ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    "แต่เล็กจนโต..." #specialproject #noteapp67 [นทแอป]

    ลำดับตอนที่ #3 : # แต่เล็ก 3

    • อัปเดตล่าสุด 7 มี.ค. 56



    # แต่เล็ก 3




    เมื่อมีลมหายใจก็ควรใช้ชีวิตให้คุ้มค่า...



    ไม่คิดเลยสิบสองปีกับการมีชีวิตอยู่จะผ่านไปรวดเร็วเช่นนี้




    จากเด็กน้อยกลายเป็นเด็กหญิงผมยาวสลวยวัยสิบสองปี รูปร่างสูงโปรงหน้าตาน่ามองได้รวดเร็วถึงเพียงนี้ ได้แต่หมุนตัวเองไปมาอยู่หน้ากระจกแบบนั้นอยู่นานสองนานจนลืมดูเวลาไปเสียสนิท



    “อ้ายย สายสายสาย สายแล้ว”




    ตุบ ตับ ตุบ ตับ





    ฝ่าเท้าเรียวยาวแทบไม่รั้งรอรีบวิ่งลงบันไดบ้านชั้นบนอย่างรวดเร็ว ขายาวก้าวพ้นประตูบ้านโดยไม่ลืมที่จะหันมายกสองมือประนมสวัสดีบุพการีทั้งคู่ ก่อนจะก้าวขึ้นรถประจำทางที่มารอรับไปอย่างว่องไว





    “น้องแอป ไม่ทานข้าวเช้าหรือลูก”





    “ไม่ทันแล้วค่ะคุณแม่...สวัสดีนะคะคุณพ่อคุณแม่”





    ภาพนั้นทำให้ผู้ใหญ่สองคนถึงกับส่ายหน้าไปมา...ตั้งแต่วันนั้นที่รับลูกสาวกลับมาอยู่ด้วยกันหลังจากเสร็จสิ้นธุรกิจจากต่างประเทศ จนถึงวันนี้ก็ยังเหมือนเดิม...แอปเปิ้ลยังขี้เซาได้สม่ำเสมอจนสิบสองขวบเข้าไปแล้ว




    ไม่นานรถรับส่งประจำทางก็แล่นเข้ามาจอดถึงหน้าประตูโรงเรียนเอกชนดังเช่นทุกวัน พื้นรองเท้าหนังแตะกับพื้นซีเมนต์หยาบอย่างช้าๆ เจ้าของมันพลางสูดลมหายใจเข้าลึกๆเมื่อเดินผ่านสถานที่คุ้นเคย





    ไม่ว่ามองไปทางไหนเธอก็เห็นแต่เงาของใครคนนั้น




    การมาโรงเรียนโดยไม่มีจุดมุ่งหมายมันเปล่าเปลี่ยวเดียวดายเช่นนี้เองหรอกหรือ





    แปดปีที่ผ่านมาแอปเปิ้ลรู้สึกว่าการมาโรงเรียนของตัวเองมีจุดหมายเสมอ จนเข้าปีที่เก้าเท่านั้นเอง...ความหวังทั้งหมดเหมือนถล่มทลายลงมาทันทีที่เธอก้าวขึ้นสู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ห้า





    ตอนสามขวบ...เธอรู้สึกว่าตัวเองอุ่นใจเวลามีมือคู่นั้นจับจูงกันมาส่งถึงห้องเรียน แม้ใบหน้าหวานๆนั่นจะไม่ได้ส่งยิ้มให้เธอเลยสักนิดเดียวก็ตาม แต่คำพูดสุดท้ายที่ย้ำทุกวัน...มันทำให้เธออุ่นใจว่าตัวเองจะไม่ถูกทิ้ง





    “น้องแอปรอนี่...ตอนเย็นพี่นทก็มารับ  อย่าดื้อนะ”

    เธอพยักหน้า...แต่พอใครคนนั้นเดินห่างไปไม่ถึงสองก้าว เธอก็วิ่งไปกอดเขาเอาไว้เสียแล้ว


    แต่จะกอดเขาแบบนั้นไปตลอดได้ยังไง...ตอนนี้เธอรู้แล้วว่ามันอาจเป็นไปไม่ได้เลย





    “ทำไมอ้ะ...ตอนเย็นพี่นทก็มารับง๊ายยย”


    มือนุ่มๆแสนอบอุ่นคู่เดิมพยายามแกะมือเธอออก...แล้วเดินจากไป จนเธอเผลอน้ำตาหยดแผละลงมาที่พื้น แล้วใครคนนั้นก็หันกลับมามองก่อนจะกอดเธอไว้





    ให้ตายสิ...ใครคนนั้น....ช่างใส่ใจเธอ






    ตอนสี่ขวบ...เธอทนรอจะเห็นหน้าใครบางคนไม่ไหว จึงยอมเดินตากฝนออกจากเขตอนุบาลไปถึงรั้วของเด็กประถม...และเธอก็พบว่าใครคนนั้นลืมเธอไว้ที่ห้องเรียนจริงๆ





    ใครคนนั้นมีสีหน้าไม่บ่งบอกอารมณ์...แต่ก็ยังเป็นห่วงเธอไม่เคยเปลี่ยนแปลง






    ตอนห้าขวบ...เธอเห็นใครบางคนกำลังถือผลไม้หลากสี...มีทั้งสีเขียวสีแดงสีเหลือง เธอจึงนึกอยากเอามากินบ้าง




    แต่ใครคนนั้นไม่ยอมให้เธอ...เธอจึงร้องไห้โยเยอยู่หลายนาที และแย่งมันมาได้ในที่สุด เธอแอบเห็นใครคนนั้นทำหน้าเหวอในวินาทีที่เธอเอาปากงับเนื้อผลไม้นั่นลงไป




    “อ๊าา...เผ็ดๆๆ งือออออ”



    “ก็พี่นทบอกแล้วไงว่าไม่ให้อ่ะ”





    และเธอก็พบว่าผลไม้นั่นคือพริกหยวกนั่นเอง







    ตอนหกขวบ...เธอดีใจแทบแย่เมื่อรู้ว่าตัวเองกำลังขึ้นชั้นประถม...เธอจะได้มีเครื่องแบบนักเรียนเหมือนใครอีกคนแล้ว




    เช้าวันนั้นเธอยอมตื่นแต่เช้าตรู่เพียงหวังว่าวันนี้เธอจะได้จับมือไปโรงเรียนกับใครอีกคน และเราจะได้อยู่ชั้นเดียวกันเมื่อเราตัวโตเท่ากัน

    แต่แล้วเธอก็ผิดหวังเมื่อพบว่าทันทีที่เธออยู่ปอหนึ่ง...ใครคนนั้นก็หนีเธอไปอยู่ชั้นปอสาม





    เขาโกหกเธออีกแล้ว...และเป็นเธอที่ประท้วงด้วยการไม่ยอมตื่นไปโรงเรียนอีกลเยหลังจากวันนั้น



    “น้องแอปอ่า...พี่นทจะไปสายอีกแล้วนะ”




    “ช่างสิ”




    “ช่างไม่ได้นะ...ตื่นซี่”





    เธอเห็นอีกคนขมวดคิ้วมุ่นหลังจากใช้แรงทั้งหมดที่มีพยายามลากเธอจากเตียง แต่เสียใจเถอะตอนนี้เธอตัวเท่าอีกคนแล้ว เธอสู้อุตส่าห์ดื่มนมเพื่อหวังว่าเราจะได้เรียนด้วยกัน




    แต่เขา...เขาดันหลอกเด็กตาดำๆอย่างเธอ..ฮืออออ





    “อ่า...พี่นทขอโทษอ่ะ...จะไม่โกหกแล้วนะ นะ ดีกัน”



    “ก็ได้”





    แต่เธอก็กลายเป็นคนใจอ่อนที่ยอมส่งนิ้วเล็กๆไปเกี่ยวก้อยสัญญาเพื่อรับคำขอคืนดีของใครคนนั้น ทั้งที่เขาหลอกเธอมาสองปีเต็มเชียวนะ







    ตอนเจ็ดขวบ...เธอขึ้นปอสอง...และใครคนนั้นก็หนีเธอไปอีกชั้นหนึ่ง...เธอจึงเข้าใจว่าไม่ว่าทางใด เธอก็ไม่สามารถไปนั่งเรียนห้องเดียวกับใครอีกคนได้อย่างแน่นอน





    ทั้งที่เธอตั้งใจเรียน ยอมทำการบ้าน จนได้ที่หนึ่งของชั้นเรียน...แต่ก็ยังก้าวตามเขาไปไม่ถึง






    ปีนั้นเธอโกรธใครบางคนแทบแย่...ที่ไม่ยอมไปดูเธอขึ้นแสดงในวันงานโรงเรียน เพียงเพราะเขาให้เหตุผลกับเธอว่าไปดูคนอื่นอยู่ที่เวทีอีกด้าน





    “พี่นทใจร้ายยยย”





    “อ่าา พี่นทขอโทษ...ก็พี่นทดูพี่แกรนด์อยู่อ้ะ”





    “แล้วสวยมั้ย”





    เธอถามเพราะอยากรู้...อยากรู้ว่าคนอื่นจะสวยในสายตาของเขาบ้างไหม..แล้วเธอล่ะ...สวยสำหรับเขาบ้างรึเปล่า และคำตอบที่ได้ก็ทำเอาเธอแทบร้องไห้เมื่อใครคนนั้นพยักหน้าหงึกหงักให้เธอ




    “เอ้ยยย น้องแอปรอพี่นทด้วยซี่ อย่าวิ่ง”





    ใช่..เธอวิ่งหนี เพราะเกิดอาการน้อยใจที่เขาไม่ได้สนใจเธอเลยสักนิด





    “ม่ายยย”





    “น้องแอปก็น่ารักนะ”




    “แต่พี่นทชอบพี่แกรนด์ ไม่ได้ชอบเค้า”





    เธอตะโกนกลับหลังไปด้วยอาการน้อยใจ วิ่งไม่ลืมหูลืมตาจนสะดุดขาตัวเองล้ม เป็นแผลถลอกที่หัวเข่า จนใครคนนั้นต้องวิ่งมาดูและพาเธอไปทำแผลที่ห้องพยาบาล




    “จะ...เจ็บ”




    “ขอโทษ ขอโทษ”






    เธอเห็นอีกคนหน้าซีดทันทีที่เห็นน้ำตาเธอปริ่มออกมาเมื่อสำลีชุบน้ำยาล้างแผลแต่ลงที่บริเวณหัวเข่าที่มีการถลอก ปากเล็กๆนั่นพร่ำบอกคำขอโทษกับเธอราวกับมันเป็นเรื่องใหญ่





    “น้องแอปอ่า...อย่าโกรธซี่ พี่นทชอบพี่แกรนด์...แต่ก็รักน้องแอปมากกว่านะ”




    “จริงนะ”





    เธอลืมเรื่องที่เขาไม่ไปดูเธอขึ้นแสดงเสียสนิทเพียงเพราะใครคนนั้นบอกว่ารักเธอมากกว่า...นั่นแปลว่าเธอย่อมสำคัญกว่า






    แต่จนถึงตอนนี้เธอก็ยังไม่เข้าใจว่าทั้งที่เธอสำคัญกว่าแต่เขาก็ยังไม่เลือกเธอ...ฮืออ คนใจร้าย






    ตอนแปดขวบ...ความเสียใจครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิตของเธอก็มาถึง...เมื่อเธอตื่นเช้ามาแล้วพบกับมารดาและบิดาของตัวเองในเช้าวันนั้น เธอร้องไห้อยู่เกือบชั่วโมงจนหมดแรง และหลับไปในที่สุด




    “น้องแอป”




    เสียงแรกที่ทำให้เธอตื่นมายิ้มได้ในรอบวัน สายตาเธอกวาดไปรอบๆก็พบว่ามันไม่ใช่ห้องนอนที่เธอเคยนอน...เป็นบ้านหลังใหม่ที่เธอไม่ค่อยคุ้นมัน...มีก็แต่คนตรงหน้าที่เธอคุ้นเคย




    “พี่นทมาส่งน้องแอปกลับบ้านนะ”




    “เค้าไม่อยากกลับบ้าน”






    เธอพูดด้วยเสียงงัวเงียเพราะไม่อยากกลับบ้านจริงๆ...ที่บ้านไม่มีคนที่คอยให้เธอกอดแบบที่บ้านของใครคนนั้น





    “แต่ม่ะม๊ากับป่ะป๊าน้องแอปมารับแล้วนี่นา”





    “งั้นพี่นทก็มาอยู่กับเค้าซี่”






    เธอกลายเป็นเด็กไม่มีเหตุผล เด็กที่เอาแต่ใจ และเธอจำได้ว่าใครอีกคนต้องนอนอยู่บ้านเธอเป็นสัปดาห์ ก่อนจะให้สัญญาบางอย่างไว้จนเธอยอมรับการกลับบ้านครั้งนี้แต่โดยดี





    “พี่นทจะกลับบ้านแล้วนะ”




    “ไม่เอาอ้ะ”



    “พี่นทจะให้ป่ะป๊ามารับน้องแอปทุกวัน...มาส่งทุกวัน ให้น้องแอปไปนอนที่บ้านตอนเสาร์อาทิตย์ เอามั้ย”





    โปรโมชั่นพิเศษที่ไม่รีบตกลงก็คงไม่ได้อีกเลย...ใครคนนั้นมักเป็นแบบนี้เสมอ...เป็นคนที่ไหวพริบดีเยี่ยมตั้งแต่เด็ก จนบางทีเธอก็อยากร้องไห้เพราะไม่อาจทำอะไรได้นอกจากพยักหน้าตาม






    “ที่โรงเรียนก็เจอกันนี่นา...พี่นทก็ไม่ได้ไปไหนไกลสักหน่อยอ่ะ”





    “ก็เค้าคิดถึงนี่ พี่นทไม่คิดถึงเค้าเลยอ้ะ”





    “ใครบอกน้องแอปห๊าาา”





    ใครคนนั้นตะโกนใส่หน้าเธอด้วยท่าทางฉุนเฉียว ก่อนจะหันมาดึงเธอเข้าไปกอดแน่นๆอย่างอบอุ่นจนเธอหายใจไม่ออก





    “พี่นทก็ต้องคิดถึงน้องแอปซี่”




    ไม่รู้ทำไมถ้อยคำเหล่านั้นถึงทำให้เธอหยุดฟังได้ตั้งหลายนาที หัวใจพองโตคล้ายจะระเบิดออกมา อาจจะเป็นเพราะถูกกอดจนแน่น...เธอก็เลยรู้สึกแบบนั้น



    ตอนเก้าขวบย่างเข้าสิบขวบ...เธอขึ้นชั้นประถมปลาย



    เธอดีใจแทบแย่ที่ได้ใกล้อีกคนเข้ามาอีกชั้นหนึ่ง...อย่างน้อยๆก็ได้เรียนตึกเดียวกัน แต่เธอก็พบว่าตัวเองไม่ได้มีความสำคัญเกินกว่าที่ใครบางคนจะสนใจเธอเลยสักนิด






    “น้องแอปอย่ากวนซี่...พี่นทจะอ่านหนังสืออ่ะ”







    วันนั้นเป็นวันเสาร์อาทิตย์ เป็นวันที่เธอได้มานั่งเล่นอยู่ที่บ้านของใครบางคน และเธอก็ชอบที่จะมาที่นี่เพียงเพราะอยากให้เขาสนใจเธอบ้าง แต่แล้วก็มีเพียงความว่างเปล่า





    หนังสือกองโตเท่านั้น ที่เขาสนใจ...แถมมันยังเป็นภาษาที่เธอไม่ค่อยสนิทสนมกับมันเท่าไหร่นัก





    “พี่นททำอะไรอ้ะ”





    “พี่นทจะขึ้นมอหนึ่งแล้ว...ต้องสอบเข้าโรงเรียนใหม่”






    นั่นล่ะ..ประโยคนั้นเหมือนสายฟ้าฟาดลงมาที่กลางศีรษะเธอ สมองอื้ออึงเพราะเธอไม่ทันคิดว่าอีกไม่นานใครบางคนจะทิ้งเธอไปอีกครั้ง แล้วน้ำตาที่กลั้นเอาไว้เกือบปีก็ไหลลงมาอีกครั้ง





    “เอ้า...น้องแอปร้องไห้ทำไมอ้ะ”





    “ไม่ไปไม่ได้หรอ”






    คราวนี้เธอเปลี่ยนจากการบังคับเป็นการขอร้องแทน..แต่ไม่ว่าวิธีไหน ก็คงไม่เป็นผลเช่นเคย





    “พี่นทไม่อยากซ้ำชั้นอ้ะ”





    “แล้วทำไมต้องไปอ้ะ ฮือออ”





    “ก็ไม่อยากซ้ำชั้นอ่ะ”






    นี่คือการเถียงกันครั้งแรกของพวกเธอ...เถียงทั้งที่ไม่มีเหตุผลจะเหนี่ยวรั้งอีกคนไว้ได้ต่อไป เมื่อรู้ดังนั้นน้ำตาที่เริ่มมีมาตอนแรกก็พลันทะลักออกจาบ่อน้ำตาออกมาอีกหลายหยด รู้ตัวอีกทีเธอก็ถูกดึงเข้าไปกอดเสียแล้ว





    “อย่าร้องซี่น้องแอป...เดี๋ยวเราก็เจอกันอีกนะ”





    เธอไม่รู้ว่ามันคืออะไรกับคำนั้น ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่เราถึงจะได้เจอกัน...และทำไมน้ำตามันถึงไม่ยอมหยุดไหลอย่างทุกๆครั้งที่มีอีกคนคอยปลอบใจ





    “ไม่ต้องร้องไห้โยเยนะน้องแอป...น้องแอปโตแล้วนะรู้มั้ย?”





    “ฮือออ...เค้า..ไม่อยากโต”






    นั่นเป็นคำที่เธอทิ้งท้ายเอาไว้...และไม่รู้เลยว่าอีกคนจะจำมันได้บ้างไหม





    ตอนสิบเอ็ดขวบ...เธอกำลังจะขึ้นชั้นประถมหก และเธอก็พบว่า...ใครคนนั้นหนีเธอไปไกลแสนไกลได้ถึงหนึ่งปีเต็ม โดยไม่เคยติดต่อกลับมาหาเธออีกเลย





    ตอนนี้....เธออายุสิบสองขวบเต็ม...และกำลังจะจบชั้นประถมศึกษาปีที่หกอย่างสมบูรณ์แบบ





    และความจริง...ก็ทำให้เธอต้องก้มหน้ายอมรับแล้วว่า....เธอคือคนที่เอาแต่เฝ้ารอ...และเป็นฝ่ายถูกเขาทิ้งไว้อย่างจริงจัง





    ด้วยความสัตย์จริง...ข่าวคราวสุดท้ายที่เธอรับรู้จากมารดาของเธอนั่นคือ





    “ตอนนี้พี่นทเขาเรียนอยู่โรงเรียนนานาชาติ...แต่อีกไม่กี่ปีก็จะถูกย้ายไปอยู่กับคุณลุงแล้วนะน้องแอป...น้องแอปยังรอพี่นทอยู่รึเปล่า”





    เธอไม่ได้ตอบคำใดๆแก่มารดา...และเพราะเธอรู้ดีว่าคงไม่มีทางไหน...ที่จะทำให้เธอเลิกรอใครคนนั้น





    เค้า...ยังรอพี่นทอยู่นะคะ






    ราวกับเสียงนั้นถูกพลัดไปพร้อมกับสายลมวูบหนึ่งที่ผ่านหน้าเธอไป...เธอยังคงรอคอยใครคนนั้น




    เพื่อ..กลับมาเจอกันอีกครั้ง

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×