ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ให้ใจบอกรัก

    ลำดับตอนที่ #1 : บทที่ 1

    • อัปเดตล่าสุด 29 มี.ค. 49


    Trip and Love ตามรอยแห่งรัก

     

    เพราะความรักไม่จำเป็นต้องสื่อด้วยคำพูดเสมอไป

     ผมจึงปล่อยให้หัวใจบอกรัก ได้ยินหรือเปล่าว่ามันกำลังกระซิบว่า ผมรักคุณ

     

    กรี๊ง....กรี๊ง.....กริ๊ง.....เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นจนทำให้ตกใจ จึงหยิบขึ้นมาดูแล้วก็อดยิ้มไม่ได้เมื่อรู้ว่าใครโทรมา ว่าไรจ้ะคุณดาว นีรชาพูดเสียงเบา

    ก็ไม่มีอะไรหรอก ว่าแต่ทำอะไรอยู่ แล้วนี่อยู่ที่ไหน โทรไปหาที่คอนโดก็ไม่มีคนรับเอื้อมดาวถามอย่างสงสัย

    โห...ดาว...ใจเย็นๆก็ได้พูดเป็นรถไฟด่วนเลยนะ นีรชาพูดด้วยน้ำเสียงติดเศร้าเล็กน้อย

    ก็บอกมาก่อนซิว่าอยู่ไหน...เอื้อมดาวถามเพราะฟังน้ำเสียงแล้วไม่ค่อยสบายใจ

    อยู่บนรถทัวร์

    รถทัวร์ !!...ไปทำอะไรบนนั้นแล้วจะไปไหน เอื้อมดาวถามอย่างงงๆ

    ภูกระดึง นีรชาตอบเสียงเบา

    ไปทำไมนะ เอื้อมดาวถามอย่างกังวล เพราะคนอย่างนีรชานะหรือจะไปขึ้นภูกระดึงเป็นคุณหนูขนาดนั้น

    ก็อยากไปทำใจก่อนซิไม่อย่างนั้น รชาก็คงไม่กล้าไปงานแต่งของธัน  ดาวก็รู้นี่ว่า รชาคิดอย่างไรกับ ธัน  พูดยังไม่ทันจบเสียงโทรศัพท์ก็ขาดหายไปเมื่อมองไปก็เห็นโทรศัพท์ดับสนิท  แบตหมดนี่เอง  เฮ้อ ให้มันได้อย่างนี้ซิแต่ก็ดีจะได้มีเวลาคิดอะไรคนเดียวบ้าง

    หญิงสาวค่อยๆหลับตาลง พลางทบทวนเรื่องราวต่างๆภายในใจ ขอเวลาอีกสักนิดเพื่อจะลบความทรงจำที่เคยมีให้แก่กันและขอพักใจให้คลายเศร้าลงบ้าง  จะให้ธรรมชาติของขุนเขามาช่วยลบรอยแผลเล็กๆที่อยู่ในหัวใจ  จะได้ไปงานแต่งงานด้วยรอยยิ้มที่แจ่มใสแสดงความยินดีอย่างจริงใจในฐานเพื่อนคนหนึ่งให้ได้ จึงตัดสินใจมาที่นี่ เพราะที่นี่เป็นที่แห่งเดียวซึ่งจะต้องใช้แรงกายแรงใจอย่างมากเพื่อพิชิตยอดภูกระดึงจะได้ไม่มีเวลามานั่งสงสารหรือเสียน้ำตาให้กับตัวเองมากนักและที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งที่ทำให้เลือกเดินทางมาที่นี่มาจากคำพูดของคนที่รชาคิดถึงอยู่ตลอดเวลา

           รชารู้ไหม ภูกระดึง มาจากคำว่าภู และ กระดึง หรือกระดิ่งนะ คนคนหนึ่งเคยมาเล่าให้ฟัง ตาเขาเป็นประกายเมื่อยามเล่าถึงสถานที่ที่เขาเพิ่งไปมา เพราะเมื่อเล่ากันว่าทุกวันพระวันโกนบนยอดเขาสูงจะมีเสียงระฆังดังมาชาวบ้านศรีฐานเล่าขานกันว่าเป็นเสียงระฆังของพระอินทร์ ธันเพิ่งไปเที่ยวที่นี่มาล่ะ

     

    ในที่สุดเมื่อการเดินทางมาถึงผานกเค้านาฬิกาข้อมือก็บอกเวลาประมาณตี 4 กว่าๆ รถทัวร์ได้จอดให้คนที่จะขึ้นไปภูกระดึงลงตรงหน้าร้าน เจ๊กิมสิ่งแรกที่สัมผัสได้เมื่อลงจากรถก็คือความหนาวเย็นของอากาศ มันทำให้ต้องห่อตัวลงและรีบไปเอาเป้ที่อยู่ใต้ท้องรถซึ่งทุกคนกำลังยืนอออยู่แน่นขนัด เพื่อเอากระเป๋าของแต่ละคน

    เมื่อได้เป้แล้วจึงรีบเดินเข้าไปในร้านซึ่งมีคนจำนวนมากกว่าที่คิด  บรรยากาศภายในร้านเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและรอยยิ้ม  ทุกคนมาจากที่ต่างๆ แต่ก็สามารถพูดคุยกันได้อย่างเป็นมิตร ทุกคนที่จะขึ้นภูกระดึงได้มารวมตัวกันที่นี่เพื่อทำธุระส่วนตัวล้างหน้าแปรงฟันและซื้อของเล็กๆน้อยๆก่อนที่จะเดินทางกันต่อ  หรือบางคนที่ยังนอนไม่เต็มอิ่มก็มานอนพักเอาแรง บ้างก็ท้าทายกันว่าใครจะเป็นคนทำเวลาในการขึ้นให้ถึงยอดภูกระดึงโดยใช้เวลาน้อยที่สุดจะเป็นผู้ชนะ 

     

    เมื่อทำธุระส่วนตัวเสร็จก็เดินไปเลือกซื้อของใช้อีกนิดหน่อยและเดินไปจ่ายเงินให้แม่ค้า

    สวัสดีค่ะ...จะขึ้นภูกระดึงหรือคะ  แม่ค้าถามอย่างอารมณ์ดี 

    ค่ะ คนเยอะดีนะคะ...ขายดีอย่างนี้ตลอดหรือเปล่า นีรชาตอบ

    ค่ะ ส่วนมากใครที่จะขึ้นภูกระดึงต้องมาลงรถที่นี่  แล้วต่อรถสองแถวทางด้านโน้น แม่ค้าชี้ไปที่บริเวณจอดรถที่เริ่มมีสองแถวเข้ามาจอดบ้างแล้ว 

    ดีจังเลยคะ  ว่าจะถามพอดีว่าถ้าจะไปภูกระดึงจะไปอย่างไรต่อ

    พึ่งมาครั้งแรกซิ  รถสองแถวจะออกอีกประมาณชั่วโมงกว่าๆ   ภูกระดึงจะเปิดให้ขึ้นประมาณ 6 โมงเช้า  ค่ารถก็ไม่แพงคนละ 20 บาท ใครใจร้อนก็เหมาไปได้นะคะคันละ 300 บาทรถก็จะออกให้ทันที

    ขอบคุณค่ะแต่คงไม่รีบ  รอไปเรื่อยๆก็ได้ นีรชาขอบคุณแม่ค้าและเดินออกจากร้านไปหาที่นั่งอ่านหนังสือรอรถไปเรื่อยๆ   จนกระทั่งถึงเวลารถออกก็เดินไปขึ้นรถสองแถวและนั่งรอจนคนขึ้นมาเต็มรถ รถก็ออกในที่สุด มองดูคนที่นั่งรถด้วยกัน ใบหน้าของทุกคนมีรอยยิ้มที่แจ่มใส จนทำให้รู้สึกเบิกบานตามไปด้วย

     

    เมื่อรถสองแถวมาจอดที่ภูกระดึงคนในรถก็ทยอยลงจากรถ คนขับแนะนำให้พวกเราไปที่ศูนย์บ้านศรีฐานก่อนเป็นอันดับแรกเพื่อขอเช่าเต็นท์หรือถ้าใครจองมาแล้วก็ให้บอกกับเจ้าหน้าที่ ณ อาคารที่ติดต่อที่พัก..คนขับรถชี้ให้เห็นตัวอาคาร

     

    นีรชาเดินตามกลุ่มคนข้างหน้าไปแต่ก่อนที่จะเข้าไปถึงตัวอาคารที่ติดต่อที่พักก็ได้ยินเสียงเรียกชื่อหญิงสาวชะงัก หลับตาลง ไม่อยากจะเชื่อเลย หูเธอคงแว่วไป รู้สึกว่ามีมือหนึ่งมาจับที่ข้อศอกเอาไว้ หญิงสาวหันขวับความรู้สึกในตอนนี้ตกใจจนทำอะไรไม่ถูกตัวแข็งไปหมด  เสียงที่เรียกเอาไว้เป็นเสียงของคนที่ไม่คิดว่าจะได้ยินและไม่น่าจะมาอยู่ที่นี่....เขาเป็นคนที่เธอกำลังจะหนีไปให้ไกลและไม่ต้องการเจอมากที่สุดในตอนนี้

    รชา...นีรชา...ใช่จริงๆ ธันยธรณ์พูดอย่างดีใจ

    ธัน..นาย...นายมาทำอะไรที่นี่ นีรชาพูดออกไปอย่างตกใจ

    ถามแปลก..มาที่นี่ก็มาเที่ยวซิ   จะให้มาทำอะไรล่ะ ธันยธรณ์พูดอย่างสบายๆตามนิสัยของเขา

    แล้วงานแต่งล่ะไม่ต้องไปดูแลหรือถึงมาเที่ยวที่นี่ได้นะ อีกไม่กี่อาทิตย์แล้ว  ฝืนถามออกไปทั้งๆที่ใจเจ็บแปลบขึ้นมา ที่หนีมาเพราะเขา  แล้วทำไมต้องมาเจอกันอีก

       อ้อ   ก็ให้เขาจัดการกันไปซิ   ถึงวันแต่งก็ค่อยไปไม่เห็นจะยาก....ว่าแต่รชามากับใครละ ธันยธรณ์แกล้งหันไปมองรอบๆเหมือนมองหาใคร

     

    ความจริงเขารู้อยู่แล้วว่ารชามาคนเดียวเพราะเอื้อมดาวโทรศัพท์มาบอกเขาว่า รชาเข้าใจผิดคิดว่าเขาจะแต่งงานกับพาแก้วในอีก 2 อาทิตย์ข้างหน้า ทำให้เธอหนีมาที่นี่เขารีบขับรถตามมาแทบแย่กลัวจะไม่ทัน   ที่สำคัญตั้งใจจะมาปรับความเข้าใจและจะมาบอกความในใจให้รับรู้เสียที   ทั้งๆที่เขาก็แสดงความรู้สึกออกมากมาย  แต่ทำไมรชาถึงไม่เข้าใจ  ครั้งนี้เขาจะไม่ยอมปล่อยโอกาสให้ผ่านไปเด็ดขาด  ตอนนี้เขายังไม่อยากพูด เพราะอดที่จะแกล้งเธอไม่ได้เมื่อเห็นหน้สเศร้าของหญิงสาวมันดูน่ารักไปอีกแบบ  เขาไม่ค่อยเห็นรชาจะแสดงอารมณ์ใดๆออกมาเลยปกติจะแสดงออกมาเพียงหน้าเดียวคือความนิ่ง ไม่ว่าเขาจะแกล้งจะแหย่อย่างไรก็ตามก็จะนิ่งเฉยเสมอ...จนมันทำให้ติดเป็นนิสัยไปแล้ว   เมื่อคิดถึงตอนนี้ดวงตาก็ส่งประกายแววระยับขึ้นมาทันทีพร้อมกับยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย

    แต่ทำให้คนที่มองมาเข้าใจผิดเพราะคิดว่า ธันยธรณ์คิดเรื่องงานแต่งงานทำให้เขามีความสุข...ก็เลยก้มหน้าแกล้งขยับเป้บนหลังให้เข้าที่ไม่ต้องการให้ธันยธรณ์เห็นแววตาที่ตอนนี้คงจะแสดงอะไรออกไปอย่างชัดเจนกลัวว่าเขาจะลำบากใจในการคบหากันต่อไป

     

    รชามาคนเดียวนะ...ธันล่ะมากับใคร  มากับพาแก้วหรือเปล่า นีรชาพยายามฝืนพูดออกไปแต่ไม่สบตากับเขา ถ้ารชาเงยหน้าขึ้นอีกนิดจะได้เห็นแววตาที่เต้นระยิบ และใบหน้าที่พยายามฝืนไม่ให้หัวเราะออกมาอย่างมากจนต้องแกล้งไอเพื่อกลบเสียงหัวเราะ

    เปล่า..มาคนเดียวขับรถมาเมื่อคืนมาถึงที่นี่ตอนเช้าว่าจะหาอะไรกินก่อนค่อยขึ้น  พอดีเห็นรชาเลยเข้ามาทัก..ถ้าอย่างนั้นก็ไปด้วยกันจะได้ไม่ต้องเที่ยวคนเดียวไปเป็นเพื่อนกันจะได้ไม่เหงา  เดี๋ยวเป็นไกด์พาเที่ยวเอง  ธันเคยมาแล้วหลายครั้ง  รชาล่ะเคยมาหรือยัง ธันยธรณ์พูดสบายๆแต่หน้าคนฟังเริ่มสับสน  ใจหนึ่งก็อยากเก็บไว้เป็นความทรงจำครั้งสุดท้ายแต่อีกใจก็ไม่อยาก กลัวจะทำใจไม่ได้เมื่อเขาจากไป

     

    รชาเอาเต็นท์มาหรือเปล่าธันเอามาเอง ธันยธรณ์หันมาถามเมื่อเห็นนีรชาเงียบไป

    เปล่า ว่าจะมาขอเช่าเต็นท์ของที่นี่ นีรชาบอก

    งั้นดี พักด้วยกันก็ได้เต็นท์ที่เอามาด้วย นอนได้ตั้ง 3 คนแบบไม่มีปัญหา รชาก็ตัวนิดเดียวนอนได้สบายมาก ธันยธรณ์พูดง่ายๆ  แต่คนฟังทำหน้าแปลกๆและรีบปฏิเสธออกไป 

    ไม่ดีหรอก นีรชาพูดยังไม่ทันจบ ธันยธรณ์ก็ขัดขึ้นมาก่อน

    ทำไมกลัวหรือไม่เห็นต้องกลัวอะไร  อย่างรชานะไม่ทำให้ธันมีอารมณ์ที่จะทำอะไรหรอก ธันยธรณ์ทำท่ามองสำรวจร่างของหญิงสาวแล้วก็ส่ายหน้าเบาๆ

    ธัน!!!จะบ้าเหรอ รชาไม่ได้คิดอย่างสักหน่อย รู้ว่าอย่างไรเราก็เป็นเพื่อนกันไม่มีทางที่จะเป็นอย่างอื่นได้หรอก แต่แค่กลัวว่าถ้าพาแก้วรู้เข้ามันจะไม่ดี

    ไม่เห็นมีไรสักหน่อยคิดมากไปได้  ตกลงตามนี้แหละ เดี๋ยวจะไปติดต่อกับเจ้าหน้าที่เพื่อติดต่อของกางเต็นท์ธันยธรณ์พูดและเดินไปที่อาคารติดต่อสถานที่ นีรชาต้องเดินตามไปเพราะธันยธรณ์ได้แย่งเอาเป้ของเธอไปถือแล้ว

    รชารอตรงนี้แหละ  เดี๋ยวจะเข้าไปติดต่อกับเจ้าหน้าที่ เสร็จแล้วค่อยไปหยิบเป้ของธันที่รถ จะได้จ้างลูกหาบแบกขึ้นไปพร้อมกัน...เอาไปเองคงไม่ไหวและที่สำคัญเป็นการกระจายรายได้สู่ท้องถิ่นด้วย ธันยธรณ์พูดยิ้มๆ

    พูดฟังดูดีจังนะ  พูดตรงๆก็ได้ว่าแก่แล้วแบกไม่ไหวจะเข้าท่ากว่านะ  ยอมรับความจริงซะ นีรชาแกล้งพูด จนธันยธรณ์อดหัวเราะเบาๆไม่ได้และเอามือมาขยี้หัวนีรชาเบาๆก่อนที่จะเดินไป

     

    นีรชาได้แต่มองตามร่างที่สูงใหญ่เดินเข้าไปในอาคาร ทำให้มองเห็นใบหน้าด้านข้างของธันยธรณ์อย่างชัดเจน โครงหน้าได้สัดส่วน  จมูกที่โด่งเป็นสันได้รูปสวย ริมฝีปากหนาคู่นั้นมีรอยยิ้มติดอยู่เสมอ ดวงตาที่มองไปข้างหน้ามีความแน่วแน่และมีประกายอย่างคนที่มีความสุข  แต่อยู่ๆธันยธรณ์ก็หันกลับมามองเหมือนรู้ว่ามีใครมองอยู่เมื่อเห็นว่านีรชามองอยู่ก็ยิ้มให้และโบกมือก่อนที่จะหายเข้าไปในตัวอาคาร 

     

    ธันทำไมถึงจะต้องมาเจอกันที่นี่ด้วย ไม่รู้หรือว่ารชาจะเป็นอย่างไร  จะมาสร้างความเจ็บปวดอะไรให้อีก  ใจหนึ่งก็อยากจะหนีไปให้ไกลๆแต่อีกใจมันไม่ยอมจะคอยที่จะวิ่งตามอยู่อย่างนี้  ทั้งๆที่รู้ดีว่าไม่มีทางที่จะวิ่งตามได้ทัน แต่ก็ยังจะดิ้นรนหาเรื่องให้ตัวเองอยู่อีก จะทำอย่างไรดีจะหนีหรือจะสู้   ค่อยๆหลับตาลงช้าๆแล้วก็ตัดสินใจอย่างเด็ดขาดว่าจะขอฉวยโอกาสที่จะได้อยู่กับคนที่เรารักเป็นครั้งสุดท้ายและจะเก็บเวลาแห่งความสุขไว้ในหัวใจตลอดไป   ขอโทษนะพาแก้ว รชาขอแค่ช่วงนี้เท่านั้น  ต่อไปรชาจะไม่เข้าไปรบกวนแก้วกับธันอีกเลย

     

    สวัสดีครับ...คือผมจะมาขอติดต่อขอเช่าที่กางเต็นท์นะครับ ธันยธรณ์พูดและยิ้มให้กับเจ้าหน้าที่

    สวัสดีครับ  จะพักกี่คืนและกี่คน คุณเอาเต็นท์มาเองใช่ไหม เจ้าหน้าที่ยิ้มตอบ

    ครับ..มีเต็นท์มาเอง  มากัน 2 คนจะนอน 2 คืนครับ

    ค่าขอใช้สถานที่กางเต็นท์คิดที่ 30 บาท / คน / คืนนะครับ  ทั้งหมด120 บาท  เช่าถุงนอนด้วยหรือเปล่า

    ไม่ครับมีแล้ว...ชำระเงินที่นี่เลยหรือเปล่า

    ครับ  จ่ายที่นี่เลยแล้วทางอุทยานขอเชิญคุณและเพื่อนเข้าร่วมโครงการอาสาสมัครพิทักษ์ภูกระดึงด้วยนะครับ เพื่อช่วยกันเก็บขยะที่พวกคุณนำขึ้นและขยะที่พบเห็นตามแหล่งท่องเที่ยวจุดต่างๆ ซึ่งเป็นขยะที่ย่อยสลายไม่ได้ตามธรรมชาติ นำลงมาทิ้งที่เชิงเขา ไม่ต่ำกว่าคนละ 1 กิโลกรัม จากนั้นทางอุทยานแห่งชาติภูกระดึงจะมอบใบประกาศเกียรติคุณให้กับคุณและเพื่อน เพื่อแสดงว่าเป็นผู้เสียสละและบำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ต่อธรรมชาติและสังคม ถ้าคุณมีความประสงค์ที่เข้าร่วมโครงการขอเชิญสมัครได้ ณ ซุ้มโครงการอาสาสมัครพิทักษ์ภูกระดึง

    แล้วผมกับเพื่อนจะไปสมัครนะครับ ธันยธรณ์พูดจบก็หยิบเงินชำระค่าเช่าที่สำหรับกางเต็นท์

     

    เมื่อธันยธรณ์ออกมาจากอาคารและเดินไปเอาเป้ที่รถกลับมา  ก็เห็นนีรชากำลังพูดคุยและหัวเราะอย่างสนุกกับเด็กวัยรุ่นกลุ่มหนึ่ง ในตอนนี้นีรชาปล่อยตัวตามสบายดูเป็นธรรมชาติน่ารักมาก จนเขาอดใจไม่ได้จึงหยิบกล้องออกมาถ่ายรูปเพื่อเก็บเอาไว้ ดวงตาที่เศร้าหมองเมื่อครู่กับเปล่งประกายออกมาทำให้ดวงตาดูแวววาวไปหมด จมูกรับริมฝีปากได้รูปสวย ยิ่งตอนนี้มีรอยยิ้มระบายอยู่ด้วยก็เพิ่มความงามขึ้นไปอีก เมื่อเขาถ่ายรูปเสร็จก็เห็นเด็กในกลุ่มหันมองเขาแล้วก็สะกิดเรียกเพื่อนให้หันมามองด้วย เขาจึงเดินเข้าไปหาแต่ไม่รู้ว่าเด็กๆพูดอะไรกับนีรชาบ้าง  ใบหน้าของหญิงสาวจึงแดงขึ้นมาจนทำให้เขาอดยิ้มไม่ได้  นีรชาหันไปดุเด็กที่รู้สึกจะเป็นหัวโจกประจำกลุ่มและฟาดไปที่แขนทีหนึ่ง

    ไปก่อนนะพี่...เดี๋ยวไปเจอกันข้างบนไม่อยากเป็นก้างขวางคอใครแถวนี้ เจ้าหัวโจกประจำกลุ่มพูดอย่างสนุกๆแล้วพากันเดินไปที่ซุ้มจำหน่ายบัตรค่าธรรมเนียมในการขอขึ้นเขาแต่ไม่วายหันมาโบกมือให้กับเขาด้วย

    รู้จักกันหรือรชา.... ธันยธรณ์ถามเมื่อเดินมาถึงนีรชาที่นั่งอยู่ก่อน

    เปล่าหรอกค่ะ  เด็กๆเห็นว่านั่งอยู่คนเดียวเลยเดินมาคุยด้วยเท่านั้นแกคิดว่ามาคนเดียวเลยจะมาชวนไปด้วยกัน.... นีรชาพูดยิ้ม

    สงสัยจะคิดว่าเป็นรุ่นเดียวกันมั้งเลยมาชวน ธันยธรณ์พูดยิ้ม นีรชาตัวเล็กๆทำให้ดูเหมือนเด็กเล็กๆ

    ธันว่ารชาเป็นเด็กหรือ.... นีรชาค้อนให้เพราะมันรู้สึกเป็นปมด้อย ทุกคนจะชอบแกล้งว่ามาตลอดโดยเฉพาะเพื่อนสนิทของเธอยายเอื้อมดาวกับปลายฟ้าที่ชอบว่าเป็นเด็กที่ไม่ยอมโตเสียที

    เปล่าไม่ได้ว่าสักหน่อย แค่พูดความจริงเท่านั้นเอง ธันยธรณ์อดที่จะแหย่เล่นไม่ได้รชาหน้างอเพราะไม่ชอบให้ใครว่าเป็นเด็ก....รชาหันมามองหน้าและฟาดไปที่แขนอย่างแรง จนชายหนุ่มร้องเสียงดัง

    โอ๊ย ตัวก็นิดเดียวแต่ทำไมมือหนักจัง ดูซิแดงเลย ธันยธรณ์เอาแขนให้ดูรอยซึ่งตอนนี้แดงขึ้นอย่างเห็นชัดจนคนตีเริ่มหน้าเสียและเอามือมาลูบเบาๆให้อย่างตกใจ แต่เจ้าตัวกลับยิ้มเมื่อเห็นว่านีรชาเป็นห่วงเขา จริงๆแล้วก็ไม่เจ็บอะไรหรอกแต่เขาเป็นคนผิวขาวจึงทำให้เห็นรอยแดงได้ง่าย

    ธัน รชาขอโทษเจ็บมากไหม...เดี๋ยวเอายาหม่องมาทาให้นะ นีรชาหันจะไปหยิบกระเป๋าใบเล็กที่ตั้งใจจะถือขึ้นภูกระดึงไปเอง แต่ชายหนุ่มรีบคว้ามือของหญิงสาวไว้

    ไม่ต้องหรอกไม่เป็นอะไรมาก....ไปจ้างลูกหาบกันดีกว่า...เดี๋ยวจะพาไปกินข้าวจะได้มีแรงเดินขึ้นถ้าสายแดดมันจะร้อน มีหมวกมาด้วยหรือเปล่าเอาติดไปด้วยนะ

    ไม่เป็นไรจริงๆหรือ นีรชาถามอย่างเป็นห่วงธันยธรณ์ส่ายหน้าและก้มลงหยิบเป้ขึ้นมาแล้วพากันเดินไปที่กลุ่มลูกหาบเพื่อติดต่อให้ช่วยขนของขึ้นไป

    สวัสดีครับ ....พี่สองคนจะให้ผมช่วยถือของขึ้นภูกระดึงหรือเปล่า..รับรองผมจะถือให้อย่างดีเลย ลูกหาบถามขึ้นเมื่อเห็นว่าหนุ่มสาวคู่หนึ่งกำลังเดินมา

    ไหวหรือน้อง....ถ้าไหวก็เอา ธันยธรณ์ถามต่อเพราะเห็นว่าลูกหาบคนนี้ยังดูเด็กอยู่อายุคงไม่เกิน 14 ปี

    ไหวครับ...ผมตัวเล็กก็จริงนะครับแต่แข็งแรง พูดจบก็เบ่งกล้ามให้ดู นีรชาเห็นแล้วอดหัวเราะไม่ได้กับท่าทางของลูกหาบคนนี้

    จ้ะ..พี่เชื่อแล้วไม่ต้องโชว์ขนาดนั้นก็ได้  แต่พี่เห็นแต่ก้างนะกล้ามยังไม่เห็น  ตกลงพี่จ้างน้องแล้วกันชื่ออะไรจ้ะ คิดราคาค่าจ้างอย่างไร นีรชาพูดยิ้มๆ

    ผมชื่อเก่งครับ คิดราคากิโลกรัมละ 10 บาทครับแต่ถ้าบริการดีไม่มีผิดพลาดพี่จะให้เพิ่มก็ได้ ถือว่าเป็นค่าขนมไปโรงเรียนก็แล้วกันนะครับ

    ฮืมม์ เก่งสมชื่อ....ได้ถ้าเราขนของให้พี่ไม่มีผิดพลาดพี่จะให้เพิ่ม ธันยธรณ์อดที่จะหัวเราะไม่ได้

    ขอบคุณครับ...พี่สุดหล่อ....รับรองผมจะดูแลของพี่กับแฟนให้ดีที่สุด เก่งพูดยิ้มๆ นีรชาหน้าแดงและจะพูดแก้ตัวแต่ธันยธรณ์รั้งเอาไว้และหันไปยิ้มกับเก่ง

    ไปเอาตาชั่งมาได้แล้ว จะได้รู้ว่าหนักเท่าไรจะได้จ่ายเงินให้ ธันยธรณ์พูดกับเก่ง เก่งก็รีบเดินไปที่กลุ่มลูกหาบทันทีและนำตาชั่งมาชั่งน้ำหนัก

    พี่สุดหล่อครับพี่ต้องซื้อบัตรที่ติดสัมภาระด้วยนะครับใบละ 2 บาทเอง

    ได้...คิดเงินมาเลยว่าเท่าไร   

    ครับพี่จ่ายให้ผมครึ่งหนึ่งก่อนแล้วพอขึ้นไปแล้วค่อยจ่ายให้อีกครึ่งหนึ่งตอนที่รับของครับ...ตอนกลับพี่จะให้ผมช่วยขนอีกไหมครับ เก่งถามเสียงใส

    ได้ถ้าเราถือดีพี่จะให้ขนตอนกลับด้วย ธันยธรณ์พูดอย่างอารมณ์ดี

    เมื่อจ่ายเงินกันเป็นที่เรียบร้อยแล้วเขาก็พานีรชาไปทานข้าวและก็จัดการทำธุระส่วนตัวให้เรียบร้อยก่อนที่จะขึ้นภูกระดึง  จึงพากันไปที่ซุ้มจ่ายค่าธรรมเนียมซึ่งจ่ายเงินคนละ 20 บาทแต่เขาอดที่แหย่ไม่ได้ว่าความจริงรชาควรจ่ายแค่ 10 บาทนะเพราะเป็นเด็กพูดจบก็รีบหนีมือของหญิงสาวทันที จนนีรชาอดที่จะยิ้มไม่ได้และเดินตามไป

     

    รชาไหวหรือเปล่าถ้าเหนื่อยก็บอกได้นะไปกันแบบเรื่อยๆไม่ต้องรีบร้อน ธันยธรณ์ถามเมื่อเดินกันได้สักพักใหญ่ๆ   เขามองหน้าแดงก่ำของหญิงสาวที่เต็มไปด้วยเหงื่อ

    ไม่เป็นไร  ยังพอไหวอยู่เดินไปอีกหน่อยก็ได้  เอาให้ไปถึงซำแฮกก่อนค่อยพักก็ได้ ธันบอกว่ามีที่พักไม่ใช่หรือ  นีรชาพูดเบาๆเพราะเหนื่อยจนไม่มีแรงจะพูดอะไรแล้ว

    จ้ะ...มีที่พักและร้านขายอาหารมีน้ำแข็งใสด้วยนะ ธันยธรณ์พยายามชวนคุยไปเรื่อยๆ โชคดีที่อากาศช่วงนี้ยังไม่ร้อนเท่าไร เขาชวนนีรชาดูสภาพป่าที่เดินผ่านไปเรื่อยๆและถ่ายรูปเก็บไว้เป็นระยะๆ

    อยากรู้จริงๆว่าใครเป็นคนตั้งชื่อซำนะรู้สึกใจจะตรงกับความรู้สึกของรชาตอนนี้จังเลยซำแฮก เล่นเอาหอบแฮกๆเลยกว่าจะไปถึงได้นะนีรชาบ่นไปเรื่อยๆ

    น่าอีกนิดเดียวก็จะถึงแล้ว...ดูซิเห็นไหมมีคนอายุมากกว่ารชาอีกไม่เห็นเขาบ่นเลย ธันยธรณ์ชี้ไปให้นีรชาดูคนแก่ที่กำลังนั่งสบายอยู่บนเก้าอี้ที่ทำขึ้นเพื่อให้ลูกหาบแบกขึ้นไป

    บ้า...อย่างนั้นเขาจะเหนื่อยได้อย่างไร มีคนแบกขนาดนั้น แต่รชาไม่กล้านั่งหรอกกลัวตก เขาไม่กลัวหรือ นีรชามองตามแล้วได้แต่ส่ายหน้าที่เห็นชายสูงอายุนั่งยิ้มอยู่และมีลูกหรือหลานก็ไม่รู้เดินตามค่อยระวังให้

    คงไม่กลัวมั้งไม่อย่างนั้นจะกล้านั่งหรือ...รชาเงยหน้าหน่อย พูดไม่ทันจบก็ถ่ายรูปของนีรชาทันที

    ธัน...ถ่ายรูปอะไรตอนนี้ละ  มันไม่สวยนะรอให้ตั้งท่าก่อนซิ รูปออกมาจะได้สวยๆ นีรชาพูดอย่างโมโห

    ถ่ายอย่างนี้ดีออกเป็นธรรมชาติ ไม่ต้องตั้งท่าจะได้รู้ไงว่าคนสวยถ่ายอย่างไรก็สวย...” ธันยธรณ์ทำท่ามองหน้าก่อนจะพูดต่อว่าแต่ถ้าคนไม่สวยจะทำอย่างไรก็ไม่สวยหรอก พูดจบก็หัวเราะเสียงดัง

    ว่ารชาอีกแล้วไม่สวยบ้างก็ให้รู้ไป...คอยดูนะจะไปทำสวยให้ดู นีรชางอน เดินหนีธันยธรณ์ทันทีแต่ได้ยินเสียงหัวเราะของอีกฝ่ายดังลั่นไปหมด

     

    ธันยธรณ์เดินแหย่รชาไปเรื่อยๆ จนในที่สุดก็ถึงซำแฮกที่มีผู้คนกำลังพักอยู่จำนวนหนึ่งบริเวณร้านค้า..ซึ่งเป็นเพิงพักง่ายๆ มุงด้วยใบจากและที่นั่งเป็นไม้ยาวๆ ร้านค้าก็ไม่มีอะไรขายมากนัก มีคนกำลังนั่งทานอาหารและพูดคุยกันสนุกสนานหรือไม่ก็จับกลุ่มนั่งพักตามที่ต่างๆเพื่อจะชมวิวและพักให้หายเหนื่อย

    รชาหิวหรือเปล่าจะกินอะไรไหม ธันยธรณ์ถามและจะพาไปนั่งในร้าน

    ไม่หิวหรอกพึ่งกินจะหิวได้อย่างไร เราไปหาที่นั่งเล่นตรงโน้นดีกว่าจะได้ดูวิวและถ่ายรูปภาพสวยๆไปให้ยายดาวดู จะได้อิจฉาเล่นๆ นีชราดึงมือและพาไปตรงที่มุมหนึ่งที่แดดไม่ร้อนมากนักเพราะมีร่มเงาของต้นไม้และเอากล้องถ่ายรูปยื่นให้ธันเพื่อจะได้ถ่ายรูป

    โอ.เค. ไปตั้งท่าซะจะได้ถ่ายให้ ธันยธรณ์พูดจบก็ถ่ายเลยไม่รอให้นีรชาตั้งท่าด้วยซ้ำ

    เอาอีกแล้วนะ ให้รู้ตัวก่อนซิค่อยถ่าย   เฮ้อแต่ละรูปจะดูได้ไหมเนี่ย นีรชาบ่น

    ไม่เห็นเป็นไรไม่ชอบก็ไม่ต้องเก็บไว้ ธันจะเป็นคนเก็บเอง ธันยธรณ์มองยิ้มๆคนฟังได้แต่ยิ้มเจื่อน ๆ

    ธันจะเก็บไว้ทำไมในเมื่อมันไม่มีประโยชน์อะไรต่อไปก็ต้องเอาไปทิ้งเพราะแก้วอาจจะเข้าใจผิดได้

    เข้าใจผิดอะไรแก้วก็รู้เนี่ยว่าธันกับรชาเป็นอะไรกันจะมาว่าทำไม คิดมากไปได้ ธันยธรณ์พูดแบบสบายๆแต่ดวงตามีแววขบขันจนต้องแกล้งก้มหน้าลงเก็บกล้องเพราะไม่อยากให้นีรชาเห็นว่าเขาพยายามกลั้นหัวเราะเอาไว้ เลยไม่ได้เห็นสายตาของนีรชาที่ส่งมาเป็นแววตัดพ้อแต่พอธันยธรณ์เงยหน้าขึ้นมา นีรชาก็หันหลังให้และเดินไปนั่งบนโขดหินก้อนหนึ่งและหันไปดูวิวเบื้องหน้าเขาจึงเดินตามมานั่งข้างๆ

    เป็นไร เงียบไปเลย ธันยธรณ์หันมามองหน้าของรชาที่เศร้าลง จนเขารู้สึกผิดและจะขอโทษที่แกล้งกำลังจะพูดแต่รชาขัดขึ้นมาเสียก่อน

    ไม่ได้เป็นอะไรหรอกเพียงแต่รชากำลังมองดูท้องฟ้าอยู่นะ ดูซิเหมือนอยู่ใกล้ๆเลยแต่ทำอย่างไรก็ไปไม่ถึงเสียที

    รชา  ธัน ธันยธรณ์กำลังจะบอกเรื่องที่นีรชาเข้าใจผิด แต่แล้วจู่ๆก็มีกลุ่มเด็กวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งที่อยู่บริเวณนั้นตะโกนเรียกเพื่อขอร้องให้ไปช่วยถ่ายรูปให้ ธันยธรณ์หันไปก็ยิ้มๆแล้วก็ลุกขึ้นไปที่กลุ่มเด็กๆ  

     

    เข้มแข็งหน่อยซิรชา เกือบไปแล้วเห็นไหมต้องยิ้มเอาไว้ ต้องยิ้มจะให้ธันรู้ไม่ได้ว่าคิดอย่างไรกับเขาไม่อย่างนั้นเขาจะคิดว่าเราเป็นคนอย่างไรจำไว้ธันกำลังจะแต่งงาน นีรชาบอกตัวเองพอเห็นธันยธรณ์เดินกลับมาก็ยิ้มให้และชวนให้ไปกันต่อบอกว่าหายเหนื่อยแล้วไปกันเถอะเพราะอีกไกลไม่ใช่หรือ ธันยธรณ์ได้แต่มองตามจะพูดก็ยังไม่กล้าได้แต่ส่ายหัวและเดินตามร่างบางไป
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×