหมือนกัน “ ฟ้าใสเห็นท่าทางของการิมก็อดหัวเราะไม่ได้เธอไม่คิดว่าคนอย่างเขาก็สามารถทำอะไรบ็องๆได้เหมือนกัน
“ ก็ได้...ฟ้าแบ่งให้ก็ได้แต่การิมต้องให้น้ำฟ้ากินด้วยนะ การิมคนดีคนดี “ หญิงสาวทำหน้าทะเล้น
เมื่อทั้งสองมองหน้ากันก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้ ฟ้าใสทำตาโตเพราไม่เคยเห็นเขาหัวเราะอย่างนี้มาก่อนก็คนที่ทำหน้าบึ้งอยู่ตลอดเวลาก็หัวเราะเป็นเหมือนกัน เมื่อคิดได้ดังนั้นก็หัวเราะอีก ความกลัวและความกังวลก่อนหน้านั้นได้สลายหายไปหมดเมื่อมีเขาอยู่ใกล้ฟ้าใสคิดในใจ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น