ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    legend of turpentine ~dragon\'s tale of turpentine~

    ลำดับตอนที่ #1 : prologue ~The divine dragon of mount creatious, VALHAL~

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 110
      0
      17 ม.ค. 47

                                                                      ตำนานแห่งเทอร์เพนไทน์



                                                        ภาค ~เรื่องเล่าของมังกร~



                                                   บทนำ มังกรเทพแห่งภูเขาครีเอเชียส




              วันนี้ ชาวบ้านในนอร์ธเลควิลเลจ คงจะไม่มีใครกล้าออกจากบ้านของตัวเองเป็นแน่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง

    ในวันที่ฟ้ามืดครึ้ม อากาศร้อนระอุอบอ้าวจนแทบจะระเบิด และบนยอดเขาครีเอเชียสมีเสียงเปรี๊ยะโดยรอบ

    ซึ่งเป็นที่รู้กันดีว่า ในรอบ20ปี มังกร จะถือกำเนิดขึ้นครั้งหนึ่ง วันนี้ก็เป็นหนึ่งในวันนั้น เพราะคนเหล่านี้ยึดถือเรื่อง

    เล่าเรื่องหนึ่งที่สืบทอดกันมาช้านานเรื่องนี้

              

              \"่ครั้งหนึ่ง ยามเมื่อผืนดินยังคงอุดมสมบูรณ์ พืชผลผลิดอกออกผลอย่างล้นหลาม ผลิตผลจากการที่

    ชาวบ้านได้ทำงานกันอย่างหามรุ่งหามคํ่าก็ทำให้สมัยนั้นมีชาวนาผู้มั่งคั่งอยู่มากมาย บ้านเมืองก็เจริญขึ้น แต่แล้ว

    ฮาเดส จ้าวแห่งมังกรดำและลูกสมุนก็ได้เข้ามากอบโกยผลิตผลและทรัพย์สินเงินทองเป็นอันมาก ส่งผลให้

    เหล่าชาวบ้านตามที่ต่างๆ ต้องส่งเรื่องกราบทูลเข้าเฝ้ากษัตริย์ฮาร์ลอนผู้เปี่ยมไปด้วยเมตตา เมื่อเรื่องถึงพระองค์

    แล้ว จึงทรงโปรดให้กองทหารช่วยกันล้อมปราบ แต่ก็ไม่ประสบผล



              เนื่องจากมังกรเป็นสัตว์ที่เต็มไปด้วยไหวพริบ ส่งผลให้ให้พวกมันหลบหนีจากการล้อมปราบไปได้ทุกครั้ง ร้อนไปถึงบาร์ด ปราชญ์แห่งวังหลวงที่ทรงภูมิปัญญาที่สุด ต้องรวมกำลังกับเหล่าลูกศิษย์ ช่วยกันใช้อุบายหลอกล่อไปถึงรังของฮาเดส แล้วทำพิธีกักขังฮาเดส ด้วยพิธี

    ศักดิ์สิทธิ์ที่ต้องใช้พลังทั้งหมดของบาร์ดแลกเปลี่ยน หลังจากทำพิธีอยู่3วัน3คืน จึงสามารถทำพิธีได้สำเร็จ



              จากนั้นมามังกรก็จะถูกควบคุมอย่างเข้มงวด เมื่อมันกำเนิดมาจะต้องสาบานตนกับศิลาของบาร์ดว่าจะ

    ไม่ออกนอกอาณาเขตที่ภูเขาครีเอเชียสอีกเป็นอันขาด มิฉะนั้นเผ่าพันธุ์ของมันจะต้องพบกับหายนะ จากนั้น

    เป็นต้นมาก็ไม่มีใครได้เห็นมังกรนอกภูเขาครีเอเชียสอีกเลย บ้านเมืองก็เริ่มกลับเข้าสู่ความสงบสุขอีกครั้ง แลัว

    บาร์ดก็หายตัวไปหลังจากเหตุการณ์นั้น มีคนคาดว่าเขาไปอยู่ที่แดนสนธยาที่คนธรรมดาไม่สามารถย่างกรายเข้า

    ไปได้ แต่อย่างไรก็ตาม ชื่อของเขาก็ถูกจารึกเพิ่มเติมไว้ในฐานะผู้กู้ชาติด้วย\"



                                                                   จากบันทึกในวังหลวง เรื่องผู้ปราบกลียุค โดยกาเลส ยานอส

              

              หลังจากที่เล่าเรื่องให้อาจารย์ฟังจบเด็กหนุ่มคนหนึ่งก็ปิดหนังสือลง แล้วอาจารย์ก็กล่าวชมเชยและกล่าวว่า



    \"ดีมาก แล้วเจ้ามีความเห็นกับเรื่องนี้อย่างไรล่ะ?\"



    \"ครับ จากที่ศิษย์ได้ไปรวบรวมข้อมูลมาก็พอจะสรุปมาได้ดังนี้ มีข่าวลือที่เหล่าชาวบ้านเล่าต่อๆกันมาว่า ฮาเดส

    ยังไม่ตาย มันยังรอคอยอย่างช้าๆที่จะทำให้อำนาจของศิลาศักสิทธิ์เสื่อมคลาย หรือไม่ก็รอผู้ที่จะไปปลดปล่อยมัน

    ศิษย์ก็อาจจะคิดว่ามันอาจจะต้องรอไปชั่วนิรันคร์ จนกระทั่งศิษย์ไปรวบรวมข้อมูลต่อและได้ฟังเรื่องมาอีกว่า หลัง

    จากเหตุการณ์นั้น ได้มีเหล่าอัศวินและนักล่าจำนวนมากรุกลํ้าไปถึงภูเขาครีเอเชียสเพื่อล่ามังกรและออกตามหา

    ทรัพย์สมบัติที่หายไป ซึ่งที่ไปกันแต่ละครั้งก็ไปกันร่วมร้อยคน



              แต่ทว่า ที่เหลือรอดกลับมานั้นมีน้อยคนยิ่งนักและแต่ละคนที่รอดมาได้ ไม่เสียสติก็เป็นเจ้าชายนิทรา

    หรือพวกเก็บตัวเงียบๆ เมื่อเข้าไปซักถามก็ทำท่าหวาดกลัวสุดขีด ราวกับว่าจะมีอะไรพรากชีวิตจากพวกเขาไป

    แล้วก็ลงไปนอนดิ้นทุรนทุราย แล้วก็ขาดใจตายโดยที่ไม่มีใครกล้าเข้าไปช่วย หลังจากตายแล้วที่กลางหลังของศพ

    ก็จะพบกับปานรูปมังกรดำที่กำบางสิ่งไว้ ซึ่งดูเหมือนศิลาของบาร์ดที่แตกร้าวกระจุยกระจาย หลังจากที่ได้พบ

    ศิษย์ก็เกิดความกลัวขึ้นมาเหมือนที่ชาวบ้านได้เล่าไว้ กลัวว่าฮาเดสจะกลับมาอีกครั้ง อาจารย์! ศิษย์ไม่รู้จะพูด

    อย่างไรดี แต่ว่าสังหรณ์อันแปลกประหลาดก็เตือนข้าให้มาบอกท่านโดย เร่งด่วน ท่านอาจารย์โปรดตามศิษย์

    มาพิสูจน์ให้รู้แน่ที่ภูเขาครีเอเชียสเถิด...\" เด็กหนุ่มกล่าวอย่างร้อนรน



    \"อย่าเพิ่งรีบร้อนเลย ซิรูเฟ ศิลาของบาร์ดน่ะถูกสร้างขึ้นด้วยแรงกายและใจทั้งหมดที่เขามี ก็เพื่อกักขังมังกรเหล่านั้น

    เพราะฉะนั้น ไม่ว่าอีกกี่ร้อยปี หรืออีกกี่พันปี มันก็จะยังคงทำหน้าที่ของมันไปอย่างไม่มีวันสิ้นสุด  ตอนนี้ศิลาของบาร์ด

    อาจจะเป็นสิ่งศักดิ์สิทธ์ที่ทรงพลานุภาพที่สุดแล้วก็ได้ จงเชื่อมันในพลังของบาร์ดเถอะศิษย์รัก\"



    \"แต่ท่านอาจารย์ สิ่งที่ศิษย์เห็นมาทั้งหมดนั้น ศิษย์ขอรับรองว่าเป็นจริงทั้งหมดครับ...\"



    \"ข้ารู้ดี...เรื่องสืบหาข่าวนี่เจ้ามีพรสวรรค์มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว แต่ดูเหมือนว่าเจ้าจะลืมคำที่ข้าพรํ่าสอนเจ้าไปหมด

    แล้วนะ ข้าไม่ได้บอกเจ้าหรือว่า ตราบใดที่ยังไม่มีหลักฐานและผลพิสูจน์ที่แน่ชัดแล้ว จะยังสรุปไม่ได้เป็นอันขาด

    และอย่าใช้อารมณ์เป็นเครื่องตัดสินการกระทำใดๆ การรอและรอบคอบกับทุกสิ่งเป็นคุณสมบัติที่สำคัญที่สุดของ

    เหล่านักปราชญ์อย่างเรา เพราะฉะนั้น จงพิสูจน์ จงรอบคอบ และเชื่อมั่นในความจริง วันนี้เจ้าก็คงรู้ว่าเป็นวันครบรอบ

    การกำเนิดของเหล่ามังกรในรอบยี่สิบปี ลองมองออกไปนอกหน้าต่างดูสิ\" พลางชี้ให้เด็กหนุ่มมองออกไปที่หน้าต่าง

    ทางตะวันออกซึ่งเป็นที่ตั้งของภูเขาครีเอเชียส ที่ซึ่งเมฆหมอกก่อตัวโดยรอบ แล้วกล่าวต่อว่า



    \"เจ้าก็รู้ว่านักปราชญ์เราสามารถทำนายปรากฏการณ์ต่างๆได้ เมื่ออากาศเป็นเช่นนี้แล้วไม่ช้าไม่เร็วเราก็จะรู้ว่าเกิด

    อะไรขึ้น เพราะมันเป็นหน้าที่ของเราที่จะต้องคาดการณ์เรื่องราวให้ถูกต้องและแม่นยำ เชื่อข้าสิ ซิรูเฟ...\"



    \"ขอรับ ข้าจะลองเชื่อท่านอาจารย์ดู\" เด็กชายน้อมรับอย่างว่าง่าย และรอดูสิ่งที่จะกำลังจะถือกำเนิดขึ้น...

              

              อีกสถานที่หนึ่ง ดูเหมือนว่ายังมีผู้ที่ต้องการจะไปที่เขาครีเอเชียสเช่นเดียวกัน ด้วยผ้าคลุมทั้งตัวและผ้าที่ปิดใบหน้าสีดำขลับที่ปกคลุมเขาอยู่นั้น ทำให้ชาวบ้านที่อยู่แถวนั้นไม่อาจระบุหน้าตาของเขาได้ แต่ก็พอจะดูออกได้อย่างเลาๆว่า เขามีรูปร่างที่สูงโปร่งและมีบุคลิกที่แปลกประหลาด ดูเหมือนพวกนักปราชญ์ไม่มีผิด ซํ้ายังมีความประสงค์ที่จะไปยังภูเขาครีเอเชียสอีก ทำให้ทุกคนในหมู่บ้านต่างพากันหวาดกลัวโดยไม่รู้สาเหตุ เมื่อเขามาถามทางที่จะไปยังที่นั่น ชาวบ้านก็รีบบอกไปทันทีอย่างกระวนกระวาย ทันทีที่เขากล่าวขอบคุณและเดินจากไปแล้ว เหล่าชาวบ้านก็รีบลงกลอนประตูบ้านอย่างแน่นหนา ต่างพากันภาวนาไม่ให้มีเรื่องเลวร้ายเกิดขึ้น...

              

              บนยอดเขาครีเอเชียส แม้ว่านี่จะเป็นเวลาเที่ยงวันแล้วก็ตาม แต่ท้องฟ้าก็ยังมืดมัวและส่งเสียงฟ้าร้องออกมาโดย

    ทั่ว ไม่ต้องพูดถึงอากาศที่ร้อนอบอ้าวราวกับอยู่ในเตาอบแต่กลับมีลมแรงเสียดปะทะอยู่ทุกเมื่อ ตรงสุดยอดนั้นมีไข่ใบหนึ่ง

    ถูกวางไว้อย่างประณีด ตามตัวไข่นั้นกลมเกลี้ยงแต่ถูกประดับลวดลายพร้อยสีนํ้าเงินงดงามราวภาพจิตรกรรมบนฝาผนังชั้น

    ยอด ไม่ว่าลมจะแรงเพียงใด สายฝนจะกระหนํ่าเสียดแทงอย่างรุนแรงเท่าใด ก็ไม่อาจจะทะลวงปราการพลังอันแข็งแกร่ง

    ที่ห่อหุ้มไข่ใบนี้ไว้ได้ สายลมเริ่มพัดแรงขึ้น เสียงของฟ้าร้อง ฟ้าแลบและฟ้าผ่าเริ่มโหมกระหนํ่าถี่ยิบขึ้น ราวกับจะประกาศ

    ศักดาอวดอานุภาพแห่งท้องฟ้าที่รุนแรงยิ่ง มันเริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ซํ้าไปซํ้ามา...

              

              ทันใดนั้น ทุกสิ่งก็เงียบลงอย่างฉับพลัน เงียบลงอย่างแปลกประหลาด ทำให้อากาศที่อบอ้าวอยู่แล้วยิ่งเพิ่มขึ้นถึง

    ขีดสุด อากาศเริ่มอัดตัวเกิดเสียงเปรี๊ยะๆดังลั่น ก่อนจะเกิดแสงสว่างวาบพุ่งลงมาจากท้องฟ้า ตามมาด้วยเสียงที่ดังเลื่อนลั่น

    สั่นสะเทือนไกลไปทั่วอาณาบริเวณเมืองและหมู่บ้านโดยรอบ ชาวบ้านชาวเมืองที่กำลังทำงานของตนอยู่ต่างก็ได้ยินและ

    ได้เห็นแสงสว่างตามมาด้วยเสียงครืนของท้องฟ้าเกิดขึ้นที่ภูเขา ส่งผลให้คนที่อยู่นอกบ้านเริ่มกลับเข้าบ้านไปจนหมด หรือ

    ไม่ก็พากันลงหลุมหลบภัย ด้วยกลัวว่าพายุขนาดใหญ่กำลังจะมาถึง แต่คาดว่ามีอยู่อย่างน้อยสองคนที่ไม่ได้คิดเช่นนั้น

              

              ศิษย์อาจารย์สองคนขึ้นไปที่ชั้นบนสุดของหอคอยสังเกตการณ์ โดยที่ซิรูเฟช่วยถือกล้องส่องทางไกลให้อาจารย์

    ของเขาดู เพราะที่มือของอาจารย์ของเขานั้น ถือสมุดพยากรณ์ที่บันทึกอักขระโบราณตัวเล็กๆดูเข้าใจยากไว้อย่างแน่นหนา

    มือของเขาพลิกไปมาอย่างรวดเร็ว ตั้งแต่การทำนายจากการก่อตัวของลมฟ้าอากาศ นำมาผนวกเข้ากับการครบรอบปีของ

    เหตุการณ์สำคัญต่าง การเรียงตัวของหมู่ดาวในขณะนี้ แล้วนำมารวมกับตำราเทพสังหรณ์ ทุกขั้นตอนที่เขาทำนั้นล้วนละเอียด

    ถี่ถ้วนรอบคอบ กันความคลาดเคลื่อนเพียงเล็กน้อยไม่ให้เกิดขึ้น ยิ่งเขาคำนวณนับนิ้วอย่างถี่รัวขึ้นเท่าไร เหงื่อของเขาก็ยิ่ง

    หลั่งไหลออกมามากขึ้นเท่านั้น พร้อมกับความวิตกที่เพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆจนไม่อาจปิดบังศิษย์ของเขาได้แล้ว



    \"เกิดอะไรขึ้นหรือกันแน่ครับท่านอาจารย์ ดูท่าทางสีหน้าของท่านไม่สู้ดีเลย\" ซิรูเฟถามอย่างวิตกกังวล



    \"ข้าเกรงว่า...บางที สังหรณ์ของเจ้าคราวนี้อาจจะถูกต้องแล้วก็ได้ แต่ก็ยังไม่ถูกเสียทั้งหมดนะ อาจารย์ลองพยายามทุกหนทางที่จะทำให้การพยากรณ์ครั้งนี้แม่นยำอย่างที่สุด และผลที่ออกมาเหมือนกันเกือบทั้งหมดเลยทีเดียว พอจะตีออกมาได้ว่า วันนี้เป็นวันถือกำเนิดของสองเทพที่สุดขั้วซึ่งกันและกัน หนึ่งถือเป็นเทพแห่งแสงสว่าง อีกหนึ่งถือเป็นเทพแห่งความมืด ซึ่งอาจารย์พอจะเห็นเค้าแล้วว่าต่อไปจะเกิดสงครามครั้งยิ่งใหญ่ขึ้น ความเดือดร้อนจะเกิดขึ้นทุกหัวระแหง การหํ้าหั่นที่สืบทอดกันมาอย่างช้านานกำลังจะปะทุขึ้นในไม่ช้านี้ ซิรูเฟ เจ้าเตรียมตัวพร้อมหรือยัง ดูท่าเราจะต้องรีบออกเดินทางให้เร็วที่สุดแล้ว\"



    \"เรากำลังจะไปไหนกันหรือขอรับ ท่านอาจารย์ ศิษย์พร้อมเสมออยู่แล้ว\"

    เด็กหนุ่มไม่เคยเห็นอาจารย์กระวนกระวายเช่นนี้มาก่อน ซึ่งปกติเขาจะรอและรอเป็นนิจ จนกระทั่งวันนี้เขาพร้อมจะเดินทางทันที มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่



    \"ถามได้ ก็ภูเขาครีเอเชียสที่เจ้าต้องการจะไปยังไงล่ะ เราจะต้องรีบไปยับยั้งการกำเนิดให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้! ไปเร็ว\"

    ว่าแล้วก็รีบวิ่งออกมาจนซิรูเฟตามแทบไม่ทัน เด็กหนุ่มก็รีบตามไปด้วยความงุนงงอย่างที่สุด...

            

              ชั่วขณะที่ประกายแสงผ่านฟ้าลงมาพุ่งลงมาที่กลางไข่อย่างพอดิบพอดี ปราการพลังที่ปกป้องไข่ก็พยายามจะดันแสงสว่างนั้นออกไป ซึ่งก็ไม่เป็นผล แสงสว่างที่อัดแน่นไปด้วยความร้อนเริ่มเจะเข้ามาอย่างช้าๆ ในที่สุดก็ถึงตัวไข่ จนกระทั่งเปลือกไข่เริ่มปริแตกออกทีละน้อย เริ่มเผยให้เห็นรูเล็กๆที่มีแสงสว่างจ้าส่องออกมาจากภายใน เจ้าสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในนั้นก็เริ่มตะเกียกตะกายออกมาอย่างทุลักทุเล แล้วเปลือกไข่ก็ถูกกะเทาะออกมาเรื่อยๆ...



               เมื่อรูนั้นเริ่มใหญ่ขึ้นเรื่อยๆจนมันสามารถออกมาได้แล้ว ก็มีแสงสว่างที่เจิดจ้ายิ่งกว่าแสงใดๆเปล่งประกายออกมาจากรูไข่ แสงนั้นส่องสวนทะลุกลับขึ้นฟ้าไป ทลายหมู่เมฆที่รวมตัวกันอยู่ให้ทะลุกระจายออกไป และไล่ประกายตามขอบฟ้าไปเรื่อยๆ จนท้องฟ้าที่มืดมัวดินเหมือนฝันร้ายเมื่อครู่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ทุกสิ่งรอบตัวพลันสดใสขึ้นมา แว่วเสียงใบไม้ส่ายไหว หมู่มวลนกร้องขับขานไปทั่ว ทุกสิ่งกลับเข้าสู่ครรลองปกติของมันอีกครั้ง ซึ่งอาจจะดูมีชีวิตชีวาอีกกว่าเดิมด้วยซึ้า และทุกอย่างก็ยิ่งสดใสขึ้นไปอีกเมื่อได้ยินเสียงร้องของสัตว์ตัวนั้น



             รูปกายของมันเป็นสีขาวสง่างาม ที่คอมีแผงตั้งชูชัน ผิวนุ่มเนียนดั่งหยกบริสุทธิ์ ปีกที่ประดับอยู้ที่กลางหลังถูกพับ

    เก็บไว้อย่างสวยงาม กรงเล็บและจะงอยปากที่ดูนุ่มนวลแต่แหลมคม ใบหน้าและหูที่ประดับไว้บ่งบอกว่ามันมีสติปัญญา

    ที่เฉลียวฉลาดกว่าผู้อื่น อาจจะรวมถึงมนุษย์บางคนด้วย นี่เป็นนิยามที่กล่าวไว้ถึงสิ่งที่เรียกว่ามังกร แต่เป็นนิยามเพียงผิวเผิน

    ที่บ่งบอกถึงรูปกายภายนอกของมังกรตัวนี้เท่านั้น



          \"ซึ่งนิยามที่สมบูรณ์พร้อมสำหรับมันคงจะหาได้ยาก หรือไม่ก็อาจจะไม่มีเลย เพราะมันเป็นสัตว์ในตำนานที่ทั้งลึกลับ

    ฉลาดลํ้าและมีอิสระในตัวมันเอง และเป็นสัตว์ดึกดำบรรพ์ที่มันเห็นปฐมบทแห่งสงคราม มีความรอบรู้ทุกสิ่งที่มีมาแต่โบราณ

    จึงมีอยู่หลายครั้งที่มีผู้รอบรู้ไปเยี่ยมเยียนเพื่อถกความรู้กับมังกร มันจึงเป็นสัตว์ที่น่าเกรงขามที่สุดเท่าที่เคยมีมาชนิดหนึ่ง\"

                                          จากตำราสัตว์ในเทพนิยาย ~มังกร~ โดยบาร์เนส เออร์มิ่งแฮม,ดยุคแห่งเวอร์มิลเลียน




             เสียงของมังกรตัวนี้แตกต่างจากมังกรตัวอื่นทั่วไปที่เคยมี เสียงของมันนุ่มนวลราวกับเสียงของเทพที่เสริมสร้างทุกสิ่ง

    ให้ดูสดใสมีชีวิตชีวา เสียงอันก้องกังวาลกระจ่างแจ้งนี้ได้เรียกสิ่งมีชีวิตอีกสองตัวที่มีขนาดเต็มวัย หรืออีกนัยหนึ่งก็คือพ่อแม่

    ของมันออกมา พ่อและแม่มังกรกล่าวทักและต้อนรับเจ้ามังกรน้อยนั้นอย่างอบอุ่นและแบกมันขึ้นอย่างนุ่มนวลแผ่วเบา ไปสู่

    รังของมันในส่วนลึกของภูเขาครีเอเชียส...



          แต่เหล่ามังกรหารู้ไม่ว่าทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ในสายตาของคนผู้หนึ่ง ซึ่งก็คือชายลึกลับในผ้าคลุมนั้นเอง หลังจาก

    ที่พวกมันกลับเข้ารังแล้ว เขาก็เดินตามเข้าไปในนั้นอย่างเงียบเชียบและไร้ร่องรอย ไปเพื่อถาม \"มังกร\" คำถามหนึ่งที่ค้างคา

    ใจเขาอยู่ตลอดเวลาว่า เขาเป็นใคร?...




    (to the next chapter!)
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×