ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : แล้วสองเราก็พบกัน
เมื่อสองพี่น้องมากินอาหารที่ห้องอาหารของโรงแรม ก็ได้มีสายตาคู่หนึ่งซึ่งมองมาเห็นพอดี ตอนแรกสายตาครู่นั้นมองมาอย่างไม่ได้สนใจแต่เมื่อร่างบางของหญิงสาวเดินตามเข้ามา ชายหนุ่มก็ไม่สามารถถอนสายตาออกจากร่างบางได้เลย ตอนแรกมองด้วยสายตาที่ดุ แข็งกร้าวแต่ตอนมาก็จะเห็นว่ามันเปลี่ยนเป็นสายตาที่อ่อนโยน ซึ่งสายตาอย่างนี้น้อยคนนักที่จะมีโอกาสได้เห็น เมื่อจนหญิงสาวเดินไปที่โต๊ะซึ่งเห็นได้ไม่ชัดเจนทำให้ชายหนุ่มรู้สึกขัดใจ
“ เจ้าชาย.......เจ้าชาย......การิม ท่านมองอะไรอยู่เรียกตั้งนาน แล้วยังไม่ได้ยินอีก” อัสซันถามอีกฝ่ายซึ่งเป็นเจ้านายและมองตามแต่ก็ไม่เห็นอะไรเพราะหญิงสาวได้เดินผ่านไปแล้ว
“ ไม่มีอะไร เจ้าถามทำไม “ ทั้งที่พูดแต่สายตาก็ยังกวาดมองหาหญิงสาวอีกครั้ง
“ หม่อนฉัน ถามว่าจะไปกันได้หรือยัง เราจะต้องกลับไปที่วังของท่านพ่อของเจ้าชายไม่ใช่หรือ “ อัสซันเป็นฝ่ายบอกจุดประสงค์
“ ไปก็ได้ “ เจ้าชายบอกพร้อมกับลุกขึ้นเดิน แต่ก็มองหาหญิงสาวจนเจอ แต่ครั้งนี้ฝ่ายหญิงสาวหันมามองพอดี เหมือนเวลาหยุดลงและไม่สามารถมองเห็นอะไรนอกจากหญิงสาวคนนั้น
จนไม่สามารถที่ก้าวเดินต่อไปมันเหมือนมีอะไรที่ดึงดูดใจในดวงตาคู่นั้นมีทั้งแววตาที่แสนเศร้า อ่อนหวาน และแจ่มใสในคราวเดียวกันมันเหมือนสิ่งที่เขารอมานาน แต่ต้องตัดใจเดินจากมาเพราะมีหน้าที่สำคัญที่ต้องทำต่อ แต่บอกตัวเองว่าไม่นานหรอกเราจะต้องได้พบกันอีก    ศรีษะที่ตั้งตรงไม่เคยต้องโค้งให้ใครมาก่อน ได้ก้มลงน้อยจนแทบไม่เห็นถ้าไม่สังเกตให้ดีๆ ปากที่ไม่เคยยิ้มก็ปรากฎรอยยิ้มน้อยๆให้และแววตาที่แสดงความเป็นเจ้าของอย่างเด่นชัด แต่เขารู้ว่าหญิงสาวตรงหน้าเห็น แล้วเดินจากมา
ฟ้าใสที่กำลังนั่งโต๊ะและรอให้พี่ชายสั่งอาหารให้ หันมองดูรอบตัวอย่างตื่นเต้น หันไปเห็นชายคนหนึ่งซึ่งรูปร่างหน้าตาหล่อเหลา (มาก...มากค่ะ) กำลังมองมาที่ตน ตอนแรกก็ไม่สนใจว่าจะถอนสายตาออกมาแต่พอได้สบตาคู่นั้นมันเหมือนมีอะไรที่ทำให้ไม่สามารถถอนสายตาออกจากคู่นั้นได้เลย
มีทั้งสายตาที่แสดงความเป็นเจ้าของ ดูห่วงใยและที่สำคัญมันดูอบอุ่นอยู่เสมอและเมื่อเขาคนนั้นก้มหัวลงให้เล็กน้อยหญิงสาวได้แต่นั่งตัวแข็งไม่สามารถทำอะไรได้เลย จนเขาเดินผ่านไปแล้วก็ยังไม่สามารถบอกได้ว่ามันคืออะไร มีทั้งความกลัว และความกล้า และรู้สึกตัวเองว่าได้ถูกอ่านออกจนหมดว่าตัวเองคิดอะไรอยู่ ทั้งๆที่ตัวเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าคิดอะไร มีความรู้สึกสับสนจนไม่สามารถบอกได้ว่ามันเป็นอะไร จนมารู้สึกตัวตอนที่พี่เรียกชื่อดังขึ้นมา
“ ฟ้าใส.....ฟ้าใส...ยัยฟ้า เรียกตั้งนานแล้วเป็นอะไร ไม่สบายหรือ หน้าซีดๆ ปวดหัวหรือเปล่าเพราะพี่พาเราไปนู้นไปนี้ไม่ได้หยุดเลย “ ถามน้องด้วยความสงสัยเพราะก่อนที่จะนั่งยังพูดไม่หยุดอยู่ๆ ก็หยุดพูดเฉยเลย
“ ไม่ได้เป็นอะไรหรอกพี่ดิน มัวแต่ดูอะไรเพลินนะ ที่นี้สวยนะค่ะ ” ฟ้าใสพยายามจะเปลี่ยนเรื่องเพราะไม่ต้องให้พี่ชายรู้ เดี๋ยวถามอะไรวุ่นวายอีกเพราะไม่รู้จะตอบอย่างไรความรู้สึกที่ยังบอกไม่ได้เหมือนกันว่ามันคืออะไร
“ สั่งแล้ว เดี๋ยวกินเสร็จก็ไปพักผ่อนก่อนก็ได้ เหนื่อยมาหลายวันแล้ว แน่ใจนะว่าไม่ได้เป็นอะไร อยู่คนเดียวได้ใช่ไหม เพราะพี่โทรไปหาเพื่อนที่ทำงานเมื่อครู่แล้วเขาบอกว่าจะมาหาพี่เพื่อพูดคุยกันเรื่องทำงาน อีก 2 วันก็ต้องไปรายงานตัวแล้ว “ พูดจบก็มองหน้าน้องสาว
“ ได้ค่ะพี่ดิน พี่ดินไม่ต้องเป็นห่วงพอกินเสร็จ น้องสาวแสนน่ารักก็จะขึ้นไปอาบน้ำนอนเลยแล้วกัน” พูดกับพี่ชายและทำหน้าทะเล้น จนพี่ชายอดหัวเราะออกมาไม่ได้
เมื่อกินข้าวกันเสร็จแล้วสองพี่น้องก็แยกย้ายกันไป ฟ้าใสเดินขึ้นไปที่ห้องพัก และลงนอนแต่สายตาเหม่อมองเพนดานแต่แทนที่ภาพจะเห็นเป็นหลอดไฟสวยๆกับเห็นเป็นหน้าตาของชายหนุ่มที่พึ่งพบกันครั้งแรกแต่ทำไมสายตานั้นเหมือนกันตามมาหลอกหลอนกันได้ถึงเพียงนี้ ถึงแม้จะหลับตาก็ไม่สามารถลบภาพออกไปได้เลยส่วนทางด้านชายหนุ่มที่หญิงสาวกำลังพยายามลืมก็มีสภาพไม่ได้ต่างกันเลย
“ เป็นอย่างไรบ้างอาซัสเรื่องที่ให้ไปสืบถึงไหน “ เสียงนุ่มแต่สายตาที่มองมาที่อาซัสมีบางอย่างที่บอกได้ว่าถ้าไม่ได้เรื่องหรือไม่รู้เรื่องอาจจะถึงตายได้ อารมณ์จะกวนเจ้าชายการิมทำให้ไม่กล้าแหย่
“ ได้เรื่องมาแล้วครับเจ้าชาย อยู่ในแฟ้มที่ผมถือมาให้ “ พูดจบก็นำแฟ้มออกมาวางตรงหน้าเจ้าชาย ทำให้ชายหนุ่มตรงหน้ามีรอยยิ้มน้อยๆปรากฎขึ้นเพียงเวลาสั้น แล้วเขาก็ไม่สามารถเห็นหน้าตาชายหนุ่มอีกเลยจนกระทั่งเจ้าชายการิมเงยหน้าจากแฟ้ม
“ ดีมาก ฟ้าใส รัษาภรณ์ เป็นชื่อที่สมกับตัวเลย ฟ้าใส ดีละ “ พูดจบหันไปหา อาซัส
“ อาซัสเจ้าเตรียมไปจัดที่พักใหม่ให้กับนายแผ่นดินไม่ต้องให้ไปอยู่บ้านพักพนักงานแล้ว ให้ไปอยู่บ้านของเราที่ใกล้กับโครงการชลประทานเลยแล้วกัน และเปลี่ยนห้องพักให้ดูให้เรียบร้อย และสั่งให้ ไซอา ไปรับใช้ฟ้าใสเป็นการส่วนตัวและหาคนครัวและคนทำความสะอาดบ้านและหาเจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัยให้เรียบร้อย รีบไปทำให้เสร็จภายในวันนี้ และให้คนติดต่อแผ่นดินให้เริ่มงานได้ในวันพรุ่งนี้ และก็พาทั้ง 2 วันเข้าพักที่พักได้เลย “
พูดจบก็หันไปสนใจเอกสารในมืออีกครั้งโดยไม่สนใจสายตาที่อยากรู้อยากเห็นของอีกฝ่าย เมื่ออาซัสออกไปแล้ว เจ้าชาย การิมก็เงยหน้าออกไปที่หน้าต่างมองไปที่สวนสวยที่อยู่ติดห้องทำงาน สายตาที่อ่อนโยนลงและริมปากที่ยิ้มละไมนุ่มนวลชวนให้หลงใหล ซึ่งจะมีกี่คนที่จะได้เห็น ส่วนใหญ่แล้วแววตาอย่างนี้มีเพียงเสด็จแม่ของเจ้าชายเท่านั้นที่จะได้รับ
“ เสด็จแม่ลูกเข้าใจแล้วว่าสิ่งที่เสด็จแม่เคยพูดไว้เมื่อลูกยังเด็กว่าสักวันลูกจะพบอีกครึ่งหนึ่งของชีวิต แล้วลูกถามว่าลูกจะรู้ได้อย่างไร แล้วเสด็จแม่ตอบว่าเราจะรู้ได้ตัวเองแม่ไม่สามารถบอกได้ถึงความรู้สึก รู้เพียงแต่ว่ามันใช่เหมือนที่แม่ได้เจอกับเสด็จพ่อของลูก “ เขาคิดในใจแล้วหลับตาลงก็ยังเห็นแต่เพียงภาพของเธอ ฟ้าใส แล้วเราก็จะเจอกันไม่ว่าเธอจะชอบหรือไม่ เธอจะต้องมาอยู่ตรงนี้ตรงที่ควรจะอยู่คือในหัวใจของเขาและเธอจะต้องมีแต่เขาอยู่ในหัวใจเหมือนกัน เขาจะไม่ยอมเป็นฝ่ายให้เพียงคนเดียวแต่เธอฟ้าใสจะต้องให้เท่ากับเขาหรือมากกว่าเท่านั้นเขาจะไม่ยอมได้รับน้อยกว่าแน่นอน......ฟ้าใส.......เราต้องเจอกันอย่างแน่นอน
พี่ดิน ดูซิทำไมบ้านพักของพี่มันถึงสวยขนาดนี้ผิดบ้านหรือเปล่า “ ฟ้าใสมองดูด้วยความทึ่งจัดไม่หน้าเชื่อว่าตำแหน่งที่ได้รับมอบหมายงานของพี่ชายจะมีความสำคัญขนาดนี้
“ เป็นไง ฟ้าตะลึงในความสำคัญของพี่ขนาดนั้นเชี่ยวหรือ” พูดเสร็จก็ทำท่าอวดเบ็งให้น้องสาวดูไม่ได้ หญิงสาวได้แต่หัวเราะ แต่ในใจของแผ่นดินคิดว่ามันไม่ธรรมดาแน่เพราะตอนนั้นทางบริษัทส่งข้อมูลไปให้ดูนั้นเขาได้ดเห็นบ้านพักแล้วก็เป็นแบบบ้านธรรมดามันไม่ได้สวยงามอย่างที่เห็นแต่จะบอกน้องสาวอย่างนั้นก็เสียฟอร์มแย่
สองพี่น้องเดินดูบ้านที่นายอาซัสพาเดินดูอย่างตื่นตาตื่นใจ ส่วนอาซัสคอยแอบมองหญิงสาวที่ทำให้เจ้าชายการิมของเขาแปลกไปแต่เมื่อพิจารณาแล้วก็ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเจ้าชายของเขาถึงได้ให้ความสนใจเป็นพิเศษ นี้ถึงขนาดเปิดบ้านรับรองของตัวเองให้หญิงสาวได้อยู่และสั่งให้ตกแต่งห้องนอนของหญิงสาวเป็นพิเศษ นี้ถ้าเรื่องนี้เข้าถึงหูเจ้าหญิงฟารีดาพระคู่หมายเรื่องมันคงจะต้องยุ่งอยากมากไม่หน้าแปลกใจที่เจ้าชายส่งให้หาคนมาอารักขาฟ้าใสอย่างเงียบๆ
“ เชิญ คุณฟ้าใส ไปดูห้องนอนได้เลยครับถ้าไม่พอใจอะไรก็บอก ไซอาได้ ต่อนี้ไปไซอาจะเป็นคนคอยดูแลคุณฟ้าใสตลอดไป” พูดจบเจ้าตัวก็ขอกลับก่อน
“ พี่ดิน นี้มันอะไรกันระพี่ ฟ้ามีคนรับใช้ส่วนตัวได้อย่างไร งงไปหมดแล้ว ตาอาซัสพูด...พูดเสร็จก็ไปเลยแล้วเราจะทำอย่างไร จะให้เงินเดือนอย่างไร ดูซิเจ้าตัวไม่รู้ร้อนรู้หนาวเลยได้แต่ยืนยิ้มอยู่อย่างเดียว” พูดจบก็หันไปพูดกับ ไซอา (เป็นภาษาอาหรับ)
“ สวัสดีจ๊ะไซอา ต่อไปนี้เธอต้องมาทำงานกับฟ้าจริงๆหรือ ฉันฟังผิดไปหรือเปล่า “
“ สวัสดีค่ะ คุณหนู ต่อไปไซอาต้องมาทำหน้าที่รับใช้คุณหนู และดูแลทุกอย่างถ้ามีอะไรไม่พอใจบอกไซอาได้นะค่ะแล้วไซอาจะจัดการให้ ” พูดจบก็ยิ้ม
“ ไม่ต้องหรอกจ๊ะ ฟ้าดูแลตัวเองได้ ส่วนไซอากลับไปทำหน้าที่เดิมที่ไซอาเคยทำมาดีกว่า ฟ้าไม่มีอะไรให้ไซอาทำหรอกจ๊ะ “ พูดจบก็หันไปหาพี่ชายซึ่งได้แต่ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ เสียงร้องไห้ดังขึ้นเบา จึงต้องรีบหันกลับไปที่ต้นเสียง
“ คุณหนูไม่ต้องการไซอาหรือค่ะ แล้วไซอาจะมีหน้าที่ไหนกลับบ้าน พ่อกับแม่ของไซอาต้องดุแน่เลยเพราะท่านดีใจมากเลยที่ไซอาได้งานทำแล้วและไซอาจะไปบอกคุณอาซัสได้อย่างไรว่าคุณหนูไม่ต้องการไซอาต้องตายแน่ๆ ฮื่อ......ฮื่อ...ฮื่อ ไซอาจะกลับบ้านได้อย่างไร “
“ ไม่ต้องร้องไซอา จะทำงานที่นี้ก็ได้ไม่ต้องร้องแล้ว แต่มีข้อแม้อย่างนะไซอาต้องเรียกฉันว่าฟ้าเฉยๆ“ 
สีหน้าของฟ้าใสไม่รู้จะปั้นหน้าอย่างไรมันทั้งอย่างร้องไห้และหัวเราะในเวลาเดียวกัน จนพี่ดินได้แต่หัวเราะและช่วยน้องสาวคนสวยของเขาเดินไปดูห้องพักเมื่อไซอาได้ยินก็รีบพา ทั้ง 2 คนไปที่ห้องทันที ทันทีที่ฟ้าใสเข้าห้องนอนของตัวเองก็ได้แต่ตกใจเพราะเป็นห้องนอนที่สวยและทำให้เธอแปลกใจจะไม่แปลกใจได้อย่างไรก็ในเมื่อในห้องมีแต่เครื่องใช้ที่เป็นสีฟ้าสีโปรดของเธอไม่ว่าจะเป็นวอเปอเปอร์ลายดอกไม้พื้นสีฟ้าหรือที่นอนผ้าคลุมเตียง,ผ้าม่านหรือแม้แต่รองเท้าแตะที่ไว้ใส่เล่นในห้องก็ยังเป็นสีฟ้า โอ๊ยนี้มันอะไรกันนี้
“ คุณฟ้าชอบไหนค่ะ ถ้าไม่ชอบอะไรบอกไซอาได้นะค่ะอยากเปลี่ยนอะไรหรือเปล่า” ไซอาถามด้วยดวงตาที่แจ่มใสผิดกับเมื่อสักครู่
“ ไม่ต้องหรอกจ๊ะฟ้าชอบแต่ทำไมคนแต่งห้องถึงรู้ว่าฟ้าชอบสีฟ้า “ หันไปหาพี่ชายซึ่งตั้งแต่มาถึงไม่เห็นว่าพี่ชายรู้สักอย่าง
“ คุณฟ้าพักผ่อนก็นะค่ะ จะอาบเลยหรือเปล่าเดี๋ยวไซอาจะเตรียบน้ำให้อาบนะค่ะ “ ไซอาถามและรีบเข้าไปในห้องน้ำเลยไม่ได้อยู่รอคำตอบ
“ พี่ดิน มันอะไรกันค่ะ ฟ้างงไปหมดแล้ว “ ถามพี่ชายด้วยความรู้สึกแปลก
“ พี่ก็ไม่รู้ แต่คงไม่มีอะไรมั้ง บังเอิญมากกว่าเพราะไม่มีใครรู้ว่าฟ้าจะมากับพี่ คงจะเป็นเพราะเจ้าห้องคนเก่าเขาชอบสีฟ้ามั้ง ” บอกน้องสาวไปอย่างนั้นแต่ก็ไม่แน่ใจแต่คิดว่าคงไม่มีอะไร พูดจบก็กลับไปที่ห้องพักของตัวเองบ้างพรุ่งนี้เช้าคงจะได้รายละเอียดเพิ่มจากที่ทำงานบ้าง
“ ฟ้า....ฟ้า...อยู่ไหนขอเค้านะเรียกจนคอแทบแตกแล้วมัวแต่ไปเล่นอยู่ไหน ” แผ่นดินเดินหาน้องสาวไปทั่วเจอเจ้าตัวกำลังนั่งเล่นอยู่ตรงสวนและที่ข้างๆก็มีไซอานั่งอยู่ด้วยดูจากหน้าน้องสาวเค้าก็รู้ว่ากำลังเบื่อและรำคาญมากแต่ก็ไม่อยากทำให้ไซอาเสียใจเพราะน้องสาวเค้าเป็นคนแพ้น้ำตาถ้าเห้นใครร้องไห้ก็จะใจอ่อนยอมตามแทบทุกครั้งเห็นแล้วก็หัวเราะขึ้นเบาๆ
“ ยัยฟ้าอยู่นี้เองทำไมพี่เรียกแล้วไม่ไปหา หรือไม่ได้ยิน “
“ ได้ยินและกำลังจะเดินไปหาแต่ไซอาบอกว่าไม่เดินเดี๋ยวจะเดินไปบอกให้เองและก็มัวแต่ทะเลากันเลยยังไม่ได้เดินไปพี่ก็มาพอดี พี่ดินรู้ไหมฟ้าจะบ้าตายอยู่แล้วจะทำอะไรก็ไม่ได้ ไม่ว่าจะทำอะไรไซอาก็แย่งทำไปหมดทุกอย่างนี้ถ้าป้อนข้าวได้คงทำแล้ว ฟ้าจะบ้าแล้วพอไม่ให้ทำก็ร้องไห้บอกว่าฟ้ารังเกียจบ้างไม่ชอบไซอาบ้าง โอ๊ยไม่ไหวแล้วพี่ดิน ช่วยฟ้าด้วย” พูดจบทำหน้าเหมือนจะตาย จนพี่ชายอดหัวเราะไม่ได้
“ โอ๊ย..อย่าเพิ่งตายตอนนี้ พี่มีอะไรให้แปลกใจ เราอยากไปเที่ยวที่ทะเลทรายไม่ใช่หรือพี่มีทริปการท่องเที่ยวทางทะเลทรายสนใจไหม “ พูดจบคนทำหน้าเหมือนจะตายกลับมีหน้าระรื่นขึ้นมาเชี่ยว
“ โอ๊ย พี่ดินจ้า...สุดที่รักของน้องทำไมพี่น่ารักอย่างนี้สมกับที่เป็นพี่ที่น่ารักจริง ไปเมื่อไรค่ะ กี่วัน ไปพักที่โอเอซิสหรือเปล่าได้นั่งอูฐข้ามทะเลทรายหรือไม่ โอ๊ยอยากไปจังเลย “
“ ทริปนี้รู้สึกจะออกไปเที่ยวที่ทะเลทราย 2 วัน แต่รู้สึกว่าไม่ได้ใช้อูฐนะแต่ใช้ม้าแทน และค้างคืนที่โอเอซิสหนึ่งคืน แต่ฟ้าต้องไปคนเดียวนะไปได้หรือเปล่าเพราะพี่ต้องทำงานลางานไม่ได้พึ่งทำได้วันเดียวแล้วพาน้องเที่ยวมีหวังได้ถูกไล่ออกแน่เลยหรือจะรอให้ตรงกับเสาร์อาทิตย์ก่อนแล้วค่อยไปหรือจะให้ไซอาไปเป็นเพื่อน ”
“ ไม่ต้องหรอกพี่ดินให้ฟ้าไปนะค่ะ ฟ้าไปคนเดียวได้ไม่ต้องเอาไซอาไปหรอกมีหวังคงเที่ยวสนุกหรอก วันตั้งวันคงต้องบอกว่าคุณฟ้าไม่ต้องทำนะค่ะเดี๋ยวไซอาทำให้หรือไม่ก็บอกว่าคุณฟ้าอย่าไปไหนนะค่ะรอ ไซอาก่อน และคุณฟ้าค่ะคุณฟ้าขาอยู่นั้นและพอดีไม่ต้องทำอะไรเลย ฟ้าก็เที่ยวคนเดียวบ่อยไปให้ฟ้าไปนะค่ะ....นะค่ะ” ออนพี่ชายสุดฤทธิ์ โอ๊ย..จะได้เที่ยวยังที่อยากไปเสียที ทะเลทราย,โอเอซิลจ้า รอฟ้าใสก่อนนะจ๊ะ แล้วฟ้าใสจะไปหา
“ แต่มันลำบากเมื่อกันนะ แต่เอาเถิดถ้าจะไปพี่ดินคนนี้ก็จะให้ไปเพราะคุณอาซัสเขามีบัตรแล้วแต่เขาไม่ได้ไปรู้สึกว่ามีการด่วนอะไรทำนองนั้นพอดีเขาเห็นเราว่างอยู่ก็เลยให้มาถามว่าสนใจไหนและที่สำคัญเขาบอกว่าปลอดภัยไม่ต้องเป็นห่วง ถ้าเราจะไปก็ติดต่อให้ “ พูดจบก็เดินไปโทรศัพท์หาอาซัส
อาซัสรับสายที่แผ่นดินโทรมาบอกก็เข้าไปรายงานเจ้าชายการิมว่าแผนสำเร็จแล้ว
“ ในที่สุดเราก็จะได้เจอกันแล้วนะ ฟ้าใส อัสซันเตรียมของให้เรียบร้อยเราจะไปเที่ยวทะเลทรายกัน เราปล่อยให้อาซัสอยู่ดูแลทางนี้ “
เช้าวันรุ่งขึ้นฟ้าใสเตรียมออกจากบ้านเพื่อไปเที่ยวทะเลทรายกับทริปที่ทางโรงแรมจัดไว้ใหม่ซึ่งกว่าจะออกจากบ้านได้ไซอาแทบจะทำให้ฟ้าใสเกือบจะบ้าตายสั่งนู้นสั่งนี้จนเวียนหัวไปหมด พี่ดินได้แต่หัวเราะ ทั้ง 2 คน แต่ไม่มีอะไรมาขวางฟ้าใสได้หรอก ( ก็อย่างเที่ยวจะตาย )
สถานที่จุดนัดพบของคณะทัวร์เป็นที่หน้าโรงแรมโรส ซึ่งในคณะมีทั้ง 10 คนเป็นนักท่องเที่ยวกับไกด์ 2 คน แต่ไกด์บอกว่าจะมีพวกที่ดูแลม้าที่จะใช้อีกประมาณ 5 คน แต่นัดกันที่สถานีข้างเพราะตอนนี้เราจะต้องขึ้นรถประมาณ 1 ชม. เพื่อจะไปถึงชานเมืองแล้วจะไปยังจุดที่รับม้า ไกด์บอกว่าพวกที่ดูแลม้าเป็นพวกเผ่าเบดูอิน
คนพวกนี้ไว้ใจได้และได้รับการอบรมที่ดีไว้สำหรับนักท่องเที่ยวไม่ต้องกลัว เมื่อทุกคนพร้อมที่จะเดินทางแล้วก็ขึ้นรถบัสขนาดเล็กและก็ทำการแนะนำตัวในกลุ่มนักท่องเที่ยวแบ่ง คู่สามีภรรยา 2 คู่ มาจากญี่ปุ่นและฝรั่งเศสและกลุ่มเด็กจากอาเมริกา 5 คน ซึ่งนัยว่าเป็นรักศึกษามาพักผ่อนกันและรวมฟ้าใสก็เป็น 10 คนพอดี ไกด์ถ้าแต่ละคนว่าใครขี่ม้าไม่เป็นหรือไม่คล่องบ้างกลุ่มคนที่ไม่เป็นก็ยกมือขึ้นรวมทั้ง ฟ้าใสด้วย มีอยู่ 4 คน แต่ทางไกด์บอกไม่เป็นไรเพราะชาวเบดูอินที่ดูแลม้าจะเป็นพี่เลี้ยงให้และม้าที่นำมาใช้เป็นม้าที่เชื่อง
เมื่อถึงสถานีแรกที่เปลี่ยนจากรถมาเป็นม้า ไกด์ก็พาแต่ละคนไปที่ม้าของตัวเอง ฟ้าใสได้ม้าที่สวยเป็นสีน้ำตาลไหม้ ผิวมัน กล้ามเนื้อต้นขาเป็นมัดๆ ดูน่าเกรงขาม ฟ้าใสเดินเข้าไปดูๆ ใกล้ ก็รู้สึกกลัว แต่มีความรู้สึกว่ามีใกล้มาอยู่ข้างหลังและก็มีมือหนึ่งมาโอบเอว หญิงสาวสะดุ้งสุดตัวและร้องเสียงดัง
“กริ้ด.....ปล่อยฉันไอ้บ้าปล่อยนะ “ เสียงหญิงสาวทั้งตะโกนและแตะ ถีบคนที่มาโอบเอวอยู่จนได้ยินเสียงหนึ่งซึ่งเป็นเสียงที่ ทุ้ม นุ่มลึกแต่แฝกไปด้วยอำนาจ
“ หยุด......ขึ้นม้า ” ร่างหญิงสาวหยุดกึก แล้วหันมามองชายหนุ่มที่โอบเอวฟ้าใสอยู่ แต่สิ่งที่เห็นไม่สามารถทำให้หญิงสาวเห็นได้เลยนอกจากดวงตาเพราะ ชายหนุ่มใส่เสื้อผ้าสีดำคลุมหน้า
“ ผมจะพาคุณขึ้นม้าไม่ต้องโวยวาย “ หญิงสาวมองที่ดวงตาของชายหนุ่มเมื้อกี้เป็นแววหัวเราะที่อยู่ในตาหรือเปล่าฟ้าใสไม่แน่ใจเพราะขณะนี้มันกับ สนิทนิ่ง ไม่มีแววตาอะไรเลยดูออกจะแข็งกร้าวไปด้วยซ้ำ
“ แล้วทำไมไม่ยอมบอกดีๆ อยู่ดีก็มาโอบเอว ตกใจหมดคนอะไรไม่ตบหน้าให้ก็ดีแล้ว “ เสียงแหวออกไปเพราะรู้สึกอายและขายหน้าเพราะทุกคนหันมามองอยู่
“นายเป็นคนดูแลม้าให้ฉันใช่ไหม ชื่ออะไรและเราต้องไปกันอีกไกลไหม และโอเอซิสที่จะไปกันนะไกลไหม แล้วจะพาไปดูอะไรเปล่าวันนี้ ” หญิงสาวถามออกไป
“ การิม ” ชายหนุ่มตอบและพาหญิงสาวนั่งม้าส่วนตัวเองก็หันกับไปที่ม้าของตัวเองแล้วขยับม้า มาใกล้หญิงสาวและขี่เคียงกันคอยเป็นพี่เลี้ยงให้
“ คนบ้า ถามไปตั้งเยอะตอบได้คำเดียวหญิงสาวหน้างอ จำไว้จะไม่พูดด้วยเลย “ หญิงสาวบ่นออกมาดังๆ ทำให้คนที่ขี่ม้าใกล้ได้ยิน แต่ไม่เห็นเขาจะว่าอะไรนอกจากดวงตาที่ระยิยระยับ แวววาวอยู่ แล้วก็กระตุกม้าเดินออกไปจัดกระบวนที่รออยู่ต้องหน้า ฟ้าใสถูกจัดให้อยู่หลังสุดของกระบวน
“ เจ้าชาย.......เจ้าชาย......การิม ท่านมองอะไรอยู่เรียกตั้งนาน แล้วยังไม่ได้ยินอีก” อัสซันถามอีกฝ่ายซึ่งเป็นเจ้านายและมองตามแต่ก็ไม่เห็นอะไรเพราะหญิงสาวได้เดินผ่านไปแล้ว
“ ไม่มีอะไร เจ้าถามทำไม “ ทั้งที่พูดแต่สายตาก็ยังกวาดมองหาหญิงสาวอีกครั้ง
“ หม่อนฉัน ถามว่าจะไปกันได้หรือยัง เราจะต้องกลับไปที่วังของท่านพ่อของเจ้าชายไม่ใช่หรือ “ อัสซันเป็นฝ่ายบอกจุดประสงค์
“ ไปก็ได้ “ เจ้าชายบอกพร้อมกับลุกขึ้นเดิน แต่ก็มองหาหญิงสาวจนเจอ แต่ครั้งนี้ฝ่ายหญิงสาวหันมามองพอดี เหมือนเวลาหยุดลงและไม่สามารถมองเห็นอะไรนอกจากหญิงสาวคนนั้น
จนไม่สามารถที่ก้าวเดินต่อไปมันเหมือนมีอะไรที่ดึงดูดใจในดวงตาคู่นั้นมีทั้งแววตาที่แสนเศร้า อ่อนหวาน และแจ่มใสในคราวเดียวกันมันเหมือนสิ่งที่เขารอมานาน แต่ต้องตัดใจเดินจากมาเพราะมีหน้าที่สำคัญที่ต้องทำต่อ แต่บอกตัวเองว่าไม่นานหรอกเราจะต้องได้พบกันอีก    ศรีษะที่ตั้งตรงไม่เคยต้องโค้งให้ใครมาก่อน ได้ก้มลงน้อยจนแทบไม่เห็นถ้าไม่สังเกตให้ดีๆ ปากที่ไม่เคยยิ้มก็ปรากฎรอยยิ้มน้อยๆให้และแววตาที่แสดงความเป็นเจ้าของอย่างเด่นชัด แต่เขารู้ว่าหญิงสาวตรงหน้าเห็น แล้วเดินจากมา
ฟ้าใสที่กำลังนั่งโต๊ะและรอให้พี่ชายสั่งอาหารให้ หันมองดูรอบตัวอย่างตื่นเต้น หันไปเห็นชายคนหนึ่งซึ่งรูปร่างหน้าตาหล่อเหลา (มาก...มากค่ะ) กำลังมองมาที่ตน ตอนแรกก็ไม่สนใจว่าจะถอนสายตาออกมาแต่พอได้สบตาคู่นั้นมันเหมือนมีอะไรที่ทำให้ไม่สามารถถอนสายตาออกจากคู่นั้นได้เลย
มีทั้งสายตาที่แสดงความเป็นเจ้าของ ดูห่วงใยและที่สำคัญมันดูอบอุ่นอยู่เสมอและเมื่อเขาคนนั้นก้มหัวลงให้เล็กน้อยหญิงสาวได้แต่นั่งตัวแข็งไม่สามารถทำอะไรได้เลย จนเขาเดินผ่านไปแล้วก็ยังไม่สามารถบอกได้ว่ามันคืออะไร มีทั้งความกลัว และความกล้า และรู้สึกตัวเองว่าได้ถูกอ่านออกจนหมดว่าตัวเองคิดอะไรอยู่ ทั้งๆที่ตัวเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าคิดอะไร มีความรู้สึกสับสนจนไม่สามารถบอกได้ว่ามันเป็นอะไร จนมารู้สึกตัวตอนที่พี่เรียกชื่อดังขึ้นมา
“ ฟ้าใส.....ฟ้าใส...ยัยฟ้า เรียกตั้งนานแล้วเป็นอะไร ไม่สบายหรือ หน้าซีดๆ ปวดหัวหรือเปล่าเพราะพี่พาเราไปนู้นไปนี้ไม่ได้หยุดเลย “ ถามน้องด้วยความสงสัยเพราะก่อนที่จะนั่งยังพูดไม่หยุดอยู่ๆ ก็หยุดพูดเฉยเลย
“ ไม่ได้เป็นอะไรหรอกพี่ดิน มัวแต่ดูอะไรเพลินนะ ที่นี้สวยนะค่ะ ” ฟ้าใสพยายามจะเปลี่ยนเรื่องเพราะไม่ต้องให้พี่ชายรู้ เดี๋ยวถามอะไรวุ่นวายอีกเพราะไม่รู้จะตอบอย่างไรความรู้สึกที่ยังบอกไม่ได้เหมือนกันว่ามันคืออะไร
“ สั่งแล้ว เดี๋ยวกินเสร็จก็ไปพักผ่อนก่อนก็ได้ เหนื่อยมาหลายวันแล้ว แน่ใจนะว่าไม่ได้เป็นอะไร อยู่คนเดียวได้ใช่ไหม เพราะพี่โทรไปหาเพื่อนที่ทำงานเมื่อครู่แล้วเขาบอกว่าจะมาหาพี่เพื่อพูดคุยกันเรื่องทำงาน อีก 2 วันก็ต้องไปรายงานตัวแล้ว “ พูดจบก็มองหน้าน้องสาว
“ ได้ค่ะพี่ดิน พี่ดินไม่ต้องเป็นห่วงพอกินเสร็จ น้องสาวแสนน่ารักก็จะขึ้นไปอาบน้ำนอนเลยแล้วกัน” พูดกับพี่ชายและทำหน้าทะเล้น จนพี่ชายอดหัวเราะออกมาไม่ได้
เมื่อกินข้าวกันเสร็จแล้วสองพี่น้องก็แยกย้ายกันไป ฟ้าใสเดินขึ้นไปที่ห้องพัก และลงนอนแต่สายตาเหม่อมองเพนดานแต่แทนที่ภาพจะเห็นเป็นหลอดไฟสวยๆกับเห็นเป็นหน้าตาของชายหนุ่มที่พึ่งพบกันครั้งแรกแต่ทำไมสายตานั้นเหมือนกันตามมาหลอกหลอนกันได้ถึงเพียงนี้ ถึงแม้จะหลับตาก็ไม่สามารถลบภาพออกไปได้เลยส่วนทางด้านชายหนุ่มที่หญิงสาวกำลังพยายามลืมก็มีสภาพไม่ได้ต่างกันเลย
“ เป็นอย่างไรบ้างอาซัสเรื่องที่ให้ไปสืบถึงไหน “ เสียงนุ่มแต่สายตาที่มองมาที่อาซัสมีบางอย่างที่บอกได้ว่าถ้าไม่ได้เรื่องหรือไม่รู้เรื่องอาจจะถึงตายได้ อารมณ์จะกวนเจ้าชายการิมทำให้ไม่กล้าแหย่
“ ได้เรื่องมาแล้วครับเจ้าชาย อยู่ในแฟ้มที่ผมถือมาให้ “ พูดจบก็นำแฟ้มออกมาวางตรงหน้าเจ้าชาย ทำให้ชายหนุ่มตรงหน้ามีรอยยิ้มน้อยๆปรากฎขึ้นเพียงเวลาสั้น แล้วเขาก็ไม่สามารถเห็นหน้าตาชายหนุ่มอีกเลยจนกระทั่งเจ้าชายการิมเงยหน้าจากแฟ้ม
“ ดีมาก ฟ้าใส รัษาภรณ์ เป็นชื่อที่สมกับตัวเลย ฟ้าใส ดีละ “ พูดจบหันไปหา อาซัส
“ อาซัสเจ้าเตรียมไปจัดที่พักใหม่ให้กับนายแผ่นดินไม่ต้องให้ไปอยู่บ้านพักพนักงานแล้ว ให้ไปอยู่บ้านของเราที่ใกล้กับโครงการชลประทานเลยแล้วกัน และเปลี่ยนห้องพักให้ดูให้เรียบร้อย และสั่งให้ ไซอา ไปรับใช้ฟ้าใสเป็นการส่วนตัวและหาคนครัวและคนทำความสะอาดบ้านและหาเจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัยให้เรียบร้อย รีบไปทำให้เสร็จภายในวันนี้ และให้คนติดต่อแผ่นดินให้เริ่มงานได้ในวันพรุ่งนี้ และก็พาทั้ง 2 วันเข้าพักที่พักได้เลย “
พูดจบก็หันไปสนใจเอกสารในมืออีกครั้งโดยไม่สนใจสายตาที่อยากรู้อยากเห็นของอีกฝ่าย เมื่ออาซัสออกไปแล้ว เจ้าชาย การิมก็เงยหน้าออกไปที่หน้าต่างมองไปที่สวนสวยที่อยู่ติดห้องทำงาน สายตาที่อ่อนโยนลงและริมปากที่ยิ้มละไมนุ่มนวลชวนให้หลงใหล ซึ่งจะมีกี่คนที่จะได้เห็น ส่วนใหญ่แล้วแววตาอย่างนี้มีเพียงเสด็จแม่ของเจ้าชายเท่านั้นที่จะได้รับ
“ เสด็จแม่ลูกเข้าใจแล้วว่าสิ่งที่เสด็จแม่เคยพูดไว้เมื่อลูกยังเด็กว่าสักวันลูกจะพบอีกครึ่งหนึ่งของชีวิต แล้วลูกถามว่าลูกจะรู้ได้อย่างไร แล้วเสด็จแม่ตอบว่าเราจะรู้ได้ตัวเองแม่ไม่สามารถบอกได้ถึงความรู้สึก รู้เพียงแต่ว่ามันใช่เหมือนที่แม่ได้เจอกับเสด็จพ่อของลูก “ เขาคิดในใจแล้วหลับตาลงก็ยังเห็นแต่เพียงภาพของเธอ ฟ้าใส แล้วเราก็จะเจอกันไม่ว่าเธอจะชอบหรือไม่ เธอจะต้องมาอยู่ตรงนี้ตรงที่ควรจะอยู่คือในหัวใจของเขาและเธอจะต้องมีแต่เขาอยู่ในหัวใจเหมือนกัน เขาจะไม่ยอมเป็นฝ่ายให้เพียงคนเดียวแต่เธอฟ้าใสจะต้องให้เท่ากับเขาหรือมากกว่าเท่านั้นเขาจะไม่ยอมได้รับน้อยกว่าแน่นอน......ฟ้าใส.......เราต้องเจอกันอย่างแน่นอน
พี่ดิน ดูซิทำไมบ้านพักของพี่มันถึงสวยขนาดนี้ผิดบ้านหรือเปล่า “ ฟ้าใสมองดูด้วยความทึ่งจัดไม่หน้าเชื่อว่าตำแหน่งที่ได้รับมอบหมายงานของพี่ชายจะมีความสำคัญขนาดนี้
“ เป็นไง ฟ้าตะลึงในความสำคัญของพี่ขนาดนั้นเชี่ยวหรือ” พูดเสร็จก็ทำท่าอวดเบ็งให้น้องสาวดูไม่ได้ หญิงสาวได้แต่หัวเราะ แต่ในใจของแผ่นดินคิดว่ามันไม่ธรรมดาแน่เพราะตอนนั้นทางบริษัทส่งข้อมูลไปให้ดูนั้นเขาได้ดเห็นบ้านพักแล้วก็เป็นแบบบ้านธรรมดามันไม่ได้สวยงามอย่างที่เห็นแต่จะบอกน้องสาวอย่างนั้นก็เสียฟอร์มแย่
สองพี่น้องเดินดูบ้านที่นายอาซัสพาเดินดูอย่างตื่นตาตื่นใจ ส่วนอาซัสคอยแอบมองหญิงสาวที่ทำให้เจ้าชายการิมของเขาแปลกไปแต่เมื่อพิจารณาแล้วก็ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเจ้าชายของเขาถึงได้ให้ความสนใจเป็นพิเศษ นี้ถึงขนาดเปิดบ้านรับรองของตัวเองให้หญิงสาวได้อยู่และสั่งให้ตกแต่งห้องนอนของหญิงสาวเป็นพิเศษ นี้ถ้าเรื่องนี้เข้าถึงหูเจ้าหญิงฟารีดาพระคู่หมายเรื่องมันคงจะต้องยุ่งอยากมากไม่หน้าแปลกใจที่เจ้าชายส่งให้หาคนมาอารักขาฟ้าใสอย่างเงียบๆ
“ เชิญ คุณฟ้าใส ไปดูห้องนอนได้เลยครับถ้าไม่พอใจอะไรก็บอก ไซอาได้ ต่อนี้ไปไซอาจะเป็นคนคอยดูแลคุณฟ้าใสตลอดไป” พูดจบเจ้าตัวก็ขอกลับก่อน
“ พี่ดิน นี้มันอะไรกันระพี่ ฟ้ามีคนรับใช้ส่วนตัวได้อย่างไร งงไปหมดแล้ว ตาอาซัสพูด...พูดเสร็จก็ไปเลยแล้วเราจะทำอย่างไร จะให้เงินเดือนอย่างไร ดูซิเจ้าตัวไม่รู้ร้อนรู้หนาวเลยได้แต่ยืนยิ้มอยู่อย่างเดียว” พูดจบก็หันไปพูดกับ ไซอา (เป็นภาษาอาหรับ)
“ สวัสดีจ๊ะไซอา ต่อไปนี้เธอต้องมาทำงานกับฟ้าจริงๆหรือ ฉันฟังผิดไปหรือเปล่า “
“ สวัสดีค่ะ คุณหนู ต่อไปไซอาต้องมาทำหน้าที่รับใช้คุณหนู และดูแลทุกอย่างถ้ามีอะไรไม่พอใจบอกไซอาได้นะค่ะแล้วไซอาจะจัดการให้ ” พูดจบก็ยิ้ม
“ ไม่ต้องหรอกจ๊ะ ฟ้าดูแลตัวเองได้ ส่วนไซอากลับไปทำหน้าที่เดิมที่ไซอาเคยทำมาดีกว่า ฟ้าไม่มีอะไรให้ไซอาทำหรอกจ๊ะ “ พูดจบก็หันไปหาพี่ชายซึ่งได้แต่ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ เสียงร้องไห้ดังขึ้นเบา จึงต้องรีบหันกลับไปที่ต้นเสียง
“ คุณหนูไม่ต้องการไซอาหรือค่ะ แล้วไซอาจะมีหน้าที่ไหนกลับบ้าน พ่อกับแม่ของไซอาต้องดุแน่เลยเพราะท่านดีใจมากเลยที่ไซอาได้งานทำแล้วและไซอาจะไปบอกคุณอาซัสได้อย่างไรว่าคุณหนูไม่ต้องการไซอาต้องตายแน่ๆ ฮื่อ......ฮื่อ...ฮื่อ ไซอาจะกลับบ้านได้อย่างไร “
“ ไม่ต้องร้องไซอา จะทำงานที่นี้ก็ได้ไม่ต้องร้องแล้ว แต่มีข้อแม้อย่างนะไซอาต้องเรียกฉันว่าฟ้าเฉยๆ“ 
สีหน้าของฟ้าใสไม่รู้จะปั้นหน้าอย่างไรมันทั้งอย่างร้องไห้และหัวเราะในเวลาเดียวกัน จนพี่ดินได้แต่หัวเราะและช่วยน้องสาวคนสวยของเขาเดินไปดูห้องพักเมื่อไซอาได้ยินก็รีบพา ทั้ง 2 คนไปที่ห้องทันที ทันทีที่ฟ้าใสเข้าห้องนอนของตัวเองก็ได้แต่ตกใจเพราะเป็นห้องนอนที่สวยและทำให้เธอแปลกใจจะไม่แปลกใจได้อย่างไรก็ในเมื่อในห้องมีแต่เครื่องใช้ที่เป็นสีฟ้าสีโปรดของเธอไม่ว่าจะเป็นวอเปอเปอร์ลายดอกไม้พื้นสีฟ้าหรือที่นอนผ้าคลุมเตียง,ผ้าม่านหรือแม้แต่รองเท้าแตะที่ไว้ใส่เล่นในห้องก็ยังเป็นสีฟ้า โอ๊ยนี้มันอะไรกันนี้
“ คุณฟ้าชอบไหนค่ะ ถ้าไม่ชอบอะไรบอกไซอาได้นะค่ะอยากเปลี่ยนอะไรหรือเปล่า” ไซอาถามด้วยดวงตาที่แจ่มใสผิดกับเมื่อสักครู่
“ ไม่ต้องหรอกจ๊ะฟ้าชอบแต่ทำไมคนแต่งห้องถึงรู้ว่าฟ้าชอบสีฟ้า “ หันไปหาพี่ชายซึ่งตั้งแต่มาถึงไม่เห็นว่าพี่ชายรู้สักอย่าง
“ คุณฟ้าพักผ่อนก็นะค่ะ จะอาบเลยหรือเปล่าเดี๋ยวไซอาจะเตรียบน้ำให้อาบนะค่ะ “ ไซอาถามและรีบเข้าไปในห้องน้ำเลยไม่ได้อยู่รอคำตอบ
“ พี่ดิน มันอะไรกันค่ะ ฟ้างงไปหมดแล้ว “ ถามพี่ชายด้วยความรู้สึกแปลก
“ พี่ก็ไม่รู้ แต่คงไม่มีอะไรมั้ง บังเอิญมากกว่าเพราะไม่มีใครรู้ว่าฟ้าจะมากับพี่ คงจะเป็นเพราะเจ้าห้องคนเก่าเขาชอบสีฟ้ามั้ง ” บอกน้องสาวไปอย่างนั้นแต่ก็ไม่แน่ใจแต่คิดว่าคงไม่มีอะไร พูดจบก็กลับไปที่ห้องพักของตัวเองบ้างพรุ่งนี้เช้าคงจะได้รายละเอียดเพิ่มจากที่ทำงานบ้าง
“ ฟ้า....ฟ้า...อยู่ไหนขอเค้านะเรียกจนคอแทบแตกแล้วมัวแต่ไปเล่นอยู่ไหน ” แผ่นดินเดินหาน้องสาวไปทั่วเจอเจ้าตัวกำลังนั่งเล่นอยู่ตรงสวนและที่ข้างๆก็มีไซอานั่งอยู่ด้วยดูจากหน้าน้องสาวเค้าก็รู้ว่ากำลังเบื่อและรำคาญมากแต่ก็ไม่อยากทำให้ไซอาเสียใจเพราะน้องสาวเค้าเป็นคนแพ้น้ำตาถ้าเห้นใครร้องไห้ก็จะใจอ่อนยอมตามแทบทุกครั้งเห็นแล้วก็หัวเราะขึ้นเบาๆ
“ ยัยฟ้าอยู่นี้เองทำไมพี่เรียกแล้วไม่ไปหา หรือไม่ได้ยิน “
“ ได้ยินและกำลังจะเดินไปหาแต่ไซอาบอกว่าไม่เดินเดี๋ยวจะเดินไปบอกให้เองและก็มัวแต่ทะเลากันเลยยังไม่ได้เดินไปพี่ก็มาพอดี พี่ดินรู้ไหมฟ้าจะบ้าตายอยู่แล้วจะทำอะไรก็ไม่ได้ ไม่ว่าจะทำอะไรไซอาก็แย่งทำไปหมดทุกอย่างนี้ถ้าป้อนข้าวได้คงทำแล้ว ฟ้าจะบ้าแล้วพอไม่ให้ทำก็ร้องไห้บอกว่าฟ้ารังเกียจบ้างไม่ชอบไซอาบ้าง โอ๊ยไม่ไหวแล้วพี่ดิน ช่วยฟ้าด้วย” พูดจบทำหน้าเหมือนจะตาย จนพี่ชายอดหัวเราะไม่ได้
“ โอ๊ย..อย่าเพิ่งตายตอนนี้ พี่มีอะไรให้แปลกใจ เราอยากไปเที่ยวที่ทะเลทรายไม่ใช่หรือพี่มีทริปการท่องเที่ยวทางทะเลทรายสนใจไหม “ พูดจบคนทำหน้าเหมือนจะตายกลับมีหน้าระรื่นขึ้นมาเชี่ยว
“ โอ๊ย พี่ดินจ้า...สุดที่รักของน้องทำไมพี่น่ารักอย่างนี้สมกับที่เป็นพี่ที่น่ารักจริง ไปเมื่อไรค่ะ กี่วัน ไปพักที่โอเอซิสหรือเปล่าได้นั่งอูฐข้ามทะเลทรายหรือไม่ โอ๊ยอยากไปจังเลย “
“ ทริปนี้รู้สึกจะออกไปเที่ยวที่ทะเลทราย 2 วัน แต่รู้สึกว่าไม่ได้ใช้อูฐนะแต่ใช้ม้าแทน และค้างคืนที่โอเอซิสหนึ่งคืน แต่ฟ้าต้องไปคนเดียวนะไปได้หรือเปล่าเพราะพี่ต้องทำงานลางานไม่ได้พึ่งทำได้วันเดียวแล้วพาน้องเที่ยวมีหวังได้ถูกไล่ออกแน่เลยหรือจะรอให้ตรงกับเสาร์อาทิตย์ก่อนแล้วค่อยไปหรือจะให้ไซอาไปเป็นเพื่อน ”
“ ไม่ต้องหรอกพี่ดินให้ฟ้าไปนะค่ะ ฟ้าไปคนเดียวได้ไม่ต้องเอาไซอาไปหรอกมีหวังคงเที่ยวสนุกหรอก วันตั้งวันคงต้องบอกว่าคุณฟ้าไม่ต้องทำนะค่ะเดี๋ยวไซอาทำให้หรือไม่ก็บอกว่าคุณฟ้าอย่าไปไหนนะค่ะรอ ไซอาก่อน และคุณฟ้าค่ะคุณฟ้าขาอยู่นั้นและพอดีไม่ต้องทำอะไรเลย ฟ้าก็เที่ยวคนเดียวบ่อยไปให้ฟ้าไปนะค่ะ....นะค่ะ” ออนพี่ชายสุดฤทธิ์ โอ๊ย..จะได้เที่ยวยังที่อยากไปเสียที ทะเลทราย,โอเอซิลจ้า รอฟ้าใสก่อนนะจ๊ะ แล้วฟ้าใสจะไปหา
“ แต่มันลำบากเมื่อกันนะ แต่เอาเถิดถ้าจะไปพี่ดินคนนี้ก็จะให้ไปเพราะคุณอาซัสเขามีบัตรแล้วแต่เขาไม่ได้ไปรู้สึกว่ามีการด่วนอะไรทำนองนั้นพอดีเขาเห็นเราว่างอยู่ก็เลยให้มาถามว่าสนใจไหนและที่สำคัญเขาบอกว่าปลอดภัยไม่ต้องเป็นห่วง ถ้าเราจะไปก็ติดต่อให้ “ พูดจบก็เดินไปโทรศัพท์หาอาซัส
อาซัสรับสายที่แผ่นดินโทรมาบอกก็เข้าไปรายงานเจ้าชายการิมว่าแผนสำเร็จแล้ว
“ ในที่สุดเราก็จะได้เจอกันแล้วนะ ฟ้าใส อัสซันเตรียมของให้เรียบร้อยเราจะไปเที่ยวทะเลทรายกัน เราปล่อยให้อาซัสอยู่ดูแลทางนี้ “
เช้าวันรุ่งขึ้นฟ้าใสเตรียมออกจากบ้านเพื่อไปเที่ยวทะเลทรายกับทริปที่ทางโรงแรมจัดไว้ใหม่ซึ่งกว่าจะออกจากบ้านได้ไซอาแทบจะทำให้ฟ้าใสเกือบจะบ้าตายสั่งนู้นสั่งนี้จนเวียนหัวไปหมด พี่ดินได้แต่หัวเราะ ทั้ง 2 คน แต่ไม่มีอะไรมาขวางฟ้าใสได้หรอก ( ก็อย่างเที่ยวจะตาย )
สถานที่จุดนัดพบของคณะทัวร์เป็นที่หน้าโรงแรมโรส ซึ่งในคณะมีทั้ง 10 คนเป็นนักท่องเที่ยวกับไกด์ 2 คน แต่ไกด์บอกว่าจะมีพวกที่ดูแลม้าที่จะใช้อีกประมาณ 5 คน แต่นัดกันที่สถานีข้างเพราะตอนนี้เราจะต้องขึ้นรถประมาณ 1 ชม. เพื่อจะไปถึงชานเมืองแล้วจะไปยังจุดที่รับม้า ไกด์บอกว่าพวกที่ดูแลม้าเป็นพวกเผ่าเบดูอิน
คนพวกนี้ไว้ใจได้และได้รับการอบรมที่ดีไว้สำหรับนักท่องเที่ยวไม่ต้องกลัว เมื่อทุกคนพร้อมที่จะเดินทางแล้วก็ขึ้นรถบัสขนาดเล็กและก็ทำการแนะนำตัวในกลุ่มนักท่องเที่ยวแบ่ง คู่สามีภรรยา 2 คู่ มาจากญี่ปุ่นและฝรั่งเศสและกลุ่มเด็กจากอาเมริกา 5 คน ซึ่งนัยว่าเป็นรักศึกษามาพักผ่อนกันและรวมฟ้าใสก็เป็น 10 คนพอดี ไกด์ถ้าแต่ละคนว่าใครขี่ม้าไม่เป็นหรือไม่คล่องบ้างกลุ่มคนที่ไม่เป็นก็ยกมือขึ้นรวมทั้ง ฟ้าใสด้วย มีอยู่ 4 คน แต่ทางไกด์บอกไม่เป็นไรเพราะชาวเบดูอินที่ดูแลม้าจะเป็นพี่เลี้ยงให้และม้าที่นำมาใช้เป็นม้าที่เชื่อง
เมื่อถึงสถานีแรกที่เปลี่ยนจากรถมาเป็นม้า ไกด์ก็พาแต่ละคนไปที่ม้าของตัวเอง ฟ้าใสได้ม้าที่สวยเป็นสีน้ำตาลไหม้ ผิวมัน กล้ามเนื้อต้นขาเป็นมัดๆ ดูน่าเกรงขาม ฟ้าใสเดินเข้าไปดูๆ ใกล้ ก็รู้สึกกลัว แต่มีความรู้สึกว่ามีใกล้มาอยู่ข้างหลังและก็มีมือหนึ่งมาโอบเอว หญิงสาวสะดุ้งสุดตัวและร้องเสียงดัง
“กริ้ด.....ปล่อยฉันไอ้บ้าปล่อยนะ “ เสียงหญิงสาวทั้งตะโกนและแตะ ถีบคนที่มาโอบเอวอยู่จนได้ยินเสียงหนึ่งซึ่งเป็นเสียงที่ ทุ้ม นุ่มลึกแต่แฝกไปด้วยอำนาจ
“ หยุด......ขึ้นม้า ” ร่างหญิงสาวหยุดกึก แล้วหันมามองชายหนุ่มที่โอบเอวฟ้าใสอยู่ แต่สิ่งที่เห็นไม่สามารถทำให้หญิงสาวเห็นได้เลยนอกจากดวงตาเพราะ ชายหนุ่มใส่เสื้อผ้าสีดำคลุมหน้า
“ ผมจะพาคุณขึ้นม้าไม่ต้องโวยวาย “ หญิงสาวมองที่ดวงตาของชายหนุ่มเมื้อกี้เป็นแววหัวเราะที่อยู่ในตาหรือเปล่าฟ้าใสไม่แน่ใจเพราะขณะนี้มันกับ สนิทนิ่ง ไม่มีแววตาอะไรเลยดูออกจะแข็งกร้าวไปด้วยซ้ำ
“ แล้วทำไมไม่ยอมบอกดีๆ อยู่ดีก็มาโอบเอว ตกใจหมดคนอะไรไม่ตบหน้าให้ก็ดีแล้ว “ เสียงแหวออกไปเพราะรู้สึกอายและขายหน้าเพราะทุกคนหันมามองอยู่
“นายเป็นคนดูแลม้าให้ฉันใช่ไหม ชื่ออะไรและเราต้องไปกันอีกไกลไหม และโอเอซิสที่จะไปกันนะไกลไหม แล้วจะพาไปดูอะไรเปล่าวันนี้ ” หญิงสาวถามออกไป
“ การิม ” ชายหนุ่มตอบและพาหญิงสาวนั่งม้าส่วนตัวเองก็หันกับไปที่ม้าของตัวเองแล้วขยับม้า มาใกล้หญิงสาวและขี่เคียงกันคอยเป็นพี่เลี้ยงให้
“ คนบ้า ถามไปตั้งเยอะตอบได้คำเดียวหญิงสาวหน้างอ จำไว้จะไม่พูดด้วยเลย “ หญิงสาวบ่นออกมาดังๆ ทำให้คนที่ขี่ม้าใกล้ได้ยิน แต่ไม่เห็นเขาจะว่าอะไรนอกจากดวงตาที่ระยิยระยับ แวววาวอยู่ แล้วก็กระตุกม้าเดินออกไปจัดกระบวนที่รออยู่ต้องหน้า ฟ้าใสถูกจัดให้อยู่หลังสุดของกระบวน
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น