คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Adorable I
“คุณหนูครับ วันนี้มีนัดกับคุณลู่หานตอนสามโมงนะครับ”
เอ่ยพลางกรีดมือเรียวลงบนกระดาษสมุดเล่มเล็กในมือให้พลิกไปยังหน้าต่อไป ดวงตาคู่โตกวาดมองสิ่งที่เขียนอยู่คร่าวๆ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองเจ้านายวัยไล่เลี่ยกันที่นั่งจิ้มขนมเข้าปากอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาวพลางดูโทรทัศน์อย่างสบายใจเฉิบ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคุณหนูตระกูลอู๋คนนี้ไม่ได้สนใจที่จะฟังอะไรจากปากเขาหรอก ในเมื่อมันเห็นอยู่ชัดๆ ว่าสิ่งเดียวที่อีกคนสนใจก็คือหน้าจอสี่เหลี่ยมที่กำลังฉายซีรีย์เรื่องโปรดส่งตรงจากสหรัฐอเมริกา
ปาร์คชานยอลถอนหายใจ กี่ทีแล้วก็ไม่รู้ที่ต้องมานั่งหนักใจกับท่าทางไม่สนใจโลกของเจ้านาย ท่าทีที่ดูไม่เหมือนคนที่อยากจะทำอะไรสักอย่างนอกจากนั่งอยู่เฉยๆ หน้าโทรทัศน์ทั้งวัน
และอาจจะเพราะคุณหนูเป็นแบบนี้ก็ได้ นายท่านถึงต้องการ “บอดี้การ์ด” มาคอยคุมความประพฤติและความซวยนั้นก็มาตกอยู่ที่เขาแบบเต็มๆ เมื่อนายใหญ่ตระกูลอู๋ เจ้าของบริษัทส่งออกสินค้ารายใหญ่คนนั้นเจาะจงมากับบริษัทจัดหาบอดี้การ์ดของเขาเลยว่า อยากได้ผู้ชายคนนี้ อยากได้ปาร์คชานยอลมาดูแลลูกชายหัวแก้วหัวแหวน
ตอนแรกเขาก็ดีใจหรอกนะที่ได้มาอารักขาให้กับคนวัยไล่เลี่ยกัน จะได้คุยกันง่ายหน่อย แต่ยิ่งทำงานนานวันไปเท่าไหร่ ก็ยิ่งรู้ว่าจุดประสงค์จริงๆ นายท่านคงไม่ได้ต้องการให้เขามาอารักขาอะไรลูกชายของท่านหรอก
คงต้องการให้มาคุมความประพฤติมากกว่า
“คุณหนูครับ วันนี้มีนัดกับคุณลู่หานนะครับ” ชานยอลเอ่ยขึ้นอีกครั้ง “แล้วนี่ก็บ่ายโมงแล้วนะครับคุณหนู ผมว่าคุณหนูควรจะไป…”
“ปล่อยลู่หานรอเก้อไปนั่นแหละดี” คำพูดห้วนๆ หลุดออกมาจากปากของคุณหนูอี้ฝานที่ยังคงนั่งไขว่ห้างไม่กระดิกไปไหน มือเรียวจิ้มเอาขนมอีกชิ้นเข้าปากในขณะที่ดวงตาก็ยังคงจับจ้องอยู่ที่หน้าจอโทรทัศน์
แค่เพียงเท่านั้นชานยอลก็รู้ได้แทบจะทันทีว่าต่อให้เอาวัวมาฉุด เอาควายมาลาก อู๋อี้ฝานก็คงไม่มีทางลุกขึ้นจากโซฟาเพื่อไปแต่งตัว เตรียมไปพบกับคนที่นายท่านพยายามจับคู่ให้อย่างคุณลู่หานเป็นแน่
แต่เพราะอยู่ด้วยกันมาหลายเดือนก็พอจะรู้บ้างว่าควรจะทำอย่างไรกับสถานการณ์แบบนี้
งานนี้ยอมรับเลยว่าถึงปากของเขาจะบอกว่าเหนื่อยใจกับงานนี้ก็เถอะ แต่ชานยอลก็เชื่อว่าคนแบบคุณหนูอี้ฝาน นอกจากเขาแล้วคงหาคนกำราบได้ยาก
ท่าทางต้องใช้ไม้เด็ด…
“คุณหนูอี้ฝานครับ ถ้าคุณหนูไม่ยอมไปพบกับคุณลู่หาน… ดูท่าว่าผมคงต้องรายงานเรื่องนี้กับคุณพ่อของคุณหนูแล้วนะครับ” พยายามควบคุมเสียงให้นิ่งสงบที่สุดในขณะที่ปล่อยไม้ตายออกไปทั้งหน้านิ่ง
อี้ฝานตวัดสายตาขึ้นมองในทันที
“ขี้ฟ้อง”
“ก็คุณหนูดื้อนี่ครับ จะให้ผมทำยังไงได้ล่ะ” ชานยอลกระตุกยิ้มมุมปาก ยิ้มที่อี้ฝานคิดว่ามันยียวนกวนประสาทที่สุดเท่าที่เคยเห็นมาในชีวิตนี้ แต่ก็นั่นแหละ ทำอะไรไม่ได้เพราะรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นคนพูดจริงทำจริงเสมอ คราวที่แล้วก็คาบเรื่องที่เขาเบี้ยวนัดลู่หานไปบอกคุณพ่อจนทำให้เขาโดนดุจนหูชา
แบบนั้นอี้ฝานเลยพูดได้เลยว่าหมั่นไส้บอดี้การ์ดคนนี้ที่สุด ไม่น่าเชื่อว่าบิดาจะเลือกคนได้เหมาะเหม็งเสียจริงเพราะหมอนี่เหมือนจะรู้จุดอ่อนของเขาในทุกๆ ทาง
รู้วิธีข่มขู่เสียด้วย
และเขาเองก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าแอบกลัวคุณพ่อของตัวเองอยู่เหมือนกัน สุดท้ายก็เลยต้องกระฟัดกระเฟียดลุกจากโซฟาแล้วตรงดิ่งเข้าห้องไปแต่งตัวอย่างไม่เต็มใจนัก อี้ฝานออกมาหลังจากนั้นไม่นานด้วยหน้าตาหงิกงอ คนตัวสูงจงใจเดินกระแทกไหล่กว้างของบอดี้การ์ดหนุ่มที่ตัวเล็กกว่าเขาเล็กน้อยด้วยความหงุดหงิด ก่อนจะก้าวขายาวเพื่อเดินนำไปยังรถยนต์คนโปรดที่จอดแน่นิ่งอยู่ภายในโรงจอดในตัวบ้าน เปิดประตูเบาะหลังที่ไม่ได้ล็อคโดยไม่ต้องอาศัยบริการเปิดประตูให้ แล้วกระแทกตัวลงนั่งกับเบาะแรงๆ
ปาร์คชานยอลที่เข้านั่งประจำที่หลังพวงมาลัยหลุดขำออกมาเล็กน้อยเมื่อใบหน้าหงิกงอของอีกฝ่ายปรากฏขึ้นในทันทีที่เขาเปิดประตูรถ ชายหนุ่มทรุดตัวลงนั่งประจำที่ก่อนจะหันมองคนตัวสูงที่นั่งเยื้องไปทางด้านหลังเล็กน้อยด้วยรอยยิ้ม
ในเมื่อหงุดหงิดแบบนี้ เขาคงต้องหยอกให้อีกฝ่ายอารมณ์ดีขึ้นสักหน่อย
ก็รู้ๆ อยู่ว่าคุณหนูน่ะหงุดหงิดได้ไม่นานนักหรอก
“ทำหน้ายู่ยี่แบบนั้นไม่น่ารักเลยนะครับคุณหนู”
“แล้วนายมาเกี่ยวอะไรด้วยล่ะ” ถามกลับเสียงห้วนตามประสาคนอารมณ์ไม่ดี
“ผมไม่เกี่ยวหรอกครับ ก็แค่ไม่อยากเห็นใครบางคนทำหน้าให้ดูขี้เหร่กว่าเดิมแค่นั้นเอง”
“ปาร์คชานยอล!” อี้ฝานแหวเสียงลั่น มือเรียวเอื้อมมาฟาดแขนของเจ้าของชื่ออย่างเต็มแรง หากชานยอลกลับหัวเราะร่วนกับท่าทางแบบนั้นอย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไร เขาหันมองคุณหนูตัวสูงที่ทำหน้าขุ่นเคืองอยู่ไม่ไกล ทอดสายตานิ่งที่ใบหน้าหล่อเหลาของคนตรงหน้าอยู่สักพัก ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิกแก้มขาวของอีกคนเบาๆ
“ล้อเล่นครับ คุณหนูอี้ฝานน่ะน่ารักที่สุดแล้ว” เอ่ยพลางก็ส่งยิ้มหวานให้กับคุณหนูที่เบาะหลัง ชานยอลเกลี่ยนิ้วโป้งสัมผัสผิวแก้มเนียนของอีกฝ่ายอย่างแผ่วเบา สิ่งที่พูดออกไปไม่ใช่คำโกหก สำหรับเขาคุณหนูอี้ฝานน่ะถึงจะสูง แต่ใบหน้าหล่อๆ นั่นกลับติดออกไปทางหวานจนเขาอดไม่ได้ที่จะบอกว่ามันน่ารัก
จริงๆ ก็บอกคุณหนูหลายทีแล้วแหละว่าแกน่ะน่ารัก แต่ไม่เคยพูดตรงๆ ขนาดนี้มาก่อนเลย
“บ้า” อี้ฝานปัดมือของเขาออก ก่อนจะเอ่ยปฏิเสธอย่างตะกุกตะกักทั้งที่หน้าแดงเป็นมะเขือเทศ “ใครน่ารัก ฉันไม่ได้น่ารักสักหน่อย”
ชานยอลมองใบหน้าหล่อเหลาติดหวานที่แดงเทือก คุณหนูของเขาดูจะน่ารักยิ่งกว่าเดิมเสียอีกเมื่อหน้าขึ้นสีแบบนี้
น่ารัก…น่าแกล้ง
บอดี้การ์ดหนุ่มกระตุกยิ้มมุมปาก แกล้งยื่นหน้าเข้าไปใกล้เจ้านายที่เบือนสายตาหนีไปทางอื่นก่อนจะเป่าลมลงบนผิวแก้มขาวนั้นเบาๆ
“คุณหนูหน้าแดงน่ะครับ” กระซิบเสียงแผ่ว ก่อนจะหลุดยิ้มออกมาอีกครั้งกับท่าทางของคนตัวสูงที่สะดุ้งโหยงแล้วหันมาจ้องเขาตาเขียว มือใหญ่เอื้อมไปจับประคองต้นคอของคุณหนูให้โน้มเข้ามาใกล้ แล้วแนบหน้าผากของตัวเองลงบนหน้าผากมนของอีกคน “ให้ผมดูหน่อยสิ… เอ มีไข้หรือเปล่านะ…”
“ไอ้บ้าชานยอล!” เสียงแหวของอี้ฝานดังก้องขึ้นอีกครั้งพร้อมกับมือที่ยื่นมาผลักหน้าของอีกฝ่ายให้ออกไปไกลๆ ชานยอลหัวเราะร่วน คุณหนูของเขาถอยหลังหนีลงไปนั่งพิงเบาะรถยนต์เพื่อหนีจากระยะอันตรายเสียแล้ว “ฉัน…ฉันจะบอกพ่อ! ฉันจะบอกว่านายทำรุ่มร่ามกับฉัน!”
ชานยอลยิ้มกับคำขู่ที่ไม่ได้น่ากลัวสักนิด
“แล้วท่านจะทำอะไรผมงั้นหรือครับคุณหนูอี้ฝาน” พูดพลางก็ทอดสายตามองหน้าแดงๆ ของคู่สนทนาผ่านทางกระจกมองหลังของรถยนต์คันหรู “คุณหนูกลัวจะหวั่นไหวก็บอกมาเถอะ”
ฝ่ามืออรหันต์จากคนถูกแซวฟาดลงบนแขนของเขาแรงๆ อีกครั้ง หากชานยอลยังคงหัวเราะ
“หุบปาก! ออกรถไปเลยไป”
"แหม... คุณหนูล่ะก้อ..."
"ชานยอล!"
“รับบัญชาครับคุณหนู” หันมาทำท่าตะเบ๊ะใส่หนึ่งที ก่อนจะถูกอี้ฝานเอานิ้วจิ้มหน้าผากเพื่อดันหน้ากลับไปด้วยความหมั่นไส้เข้าให้ ชานยอลยกยิ้มเล็กน้อย มือใหญ่เอื้อมไปปรับกระจกมองหลังของรถยนต์ให้เข้าตำแหน่งที่พอเหมาะก่อนจะเริ่มต้นออกรถเพื่อเดินทางไปตามตารางเวลานัดหมาย
.
.
.
บางทีงานนี้มันอาจจะไม่แย่อย่างที่เคยคิดก็ได้นะ
ความคิดเห็น