ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    "แต่เล็กจนโต..." #specialproject #noteapp67 [นทแอป]

    ลำดับตอนที่ #4 : # จนโต 1

    • อัปเดตล่าสุด 9 มี.ค. 56


    # จนโต 1









    “นท
    แต่งตัวให้เรียบร้อยหน่อย ไปโรงเรียนวันแรก”

     

    เสียงเข้มดุดังบอกหลานสาวสุดเซี้ยวระหว่างกำลังเดินออกจากบ้านในเช้าวันจันทร์ของการเปิดเทอมใหม่ โดยไม่ต้องให้ดุซ้ำสอง คำพูดของบุพการีท่านนี้หนักแน่นมากพออยู่แล้ว

     

    เพราะไม่ทันจะสิ้นคำพูดน่ากลัว คนโดนดุก็เอาสองมือยัดเสื้อเข้ากระโปรงแทบไม่ทัน ดวงตาคู่เรียวเล็กหลุบต่ำมองลงพื้นอย่างกล้าๆกลัวๆ สองขาก้าวช้าๆ และปลายเท้าก็หันเข้าหากันอย่างกุลสตรีที่หลุดมาจากนิยายโบราณ นานทีเดียว กว่าที่ร่างเล็กบอบบางในชุดนักเรียนจะก้าวขึ้นรถเบ๊นซ์คันหรูได้

     

    ไม่ถึงนาทีถัดมา ร่างใหญ่โตน่าเกรงขามก็เปิดประตูอีกฝั่งมานั่งข้างๆให้ได้เกร็งกันอีกระลอก

     

    “ออกรถได้แล้ววิบูรณ์”

     

    เสียงออกคำสั่งที่แสนจะเข้มลึกและน่ากลัว ดังขึ้นอีกครั้ง เป็นสัญญาณให้ลุงคนขับรถที่คอยท่าอยู่นาน เหยียบคันเร่งแล้วพาทั้งคนทั้งรถ ออกเดินทางสู่จุดหมายไปพร้อมๆกัน

     

    โดยที่เจ้าของจุดหมายในวันนี้ ต้องนั่งกลั้นหายใจสะกดความกลัวไปตลอดทาง

     

     

     

     

     

     

    “สวัสดีค่ะคุณลุง”

     

    หญิงสาววางกระเป๋าหนังเรียนแบบหนังที่หนักขึ้งลงข้างตัว ก่อนสองมือเรียวสวยจะกระพุ่มไหว้เป็นการบอกลาผู้มีอุปการคุณสูงสุดในชีวิตเธอตอนนี้

     

    คนสุขุมลุ่มลึกและแสนน่าเกรงขามยกมือรับไหว้ ก่อนจะทิ้งสายตามองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า เป็นการเช็คความเรียบร้อยให้คนโดนมองขนลุกไปทั้งตัวอีกครั้ง

     

    “ตั้งใจเรียนล่ะ อย่าให้เสียชื่อหลานอดีตผอ.

    คำทิ้งท้ายที่ทำให้เธอได้แค่ยิ้มแหยรับอย่างไม่อาจปฏิเสธ ก่อนที่ร่างเล็กบอบบางจะก้มลงหยิบกระเป๋าใบเท่าบ้านแล้วหันหลังเดินเข้าประตูโรงเรียนที่แสนจะอบอุ่น เธอสัมผัสมันได้ตั้งแต่เท้าซ้ายที่เหยียบย่างเข้ามา

     

    สมคำคุยโอ่ของคุณลุง โรงเรียนมัธยมแห่งนี้มันดูขรึมขลังยิ่งใหญ่จริงดั่งคำร่ำลือ หญิงสาวเดินหน้าเชิดขึ้นอย่างพยายามรักษาอาการและระงับความตื่นเต้น ทั้งที่ดวงตาเรียวเล็กอดจะกวาดมองไปให้ทั่วแทบไม่ได้

     

    ตึกเรียนที่แสนยิ่งใหญ่ ทิ้งร่มเงาอันกว้างขวางไว้บนสนามหญ้าเขียวขจี เสียงเจี๊ยวจ๊าวเจื้อยแจ้วดังกังวานดูสดใสสมกับเป็นโรงเรียนมัธยม ทั้งหมดทั้งมวลนั่นกำลังให้คนว้าเหว่ลึกๆต้องเผยรอยยิ้มขึ้นมาน้อยๆอย่างอบอุ่นใจ

     

     

     

    สองขาพาเธอก้าวสำรวจโรงเรียนมาเรื่อยๆ จนห่างจากประตูโรงเรียนมาได้สักร้อยเมตร ระยะปลอดภัยที่เธอรอคอย

     

    และเมื่อมั่นใจจริงๆว่าพ้นจากสายตาคุณลุงสุดเฮี้ยบ ทรงผมซอยเละเทะที่ถูกหวีจนถูกระเบียบเรียบแปล้ ก็ถูกคนเซี้ยวแกะทั้งยางทั้งกิ๊บดำออก แล้วสะบัดหัวไปมาซ้ำๆ จนร่างเดิมของมันคืนสภาพ ให้เธอได้ยิ้มพึงพอใจกับตัวเองที่ได้เป็นตัวเองแล้วในนาทีนี้

     

    แต่เท่านั้นยังไม่พอ

     

    กระเป๋าหนังใบโตที่ถูกยัดกระดาษหนังสือพิมพ์มาเต็มแน่น โดนมือเล็กๆล้วงออกมาขยำๆแล้วโยนลงถังขยะอย่างไร้ค่า ภายในนั้นไม่มีอะไรเหลือนอกจากปากกาเก่าๆหนึ่งแท่งและสมุดเล่มบางเพียงหนึ่งเล่ม เท่านั้นเองที่เธออนุญาตให้อาศัยอยู่ในกระเป๋า และสิ่งที่ต้องทำถัดจากนั้น มือคู่เดิมก็จัดการเอามันวางนาบกับเก้าอี้หินอ่อนข้างทาง แล้วนั่งทับจนมันแบนสนิทติดเก้าอี้ ประหยัดพื้นที่ในการถือ..

     

    ขั้นตอนสุดท้ายในตอนแปลงร่างน้องกระเป๋า เธอหยิบเอาคลิปหนีบกระดาษแบบหนามาหนีบเข้าที่ด้านข้างของกระเป๋าหนัง ให้มันมีความกว้างเพียงห้าเซนติเมตร

     

     

    “เรียบร้อย

    เสียงใสบอกตัวเองก่อนจะยิ้มแป้นอย่างพอใจเมื่อเสร็จพิธีการ มือล้วงลงกระเป๋ากระโปรง หยิบเอาไอโฟนเครื่องบางมาเปิดกล้องหน้าเช็คสภาพตัวเอง รอยยิ้มหวานละลายโลกฉีกใส่กล้องหน้าผ่านที่แสดงภาพแอพพลิเคชั่นชื่อดัง ก่อนเสียงแชะ จะดังขึ้นเมื่อเธอกดถ่ายมันด้วยตัวเอง

     

    นิ้วเรียวสไลด์ย้อนกลับไปดูรูปหน้าตาที่แส๊นเรียบร้อยของเธอเมื่อเช้าก่อนที่มันทั้งคู่จะถูกจับมาวางคู่กันโดยฝีมืออีกแอพพลิเคชั่นหนึ่ง ความชำนิชำนาญในการแต่งรูป ทำให้เธอใช้เวลาไม่ถึงห้านาทีให้การจัดการมัน และตอนนี้ รูปคนเดียวกันที่ต่างกันสุดขั้ว ก็ถูกจับมาวางคู่กันและอัพโหลดลงแอพพลิเคชั่นอวดรูปถ่ายชื่อดังเรียบร้อยแล้ว

     

    นี่แหล่ะ นี่แหล่ะนทพนายางกูรสไตล์

     

    เธอไม่ได้เป็นเด็กตัวร้าย แค่อยากเป็นตัวของตัวเอง ก็แค่นั้น 

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    “ไอ้เด็กเซี้ยว ระวังโดนคุณลุงจับกร้อนผมนะ”

     

    “แฝดคนละฝา !!!!

     

    “ยูนิฟอร์มรัฐบาลนี่มันชวนเรียบร้อยจริงๆเลย”

     

     

    เป็นสิบๆคอมเม้นของเพื่อนสนิทที่โรงเรียนเก่า กำลังทำนทยิ้มแป้นเงียบๆคนเดียวอย่างมีความสุข โลกใบใหม่รอบข้างกำลังถูกลืมเลือนไปชั่วขณะ เมื่อเด็กเซี้ยวของใครบางคนที่นั่งอยู่ตรงนี้ กำลังรีบส่งไลน์หาคนที่คิดถึง ด้วยสติ๊กเกอร์ลายบราวน์แอนด์โคนี่กอดกันและมีหัวใจล้อมรอบตัว

     

    อีกสิบล้านหมื่นแสนความคิดถึงในหัวใจคนว้าเหว่ ถูกถ่ายทอดเป็นสิบๆตัวอักษรที่กำลังถูกพิมพ์ด้วยมือคู่นี้

     

    “ที่นี่อย่างกับโลกคนละใบเลย คิดถึงโรงเรียนเราชะมัด คิดถึงพี่แกรนด์ด้วย”

    ความคิดถึงรุมเร้าคนว้าเหว่ให้ถอนหายใจออกมาเบาๆ อาการคิดถึงที่เก่าๆเริ่มกำเริบจนรอยยิ้มสวยๆเหือดหายไปอย่างน่าเสียดาย ดวงตาเรียวเล็กจ้องจอโทรศัพท์ด้วยประกายระยิบระยับกับความหวัง เธอต้องการคนคนนี้ตอนนี้ที่สุดเลย

     

    นั่นไง พี่แกรนด์ของเธออ่านมันแล้ว

    นทนั่งจ้องจอตาแทบไม่กระพริบ อดใจไม่ไหวว่าอีกคนจะตอบเธอมาด้วยคำพูดแบบไหน

     

     

    “นี่มันเวลาเรียน ไอ้เด็กเซี้ยว! ตั้งใจเรียนก่อน ห้ามดื้อห้ามซนห้ามเกเรนะ ถ้าทำตัวดีจะไปหาบ่อยๆ”

     

    “แล้วก็เงยหน้าจากจอได้แล้ว ก้มจนจะชิดอยู่แล้ว ไปๆ ตั้งใจเรียนเลย!

     

    นทอยากจะยิ้มพร้อมร้องไห้ไปด้วยกับคำพูดที่แสนรู้ทันแบบนั้น อีกคนไม่เห็นเธอตรงหน้าแต่ก็ยังอุตส่าห์รู้ว่าเธอกำลังทำท่าทางแบบไหน แต่คนสวยใจร้ายก็ยังใจร้าย ยังหักดิบหัวใจเธอไม่เคยเปลี่ยน กล้าตัดรอนความหวังจะคลายเหงาของเธอจนขาดวิ่นแถมยังไล่ให้ไปตั้งใจในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ เรื่องเรียนเคยสำคัญยังไง มันก็ยังสำคัญอยู่อย่างนั้น เหมือนกับเธอที่ไม่เคยสำคัญ ก็ยังได้แค่ความสัมพันธ์ที่ไม่พัฒนา

     

     

    “นักเรียนเคารพ”

     

    ก็ใครกันล่ะอยากจะเงยหน้าจากโลกเสมือนแสนอบอุ่นมาเจอโลกความจริงที่ไม่คุ้นเคยแบบนี้ เสียงคำสั่งแบบไร้ซึ่งอำนาจของเพื่อนร่วมชั้นตัวสูงโย่งดึงความสนใจเธอไปได้ตั้งห้าวินาที ก่อนที่เธอจะต้องก้มลงกราบลงบนโต๊ะไม้เก่าๆซึ่งไม่รู้ว่าเอาอายุเธอคูณห้า จะพอสูสีกับอายุโต๊ะตัวนี้ไหม

     

    นทเอนหลังพิงพนักเก้าอี้อย่างหมดอาลัยตายอยาก เธอคิดผิดถนัดที่รู้สึกว่าโรงเรียนนี้มันอบอุ่นและสวยงามเหลือเกินในก้าวแรกที่เดินเข้ามา ความจริงที่เธอต้องเจอตอนแปดโมงเช้า คือความเป็นระเบียบของทุกๆคนที่ทำให้เธอกลายเป็นตัวประหลาดไปโดยปริยาย

     

    มีแต่เสื้อนักเรียนขาวจั๊วะเรียบกริบที่สอดชายเสื้ออยู่ในกระโปรง หน้าตาเรียบร้อยน่ารักสมวัยมัธยม กับทรงผมมัดตึงที่มีหางม้ายาวถึงกลางหลัง เท่านั้นเอง แฟชั่นของเด็กโรงเรียนนี้

     

    แฟชั่นที่เธอเข้าไม่ถึง !!!!!

     

     

    แต่นั่นก็ไม่ทำให้เธอเสียเซลฟ์เท่าสายตาที่เธอพบเจอ สายตาของเด็กเนิร์ดๆ ที่มองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า เน้นย้ำเอาที่ทรงผมเธอประหนึ่งด่ากันผ่านสายตา

     

    ด่าเธอน่ะด่าได้ แต่ทรงผมเธอ ยอมไม่ได้หรอกนะ !!!!!!!!

     

     

     

    “วันนี้ห้องเรามีเพื่อนใหม่

    ประโยคน่าสะพรึงจากเสียงเรียบนิ่งของคุณครูประจำวิชา กำลังเรียกให้ทุกสายตามาจับจ้องที่ตัวเธอพร้อมกันแบบมิได้นัดหมาย คนที่กำลังเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันอย่างแค้นแสนแค้นถึงกับชะงักกึก เอาแล้ว.. สายตาแบบนี้ไงที่เธอพยายามหลีกเลี่ยงมาตั้งแต่เช้า สายตาที่มองเหมือนเธอเป็นคนประหลาดกินแมวอย่างไรอย่างนั้นแหล่ะ

     

    “ทรงผมแบบนั้น อาจจะเพราะ นี่ยังเป็นวันแรกของโรงเรียนใหม่ ถึงได้ดูไม่เรียบร้อย แต่เดี๋ยวมันจะเรียบร้อยใช่ไหมคะ?

    ดวงตาเข้มดุที่น่ากลัวที่สุด ทำเอาคนเคยเซี้ยวที่สุดจ้องพยักหน้าช้าๆอย่างปฏิเสธไม่ออก นทกวาดสายตามองเพื่อนรอบห้องอย่างเต็มตาเป็นครั้งแรก และทุกคนก็ไม่ได้มีอะไรแตกต่างไปจากที่เธอเคยเห็นเมื่อเช้าเลย

     

    ดูเรียบร้อยและมีการอบรม น่ารักสดใสแต่ก็ยังคงสุภาพอย่างกลมกล่อม สมวัย พอดี เพอร์เฟ็กต์

    ผิดกับเธอ ! แต่งตัวอะไรไม่รู้ เนี่ย !!!!!!!!!! อะไรไม่รู้

     

    นี่เป็นครั้งแรกในชีวิต ที่เธอรู้สึกแย่กับความไร้ระเบียบของตัวเอง

     

    ทั้งที่ก่อนหน้านั้นเธอไม่เคยมีสักเสี้ยวสำนึกที่จะรู้สึก

     

     

     

     

     

    “นท นี่คุณลุง”

    เธอยังจำเสียงแนะนำคุณลุง พี่ชายของแม่ของเธอได้แม่นยำ มันอาจจะผ่านมาเนิ่นนานแต่ก็ติดแน่นในความรู้สึก สายตาเข้มดุที่เธอได้นับมันเป็นประจำตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกัน ตอกย้ำให้เธอรู้ว่าตัวเองไม่ได้ดูดีเลยสักนิดในความรู้สึกผู้ใหญ่น่ากลัวคนนั้น

     

    ผู้ใหญ่ที่พ่อบอกว่าเฮี้ยบสุด มีตำแหน่งการันตีความเฮี้ยบเป็นถึงผู้อำนวยการโรงเรียนรัฐบาลชื่อดัง

     

    ตอนนั้น เธอก็เป็นแค่เด็กนานาชาติเกรดสิบ ใช้ชีวิตแบบอิสระตามใจตัวเอง มีความคิดเป็นของตัวเองและมั่นใจในตัวเองจนโดนผู้ใหญ่หัวโบราณหาว่าก้าวร้าวลามปาม เธอเสแสร้งไม่เป็น เลยไม่เคยรู้ว่าต้องทำตัวยังไงให้น่าเอ็นดู เธอแค่เป็นเธอ แต่คุณลุงสุดเฮี้ยบรับเธอไม่ได้ !

     

    ยังจำได้ดีตอนที่ฟ้าผ่าเอาลงกลางหัวเธอเมื่อสามสี่อาทิตย์ก่อนจะเปิดเทอมสองของเกรดสิบสอง

     

    “คุณลุงอยากเอานทไปเรียนที่โรงเรียนที่คุณลุงเคยเป็นผู้อำนวยการ ถ้านทไม่ลำบากอะไร ก็ไปเถอะนะลูก”

     

    “แมมมม่ ทำไมอ่ะ.. อะไรอ่ะ ให้นทย้ายโรงเรียน ย้ายทำไม ? ใครเค้าจะไปให้อ่ะแม่ นทไม่ไปน้า

     

    “คุณลุงบอกว่านทเซี้ยวเกินเด็กผู้หญิง แถมยังดูก้าวร้าวอีกด้วยซ้ำ ลุงบอกว่าเพราะนทอยู่ในที่ที่ไร้ระเบียบเกินไป แม่ว่าก็จริง ลองไปเรียนที่นั่นสักเทอมก็ไม่มีอะไรเสียหายหรอกน่า นะนท อย่าทำให้แม่ต้องปวดหัวหลายรอบเลยนะ”

     

    เธอรู้ดีว่าประโยคแบบนั้นของแม่คือการขอร้องให้เธอมา และเธอก็ไม่อาจจะปฏิเสธได้

     

     

     

    และนั่นทำให้เธอต้องมานั่งสำนึกเสียใจกับทรงผมเละเทะของตัวเองในตอนนี้

     

     

    การเล่าเรียนในเช้าวันนั้นเป็นในแบบที่เธอไม่เคยชิน สมุดกับปากกาแท่งเดียวของเธอถูกหยิบมาใช้งานทุกครั้งที่สายตาคมๆของคุณครูโรงเรียนรัฐบาลมองผ่าน และในบางครั้งไม่ใช่แค่มองผ่าน แต่นานกว่านั้นจนเรียกได้ว่าจ้องเธอ เป็นนาที

     

     

    แต่นทไม่มีทางรู้ได้เลย ว่านอกจากคุณครูสุดเฮี้ยบหน้าชั้นเรียนนั้นแล้ว จะมีสายตาคู่นึงที่แอบมามองจ้องเธอ เนิ่นนานหลายสิบนาที

     

    เจ้าของสายตาคู่นั้นอมยิ้มตลอดทุกวินาทีที่ผ่านไป เธอเห็นคนประหลาดคนนั้นตีหน้ายุ่งตอนที่คิดอะไรคนเดียว ทำท่าเหวอตอนที่โดนคนทั้งห้องจับจ้อง แล้วตอนนี้คนประหลาดคนนั้นก็กำลังถอนหายใจพรืดๆซ้ำไปซ้ำมา

     

    คิดอะไรอยู่ก็ไม่รู้นะ เธอก็เดาไม่ได้

     

     

    มือเรียวสวยที่เกี่ยวไว้กับระเบียงไม้เก่าๆ ยกขึ้นมาปาดเหงื่อที่ไหลลงมายังข้างแก้มป่องๆอย่างรำคาญ เพราะอากาศมันร้อน และเธอก็ต้องใช้ความพยายามในการซ่อนตัวมากไปหน่อย แก้มขาวๆจึงขึ้นสีแดงระเรื่อน่าเอ็นดูเหมือนเด็กญี่ปุ่นในโฆษณา

     

    นี่ถ้าทำแล้วไม่รู้สึกดีจริง เธอคงไม่บ้าโดดเรียนครั้งแรกในชีวิตเพื่อมานั่งมองคนประหลาดแบบตอนนี้

     

     

    และอะไรที่ดลใจเธอ เธอก็ไม่รู้ นาทีนี้รู้เพียงแต่ว่า หัวใจเธอที่เต้นเป็นจังหวะแปลกๆมาตลอด กำลังวิ่งเข้าสู่ภาวะปกติอีกครั้ง ภาวะที่เธออบอุ่นและปลอดภัย จังหวะหัวใจแบบที่เธอลืมไปเกือบสี่ปี

     

     

    มันนานมาแล้วจนเธอเองก็ไม่กล้ามั่นใจว่าใครคนนั้นจะไม่ลืมเธอ

    แต่ที่เธอมั่นใจ คือเธอไม่มีวันลืมใครคนนั้น

     

    จำได้ แม้กระทั่งเสียงล่ำลาแข็งกระด้างในวันจบการศึกษาของประถมหกในปีนั้นด้วยซ้ำ

    เสียงที่ปั้นจนเป็นผู้ใหญ่เกินตัวของเด็กป.หก

    ที่เจ้าของเสียงโดนเธอยึดเอวเล็กๆเอาไว้แน่นด้วยความหวงแหน ไม่อยากให้ห่างหายไปไหน

     

     

    “ไม่ต้องร้องไห้โยเยนะน้องแอป น้องแอปโตแล้วนะรู้ไหม ?

     

    “เดี๋ยวเราก็เจอกันอีกนะ”

     

     

    คนพูดคงไม่รู้หรอกว่าเธอรอวินาทีนี้เสมอมา

    เธอรอมานานเพื่อพบว่า หัวใจของเธอ คิดไม่ผิดเลยที่เลือกจะรอ

     

     

     

     

     

     

     

    .

    .

     

     

     

     

     

     

     
     

    หนึ่งอาทิตย์ผ่านไปในโรงเรียนมัธยมที่นททั้งรักทั้งแค้นในเวลาเดียวกัน

     

     

    หน้าห้องเรียนวิชามารยาทที่นทได้รับคำสั่งให้มานั่ง ดวงตาหม่นเศร้ามองภาพหมู่ของเพื่อนชั้นเรียนเดียวกันจากโรงเรียนเก่าในมือถือพร้อมกับถอนหายใจซ้ำแล้วซ้ำเล่าด้วยความคิดถึงอะไรเดิมๆอย่างสุดหัวใจ เธอโดนพรากจากครอบครัวอันเป็นที่รัก โดนพรากจากเพื่อนรักเพื่อนตายที่กอดคอกันเรียนและเล่นมากว่าหกปีในเทอมสุดท้ายของมัธยม ถูกพาออกมาจากสังคมที่รักเธอที่เธอเป็นเธอ มาเพื่อพบกับสถานที่ที่มีแต่กฎระเบียบและการบังคับขู่เข็ญ ไม่มีใครสักคนจะเห็นใจ

     

    นานๆเข้า ความน้อยใจในโชคชะตาก้ถูกกลั่นออกมาเป็นน้ำตาหยดน้อยๆ เธออยากโกรธคุณลุงจังเลย แต่ก็ไม่กล้า

     

    มืออีกข้าง ต้นเหตุที่ทำให้เธอต้องมานั่งแห้งจะตายอยู่ที่นี่ กระดาษสามแผ่นที่ยับยู่ยี่ไปแล้วสอง และอุ่นๆออกจากเครื่องปริ๊นท์อีกหนึ่ง ข้อความในกระดาษนั้นเหมือนกันทั้งสามแผ่น แต่ยิ่งมันมาอยู่รวมกันมากเท่าไร คุณค่าของมันก็จะยิ่งเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น

    จนมันอาจจะมีอำนาจพาเธอกระเด็นออกจากโรงเรียนนี้ภายในอาทิตย์เดียวเลยก็ได้

     

    ที่ในมือเธอน่ะ ใบทัณฑ์บนนะ

     

    เรื่องทรงผมของเธอ

    สิ่งเดียวที่เหลืออยู่กับเธอ สิ่งเดียวที่ยังคงเหลือความเป็นเธอในตอนนี้

     

     

     

     

     

    “นักเรียน

     

    เสียงเข้มดุดังขึ้นต่อหน้าแต่นทก็ไม่อยากจะสนใจเท่าไรนัก ความเซ็งกำลังทำให้นทไม่อยากมองหน้าใคร แม้จะรู้ว่าผู้ที่เรียกเธออยู่นั้น คือคุณครูก็ตาม

     

    แต่นทก็ดื้อได้ไม่นานหรอก

    สุดท้ายเธอก็ต้องเงยหน้ามองคุณครูอาวุโสท่านนี้อยู่ดี

     

    “ทำไมไม่ตัดผมล่ะ จะสะสมใบทัณฑ์บนไว้ชิงโชคหรือไง ฮึ ?

    แม้ใบหน้าของคุณครูอาวุโสจะดูดุเหลือเกินเมื่อมองในแว่บแรก แต่เมื่อท่านระบายยิ้มออกมา ก็ทำให้คุณครูคนนี้ดูใจดีขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ นทช้อนสายตาน่าสงสารคู่นั้นขึ้นมองคุณครู แม้เรื่องหมองเศร้านั้นจะหนักหนาเพียงไร แต่เมื่อได้รับรอยยิ้มที่อบอุ่นจากคนที่น่าจะเข้าใจกันบ้าง ก็ทำให้หัวใจที่เหนื่อยหน่ายมาตลอดรู้สึกดีขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ

     

    “อ้าวๆ เอาแต่มองแล้วจะคุยกันรู้เรื่องไหมคุณ บอกครูสิ ทำไมไม่ตัดผม ห่วงสวยหรือ”

    คุณครูผู้อาวุโสนั่งลงข้างๆเธอ ทั้งยังระบายยิ้มอ่อนโยนให้กันจนนทน้ำตาไหลปริ่มออกมาอีกรอบ จากที่ตั้งใจจะดื้อรั้นให้สุดชีวิตกับเรื่องทรงผมนี้ แต่สุดท้าย ก็ต้องกลับลำเปลี่ยนใจ และเปิดปากตอบคำถามไปพร้อมกับสองมือที่สลับกันมาเช็ดน้ำตาเรื่อยๆ

     

    “นทนทไม่อยากตัดผม มันเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจอันเดียวของนท ตอนที่นทคิดถึงเพื่อนที่โรงเรียน คิดถึงบ้าน คิดถึงแม่

    ยิ่งพูดน้ำตาก็ยิ่งลาม แต่ดูเหมือนความเอ็นดูจากคุณครูก็เพิ่มพูนขึ้นเช่นกัน มือคู่ที่มากล้นไปด้วยประสบการณ์แตะลงที่ไหล่ลูกศิษย์ตัวน้อยอย่างสงสาร และเสียงปลอบโยนก็ดังขึ้นให้คนรับฟังได้ผ่อนคลายจากความเศร้าหมองลงไปบ้าง

     

    “เส้นผมไม่ได้ทำให้คุณจำใครได้ หรือคุณไม่รู้ว่ามันไม่มีความรู้สึก

    และมือคู่ที่เคยแตะไหล่เธอ ก็เลื่อนผ่านเส้นผมแผ่วเบาจนนทแทบไม่รู้สึก

     

    “ไม่ใช่เหตุผลที่คุณจะเก็บมันเอาไว้นะถ้าเรื่องนี้ ครูก็เข้าใจเหตุการณ์ที่คุณต้องเจอ เพียงแต่ว่า ถ้าเรื่องเหล่านั้นสำคัญพอที่จะทำให้คุณคิดถึงจริง คุณจะคิดถึงพวกเขาได้ด้วยหัวใจของคุณ ไม่ใช่การมองทรงผมที่อยู่กับคุณในตอนนี้

     

    เหมือนเป็นคำพูดดีดีที่ทำให้นทต้องยกมือขึ้นปาดน้ำตาอีกครั้ง เธอยังรักยังเสียดายทรงผมนี้ของเธอสุดใจ ... ดวงตาหม่นหมองที่แม้จะดีขึ้นแต่ก็ยังไม่สดใสเหมือนเคย จ้องมองคุณครูอย่างยากลำบากหัวใจ เธอเองก็ไม่ได้อยากทำผิด เพียงแต่จะให้ตัดผม ก็ไม่ใช่สิ่งที่อยากทำเหมือนกัน

     

    และดูเหมือนคุณครูท่านนี้จะเข้าใจเธอดีเสียด้วย...

     

    เรื่องผมคุณ เอาไว้ก่อนก็ได้ ที่ครูเตือนก็เพียงแต่ไม่อยากให้คุณต้องได้ใบทัณฑ์บนใบที่สี่เท่านั้นล่ะ คุณให้ความร่วมมือครูหน่อยนะ ปฏิบัติตามกฎระเบียบของโรงเรียนเถอะ อะไรที่คุณไม่รู้ ครูจะสอนให้

     

    นทจะตัดผมค่ะ นทตัดได้.. แต่นทขอเวลาก่อน นะคะ

    เสียงอู้อี้เพราะการร้องไห้ ดังขึ้นให้คนฟังต้องอมยิ้มอีกครั้ง เหตุผลบางประการที่ทำให้นทไม่อยากตัดผม ถูกเก็บเป็นความลับไว้กับเธอต่อไป .. และมีหรือที่คุณครูใจดีจะไม่ยอม ท่านพยักหน้าช้าๆเป็นการตอบรับให้นทได้ใจชื้นขึ้นมา...

     

    ก่อนที่สุ้มเสียงเข้มลึกนั่นจะพูดต่อ ให้นทได้ตีคิ้วเป็นโบว์อีกรอบหนึ่ง


     

    “ครูจะอนุโลมให้คุณไว้ผมทรงนี้จนกว่าคุณจะพร้อม แต่ข้อแม้คือคุณต้องปฏิบัติตามกฎโรงเรียนข้ออื่นให้เคร่งครัด

     

    ดวงตาที่ถูกปรับจนดุแสนดุจ้องมองมาที่เธอ ให้นทได้ตัวหดอย่างเกรงกลัว

     

    “แต่ครูไม่รู้จะไว้ใจคุณได้ไหม ? คงต้องมีใครสักคนคอยดูแล

    สิ้นประโยคนี้ ดวงตาคู่เดิมที่เอาแต่จ้องกันก็ไล่มองให้นทได้เกร็งตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า ทุกที่ที่สายตาลากผ่าน มันมีจุดผิดระเบียบให้คนมองได้ขมวดคิ้วแน่นจนนับไม่ถ้วน หูเอย สร้อยคอเอย ไหนจะรอยจิลเวอรี่ที่จมูกเธอ นานัปการที่ทำเอานทอยากจะร้องไห้ถ้าต้องเอามันทั้งหมดทิ้งไปจริงๆ

     

    “ตามครูมาในห้อง ครูจะเก็บเครื่องประดับของคุณไว้ ปิดเทอมครูจะคืนให้ แล้วก็จะพาคุณไปรู้จักคนที่คุณจะต้องให้เขาดูแล

     

     

    นทลากเท้าเอื่อยๆตามคุณครูท่านเดิมไปอย่างเหนื่อยหน่ายหัวใจ ระหว่างทาง สองมือก็ปลดเอาเครื่องประดับออกมาพร้อมกับถอนหายใจเรื่อยๆอย่างไม่อยากจะเอามันออกแม้แต่ชิ้นเดียว

     

    บรรยากาศในห้องเรียนวิชามารยาทเงียบสงบ เยือกเย็นจนเธอรู้สึกหนาวๆ ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดนอกจากเธอและคุณครูอาวุโส มีแต่เสียงขิมลอยตามลมมาเบาๆ

     

    เดาว่ามาจากหลังฉากที่กั้นอยู่ สุนทรีย์ดีแท้

     

    “เอาเครื่องประดับวางไว้ที่นี่

     

    นทวางมันทั้งหมดในมือลงในกล่องที่มีเครื่องประดับประเภทเดียวกันเต็มกล่อง ในนั้นถูกแบ่งเป็นช่องๆอย่างเป็นระเบียบ เสี้ยววินาทีนั้น นทกวาดตามองไปทั่วโต๊ะ และหยุดสายตานิ่งสนิทอยู่ที่ป้ายชื่ออันยาวบนโต๊ะที่ตั้งเด่นรอให้ใครสักคนมองเห็น

     

    คุณครูยุพิณ ฝ่ายปกครอง

     

    หึ ถึงว่าทำไมมันถึงเย็นเยียบแปลกๆ ที่แท้ที่นี่ก็คือห้องปกครองเสมือนนี่เอง

     

     

     

     

    “คุณนั่งก่อน ครูจะไปตามเขามาให้คุณรู้จัก”

     

    ได้รับเชิญให้นั่งเก้าอี้ นทก็ยิ้มแหยๆรับก่อนจำทิ้งตัวนั่งลงอย่างยอมแพ้แล้วทุกสิ่งทุกอย่าง หมดสิทธิอุทธรณ์ ที่แท้เธอก็กำลังอยู่กับครูฝ่ายปกครอง และลายเซ็นที่ลงท้ายในกระดาษสามแผ่นในมือเธอก็คือชื่อคุณครูคนนี้ ครูยุพิณ ชีวิตเธออยู่ในมือครูเลยเถอะ ให้ตาย

     

    นทถอนหายใจพรืดเป็นรอบที่ร้อย ในหัวเธอจินตนาการภาพคนดูแลเธอไว้มากมาย อาจเป็นครูสักคนนึง ที่อาวุโสพอๆกับครูยุพิณ อาจจะดุดันกว่า อาจจะใจร้าย อาจจะบังคับให้เธอกลายเป็นเนิร์ดภายในวันนี้ ไม่ก็วันพรุ่ง

     

    หรือหากเป็นนักเรียน

     

    ก็คงเป็นเด็กติ่งที่แสนเรียบร้อย วันๆไม่ทำอะไรนอกจากจับหนังสือเรียน ประจบประแจงจนสนิทกับคุณครูวิชามารยาท ท่องกฎระเบียบโรงเรียนแม่นยิ่งกว่าสูตรตรีโกณมิติ อะไรทำนองนั้น

     

     

    นทยังนั่งถอนหายใจพรืดๆ คิดเรื่องราวดีดีในแง่ลบต่อไป โดยไม่ทันได้สนใจจะฟังด้วยซ้ำ ว่าเสียงเพลงไทยเดิมจากขิมหลังฉากที่นทเคยว่าสุนทรีย์ มันได้เงียบลงไปนานแค่ไหน

     

    ไม่รู้แม้กระทั่งว่า คนที่เธอจะต้องไปอยู่ในความดูแลของเขา กำลังรอคอยวันนี้นาทีนี้ด้วยความสุขเพียงไร

     

    เด็กหญิงตัวสูงโย่งในชุดนักเรียนถูกระเบียบเรียบร้อย ยืนยิ้มและมองคนตัวเล็กห่างๆอย่างเต็มตื้น การรอคอยของเธอ หมดสิ้นแล้ว จะไม่มีคำนี้ให้เธอต้องท้อถอยอีกต่อไป

     

     

    พี่นทของเธอ เราจะเจอกันแล้ว

     

     

     

     

     

    ขาเรียวยาวก้าวเข้าไปใกล้ๆ ก่อนที่เธอเลือกจะส่งเสียงออกไป บอกให้รู้ตัว

     

     

     

    “พี่นทคะ

     

     

    “จำได้ไหมคะ ? แอปเอง

    .

     

     

     

    .

     

    ....















     

    รักทุกคนนะคะ
    ลูกไม้เอง
    <3.
    >////////<

    ปล พี่นทอยู่มอหก น้องแอปอยู่มอสี่ค่าาา :)

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×